641122 รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 17
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1VVlNoT2cMmJYrM2H6KPh-gK_G9KMLu6-vD-ilczCVd8/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Uujcb31sHb_HxufoRIy9u7rGjtpzTQ3L/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/2042249482617388
และ https://youtu.be/wZH0_vb6Fck
สู่แดนธรรม…วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2564 แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ที่บวรราชธานีอโศก
พ่อครูว่า…คำถามแรกท่านเด่นตะวัน ท่านดูแลเด็กมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนเดี๋ยวนี้ร่างกายก็ย่ำแย่แล้ว อายุ 69 ปี ชีวิตมาก็เป็นครู จนกระทั่งมาบวชก็รับหน้าที่ครู ก็ทำมาตลอดดีมากเลย ทำหน้าที่ครูนี้ได้อย่างดี ก็เก็บเรื่องนี้มานิดหน่อยว่า ขอให้อบรมรุ่นพี่ให้หน่อย จากบันทึกของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง นี่เป็นความรู้สึกของเด็กคนหนึ่ง เราต้องพยายามทำความเข้าใจนะว่าเป็นความรู้สึกของเด็กคนหนึ่ง แล้วก็ยังมีความรู้สึกของเด็กอีกหลายคน
รู้มากยากนาน ระวังเป็นปทปรมะ
_หลวงพ่อเด่นตะวัน ขอให้อบรมรุ่นพี่หน่อยครับ..จากบันทึกของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง
กราบนมัสการครับหลวงพ่อ …ลูกรู้สึกว่าช่วงนี้โรงเรียนมันยังไงไม่รู้ครับจะว่ากำลังจะล้มก็ว่าได้ 55+ ลูกไม่ได้แช่งนะครับ แต่ลูกแค่รู้สึกว่ามันกำลังจะเป็น ก็กลัวอยู่นะครับ ในเมื่อถ้ารุ่นพี่ยังเป็นอยู่ แล้วบอกน้องๆ น้องก็จะไม่นับถือและก็มีข้อโต้แย้ง นี่คือสิ่งที่ลูกเห็นแล้วอยากจะทำอะไรสักอย่าง ก็จะมีคำว่า เฮ้ย!..เด็กดีว่ะ โอ้โห เป็นแบบนี้แหละครับ น่าสงสารคนที่อยากจะทำอะไรที่มันดีๆบ้างจังเลยครับ
ก็แน่นอนครับว่าคนเราต้องมีข้อบกพร่อง แต่ก็เห็นใจรุ่นพี่อยู่นะครับ ต้องมาเอาภาระ รุ่นน้องก็เหมือนกัน แม้แต่ลูก ถ้าถามว่าอยากให้โรงเรียนดีขึ้นไหม ? ทุกคนส่วนใหญ่ก็ต้องตอบว่าอยากให้ดีขึ้นทั้งนั้นแหละครับ แต่ทำไมก็ไม่รู้ กลับมีแต่คนไม่ช่วยกัน แต่ก่อนลูกว่ามันยังดีกว่านี้เลยครับ ลูกเซ็งมากเลยครับ ใจหนึ่งลูกอยากจะทำผิดกฎระเบียบเล็กน้อย แต่ตามจริงก็ทำอยู่บ้างครับ แต่มันก็ยังรู้สึกว่าเราจะมาเรียนที่นี่เพื่ออะไรกัน มาแล้วมาทำให้โรงเรียนเสื่อม เป็นแผ่นดินหลวงปู่ซะด้วย ลูกเบื่อจังเลยครับ ไม่อยากจะเป็นคนดีนะครับ แต่ก็ไม่อยากจะเป็นคนชั่วเลยครับหลวงพ่อ ใจงฃลูกก็มาระบายให้ฟังเฉยๆนี้ล่ะครับ กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า…ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ในคำพูด คำระบาย คำเขียนออกมาทั้งหมด มันส่อให้เห็นว่า รู้ดีรู้ชั่วอยู่แล้วทั้ง 2 อย่าง รู้อะไรดีอะไรชั่ว แล้วก็อยากจะให้มันดี อัตตามานะตัวอยากจะให้มันดีนี้แหละมันกำลังร้องออกมา มันร้องออกมาว่า มันมีอะไรอย่างนี้ มันไม่ดีดั่งใจเลย ถ้าดีดั่งใจก็คือให้มันดีหมด แต่ก็พอจะรู้เหมือนกันว่าทุกอย่างมันจะดีร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ก็พูดออกมา ตอนนี้กำลังรู้มากยากนาน สรุป
ก็ตรวจสอบตัวเอง แสดงว่าก็ตรวจสอบตัวเองไปในตัว โดยเอาสิ่งแวดล้อมต่างๆมาเป็นเหตุปัจจัยในการสื่อออก มาให้รู้ คนเราจะมีความรู้มันจะมี 2 อย่าง
-
สิ่งที่ถูกรู้คือสิ่งแวดล้อมที่อยู่ข้างนอกและข้างใน 2. คือตัวเราเป็นผู้รู้ ตัวเราเป็นประธานเป็นธาตุรู้ จะฉลาดจะโง่ จะรู้ลึกซึ้งหรือรู้ตื้นๆอะไรก็แล้วแต่ หรือหลงผิดเอาผิดมาเป็นถูกเอาถูกมาเป็นผิดอะไรอีกก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่ธาตุรู้ของเรานี้เป็นตัวตัดสิน
เอาน่าาา..ทนไป หลวงปู่บอกให้ได้อย่างเดียวเท่านั้นว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่นะ ที่นี่เป็นแดนที่ดีที่สุด ที่นำความรู้ของพระพุทธเจ้ามากระจายเผยแพร่สัจธรรมของพระพุทธเจ้าไป ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้นหลวงปู่เป็นผู้รับเอามา ในยุคนี้ก็ประกาศอย่าง อหังการ์แล้ว ว่า หลวงปู่เป็นไก่ตัวพี่ หลวงปู่นี่แหละเป็นผู้รู้ดีรู้มากที่สุดในยุคนี้ อวดตัวอวดตนจนคนที่เขาถือว่าอย่างนี้เป็นการพูดอวดตัวอวดตน แต่หลวงปู่ก็บอกความจริงไปว่า หลวงปู่ไม่มีการอวดตัวตน อวดตัวอวดตนเป็นกิเลส ภาษาบาลีเรียกว่า สะโฐ หรือสาเฐยยะ อยากอวดโอ้อวดเป็นกิเลส หลวงปู่ไม่มีกิเลสตัวนี้
แต่คนอ่านตามอาการ ของหลวงปู่ อาการของหลวงปู่คือเป็นคนที่แสดงความจริงออกมาได้เปรี้ยงๆ มันจริงและมันแรง มันเด็ดมันเดี่ยว มันแรง มันแข็ง มันเด็ด มันเดี่ยว มันเป็นหนึ่งด้วย เปรี้ยงๆๆๆๆ
ที่นี้ในความเป็นจริงของความรู้ทั่วไปของคน ทุกวันนี้ในยุคนี้ มันไม่มีสัจจะที่เป็นหนึ่ง มันไม่มีความจริงอันนี้ ไม่มีสัจจะที่เป็นหนึ่ง เหมือนอย่างกับหนูคนนี้เขียนมา มันยังสรุปไม่ลง
เหมือนกับอย่างผู้รู้ในเถรสมาคมที่เรียนกันมามาก แต่สรุปไม่ลงหรอก แม้แต่จะสรุปลงเป็นหนึ่งสัก 1 ก็ยังไม่ได้ นี่ทุกวันนี้ สรุปไม่ได้
ก็เลยเป็นอยู่อย่างนั้นแหละ อธิบายแล้วก็วนไป จนกระทั่งได้อธิบายประเด็นที่ถามมาหรือเปล่า เอาไปเอามา คือรู้มากแต่ไม่มีที่จบ สรุปไม่ลง ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นผู้ ปทปรมะ รู้มาก รู้พุทธพจน์ก็มาก ท่องจำได้มาก สอนคนอยู่ก็มาก แต่ตัวเองไม่ได้บรรลุธรรมเลย เป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่เป็นสัจจะที่ยากที่เจ้าตัวเขาจะรู้ตัว เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวได้ง่ายๆ ก็ว่าไป
ที่เห็นอยู่ชัดๆ คนอื่นเห็นนะแต่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เช่น เขาจะอยู่ในภาวะที่มี ลาภรองรับ มี ยศรองรับ มีสรรเสริญรองรับ มีสุข รองรับ ที่เป็นโลกียสุขรองรับ แล้วเขาเสพเสวยเขาไม่รู้ตัวเองว่าเขาเสพ แต่เขาไปเรียนมาว่า อย่าไปเสพ เขาก็ได้แต่คิดเอาว่าเขาไม่ได้เสพ เขาก็อยู่อย่างนี้เขาไม่ได้ไปดิ้นรน ก็มันมีมาเอง มันได้มันมีตามที่เขาทำมันก็มีสิ เขาก็ทำเขาก็ปฏิบัติเขาก็เรียนรู้เขาก็ได้รับฐานะมา เลื่อนยศเลื่อนชั้นมา ลาภก็ได้มา ยศก็ได้มา สรรเสริญก็ได้มา สุขเป็นตัวจบ แต่เขาก็ไม่รู้หรอก สุข ที่จริงมันไม่ต้องเสพไม่ต้องมี อันนี้ลึกซึ้งเขาไม่รู้ได้ง่ายๆเขายังไม่รู้ ขอยืนยันว่าเขายังไม่รู้หรอกความสุข ศาสนาพุทธไม่มีทุกข์ไม่มีสุข แต่มีพยัญชนะว่า อทุกขมสุข เขาก็เรียน สภาวะสูงสุดไม่มีทุกข์ไม่มีสุข แต่ในโลกมันก็มีทุกข์มีสุข
มันมีคนที่มีก็มีอยู่ คนไม่มีท่านไม่มีแล้ว ท่านไม่มีแล้วนี่แหละท่านไม่เสพ ท่านไม่เสวยแล้ว ท่านไม่มีไม่เป็น แต่ท่านก็เห็นอยู่ อยู่ด้วยกันนี่แหละ เห็นอยู่มีอยู่ คนที่มีเขาก็มีอยู่ทั้งนั้นเต็มไปหมด แต่ตัวท่านเองท่านหลุดพ้นแล้ว ท่านไม่เป็นไม่มีเหมือนอย่างเขาเป็นเขามีกัน
ท่านไม่เป็นไม่มีอย่างที่เขาเป็นกัน นี่แหละคือหลุดพ้นที่เขามีเขาเป็นกัน
พยัญชนะ 2 คำจะมีคำว่ามีและคำว่าไม่มี แล้วท่านผู้นี้ เป็นผู้หลุดพ้นทั้งความมีและความไม่มี ไม่เอาทั้งสองอย่าง จะบอกว่าไม่เข้าไปใกล้ แต่ที่จริงก็ใกล้ๆ อยู่นี่แหละ สัมผัสกันอยู่ด้วยซ้ำ กระแทกกระเทือนกันอยู่ด้วยซ้ำ แต่ท่านไม่เอา ท่านไม่มี สัมผัสอย่างไร ท่านก็ไม่มี แต่ท่านรู้สภาพนี้กับสภาพนี้ 2 อย่าง มันจบอยู่ที่ 2 ฟังดูเหมือนสับปรับกลับกลอก
มายา สิทธัตถะ และ สิริมหามายา
พ่อครูว่า… สับปลับกลับกลอกคือมายา ผู้ที่รู้จริงรู้จังแล้วอยู่กับมายานี้ได้ แล้วก็อยู่กับเขาได้อย่างดีเลยเรียกว่า สิริมหามายา
ขอขยายพยัญชนะ 3 ตัว
-
มายา 2. สิริมหามายา 3. สิทธัตถะ