650727 อมตะแบบโลกีย์คือโง่แบบเหยียบคันเร่ง พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1TBCm6B3jnSj4J0lT-cWfkpuVTmbO6uSkOJemOUauQrU/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://terabox.com/s/1q12wb1cDzCL2RRnv_hnRLA และดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/wSBa6ZeS0jo และ https://fb.watch/ewXdGxoaKu/ สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้มีคำที่เป็นอมตะในสังคมคือ คุณทักษิณบอกว่าตายแล้วไม่ต้องเผา มีนักเขียน คุณวิมล ไทรนิ่มนวล ได้เขียนบอกว่า ถ้าอยากเป็นอมตะก็ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ก่อน อมตบุคคลเป็นเช่นไร พ่อครู…ก็ขยายความคำว่าอมตะ คำว่าอมตะ อยู่ในมูลสูตร 10 ข้อที่ 9 ส่วนข้อที่ 10 ปรินิพพานเป็นปริโยสาน จะตีความเอาง่ายๆอย่างทักษิณนี้เก่งจริงๆ ตีความเอาเองเลย ก็ไม่มีปัญหาอะไรคนที่จะมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกต้อง ตัวเองมีความรู้ ความจริงอะไรก็เป็นไปตามจริง แต่ที่จริงคนอื่นที่เขาเป็นคนเหมือนกัน เขาก็ได้พิสูจน์ความจริงเหมือนกันว่า มันไม่ใช่เป็นเช่นนั้นนะ อย่างเราก็พิสูจน์ตามพระพุทธเจ้ามาจนกระทั่ง ก็สูงขึ้นมาได้เห็นความจริงขึ้นมาเรื่อยๆ ไอ้ที่มันยังไม่รู้สูงกว่าที่เราจะรู้ เราก็ไม่รู้ เราก็รู้ได้เท่าที่เราจะมีภูมิปัญญารู้ได้ เป็น อจินไตย เป็นวิสัยของสัจธรรมความเป็นจริง หรือว่า ผู้คนที่มีสัจธรรมนั้น เขามี เราไม่มี เราจะไปรู้ของเขาได้ง่ายๆอย่างไร แต่ก็เรียนรู้ตามได้ อ่านจากคนนั้น อ่านจากคำสอนของคนคนนั้นก็ถ่ายทอดได้ทางคำสอน จนกระทั่งมาเป็นเองได้ในตัวเองเป็นเองเป็นปัจจัตตังขึ้นไปตามลำดับ มันก็จะเจริญ ทีนี้คำว่า อมตะ ในมูลสูตร มูล แปลว่า รากเหง้า หยั่งลงไปถึงรากเหง้า 10 ราก รากสุดท้าย ไม่ใช่ไม่ตายไม่เกิด แต่ตายจริงๆเลย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เพราะฉะนั้นอมตะแปลว่าไม่ตายไม่เกิดไม่ได้ ไม่ตายไม่เกิดก็ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นหรือ มันจะอย่างไร แสดงว่าคุณทำให้ตายหรือให้เกิดไม่ได้จริงด้วย บอกว่าไม่ตายไม่เกิด ก็แสดงว่าเป็นคนโง่ไม่รู้จักความเกิดไม่รู้จักความตาย แม้แต่ความตายความเกิดก็ไม่เหมือนกัน ตายมันก็สูญไป เกิดมันก็ยังอยู่ คุณจะยังอยู่คุณก็เป็นอมตะ เห็นไหม อัตตาตัวตนมันใหญ่ขนาดไหน อัตตาตัวตนของทักษิณใหญ่ขนาดไหน อมตะของเขาคือไม่สูญหายไปเลยนิรันดร เป็นไปทางเทวนิยม เป็นไปในทางผู้ที่ยังไม่พ้นอวิชชา ยังไม่มีโลกุตรธรรมด้วย ยังไม่มี อัญญธาตุ สรุปแล้ว อมตะบุคคลคือ บุคคลผู้รู้ความเกิดความตายได้ดีจริงๆ แล้วทำความเกิดความตายได้สมบูรณ์แบบ จะเกิดอีกก็ได้ จะตายแล้วจะไม่ตายต่อก็ได้ ตายแล้วสุดท้ายเลยนิรันดรแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย แล้วจะกลับมาเกิดอีกไม่ได้แล้วนะ เพราะฉะนั้นก็มีมหายานโตงเตง ก็ไปมีพุทธเกษตรตายแล้วก็ยังไม่เลิก เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปสร้างพุทธเกษตรให้พระพุทธเจ้าอยู่ในแดนนั้น พระพุทธเจ้าเต็มไปหมดอยู่ในนั้น ตั้งชื่อไปมากมายไม่รู้ว่าชื่ออะไรต่ออะไร ก็เอามาพูดกันในมหายานก็เลยไม่รู้จักจบสักที วนเวียนอยู่อย่างนั้น วนเวียนไม่รู้จักจบ ศาสนาพระพุทธเจ้านั้นมีจบ และรู้ว่าจะยังไม่จบ ก็มีอำนาจเหนือสัจธรรมนี้ ว่าเราจะยังไม่จบก็มีอำนาจเหนือ ก็ทำได้ แม้ผู้ที่ตั้งปณิธานไว้อย่างเช่นพระอวโลกิเตศวร ตั้งปณิธานไว้ว่า จะช่วยผู้คนทั้งโลก ให้เป็นอรหันต์ทั้งหมด แล้วตัวเองจะเป็นคนสุดท้าย อรหันต์ที่ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปแล้วทุกคนหมดโลก แล้วตัวเองจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสานองค์สุดท้าย ซึ่งเป็นปณิธานที่มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ก็เป็นปณิธาน ไม่ใช่ว่าพระอวโลกิเตศวรท่านไม่รู้เรื่องปรินิพพาน แต่ท่านจะปรินิพพานต่อเมื่อช่วยคนหมด มันเป็นปณิธานเพื่อช่วยมนุษยชาติที่สูงสุดต้องช่วยคนให้หมดโลก แล้วท่านถึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันจะไหวหรือ แต่ท่านก็ตั้งปณิธานไว้สูง สมมุติว่าคนในโลกนี้ ท่านช่วยคนได้หมดโลกจริงๆท่านจะอยู่คนเดียวได้ไหมท่านก็อยู่ไม่ได้เพราะหว้าเหว่ตาย จะสอนใครจะช่วยใครจะอยู่คนเดียวหรือจะอยู่กับสิงสาราสัตว์ จะกลับไปเป็นทาร์ซานหรือ เป็นคนเถื่อน มิลักขะ ก็วนเวียน ไม่จริง เพราะพระอรหันต์เจ้าโพธิสัตว์เจ้า จะไม่มีความโง่แบบนั้นจะไปวนเวียนไปหาต่ำอีกมีแต่วนเวียนไปหาสูง สรุปว่าอมตะบุคคลนั้นคือผู้ที่รู้จักการเกิดการตาย แล้วทำการเกิดการตายให้ตัวเองได้เมื่อต้องการ ตายชาตินี้ แล้วจะเกิดอีกชาติหน้าก็ได้ และจะตายสูงสุดเลย ไม่เกิดอีก ไม่มีเราอีกเลย นั่นละสูญอมตะ มีก็อมตะสูญก็อมตะ แต่จริงๆแล้วศาสนาพุทธนี้ มีแล้วไม่มีอมตะไม่มีนิรันดรอย่างที่ทักษิณเขาตั้งใจว่าจะเป็นมนุษย์อมตะ ตายแล้วก็จะเอาศพมาไว้อย่าเผานะ นั่นแหละมันจะอยู่ไปอีกล้านปี แล้วมียาดองที่จะอยู่ล้านปี เหมือนมัมมี่ จะอยู่ได้ไหมล่ะ สั่งยาหรือยัง ทักษิณเอ๋ย พูดไป มันแสดงถึงความเป็นอัตตาที่ใหญ่ที่สุดเลย หลงตัวขนาดที่ เอาเรื่องที่เป็นไปไม่ได้มาพูด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ตามฤทธิ์แรงของความบ้าของตนเอง เอาแรงเข้าฮึดเข้าสู้ เหมือนปล้นมา โอ้โห ขี้โกงขนาดหนักทุจริตขนาดหนัก อาตมานี่ เป็นลูกเป็นหลานทักษิณไม่รู้จะอยู่ในโลกนี้เอาหน้าไปไว้ยังไง พูดไปประเดี๋ยวก็ไปว่าเขาอีกไปว่าลูกหลานเขา ไม่ต้องต่อ เข้ามาหาเรื่องของเรา อาตมาก็ต้องทน พยายามทำงานให้มากที่สุด เยอะที่สุด รู้จักสัจจะที่พูดผ่านไปเรานี้ได้ _*ซึ้งซื่อ วิเชียร* : กราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับ คิดถึงคุณลุงจำลอง ศรีเมืองครับ เนื่องจากคุณลุงจำลองได้เป็นแบบอย่างที่ดีของผม ผมได้ทำตามท่านในหลายเรื่องครับ เช่นตอนแรกก็ทานเจเขี่ยและอาบน้ำครั้งละ ๔ ขันปฏิบัติศีล ๘ทานอาหาร ๑ มื้อใช้จ่ายอย่างรู้จักประมาณตนครับ กราบนมัสการพ่อท่านครับ และกราบขอบพระคุณลุง จำลองศรีเมืองครับขอให้พ่อท่านมีสุขภาพแข็ง แรงและอยู่กับพวกเราและลูกหลานไปนานๆครับ พ่อครูมาฟื้นคืนโลกุตระได้ผลจนเป็น Axiom _*Aeamaua Lee (เอื้อมเอื้อ ลี)* : เห็นพ่อครูเทศน์เดินเหิรมีพลังเช่นนี้อยู่ได้สบายเกิน 100 แน่ๆ พ่อครูว่า… อาตมาก็พยายามทำ 8 อ. อิทธิบาท อารมณ์ เป็นนามธรรม ส่วนที่เหลือมีรูปธรรม อย่างออกกำลังกาย อาตมาแต่ก่อนไม่เคยคิดวิ่ง เคยวิ่งเหมือนกัน วิ่งทน ซ้อมเพื่อจะวิ่งแข่ง ฝึกวิ่ง ก็พากเพียร พยายามทำตามเขา เอาไปเอามาก็ไม่ได้เรื่อง มันได้ไม่เท่าไหร่ก็ล้มละลายก็เลิกไม่ทำต่อ จะเอาอย่างคนโลกๆเขาที่เขาว่าดูดี แต่เสร็จแล้วมันก็เป็นเรื่องที่จริง เรามีคุณธรรมรู้ดีแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่า แต่มันก็จะต้องค่อยๆฟื้น ความเจริญของปฏิภาณปัญญาเจริญเข้าสู่อารยธรรม เจริญเข้าสู่อาริยะขึ้นเรื่อยๆ จนเลยโลกียะไป จนมาอยู่ในโลกุตระ แล้วก็ข่มโลกียะจนคนหาว่าไปข่มเขาทำไม อ้าวก็ขนาดข่มก็ยังสู้เลย เราจึงต้อง ข่มให้เขาสงบไป ตอนนี้โลกียะก็สงบไปเยอะ ทำงานมา 50 ปี อายุก็ 88 ปีจะไปถึงร้อยแล้ว ทำไมอาตมาจึงทน ทนทำ และทนทาน อุตสาหะวิริยะมาเรื่อย นำพาพวกเรา นำพาคน พวกเราด้วยคนอื่นด้วย นำพาโดยการ นำความรู้ความฉลาดความกล้า ความเห็น ความเข้าใจและความเชื่อมั่นว่า เป็นความจริง ที่ Axiom ขอดัดจริตใช้ภาษาอังกฤษเล็กน้อย ตามความรู้ภาษาอังกฤษไส้เดือนกิ้งกือ ยังไม่ถึงขั้นงูๆปลาๆเลย ความจริง Axiom แน่ๆแท้ๆนี้ ทำมาได้นานถึง 50 ปีทั้งที่คนส่วนใหญ่ของสังคมประเทศของโลก คนส่วนใหญ่ของสังคมไทยทั้งประเทศของโลก เทียบได้กับโลกเลย เขาไม่นิยม ไม่ยอมรับ รับไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ด้วย แม้จะมี แม้จะรู้ด้วยก็มีน้อยเต็มที ส่วนที่ไม่รู้เลยมีเยอะ แต่อาตมากลับรู้สึกได้ในตนเองว่า อาตมานี่ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก สำหรับชาตินี้ เกิดมาชาตินี้พอใจมาก ที่ได้นำเอาโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าที่เรียกได้ว่า สูญพันธุ์ไปแล้ว ในยุค 2,500 กว่าปีมานี้ โลกุตรธรรมสูญพันธุ์ไปจากคนแล้ว โดยเฉพาะชาวพุทธที่ถือว่า แม้ทั้งโลกเขาก็ยกให้หมดว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธ เขายอมรับ ทั้งๆที่เขาก็ยังไม่รู้จุดสำคัญจริงๆ แต่เขาก็พอมีปฏิภาณไหวพริบรู้เลยว่ามันเป็นพุทธ เขาถือซะว่าความแปลกแตกต่างจากสิ่งที่เขาเป็น แต่เขาก็มีปฏิภาณไหวพริบรู้แต่ว่ามันดีนะ ก็พอเข้าใจคนที่มีการพัฒนาตัวเองจะเข้าใจ เช่น บอกว่า มาเป็นคนจน ไม่ต้องเอาหรอกคนร่ำรวย เอาคนจนยกมาข่มคนรวยเลย ในโลกทุนนิยมเขาต้องเอารวย แต่เขาก็พอมีปฏิภาณคนพวกนี้ เริ่มแล้ว มี อัญญธาตุ มาบ้าง แต่แตกต่างจากที่เขายึดถือมาเป็นล้านๆชาติแล้ว เป็นเทวนิยม100%มา ค่อยๆรู้ว่า อ๋อ.. ตอนนี้มันเหนือชั้นกว่ารวยจริงๆ นี่คือความเห็นง่ายๆ ที่เขาบอกว่าจนจะไปดีกว่ารวยได้อย่างไร อย่างนี้เป็นต้น เป็นประเด็นที่เข้าใจง่ายกว่าประเด็นอื่น ไม่สวยไม่งามมันจะไปดูดีกว่าสวยงามมันจะเป็นไปได้อย่างไร อะไรอย่างนี้ คนเขาก็จะว่าเป็นอย่างไร คนมันก็ต้องสวยต้องงามตลอดชีวิตเลยสิ เป็นสาวพันปี สวยตลอดสองพันปี เขาว่ากัน พูดไป สองพันปี ไม่เหี่ยวให้มันรู้ไป แต่อาตมานี่ 88 นี่ก็ยังดี แต่ช้าลงไม่ปึ๊งๆเหมือนแต่ก่อน อาตมาพอใจมากในชาตินี้ที่ได้นำโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว สูญพันธุ์ไปจากโลกปัจจุบันนี้ไปแล้ว เอากลับคืนมาได้ จริงนะ โลกุตรธรรมก่อนที่อาตมาจะมาเกิดนี้มันได้สูญไปแล้ว แม้ในประเทศไทยที่เขายกย่องกันว่าเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธในยุคนี้ อาตมาพูดจริงๆนะ ที่พูดนี้ เป็นการพูดสัจธรรม ไม่ได้พูดยกตัวอย่างตนหรือหลงมีกิเลส พูดเอาความจริง ไม่มีแม้แต่เศษเล็กๆน้อยๆที่หลงตัวว่าสูงหลงตัวว่าใหญ่ เบ่งข่มผู้อื่น ไม่มี เป็นคำพูดที่จริงที่สุด แล้วที่พูดก็ชัดเจน ยืนยันอีกว่า โลกุตรธรรมได้สูญไปจากโลกนี้จริงๆ ก็อ้างอิงคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ใน อาณิสูตร 16 ข้อ 672 ล.16 [672] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี … พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่าทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟังจักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ คนได้หลงเพ้อหลงใหล อยู่กับศาสนาพุทธที่มันได้ เก๊แล้ว ปลอมแล้ว ไม่จริงแล้ว แต่ก็ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของจริงของแท้อยู่ อาตมาเกิดมาในยุคนี้ก็มาเป็นชาวพุทธ ก็มาเห็นว่า ชาวพุทธนี้ใช้ของเก๊กัน ของปลอมของไม่จริง ของที่ตรงกันข้ามกับของจริงด้วย มันก็ต้องช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ เพราะว่า โดยเฉพาะเป็นลูกพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เป็นพี่ๆน้องๆ มันก็น่าสงสาร ที่ไปติดยึด หลงงมงาย หลงผิด เกาะแน่นยึดติดเหนียว เหนียวสุดๆ ติดยึด อาตมาดูแล้วชาวพุทธทั้งหลาย แม้จะยกท่านเป็นปราชญ์ทางศาสนาพุทธในกระแสหลักที่มีมาก่อนอาตมาเกิด อาตมาก็เห็นว่าน่าสงสาร เหมือนน้องน้อย เด็กน้อยที่ไม่เดียงสา หลงผิดไปคว้าเอาระเบิดปรมาณู ระเบิดนิวเคลียร์ เอามาแกะเล่นด้วย นี่แกะถูกปุ่มมันเมื่อไหร่ ตาย อาตมาจึงจำเป็นมาก ที่เห็นน้องๆต่างๆ อาตมาก็ยืนยันว่า อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ นอกนั้นก็เป็นไก่ตัวน้อง จำเป็นต้องรีบแย่งของรักของหวงที่ไม่น่าไปยึดไปรักเลย อาตมาเปรียบเทียบเป็นระเบิดนิวเคลียร์ ระเบิดปรมาณู แล้วไปหลงเล่นอยู่ได้ แกะไปแกะมาเดี๋ยวกดถูกปุ่ม ก็ต้องแย่ง แย่งอย่างแรง แล้วก็ต้องทำอย่างรีบร้อนด้วยนะ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นว่าอาตมาใช้คำทั้งความแรง ทั้งดุเดือด ก็ดุเดือดระดับที่อาตมาเป็นไม่ใช่ดุเดือดเท่ากับการตีฆ่าแกงกัน แล้วก็ต้องพยายามที่จะช่วยจริงๆจังๆ ทำงานมานี้ เป็นเรื่องจริงที่อาตมาพูดแล้ว มันน่าหมั่นไส้อาตมามาก อาตมาพูดความจริง อาตมาพูดความไม่จริงไม่เป็น พูดออกมาเป็นความไม่จริงมันพูดไม่ออก มันไม่มี อาตมาอาตมาพูดคำแรง มันจริงทั้งนั้น นอกจากบางครั้งบางคราว คำผวนคำเล่นสนุกกับคนข้างๆก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อแสดงความจริงแล้ว มันก็จะมีเรื่องสนุกเบาสมองมาเป็นตัวอย่างให้เล่นๆอยู่บ้าง แต่น้อย ก็เน้นเนื้อด้วย พลังจริงจัง พลังแรง ให้เห็นๆ ก็เข้าใจกันได้ สำเนียง สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล เพราะฉะนั้นอาตมาจึงเป็นคนทนทาน นอกจากจะทนทานแล้ว อาตมาเชื่อมั่นว่าอาตมาทนต่อการพิสูจน์ เพราะธรรมะสัจธรรมของ พระพุทธเจ้า จะทนต่อการพิสูจน์ เชิญให้มาพิสูจน์กันได้ทุกเมื่อ เอหิปัสสิโก ทุกเมื่อพิสูจน์ได้เลย เพราะฉะนั้นอาตมาเกิดมาเป็นคน ได้ความรู้ต่างๆมาพูดมาสาธยายยืนยันมา เขียนมาก่อนที่จะบวช อาตมาทำงานมา 50 กว่าปีก็ยังไม่ถึง 60 ปี อาตมาบวชตอนอายุ 36 ปี ถ้า 64 ปีก็ 100 นี่ ยังไม่ถึง 64 ปียัง 52 ปียังเหลืออีก 12 ปี จะเป็น 100 แล้วก็พยายามประคองร่างขันให้คู่กับจิตใจ จิตใจมันเป็นอมตะ จิตใจมันไม่ยอมตายหรอก แต่ถ้ากายแตกตาย มันก็ต้องตายกายมันไม่ไหว ใจไม่ยอมก็ต้องมาเกิดอีกตามปฏิธาน ชาตินี้ปางนี้ เป็นโพธิรักษ์จะเริ่มต้นทำงานศาสนาก็เมื่ออายุ 36 ปี ยังเละเทะที่อยู่ในทางโลกมา 36 ปี ถ้าหากอาตมาไม่มาทางธรรมะอาตมาอยู่ทางโลก ป่านนี้อาตมาก็จะเป็นเจ้าของ เป็นเจ้าสัวไปตามบารมีแน่นอน เพราะบารมีของอาตมา แม้แต่อาตมามาทางธรรมะก็ยังเป็นหนึ่ง ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคใกล้กลียุค เป็นยุคที่เสื่อมมากๆแล้ว อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็ยิ่งชัด ยิ่งจริง แล้วนี่ก็เริ่มเข้าโพธิสัตว์ระดับ 8 แล้ว มีอภิภุย ขึ้นมาเรื่อยๆ _*Uamphon Aoi Bringsoe (เอื้อมพร อ๋อย บริงโซว)* : ท่านเดินดินกล่าวเกริ่นนำได้งดงามมากค่ะ การตรวจโควิดเมื่อสงสัย หรือมีอาการ เป็นการรับผิดชอบต่อสังคม พ่อครูว่า… ดี คนเราค่อยๆศึกษาสัจธรรมที่ควรและเห็นจริงไปตามลำดับ แม้จะเป็นเรื่องของโลกีย์ก็ไม่มีปัญหา สภาพความรุนแรงการฆ่ากับความเมตตาเป็นธรรมะ 2 _Theerawit Khuanseree : กราบนมัสการพ่อท่านอย่างสูงครับ ผมฟัง+อ่านแนวสมาธิพุทธตามที่พ่อท่านอธิบายพอเข้าใจที่จะแยกว่าสมาธิพุทธนั้นต่างจากสมาธิของพวกฤาษีอย่างไร, /ติดตามฟังธรรมเทศนาแนวปฏิบัติที่สมเด็จพระญาณสังวรฯที่ทรงแจกแจงอธิบาย, ฟังหลวงพ่อเจ้าคุณโชดกเทศนาธรรม บังเกิดความเข้าใจมากขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งที่ฟัง/เคยฟังหลวงตามหาบัวสอนธรรมะ ฟังแล้วไม่มีความรู้ซึ้งถึงธรรมเทศนาที่ท่านสอนเลยสักนิด แปลกใจตัวเองเหมือนกันครับ พ่อครูว่า… ก็จะไปแปลกอะไร เพราะเขายึดมั่นถือมั่นกันอีกอย่างหนึ่ง สุดท้ายแล้วโลกมันมี 2 สภาพที่ต้องแตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่พลังงาน ถ้าพลังงานอะไรอยู่ดีๆไม่เกิดปฏิกิริยาอะไรมีแต่จะเสื่อมสูญไป เมื่อเริ่มมี 2 ก็จะเกิดแตกต่างกัน และเมื่อกระทบกันไปกระทบกันมากระแทกกระทุ้ง กระทืบกัน มันก็จะแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งออกกันแหลกเหลวเลย คนเขากำลังจะคิดระเบิดถ้าคิดถึงขนาดที่ว่า ระเบิดไปแล้วคุณกลายเป็นผงคลีเป็นศูนย์ไปเลย เขาต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น ระเบิดตูมเผาให้คุณเป็นผงคลีไปได้เลย ถึงขนาดนั้นเขาคิดกันที่จะให้เป็นและเขาก็ทำไปได้เรื่อยๆ เขายังคิดไม่ได้เขาก็คิดฆ่าคน เขาคิดจะฆ่าคนนะ ไม่ได้คิดจะฆ่าช้างฆ่าม้าหรอก การฆ่าช้างฆ่าม้านั้นไม่ต้องคิดกันถึงขนาดนี้หรอก ช้างม้ามันสู้อาวุธถึงขนาดนี้ไม่ได้หรอก ฆ่าไม่ได้หมดหรอกสัตว์เดรัจฉาน แต่คนนี้แหละต่างคนต่างไม่เหมือนกันต่างคนต่างแข่งกันมองแล้วน่าสังเวชน่าสงสาร คนในยุคนี้ เริ่มจะสร้างความบาปความโหดร้ายกันไปทำไม แทนที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันเมตตากันที่เขาเดือดร้อนลำบากลำบน ก็ช่วยกันสิ นี่แหละจะเห็นได้ชัดเจนบ้าแนวคิดที่ควรจะอยู่กันอย่างเป็นพี่เป็นน้อง สัตว์ทั้งหลายต่างเป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แทนที่จะมาหาอย่างนี้ มีความเมตตาต่อกันทั้งมนุษย์และสัตว์ ถ้าหากอวิชชามันยิ่งโง่เพราะไม่ได้ศึกษาธรรมะ ยิ่งโหดร้ายรุนแรงอำมหิต ไม่มีธรรมะเลยคนที่รุนแรง คนที่เลิกรุนแรงแล้วเบาลงๆมีแต่จะมาช่วยเหลือกัน รุนแรงเพื่อซัดคนอื่นให้เป็นผงตายหมดโลกเลยคุณจะใหญ่คนเดียวในโลกเลยมันจะได้ที่ไหน แล้วจะอยู่กับใครอีกล่ะ เพราะฉะนั้นจึงบอกว่า ความสุดโต่งของความคิด มันสุดโต่งไปหาที่สุดไม่ได้ มันเป็นโลกจินตา นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะฟ้าไท… ตอนนี้เขาจะจัดระเบียบโลกใหม่ แต่ก่อนสหรัฐฯเขาใช้ความรวยเป็นความยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดใหม่จะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว ดูท่าทางจะมาเชื่อมกับที่พ่อครูสอนได้ หากว่าอยู่ไปเป็นร้อยปีก็น่าจะได้เยอะกว่านี้นะครับ เราก็ต้องอยู่ด้วย สู่แดนธรรม… เขาเขียนมาชมพ่อครูครับ พ่อครูว่า… SMS วันที่ 25-26 ก.ค. 2565 พระสวดมนต์จนคนข้างวัดย้ายหนีเพราะพระมีอวิชชา _*คอยใคร* : กราบเคารพพ่อครูครับ ผมได้ฟังข่าวเรื่องสาวร้องวัดสวดเสียงดังทำให้ทำงานไม่ได้ ร้องเรียนไปก็ไม่เป็นผล ยังโดนคนในโซเชียลด่าเสียๆหายๆว่าแค่นี้ทนไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมย้ายออกจากคอนโดไปอยู่ที่อื่น เพราะทนกระแสตีกลับไม่ไหว กราบถามพ่อครูครับ การสวดให้คนตายจำเป็นมากไหมครับ แล้วถ้าวัดทำความรำคาญให้ชาวบ้าน แต่กลับไม่ปรับปรุงที่วัดเองจนชาวบ้านต้องหนีไปเองแบบนี่ถูกต้องไหมครับ ขอพ่อครูให้ความรู้กับกระผมด้วยครับ กราบขอบพระคุณพ่อครูครับ พ่อครูว่า…ต้องพูดความจริง อาตมาก็เห็นข่าวในโทรทัศน์ข่าวพวกนี้ ปัญหาก็คือพระยังมีอวิชชา พระยังไม่มีความฉลาดพอ ยังไม่มีปัญญาพอ ที่จะรู้ว่าการสวดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจะมาสวดดังๆ สวดให้ชาวบ้านเขาได้อะไรต่ออะไร จนเกิดความรำคาญทำงานไม่ได้ มันผิดแล้ว พระพุทธเจ้าสอนไว้ยังมีระเบียบเรียบร้อยว่าการสวดสังคีติ ให้สวดเฉพาะหมู่พระผู้บวชด้วยกัน อุปสัมบันด้วยกัน แล้วบอกละเอียดอย่าสวดให้เสียงยาวลาก ฑีฆสระ รัสสระ ก็ออกให้ตรงสั้นยาว แล้วยังออกพระวินัย ข้อ 20 อย่าสวดลากเสียงยาว อย่าใส่ทำนอง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจกัน จะมาสวด นาาามัววววตัสสสสะ อย่างนี้ไม่ได้ นะ ก็สั้น โมก็ยาว ตัส ก็สั้น สะก็สั้น อย่างนี้เป็นต้น ก็ตามคำกล่าวพยัญชนะ ข้อ 21 เราอนุญาตสรภัญญะ คำว่า สรภัญญะ หมายความว่า พยัญชนะคำกล่าว อนุญาตให้ทำตรงตามคำกล่าว แต่ไปแปลว่าใส่ทำนองอีก มีทำนองแล้วยังใส่ลูกคออีก ออกมาฝึกมาเป็นนักร้องหลายๆคน จากหัดสวดพวกนี้หลงเลอะเทอะ สรุปแล้วการสวดมีการสวดสังคีติกับการสวดสังคายนา สังคายนาคือการสวดคนเดียว แล้ว ทุกคนนั่งฟังเพื่อการตรวจสอบ เป็นการรักษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ด้วยการมาท่องเป็นหมู่ก่อนเรียกว่าสังคีติ ตรวจให้ตรงกันหมดนะ เพราะแต่ก่อนมีแต่การจำๆๆ ก็สวดเพื่อให้ได้จำตรงกันหมด 15 วันก็มาสวดรวมกันทีนึง การสังคายนาก็คือสวดคนเดียวและทุกคนก็นั่งฟัง ถ้ามันผิดจากที่เราจำได้ก็ ท้วง พอท้วงแล้ว ผู้ที่นั่งอยู่ด้วยกันก็จะตัดสิน ตกลงคนท้วงถูกหรือคนสวดถูก ก็เอาส่วนใหญ่ว่าอย่างไรถูก ก็ต้องเอาตามส่วนใหญ่ เยภุยยสิกา ก็สามารถรักษาธรรมะไว้ได้ ก็ใช้ความจำของคนเป็นเครื่องรักษาบันทึกไว้ แต่ก่อนยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ตัวหนังสือก็ยังไม่แพร่หลาย วัตถุที่จะมาทำเป็นหนังสือก็ยังไม่ค่อยดี สลักใส่หินมันจะได้ไม่กี่ตัวเขาก็ไม่นิยมกันเลย แต่เดี๋ยวนี้มีเยอะแยะ สรุปแล้วการสวดมี 2 อย่างใหญ่ๆ สังคีติคือสวดเป็นหมู่ เพื่อรักษาเหมือนท่องสูตรคูณกันก่อนจะออกจากห้องเรียนตอนเลิกเรียนก็ต้องฝึกท่องสูตรคูณ ท่องบทอาขยาน เพื่อบันทึกเพื่อจำไว้เป็นการสวดสังคีติ ไม่ใช่ไปสวดเพื่อหากิน หาเงิน ไอ้นั่นบาปหมด ท่านก็มีพระวินัยไว้อีกว่าอย่าเอาธรรมบทอย่าเอาคำสอนพระพุทธเจ้าไปสวดให้ อนุปสัมบัน หรือฆราวาส ได้ยินได้ฟังตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ให้สาธยายเพียงคนเดียวแล้ว ให้สาธยายด้วยภาษาธรรมชาติ ไม่ใช่ไปสวด วินัยมีหมด แต่อ่านวินัยไม่แตกฉาน แล้วก็เอาความเห็นของตัวที่ชอบใส่เข้าไป ทำให้ธรรมะของพระพุทธเจ้าเพี้ยนไปหมดเลย สรุปแล้วการสวดมีอยู่ 2 ประการใหญ่ๆ สวดสังคีติกับสวดสังคายนา สังคีติคือสวดไว้รักษาในหมู่เหมือนกับท่องสูตรคูณท่องอาขยาน สวดให้หมู่ฟังเท่านั้นนะ ไม่ใช่ไปสวดให้คนนอกหมู่ฟังให้ได้ยิน ไม่ใช่ อย่างนั้นผิดพระวินัยด้วย อาบัติด้วย แต่ท่านไม่ได้ปรับอาบัติแรงอะไร เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ส่วนการสังคายนานั้นสวดคนเดียวกับหมู่ เพื่อรักษา ถ้าผิดก็ท้วงไว้ จนกระทั่งถูกต้องแล้วจำไว้ ว่าอย่างที่ถูกเป็นอย่างนี้นะทบทวนให้เสมอ 15 วันทีๆๆ ไม่ใช่ไปสวดเพื่อหากิน มันเป็นบาป ไปสวดให้ฆราวาสหรือ อนุปสัมบัน ที่เขาจะไปสวดพร้อมกันเป็นล้านคน ก็เป็นสิ่งที่บ้าๆคิดกัน อย่างสายธรรมกายที่เขาทำ เป็นเรื่องที่ไม่มีปัญญาในศาสนาเลย แล้วหาเรื่องปรุงแต่ง ไปยุบพระพุทธเจ้าให้ผิดไปเรื่อยๆ บาปกินหัวไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักขอบเขตของสิ่งที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า มันน่าสงสารจริงๆคนพวกนี้ พระอรหันต์เมื่อตายไปจะไปอยู่ที่ไหน _*วิมล เจวรัมย์* : พ่อครูคะ พอถึงอรหันต์แล้วพ่อครูบอกว่า จะมาเกิดก็ได้ไม่มาเกิดก็ได้ ตอนไม่มาเกิดแล้วอรหันต์องค์นั้นจะอยู่ที่ไหนคะ พ่อครูว่า…เอาเถอะน่า คุณปฏิบัติให้เป็นอรหันต์ก็แล้วกัน แล้วคุณจะรู้ว่าคุณจะเกิดหรือไปอยู่ที่ไหน ผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วตาย ถ้าหากตายลงด้วย สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อปณิหิตนิพพาน ตายด้วย 3 บัญญัตินี้ อันแรก 0 ต่อมาไม่ต้องตั้งนิมิต อันที่ 3 ไม่ต้องตั้งใจที่จะเกิดอีก มันก็สูญครบ ไม่ตั้งนิมิตไม่ตั้งจิตใจ มันก็เลิกตั้งทุกอย่างทั้งรูปและนามมันก็สูญเป็นปรินิพพานเป็นปริโยสานไป นั่นคือรหันต์ กายสเภทาปรัมมาณา หลังจากกายแตกตายก็เป็นดินน้ำไฟลมไปเลย ไม่มีจิตวิญญาณอรหันต์ของผู้นั้นอีก นี่คือตายปรินิพพานเป็นปริโยสาน เมื่อจบอรหันต์จริงๆเลยก็คือ ผู้สามารถทำตายเป็นปรินิพพานได้ ผ่านวิมุติ ในมูลสูตรข้อที่ 8 แล้วมาเป็นคนอมตะ เป็นคนที่มีวิมุติหลุดพ้นแล้ว จากการติดในโลกทั้งหมดอัตตาทั้งละลายอัตตาได้ ก็เป็นพระอรหันต์ จบวิมุติแล้วคนยังไม่ยอมตายเขาเป็นต่อบุคคล จะเกิดในไทยอีกก็ได้ แล้วยังมาถามวนอีกว่าอรหันต์ตายไปแล้วอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่จิตตัวเองนั่นแหละ จิตตัวเองมีวิบาก รายละเอียดของกรรมวิบากเป็น อจินไตย อธิบายได้ยาก ถ้าคนไม่มีภูมิรู้ตั้งแต่ตอนเป็นๆตายไปก็นึกไม่ได้ ถึงแม้คุณจะระลึกได้ ตายลง คุณก็ระลึกได้แต่อดีต หรือไม่ก็ฟุ้งซ่านอยู่ในตัวเอง อนาคต ซึ่งมันยังไม่มีจริงหรอกคุณก็ฟุ้งซ่านไปได้เพราะจิตของคุณไปคบคิดอยู่ จิตคุณยังไม่ดับ ยังไม่สลาย คุณก็ต้องมีการขบคิด อนาคตจึงเป็นไปได้ถึง 44 ที่พระพุทธเจ้ารวมไว้เป็นทิฏฐิ 62 จิตในอดีต ก็มีได้แค่ 18 อนาคตอีก 44 คนจะช่างคิดแค่ไหนพระพุทธเจ้าก็รวมไว้ว่ามีเท่านั้น คุณจะบอกว่าตอนปัจจุบันนี้ก็มีอยู่ ก็ตอนตายไปแล้ว มันไม่อยู่ในภพร่วมกับมนุษยชาติเขาคุณก็เพ้อไปคนเดียว เพราะฉะนั้นคุณคิดของคุณคนเดียว ถ้ามันเป็นตัวทุกข์ คุณก็จมอยู่ในนรก ความคิดของคุณคนเดียวนะ ถ้าคุณเป็นสวรรค์ก็ระเริงอยู่กับสวรรค์ แต่ทุกข์มันเป็นตัวหลัก ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไปคุณจะแข่งไปสู้กับกรรมวิบากที่เป็นสัจธรรมหรือวิสัย ของจิตวิญญาณ ของกรรมวิบาก กรรมคือการกระทำในปัจจุบัน วิบากก็เป็นผลต่อจากกรรมในปัจจุบัน คุณทำปั๊บ มีผลปุ๊บ ถ้าคุณดับเหตุ คุณรู้แล้วว่าเหตุที่มันไม่ดีไม่ควรทำ คุณก็จะอยู่ได้อย่างเป็นผู้ปลอดภัยไม่ทำเหตุชั่วเลย ไม่ทำเหตุผิดเลย คุณก็ทำแต่เหตุที่ดี คุณก็เหลือแต่ดี คุณก็ไม่มีนรกนี่คืออรหันต์ อรหันต์ไม่มีนรกแล้ว เป็นต้น ก็รู้แต่เหตุดี เหตุชั่วแม้เล็กน้อยไม่ทำ ถ้าคุณยังไม่ถึงอรหันต์ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ยังไม่ได้ คุณก็รู้ดีขึ้นเรื่อยๆจนกว่าจะเป็นอรหันต์ ถึงเป็นพระอรหันต์แล้วคุณได้วิมุตแล้วจะไม่ตายก็ต่อภพภูมิไปอีก สูงสุดได้เป็นพระพุทธเจ้า อย่างอาตมานี้ทำมาจริง อาตมาพูดความจริงมาตลอด เพราะอาตมารู้ว่าความจริงที่ทั้งพูดทั้งทำทั้งคิด กรรมเป็นอันทำทั้งนั้น ถ้ามันไปทำสิ่งที่ผิดสิ่งที่ไม่ดีมันก็เป็นอันทำและเป็นของเรา อาตมารู้แล้วคุณไม่รู้หรืออย่างไร รู้ได้เหมือนกันแต่คุณอดไม่ได้เท่านั้น อาตมาอดได้อาตมาไม่ทำ ไม่พูด มันผิด กรรมเป็นอันทำแล้วอาตมาจะสะสมไปอีกทำไม แล้วอาตมาก็ไม่มีปัญหาด้วยถ้าหากอาตมาไม่ทำไม่พูด อาตมาก็ไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน การจะทำจะพูดอาตมาก็ได้อะไรแลกเปลี่ยน โลกเขาก็แลกเปลี่ยนเป็นวัตถุย้อนกลับ แต่หากอาตมาแลกเปลี่ยนกับคนอื่นที่เขาฟังแล้วเขาได้แล้วเขาก็ยอมรับ ผู้ที่มีกตัญญูกตเวทีก็ระลึกบุญคุณอาตมาก็เท่านั้นเอง อาตมาก็ไม่ได้อยากได้อะไรมาก มันเป็นคุณธรรมของคุณ คุณระลึกถึงคุณมีกตัญญูกตเวทีมันเป็นธรรมะดีคุณก็มีแต่ดีสิ อาตมานั้นพอตัวแล้ว เลี้ยงตนเองได้ไม่ต้องพึ่ง คุณไม่ต้องเอาอะไรมาให้ก็ได้ เพราะอาตมาพอตัวแล้ว ช่วยตัวเองรอดแล้ว แม้แต่ทุกวันนี้อาตมาไม่ได้สร้างวัตถุ ใครจะบอกว่าไม่ต้องให้วัตถุเลยอาตมาก็ไม่มีกิน ถ้าหากมีกินอาตมาก็ต้องไปทำเองปลูกเองสร้างเองอีก อาตมาว่าก็ไม่มีปัญหา ถ้าคนแอนตี้อาตมาหมดเลยไม่มีใครส่งให้กินเลยอาตมาก็ไปทำถ้าจะอยู่ ถ้าจะไม่ทำจะไม่อยู่แล้วก็ไม่เป็นไร อาตมาไม่มีปัญหาเรื่องตายเรื่องเป็น ตายก็ตาย คนในยุคนี้สอนไม่ได้แล้วก็ปล่อยให้ตาย สอนไปก็ไม่มีใครเอา ต่อให้เราต้องตายจริงๆก็ต้องตายเพราะมันสมควรแล้ว เพราะเราไม่มีใครยอมรับไม่ได้เรื่องอะไรแล้ว จะไม่ยอมรับเพราะว่าเราทำผิดแล้วคนเขาบอยคอร์ดเลย เขาก็ตัดเราทิ้งเลย เหลือเราคนเดียว หรือเราถูก แต่คนฟังไม่รู้เรื่องเลย แล้วคุณจะไปอยู่กับใครไปพูดกับใครเพราะพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง แต่สิ่งที่จะต้องพูดก็พูดสิ่งที่ดีที่สุด โลกุตระคือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่งั้นก็เป็นโลกีย์ที่ดีก็ต้องเท่านั้น แล้วอาตมาก็คิดว่าไม่ไหวหรอกโลกียะสอนอย่างไรอย่างไรมันก็วนเวียน อาตมาก็เลิกสอนโลกียะแล้วสอนแต่โลกุตระก็พอ แล้วมันเป็นสุดยอดของคนมนุษย์ต้องได้โลกุตระ เมื่อได้โลกุตระแล้วคุณจะอยู่หรือคุณไม่อยู่ อะไรก็ได้ แล้วคุณก็รู้ดีรู้ชั่วทุกอย่าง อย่าว่าแต่ดีชั่วที่เป็นโลกียะเลย โลกุตระโลกียะคุณก็รู้แล้ว คุณก็ไม่เอาแล้วโลกียะมันมีดีมีชั่วเท่านั้น คนสอนความดีความชั่วมีตั้งเยอะมากมายในโลกียะเป็นศาสดาก็สอนแค่ดีกับชั่วเท่านั้น เขาไม่ได้สอนเรื่องโลกุตระ ไม่ได้สอนเรื่องสุขเรื่องทุกข์ โลกุตระนี่คือเรื่องสุขเรื่องทุกข์เป็นอริยสัจ ของพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ตกลงคุณวิมลนี้ว่า ตายไปแล้วจะไปอยู่ไหน เขาสมมติว่าเป็นอรหันต์จะเกิดมาเป็นโพธิสัตว์อีกยังไม่สลายจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลม เขาก็สมมุติว่าไปอยู่ที่ดุสิต ดุสิตคืออะไร ดุสิตคือที่สงบ อยู่สงบสงบธรรมดาเท่านั้น แล้วให้ถึงเวลาวาระ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ตั้งจิตที่จะเกิดอีก ก็ไปอยู่ที่ดุสิตทั้งนั้น อยู่ที่สมมุติ จะอยู่ที่ไหนอย่างไรอย่าคิดเลยมันเป็น อจินไตย จะคิดได้อย่างไรคุณยังไม่ถึง เป็นแดนสงบของท่านอยู่ตรงนั้น ไม่เกี่ยวกับสถานที่ ไม่เกี่ยวกับภพชาติ ความรู้สึกก็คือสงบ ความรู้สึกอะไร สงบว่างๆ ไม่มีไปไม่มีมา ไม่มีบวกไม่มีลบนิ่งๆ ดุสิตใครดุสิตมันและไม่เกี่ยวกับใครด้วย คนก็เดากันว่าไปคุยกันในสวรรค์ดุสิตด้วยโขมงโฉงเฉง ก็เดากันไป _*Supamas Liaenasan (ศุภมาศ เลี่ยนนาสาร)* : วันหนึ่งถ้าหมดวิบาก ลูกจะต้องได้ไปอยู่ราชธานีอโศกค่ะ พ่อครูว่า…ยินดีต้อนรับมาเลย ลักษณะการขัดเกลาที่ดีกับการขัดเกลาที่เลว _*แก้วตะวัน พวงบุบผา* : กราบนมัสการท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ..รูสึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดที่มาพบกับอโศก ได้ฟังสัทธรรมจากสัตบุรุษ มีสัมมาทิฏฐิ ถือศีลห้า ละอบายมุข กินมังสวิรัติ..ไม่เคยซื้อหวยเลยตั้งแต่มอบตัวเป็นชาวอโศก ตั้งใจเป็นคนจนมหัศจรรย์ จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจให้ได้ไปตลอดค่ะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท… มาฟังธรรมอยู่บ้านมันไม่สดเท่ามาฟังธรรมต่อหน้าที่วัด พ่อครูว่า… ของสดมันมีชีวชีวิต มีปฏิกิริยาร่วมกัน ที่เกิดทิฏฐิสามัญญตา ก็จะรู้ร่วมกัน ถ้าธาตุมันไม่ดี เป็นธาตุไม่ดี มันก็จะขัดเกลากัน ผู้ที่อยู่ในภูมิดีแล้ว ที่ต่างกันมันจะขัดเกลากัน สัลเลขะ แต่ถ้าเผื่อว่า วรรณะที่เลว มันจะทะเลาะกัน วิวาทะ แต่ถ้าวรรณะที่ดีแล้ว จะขัดเกลาสัลเลขะ ให้แก่กันและกัน แต่ถ้า สัลเลขะที่ขัดแรงเกิน ขัดจนไหม้เลย ขัดจนเลือดออกเลยมันก็ไม่ได้ _*Uamphon Aoi Bringsoe (เอื้อมพร อ๋อย บริงโซว์)* : ได้ฟังธรรมจากพ่อครูนับว่ามีบารมีระดับหนึ่ง ฟังแล้วเข้าใจ ก็แสดงว่าบารมีสูงขึ้นอีกหน่อย เข้าใจแล้วปฏิบัติตาม จนเกิดผลจะถึงขั้นบารมีสูงสุด กราบขอบพระคุณพ่อครูอย่างสูงสุดค่ะ ธรรมะที่ได้รับจากพ่อครูมีประโยชน์กับชีวิต และจิตวิญญาณมากกว่าสิ่งใดๆ ที่เคยได้รับ พ่อครูว่า…ผู้ใดพบศาสนาพุทธก็มีบารมีระดับหนึ่ง ในประชากร 7 พันล้านของโลก มีเท่าไหร่ที่ได้มาพบศาสนาพุทธ เชื่อว่ากว่า 6พันล้านนะในยุคนี้ อีกสักพันล้าน ศาสนาพุทธ อาตมาว่ายังมีไม่ถึงนะ ใน 7 พันล้านมีกว่า 6 พันล้านที่เป็นเทวนิยม อยู่ที่เป็นชาวพุทธไม่ถึงพันล้านหรอก โดยเฉพาะที่เป็นโลกุตรธรรม จำนวนแสนก็ไม่อยากพูด ที่เป็นโลกุตตรธรรม มันกระริบกระร่อยจริงๆทุกวันนี้ แต่ก็ต้องรักษาไว้ อย่างน้อยอาตมารับหน้าที่จะมาต่อเชื้อ ยังไงยังไงก็ต่อยอดไปให้ถึง 5,000 ปีให้ได้ รับผิดชอบอันนี้ แล้วอาตมาต้องทำ นี่ก็ต้องพูดความจริงและอาตมาก็ทำด้วยความจริงด้วย ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที พูดอย่างไงทำได้อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าพูดพล่อยๆ คุณอ๋อยบอกว่า มีบารมีระดับหนึ่ง ฟังแล้วก็เข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดีแล้วก็รู้ตัว ที่มีความรู้สึกอย่างนั้นเกิดขึ้น ฟังอยู่ต่างประเทศเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทำให้สบายขึ้นมาก มตะแบบโลกีย์คือโง่แบบเหยียบคันเร่ง _*ซึ้งซื่อ วิเชียร* : กราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับ ผมได้ข่าวว่า usa.จะส่งเอกอัครราชทูตคนใหม่คือนาย โรเบิร์ด เอฟ โกเดคจะเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ยังไม่ทันจะเข้ามาก็ต่อต้านกฎหมายมาตรา ๑๑๒ สนับสนุนพวก ๓ นิ้วคือจะกดดันกฎหมายมาตรา ๑๑๒ ของไทย ทั้งที่ usa. ก็ทำเลวทำชั่วกับหลายประเทศมาแล้วครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ขอให้พ่อท่านช่วยกรุณาให้สัมมาทิฏฐิด้วยครับ กราบนมัสการขอบพระคุณพ่อท่านอย่างสูงครับ พ่อครูว่า…ตกลงให้สัมมาทิฏฐินี้ให้แก่คุณนะ อาตมาไม่บังอาจไปให้แกคุณโรเบิร์ต เขามาเป็นทูตที่ประเทศไทยก็น่าจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องบ้างนะ บางทีคนมาเป็นทูตพูดภาษาถิ่นไม่ได้เลยก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ได้ภาษาอังกฤษ ผู้ที่ไปเป็นทูตประเทศต่างๆมีภาษาอังกฤษดีทั้งนั้น เขาก็ส่งไปได้เพราะถือว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของโลกเขาก็เลยไม่แคร์เท่าไหร่ แต่ถ้าคนที่ไม่ประมาทคนที่เตรียมตัวเขาก็จะพยายามพูดภาษาถิ่นที่ตัวเองจะไปให้ได้แน่นอน ถ้าได้แล้วมันเป็นเสน่ห์ สะดวกด้วยต่างๆนานา อันนี้มันเป็นความเจริญที่ควรทำเขาก็ทำ แต่คนที่ไม่เข้าใจเขาก็ไม่ทำ ยิ่งมีอัตตามาก คิดว่าภาษาของตัวเองดีกว่าภาษาอื่น ก็ข่มกันไป เราไม่รู้ได้นะ แต่ส่อว่า ยังไม่ทันมาเลยก็จะมาต่อต้าน กฎหมายมาตรา 112 แล้ว มาตรา 112 ก็คือ มาตราที่ ห้ามพูดที่จะมาแตะต้องในหลวง จะมาวิพากษ์วิจารณ์ทำอะไรต่ออะไรเอาโทษเอาภัยกับในหลวงไม่ได้ แล้วในหลวงก็ไม่ไปฟ้องร้องใคร เอาโทษเอาภัยใครไม่ได้เหมือนกัน ก็เจ๊ากันแล้วนี่ แต่เขาจะมาแก้ให้วิจารณ์ได้ แล้วกฎหมายบอกว่าท่านวิจารณ์ใครไม่ได้ แล้วมันจะไปสมดุลกันได้อย่างไรเล่นแบบนี้มันก็เอียงสิ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจสภาพ 2 ในโลก หลงว่าของตนเป็นหนึ่งมันก็เอียงแล้ว ซึ่งจะต้องเข้าใจว่าโลกนี้มันมีสองเท่าเทียมกัน ต่างคนต่างเอารูปมาลุยการสับเปลี่ยนกันเป็นผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ หรือเป็นผู้ให้เขาทำทำ ซึ่งจะรู้เลยว่ามันควรหรือไม่ควร สุดท้ายก็ตัดสินกันที่ว่าควรหรือไม่ควร ที่จริงก็เป็นกฎหมายของประเทศเขาเขาเห็นว่าเหมาะควร เมืองไทยอาตมาว่ากฎหมายเก่าๆนี้ดี กฎหมายใหม่ๆนี้มันเละไปหมด กฎหมาย พ.ศ. 2560 ถือว่าเป็นกฎหมายที่ลงตัวมาก แต่เขาก็จะพยายามแก้ โดยเฉพาะทักษิณพยายามจะแก้กฎหมาย ที่จะให้ไม่ต้องมาติดคุก ก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น แล้วเขาก็หาว่ากฎหมายนี้ลำเอียง เขาก็เอาตัวเองมาตัดสิน ตัวเองผิด และผิดอย่างที่เรียกว่า ถ้าคนที่มีจิตใจไม่อคติจริงๆ เป็นนักขี้โกง ตัวเองจบอาชญาวิทยา ตัวเองโกงคนเดียวไม่พอ ส่งสมัคร สมชายมาโกงต่อ ส่งยิ่งลักษณ์มาโกงต่อ แล้วยิ่งลักษณ์เป็นน้องสาว โอ้โห เต็มที่เลย โกงเต็มที่ จนกระทั่งเมืองไทยบอก ไม่ไหว สองคนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ไปทำอะไร เขาก็ใช้กฎหมาย เข้ามาก็ต้องถูกรับโทษจากคดีที่ตัดสินไปแล้ว แต่ก็ค้างที่ยังไม่ได้ตัดสินอีกไม่รู้กี่คดี เขาก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะถ้าขืนเข้ามาถูกตัดสินแน่นอน เขาก็รู้ว่าตัวเองผิดแน่นอน จะต้องตายในคุกแน่นอน ติดคุก เขาก็เลยพูดว่าจะเป็นคนนิรันดรเป็นคนอมตะ ตายแล้ว แน่นอน เขาจะมาว่าความตัดสินความไม่ได้สำหรับคนตาย ก็เลยบอกว่าอย่าเผานะเอาไว้เป็นคนอมตะ เป็นคนเพ้อเจ้อเพ้อพกไป ทักษิณเอ๋ย ความเห็นแก่ตัวมันซับซ้อนลึกซึ้งเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน โง่ และโง่ๆๆ ยกกำลัง 10 ยกกำลัง 20 โง่ ยกกำลัง 50 ทักษิณเอ๋ย ความไม่รู้เขาก็ไม่รู้ว่าเขาทำสภาพซับซ้อนที่ทับถมกันในความโง่หนัก แต่เขาก็ไปหลงว่าเป็นความฉลาดโดยความคิดของเขาคิดว่าเป็นเหลี่ยมมุมที่สูงส่ง มันกลับหัวกลับหางกันเท่านั้นเอง ยาก ยังไม่เห็นท่าทีของคุณทักษิณ จะชะลอความโง่ลงเลยสักนิดเดียว ไม่ชะลอเลย เหยียบคันเร่งความโง่เพิ่มขึ้นๆ อาตมาไม่ได้หาความ ไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้หาเรื่องทักษิณ อาตมาพูดเป็นความจริง ด้วยสัจธรรมเอาความจริงมาขยายความให้พวกเราเข้าใจ นี่เป็นตัวอย่างอัันไม่ควรเอาอย่างนะ มันเป็นจริงไม่ใช่อาตมาพูดนี้จะไม่เป็นจริง ถ้าพูดแล้วไม่มีคนจริงเป็นได้เลยแล้วพูดไปทำไม นี่แหละคือคนจริง ยืนยันเป็นอย่างนี้ คุณจะทำแบบนี้ก็อาจจะโง่ได้ซับซ้อนยิ่งกว่าทักษิณก็ได้ แต่ตัวอย่างขนาดนี้ก็เหลือพอแล้ว อย่ามีคนที่ 2 เลยเจ้าประคุณประเทศไทย แต่ข้างนอกเขาโง่กว่าคุณทักษิณก็มี คุณทักษิณไปอยู่เมืองนอกถึงลอยตัวได้ เขาก็ใช้ระบบการเงิน เอาเงินไปใส่แบงค์ข้างนอกไว้ มันก็ได้ดอกเบี้ย ทุกวันนี้เขาใช้แต่ดอกเบี้ยก็เหลือเฟือ เพราะฉะนั้นนี่เป็นการหลงอำนาจเงิน มีเงินมากทำให้คุณโง่ เงินทำให้โง่ เงินทำให้งมงาย เงินทำให้งก งกจริงๆ นี่เห็นไหม เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจแล้วว่ามาอยู่อย่างคนจน อย่าไปทำอย่างนั้นมันเป็นการคะนองอย่างทักษิณมันระเริงมันหลงว่าเงินเป็นอำนาจ ต้องมาเป็นคนจนจะเป็นคนที่ไม่คะนอง ไม่ทำเป็นอวดดีอวดใหญ่ เพราะเราไม่มีสมบัติแล้ว เราจน แล้วมีระบบสาธารณโภคี อันนี้แหละยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นเมืองไทย เป็นเมืองที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ปลูกฝังไว้แล้ว ว่า ต้องมาเอาแบบคนจน แต่ท่านก็สาธยายไม่ออก ท่านก็พาทำเท่าที่ทำได้ แต่ท่านก็ไม่ได้อธิบายละเอียด ท่านก็ได้พาทำ คนก็ศรัทธา เพราะคนไทยมีเชื้อโลกุตระ เข้าใจว่าเป็นสิ่งสุดยอดก็เลยศรัทธาเลื่อมใสมาก ความศรัทธาเลื่อมใสต่างประเทศก็สู้ไม่ได้หรอก คนไทยเลื่อมใสในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่มีใครสู้ได้หรอก อาตมาก็สู้ไม่ได้ อาตมาเน้นธรรมะโลกุตระมากซึ่งเข้าใจยาก คนไม่เข้าใจได้ง่ายๆเมื่อไม่เข้าใจเขาก็ไม่นับถือ จะมีคนเข้าใจนับถืออาตมาก็จำนวนน้อย แต่อาตมาจำเป็น ที่จะต้องรักษาโลกุตรธรรม ขยายโลกุตรธรรมไปให้เรื่อยๆ สาธยายอธิบายแจกแจง ทำให้เข้าใจเอาไปทำได้เพิ่มขึ้นจริงๆ จึงจะเกิดสภาพมีคนจริงมีคนปฏิบัติได้บรรลุธรรมจริง เป็นคนโลกุตระจริงๆขึ้นมาได้ อาตมามีหน้าที่อย่างนี้ ในยุคนี้อาตมาไม่ได้ประหลาดใจอะไรที่ไม่ได้มีคนมานับถือมากอย่างในหลวงรัชการที่ 9 อาตมาเข้าใจ ทั้งๆที่อาตมามีธรรมะโลกุตรธรรม ขออภัยประเดี๋ยวจะไปลบหลู่พระบารมีในหลวง ก็จะผิดกฎหมาย ไม่พูดต่อ Understood เพราะฉะนั้นก็ต้องทำเท่าที่เราเห็นควรว่าต้องทำ เพราะไม่ทำเราก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรที่เราเป็นคนได้แค่นี้ ตำอยู่แค่นี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเรา ก็พอดีเลย หมด sms มีคนบันทึกว่า ลุงตู่ ปลื้ม กทม. คว้าอันดับ 2 เมืองดีที่สุดในโลก ที่จริง เมืองไทยอยู่อันดับ 1 แต่คุณคนนี้บอกดีอันดับ 2 สมณะฟ้าไท… สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin27 กรกฎาคม 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:650725 แดนศิวิไลโลกุตระต้องชนะกิเลสตน รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 47NextNext post:650729 สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024