650323 ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1 พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/180RoL84rm-25KoWvW0RS6bEV75riNyP0Xl_SLRuAH68/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1TsdJyd0aBCkf3Kw5AaaxCbUrCtt8a4l2/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/bWPG_tpeAO/
และ https://youtu.be/ltE0wo_KPDY
สมณะฟ้าไท… วันนี้เป็นวันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก เรามาศึกษาธรรมะแบบลืมตาจากพ่อครูกันต่อ
พ่อครูว่า… เรื่องลืมตาหลับตาคงพูดกันอีกนาน เพราะว่ามีคนที่เป็นพญานาคจริงๆ คนที่มีลักษณะจิต เป็นจิตพญานาคจริงๆเลย หลับไม่รู้คู้ไม่เห็น กูมั่นใจของกูแล้ว แล้วก็ปฏิบัตินั่งหลับตาไป อยู่อย่างนั้นแหละ จะพูดอย่างไรอย่างไรไม่ฟังแล้ว เคยฟังแล้วก็ไม่ฟังแล้วก็ยังเชื่อมั่นว่า หลับตานี่แหละ มีไม่ใช่น้อยนะ เพราะอย่างนั้น มันจะต้องเหนื่อย เหนื่อยไปอีกนาน
SMS วันที่ 18-20 มีนาคม 2565
_สติพล จนพัฒนา : **ผมเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ครับที่จะไม่ใช้ไฟฟ้าใช้โซล่าเซลล์แทน.โดยเฉพาะชาวอโศกต้องนำร่องก่อน(ผู้นำ-ต้องทำก่อน)ครับ.
พ่อครูว่า… อาตมาเอง ก็ไม่เก่งเอง ก็อาศัยคนที่มีความรู้ความสามารถช่วยกันเถอะ นำไปอย่างน้อยที่สุด ราชธานีอโศกมีแผงโซล่าเซลล์ไม่ใช่น้อย และยังเติมได้อีก ที่อาคารบวร มีพื้นที่ ถ้าทำได้ช่วยได้ ขณะนี้ค่าไฟฟ้าเอง ราชธานีอโศก ยังจ่ายเดือนละหลายแสนอยู่เลย อาตมาจำตัวเลขไม่ได้ (ส.ถักบุญว่า…เดือนละ 250,000 น้ำมันเดือนละ 540,000) ทำอะไรกันนัก รถวิ่งกันเองอีก เฉพาะ พลังงานน้ำมันกับไฟฟ้า 790,000 บาท เกือบ 800,000 บาท
มาชื่นใจกับอย่างนี้ดีกว่า มะเขือเทศ ฟักทองจากคุณเปี่ยมคุณ มะละกอจากสวนบ้านราชฯ กะหล่ำปลีจากสวนเพื่อฟ้าดิน มะเขือม่วงจากสวนปู่เถา กล้วยน้ำว้าลูกเบิ้มๆสองเครือ สวนลานเบิ่งฟ้า
_เดชา อำพร : คนแดนไกลก็ได้ท่านผู้นำอโศกนั่นแหละที่อุดหนุนส่งเสริม ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวท่านด้วยที่ส่งเสริมคนไม่บริสุทธิ์ คนเขาวิจารณ์ว่าท่านเป็นโพธิสัตว์#7 ได้อย่างไร? จึงไม่รู้เท่าทันจิตส่วนลึกของ”คนแดนไกล”จนทำให้เขามาครอบงำระบบการเมืองของไทยจนถึงทุกวันนี้..
พ่อครูว่า…คุณเดชา มีความคิดเห็นขัดแย้งก็ส่งมา คุณอยากเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็ให้ทำได้อย่างอาตมา ทำเอาเองไปซื้อตามร้านขายยาไม่ได้ คุณเองคุณท่าจะรู้อาตมาก็ขอคารวะ 1 จอกที่คุณเป็นผู้รู้ใจคนแดนไกล อาตมาไม่รู้ขนาดนั้น รู้พอสมควรจิตใจของเขา อาตมาเชื่อนะคุณทักษิณ เจตนาตอนที่เขาเองเขามาทำงานการเมืองตอนแรกเขาตั้งใจบริสุทธิ์ ตั้งใจจะทำดีจริงๆ แปลว่าอนุสัยความโลภความเห็นแก่ได้ เห็นช่องทาง กี่รอบเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้มีความคิดยึด พอเจอช่องทางเข้า โอ้โห เขาดูดเอาไปเสียจนในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี เอาไปถล่มทลาย จนบัดนี้ อาจมากกว่าคงคลังของประเทศไทย เข้ามาทำการครอบงำระบบการเมืองไทยจนถึงทุกวันนี้คุณก็รู้ดี อาตมารู้ไม่เก่งเท่าคุณ คุณน่าจะมาบ้าง เอาแต่พูดทำไม เก่งอย่างนี้ มาเลยๆๆ เก่งๆอย่างคุณเดชา อัมพร มาช่วยประเทศชาติหน่อยสิ ดีขอบคุณท้วงมา
คนมีส่วนร่วมตัดสินจำคุกพ่อครู จะรู้ไหมว่าเขาทำผิด
_สว่างแสง ขวัญดาว : ลูกมีความสงสัย จะเรียนถามให้พ่อครูช่วยไขปัญหาที่ลูกค้างคาใจอยู่ คือเมื่อปี 2532 ตอนที่พ่อครูถูกจับเข้าคุก ลูกยังเด็กอยู่ ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไร ตอนนั้นแม่ของลูกก็มาปฏิบัติธรรมตามพ่อครู แต่พ่อของลูกคัดค้านไม่เห็นด้วยกับแม่ ว่าพ่อครูเป็นเทวทัตมาเกิด และเป็นพระคอมมิวนิสต์ มาถึงวันนี้เห็นว่า เขาจับพ่อครูเข้าคุกเพราะเขาเข้าใจว่า พ่อครูไม่ใช่ศาสนาพุทธแท้ๆ มาถึงวันนี้ เวลาผ่านไปเกือบ 33 ปีแล้ว ชาวอโศกกลับเข้มแข็งขึ้นมาตามลำดับ เกิดระบบสาธารณะโภคี อันเป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติที่ถูกทางตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อันเป็นที่พึ่งของชาวอโศกและเผื่อแผ่ไปยังสังคมได้กว้างขึ้น ลูกอยากเรียนถามพ่อครูว่า ตอนนั้นใครจับพ่อครูเข้าคุกคะ เขาจะบาปไหมคะ เพราะเขาอาจทำเอง หรือมีใครสั่งเขามา และตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ไหม และตอนนี้เขารู้หรือไม่ว่าพ่อครูไม่ผิด น้อมกราบพ่อครูสุดเศียรเกล้าค่ะ
พ่อครูว่า…คุณคนนี้เข้าใจว่าผู้สามารถทำระบบสาธารณโภคีให้เกิดมาเป็น phenomenon เป็นปรากฏการณ์จริงขึ้นมาให้สังคม มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ยิ่งในยุคนี้ ยุคทุนนิยมสามานย์ จัดจ้านหนักหนาขนาดนี้ เรายังสามารถทำ ยิ่งกว่า สาธารณโภคีนี่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคอมมิวนิสต์ ในประเด็นอย่างไร
ประเด็นที่ว่าคอมมิวนิสต์เขาต้องการที่จะควบคุมเงินกองกลาง ค่าใช้จ่าย แล้วก็บริหารเงินกองกลางค่าใช้จ่าย เป็นเงินกองกลางจากประชาชน โดยพยายามให้จ่ายภาษี อย่างซื่อสัตย์สมควรที่สุด คนรายได้มากได้เปรียบมาก คนเสียภาษีให้แก่รัฐได้มาก คนรายได้น้อยลงก็เสียภาษีน้อยลงตามสัจจะความจริง คนที่รายได้ไม่ถึงเสียภาษีก็ไม่ต้องเสียภาษี ลักษณะก็คล้ายๆกับประชาธิปไตยแต่เขาเข้มงวดมีกฎเหล็กบังคับจัดจ้านกว่าประชาธิปไตย วิธีการต่างกันเท่านั้นเอง เจตนาเหมือนกัน แล้วเขาก็ทำได้สำเร็จ โดยการบังคับออกเป็นกฎหมาย คนก็ต้องทำตาม เขาก็ต้องเช็คความเป็นจริงว่าคนไหนได้รายได้เท่าไหร่จริงๆ แล้วอย่าให้เลี่ยงภาษี อย่าให้หนีภาษี คนเรามันก็มีเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เลี่ยงภาษีทั้งนั้น แต่ถ้าเข้มงวดก็เก็บเข้ากองกลางได้มากเท่านั้น
ซึ่งแตกต่างจากสาธารณโภคีตรงที่ ประชากรหรือสมาชิกประชาชนชาวสาธารณโภคีนั้น สมัครใจมาเสียสละ จ่ายภาษีให้แก่ส่วนกลาง 100% แล้วก็บริหารเงินกองกลางออกไป ชนิดที่เข้าใจอีกชั้นหนึ่งว่า แม้แต่ในของพวกเราใช้จ่ายอย่างนี้ ก็ยังสามารถที่จะสะพัดเงินกองกลางนี้เผื่อแผ่ข้างนอกเขาอีก ไม่ได้หวงแหน ไม่ได้เข้มงวดกวดขันจนเกินการ สามารถที่จะไปช่วยข้างนอกเขาได้อีก เราไม่สะสม กองกลางไม่สะสมก้อนเงินไว้มาก เชื่อมั่นในความขยันกับสมรรถนะของประชากรสังคม
ประชากรสังคมสาธารณโภคีนั้น มีสมรรถนะ มีความรู้ความสามารถ มีความขยันพากเพียร ทำงานทุกวัน จึงมีแรงงาน มีผลของแรงงาน มีผลผลิตออกมา พออยู่พอกิน เหลือกินเหลือใช้ได้แจกจ่ายเขาอยู่ ยืนยันความจริงอันนี้ นี่คือประสิทธิภาพของคน ที่มีจิตเป็นปัญญาเป็นความเฉลียวฉลาดชนิด โลกุตระ
ปัญญาโลกุตระเฉลียวฉลาดอย่างไร เป็นความเฉลียวฉลาดชนิดที่ไม่มีตัวตน ถึงมีก็ลดให้ได้มากๆ สุดท้ายสุดยอดของความเป็นปัญญาคือ เฉลียวฉลาดไม่มีตัวตน มีแต่เกื้อกูลเผื่อแผ่ ปัญญาชนิดนั้นคือ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ นี่คือ คุณลักษณะปัญญาของพระพุทธเจ้า เดี๋ยววันนี้ จะได้พูดถึงเรื่องปัญญา 8
อาตมามาขยายความตามภูมิของอาตมาเอง ขยายไปแล้ว ได้เล่ม 1 เขากำลัง edit พิมพ์กันอยู่ อาตมาเขียนได้ 443 หน้า เล่ม 2 มากกว่านั้น มัน 700 กว่าหน้าแล้ว อาจต้องตัดเป็นเล่ม 3 ตอนนี้ rewrite หน้า 200 กว่า กว่าจะถึงหน้า 700 มันต้องเกิน 800 หน้า ก็พยายามบอกว่าจะไม่ขยายก็อดไม่ได้ เติมนิดหน่อยนี่แหละ น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
ที่จับอาตมาเข้าคุกคือ ตำรวจ ส่วนคนสั่งมีหลายคน อำนาจสั่งการหลายคน เป็นพระตายไปแล้วก็มีหลายองค์ เป็นพระเป็นภิกษุ เหลืออยู่ยังไม่ตาย ก็มี ออกความเห็น จับโพธิรักษ์อาตมาก็ถูกจับ ไปว่าความคดีเขาก็ดี เขาจะไปก็ไปสู้ความกัน ไปนอนอยู่โรงเรียนพลตำรวจบางเขนอยู่ 2 คืน มีตำรวจเฝ้าหน้าประตู เราก็นอนอยู่ในนั้นสบายๆ ไม่ต้องเฝ้าหรอกเราไม่ออกไปหรอก แต่เขาต้องทำตามหน้าที่ อยู่ 2 คืนแล้วก็ได้ประกันตัวออกมา ก็มาสู้ความสุดท้ายแพ้อีก
ก็ไม่ต้องไปออกชื่อหรอกว่าใครบ้าง เขาจะบาปไหม คิดเอาเองก็แล้วกันอาตมาพูดไปจะหาว่าใส่ความ เขาจะบาปไหมคิดเอาเอง
มีผู้ร่วมคิดกัน เพราะว่ามันไปขัดแย้งกับผู้ที่เป็นหมู่ใหญ่ ที่เห็นด้วยเห็นดีเห็นงามที่จะจัดการอาตมา เขาส่วนนั้น หลายคนก็ตายไปแล้วตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ไหม ก็เหลือน้อยคนแล้ว
อาตมาไม่รู้ว่าเขารู้หรือไม่ว่าอาตมาไม่ผิด เป็นคำถามที่ อาตมาก็เคยสะกิดๆในใจเหมือนกันว่าเขาจะรู้บ้างไหมหนอ อาตมายืนยันว่าอาตมาไม่ผิด เขาผิดกัน เขาจะรู้ไหม
ถ้าเขารู้เขาก็จะต้อง มาร่วมมือกับอาตมาใช่ไหม เพราะเขารู้ว่าเขาผิด ทำเล่นไม่ได้ กรรมเป็นกรรมอันทำกรรมวิบากเป็นเรื่องจริง ไปขัดแย้งไปคัดค้านต่อสู้กับสิ่งที่ถูกต้อง เป็นกบฏต่อสิ่งที่ถูกต้องอยู่นั้น ก็เป็นคะแนนลบ ไม่ใช่คะแนนบวกแน่ ไปทำอยู่ทำไม
ก็ความคิดของคนความเชื่อของคนแต่ละคนมันก็เป็นธรรมดา อาตมาเองอาตมาเกรงใจอยู่เหมือนกัน ไม่อยากวิเคราะห์วิจัยให้มันหนักเกินไป ขนาดไม่เกรงใจนี้ อาตมาวิเคราะห์ไม่น้อยแล้วนะ ขนาดนี้ก็คิดว่า พอสมควร ที่จะไปถล่มทลายกันเกินไปเดี๋ยวมันจะลำบาก
เพราะว่าอาตมารู้จักองค์รวมของสถานการณ์ ในแต่ละ กาละ ที่มีบริบทของสังคม ทุกวันนี้บริบทของสังคมเป็นอย่างนี้ในด้านศาสนาก็ตาม ด้านการเมืองก็ตาม ด้านเศรษฐกิจก็ตามมันเป็นอย่างนี้ มันก็ต้องรู้ status quo แล้วทำให้มันสอดคล้อง status quo นั้นเสีย อาตมาก็ทำได้อยู่
_1614 : วันพฤหัสบดี 17 มีนาคม 65 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 วันพระ สมณะ 25 รูปฟังสวดพระปาฏิโมกข์ ก่อนพิธีท่านอุปัชฌาย์สมณะเดินดินได้เล่าบรรยากาศเรื่องปุ๋ยของเรามีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะปุ๋ยเคมีข้างนอกขึ้นราคามาก มีบริษัทส่งสินค้าภายในประเทศและ ส่งต่างประเทศติดต่อขอรับซื้อในราคาหน้าโรงงาน..หลวงตาแด่ธรรม
_งามใบตอง นิลมณี : รายการมองโลกมองธรรม ตอนแฉเบื้องหลังขบวนการปุ๋ยอินทรีย์ (ตอน 2) ดีมากๆ ค่ะ กราบสาธุค่ะ สวนคุณคำนึงอเมซิ่งมากค่ะ
_กราบรบกวนพ่อท่านช่วยประชาสัมพันธ์ในรายการเทศน์ด้วยค่ะ
ขอเชิญท่านผู้สนใจ เข้าร่วม ค่ายอุโบสถศีลชาวอโศก ออนไลน์ ครั้งที่ 4 “สร้างปัญญา สู้ปัญหาชีวิต” วันศุกร์ที่ 25 – อาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565 เรายกวัดมาไว้ที่บ้านของทุกท่านแล้ว มาร่วมกิจกรรมผ่าน Zoom ได้ง่ายๆ โดยการสแกน QR Code จากหน้าจอ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มไลน์ Open Chat จะมีการส่งรายละเอียดการเข้ากิจกรรมให้ในกลุ่ม หมดเขตรับสมัคร 24 มีนาคม 2565 นี้ รีบสมัครเลย!
SMS วันที่ 21-20 มีนาคม 2565
_อารยา ศรีไพโรจน์ : เมื่อวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา อายุครบ 68 ปีค่ะ และวันเกิดคุณดินดอน เป็นวันปิดชุมชนราชธานีอโศก 20 มีนาคม ตอนนี้ครบ 2 ปีปิดชุมชนนะคะ ตามที่พ่อครูกล่าว
_ยายทอง ตาเซียน : สืบเนื่องมาจากรายการต้มุตะลุ่มตุ้มม้งของวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 กระผมขออนุญาติชี้แนะทีมงานจัดโต๊ะดอกไม้ผลไม้ที่หน้าฉากของพ่อครูแสดงธรรมควรเป็นของเล็ก ๆ ของน้อย ๆ น้ำหนักไม่ควรเกินครึ่งกิโลอยู่ในรัศมีที่พ่อครูเอื้อมมือถึง เพราะว่าวันนั้นพ่อครูยกกะหล่ำปลีหัวใหญ่ และครั้งที่สองพ่อครูยกกล้วยหอมหวีใหญ่มาก และนำหนักคงจะมากกว่ากะหล่ำปลี จิตกระผมก็คอยลุ้นพ่อครูว่าอย่าให้หลุดมือก็พอ.แต่ๆ ก็เกือบไป พ่อครูคงเสียพลังงานไปมาก กระผมน้ำตาซึมเลยและเห็นใจเข้าใจพ่อครูอยากจะโชว์ของดี ๆ งาม ๆ สวย ๆ แต่สุขภาพผู้สูงวัยเรี่ยวแรงไม่ไหวกับนำหนักสิ่งของ.ของหนัก ๆ ให้ห่าง ๆ ไว้ก่อนนะครับ. ถ้าผิดขออภัยไม่ถูกใจก็ขอโทษทีมงานผู้จัดนะครับ.สาธุสาธุสาธุครับ
พ่อครูว่า… เอาเลยโชว์ให้เต็มที่ เรามีของดีๆควรโชว์ ที่อื่นของไม่ดีเขายังโชว์
การทำกุศลอย่าไปคิดถึงว่าจะได้คืนในชาติหน้า
_เยาวลักษณ์ วัฒนเสรีกุล : น้อมกราบนมัสการพ่อครูอยากถามว่า คนเราจำเป็นที่ต้องทำกุศลไว้ตอนตายและชาติหน้า สำหรับหลักคำสอนตามพระไตรปิฎกของชาวอโศกที่กล่าวมานี้ถูกต้องไหมคะ
พ่อครูว่า…ความซับซ้อนของกรรมกับแนวคิดกับการทำใจในใจ คุณควรทำกุศล แม้พระพุทธเจ้าก็ไม่สันโดษในกุศล ทำให้มากทำเข้าไป กุศลนั้นทำไปเถอะ แต่อย่าไปคิดถึงว่าทำไปแล้วตอนตายชาติหน้าจะได้กินได้อาศัย อย่าไปคิด เพราะในเชิงคิดหรือแนวคิดแบบนั้นเป็นแนวคิดที่ไม่จบภพจบชาติ มันเป็นสาเปกโข ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข( หมายความว่าเก็บเป็นคงคลัง) ปริภุญชิสสามีติ (การทำทานไว้ชาติหน้าจะได้อาศัยพึ่งพา ) คุณก็ไม่จบสิชีวิตของคุณก็ต้องมีชาติหน้าไปเสวยผลชาติหน้าชาติหน้า คุณจะไม่เอาอรหันต์ คุณจะไม่จบเลย ต้องมีภพหน้าชาติหน้าไปตลอดหรือไม่จบ มันขัดแย้งกัน เข้าใจการทำใจในใจให้ดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กรรมเป็นของๆตน ตนเป็นทายาทของกรรม กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ ทำให้มันรู้จักจบ
_คำถามจากผู้ชมทางเฟซบุ๊ก : ปฏิบัติธรรม คืออะไรคะ
พ่อครูว่า… คำถามคำเดียวนี้ คุณจะบรรลุธรรมได้อย่างไร มีหนังสือ 5 เล่ม ไปอ่านเอา จะปฏิบัติธรรมอย่างไร ให้บรรลุธรรม
ปฏิบัติธรรมมันมี 2 แบบ แบบหนึ่งคือปฏิบัติธรรมแบบโลกียะ ปฏิบัติแล้วเสวยผลต้องการผลมาเสวยแล้วก็เกิดแล้วเกิดอีก เกิดอีกเกิดแล้วก็เสวยผล เกิดแล้วเกิดอีก ไม่จบ
ส่วนโลกุตรธรรมนั้นปฏิบัติ มีปัญญาลึกซึ้ง ทำกุศลได้แต่อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา เราจะต้องได้กินในชาติหน้า ยึดสะสมเป็นเรา เป็นของเรา ไม่จบ จิตของคุณก็ไม่รู้จักปล่อยวาง ไม่รู้จักจบ มันก็ไม่มีอรหันต์ อธิบายดูฟังง่ายๆ คิดให้ลึกซึ้ง ฟังให้ดีๆ เข้าใจให้แตกฉาน แล้วทำตามที่เข้าใจให้ได้ ที่อาตมาว่าแล้วก็จะบรรลุอรหันต์
ที่อาตมาตอบอย่างนี้ได้เพราะว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ ได้ปฏิบัติสั่งสมแล้วก็รู้จักใจในใจรู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้รายละเอียดของอิทัปปัจจยตาของจิต จึงเอามาสรุปแล้วก็อธิบายสู่ฟัง ไม่ใช่ว่าพูดพล่อยๆไปอย่างนั้น
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท… พ่อครูพาเราทำให้สลายตัวตน ทำผลผลิตให้ส่วนกลาง100% แต่ก่อนหนังสือชาวอโศกมีแต่นามปากกาชาวอโศกเขียน ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา แต่ละฐานทำงานก็เป็นส่วนกลางหมด เป็นของคนทุกคนช่วยกันทำงานทุกจุด ช่วยกันทำงาน นี่เป็นสังคมมหัศจรรย์ สังคมสาธารณะไม่ยึด ไม่มี ก็สบายๆ
ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1
พ่อครูว่า… จะเอาหนังสือปัญญา 8 มาอธิบาย
ปัญญา 8 เล่ม 1
(1) ปัญญา 8 ในพระไตรปิฎก เล่ม 23 ข้อ 92
-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่งผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรักและเคารพไว้ อย่างแรงกล้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุปัจจัยข้อที่ 1 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา(ปัญญายะ)’ ฯลฯ* เพื่อความบริบูรณ์แห่ง‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ [ฯลฯ* ข้างบนนั้น คือ คำความที่กล่าวถึงมาก่อนแล้วได้แก่.. อันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่ยังไม่ได้ เพื่อความงอกงามไพบูลย์ เจริญ บริบูรณ์ แห่งปัญญาที่ได้แล้ว 8 ประการนี้เอง]
-
เธออาศัยพระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจรรย์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในฐานะครู ซึ่งเป็นที่เข้าไปตั้งความละอาย ความเกรงกลัว ความรัก และความเคารพไว้อย่างแรงกล้านั้นแล้ว เธอเข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถามเป็นครั้งคราวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นย่อมเปิดเผยข้อที่ยังไม่ได้เปิดเผย ทำให้แจ้งข้อที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง และบรรเทาความสงสัยในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัยหลายประการแก่เธอ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 2 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา’ ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่ง‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ
-
เธอฟังธรรมนั้นแล้ว ย่อมยังความสงบ 2 อย่าง คือ ความสงบกาย และความสงบจิต ให้ถึงพร้อม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ข้อที่ 3 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา’ ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่ง ‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ
-
เธอเป็นผู้มี‘ศีล’ สำรวมระวังในพระปาฏิโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษแม้ มีประมาณน้อย (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท… เราทำตามครรลอง ตามกฎระเบียบชุมชน หรือพระวินัย ทำให้อยู่ร่วมกันได้ พระวินัยป้องกันคนหยาบในสังคม
พ่อครูว่า… อาจาระ แปลว่า พฤติกรรมที่อยู่ในตัวเอง โคจร แปลว่าเคลื่อน มีอาการมีบทบาทต่อไป เรียกว่า โคจร
เป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของศีลอย่างมาก แล้วทำความเข้าใจหัวข้อของศีล ความหมายของศีล ปฏิบัติอย่างไรในระดับต้นกลางปลาย ปฏิบัติตามไปแล้วก็เห็นว่าปฏิบัติแล้วเกิดผลอย่างไร ปฏิบัติศีลก็เป็นอย่างนั้น
สู่แดนธรรม… ในข้อที่ 4 เป็นที่สังเกตว่านักธรรมะสายปัญญาเขาไม่คำนึงถึงศีลเลย ผมเคยฟังพ่อท่านโต้กับคุณไสว แก้วสม เขาว่า ทำไมพ่อท่านพูดแต่เรื่องศีล ไม่เอาเรื่องปัญญามาพูดกัน
พ่อครูว่า… คุณไปเรียกพวกสายปัญญาไม่ใช่หรอก ที่จริงเรียกว่าสายฟุ้งซ่าน สายเฉโกฟุ้งซ่าน พวกรู้มากยากนาน ไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ที่เข้าหลักเข้าเกณฑ์
เพราะฉะนั้น ผู้เข้าใจเรื่องศีล จะชัดเจนเข้าใจในความหมายต่างๆว่า ศีลเป็นอย่างไรแล้วทำไป ได้ผลอย่างไร ทั้งภายนอกภายใน ตั้งแต่กายถึงใจ ถึงขั้นลดกิเลส จะชัดเจนว่าศีลปฏิบัติแล้วทำให้เราเข้าใจเนื้อแท้ของสัจธรรมที่จิต แล้วจิตมันมีกิเลส ศีลมีหน้าที่ปฏิบัติให้ละหน่ายคลายจางจากกิเลส ไม่ใช่ไปปฏิบัติเพื่อสะสมทรัพย์ศฤงคาร ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขไม่ใช่หรอกศีล ศีลของเราเป็นโลกุตระเพื่อขัดเกลากิเลส มีปกติเห็นโทษภัยในโทษ แม้มีประมาณน้อย แม้จะบกพร่องนิดหน่อย ก็ระวัง สมาทานอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 4 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา’ ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่ง ‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ
-
เธอเป็น‘พหูสูต’ ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก ทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ ซึ่งธรรมทั้งหลายอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 5 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา’ ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่ง ‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ
-
เธอย่อม‘ปรารภความเพียร(วิริยารัมภะ)’เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความพร้อม ถึงพร้อมแห่งกุศลธรรม เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระไม่ดูดายในกุศลธรรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 6 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา’ ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่ง ‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ
-
อนึ่ง เธอเข้าประชุมสงฆ์ไม่พูดเรื่องต่างๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ 7 ย่อมเป็นไปเพื่อได้‘ปัญญา’ ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่ง‘ปัญญา’ที่ได้แล้ว ฯ
ข้อนี้เป็นเรื่องของสภาที่มีบัณฑิต
สภาที่อยู่ในสภาอันทรงเกียรติของนักการเมืองนั้น มีความอวดดีพูดกันจนคอจะแตก แสดงภูมิอะไร ไม่บันยะบันยัง ดีไม่ดีก่อเรื่องวิวาทหาเรื่องหาราว ซึ่งมันไม่ใช่สภาอันทรงเกียรติเลย มันเป็นสถานที่วิวาทะเสียมากกว่า หาเรื่องหาราวกัน พูดไปแล้วไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะว่าคนมันได้แค่นั้นเป็นอย่างนั้น
แต่พวกเราไม่นะ สงฆ์ของพวกเราเวลาประชุมไม่ได้แย่งกันพูด ควรแสดงก็ควรแสดงควรสงบก็ควรสงบ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นคุณสมบัติที่ดี
ที่พูดนี้เจตนาวิจารณ์ สภาของไทยซึ่งมันน่าจะนำประเทศอื่นเขา เพราะว่าเราเป็นประเทศเมืองพุทธ ที่มีคุณธรรมตามพุทธศาสนา แต่พูดไปก็ไลฟ์บอย เขาไม่นำพาเรื่องศาสนาเรื่องธรรมะกันเลย เขาก็เป็นไปตามประสาเขาแล้วเขาอวดดีด้วยนะ ว่าตัวเองมีปัญญา บอกว่าโพธิรักษ์นั้นเขาไม่รู้จัก หรือว่ารู้จักเหมือนกันแบบไม่ได้เรื่องอะไร เขาดูดีกว่าโพธิรักษ์ เป็นอย่างนั้นด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะมาศึกษาใช่ไหมแต่นี้ไม่มี เขาก็รู้ของเขาเก่งของเขา มีอาจารย์ของเขาด้วย เขาก็ไปที่ชอบๆของเขา
-
อนึ่ง เธอพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมในอุปาทานขันธ์ 5 ว่า รูปเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่ง รูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งเวทนาเป็นดังนี้ สัญญาเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสัญญาเป็นดังนี้ สังขารทั้งหลายเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสังขารเป็นดังนี้ วิญญาณเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้