650718 คนจนมหัศจรรย์ตามหลักจรณะ 15 รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 46
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1W2YlQocnqUBODoGqK07uYD4kLFIwRu9vlft8k1yz6uM/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://terabox.com/s/1hOsTUcS-FBw7-URzW_-u0w
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/1DMUqWUmyDY
และ https://fb.watch/ek_qKaFjFO/
_สู่แดนธรรม… วันนี้วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก เราก็มาฟังธรรมจากสัตบุรุษกันอีกครั้ง
ก่อนเข้ารายการ
ชาวอโศกคือแดนศิวิไลของคนจนมหัศจรรย์
_แดนศิวิไล คืออะไร และเป็นยังไงเหรอคะ?
สู่แดนธรรม.. เป็นแดนที่มีคนจนมหัศจรรย์อยู่ พ่อท่านช่วยขยายความได้ไหมครับ?
พ่อครูว่า…ได้ เพราะอาตมารู้จริงๆแล้วพากันทำได้แล้ว ต้องใช้คำว่าทำได้แล้วเพราะเป็น Past perfect tense เลย มันเป็นสิ่งที่ผ่านอดีตมาแล้ว มาจนเป็นปัจจุบัน เป็น Present Tense
ปัจจุบันนี้ชาวอโศกมีชุมชน มีหมู่บ้านคนจน เรียกได้ตามที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัสเลย ว่า ต้องบริหารกันแบบคนจน เป็นอุดมคติของการบริหารได้ดีที่สุด พบความสำเร็จในการบริหาร หรือพยายามบริหารสังคมให้มาสู่จุดที่เป็นความเจริญศิวิไลสูงสุด คือมาอยู่กันแบบคนจน
ที่อาตมาพูดไปนี้ รับรองว่านักเศรษฐศาสตร์ใดๆในโลกทั้งโลกนี้ ยังไม่เข้าใจหรอก ยังเข้าใจไม่ได้ ในหลวงท่านมีพระราชดำรัสมาจริง แต่คนจะไม่เชื่อง่ายๆว่าเป็นไปได้เชียวหรือ เพราะมันเป็นโลกุตระธรรม เป็นสิ่งเกินเลยที่มนุษย์จะเข้าใจได้ เป็นอจินไตยชนิดหนึ่ง
จนกระทั่งคนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นผลสำเร็จได้จริงในโลก แต่ มีคนไทยกลุ่มหนึ่ง ทำได้จริง สำเร็จจริง เอหิปัสสิโก เชิญให้มาพิสูจน์ตรวจสอบได้ว่า พวกนี้ มาอยู่อย่างคนจน เต๊ะท่า หรือจนอย่างปกติ จนอย่างสบาย จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ จึงเป็นเรื่องที่คนที่ทำได้จึงเป็นคนมหัศจรรย์
พวกเรานี้มันชัดเจนแล้วก็ภาคภูมิใจ จนกระทั่งเปลี่ยนตระกูล เปลี่ยนนามสกุล มาเป็นคนจน มีผู้ไปลองเก็บมาดูว่าพวกเราเปลี่ยนนามสกุลจากเดิมทิ้งนามสกุลเดิม มาเป็นนามสกุลใหม่ที่มีคำว่า จน
-
จนดีจริง
-
มุ่งมาจน
-
กล้าจน
-
ตั้งใจจน
-
เต็มใจจน
-
พร้อมจน
-
มาจน
-
จนสุขสำราญ
-
จนอีหลี
-
จนอีหลีอีหลอ
-
จนทุกชาติ
-
จนแล้วจนรอด
-
จนสำเร็จ
-
จนนะจน
-
ชื่นใจจน
-
ตั้งใจจนแล้ว
สู่แดนธรรมเขาคิดจะตั้งนามสกุล กลั้นใจจน คนกลั้นใจก็ตายสิ
สู่แดนธรรม… นามสกุล กลั้นใจจน ผมไม่ได้คิดเอง แต่มีแฟนคลับวงฆราวาสเขาตั้งมาครับ คือนาย
พ่อครูว่า… เรื่องของ แม้แต่ที่พูดถึงว่าคนมาเอาแบบคนจนอย่างมีปัญญา อย่างเต็มใจจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องจริงๆๆ เป็นเรื่องที่ อจินไตย เกินที่คนเขาจะคาดคิดได้ว่ามันมีได้จริงหรือ มาเป็นคนจน
ความเข้าใจของเขากับความเข้าใจของเราไม่ต่างกันหรอก ตรงที่ว่า เรามาจนคือเราไม่สะสมสมบัติเป็นของเรา ทางโลกเขาก็เข้าใจว่าจริง คนจนนี้คือคนไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร เขาตั้งใจจะสะสมแต่มันไม่มีให้สะสม แต่ของเรานี้มีให้สะสมเป็นสมบัติของเราด้วย เป็นสิทธิที่ถูกโดยธรรม ที่เราเองเรามีเรี่ยวแรงกระทำ โดยสุจริตโดยไม่ผิดกฎหมายโดยไม่ผิดหลักธรรมะในโลก เราทำได้เป็นของเราแต่เราไม่เอา เราเอาไปรวมกับกองกลางเป็น สาธารณโภคี
ซึ่งเป็นเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ ซึ่ง ชาวอโศกเราทำได้ในยุคนี้ ในยุคพระพุทธเจ้ายังทำในฆราวาสไม่ได้เพราะเป็นยุคที่มีความจำกัดเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งจะให้พระเจ้าแผ่นดินมาเสียสละมาเป็นสมบัติร่วมกับประชาชน จะเป็นได้อย่างไร เพราะเป็นยุคทาส ยุคนายทาส ยุคที่ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนอะไรเลย ทาสก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิในความเป็นคน นายทาสก็กดขี่ข่มเหง เห็นคนด้วยกันเป็นสัตว์ของตนเอง จะซื้อจะขายจะทำลายชีวิตอะไรได้หมด มันจึงเป็นยุคที่ยังเถื่อนมาก
แต่พระพุทธเจ้าก็ทำสาธารณโภคีได้ในยุคนั้น ในนักบวชของท่าน ทำได้จริงๆด้วย สำเร็จจริงๆ เหมือนกับชาวอโศกเป็นอยู่ในยุคนี้ ฆราวาสของชาวอโศกเป็นได้อย่างพระ อย่างภิกษุเลย
ซึ่งพวกเรานี้ไม่ได้บำเพ็ญตั้งจิตบวช มีศีลมีวินัยเหมือนอย่างภิกษุเลย เป็นฆราวาสแท้ๆไม่ได้มีข้อวินัย ข้อจำกัดบังคับอะไรเหมือนผู้มาประกาศบวชเป็นพระภิกษุ ฆราวาสพวกเราไม่มีใครมาบังคับ เป็นอิสรเสรีภาพ คุณสมัครใจเข้ามาเป็นคนในชุมชนสาธารณโภคีและปฏิบัติได้อย่างสบาย จิตเป็นปกติสามัญ สบม ทมด ปกต หห จจ ปกต หห จจ มชยลล
ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมือนทำเล่นๆ เหมือนทำง่ายๆเล่นๆ เหมือนทำหม้อข้าวหม้อแกงเล่นๆ แต่เปล่า เราชีวิตจริงๆของเรามาเป็นเช่นนี้ อยู่กับระบบอย่างนี้ สบายกับความเป็นเช่นนี้ แล้วจะอยู่กันไปจนตาย ใครจะอยู่เช่นนี้ไปจนตายบ้าง …(ยกมือกันหมด) เรากำลังพูดเรื่องจริงกัน ไม่ได้พูดเล่น
ชีวิตมนุษย์มันสุดจะคิด แต่ละชีวิตไม่ผิดนาวาบุญนิยม เขาผิด เขาเป็นนาวาทุนนิยม ชีวิตมนุษย์ทั่วไปเขาเป็นชีวิตที่อยู่ในนาวาทุนนิยม เขาจึงเจอคลื่นเล็กคลื่นน้อย อยู่ในทะเลคลื่นที่สุดสารพัดจะเอาให้ตาย ซึ่งมันไม่ปลอดภัยง่ายๆ ก็ต้องอยู่ โดยที่ไม่รู้
แต่พวกเราอยู่ในนาวาบุญนิยมอยู่ในเรือบุญนิยมก็เหมือนอยู่ในทะเลแต่เป็นสุข สูงสุดกว่าสุขคือ ไม่มีทั้งสุขทั้งทุกข์ อันนี้เป็น อจินไตย แม้แต่ชาวพุทธในเมืองไทยก็ตาม ไม่ได้พูดไม่ได้สอนไม่ได้ว่ากันถึงขนาดนี้ ยังสอนมีภพมีชาติ ภพของสวรรค์ คือสุข เขายังหลงสุข ยังมีสุขนิยม ยังมีสุขเที่ยง ยังจะต้องมีสุขกันอยู่
เพราะฉะนั้นจะพ้นสุขพ้นทุกข์ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ด้วยจิตที่เป็นอุเบกขา คือจิตที่หมดสิ้นกิเลสอาสวะ เป็นจิตบริสุทธิ์ แล้วก็บริสุทธิ์ตลอดไป เป็น ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ซึ่งอาตมาได้หยิบบัญญัติ ภาษาบาลีของพระพุทธเจ้ามาอธิบาย มาแจกแจงกันจนซ้ำซากวนเวียน แต่มันก็สุดยอดของความรู้ที่ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้เอามาประกาศให้แก่มนุษย์โลก แล้วมนุษย์ก็พบความจบได้
อย่างชาวอโศกเราเราพบกับความจบเป็นอรหันต์กันได้ แต่อรหันต์นี้มีไม่รู้กี่ชั้น เรียกกันง่ายๆว่า อรหันต์ในโสดาบัน อรหันต์ในสกิทาคามี อรหันต์ในอนาคามี อรหันต์ในอรหันต์
อรหันต์ในอนุโพธิสัตว์ อรหันต์ในอนิยตโพธิสัตว์ อรหันต์ในนิยตโพธิสัตว์ อรหันต์ในมหาโพธิสัตว์ พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งสุดยอดแล้วเป็น สยัมภู นี่คือความรู้และความจริงที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ มาเป็นคนจนที่เป็นอรหันต์
อรหันต์ต้องจน มาสะสมสมบัติ เป็นคนมีวรรณะ 9
เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
การตัดรอบ “อรหันต์” ในระดับต่างๆ
_พ่อครูว่า… ถ้าเข้าใจสภาวะธรรมขั้นตอนละเอียดอย่างที่อาตมากล่าวนี้ แล้วคุณทำได้ตามลำดับจะสั้นเป็นอรหันต์ในตัวง่ายๆ แต่นี่ก็ขนาดนี้ โสดาบันเราก็ยังไม่ชัด สกิทาคามีก็ยังไม่ชัด อนาคาก็ยังไม่ชัด อรหันต์ก็พอรู้แต่ยังไม่ชัด
แล้วมีสภาวะจริงด้วย สภาวะจริงของอรหันต์ในโสดาบันมีจริงหรือไม่ สภาวะจริงของอรหันต์ในสกิทาคามีมีจริงไหม
อรหันต์ในอนาคามีจริงไหม คือ ภพชาติทางกามภายนอก เราไม่มีแล้ว เราเหลือแต่ภายใน ทางกายไม่มีการเสพสุขแล้วทางกายภายนอก เหลือแต่ว่ามันสุขในภายใน สุขทุกข์อยู่ภายใน มันยืนยันได้ พิสูจน์ได้ ศึกษาได้ อ๋อ!.. เราเองขึ้นภูมิอนาคาฯ แล้วนะ
อันนี้มันยาก ผู้เป็นอนาคาฯจะตัดรอบนี้ยาก ยากตรงไหน?
ยากตรงที่ว่า คนที่แม้จริงๆแล้วตัดขาดได้แล้วข้างนอก พูดง่ายๆ
-
ไม่สมสู่ในเรื่องเพศทางผู้ชายผู้หญิงแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้ใฝ่หา แล้วรู้สึกจะละอายมากถ้าจะมี จนถึงขั้นรังเกียจด้วย ถ้ารังเกียจแล้วจะทุกข์แต่ละอันนี้จะเห็นโทษเห็นภัย ไม่เอาแล้ว ไม่เอาตรงที่ว่า คุณไม่รู้ว่าคุณมีสัญญา จริงๆข้างนอกคุณไม่เอาแล้ว แต่ภายในสัญญามันจำได้ว่าเป็นสุขหรือเคยเข้าใจว่ามันสุขมันทุกข์ คุณก็วนเวียนอยู่กับสัญญา แล้วคุณก็หลงว่าสัญญานั้นคือปัจจุบัน ซึ่งมันไม่ใช่ มันเป็นอนาคตหรือเป็นอดีตที่คุณมีมา