650715 คำสอนโลกุตระที่เกิดเป็นมรรคผลพิสูจน์ได้ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1xpd9GVXNNx8eKwyuBKmO9CikIlN6ANmZ5U_4F4WPYew/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://terabox.com/s/1uaTOkC2ezZJxKpkpmRimXQ
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/eh17R8Ndvg/
และ https://youtu.be/PDBb8mrDEyA
สมณะเดินดิน… วันนี้วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความระบุ “ในสถานการณ์วิกฤติการเมือง-เศรษฐกิจโลกวันนี้ เมืองไทยนี่สวรรค์แล้ว” หลังเพื่อนสนิท 3 ราย กลับจากต่างประเทศต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพังเหมือนเหมือนที่เจอในข่าวจริงๆ ชี้ เมืองไทยดีมากแล้ว แต่ยังมีปัญหาให้ต้องแก้ และต้องสู้ไปกับมัน
วันนี้ (15 ก.ค.) นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pongprom Yamarat” เล่าเรื่องราวที่คนใกล้ชิดของตนเองมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาเล่าประสบการณ์ที่ได้พบเจอให้เจ้าตัวได้ฟัง ซึ่งพบว่าทั้ง 3 รายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เมืองไทยนี่สวรรค์แล้ว” โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
“1 เดือนที่ผ่านมา มีประสบการณ์เรื่องต่างประเทศ 3 เรื่อง เพื่อนสนิทกลับมาจากอเมริกามาเที่ยวไทย ภรรยาไปทำงานที่อเมริกา 3 อาทิตย์ น้องสนิทกลับไปเที่ยวอังกฤษ ประเทศที่เคยไปเรียนตั้งแต่ ป.ตรี ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า แม้เมืองไทยไม่ได้ดีพร้อม แต่ในสถานการณ์วิกฤติการเมือง-เศรษฐกิจโลกวันนี้ เมืองไทยนี่สวรรค์แล้ว กลับมาถึงไทยวันแรก ภรรยาผมบอกว่า “พี่โจ San Francisco กับ New York ไม่เหมือนเดิมแล้ว มันพังเหมือนที่เราอ่านในข่าวจริงๆ”
Homeless เกลื่อน ถนนสกปรก เละ ตั้งแต่ต้นปี มีเพื่อนมาเที่ยว 4-5 ครอบครัว ทุกคนโดนทุบรถขโมยของ ผมตอบว่าเพื่อนผมทุกครอบครัวที่ไปเที่ยวอเมริกา โดนทุบรถทุกคันจริงๆ
น้องสนิทผมที่ปกติด่าประเทศ (รักชาตินะ แต่เกลียดความห่วยของนักการเมือง-ข้าราชการไทย) กลับมาจาก London วันแรก
“พี่โจ ผมกลับไทยวันแรก ที่นี่คือสวรรค์” ผมว่ากรุงเทพกลายเป็นสะอาด น่าอยู่กว่าลอนดอนไปแล้ว อาหารอร่อยหาง่าย ราคาไม่แพง
เพื่อนผมคนเคนย่า คนอเมริกัน คนไทย จะย้ายกลับเยอะมาก เป็นหวัดโง่ๆนี่ รอคิวหมอ 4 ชั่วโมงนะครับ แถมของทุกอย่างแม่งแพงสัส เทียบว่าทุกอย่างแพงกว่าไทย 200-300% แต่คุณภาพชีวิตดีกว่าไม่เกิน 30% มันไม่คุ้ม
ผมถามเพื่อนว่าทำไมคนหนีออกจาก California เยอะ ข้อแรก ภาษีแพง ข้อสอง คุณภาพชีวิตแย่ Homeless เต็มเมืองเลย ส่วนขยะนี่เพียบ ข้อสาม แก๊งค์เต็มไปหมด ว่ากันว่าตอนนี้แก๊งค์มี 3,000 กว่าแก๊งค์ เวลามันทะเลาะ หรือปล้น ไม่ใช่ชกต่อย หรือเอา 9 มม.ยิงแบบในไทยนะ มันเอาปืนกลถล่มกัน ก็เพราะเปิดเสรีปืนโง่ๆของรัฐบาลอเมริกันนี่แหละ ข้อสี่ คนตกงานเพียบ เพราะเศรษฐกิจพัง หมดตัวกันเป็นแถบ
ผมเองไม่ได้ออกนอกประเทศมาร่วมๆ 3 ปี เห็นปัญหาพวกนี้แต่ในข่าว แต่พอมาฟังคนรอบๆตัวก็รู้สึกได้ถึงปัญหา ที่โพสต์นี่ไม่ได้บอกว่าเมืองไทยดีเลิศนะครับ แต่อยากจะให้เห็นความจริง ไม่ใช่ไทยดีเลิศเกินจริง หรือไทยนี่มันเลวซะที่สุดในโลก เมืองไทยนี่ผมว่าดีมากๆ แต่ตรงไหนต้องแก้ ก็ต้องเร่งแก้ แล้วสู้กับมัน เช่นการคอร์รัปชั่น ทุนผูกขาด ผังเมืองห่วย เขื่อนกันคลื่นโง่ๆเพื่อเผางบ เศรษฐกิจปากท้องที่ยังเป็นปัญหา ก็ต้องช่วยกันแก้”
พ่อครูตอบ SMS
_แม่ริ้ว รวมผลไม้ : คนผู้ที่ทำความดีเพื่อคนส่วนรวมช่างมีจิตใจที่ดีงามไม่เห็นแก่ได้มีกินมีใช้ได้สบายๆ เหลือก็เอามาแจก มีคนต่างชาติได้มาขอดูงานแบบนี้เอง ฉันชอบยินดีมาก มีคนไทยบางคนไม่รู้คุณค่าเอาแต่ด่าว่าประนามหยาบคายก็ไม่เคยที่จะสนใจในคำเหล่านั้นคงตั้งใจทำความดี.ทำงานใหญ่เพื่อมนุษย์ชาติ.แหล่งเรียนรู้แหล่งอาหารอีกแห่งหนึ่งของประเทศ..ฉันมีโอกาสได้เข้าไปชม.ไปดูและซื้อของ มีทั้งของกินของใช้ดีๆถูกๆมากรู้สึกภูมิใจชื่นใจถ้ามีสถานที่แบบนี้ทุกๆอำเภอของไทยคงจะเป็นเมืองศิวิไลแน่นอน
พ่อครูว่า… ฟังดูที่เขาด่า บางคนก็เป็นจริตช่างด่า สำหรับอาตมาตำหนิแรงแต่ไม่เคยด่าใคร การด่าคือจิตมีอกุศล มีโทสะ โมหะ แต่อาตมาไม่มีอกุศลจิต
เราเป็นแหล่งเรียนรู้ แต่คนไทยไม่ค่อยรู้กัน ต่อไปชาวต่างชาติจะมาเรียนรู้จากประเทศไทย
_ธัญญารักษ์ ชุณหเสวี : ถ้าผู้นำประเทศบริหารงานผิดพลาด ซึ่งได้ปรากฎแล้วตามคำพิพากษาของศาล ประชาชนทุกคนรวมทั้งผู้ทรงศีลย่อมมีสิทธิ์ที่จะออกมาประท้วงเพื่อให้ท่านผู้นำได้รับทราบเห็น ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเราก็ออกเช่นกัน ซึ่งการออกมาก็ออกมาอย่างสันติ สังเกตได้จากระยะเวลาในการชุมนุมที่นานที่สุด อธิบายถึงความผิดพลาดเพื่อเตือนสติผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลท่านทักษิณ/ท่านสมชาย/ท่านอภิสิทธิ์/ท่านยิ่งลักษณ์ ต้องรบกวนท่านที่คิดเห็นแตกต่างก็ค้นหาในกูเกิ้ลได้ครับ
พ่อครูว่า…จริงเราก็ได้ทำแล้วด้วย
SMS วันที่ 13-14 ก.ค. 2565
_*สว่างแสง ขวัญดาว* : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
คนในโลกโลกียะทุกวันนี้ อวด โชว์ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ซึ่งเท่ากับอวดแต่ กิ่ง ก้าน ใบดอกผลเป็นส่วนมากค่ะ ห่างไกลจากแก่นของศาสนา คือวิมุติและนิพพาน น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยเศียรเกล้าค่ะ
พ่อครูว่า…คนส่วนใหญ่จะหลงติดสุข ไม่รู้ว่าศาสนาพุทธสอนให้หมดสุขหมดทุกข์
ชัดเจนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ในมหาสาโรปมสูตร มันชัดมากว่า พระของเถรสมาคมก็จมอยู่กับสุขที่มีลาภยศ ตำแหน่งยศศักดิ์ตั้งแต่ชั้นพระครูจนถึงสมเด็จ เป็นต้น แล้วติดในสรรเสริญโดยไม่รู้ตัวเพราะกินลึก ติดสุขเนียน ไม่มีโอกาสจะรู้ทุกข์อริยสัจได้ง่ายๆ
พระอรหันต์เป็นผู้ทรงฌานอยู่ตลอดเวลา
_*มุ่ง ตรงธรรม* : กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพนอบน้อม สุดเกล้า สุดเศียร สุดจิต สุดใจครับ น้อมกราบนมัสการท่านสมณะ สิขมาตุ ทุกรูปด้วยความเคารพยิ่งครับ จากการฟังธรรมที่พ่อครูแสดงธรรม ในวันเข้าพรรษานี้ เรื่องการทรงฌานตลอดเวลาของพระอาริยเจ้านั้น นับเอาพระอรหันต์ ผู้สิ้นอาสวะกิเลส อวิชชาดับสิ้นแล้ว ท่านทรงฌานใช่ไหมครับ ฌานเป็นปกติจิตอยู่ตลอดเวลา ฌานของพระอรหันต์จึงเที่ยงอยู่เช่นนั้น จนกว่าธาตุขันธ์ของท่านแตกดับสลายใช่ไหมครับพ่อครู ไม่ทราบลูกเข้าใจตรงไหมครับ? ลูกขอความเมตตาพ่อครูให้สัมมาทิฏฐิลูกเข้าใจรู้ชอบเห็นชอบเข้าใจชอบยิ่งๆขึ้นด้วยครับ กราบสาธุ สาธุ สาธุครับ
พ่อครูว่า…พระอรหันต์ทรงฌานอยู่ตลอดเวลา คำว่าฌานคือการไม่มีนิวรณ์ 5 ฌานคือการทำให้นิวรณ์ 5 ไม่อยู่ในจิต เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วก็ไม่มีนิวรณ์สักอย่าง ชัดเจนไหม เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ถ้ายังมีนิวรณ์อยู่บางครั้งบางคราวก็ยังไม่ใช่พระอรหันต์สมบูรณ์ อาจจะเป็นอนาคามีเป็นสกิทาคามีเท่านั้น ยังไม่ใช่อรหันต์ ถ้าเป็นอรหันต์แท้จะเป็นผู้ทรงฌานตลอดเวลา และจริงๆแล้วฌานของพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ไปปฏิบัติหลับตา แต่ปฏิบัติกับการสัมผัสสัมพันธ์อยู่กับโลกตื่นๆ มีคนมีข้าวมีของอะไรสัมผัสอยู่ทางตาหูจมูกลิ้นกาย ใจก็เรียนรู้ไปกับตาหูจมูกลิ้นกาย ทั้ง 5 ทวารนี้ แล้วก็มีใจอีกหนึ่งทวาร เรียนรู้ไปอย่างลืมตา กิเลสหมดไป จิตค่อยๆเป็นฌานไปตามลำดับ จนกระทั่งเป็นฌานบริบูรณ์ก็เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ที่มีฌานถาวร ซึ่งบางคนบางรูปพระอรหันต์ก็เก่งในการทำฌาน บางคนก็เก่งไปถึงฌาน 2 บางคนเก่งไปถึงฌาน 3 บางคนเก่งไปถึงฌาน 4 อันนี้เป็นรายละเอียดของแต่ละบุคคลที่บารมีไม่เท่ากัน
สายปัญญา จะทำได้เร็วได้เก่งได้ไว สายศรัทธายิ่งหลงผิดไปนั่งหลับตาปฏิบัติจะนานมากเพราะมันติดนะ ติดในภพชาติที่ตัวเองติด มันก็ต้องเสียเวลาซับซ้อน ไปหลับตานี้น่าสงสาร ยิ่งเราเป็นศรัทธาก็ยิ่งไปหลงมันอีก มันก็ยิ่งหนักหนาสาหัสสิ ต้องมาทำโดยทางถูกทางเดียวทางมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติอยู่ในชีวิตการทำอาชีพ การกระทำ คำพูด ความคิดอยู่ในมรรคมีองค์ 8 อปัณณกปฏิปทา 3 ทำไมพวกหลับตาไม่ฟังเลย
คือเขาตัดอาตมาไป พูดไปเขาก็เลยไม่ได้ฟัง เขาก็เลยไม่ฉลาด มันจะไม่ฉลาดไปถึงไหนกันอีกนานเท่าไหร่พวกหลับตาปฏิบัติ ขอยืนยันอีกครั้งที่ 9,999 ครั้ง
ย้ำว่า ศาสนาพุทธไม่ใช่เพื่อการหลับตาปฏิบัติเลยแต่ลืมตาปฏิบัติ จะทำฌานจะทำสมาธิให้จิตเจริญ เป็นอธิจิต อธิโมกข์ เป็นวิโมกข์วิมุติ ก็ลืมตาปฏิบัติทั้งสิ้น
จริงๆแล้ว อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่มีการหลับตา มรรคมีองค์ 8 ก็ไม่ได้มีการหลับตา ทำอาชีพ กัมมันตะ พูดจา หรือนึกคิด ก็ไม่ได้ไปหลับตาที่ไหน
ใน มหาจัตตารีสกสูตร มีผู้ถามว่าปฏิบัติสัมมาสมาธิเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าตอบว่าให้ปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ เป็นมรรคองค์ที่ 8 คือสมาธิ เขาก็ไม่เข้าใจไม่ทำสมาธิคือนั่งหลับตา แต่พระพุทธเจ้าท่านให้กระทำในการทำอาชีพ การกระทำการพูดการคิด นี่เป็นสัมมาทิฏฐิอันแรกอันต้นเลย
เพราะฉะนั้นเมื่อเขาไม่สัมมาทิฏฐิตั้งแต่ต้น เป็นมิจฉาทิฎฐิตั้งแต่แรก การทำสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ มันก็ผิด สติไม่มีทางเป็นอธิปไตยปัญญาไม่มีทางได้ สติถูกครอบงำ เป็นสติไม่เต็มเต็งไม่เต็มร้อย
เหตุที่เขาปฏิบัติไม่ได้ผลเพราะว่าไม่ฟังอาตมา ไปหลงงมงาย หลงเชื่ออยู่กับอาจารย์ต่างๆ ให้พวกเขามี ปรโตโฆษะ จะได้มีโยนิโสมนสิการ จะได้มีสัมมาทิฏฐิ ไม่อย่างนั้นก็จะมี อโยนิโสมนสิการอยู่ตลอด
_*จั๊กจั่นทิพย์ สว่างล้ำ* : พี่ชายหนูที่แอบศึกษาดูพ่อท่าน ถามหนูว่าพ่อท่านอายุเท่าไหร่ ? ดูเหมือนอายุยังไม่ถึง 70 เลย หนูยืนยันนอนยันว่าพ่อท่าน ไม่นั่งวิลแชร์และไม่นอนติดเตียงแน่นอนค่ะ น้อมกราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาอายุเลย 70 ปีมา 18 ปีแล้ว อายุย่างเข้า 89 ปีแล้ว จริงๆดูหนุ่มเหมือนกับ 70 ปีที่จริงน่าจะถึง 50 60 ปีอายุ 70 ปีก็มีน้อยคนที่จะแข็งแรง
_*สุรัตนา น้อยศรี* : เจริญธรรมสำนึกดีค่ะ/ขอตั้งตบะขอปฏิบัติธรรมโดยการอ่านหนังสือของพ่อครูมีอยู่ 2 – 3 เล่มต้องอ่านให้จบฟังธรรมให้มากขึ้น ตั้งศีลข้อ1ให้ได้บริสุทธิ์ ลดของหวานและออกกำลังกายทุกวันเพื่อรักษาปอดให้แข็งแรงเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อจะได้มีชีวิตได้ศึกษาธรรมะของพ่อครูมากขึ้นค่ะ
_เดซา อำพระ : ผมไม่ใช่สายศรัทธา เวลาฟังพ่อครูก็จะสงสัย ไม่ค่อยเชื่อเลย แต่ก็จับผิดไม่ค่อยได้ พอลองเปลี่ยนจิตมาตั้งใจเชื่อ ที่พ่อครูบอกว่า เราอยากจะกินทุเรียนต้องผ่าเปลือกออกก่อน ให้ทำไปตามลำดับ เลิกกาม ออกจากกามภพให้ได้ก่อน แล้วจะเข้าใจภวภพ ทำให้ผมรู้สึกสว่างขึ้น ลองทำตาม จิตตื่นรู้ มีพลัง ไม่เมาในอาหาร เข้าใจกามภพ รูปภพชัดขึ้น ต่อไปจะระวังจิตที่คิดแย้งให้มากขึ้นครับ
_มีในสิ่งไม่มี ไม่มีในสิ่งมี • ก็แค่ แยกอายตนะภายนอก กับภายใน ออกจากกัน(ครอบงำ) ให้รู้ ให้เห็น ให้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อุปทานขันธ์ก็ไม่เกิด โลภะ โทสะ โมหะ สังโยชน์ อนุสัย ก็ไม่เกิดใหม่ กิเลสที่เกิดตามกรรมเก่า(สังโยชน-อนุสัยเดิม) ก็ชรามรณะ ดับไปกลายสภาพเป็นธาตุเดิม คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ รู้ อภิภายตนะคือการละอายะตนะ12ในขั้นละเอียดโดยอโนมัติ ขั้นหยาบคือ ขันติ ขั้นกลางคือ อุเบกขา ต้องชี้ชัดลงไปในความเป็นจริงการทำงานของ”อณูธรรมชาติ”อย่างนี้ ไม่ใช่อธิบายกว้างออกเป็นจักรวาล เพราะเมื่อรู้ “อณู”ก็จะรู้ จักรวาลเองโดยอัตโนมัติ
พ่อครูว่า…ก็ดี เขียนมาพอเข้าใจได้
อายตนะ 8 มันไม่ใช่อายตนะ 6 ไม่ใช่อายตนะ 12 และก็ไม่ใช่อายตนะที่แตกออกไปถึง 18 อายตนะ แต่เป็น อายตนะ 8 ที่พิเศษ เป็นคุณสมบัติของอภิภูบุคคล บุคคลผู้สูงยิ่งกว่า สยังอภิญญาอีก เป็นโพธิสัตว์ระดับ 8 แล้ว เรื่องนี้เข้าใจกันไม่ง่ายแต่อาตมาก็ต้องพูดเอาไว้ เป็นความจริงที่อาตมาพูด เพราะยุคนี้อาตมาเป็นโพธิสัตว์ต้องพูดทุกอย่างเอาไว้ เพื่อต่อเชื่อมโลกุตรธรรมที่มันได้เสื่อมจนหมดไปแล้ว ส่วนมันจะได้มากพอ มันจะมีมวลมีกำลังของโลกุตระมากพอ จนกระทั่งไม่ต้องมาเกิดมาอีกจนกว่าจะถึง 5,000 ปี แต่ดูท่าทีแล้ว คงจะต้องเกิดมาอีกเพราะมันยังอ่อนแรง ยังแคบ ยังไม่กระจายไป
ที่จะกระจายได้ ก็คงไปทางรูปธรรม เถรสมาคมก็เฉย ไม่ต้านอะไรมากมาย ไม่ยินดี ไม่ว่าจะเป็นสายพระบ้านหรือพระป่า ก็ไม่สนใจ อาจจะต้านอาตมาจนเมื่อยแรงแล้วไม่เอาแล้ว เขาอาจว่าดื้อดึงดันจังเลย แต่อาตมาไม่ได้ดื้อดึงดัน แต่อาตมายืนหยัดยืนยัน
ดื้อดึงดันนั้นพวกดันทุรัง ส่วนยืนหยัดยืนยันอย่างอาตมานั้นมันดันสุรัง คือดันไปในทางที่ดี
_Sx It • น้อมกราบ นมัสการพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ด้วยความเคารพสูงสุดเหนือเศียรเกล้าค่ะ ดิฉันเป็นผู้ปฎิบัติธรรมนอกวัดเพราะวิบากเรื่องหนี้ยังแก้ไขไม่ได้ แต่การปฏิบัติธรรมคือถือศีล 5 และงดเนื้อสัตว์มานานกว่า 10 ปีแล้วค่ะ เข้าพรรษาปี 2565 นี้ ดิฉันตั้งใจปฎิบัติธรรมขั้นศีล 8 ให้ได้ตลอดพรรษา ค่ะ
_Jutamas. zaa (จุฑามาศ สา) • ไครหนอยังหลงเชื่อตาโพธิรักษ์ ลองไปศึกษาพระสายหลวงปู่มั่นดูสิ ลองโทรมาแลกความรู้กับผมก็ได้นะ 095-7620486 ครับ ถ้าตาโพธิรักเป็นพระอรหันต์ในหลวง ร.๙ ไปกราบแกแล้วเชื่อผมสิ
พวกสาวกเขาเคยอ่านคอมเมนหรือเปล่าหนอ ผมไม่เก่งหนังสือนะ อ่านพอได้แต่เขียนสะกดไม่เก่ง
ใครบอกแกทําวิญญาณให้เป็นพืช แกนี้เลอะเทอะไปใหญ่แล้วผมจะบอกให้นะว่า ในโลกนี้มีธาตุแท้ๆอยู่ ๖ ธาตุ ๑.ธาตุน้ำ, ๒.ธาตุดิน, ๓.ธาตุไฟ, ๔.ธาตุลม, ๕.ธาตุวิญญาณ, ๖.ธาตุอากาศคือธาตุช่องว่างนั่นแหละ ธาตุพวกนี้ไม่มีใครสร้างใครจะรู้แจ้งโลกเท่าพระพุทธเจ้าละถามหน่อย ท่านใช้ญาณส่องไปดูก็ดูไม่ถึงเพราะมันโลกเกินวิสัยของท่าน ท่านก็เลยอนุมานเอาพาสาชาวบ้านก็เดานั่นแหละว่าสิ่งไหนไม่มีเกิดก็ไม่มีดับสิ่งไหนมีเกิดสิ่งนั่นต้องมีดับเพราะพระพุทธเจ้าท่านเก่งท่านเลยเดาถูก ผมเบื่อจะพิมพ์แล้วพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกบ้าง โทรมาคุยกับผมดีกว่าครับเบอร์ผม 0957620486 ; กฤษณะ ปิ่นเนตรวงษ์
พ่อครูว่า…ต้องขออภัย อาตมาไม่มีโทรศัพท์ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์สายเขาเลิกใช้กันแล้ว โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีก็คงไม่ได้โทรไปก็ขออภัย
_คนเหนือฟ้า เอื้ออาทร • กราบนมัสการพ่อครูและนักบวชทุกรูปค่ะ การเทศน์ของท่านให้ความรู้ บางครั้งเป็นคำๆ บางครั้งเป็นประโยค บางครั้งเป็นเรื่องๆ ทำให้เห็นการดำเนินของสภาวะของตน(โลภ โกรธ หลง)ได้ กราบขอบพระคุณค่ะ
_หงส์เฟย (hongfeo freefire pubg mobile) • เรียนมากก็เพี้ยนไปหมด ไปตามพระไตรปิฎก ไม่เคยฝึกปฎิบัตจริง ก็เลยแยกเเยะสูงต่ำ ฟังนะ พระอรหันต์จะไม่ตำหนิไคร จำเอาไว้ท่าน มีเเต่เมตตา การที่คนเราจะบรรลุธรรมได้คือปฎิบัติจริงไม่ไช่มีแต่พูด ผมนี้ล่ะคือ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว คำสอนของท่านมันตามหนังสือครับ แต่หลวงตามหาบัวท่านเรียนกับพระพุทธเจ้าครับ เพราะผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา นี้ล่ะของจริง ไม่ไช่หนังสือ
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้ามีหรือในยุคนี้
หลวงตาบัวผิดข้อไหนตอบ
_Boo Dy • หลวงตาบัวผิดข้อไหนตอบ
พ่อครูว่า… หลวงตาบัวนี้ผิดตั้งแต่เริ่มเห็นชัดๆเลยกินหมากกินพลูติดปาก แล้วบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ นั่นมันผิดมหันต์ ไม่ใช่เป็นอรหันต์ ยิ่งมีการคุยโวโอ้อวดไป แม้แต่บอกว่าการปฏิบัติตนเองบรรลุสูงสุด ไม่เกิดอีกแล้วชาติหน้า ก็พูดไป ยกตัวอย่างตัวเองทำประโยชน์ให้ประเทศ ก็เป็นอุปกิเลสของหลวงตาบัว ติดยึดในตัวเอง ทำทานแล้วแทนที่จะไม่ต้องมี สาเปกโข ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข ปริภุญชิตสามีติ ไม่ไปรอกินชาติหน้า
ชาตินี้ หลวงตาบัวก็ยังติดยึดในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วอวดดิบอวดดีไม่หาย คุยโว ทำมากทำหนักทำอย่างจริงจัง รับรองสุจริตไม่มีตกหล่นไม่มีผิดเพี้ยน คุยโวอยู่นั่นแหละ ไม่รู้แม้แต่อุปกิเลสที่มันเป็นกิเลสซ้ำซ้อนติดยึดอยู่ ก็ไม่รู้ ก็ผิดอยู่ทั้งนั้น ก็เห็นมีทั้งกามทั้งอัตตาทั้งมิจฉาทิฏฐิ รวมแล้วอวิชชา
หลวงตาบัวสรุปแล้ว ยังมีอวิชชาอยู่เต็มบ้อง สายนั่งหลับตาก็เป็นมิจฉาทิฏฐิมีอวิชชาแล้ว เพราะฉะนั้น ยิ่งชวนคน พาคนหลงผิดตามก็ยิ่งบาป ลงนรกอเวจีหนักใหญ่ แล้วคนก็หลงผิดตามไปมากด้วย เพราะเป็นยุคที่คนเสื่อมไปจากศาสนาพุทธเยอะมาก ก็เลยหลอกหรือว่าทำแบบที่มันง่าย
ก็ตอบที่ว่า เขาว่าอาตมาไม่เคยปฏิบัติจริง คุณไม่ตามประวัติอาตมาดีๆ อาตมาปฏิบัติในชาตินี้ชาติที่เป็นโพธิรักษ์ ทั้งไปหลับตาก็เคยปฏิบัติจริง ออกป่าก็เคยไปปฏิบัติจริงออกป่าก็เคยไปปฏิบัติจริง อาตมาเคยทำมาทั้งนั้น ทำตามแบบสายหลับตาปฏิบัติเข้าป่า อาตมาเคยเข้าป่าเมืองกาญฯ ขี้ออกมาก็เคยลองกินขี้ตัวเองเข้าไปด้วยซ้ำไป อาตมาทำถึงขนาดนั้นนะ ขม ขี้นี้มันมีดีผสมมาก็ขม แล้วไม่ได้กินมากหรอก ชิมเท่านั้นเอง ไม่ใช่ของอร่อย อย่ากินมาก ก็เป็นการทดสอบ เป็นการเรียนรู้ มันเป็นมูขวัตร มันเป็นสิ่งไม่ควร แต่อาตมาปฏิบัติลองมาหมด พูดให้ฟังไม่ใช่อะไร เขาหาว่าอาตมาไม่ได้ปฏิบัติ
ยิ่งทาง สัมมาทิฏฐิทั้งหมด ปฏิบัติจนกระทั่งพาให้พวกเราปฏิบัติสัมมาทิฏฐิลืมตาปฏิบัติเรียนรู้จรณะ 15 วิชชา 8 จึงปฏิบัติบรรลุธรรม มาเป็นสังคมที่แสนสงบ แสนสุขด้วยความจน ตามที่พระเจ้าแผ่นดินไทยรัชกาลที่ 9 ตรัสว่า มาเอาแบบคนจน พวกข้าราชบริพาร ก็รับลูกไม่ได้ก็จะเอารวยอยู่นั่นแหละ เพราะเข้าไม่ถึงว่า มาเป็นคนจนแล้วจะอยู่อย่างไร
คนจนที่เจริญธรรมะโลกุตระพระพุทธเจ้าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนบรรลุธรรมที่สุดยอดไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้แกล้งข่ม ไม่ได้ทรมานอะไรเลย มีแต่สุขสำราญเบิกบานใจจริงๆ
เศรษฐกิจโลกจะฉิบหายวายป่วง จะล้มระเนระนาดอย่างไร พวกนี้เป็นไง พวกเราไม่มีผลกระทบ สบม ทมด ปกต หห จจ ปกต หห จจ มชยลล สบายปกติธรรมดา หายห่วง จริงๆไม่เชื่ออย่าลบหลู่
(พ่อครูไอตัดออกด้วย) นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน…เปรียบเทียบสิ่งที่เจ้าสำนักอื่นๆทำกับ สิ่งที่พ่อครูทำมา 50 ปีมีผลผู้คนมีชุมชนมีองค์ประกอบที่ตามไปดูได้ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์มั่นหรือหลวงตาบัวก็ไปดูผลงานที่เกิด
พ่อครูว่า… ไล่ขึ้นไปหลวงตาบัวผิดอะไรข้อไหน พูดไปก็เท่านั้น เพราะพูดไปมากแล้ว ที่ย้ำมากเพราะอะไร ที่บอกว่าคำสอนของอาตมาตามหนังสือนั้น ก็ต้องขอบคุณที่ชม ที่หมายถึงตามพระไตรปิฎกเลย ส่วนที่บอกว่าหลวงตาบัวเรียนกับพระพุทธเจ้านั้นเป็นการอวดอุตริ วิตถารไป พูดเข้าไปได้ พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปตั้ง 2,500 กว่าปีแล้ว
ขอยืนยันว่ามหาบัวได้อธรรมไปเต็มเปา เต็มบ้อง ในชาตินี้ที่มาบำเพ็ญนั้นน่าเสียดายชีวิต หลวงตาบัวบวชมาตั้งแต่ตอนหนุ่มๆนะ จนกระทั่งตายคาผ้าเหลือง ก็น่าเสียดายชีวิตจริงๆ ตัวเองไม่ได้อะไรเลย ได้แต่นรกอเวจียังไม่พอ ยังพาคนลงนรกอเวจีอีกมากด้วย อันนี้สิ มันบาปหนักบาปหนา
ผู้ที่ยังหลงใหลได้ปลื้ม ติดลัทธิมหาบัวอิซซึ่ม ก็ฟังอาตมาบ้าง มีปรโตโฆษะบ้าง
พ่อครูสอนและทำได้ตามพระไตรปิฏกจริง
แล้วคุณคนนี้(หงส์เฟย) ก็บอกว่า… การจะบรรลุธรรมได้คือปฏิบัติจริงไม่ใช่มีแต่พูด …
การปฏิบัติธรรมจริงนั้นคือการพูดและการทำ แต่ไม่ใช่เป็นการทำหลับตาหรืออย่างมิจฉาทิฏฐิ ทำงานอาชีพให้สัมมาทำกัมมันตะไม่สัมมา คุณฟังตามให้ดีแล้วจะได้ปัญญา ทำอาชีพอยู่ ไม่ได้หลับตา ไม่ได้ไปหาที่หลับตานั่งตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่นอะไร อาตมาก็ทำอาชีพ ทำกัมมันตะ ทำวาจา ก็พูด เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์ต้องมากอบกู้โลกุตรธรรมหนักหนาสาหัสในการบรรยายมาก ก็เลยเห็นเด่นว่า เป็นผู้พูดมาก แต่ที่จริงก็ทำอย่างอื่นอยู่คิดนะอาตมามีอยู่แล้ว โพธิสัตว์ระดับ 7 แล้ว สังกัปปะ 7 ก็แยกแยะรายละเอียดให้ฟังนานแล้ว
ขออภัยไม่ใช่อวด มีใครมาแจกแจง วิจัย ธรรมะได้ละเอียดลออเท่ากับอาตมาทำมากเท่ากับอาตมา 52 ปีมานี้อาตมาพูดปากเปียกปากแฉะก็ใช้คำพูดเป็นหลักซึ่งไม่ผิดนะเอาแต่พูด
ทีนี้บอกว่า ฟังนะ พระอรหันต์จะไม่ตำหนิใคร นิ่งขี้หมาแหละครับ พระพุทธเจ้าแท้ๆเองท่านยังบอกว่าท่านจะตำหนิแล้วตำหนิอีก อานนท์ เหมือนช่างปั้นหม้อกำลังปั้นหม้อที่ดินยังเปียกๆอยู่ นี่ยืนยันคำของพระพุทธเจ้า ส่วนคุณอ้างอิงอะไรไม่ได้เรื่องเลยผิดหมด
และอาตมานี่แหละจอมเมตตา ตำหนิด้วยเมตตา ตำหนิด้วยปรารถนาดี เหน็ดเหนื่อยแต่มีความเมตตา เหน็ดเหนื่อยแต่มีความปรารถนาดี ซึ่งคุณเข้าใจธรรมะไม่ได้เลย เมตตาไม่ใช่ยกยอปอปั้นหรือตำหนิกันไม่ได้เลย อันนั้นมันหายนะไม่ใช่เมตตา
ที่บอกว่าอาตมาเรียนมากเพี้ยนไปตามพระไตรปิฎกหมด ซึ่งคุณต่างหากที่เพี้ยนไปจากพระไตรปิฎก ที่บอกว่าอาตมาไม่เคยปฏิบัติจริงนะน่าสงสาร สงสารผู้ที่พูดผู้ที่ไม่รู้เรื่องว่าปฏิบัติคืออะไร
ปฏิบัติคือปฏิบัติ จรณะ 15 ปฏิบัติตั้งแต่ศีลเป็นหลักแล้วก็มีพฤติการณ์ อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ซึ่ง ลืมตาปฏิบัติหมด ไม่ใช่ไปนอนหลับกินอาหาร โภชเนมัตตัญญุตา ไม่ใช่ แต่นี่ตื่น มา ชาคริยานุโยคะ สำรวมอินทรีย์ 6 ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ไม่ใช่ไปสำรวมอินทรีย์ 1 แต่ใจอย่าให้ออกนอกใจ ซึ่งมันผิดเพี้ยนไปไกล ไม่ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้าเลย
แล้วใครตีความผิดไปจากพระไตรปิฎก อาตมาพูดด้วยความเมตตา เวทนา จริงใจ สงสารจริงๆ เพราะเห็นพวกคุณตกอยู่ในสงสารทั้งนั้น ไม่รู้จะว่ายังไง
เพราะฉะนั้นผู้ที่ฟังแล้วได้ประโยชน์ ฟังแล้วเห็นดีเห็นงาม ไม่หลงผิดไปอย่างชัดเจนแล้วมีแต่ชัดเจนว่าอันนี้คืออย่างนี้ ถูกเป็นเช่นนี้ ก็เป็นกุศลที่อาตมาทำงานแสนยากเพราะว่าคนเสื่อมจากโลกุตตรธรรม
ศาสนาพุทธทั้งมหาเถรสมาคมนั่นแหละต่างก็แย่งตำแหน่งพระครู เจ้าคุณ สมเด็จ อะไรกันอยู่อย่างนั้น เสร็จแล้วพอตายลงที สมบัติก็เยอะเงินทองต่างๆ มีจนกระทั่งถึงขั้นว่า เมื่อตายแล้วไปเปิดห้อง เจอกองธนบัตรกองเหรียญเทมาทับคนเปิด มีถึงขนาดนั้นล่ะ บางคนก็มีบัญชีส่วนตัวเป็นชื่อตนเองมีเงินเท่านั้นล้านเท่านี้ล้าน ขนาดหลวงปู่แสง มีตั้ง ร้อยกว่าล้าน โอ้
นี่ มีหลักฐานสิ่งยืนยันอยู่แล้วว่ามันนอกรีต แล้วไปหลงผิดหลงเลอะเทอะกับผู้ที่พาให้ผิดพลาดให้ออกนอกรีตนอกศาสนาพุทธ ก็เห็นใจเหมือนกันว่าเขาไม่มีปฏิภาณปัญญาพอจะรู้สัมมาทิฐิ สัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธ ก็เห็นใจเหมือนกันว่าเขาไม่มีปฏิภาณปัญญาพอจะรู้สัมมาทิฏฐิ
ต้องพยายาม เหน็ดเหนื่อยไป ลำบากลำบนก็จำเป็นที่ต้องเห็น ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นเขา อาตมานี้มันหนักเท่ากับเข็นเขาขึ้นครก มันเท่ากับสีควายให้ซอฟัง หนักประมาณอย่างนั้นเลย
บุคคล 3 ประเภทแรกในบุคค 7 ของศาสนาพุทธ
อาตมาตั้งใจจะอธิบายเรื่องบุคคล 7 ล.36
[๔๖] บุคคลชื่อว่าสัทธานุสารี เป็นไฉนสัทธินทรีย์ของบุคคลใดผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล มีประมาณยิ่ง อบรมอริยมรรคมีสัทธาเป็นเครื่องนำมา มีสัทธาเป็นประธานให้
เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า สัทธานุสารีบุคคล ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
ชื่อว่าสัทธานุสารี ผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าสัทธาวิมุต
[๔๔] บุคคลชื่อว่าสัทธาวิมุต เป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่านี้ความดับทุกข์ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อนึ่ง ธรรมทั้งหลายที่พระตถาคตประกาศแล้ว ผู้นั้นเห็นชัดแล้ว ดำเนินไปดีแล้วด้วยปัญญา อนึ่ง อาสวะบางอย่างของผู้นั้นก็สิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญาแต่มิใช่เหมือนบุคคลผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ บุคคลนี้เรียกว่าสัทธาวิมุต
พ่อครูว่า… แม้แต่สัทธาวิมุติ ต้องมาปฏิบัติมีปัญญาลืมตาเห็นแสงสว่างมีผัสสะ ไม่อย่างนั้นก็มุดอยู่กับมิจฉานิโรธ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าท่านตรัสรู้ด้วย จักขุ (ในพระไตรปิฎกเล่ม 1 ) ท่านระลึกชาติไปว่าท่านเป็นสัมมาสัมพุทโธมาแล้วแต่ชาติก่อน
คนไม่รู้สภาวะตรงทุกอย่างที่อาตมารู้นี้มีนี้เขาพูดอย่างนี้ไม่ได้หรอก ก็มันทั้งสับสนจะพูดไม่รู้เรื่อง แต่อาตมาพูดได้รู้เรื่อง
[๔๕] บุคคลชื่อว่าธัมมานุสารี เป็นไฉนปัญญินทรีย์ของบุคคลใด ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลมีประมาณยิ่ง บุคคลนั้นย่อมอบรมซึ่งอริยมรรคอันมีปัญญาเป็นเครื่องนำมา มีปัญญาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า ธัมมานุสารี บุคคลผู้ปฏิบัติแล้ว เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าธัมมานุสารี บุคคลผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ
พ่อครูว่า… เป็นตระกูลพุทธิจริต
สัทธานุสารี หากมิจฉาทิฏฐิจะไปจมกับสัทธาวิมุติอีกนาน นั่งหลับตามีแต่สัญญากำหนดทวนอยู่ในภพชาติไม่ได้ออกมาเห็นความจริง ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ทวาร 5 กระทบภายนอก แล้วเกิดสภาพปัจจุบันชาติ ปัจจุบันธรรม เมื่อกระทบจริง มีกิเลสมันก็เป็นกิเลสจริงๆไม่ใช่กิเลสที่เกิดจากความจำในทิฏฐิ 62 ในอดีต 18 อนาคต 44 ไม่ใช่เลย
ถ้าฟังอันนี้เข้าใจจะรู้ว่าเราเคยจมอยู่ในทิฏฐิ 62 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก ค้นพระสูตร สูตรที่ 1 เลย ก็อยู่กับชาละ ข่ายแห ข้องอยู่เหมือนลิงติดแห พรหมชาลสูตรคือพระสูตรว่าด้วยข่ายแห ติดอยู่อย่างนั้น ไม่ออกมาง่ายๆ สำหรับพวกสัทธาวิมุตที่ติดอยู่อย่างนั้น
กว่าจะมีปัญญาขึ้นมาก็ต้องลืมตา หลับตาไม่มีปัญญา ในพระไตรปิฎกเล่ม 14 มหาจัตตารีสกสูตร พระพุทธเจ้าท่านยืนยันชัดเจนในข้อ 258
ปัญญาจะเกิดได้ ต้องปฏิบัติมี
-
ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ 2. สัมมาทิฏฐิ 3. มัคคังคะ แล้วถึงจะเกิดปัญญาปัญญาอินทรีย์ปัญญาผล ด้วยการปฏิบัติสัมมาทิฏฐิ แล้วปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 มีการทำอาชีพ การ กระทำ การพูด การคิด