650629 ตอบปัญหาผ่ามิจฉาทิฏฐิในชาวพุทธเมืองไทย พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/12ZU7arp9O6FOza-G2ds0tlGPuWctQo7U2_TQB73U0Ls/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1_0PeosNMLgOFfCeo7DfE4WBlnD4f0oDm/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/dXX5TXNbgn/
และ https://youtu.be/yGdK2_t4PJY
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้บ้านราชฯก็เตรียมต้อนรับปีใหม่ 2566 ก็ต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงแก้ไขพัฒนาเพื่อจะต้อนรับพี่น้องที่มาจากต่างถิ่น หมู่สมณะก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ประชุมอปริหานิยธรรม ก็ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง อีก 1 ชั่วโมงทำ 5 ส. บางแห่งพอรู้ว่าเราจะไปก็ทำก่อน เราก็เลยเปลี่ยนไปทำที่ อาคารอาชีวะแทน บางแห่งได้ข่าวก็เลยจะนิมนต์สมณะไป เรายินดีรับกิจนิมนต์ ที่ทำงาน บ้านใครทำที่รกๆ ได้ออกกำลังกายด้วย แต่หากจะไป เจ้าของฐานงานก็ควรอยู่ด้วย เพราะว่าอันไหนหยิบได้ไม่ได้ อันไหนเอาออกได้หรือไม่ได้ ก็ต้องบอกกัน
สถานการณ์โควิด ที่บ้านราชฯก็กลับมาระบาดอีกรอบ เด็กที่เคยติดแล้วก็กลับเป็นซ้ำอีกได้ แสดงว่าเกี่ยวกับภูมิต้านทานของคนที่ลดลงเชื้อก็กลับมาใหม่ได้ เลยต้องทำการปฏิวัติการกินการอยู่ เช่น การกินน้ำแข็งก็ควรจะงด ไอศครีมก็ควรงด
พ่อครูว่า… อาตมาทุกวันนี้กินน้ำแข็งไม่ได้ ไอศครีมก็กินไม่ได้ เพราะมันเย็นฟัน ไม่ไหว กินน้ำเย็นก็กินไม่ได้
สมณะฟ้าไท… ทำให้ภูมิต้านทานลดลงด้วยครับ เด็กเราตอนนี้จะแจกวิตามินซีทุกวันให้กินเพื่อสร้างภูมิต้านทาน
พ่อครูว่า… SMS วันที่ 27 มิ.ย. 2565
ชมคนที่ควรชม ตำหนิคนที่ควรตำหนิ
_*Took Aswin (ตุ๊ก อัศวิน)* : ช่วงรายการตุ้มตะลุ่มตุ้มม้ง ที่พ่อครูสอบถามถึงพันธุ์ทุเรียนที่อยู่ตรงหน้าพ่อครูนั้น คือ ทุเรียนภูเขาไฟอันเลื่องชื่อ ของ จ.ศรีสะเกษ เอกลักษณ์ คือ กรอบนอก-นุ่มใน(เนื้อลาวา)
พ่อครูว่า… นี่ วิธีการโปรโมท อะไรจะให้นิยมก็ให้โปรโมทไป คนเราควรจะแถมอะไรสิ่งที่ควรเติม คนที่มีความดีเราก็ชม เหมือนกับที่เขาเหยาะน้ำปลา น้ำตาล พริกให้คนเขารู้สึกดีหน่อย ไม่งั้นก็ไปลงแต่คนชั่ว ใส่ให้คนชั่วแหลกเลย คนดีมันก็น่าจะปรุงแต่งบ้าง
คนไทย มีนิสัยไม่ยกคนดีไม่ค่อยชมคนดี เหมือนเมืองนอก ชมก็ชมไม่จริงใจ ไม่เต็มที่เหมือนเมืองนอก เมืองนอกเขาชมคนดี เขาชมจริงๆ ถล่มคนชั่วเขาก็ถล่มคนชั่ว สอนแบบพระพุทธเจ้า นิคฺคเณฺห นิคฺคหารหํ ปคฺคเณฺห ปคฺคหารหํ ควรข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง คนที่ควรตำหนิก็ตำหนิเข้าไป คนที่ควรชมก็ชมเข้าไป อันนี้เราชมคนดีไม่ค่อยมาก แต่ตำหนิได้มาก เขาก็หาว่าได้แต่ตำหนิคนอื่น เราก็ไม่รู้จะทำไง ก็ทำไปตามที่พอทำได้ เอาใจยากคนเรานี่
ผี เทวดา เปรต อสุรกาย โอปปาติกะ ที่เป็นทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ
_*วิเชษฐ จันทรศรี * : ผมเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณแตกต่างจากบุคคลทั่วไป หลังจากได้ฟังการบรรยายธรรมเรื่องจิตวิญญาณ, ผี เทวดา เปรต อสุรกาย โอปปาติกะ จากพ่อครู เป็นสิ่งที่หาฟังจากอาจาร์ยท่านอื่นไม่ค่อยได้ การเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้าในยุคมารครองเมือง มันยากเย็นแค่ใหน ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจพ่อท่านมากๆ ถ้าไม่มีความอดทนและความปรารถนาดีที่จะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ คงเดินบนเส้นทางนี้ไม่ได้
พ่อครูว่า…จริง อาตมามีอินทรีย์ มี ทมะ ขันติ มีความอดทน มีความตั้งหน้าสู้ สู้จริงๆเพราะอาตมาเข้าใจยุคสมัย ว่า ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยพุทธศาสนาเสื่อม คนเสื่อม พระพุทธศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนชาวพุทธ เสื่อมจากพุทธศาสนาโดยเฉพาะโลกุตระ ส่วนเรื่องที่ผิดๆนี้มันตรงกันข้ามกัน เรื่องผิดๆนี้เขาปรุงแต่งความผิดๆ โอ้โห อินเดียยังสู้ไม่ได้
มิจฉาทิฏฐิของอินเดียยังสู้มิจฉาทิฏฐิของคนไทยไม่ได้ มิจฉาทิฏฐิของคนไทยมีต้มยำทำแกงธรรมะ ไปเอาสารพัด ผีสาง เทวดา มาร พรหม สิ่งที่มันไม่รู้ว่าอยู่ในนรกขุมไหน เปรต อสุรกาย เทวดาก็ใส่เป็นเทวดาเลอะเทอะ ผีเน่าๆเต็มไปหมด มันสุดแสนจะเลอะเทอะ เละเทะ
สมณะฟ้าไท…มีนิทรรศการผีทั่วโลก ผีเมืองไทยเยอะที่สุด
พ่อครูว่า… อันนี้เป็นเรื่องจริง พวกชาวต่างประเทศเขาไม่เห็นจะมีผีมากเท่าคนไทยเมืองไทย หลงเทวดาก็หลงจัด หลงเพ้อพก ลมๆแล้งๆ กว่าเขา หลงผีก็เยอะกว่าเขา แล้วเสียเวลาเซ่นไหว้อะไรต่ออะไร เห็นแล้วน่าสงสาร
ความเป็น ถ้าจะเรียกโดยพยัญชนะ ความเป็นผี เป็นเทวดา เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ก็คือโอปปาติกะ คือจิตวิญญาณ ความเป็นผี เทวดา เปรต อสุรกาย ก็คือจิตวิญญาณ แล้วในตัวคนนี่มันมีจิตวิญญาณ
ก็ตัวคนนั่นแหละเป็นปัจจุบันนี้ให้เห็นๆเลย ต่อให้ผีออกจากร่างค่อยไปเป็นผี ออกจาก ร่างค่อยไปเป็นเทวดา ออกจากร่างแล้วค่อยไปเป็นเปรต ออกจากร่างแล้วค่อยไปเป็นอสูรกาย มันก็อันเดียวกับที่มันมีอยู่ในตัวคุณตอนนี้ แล้วขณะที่มีอยู่ในตัวคุณ จิตวิญญาณหรือโอปปาติกะของคุณ มันเป็นผีอยู่ขณะนี้จริง เพราะมันเป็นปัจจุบันธรรมมอยู่ในร่างกายเรานี้
เพราะฉะนั้นจะทำลายต้องทำลายตอนนี้ ตายไปแล้ว มันไม่มีเหตุปัจจัย ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกาย ไม่มีภายนอก เพราะฉะนั้น ,การที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อให้หลุดพ้นได้ เกิดกิเลสที่เป็นของจริง ของจริง คือปัจจุบันที่มีร่างกาย มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยู่ด้วยกันเรียกว่า กาย มีคู่ทั้งภายนอกและภายใน
พอสัมผัสอะไรหรือไม่สัมผัสก็ตาม แต่ถ้าคุณลืมตา มีสัมผัสทั้งนั้น สัมผัสแล้วคุณก็เกิดกิเลส กิเลสนั้นเป็นกิเลสปัจจุบัน คุณก็เรียนรู้จับกิเลสปัจจุบันนี้ ฆ่าหรือว่า ทำให้เกิดปัญญา เข้าไปทำลายหรือจัดการพลังงานปัญญา พลังงานฌาน มันจะเข้าไปจัดการกับกิเลสที่เป็นตัวจริงๆสดๆ หลัดๆ แต่ไอ้ตัวดองๆไว้ที่มันตายแล้วหรือตอนหลับตา ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายได้สัมผัสจริง มันเป็นผี เทวดา หรืออสุรกาย เปรต มันเป็นผีดอง เทวดาดอง อสุรกายดอง เปรตดอง จะดองเค็มดองเปรี้ยว ดองน้ำซาวข้าวก็ตาม มันเป็นของไม่สด มันเป็นของไม่เป็นปัจจุบันธรรม มันไม่เป็นของจริง
ปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่จริง เลยจากปัจจุบันไปนิดนึงก็ไม่ใช่แล้ว ยังไม่ถึงปัจจุบันก็ไม่ใช่ของจริง เลยปัจจุบันไปก็ไม่ใช่ของจริง จำความนี้ให้ถนัด
เพราะฉะนั้นใครหนีจากปัจจุบัน แม้เศษเสี้ยวหนึ่งของวินาทีมันก็ไม่ใช่ของจริงแล้ว ยังไม่ถึงปัจจุบันเลยนี่ ห่างไปอีกตั้งหลายวินาที หรือ เศษร้อยของวินาที ยังไม่ถึงปัจจุบันมันก็ยังไม่ใช่ความจริง
เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่อยู่ปัจจุบันที่มีตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส อย่างเป็น ปัจจุบันธรรม เป็นทิฏฐกาละ หรือเป็นปัจจุบัน Suddenly หรือสัมปติ ขณะนี้บัดนี้เลย เป็นพวกที่เพ้อพกอยู่กับของที่ไม่สด ไม่ใหม่ ไม่จริง ไม่แท้ ของเน่า ของดอง ของเก็บ ของกัก ของไม่ใช่ตัวทันที ไม่ใช่ตัวปัจจุบัน ไม่ใช่ตัวที่เต็มๆ ตัวสดๆ
เพราะฉะนั้นยิ่งไปนั่งหลับตาเลยแล้วก็ไปปฏิบัติธรรม อาตมาพูดไปจนตายแหละเรื่องนี้ เพราะเขายังไม่สะดุ้งสะเทือน ถ้าลดลงไปมากหรือหมดเลย อาตมาหยุดพูด แต่นี่มันยังมีเหลือหลายยังมีมาก มันจึงต้องขย่ม ต้องขย่ม ต้องขย้ำ ต้องขยี้ จนเขยกก็ต้องเขยกวะ
เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณเข้าใจได้ว่า ผี เทวดา เปรต อสุรกาย มันเป็นความจริงอย่างไร
เป็นความจริงที่จริงที่สุด ว่า มันเป็นอยู่ที่ปัจจุบันนี้ คุณจะสมมุติว่าเป็นสวรรค์ มันก็เป็นสวรรค์อยู่ในขณะนี้ คุณจะสมมติว่าเป็นนรก ไม่ใช่สมมติหรอกแต่มันเกิดอาการ ปัจจุบันของสวรรค์ของนรก คุณหมดอวิชชาแล้วไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก มีแต่นิพพาน มีแต่ส่วนใหญ่ มีแต่อนัตตา ไม่มีพระอรหันต์ ไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก
เพราะฉะนั้นสวรรค์ 6 ชั้น หรือนรก ไม่รู้กี่ร้อยชั้นก็ตาม พระอรหันต์ไม่มีนรกแน่ สวรรค์ก็ไม่มี
สวรรค์ชั้นจตุมหาราชเป็นสวรรค์ชั้นที่เลวที่สุด ทางรูปธรรม ทางหยาบ เห็นชัดๆเลยมีเขี้ยว มีดาบ มีหอก มีอะไรมาไล่ฟันไล่แทงไล่ทำร้ายทำลายเขา เหมือนชาวต่างประเทศที่ไปทำร้ายทำลายประเทศอื่นใดนั่นแหละ แล้วก็ล่าอำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข สวรรค์วิมานโดยที่ตัวเองไม่สามารถรู้ ไม่สามารถมีปัญญาในเรื่องของทางสัจธรรมโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นเขาก็ยังเป็นอย่างนั้น เป็นท้าวจตุมหาราชกัน จะล่าไปหมดทั้ง 4 ทิศ จตุก็คือ 4 จะยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ทิศ ในโลกนี้มันมี 4 ทิศ จะยิ่งใหญ่ให้หมดแล้วก็แย่งชิงอวดศักดา เป็นใหญ่เป็นโตเบ่งข่มคนนั้นคนนี้ จะเป็นอย่างนั้นอยู่ เพราะไม่มีหรอกโลกุตรธรรม
เพราะฉะนั้นประเทศที่ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่ไปรบราฆ่าฟันกับใครแล้ว เช่น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาก็เคยทำมาแต่โบราณจนกระทั่งเขารู้แล้วก็หยุด สวิตเซอร์แลนด์ เลยกลายเป็นประเทศที่คนไว้ใจที่สุดในโลก คนไว้ใจที่สุด สวิตเซอร์แลนด์
มันมี อจินไตย ว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่สร้างนาฬิกา นาฬิกาเป็นเครื่องบอกความตรงของกาละ นาฬิกาที่ราคาเรือนเป็นล้านๆ มาจากสวิตหมด สวิตมีอาชีพทำนาฬิกาเป็นหลักมานาน
เพราะฉะนั้นผู้ที่จะสามารถรู้จักโลกุตรธรรม รู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้วเข้าใจความจริงของจิต รู้อาการโลภ โกรธ หลง จะต้องทำตน หรือว่า ประชากรสมาชิกของตน ให้เป็นอยู่อย่างไร
อย่างอาตมา เกิดมาในชาตินี้ก็เกิดมาทำงานสอน สอนอยู่ในประเทศไทย โดยอาตมาประกาศศาสนาของพระพุทธเจ้า เอาของพระพุทธเจ้ามาประกาศ เอามาอธิบาย จนพวกคุณมาได้ฟัง มารับรู้ เข้าใจ จนกระทั่งได้มรรคผล แล้วจึงมา อาตมาไม่ได้พูดเล่นนะ พวกคุณมานี่เป็นผู้ที่ได้มรรคผล ทางด้านเถรสมาคมหรือพวกมิจฉาชีพจะไม่ฟังพวกเราเท่าไหร่ คนจะมีมรรคผลนั้นไม่ใช่ธรรมดา โพธิรักษ์พูดจ้อยๆอย่างนี้ ไม่ไปนั่งสมาธิหลับตา ไม่ไปทำสะกดจิต เขาก็บอกว่าเป็นพวกนอกรีต เถรสมาคมก็เลยจะฆ่าอโศกให้ตาย ก็เลยยังทำงานอยู่ ตอนนี้เถรสมาคมก็ทำอะไรเราไม่ได้ ผิดกฏหมายด้วย
เพราะเราเลิกแล้วต่อกันเรายอมแพ้คุณจะเอาชนะ แล้วก็ต่างคนต่างอยู่นะ เราก็ยอมแพ้ก็แพ้ไม่ให้เรียก พระ ก็ไม่เป็นไร มาเรียกว่าเป็นสมณะ เราก็ยอมทุกอย่างแล้วตามกฎหมายคุณก็มาละลาบละล้วงอะไรเราไม่ได้เลย เราก็อธิบายธรรมะมาตั้งแต่วันเวลาโน้น อาตมาก็สอนมาตั้งแต่บัดนั้นมา หลัง 2538 อาตมาก็หมด หมดจากเป็นผู้ที่ติดคุกแล้วรอลงอาญา 2 ปี ประมาณ 2538 ครบ ตั้งแต่บัดนั้นมาก็อิสรเสรี แล้วก็ได้อธิบายธรรมะอย่างดีเลยทีนี้ เอาพระไตรปิฎกมายืนยันอ้างอิง อธิบายพระไตรปิฎกไปสนุก แล้วมันก็ลึกละเอียดดีด้วยในพระไตรปิฏก ก็ค่อยๆว่ากันไป
พวกเราชาวอโศกนี่แหละเป็นพวกที่เข้าใจเรื่องโอปปาติกะ เรื่องจิตวิญญาณที่เป็นผีเป็นเทวดา เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นพรหม ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงเรื่องของจิต เป็นเทวดาหรือเป็นเทพ 3 อย่าง ใครจำได้บ้าง
-
สมมุติเทพ (คนที่มีสภาวะจิตเสพโลกียสุขได้สมใจ). .
-
อุปปัตติเทพ (คนที่มีสภาวะจิตเกิดความเป็นอาริยะ) .
-
วิสุทธิเทพ (คนที่มีสภาวะจิตบริสุทธิ์ขั้นอรหัตตผล)