650527 สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1YM3P_Zi61YRKCkGWt41Ls_Kr-FMg84Fj0BtkN4XDP48/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1knPyfZTpCEl4Rh36v8KjbKLwmI9ByL3X/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/Wg3Rr3VJbUI
และ https://fb.watch/dgwlR3J1qr/
สมณะฟ้าไท…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ใกล้จะถึงงานอโศกรำลึกไปทุกที เป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ต้องการให้เกิดแก่นแท้ที่เป็นพลังวิมุติในชาวอโศก แต่ละองค์กรแต่ละที่ก็ควรมาประชุมกันว่าจะทำอย่างไรให้เกิดแก่น ในบุคลากรของหน่วยงานเรา
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 25-26 พ.ค. 2565
_สินอโศก · รับชมรายการพุทธศาสนาตามภูมิสดอยู่เสมอเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะพูดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างลงตัวมากเจ้าค่ะ หากบางครั้งไม่แน่ใจก็จะพยายามมาเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจ หรือในบางครั้ง ก็ถามผู้รู้เอาเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…ก็ดีตั้งใจดี
_สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ : เราหนุนลุงตู่เพราะลุงมิใช่ทางหลักทางเลือกเพื่อผลปย.ส่วนตนส่วนใคร’เราหนุนลุงเพราะลุงคือทางรอดเพื่อสันติสุขชาติสงบสุข ปชช. ‘เราหนุนลุงคนดีเพราะลุงปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างของคนไทย
หมดอร่อยหมดสุขจึงหมดทุกข์ได้จริง
_ธรรมธารทิพย์ วงษ์รักษ์ มาลิณี · ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ทำตามพ่อครูสบายๆ หมดสุขหมดทุกข์ได้ สาธุค่ะ
พ่อครูว่า…ทางสามัญทั่วไปเขา ให้หมดทุกข์แต่ยังจะเอาสุขอยู่ เขาไม่เข้าใจความหมดทุกข์หมดสุข เขาไม่เข้าใจปรมัตถ์ 2 ที่เป็น 1 สุขกับทุกข์มันก็เป็นมายาตัวเดียว ถ้าทำสุขกับทุกข์ที่เป็น 2 นี่ให้หมดไปก็เป็น 0 แต่เรายังไม่ตายเราก็ยังเป็น 1 เราทำให้จิตเราไป อทุกขมสุข ไม่ทุกข์ไม่สุขได้ คนที่มีอร่อยก็ไม่มีหรือไม่อร่อย ไม่อร่อยก็ไม่มี ภาวะกลางๆ คุณฟังภาษาเข้าใจ แต่จิตของคนที่จะเป็นจริงต้องเป็นจริง อย่างอาตมานี้มันเป็นจริง ไม่อร่อยหรืออร่อย เรารู้
อร่อยคือสมมุติโลก ไม่อร่อยก็คือสมมุติโลก แต่ภาวะจริงของมันก็คือ ถ้าเป็นรสทางลิ้น แตะอันนี้ มันเปรี้ยวมันเค็มมันหวาน มันก็รู้ตามสัจจะที่มันเป็นเท่านั้นเอง มันไม่มีเค็มอันนี้อร่อยเปรี้ยวอันนี้อร่อยหวานอันนี้อร่อย หรือต้องจืดกว่านี้ เปรี้ยวไม่อร่อย หวานไม่อร่อย มันจะมีตัวเก๊ กับตัวจริง รสเก๊กับรสจริง
พวกเรานี้ได้ศึกษา ข้างนอกเขาไม่ได้ศึกษาหรอก อธิบายแล้วเข้าใจแล้วจิตเราจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนที่ปฏิบัติได้แล้วจิตจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
นี่อาตมาไม่อร่อยมานาน ทุกวันนี้ มันลากสังขาร ต้องเอาอาหารไปเลี้ยงขันธ์ให้ได้ สังขารเราก็ยิ่งแย่ลงเราก็ยิ่งไม่อยากกิน ไม่ใช่ไม่อยากแบบมีกิเลส แต่มันถึงวาระที่ เสื่อมจะต้องตาย มันก็ไม่ค่อยต้องการที่จะสังเคราะห์ที่จะสังขารอันนี้แล้ว แต่เรายังไม่ยอมให้มันตาย เราก็ต้องเอาอันนี้ให้มันปรุงแต่งร่างสรีระนี้ไว้ ก็ต้องใช้ความพยายามมาก ก็พยายามเอา ใครทำอาหารอร่อยๆทำมาเอามา ปลุกเร้าให้อาตมาอร่อยขึ้นมาบ้าง พยายาม ตอนนี้ก็รู้สึก มันก็พยายาม ดูเหมือนจะดีขึ้นนิดๆ อธิบายสภาวธรรมให้ฟัง ที่บอกว่า พยัญชนะเข้าใจแล้ว ความหมายตรรกะของมันเข้าใจหมดแล้ว แต่จิตจะเป็นจริงๆมันอีกชั้นหนึ่งซึ่งไม่ง่าย ในการที่จะ ลดละเลิกไปจากโลกียะเขา ไปเป็นโลกุตระ
สู่แดนธรรม… อย่างนี้ใช่ไหมครับที่พระอรหันต์มีแต่ความรู้สึกที่ว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ไม่มีอย่างอื่นเกิดเลย การนำอาหารใส่ร่างกายก็เป็นทุกข์
พ่อครูว่า… มันเป็นสัมภาระที่หนัก อาตมาพยายามใช้ภาษาไทยอธิบาย เอาบาลีมาเรียกแล้วขยายความรู้ไปตามความจริงที่อาตมามี ผิดถูกอาตมาก็รับผิดชอบเอง
_แก้วตะวัน พวงบุบผา · น้อมกราบนมัสการพ่อครู ท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ..
พึงเข้ามาเป็นหมู่มวลทวนกระแส พบมิตรแท้แผ่นดินธรรมอันล้ำค่า
ฟังสัทธรรมจากสัตบุรุษหยุดเวรา พ่อท่านพาให้พ้นทุกข์สุขนิพพาน
พ่อท่านชวนให้เข้าวัดตัดกิเลส สละเหตุความมีภัยไร้แก่นสาร
เตือนตนเองต้องเร่งรัดขจัดมาร ออกจากบ้านมาเสียทีอย่าพิรี้พิไร
….อนุโมทนาสาธุกับผู้ที่อยู่วัดได้ค่ะ
พ่อครูว่า… แล้วตัวคุณเองล่ะ
อสัญญีสัตว์ไม่ใช่สัญญาเวทยิตนิโรธ
_คุณฉลวย : ช่วยอธิบายข้อความข้างล่างผมอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ สัญญาเวทยิตนิโรธเป็นสัญญาที่ทำงานเสร็จของสัญญา 10 เวทยิตตังคือสำเร็จเสร็จความรู้สึก ความรู้รอบ ความรอบรู้ทั้งหมดจบ เวทยิตตังจึงเป็นนิโรธที่เเคล้าเคลียอารมณ์เวทนาทั้งหมดจบสมบูรณ์แบบ โดยมีสัญญาเป็นตัวกำหนดให้สมบูรณ์แบบในเวทนา 108 และมีนิโรธสมบูรณ์แบบ (ในหนังสืออภิธานศัพท์อโศก หน้า 737 )
พ่อครูว่า… แยกสัญญา ออกเป็นสัญญา 10 แล้วมีคำว่า เวทยิตตัง คือ สำเร็จความรอบรู้ทั้งหมด
เวทยิตตังคือเป็นนิโรธแล้ว เวทยิตตังนิโรธังโหติ สัญญาเวทยิตนิโรธ โหติ ตัวจบสมบูรณ์แบบ
ผู้ที่ปฏิบัติจะเรียนรู้เวทนาแล้วเคล้าเคลียความรู้สึกหรืออารมณ์ เคล้าเคลีย คือ เข้าไปใช้สัญญากำหนดรู้ทุกเหลี่ยมทุกมุมให้รอบถ้วน แทงทะลุนอกทะลุในของเวทนาเรียกว่า เคล้าเคลียอารมณ์สมบูรณ์แบบ โดยธาตุรู้ตัวสัญญาเป็นตัวทำงานทั้งหมด เป็นตัวกำหนดรู้สมบูรณ์แบบ
ทีนี้ กำหนดรู้สมบูรณ์แบบมีวิธีการกระบวนการของการกำหนดรู้ก็คือ เวทนา 108 ที่พระพุทธเจ้าท่านให้ปฏิบัติตัวนี้แหละเป็นตัวสำคัญ เวทนา 108 ผู้ศึกษาปฏิบัติ ถ้าไม่รู้จักเวทนา 108 แล้วก็ไม่ได้ปฏิบัติเวทนา 108 โดยสภาวะเองไม่รู้จักพยัญชนะก็ตาม ถ้ายิ่งรู้พยัญชนะด้วย รู้สภาวะด้วยว่าเวทนา 108 มีเวทนา 2 เวทนา 3 เวทนา 5 เวทนา 6 เวทนา 18 เวทนา 36 แล้ว ก็เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ของเวทนา 36 ก็เป็น 108
สู่แดนธรรม… ผมจะขอถามแบบสั้นๆ ที่เขาถาม เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่มักจะมองว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นเรื่องของการดับสัญญาและเวทนา
พ่อครูว่า… เป็นอสัญญี ถ้าอาตมาอธิบายเหมือนเขา อาตมาก็ยังโง่อยู่เหมือนเขา แต่อาตมาไม่ได้โง่เหมือนเขา อาตมาฉลาด รู้โลกุตรธรรมละเอียดชัดเจน จึงมาขยายความอยู่ ผู้ที่ฟังอาตมาแล้วไม่มีปรโตโฆษะ เขารู้อย่างที่เขารู้เขายึดถืออย่างที่เขายึดถือเขาก็รู้และยึดถืออย่างที่เขาได้ เขาก็ยังโง่อยู่ ยังไม่บรรลุอรหันต์แน่นอน หรือ เชื่อว่าตัวเองบรรลุอรหันต์ก็เป็นอรหันต์เก๊ อาตมาพูดจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น ได้ยืนยันว่าพูดไม่ผิดด้วย
แต่ทีนี้ คนเหล่านั้นมันได้หลง มันไม่เชื่ออาตมา มันเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศไทยหรือในยุคนี้ ที่อาตมาอุบัติขึ้นมาแล้วในท่ามกลางความยึดมั่นถือมั่น แบบเถรสมาคมและชาวพุทธส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ได้ยึดอย่างนั้นแล้ว
พออาตมาอุบัติขึ้นและอธิบายไม่เหมือนเขา ไม่เหมือนอย่างที่เขายึดไว้ และเถรสมาคมก็เป็นคณะใหญ่แกนหลักที่เขายอมรับนับถือกันทั้งประเทศ หมดทุกสถาบัน อาตมามาพูดหัวเดียวกระเทียมลีบ เขาก็จัดการตั้งแต่ต้นมา ที่จะเอาให้ตายไม่ให้อาตมาอธิบายธรรมะได้ ไม่ให้อาตมาขยายความธรรมะพระพุทธเจ้าได้ เขาถือว่าอาตมาผิด จนอาตมาก็ไม่มีปัญหาก็ให้เขาทำไป อาตมาก็บรรยายอธิบายไป อาตมาทำไปทำมา ด้วยสัจธรรม อาตมาก็หลุดรอดมาเป็นนานาสังวาสตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจจะชนิดหนึ่ง
อาตมาก็มีสิทธิ์เป็นนานาสังวาสแล้ว สมบูรณ์แบบแล้ว อาตมาก็อธิบายได้อย่างที่อธิบายมาตลอด แม้ยังไม่เป็นนานาสังวาสอาตมาก็อธิบายอย่างเดิมมาแล้ว ยิ่งเป็นนานาสังวาสอาตมาก็ยิ่งอธิบายได้ง่าย เพราะตกลงตัดสินกันแล้ว มีข้อตกลงกันสมบูรณ์แบบแล้ว Approved แล้ว จบแล้ว อนุมัติแล้ว อาตมาก็สบายแล้วได้ทำมาตลอดอย่างนี้
ยิ่งอธิบายไปยิ่งเอาหลักฐานพระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้าตรัสมาอ้างอิง ยืนยัน แล้วพวกเราก็ปฏิบัติสอดคล้อง มีพฤติการณ์มีพฤติกรรม มีบุคคลเป็นไปได้จริง มีปรากฏการณ์เกิดจริง ยืนยันจนกระทั่งคนทุกวันนี้ก็ยังปฏิบัติสาธารณโภคีได้ มีสาราณียธรรม 6 ได้ เกิดเป็นคนที่แม้หลักวรรณะ 9 เอามายืนยันก็เป็นได้ เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
มันยิ่งชัดเจน เขาแยังไม่ได้ตรงที่ว่า พูดอย่างไรมันทำได้อย่างนั้น ทำอย่างไรก็พูดได้อย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที ชัดเจน สัจธรรมที่เอามายืนยันทุกวันนี้ แม้ว่าเขาจะเข้าใจไม่ได้เขาก็ไม่กล้าแย้ง
ถึงเข้าใจได้บ้างแล้วแต่มันได้ตกมาอยู่ในหมู่นั้นแล้ว เขาจะมาอยู่หมู่นี้แต่อินทรีย์พละเขาก็ไม่เพียงพอ เขาก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุไป คนที่สนใจตามศึกษาอยู่ก็มี คนที่เขาไม่ค่อยศึกษา เขารู้ว่าดีแต่ยังไม่ศึกษาก็มี คนที่ตีทิ้งเลยก็ไม่ต้องว่ากันก็ต้องมีและจะมากด้วย ได้เข้าใจผิดแล้วหลงทางไปทางหลับตา ทางเถรสมาคม ไปเป็นเปรียญ 9 เป็นด็อกเตอร์ทางพุทธศาสนาจบมาจาก Harvard อะไรพวกนี้ ทั้งๆที่เป็นเทวนิยม ประสาทปริญญา ดร.ทางพุทธศาสนามา แล้วมันจะรู้อะไรเพราะเป็นเทวนิยม จะรู้จักพุทธศาสนาที่เป็นโลกุตระได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อ่านแต่หนังสือก็เข้าใจได้แล้วมันไม่ใช่นะ แค่จะเข้าใจเป็นสัมมาทิฏฐิไม่ง่าย กายคำเดียว สักกายทิฏฐิ สังโยชน์เบื้องต้นขอให้มันชัดเจนก่อนนะ ไม่ใช่ง่ายนะ กายคำเดียวนี้ ที่ อาตมาพยายามขยายความพูด อธิบายแจกแจง พวกคุณก็ยิ่งเข้าใจดีๆๆ รอบถ้วนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่คนบางคนอาจจะบอกว่าอะไรกันนักกันหนาวะ เขาก็จะว่าแต่อย่างนี้
สัญญา 10 ประการเป็นไฉน
คุณฉลวย พอฟังแล้วเข้าใจได้ไหม สัญญาเป็นการกำหนดหมาย การกำหนดรู้ เอาตั้งแต่สัญญา 10
-
อนิจจสัญญา 2. อนัตตสัญญา
-
อสุภสัญญา 4. อาทีนวสัญญา
-
ปหานสัญญา 6. วิราคสัญญา
-
นิโรธสัญญา 8. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
-
สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา
-
อานาปานัสสติ (อาพาธสูตร ล.24 ข.60)