660104 ประชาธิปไตย 3 อย่าง ในโลก พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1dpPDFwZ0niENddEqF0d4vbK7I2lnBRhCIsiC0XUEClE/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1KyEjOYivtzW_i8pr2b8hSnt3cA2cVMmJ/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/bENtlQqmjsk
และ https://fb.watch/hRbxFsTqvx/
สมณะเดินดิน… วันนี้วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก งานปีใหม่ของเราผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อย ของก็หมดไปพอสมควร ช่วงนั้นเป็นห่วงว่า เราจะกลายเป็นแหล่งคลัสเตอร์ของ covid หรือเปล่า แต่ก็ไม่พบว่าเด็กของเราจะเป็นกันมาก สมณะก็เป็นแต่ไม่มาก 3 – 4 รูป น่าจะติดจากลูกศิษย์ โดยภาพรวม ถือว่างานสำเร็จเรียบร้อยด้วยดี
ปกติ คำให้พรปีใหม่ก็มักจะพูดกันว่า ขอให้พ้นจากสิ่งร้ายๆขอให้สิ่งร้ายๆหมดไป พ่อครูก็ให้พรปีใหม่ ซึ่งไม่เหมือนใคร สิ่งร้ายๆของชีวิตจริงๆก็คือความโลภ โกรธ หลง พ่อครูให้พยายามสำรวม สังวร หาทางจัดการไม่ให้ความโลภโกรธหลงมันอยู่กับชีวิตของเรา
ถ้าเราดูข่าวจะเห็นว่า สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น เขาจะบอกว่า ที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะสะสมความชั่วร้ายไว้ภายใน ชั่วถึงจุดหนึ่งมันก็เลยวูบขึ้นมา ก็เลยชั่ววูบ เอาไม่อยู่ ก่อนจะวูบขึ้นมา มันก็ต้องสะสมไว้ จนมันแตกระเบิด แล้วสิ่งที่ทุกคนปรารถนาก็คือ จะได้พบแต่สิ่งดีๆ เมื่อเราฟังเทศน์พ่อครู สิ่งที่ดีๆที่เทศน์ไว้ ปี 2565 คือไม่ต้องไปวนเวียนซ้ำซากอยู่กับสิ่งร้ายๆต่างๆ ออกมาจากความวนเวียนซ้ำซาก อยู่กับอบายมุข กามคุณ โลกธรรม ที่ต้องไปนู่นไปนี่ตลอด
ก็มีคนฟังแล้วบรรลุธรรมเลยนะ บอกว่าตอนนี้เขาไม่วนแล้ว อยากจะมาปักหลักอยู่ที่บ้านราช เขาฟังเทศน์ 3 – 4 รอบแล้ว ก็ขออนุโมทนา แก่นคือโลกุตระ คือความหลุดพ้น
งานตลาดอาริยะปีนี้เราใช้งบประมาณมากกว่าทุกปี สรรพกำลังที่พวกเราเทลงไปนั้นเต็มที่ ไม่มีครั้งไหนที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจ ทั้งทุนรอน แรงงาน กำลังคน ได้มากเท่าครั้งนี้ ดีกว่าทุกๆปี งานก็เลยสำเร็จเรียบร้อย
ไม่กี่วันก็มีการโหวตเลื่อนฐานะ จะฉลองทางด้านนักบวชหญิงกัน ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคม ฝ่ายชาย วันที่ 9 เราจะมีการเลื่อนฐานะจาก ปะเป็นนาคฝ่ายชาย 3 รูป มีกรักฝ่ายหญิงอีก 3 รูปและ สิกขมาตุ อีก 2 รูป เป็นนาคฝ่ายชาย 3 กรักฝ่ายหญิงอีก 3 เป็นการเพิ่มจำนวนนักบวช
พ่อครูใช้พลังงาน หยาดเลือดทุกหยดขับเคลื่อนงานศาสนา พวกเราก็ควรจะช่วยขับเคลื่อนสิ่งต่างๆให้เดินหน้ากันต่อไป
พ่อครูว่า… เจริญธรรม Happy New Year ปีใหม่ 2566 อาตมาเกิดปี 2477 ถ้าไปถึง 77 เมื่อไหร่ก็อายุ 100 ปี อีก 11 ปีเท่านั้น กระเดื๊อกๆไปให้ได้
จริงๆลึกๆใจอาตมา ถ้าจะอายุ 100 ปีจริงๆ คิดว่า มันน่าจะต้องถึง 100 พยายามอยู่ ไม่ใช่เพื่ออะไรหรอก 1. เพื่อทำงาน และ 2. เพื่อพิสูจน์ สัมประสิทธิ์ พิสูจน์โพชฌงค์ 7 ของพระพุทธเจ้า พิสูจน์ว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ “อานนท์ เราประสงค์จะมีอายุถึงกัปหรือเกินกว่ากัปก็ได้” พิสูจน์ความจริงอันนี้อยู่จริงๆ
เพราะดูๆแล้วใครๆเห็น อาตมาไม่น่าจะถึง 100 หรอก อายุไม่น่าจะถึง 100 แต่ก็มันใกล้ๆเข้าไปเรื่อยๆอีก 11 ปี มันน่าจะเป็นไปได้นะ ก็ขนาดติดเตียงยังถึง 100 เลย นี่ วันนี้เดินได้ 4,000 กว่าก้าว เมื่อวานได้เป็น10,000ก้าว ทำงานบ้างเดินบ้างนอนบ้าง ใช้เวลากินก็หลายชั่วโมง
SMS วันที่ 31 ธ.ค. 2565 – 1 ม.ค. 2566
เป็นโพธิสัตว์ ต้องทำมากขนาดไหน ให้มวลมนุษยชาติ
_แก้วตะวัน พวงบุบผา · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง..
ในงานตลาดอาริยะ บวรปฐมอโศกได้มาร่วมจำหน่ายสินค้าขายในราคาต่ำกว่าทุนซึ่งมีความจำเป็นต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความลำบาก ขาดแคลนขัดสนจากภัยน้ำท่วม ลูกได้ร่วมรับผิดชอบในการช่วยทำอาหารขาย มีก๋วยเตี๋ยวน้ำ ผัดซีอิ๊ว และขนมกล้วยเป็นต้น ในช่วงเตรียมงานและช่วงขายของพ่อครูได้มีเมตตาเดินมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจลูกวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นสร้างความปีติ ตื่นเต้นและประทับใจให้ลูกๆช่วงงานวันที่ 30 และ31 ธันวาคม ประชาชนหลั่งไหลมาซื้อของและกินอาหารกันอย่างเนืองแน่น ไม่เฉพาะเรื่องสินค้าและอาหารเท่านั้นพ่อครูยังสร้างน้ำตก ลำธาร ภูเฮา ซางไหลเด้อและองค์ประกอบต่างที่มีความรื่นรมย์ให้ทุกคนที่เข้ามาเยือนอีกด้วย มีน้องที่ทำอาหารด้วยกันเปรยมาว่า “เป็นพระโพธิสัตว์ต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ?” กราบขอความเมตตาให้พ่อครูช่วยขยายความด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า… พ่อครูพูดถึงกล้วยที่อยู่หน้าเวที เหลืองยาวสวย
ให้ขยายความ ประเด็นว่าโพธิสัตว์ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ ทำขนาดนี้ขนาดไหน พ่อครูทำมือเข้าๆออกๆ ขนาดไหน ก็หมายถึงสิ่งที่สัมผัสไม่ว่าจะเป็นดินน้ำไฟลมประกอบขึ้นเป็นองค์ประกอบต่างๆ เป็นธรรมชาติ เป็นภูเขาลำธารแม่น้ำ ต้นหมากรากไม้ องค์ประกอบต่างๆ อาตมาก็ทำให้มีที่ทั้งให้ผู้ใหญ่ได้มาพักผ่อนได้อาศัย ทั้งให้เด็กๆ ได้มีที่พักผ่อนอาศัย
เพราะว่าเท่าที่เห็นเท่าที่เป็นไป สวนสาธารณะ คือสถานที่มันเป็นสาธารณะให้แก่ย่านนี้ ย่านวาริน ย่านเมืองอุบลก็ตาม ย่านที่จะมีองค์ประกอบอย่างที่ว่านี้ มีสนามหญ้ามีภูเขา มีหิน มีต้นไม้ มีแม่น้ำไหล ใสเย็นอะไรต่างๆ เด็กก็เล่นน้ำได้ ผู้ใหญ่ก็เล่นน้ำได้
ซึ่งมันเป็นที่ที่มนุษย์ได้อาศัย เป็นชีวิตธรรมดาธรรมชาติ มันมีแล้วเราก็ไม่ได้ไปคิดตังค์ไม่ได้หาเงินหาทอง ทำไปเหมือนที่สาธารณะแต่เราก็ดูแล เป็นที่ๆเราจะต้องอยู่ในสายหูสายตา ไม่ให้ใครมาทำไม่เข้าที อย่างเช่นภาพที่ออกไป เด็กๆก็ได้เล่นน้ำใส สนุกเย็นสบาย ปลอดภัย ไม่ลึกเท่าไหร่ทีเดียว มีคนช่วยดูแลอยู่
ส่วนของผู้ใหญ่ก็มีบ้าง มันไม่กว้างเท่าของเด็ก ก็คงจะมีคนไปเล่น ในบุ่งก็เล่นได้ แต่ของผู้ใหญ่ไม่ค่อยจะมาเล่นเท่าไหร่ ผู้ใหญ่เขาก็จะว่าไม่อิสระจริง มันอยู่ในสายหูสายตาของเรา ไม่เหมือนชายหาด ชายทะเล เขาก็เลย เหนียมๆอยู่ แต่เด็กๆไม่มีปัญหามากันเต็ม มากันเยอะ
อย่างนี้แหละอาตมาว่า มันเป็นเรื่องของสังคมดูแล้วก็อบอุ่น ทุกคนก็มีความสุขสำราญเบิกบานใจ มันดูดี อาตมาคิดเห็นอย่างนี้ก็เลยทำอย่างนี้กัน เพื่อที่จะได้มีสังคมมีมนุษยชาติมาใช้ประโยชน์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่บังคับหรือมีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย เป็นอิสระ สบายสงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนความเสียสละ อะไรอย่างนี้ ที่เราก็ขยายความให้เห็นว่า มันมีเจตนาและก็เป็นไปได้ตามที่พูดนี่หมาย ไม่ใช่พูดคุยโก้ ไม่ใช่พูดคุยอวด โอ่อะไร แต่พูดให้เห็นว่า มนุษย์ควรมีใจเกื้อกูลกันและทำแบบนี้ ไม่ใช่มนุษย์มีแต่เรื่องที่จะมากอบโกยมาโกงกัน มาหาทางขูดรีดกัน เอาเปรียบเอารัดกัน ดีไม่ดี เบียดเบียน แก่งแย่งฆ่าแกงกัน
ทำไมไปคิดจะหาเรื่องทำกันเช่นนั้นหนอ ที่จริงพูดไปเขาก็เข้าใจนะว่าอย่างนี้แหละดี แต่ทำไมไม่มาทำดีๆ มันจริงๆนะคนเรา ไม่ใช่ไม่รู้นะ อาตมาว่ามาจับเข่าคุยกันถามเขาก็เข้าใจและรู้ไม่ใช่จะโง่เง่าจนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ทำ นี่เห็นไหมว่า กิเลสมันซับซ้อนมันเล่นงานคน แต่ก็ไม่ปฏิบัติธรรมให้รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี
“เป็นโพธิสัตว์ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ” คนที่มองเห็นว่ามันมีอะไรมากมายทำขนาดนี้เชียวหรือ คนที่มองไม่เห็นก็มองไม่เห็น อาตมาทำอะไร เขาก็มองไม่เห็น นอกจากมองไม่เห็นแล้วก็จะมองเพ่ง บอกว่าทำแล้วก็เอามาโชว์ ทำแล้วเอามาอวด ไปนู่นอีก ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดอยากอวดอยากโอ่อะไร คนฟังเข้าใจได้ก็เข้าใจ คนฟังไม่ได้เพ่งโทษก็ว่ากันไป
ตอบอีกทีว่า พระโพธิสัตว์ต้องทำขนาดนี้แหละ วันนี้ได้ก็จะทำแต่อาตมาทำได้เท่านี้ ถ้าทำได้มากกว่านี้ก็จะทำ ใครทำได้มากกว่าอาตมาก็ดีอนุโมทนาสาธุ
_สู่แดนธรรม… ให้พ่อท่านทำแค่นี้ หมายความว่าชาตินี้เพราะท่านทำแบบออมมือใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า… ไม่ใช่ออมมือ อาตมาเคยพูดแล้วไม่ได้ออมมือ ทำได้ดีกว่านี้ก็จะทำ
_สู่แดนธรรม… หมายความว่า เมื่อก่อนพ่อท่านเคยทำวัตถุสิ่งก่อสร้างอันใหญ่กว่านี้ เป็นสถาปัตยกรรมใหญ่ในชาติก่อนๆไม่ใช่ชาตินี้
พ่อครูว่า… ไม่รู้ ไม่ได้ระลึกชาติไปถึงขนาดนั้น
คนเขาก็สร้างกัน อย่างเช่น สวนนงนุช เขาก็สร้างโอ้โห หรูหรา วิลิศมาหรา แต่ไม่เหมือนเราเลยนะ เขาร่ำรวยมหาศาล พันล้าน หมื่นล้าน เขาทำรวย ของเรานี่จน แต่เราก็ทำของเราไปตามประสา มันคนละทิศ คนละฐานะ ของเขาก็เก็บเงิน แต่ของเรา ฟรี มันไม่เหมือนกัน ก็จะเห็นได้ว่า มันมีเปรียบเทียบกันอยู่ เข้าใจได้ ก็ไม่ได้ไปว่าเขาหรอก เขาต้องทำไปตามประสาเขา
โพธิสัตว์ทำมากขนาดไหน คุณมองเห็นก็มองเห็น คนมองไม่เห็นก็มองไม่เห็น
เอาธรรมบทมาสวดมนต์Quireหมู่ใหญ่ เป็นการให้ศาสนาเสื่อม
_จรรยา ประเสริฐ · ตั้งแต่เกิดมา ถูกสอนว่าให้สวดมนต์ เราคิดอะไรจะได้สมความปรารถนา พอสวด แล้วเราขอว่า ขอให้เราได้ไปเที่ยว ตอนนั้นพ่อเราไม่ให้ไปเที่ยว ก็เข้าห้องสวดมนต์ว่า ขอดลบันดาลใจให้พ่อเราอนุญาตให้เราไปเที่ยวด้วยเถิด ปรากฎว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยไม่นับถือการสวดมนต์อีกเลย และไม่เคยสวดก่อนนอนด้วย ไม่เอา พอมาตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า การสวดมนต์เพื่อให้ใจสงบชั่วครู่ แต่เราไม่ทำ ทำได้แต่ตั้งจิตขอให้มีความสุข ต่อมาพัฒนาขึ้น เมื่อมาฟังพ่อนี่แหละ ว่าไม่ทำอะไร นอกจากตั้งจิตว่า เราต้องตัดกิเลสให้ได้มากที่สุด รู้จักกิเลส และกำจัดมันได้ เอาชนะมันได้ กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า… นี่เขาก็เอาประสบการณ์ที่คนสอนการเอามาพูด มันจะทำให้เห็นได้ว่าคนเราก็ยังเข้าใจและเชื่อถือกันอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ก็ยังมี
เรื่องสวดมนต์แล้วจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ สวดมนต์แล้วก็เอาน้ำมาอาบ เอาน้ำมาลูบหัว ในแม่น้ำคงคา พวกศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดูเก่าเขาก็ทำก่อนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไปเห็นเขาทำก็บอกว่า ถ้าอยู่ในน้ำสวดมนต์อาบน้ำล้างตัวมันก็ทำให้เกิดเจริญขึ้น พวกปูปลาอยู่ในน้ำมันก็เจริญก่อนพวกเราหนอ มันชัดเจนนะท่านก็ว่า มันไม่ใช่
การสวดมนต์เพื่อให้สงบชั่วครู่ พวกสวดมนต์เก่งๆต้องติดปากแต่ใจไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกมันไปเที่ยว ไหนๆๆๆสวดไม่ติดปาก คล่องปรื้ดเลย ยิ่งอยู่กับหมู่ด้วยไปกับหมู่ได้สบายเลย สวดไปได้แล้วใจของเราก็ไปเที่ยวไป สวดเสร็จจบ เที่ยวยังไม่หยุด
คุณจรรยาประเสริฐจับเป้าประเด็นได้แล้ว เจริญ เจริญเถิด
ขอวกเข้าไปการสวดมนต์ ตอนนี้โพธิรักษ์กำลังสวดนะ คือสวดสาธยาย คือการสวดมนต์ทุกวันนี้ พระพุทธเจ้าท่านพยายามที่จะตัดเรื่องนี้ พยายามที่จะมีพระวินัยไว้ กันไม่ให้เอามาสวดมนต์แล้วก็ติดการสวดมนต์ จนเอาสวดมนต์มาเป็นพิธีการ จนเป็นราชพิธีอย่างทุกวันนี้ ท่านกันไว้หมดแล้วแต่ไม่อยู่ นี่แสดงถึงความเสื่อมของศาสนาพุทธ
อาตมาเคยพูดและขอย้ำว่าจริง ว่าศาสนาพุทธทุกวันนี้ ไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากสวดมนต์ เป็นจารีต เป็นประเพณี เป็นกิจของสงฆ์เดี๋ยวนี้ เมื่อมาบวชแล้วก็ท่อง 7 ตำนาน 12 ตำนานให้รอด ได้แล้ว มีเครื่องหากินแล้ว เป็นอย่างนี้จริงๆไหม โอ้โห ศาสนาพุทธเหลือเท่านี้นี่คือความเสื่อม สุดๆแล้ว
สวดมนต์สมัยพระพุทธเจ้า มันไม่มีการบันทึก หนังสือก็ไม่มี คอมพิวเตอร์ก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี มีการสลักหินก็ยากมาก ตัวหนังสือก็ยังไม่ค่อยมี ก็เลยต้องอาศัยการสวดท่องจำธรรมบท เรียก ประณาม คาถา มีพระวินัยห้ามไว้ชัดว่า อย่าเอาธรรมบทมาสวดพร้อมกัน 2 คน ต่อหน้าคฤหัส กันไว้แล้ว จะได้ไม่เอาการสวดธรรมบทมาสวดหากิน
แต่คุณจะสวดพร้อมกันเป็นคำสรรเสริญคุณ คำปณามคาถานั้น ก็ห้ามไม่ได้หรอก เขาก็ต้องทำด้วย มันก็เป็นกุศลจิตที่ดี มันก็จะเป็นเนื้อหาของแต่ละบทของปณามคาถา ว่าจะไปหยิบเรื่องอะไรประเด็นอะไร มาเชิดชูว่าอะไรดีบ้างมีเชิงนั้นเชิงนี้ยังไง เพื่อให้คนฟังได้รู้ว่า ธรรมะพระพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีความดีมีความประเสริฐเช่นนี้ อย่างนี้หรือ
ก็เป็นการยกย่องเชิดชูให้คนรู้
ส่วนธรรมบทนั้นรักษาไว้ ธรรมบทจะต้องสวดท่องคนเดียว เวลาสวดต้องสวดคนเดียว เช่นกันสวดปาฏิโมกข์เอาพระวินัยมาสวด เราเอาบทพระสูตรมาสวดยิ่งสำคัญ ก็สวดขึ้นคนเดียวแล้วองค์อื่นๆก็นั่งฟัง ถ้าผิดไปจากที่เราเข้าใจที่เราจำได้ ก็ท้วงขึ้นมา คนอื่นๆก็ให้วินิจฉัยกัน ว่าคนที่สวดคนเดียวนั้นถูกหรือคนอื่นที่ท้วงถูก ก็คือการรักษาธรรมบทของพระพุทธเจ้าเอาไว้ อย่าให้ผิดเพี้ยน ก็เท่านั้น
จะบอกว่าดีไหม ก็ดีแน่นอน แน่นอน รักษาธรรมบทพระพุทธเจ้าไว้ ดีแน่นอน จะมีความประเสริฐทำให้เหาะเหินเดินน้ำดำดิน พระให้ร่ำรวยหรือไม่ ไม่มีไม่เกี่ยว เอาไปปฏิบัติตามคำสอนต่างหากให้ลดกิเลสให้ได้ ก็จะเป็นอยู่สุข สมบูรณ์แบบ เป็นมนุษย์ประเสริฐ เป็นมนุษย์เจริญ สุดยอดก็คือพ้นทุกข์ พ้นสุข เป็นพระอรหันต์ นั่นคือเป้าหมายหลักของพระพุทธเจ้าอันเป็นความหลุดพ้นเป็นวิมุติ
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายนี้เลย สวดมนต์คือเรื่องของจะได้กุศล ได้เป็นอะไรที่เขาจะได้ที่เขาจะได้ไป เป็นสาเปกโข ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข ปริภุญชิตสามีติ จะเอาไปกินในชาติหน้า ออกนอกรีต เสื่อมจากที่พระพุทธเจ้าสอนไว้หมดเลย ไม่เกิดประโยชน์ตามที่ควรจะเป็นตามที่พระพุทธเจ้าประสงค์
ชาวอโศกเราไม่เอาธรรมบทมาสวดให้เป็นการผิดพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นพวกนั้นก็เลยบอกว่าชาวอโศกนั้นสวดมนต์ไม่เป็นหรอก โพชฌงค์ 7 มันก็สวดไม่ได้ ยอดพระไตรปิฎกมันก็สวดไม่ได้ ก็คือเราไม่สวดอย่างนั้น แต่เราเรียน สามารถอธิบาย เอามาสาธยาย เอามาศึกษา ไม่ใช่ว่าเราไม่เรียน แต่เราเรียนทำความเข้าใจและปฏิบัติให้ได้ตามด้วย ไม่ใช่ไปสวดเอาเฉยๆสวดเล่น สวดโก้ๆเก๋ๆ หรือไปหลงว่าเป็นสิ่งที่ได้ เป็นภพเป็นชาติ ไม่ใช่
เพราะฉะนั้น การสวดทุกวันนี้จึงทำให้ศาสนาเสื่อม ไม่ใช่ทำให้ศาสนาดีขึ้นหรือว่าเป็นการรักษาศาสนา เขาพูดผิด จากผลที่เกิดจริง กลายเป็นเรื่อง หนักเข้า 1. สวดมีการลากเสียงอันยาว 2. มีการใส่ทำนอง 3. สวดเป็นหมู่ เป็นนักร้องหมู่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งวิชาการเขาขับร้อง ควายเออร์ Quire แต่เขากลับจะไปสวดกันเป็นแสนรูป เป็น Quire หมู่ใหญ่ ยากที่เขาจะเข้าใจ
ทุกวันนี้มันสุดจะห้ามแล้วไม่มีทางห้าม ไม่มีหยุดหรอก เราก็เลยต้องว่าไปติติงเขาบ้าง จะไปห้ามกันเขาก็ไม่ได้ แต่เราก็ทำสิ่งที่ถูกต้องยืนยันเอาไว้รักษาความถูกต้องเอาไว้ และยืนยันพูดว่าอย่างนี้ถูกอย่างนั้นผิด เราก็ได้แต่พูดอย่างนี้ เขาก็หาว่าท่านเก่ง หมู่ใหญ่ไม่เห็นจะทำอย่างนี้ ก็เขาทำผิดกัน เรายืนยันว่า เราทำเอาเนื้อหา ไม่ได้เอาใหญ่เอาเล็ก เอาสิ่งที่มันถูกต้อง ถ่องแท้จริงๆ นี่คือเรื่องของสวดมนต์พูดยาวหน่อย ก็ไม่รู้จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็แล้วแต่ พูดให้สำนึก ถ้าเขาเข้าใจก็เลิกบ้าง หยุดบ้างเพราๆบ้าง อย่าไปเสียเวลา เสียแรงงานกับเรื่องไม่เข้าเรื่องเลย
_มุ่ง ตรงธรรม · นอบน้อมหมอบกราบนมัสการพ่อครู พระอรหันต์ ผู้สยังอภิญญา ผู้มีความเมตตากรุณาอันบริสุทธิ์ ผู้นิยตภูมิโพธิสัตว์ ผู้อาจหาญกล้าประกาศธรรมสองโลก ในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ แด่ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยได้รู้ตามเห็นตาม ด้วยสุดเกล้า สุดเศียร สุดจิต สุดใจ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ
ลูกรับฟังรับชมจากจากพม่า ในเขตพื้นที่รัฐฉานตอนบน องค์ประกอบไม่ค่อยลงตัว อินเตอร์เน็ตไวไฟดับบ้าง สัญญาณไม่ค่อยเสถียรบ้าง แต่พ่อครูเทศน์สนุกมากครับ แม้สัญญาณเน็ตสดุด แต่ก็ได้เห็นความพยายามของตนที่สนใจในการสดับรับฟังธรรมจากพ่อครูยิ่งขอรับ ได้อ่านใจตนในขณะจดจ่อติดตามรับฟัง ว่าตนทุกข์ไหมเมื่อสัญญาณภาพเสียงสดุด ตรวจสอบตนเองไปพร้อมรับฟังพ่อครูไป สนุกดีขอรับ
พ่อครูว่า… เขาคงฟังแล้วเกิดธรรมรส
_ป่ารุ่ง วนาศิริ · กราบนมัสการพ่อท่านด้วย สุดเศียรเกล้า การเทศน์เมื่อวันที่ 1 ม.ค. พ่อท่านมีเจตนาเทศน์เพื่อให้ลูกๆที่เดินทางมาถึงด่านสุดท้ายได้ฟังและเพื่อเปิดประตูสู่อรหัตตผลได้ทันที ถ้าฟังให้ดีเข้าลึกซึ่งสร้างสามารถตัดรอบจบที่ “อรหันต์” ได้เลย ผมเข้าใจถูกไหมครับ?
พ่อครูว่า… เข้าถ้าเข้าใจถูกแล้ว อาตมาพยายามเตือนและให้แต่ละคนรู้จักกรอบแต่ละกรอบของ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ โดยต้องอ่านจิตของตัวเอง อ่านกิเลสของตัวเองตั้งแต่กิเลสกาม รูป อรูป มันเป็นอรหัตผลในแต่ละเรื่องพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ละเอียดหมดแล้ว มันมีสภาวธรรม มันมีเหตุประกอบ องค์ประกอบในแต่ละอย่างแต่ละอัน ตามศีลแต่ละเรื่อง แต่ละข้อ
ตั้งแต่เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับของ เกี่ยวกับเครื่องกินเครื่องใช้ เกี่ยวกับการสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่างๆ จนกระทั่งกามคุณ 5 ลด ละ หน่ายคลาย หรือ รูป อรูป หมดกิเลส มีลำดับทุกอย่าง เทศน์ไปหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธที่อาตมานำพระธรรมเอาของพระพุทธเจ้ามาสอน มาขยายความ ในสังคมชาวอโศกเราจึงมี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ มีสมณะ 4 เหล่าอย่างแท้จริง พูดได้ยังไม่ มังกุ ไม่เก้อเขิน ไม่อุทธัจจะ ไม่กระดากแต่อย่างใดพระพุทธองค์จริงถูกต้องไม่ได้อวดโอ่ การพูดความจริงที่จริงเท่านั้นมันจึงไม่มีอะไรสะดุด ไม่มีอะไรสะกิดใจ ไม่มี มันเต็มเลย พูดความจริงเต็มๆมันสมบูรณ์มันก็สบาย ไม่มีอะไรสะดุด ไม่มีอะไรระแวง ชัดเจนทุกอย่าง เป็นความจริงที่เต็มที่ครบ และ มั่นใจว่าไม่ผิดด้วย
_KO Puwanai (โก้ ภูวนัย) · กราบขอบพระคุณ หลวงปู่ มากๆครับ สำหรับพรธรรม สำหรับปีใหม่นี้ครับ กราบสาธุครับ
พ่อครูว่า… ดีแล้วเอาไปปฏิบัติกระทำให้ได้ผล
ของมีคุณภาพแบบโลกีย์กับแบบโลกุตระ
_ลูกหมาน่อย… ประเด็นที่ 1 โลก มี 2 คือโลกุตรธรรม กับ โลก เราจะอยู่อย่างไรไม่ต้องหลงไปกับโลกียะ และให้สมดุล อยู่ด้วยกันอย่างผาสุก
พ่อครูว่า… เขาคงหมายถึงว่าโลกีย์ที่มีคนอื่นด้วยเป็นโลกียะ แล้วเราก็พยายามปฏิบัติโลกุตระพระพุทธะ แล้วจะอยู่อย่างไรให้สมดุล ด้วยความผาสุก นั่นคือประเด็นที่ 1
ประเด็นที่ 2 จากการฟังธรรมในวันที่ 1 มกราคม 2566
-
การจบ ไม่ใช่การรู้ภาษาเท่านั้น แต่ต้องลงไปทดสอบกิเลสที่ตัวนั้น เรามีหรือเปล่า
พ่อครูว่า… ถูกต้องเข้าใจถูกดีแล้ว
-
การจน ไม่ใช่การจนน้ำใจ การจนไม่ใช่จนเงินตรา คนจนมีสิทธิใช้ของที่มีคุณภาพได้ ใช่ไหมคะ ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นได้ (เพราะกิเลสยังมีมากอยู่ ) ถูกต้องไหมคะ และสามารถมีของมีค่าได้เล็กน้อย การเจ็บป่วยที่ ขันธ์ มันทำให้เราลดกิเลสลงไปได้มาก
พ่อครูว่า… ได้สิ และของที่มีคุณค่า เข้าไปในประเด็นด้วยนะไม่ใช่ของที่มีคุณค่าราคาแบบทางโลกๆเขา ขายราคาแพงๆ โก่งราคาไม่ใช่ แต่เป็นของที่มีคุณค่า ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น ออกไปในทะเล คุณมีก้อนทองคำกับคุณมีก้อนข้าว ออกไปกลางทะเล อะไรมีค่ามากกว่ากัน …ก้อนข้าว … ทำไมฉลาดอย่างนี้รู้ความจริง
มันก็ไม่ได้ยากอะไรทุกคนเข้าใจ แต่แน่นอน อยู่กลางทะเลมันก็ต้องอย่างนั้น แต่ถ้าอยู่บนนี้เขาก็ต้องเอาทอง เพราะไปขายทองไปซื้อก้อนข้าวได้เยอะ นี่ก็คือเหลี่ยมคูของคน แต่คนที่ไม่ต้องเสียเวลาเอาทองคำไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อข้าวอีกที ก็เอาข้าวนี่แหละกินทันทีไม่เสียเวลาไม่ต้องไปใช้แรงงานต้องไปขาย ต้องไปทะเลาะกับคนซื้อขายอีกไม่ต้อง ก็ได้ข้าวแล้ว คุณได้ทองคุณต้องเอาไปทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะ กินทองไม่ได้ แต่ได้ข้าวกินข้าวได้เลย ยังชีพได้แล้ว ดีไม่ดีเอาทองไปขายจะถูกปล้นกลางทาง ตาย ไม่ได้กินข้าวอีก นี่ก็ขยายความไป ให้มันมากเรื่อง
เรียนรู้ทุกขขันธ์ มันเจ็บ มันป่วย มันมีพยาธิ เป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้
ดีนะ อธิบายธรรมะกับประเด็นที่พวกเราฟังแล้วมีอะไรหยิบมา เอามาพูดมาถามมาคุย ก็ได้เป็นปกิณกะอย่างนั้นอย่างนี้
ประชาธิปไตย 3 อย่างในโลก
ทีนี้องค์รวมที่อาตมาจะพูดวันนี้ คือจะพูดเรื่องประชาธิปไตยเท่าที่มีเวลา
ประชาธิปไตยเป็นภาษาเป็นพฤติการณ์พฤติกรรมของมนุษยชาติในสังคม เรียกรวมด้วยพยัญชนะว่าประชาธิปไตย คือประชาชนกับอำนาจอธิปไตย อำนาจของประชาชน 2 ตัวนี้ ประชาชนกับอธิปไตย
อำนาจของประชาชนประชาธิปไตย สมัยพระพุทธเจ้าก็ไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไหร่ พูดถึงอธิปไตย 3 อย่าง อธิปไตยของโลก อธิปไตยของตนอัตตา และมีธรรมาธิปไตย ตอนนั้นยังไม่มีลัทธิประชาธิปไตย
ลัทธิประชาธิปไตยมันเป็นลัทธิที่ทันสมัยสมัยนี้ คือเอาประชาชนเป็นหลัก สมัยพระพุทธเจ้าท่านก็เอาประชาชนเป็นหลัก แล้วให้ประชาชนนั้นเรียนรู้ สิ่งที่เกี่ยวข้องกันภายนอกเรียกว่าโลก เรียนรู้ตนเอง แล้วก็จัดสมดุลให้ได้ อยู่กับโลกให้สมดุล แล้วก็จัดการตัวเองให้ได้ อย่าเอาอำนาจบาตรใหญ่ของตัวเองไปทำอำนาจบาตรใหญ่ คืออธิปไตยนั่นเองกับโลกนัก
จนกระทั่งเราไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ของตัวเองเลย แม้อำนาจบาตรน้อย บาตรเล็กๆ บาตรไม่ใช่ บาท บาทา นะ
ตามประสาอาตมามองเห็นว่าประชาธิปไตยที่เขาเข้าใจกันอยู่ในโลกขณะนี้มันมีความเป็นประชาธิปไตยที่อาตมาแบ่งออกเป็นย่อยๆว่า มันมีอย่างนี้
-
ประชาธิปไตยนายทุน ที่เป็นธุรกิจโลกียะสามัญ เอาของทักษิโณมิกส์มาศึกษาดีๆ นั่นแหละคือประชาธิปไตยนายทุนธุรกิจโลกียะสามัญ ลัทธิแบบทักษิโณมิกส์ เจ้าของชื่อทักษิณ ชาติอื่นๆ ประเทศอื่นๆ ก็มีทั้งนั้น โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเป็นตัวการใหญ่ แต่เขาไม่รู้ตัวหรอกว่า เขาเป็นประชาธิปไตยแบบนายทุนธุรกิจโลกียะสามัญ
-
ประชาธิปไตยหาคะแนนเสียงแล้วเอามาอ้างเป็นอำนาจว่า ตนเป็นมวลประชาชน ก็คล้ายกันกับนายทุนที่หาอำนาจเป็นธุรกิจ ตอนนี้ก็หาคะแนนเสียง แล้วก็เอามาเป็นอำนาจ ได้คะแนนเสียงก็มีวิธีการ มีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรอีก สหรัฐก็เก่ง ไทยก็เอาแบบอย่างของสหรัฐมา ก็เรียนจบด็อกเตอร์มา แล้วก็มาเป็นนักการเมือง ก็ใช้วิธีพวกนี้
จนกระทั่งสอนกันว่ารัฐศาสตร์การเมืองคือการสร้างอำนาจ ไปโน่นเลย การสร้างอำนาจหมายถึงการสร้างอำนาจให้แก่ตนเองหรือพรรคของตนเอง แล้วบอกว่าประชาธิปไตย มันก็ไม่ได้ผิดไปจากคอมมิวนิสต์อะไรเลยซ้อนๆกันอยู่ แต่คอมมิวนิสต์เขาประกาศตัวจริงเลย ว่าเขาเป็นคณะ แต่ประชาธิปไตยบอกว่าไม่ใช่เป็นของประชาชน ขี้หมาเหรอครับ
พรรคการเมืองก็คือคณาธิปไตยเหมือนกันนั่นแหละสอนกันอยู่อย่างนี้ หาคะแนนเสียง ตอนนี้ก็ดูสิ การเมืองเดี๋ยวก็จะเลือกตั้งเดี๋ยวใครจะได้คะแนนเสียง เสียเวลาอยู่ในโทรทัศน์ข่าวคราววิจัยอย่างนี้ทั้งนั้น เดี๋ยวจะรู้ว่าประชาธิปไตยเป้าหลักสัจจะความจริงคืออะไร พวกนี้ประชาธิปไตยขี้หมาทั้งนั้นประชาธิปไตยนายทุนธุรกิจโลกียะสามานย์ก็ดี มันก็ดี ประชาธิปไตยหาคะแนนเสียงแล้วก็มาอ้างเป็นอำนาจมวลประชาชนก็ดี
3 ประชาธิปไตยโลกุตระ หรือประชาธิปไตยแท้จริง คือ ประชาชนเองจริงๆที่มีพลังรวม รวมความรู้ความเห็นกันอย่างอิสระ แต่มีความเห็นที่ตรงกันเป็นมวลรวมร่วมกัน เห็นร่วมกันรู้ว่า ใครเป็นคนปฏิบัติเพื่อประชาชนจริงๆ อย่างเมืองไทยเราจะเห็นอยู่นี่
เพราะฉะนั้น ขณะนี้ตัวอย่างของประเทศไทย พลเอกประยุทธ์เป็นนายกปฏิบัติเบอร์ 1 ของผู้บริหาร ประชาชนเห็นจริง โพลมันก็ไม่ตรงทีเดียว แต่ก็ยังมีความเห็นร่วมกันอยู่ ข้างนอกเขาก็มองออกมา
งานของพลเอกประยุทธ์ทำ เสร็จแล้วก็พยายามเอามาวิจัยวิจารณ์ เหมือนกับร่วมคิดร่วมวิจัยกับคนอื่นๆในงานประชุมเอเปค แสดงพลเอกประยุทธ์ก็ได้คะแนนอยู่ โดยเขาไม่ต้องไปอ้างประเด็นต่างๆ ยกย่อง มีคนรวม 10 ผลงานเด่นของรัฐบาลบิ๊กตู่ 65
ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี สรุป 10 ผลงานเด่นรัฐบาล“บิ๊กตู่”ปี 65
วันที่ 1 ม.ค.2565 ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี หรือ PMOC สรุป 10 ผลงานเด่นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา เกิดเรื่องดี ๆ กับประเทศไทยของเราขึ้นมากมาย PMOC คัด10 เรื่องที่ดีที่สุดมาให้คุณ และใน 10 เรื่องนี้ ท่านชื่นชอบเรื่องใดมากที่สุด มาร่วมแสดงความเห็นกัน
-
บัตรสวัสดิการ นโยบายกระตุ้น เศรษฐกิจต่อเนื่อง ช่วยตอบโจทย์คนไทยทุกระดับได้ตรงจุด
-
WHO ยกย่อง สาธารณสุขไทยสุดเข้มแข็ง แก้ปัญหาโควิดอย่างเป็นระบบ
-
ฟื้นฟูสัมพันธ์ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ในรอบ 32 ปี มิตรสหายเก่าหวนคืนมาได้ใน‘รัฐบาลประยุทธ์’
พ่อครูว่า…เราต้องยอมรับว่าเขารวยจริง เราก็ทำการช่วยเหลือกันค้าขายต่อกัน
-
ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมถนน สะพาน รถไฟ
-
มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G คนไทยต้องได้ใช้งานทั่วถึงทั้งประเทศ
-
ส่งเสริมรถยนต์พลังงาน EV วางไทยให้เป็น Hub EV แห่งอาเซียน
-
ปราบยาเสพติด ‘วาระแห่งชาติ’ ตัดวงจร ‘ผู้ค้า-เสพ’ แบบเห็นผล
-
IMF มั่นใจเศรษฐกิจไทย ชมว่างงาน 1% ต่ำสุดในโลก
-
ปฏิวัติดอกเบี้ยโหดในรอบ 95 ปี ช่วยแก้ปัญหาลูกหนี้ถูกเอาเปรียบ
-
APEC 2022 ผลงานระดับโลกภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์