651221 ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1Sc-BkrboDARWc_oKtBeQcyGJ3Zi3kjetfvP893h0Hck/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1zPo6iXzrJ9ghdtt5m7EXnWaOfycXdhKn/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/RxmBaZ0VUo0 และ https://fb.watch/hyF3hoL-yX/ สมณะเดินดิน… วันนี้วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล เวลาจะเข้าสู่เทศกาลงานปีใหม่ ตลาดอาริยะครั้งที่ 11 ของเรา ก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ปีนี้สมณะประชุมกันว่า ทุกปีเป็นงานเพื่อฟ้าดิน ปีนี้เราเปลี่ยนเป็นงานตลาดอาริยะแทน โดยทั่วไปทุกปีจะมีการทำข้อสอบ ว.บบบ. ปีนี้คิดว่าเรื่องเยอะด้วย งานเยอะด้วย เราจะเปลี่ยนจากการทำข้อสอบภาคปริยัติมาเป็นข้อสอบภาคปฏิบัติแทน จะมีบำเพ็ญคุณ 3 วัน บำเพ็ญธรรมอีก 3 วัน งานปีใหม่ของชาวอโศกเป็นที่เข้าใจว่าเหมือนการสอบไล่ใหญ่ประจำปี มีเรื่องผัสสะ มีสิ่งที่มากระทบ เครื่องยั่วยวน ปีนี้เราเตรียมตัวขายของตลาดอาริยะเต็มที่ อาจมีพวกเราอยากได้นั่น อยากได้นี่ หรืออาจจะมีพ่อค้าแม่ค้าภายนอกมาด้วย อาจมีคนมาขายเนื้อสัตว์ เราไม่ได้ห่วงคนภายนอกเท่าไหร่ แต่ห่วงเด็กๆหรือพวกเราที่อดใจไม่ไหว เป็นผัสสะที่มากระทบ พวกเราจะปล่อยวางได้หรือไม่ หรือ สบายมาก เห็นเขามาซื้อของเยอะๆเกิดความโลภ เราจะรู้สึกอย่างไร ลงภาคสนามจริงจะเกิดการฝึกฝนจริง จะมีปฐมนิเทศในค่ำวันที่ 25 ได้ชี้แจงว่า จะมีการแบ่งกลุ่ม กระบวนการกลุ่ม จะมีการฝึกฝนอย่างไร มีมิตรดีสหายดีร่วมกันพัฒนา จะมีการลงทะเบียนแบ่งกลุ่ม จะมีบำเพ็ญธรรม 3 วัน วันที่ 29 เป็นการเตรียมตัวตลาดอาริยะ ส่วนอีก 3 วัน วันที่ 30 , 31 และ 1 เป็นการเข้าสู่งานตลาดอารยะ พ่อครูเทศน์ข้ามปี วันที่ 31 และวันที่ 1 เขานิยมสวดมนต์ข้ามปี พ่อครูก็เทศน์ข้ามปี พ่อครูว่า… เขาสวดกันข้ามปีจริงๆนะ สวดจริงๆ ข้ามคืนจริงๆ แต่ผมเทศน์ข้ามปีไม่ไหว น่าจะตายก่อนนะ สมณะเดินดิน… ตามลุ้นอีกทีว่า ฝ่ายจัดสถานที่จะทำให้ไปฉลองที่ ภูเฮาได้หรือไม่ จะมีกิจกรรมทำวัตรเช้าช่วงบำเพ็ญคุณตี 4 ถึงตี 5 ครึ่ง มีสมณะ สิกขมาตุแสดงธรรม 3 วัน ช่วงกลางวันจะเป็นการไปช่วยงานเตรียมตลาดอาริยะ ญาติธรรมที่จะมาช่วยกันเป็นเจ้าภาพ จะได้บำเพ็ญกุศลด้วยกัน ใครมาเป็นแขก อาจจะได้กุศลน้อยลงไป พ่อครูว่า… SMS วันที่ 16 – 17 ธ.ค. 2565 กินมังสวิรัติ 20 ปี ยังเข้าวัดไม่ได้ ทำใจอย่างไร _สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ งานปีใหม่นี้ลูกได้ขออนุญาตแม่และสามีเพื่อไปช่วยงาน แม่และสามีอนุโมทนากับลูกและให้อนุญาตทันทีค่ะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) เพียงแค่ลูกได้รับอนุญาต ลูกก็ปลื้มใจมาก เพราะเป็นความสำเร็จของครอบครัว และลูกได้สอนให้ลูกสาวดูแลแม่(ยาย)เรื่องทำอาหารและยาค่ะ ซึ่งช่วงอากาศหนาวแม่จะป่วยบ่อย ลูกจะไปช่วยงานอาพรตะวันซึ่งเคยดูแลรักษา อายอดบุญ จนสิ้นลมหายใจค่ะ(อายอดบุญเป็นพี่ชายของลูกค่ะ) น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูว่า… ดี ก็ยินดีต้อนรับทุกคน ซึ่งอาตมาก็ไม่อยากจะเร่งรัดแต่ละคนๆเกินไปหรอก ก็ให้สมัครใจหรือสะดวกใจตัวเอง ที่คิดว่าควรจะเข้ามาแล้ว ก็พยายามที่จะให้บ้านราชมีคนสัก 777 คน ในทะเบียนเลยนะ ไปๆมาๆก็คงจะพอถึง แต่ว่าอยากจะให้เป็นทะเบียนเลย คนสัก 777 คน ยังไม่ถึงมานาน พูดมานาน มันยากมันเย็นจริงๆ ก็ไม่มีปัญหาหรอก มันยากเราก็รู้อยู่ว่ามันยาก แต่ไม่เป็นปัญหากับเรา เรามีปัญญา เราเข้าใจอยู่ ใจเย็นกับมัน มันไม่ใช่ของธรรมดามันเป็นของโลกุตระมันเหนือสามัญ _แก้วกรองคำ ปาภูเขียว · กินมังสวิรัติมายี่สิบกว่าปีแต่ยังเข้าวัดไม่ได้เจ้าค่ะ พ่อครูว่า… นี่ก็แสดงความจริงออกมาอีกอันหนึ่งว่าพยายามอยู่นะ แต่ยังเข้ามาไม่ได้ กินมังสวิรัติมาตั้ง 20 ปีแล้ว มีอะไรติดๆขัดๆก็พยายาม ศึกษาฟังธรรมะดีๆ ปลดปลงในโลกก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างเราก็นึกถึงตัวสำคัญที่ว่า เราเองห่วงนั่นห่วงนี่ ติดนั่นติดนี่ ถึงอย่างไรเราก็ต้องตายจากทั้งนั้น คิดตรงนี้ดีๆ เราก็ต้องตายจาก ที่เราตายไปแล้วเราไม่รู้ว่า เราตายจากไปแล้วเขาจะเป็นอย่างไรที่เหลืออยู่ ถ้าเรามาเสียตอนนี้ ก่อนที่จะตาย จะได้เห็นอยู่ว่า มันจะเป็นอย่างไร มาแล้วมันจะไหวไหม เขาอาจจะช่วยตัวเองได้ดีที่สุด รู้สึกว่า เป็นภาระต่างๆอาจจะหยุดไปเลยได้ พักไปเลยได้ แต่เราไปติดกังวลไปคิดมาก เราไปนึกว่าเราเองสำคัญอะไรต่างๆนานา ก็แนะนำนะ ไม่ได้ไปใช้การบังคับหรือว่าไปบีบคั้นอะไรหรอก ประชาธิปไตยขาเดียวคอมมิวนิสต์ยังดีกว่าระบบประธานาธิบดี _ใบฟ้า ธรรมะธารา นาวาบุญนิยม· ท่านอาจารย์หมอเขียว เป็น ต.ย.ของผู้ที่มี “ทศพิธราษฏรธรรม” ดังประจักษ์ ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์และคณะ เป็นอย่างสูง ที่ได้มาเป็นกำลังหลัก ร่วมกับพี่น้องชาวบ้านราช ฟื้นฟู สภาพสิ่งแวดล้อม และสร้างอาหาร ให้”แผ่นดินพุทธนี้”เป็นตัวแบบตัวอย่าง ของสังคม”สาธารณะโภคี”ที่ยอดเยี่ยม โครงการ” 1ใน 1000″ มีความเป็นไปได้ อย่างไม่นานเกินรอ หาก ท่านอาจารย์และคณะ พิจารณารับคำดำริของ “พระนิยตะโพธิสัตว์เจ้า” กราบขอบพระคุณพ่อครูด้วยเศียรเกล้าฯ ที่ทำให้ลูกๆ ได้ปิติยินดี ว่า”ทศพิธราษฎรธรรม”มีได้ในชาวอาริยะทุกคนค่ะ ใบฟ้า ธรรมะธารา นาวาบุญนิยม พ่อครูว่า… ระบบ กฎมณเฑียรบาลของผู้ที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ผู้สืบสันตติวงศ์ จะต้องปฏิบัติฝึกฝนจริงๆเลย แล้วมันก็เป็นความจริง สืบทอดกันมาตลอดกาลนาน มันไม่เหมือนประธานาธิบดีที่เป็น ระบบที่ไม่มีอะไรรับประกันเลยใครก็ได้ จะใช้กลเม็ดกลโกงอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น มันไม่ได้มีความซื่อสัตย์สุจริต มันไม่ได้มีคุณธรรมที่รับรองอะไรสักข้อเดียวที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องยืนยัน เท่านี้มันก็ชัดเจนแล้วว่า ผู้นำประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีกับผู้นำแบบกษัตริย์ และยังมีนายกด้วยที่เป็นผู้แทนประชาชนอีก เป็นสภาพ 2 ขา ประชาธิปไตย 2 ขา กับประชาธิปไตยขาเดียว อาตมาก็ขอให้นักรัฐศาสตร์ทั้งหลายศึกษาจุดลึกอันนี้ให้ดีๆเถอะ ในความเป็นจริงเป็นสัจธรรมสุดยอดแล้วเนี่ย ประธานาธิบดีเป็นเรื่องปลอมแปลง เป็นเรื่องประชาธิปไตยที่ อาตมาว่า คอมมิวนิสต์ยังดีกว่าประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี เพราะเขายังมีหลายคนที่ถ่วงกันติงกัน มีความเห็นร่วมกันเป็นคณะ แต่ไอ้นั่นมันคนเดียว แม้เขาบอกว่าเขามีคณะ แต่เขาเป็นใหญ่ แล้วก็เลือกใครมาไม่รู้ อะไรต่างๆ เหล่านี้ คอมมิวนิสต์เขาจะต้องมีผู้ที่คอยสืบสานขึ้นมาเป็นคณะ แล้วค่อยๆไต่ระดับขึ้นมา กว่าจะได้เป็นคณะกรรมการบริหารจริงๆ เป็นคณะบริหาร ไม่ใช่บริหารคนเดียว บริหารเป็นคณะแต่ก็มีหัวหน้า เขาก็คัดเลือกสำคัญตรวจสอบกันจริงๆ แต่ถึงอย่างไรมันก็สู้แบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่ได้หรอกอาตมาก็เป็นความเห็นที่มั่นใจที่สุด ส่วนนักรัฐศาสตร์อื่นคนอื่นเขาจะเข้าใจอย่างไรก็แน่นอนเขาก็ต้องคิดว่าเขาเห็นถูกเห็นจริงอะไรไป _สู่แดนธรรม… ประเทศไทยกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ได้ตีตราแล้วว่าเป็นประชาธิปไตยแบบ 2 ขา ครับ ประเทศไทยมีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กฎหมายก็ยังรับรองเลยครับ พ่อครูว่า… ตั้งกฏมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเลย ไม่เคยคิดจะไปแก้จนกระทั่งถึงบัดนี้ แต่ทุกวันนี้มีคนพยายามจะแก้ แต่มันแก้ยังไม่ได้ เขาก็พยายามจะแก้ จะล้มล้างแบบนี้ ซึ่งไปหลงใหลประเทศฝรั่งเศส แบบอเมริกา ประชาธิปไตยขาเดียว ความเห็นของเขาห้ามไม่ได้หรอก ก็ว่ากันไป _สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ · วันนี้ได้รับข่าวในสถาบันฯอันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคนไทยฯขอน้อมจิตบูชาพระสยามเทวาธิราชฯ บุรพกษัตริยาธิราชเจ้าฯปกปักอภิบาลรักษาองค์ในหลวงฯราชินีฯเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯทรงพระพลานามัยแข็งแรงฯทรงพระเจริญฯทรงอยู่เป็นพระมิ่งขวัญกำลังใจไทยรักภักดิ์ราชขัตติยวงศ์จักรีฯ ยั่งยืนยาวนาน ตราบนานฯน้อมจิตจงรักฯน้อมใจภักดีฯราษฎรใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ฯ💛🙇💜 พ่อครูว่า… เป็นความเห็นที่สอดคล้องกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ทุกคนน้อมจิตน้อมใจเอาใจช่วย SMS วันที่ 19-20 ธันวาคม 2565 _พิเชฐ บุญวิรุณ · จางคลาย – กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูง ถ้าเราไม่มีโลกุตรธรรมในตัวเองบ้างแล้ว คงจะถูกพญาครุฑข่มเสียจนหงอแน่ ๆ ผมเชื่อมั่นว่า “บุญนิยม” ของพ่อครูนี่แหละที่จะล้างบาปของทุนนิยมโลกได้ ทฤษฎีอื่นที่ไปไม่ถึงโลกุตรธรรมมีแต่จะสร้างปัญหาใหม่เพิ่มเข้าไปให้ซับซ้อนหนักขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง วนเวียนแก้ปัญหาแบบโลกียะไปไม่มีวันจบวันสิ้น… อันนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่อยากจะสะท้อนออกมาบ้างเท่านั้นครับ ส่วนคำอธิบายและรายละเอียดที่ว่าบุญนิยมจะล้างบาปของทุนนิยมได้อย่างไรนั้น ขอน้อมรับและติดตามฟังคำอธิบายของพ่อครูอย่างสงบดีกว่า – สาธุ พ่อครูว่า…แสดงความเห็นมาบ้างก็ดี ก็ต้องขอบคุณดีแล้ว อาตมาไม่ขยายความแม้แต่คนพาดพิงถึง พญาครุฑมันหมายถึงอะไร พญาครุฑ พญานาค อาตมาเคยอธิบายผ่านมาแล้วผู้ที่ติดตามฟังย้อนๆทบทวนค้นหา มีอยู่ในคำสอนที่เขาบันทึกเก็บไว้ พญาครุฑคืออะไร พญานาคคืออะไร พระโพธิรักษ์อธิบาย วันนี้จะผ่านไปก่อน _จนแท้ บุญคุ้มมาจน · รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม วันที่ 19 ธ.ค. 2565 นี้ สนุกจริงๆครับ.ได้ทั้งธรรมะและปัญญาที่ลูกอยากรู้. พ่อครูว่า… อนุโมทนาสาธุที่ได้ประโยชน์จากรายการ นิรมาณกายสมัยใหม่สมัยเก่า _ ตุ๊ก อัศวิน : คุณหมอมโนปรารภถึง..ความเชื่อเรื่อง ‘ต้นธาตุ-ต้นธรรม’..ถึง 3 version !! ไม่ทราบว่า เจ้าสำนักธรรมกาย (ธัมมชโย) แต่งเรื่องขึ้น..(นึกขึ้นเอง) เช่นนั้นไหมเจ้าค่ะ หรือว่า แต่งเรื่องโดยอิงอาศัยจากตำราใดฤา..เจ้าคะ ช่างน่าประหลาดใจ..เจ้าค่ะ!! เพราะเท่าที่ทราบ..สิ่งที่ชาวพุทธเชื่อถือ ตามประวัติ น่าจะมีแต่ ‘พตปฎ’ ที่ถ่ายทอดสืบต่อๆมาเริ่มที่ มุขปาฐะ !! เป็น ‘งง’ กับ ตรรกะความเชื่อนี้..เจ้าค่ะ พ่อครูว่า… ก็ว่าจะไม่พาดพิงถึงคำอธิบายนั้น พญาครุฑพญานาค ธัมมชโยนี่แหละคือพญาครุฑที่แท้ ทำเป็นบินสูง เป็นสัตว์ในตำนาน เป็นนิรมาณกายชนิดหนึ่งคือเป็นสิ่งที่ สมมุติขึ้น ตัวเองสมมติขึ้นอันหนึ่งเอง ในสาระของเขา เอาชื่อ ชื่อเดิมพญาครุฑเขามี ภาษาพญาครุฑพญานาคเป็นชื่อเดิม แล้วเขาก็มาสวมเรื่องแต่งเรื่อง เขาเป็นนักอ่านตัวสำคัญ ธัมมชโยเป็นนักอ่าน นักศึกษาค้นคว้าและก็จำเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วก็เอามายำเส็งเข้าไป เอามาตกแต่งเข้าไป เป็นนิยายพิลึกพิลั่นของเขา เขามีความสามารถในเรื่องนี้มาก เป็นนักปรุงแต่ง เป็นนักสร้างสรรค์ เป็นนักอะไรต่ออะไรจริงๆเลยจนกระทั่ง มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าเรื่อง Star Wars ยิ่งกว่าเรื่อง Harry Potter คนโง่มีมากในโลก อย่าง Harry Potter เป็นต้น คนก็ชอบสนุก แต่ไม่ได้สาระอะไรขึ้นมาเลย ตั้งแต่ Harry Potter ดังจนถึงบัดนี้ยังไม่เห็นแก่นแท้สาระอะไรเลย ที่เกิดจากผลของ Harry Potter เลย Star Wars ก็พยายามอีกอย่างหนึ่ง เพ้อเจ้อออกไปนอกโลก ไปสร้างสถานี ไปสร้างสถานที่ แล้วก็ไปเจอมนุษย์ต่างดาวแปลกประหลาดต่างๆนานา ฝันเพ้อไป แทนที่จะเอาพลังงานเหล่านั้นมาสร้างสิ่งจริงที่ตัวเองสัมพันธ์ เกี่ยวข้องอยู่ในโลกช่วยกัน จะทำอย่างไรอยู่ในโลกนี้อย่างสงบอบอุ่นสบายดี เป็นสังคมมนุษย์โลกที่ดีมาก ทำให้ช่วยโลก ยืดอายุโลก ทำให้โลกไม่มีสิ่งเป็นพิษภัยเป็นโทษ เกิดขึ้นจากพลังงานหรือวัตถุของโลก ซึ่งสัตว์เดรัจฉานมันไม่ได้ทำมากหรอก แต่สัตว์มนุษย์นี่แหละมันทำอะไรต่ออะไร โอ้โห สารพัดที่มันทำให้เกิดความเป็นพิษเป็นภัยให้แก่โลก ก็ต้องเอาแรงงานทุนรอนมาใช้ในทางนี้ มันเป็นการทำลายซับซ้อนที่ไม่น่าจะทำ แต่ก็ห้ามไม่ได้หรอกเขาเป็นอย่างนั้น _ ใจธรรม สิทธินาวิน : กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพยิ่งค่ะ วันนี้ได้ยินที่นพ.ดร.มโน เล่าว่างานกฐินวัดธรรมกายเคยได้เงินครั้งละเป็นหมื่นล้าน นี่ดิฉันเชื่อเลยค่ะ ดิฉันขอเล่าเรื่องที่เคยเห็นที่วัดธรรมกาย เมื่อประมาณปี 2524 (พ่อครู… ปี 2524 อาตมาพาพวกเราไปที่สวนลุมฯ คนชาวอโศกที่มาจากงานปี 24 นี้มีไม่ใช่น้อย เรียกว่าเปิดตัวเรียกญาติก็เลยมากันตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้) มีเพื่อนคนนึงที่เคยบวชธรรมทายาทที่ธรรมกาย เขาอยากทำบุญเป็นประธานกฐินที่วัดธรรมกาย ก็ชวนเพื่อนๆเป็นกรรมการ โดยได้รับโบชัวร์แผ่นพับ ชวนคนเป็นประธานหรือกรรมการ โดยบอกอานิสงส์ของการได้เป็นประธานหรือกรรมการกฐิน มีข้อความสวยหรู แจกให้เพื่อนๆ จนได้เพื่อนกลุ่มนึงเป็นกรรมการ เสร็จแล้ววัดธรรมกายจะพิมพ์ใบรายชื่อประธานและกรรมการ พร้อมซองให้พวกกรรมการไปแจกเพื่อนๆ เพื่อรวบรวมเงินมาเข้ากองกฐิน เมื่อถึงวันนัดหมายก็ชวนกรรมการไปที่วัดธรรมกาย เพื่อนำเงินไปส่ง เมื่อไปถึง เห็นสถานที่จัดมีเต้นท์ผ้าใบเรียงรายเต็มสนามหลายสิบเต้นท์ และจัดโต็ะไว้ที่เสาเต้นท์ 1เต้นท์มี 4 เสาก็มีโต๊ะรับเงิน 4ตัวมีเจ้าหน้าที่นั่งรอรับเงิน แล้วให้เฉพาะประธานไปยืนรอต่อคิวส่งเงินให้วัดซึ่งคิวยาวมาก ส่วนกรรมการก็มีที่กว้างๆให้นั่งรออีกจุดนึง ตอนนั้นวัดธรรมกายยังไม่ได้ใหญ่มากๆ ยังเป็นขนาดนั้น อีกเรื่องค่ะ ยังมีลูกของคนรู้จักเคยเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าชมรมพุทธซึ่งเป็นของวัดธรรมกายเข้าไปจัดการ เมื่อเรียนจบ เขาเลยเข้าบวชที่ธรรมกาย 1พรรษา เขาก็บริจาคเยอะมากเป็นระดับแกนนำ ก็พาแม่เขาไปวัด แม่เขาบอกว่าวันนึงไปร่วมงานใหญ่(หาเงินนั่นแหละ) นี่ขนาดบริจาคเยอะ(หลักล้าน) นี่ยังนั่งแค่ข้างนอก ส่วนแขกที่นั่งข้างในก็ระดับเจ้าสัวหมื่นล้านลูกศิษย์คนใหญ่คนโตของเมืองไทยเท่านั้น ส่วนข้างนอกๆ นั่งกันไล่ๆออกไป ก็คงบริจาคน้อยๆ เขาทำแบบนี้แหละค่ะวัดธรรมกาย ดิฉันระลึกถึงพระคุณของพ่อครูที่เทศน์สอนโลกุตระให้พ้นทุกข์และมีปัญญาเข้าถึงสัจจธรรมที่แท้จริงค่ะ ขอกราบขอบพระคุณพ่อครูด้วยความเคารพบูชายิ่งค่ะ พ่อครูว่า… อ้าว ดี อาตมาจะไม่ขยายความต่อ คนที่ศึกษาสนใจก็ติดตามแล้วก็สอดส่อง ใช้ปฏิภาณปัญญาของตัวเองเป็นเครื่องตรวจสอบ ตัดสินไป อาตมาชี้นำก็ต้องชี้ว่าเราถูก ธัมมชโยผิด ก็ต้องพูดอย่างนั้นเท่านั้น ซึ่งมันก็ดูไม่เข้าท่าอะไรหรอก มันก็ไม่ดี ก็ตัดสินใจเอาเอง แต่ละคนมีสิทธิ์เสรีภาพในการตัดสิน ศาสตร์ที่ทำให้คนอยู่เย็นเป็นสุขที่แท้จริงคือโลกุตระ เอามาพูดกันถึงเรื่องที่ควรจะพูดในวันนี้ อาตมาเขียนนำเอาไว้ว่า “ไม่ว่า ศาสตร์ใดๆ ล้วนมีจุดมุ่งหมายให้ชีวิตคนและสังคมได้อาศัยความรู้คือ ศาสตร์อันนั้น มารับใช้ชีวิตคนหรือสังคมให้เป็นอยู่สุข ที่สุด ตามความรู้องค์รวมของแต่ละคนจนกระทั่งผู้บริหารทั้งหลาย แม้แต่ความรู้ที่สามารถสร้างอาวุธมาทำลายกัน มาฆ่าคนแท้ๆ ก็เพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อให้ชีวิตคนและสังคมอยู่เย็นเป็นสุข” เขาก็หมายอย่างนั้นจริงๆลึกๆ แต่เขาคิดไม่ออกว่าการจะช่วยให้คนอยู่เย็นเป็นสุข มันไม่ควรจะไปทำแบบนั้น ไม่ควรไปสร้างอาวุธมาเพื่อฆ่าคนอื่น แล้วที่เหลือจะได้อยู่เย็นเป็นสุข อาตมาก็ขอแวะวิจารณ์นิดเดียว คุณสร้างอาวุธขึ้นมาแล้วคุณก็ใช้อาวุธฆ่าเขา แล้วคนที่ถูกฆ่า เขาก็จะต้องหาอาวุธมาฆ่าตอบ การฆ่ากันกลับไปกลับมานี่ก็เป็นหนังจีน ไม่มีจบ“บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ” คำว่า บุญคุณต้องทดแทนก็คือ บุญคุณที่ช่วยคนมาฆ่าเราและเราก็ช่วยฆ่าคนนั้นให้ด้วย คนที่มาช่วยเราแก้แค้นให้ด้วยการฆ่าคนนั้น ก็เลยมีแต่บุญคุณระหว่างคนที่ฆ่ากันและกัน แต่คนที่แค้น ก็จะต้องแค้นยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นซับซ้อนไปอีกไม่รู้กี่ชาติ แล้วก็ต้อง บุญคุณคือการฆ่ากันเพื่อการแก้แค้น สรุปสั้นๆ บุญคุณคือช่วยฆ่าคนที่มาฆ่าเรา เป็นการทดแทนบุญคุณ ฟังให้ดีนะ บุญคุณ ผู้ที่ฆ่าคนที่ จะเป็นอาจารย์ ญาติพี่น้อง คณะพวกอะไรก็แล้วแต่ ที่เขาฆ่า แล้วคนนี้มาช่วยฆ่า แก้แค้นช่วยเรา มันคือบุญคุณ เพราะฉะนั้นคำว่า บุญคุณ จึงเป็นบุญคุณในการฆ่า ไม่ใช่บุญคุณในการช่วยเหลือเกื้อกูลอุ้มชูกัน เป็นบุญคุณในการฆ่า สรุปง่ายๆมันมี 2 อย่างคือ 1. ช่วย 2. ฆ่าหรือทำลาย เพราะฉะนั้นในศาสนาพุทธนี่ ใครจะฆ่าเรา เราก็ต้องอโหสิ ไม่แค้นไม่ฆ่าตอบ ตายแล้วก็เป็นวิบากใครวิบากมัน เพราะฉะนั้น ผู้นี้จะยิ่งหยุด ยิ่งไม่มีศัตรู ยิ่งไม่มีคู่แค้น ยิ่งไม่มีคู่ฆ่าไปเรื่อยๆ ตามสัจธรรม แต่กรรมวิบากของการแค้นฆ่า ฆ่าแค้น มันจะพัฒนา หมู่กลุ่มที่เป็นพวกที่จะช่วยฆ่าช่วยแกงเหมือนหนังจีน หลานอย่าลืมแก้แค้นให้ปู่นะ สั่งเสียก่อนตายด้วยในหนังจีน ซึ่งมันเป็นการผูกพยาบาท แก้แค้น ไม่อโหสิ ไม่จบ เป็นเรื่องการเพิ่มจำนวนที่จะฆ่ากัน ปฏิพากทวีขึ้น ตลอด ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ มากขึ้น คนคิดได้อย่างนี้เพราะมีอัตตาตัวตน เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวก เห็นแก่คณะ มันมีอัตตาตัวตนนั่นแหละตัวสำคัญ มันก็มีมาก เพราะฉะนั้น โลกุตระจริงนี้จึงตรงกันข้ามกันกับเรื่องนั้นเลย เกิดยาก แต่เกิดแล้วมันเป็นเรื่องดี ใกล้กลียุค คือ ใกล้ความรุนแรงสูงสุดแล้ว แน่นอนพวกที่แรงก็แรงไป แล้วพวกแรงเป็นวิบากแก่กันและกัน เขาก็อยู่วงนอก เขาจะไม่เข้ามาถึงพวกโลกุตรธรรม เข้ามาไม่ได้ ด้วยธรรมฤทธิ์ เป็นธรรมฤทธิ์ที่เขาไม่สามารถจะเข้ามาถึง อันนี้เป็นเรื่องที่อาตมาอธิบายไม่เก่ง เป็นพลังงานกำแพงธรรมะ ที่เป็นกำแพงที่เป็นกำแพงไร้สภาพ ไร้ภาวะ ไม่มีอะไรให้เห็นหรอก แต่มีธรรมฤทธิ์ที่กั้นพวกที่รุนแรงนั้นไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้พวกที่มีบารมี อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่อง อจินไตย เป็นกรรมวิบากที่มีจริงและเป็นนามธรรมที่ขยายได้เท่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ใช้ศัพท์นี้ก็คงพอเข้าใจขึ้น เป็นความศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่เป็นเรื่องมีเหตุมีผล มีกรรมวิบากที่ได้สร้างสมแล้วมันเป็นเรื่องจริงของแต่ละคน แต่ละคณะ แต่ละประเทศ อย่างประเทศไทยนี้ ในโลกนี้ มีตัวอย่างของประเทศที่สร้างความสงบคือ สวิตเซอร์แลนด์ มาถึงวันนี้หลายร้อยปีเต็มที่แล้ว เขาก็ดี แต่เขาอยู่ในเชิงของ เขาเป็นคนสายศรัทธา ไม่ใช่สายพุทธะที่แท้ ไม่ใช่พุทธิจริต แต่เป็นพวกสัทธาจริต เขาก็ได้อย่างนั้น เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นตัวอย่างอยู่ แต่ก็ คนที่มาถึงใกล้กลียุค พลังงานด้านปัญญา ไม่ใช่พลังงานศรัทธา เช่นเดียวกันกับโลกขณะนี้ พลังงานด้านศรัทธา มวลใหญ่คืออินเดีย พลังงานด้านปัญญามวลใหญ่คือจีน เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า จีนมีสิ่งที่ปรากฏ มีพฤติการณ์ ให้โลกเห็นความเด่น เห็นความชัด คือสายปัญญา ส่วนสายศรัทธานั้น ความเด่นไม่ค่อยขึ้น แต่เขาก็อยู่ได้สงบ ทางด้านปัญญามันดูเหมือนไม่สงบแต่ที่จริงเขาสงบนะ จีนทุกวันนี้เขาสามารถสร้างความสงบได้อย่างดีมากเลย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างของโลก แต่เขาก็ไม่ได้ลึกซึ้งที่สุดซึ่งเป็นปรมัตถธรรม (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมณะเดินดิน… วันนี้มีข่าวประเทศที่ชนะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก ประเทศอาร์เจนตินา คนออกมาฉลอง 3-4 ล้านคน แน่นถนนจนไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้ เพราะเขากลัวว่าคนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ดูแล้วจะเกิดจลาจลจึงต้องหยุด เขาดีใจเหมือนจะบ้าคลั่งเลย เคยฟังว่าอาร์เจนตินาเคยเป็นประเทศที่เงินเฟ้อมากเลย ยิ่งคนชนะอย่างนี้ ยิ่งไม่มีคนจะทำมาหากินกันใหญ่เลย ไม่รู้จะโชคดีหรือโชคร้าย พ่อครูว่า… ตอบ โชคร้าย ไม่ใช่โชคหรอก เป็นเคราะห์ร้าย เคราะห์เลย ที่ไปหลงใหลอบายมุข อันนี้มันลึกซึ้งค่อยๆขยายความไป เรื่องเหล่านั้นอาตมาก็ไม่เก่ง ไม่เก่งที่จะขยายความอบายมุขเหล่านั้น อบายมุข อบาย คือความไม่เจริญ ไม่เจริญในการละเล่น บันเทิงเริงรมย์ เรื่องกีฬามันเป็นอบายมุข 6 แต่เขาไม่เข้าใจ คำสอนของพระพุทธเจ้า แม้แต่คนไทยก็ยังเข้าใจยาก ข่าวกีฬานี้ขึ้น โอ้โห ออกกันแทบทุก 15 นาที ข่าวกีฬา แต่ข่าวธรรมะนี้ปีนึงออกสักครั้ง ข่าวธรรมะโดยเฉพาะธรรมะโลกุตระ ก็เห็นใจเขาไม่รู้ เป็นสิ่งที่ดีมีคุณค่า เขาไม่มีภูมิธรรมที่จะรู้สิ่งนี้ แน่นอนเขาก็จะไม่รู้จะพูดยกย่อง เชิดชูอย่างไร ก็เป็นสัจจะอย่างหนึ่งเหมือนกัน ไม่มีปัญหาอาตมาเข้าใจอยู่ จะเห็นได้ว่าถ้าเผื่อว่าสิ่งเหล่านี้ อย่างเมืองไทยก็เป็นตัวอย่าง ขนาดเมืองไทยที่เป็นเมืองโลกุตระปักหมุดลงไปแล้วจริงๆ มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นในสังคมแท้ มีทั้งราษฎร ธรรมะ ทศพิธราษฎรธรรม มีทั้งทศพิธราชธรรม แท้ๆเลย มีจริงนะไม่ใช่อาตมาพูดลอยลมเป็นพยัญชนะปากเปล่า เรื่องจริง ขนาดนั้นมันก็ยังได้ขนาดนี้เลย แต่โดยองค์รวม อาตมาก็ดูตามภูมิปัญญาของอาตมา เมืองไทยนี้นำพาโลกุตรธรรม เจริญขึ้น นำโลกไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นในยุคใกล้กลียุค มันจะคัดเฟ้น มันจะคัดเลือกคนระดับผู้นำ ระดับปัญญาชนที่จะแสวงหาสิ่งที่เป็นสิ่งยอดที่สุด เขาจะเข้าใจกลุ่มนึง เพราะฉะนั้นจะมีอิทธิพลของผู้ที่มีภูมิปัญญาที่จะรับได้เข้ามาเป็นมวลหรือน้ำหนัก เป็นคุณธรรมองค์รวมที่จะมีพลังงานของธรรมะ แสดงออกมาเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสามัคคียะ เป็นเอกีภาวะ ปรากฏการณ์เกิดขึ้นในโลกไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้น อาตมาคิดว่า อาตมาเข้าใจไม่ผิด จะเป็นเช่นนั้น ก็ค่อยๆช่วยกัน มาร่วมตัวกัน ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ ในชาวอโศก พวกเราชาวอโศก ซึ่งเป็นแก่นแกนของโลกุตรธรรม ขอยืนยันว่าในประเทศไทยนี้ด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มชุมชนที่ครบบริบูรณ์ มีคุณธรรมตามสาราณียธรรม 6 หรือมีจรณะ 15 วิชชา 8 มีวรรณะ 9 มีโพธิปักขิยธรรม 37 ซึ่งเป็นเรื่องจริง วันนี้ก็ยังไม่ลงไปขยายความ ศัพท์ที่พูดพาดพิงถึงพยัญชนะวิชาการเมื่อกี้นี้ แม้แต่ความรู้ที่สามารถสร้างอาวุธทำลายกัน มาฆ่าคนกันแท้ๆ ลึกๆเขาก็เพื่อจุดหมายเพื่อให้ชีวิตคนในสังคมอยู่เย็นเป็นสุข จริงๆ อยู่เย็นเป็นสุขก็มีซ้อนความเห็นแก่ตัว เห็นแก่พวก ซ้อนอยู่ในนั้น ให้พวกเขาอยู่เย็นเป็นสุข มันไม่เย็นไปได้หรอก มันไม่เย็น แต่เป็นความร้อนอยู่ ร้อนสุข เขาหลงความสุขแต่เขาไม่ได้ความสุขที่เย็น เขาจะได้ความสุขที่ร้อน คนเหล่านี้ ฉะนั้นในภาษาวิชาการถึงบอกว่าเป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ก็ดี รัฐศาสตร์ก็ดีสังคมศาสตร์ก็ดี ที่เป็นชื่อใหญ่ๆ 3 ศาสตร์ ถูกหยิบมากล่าวถึงนี้ จะนำพากันปฏิบัติ แต่ละกลุ่ม แต่ละประเทศ แต่ละสังคม ปฏิบัติเศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์ ปฏิบัติการเมืองหรือรัฐศาสตร์ปฏิบัติสังคมศาสตร์ สังคมเป็นภาษารวม เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ เป็นภาษา 2 อย่าง 2 ขั้ว เป็นเทวะ ชนิดหนึ่ง เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมือง ถ้าเรียกคู่ เขาจะเรียกว่า เศรษฐศาสตร์การเมือง ซึ่งมันก็เอามาปฏิบัติกัน เขาก็ว่า เขาเจริญ แต่ถ้าเผื่อว่ามันไม่เข้าเขตเข้าข่ายของโลกุตระ มันไม่เจริญหรอก มันเสื่อมแล้วมันก็เลวร้าย ไปเรื่อยๆ มันทำเลวทำร้ายแก่สังคมแก่กันและกันไปด้วยโดยที่เขาไม่เข้าใจหรอก เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของความเป็นจริงกันได้ แก่นแท้ของความจริงที่ผู้ประสบผลสำเร็จแล้วจะเห็นคุณธรรมหรือเห็นลักษณะของพฤติกรรม พฤติการณ์ของมนุษย์กับสังคม เห็นลักษณะ 7 อาตมาพยายามจะใช้ภาษาเอามาสื่อสภาวะเอาไว้ ลักษณะ 7 นั้นคือ 1.อิสระ 2.สบาย 3.สงบ 4.อบอุ่น 5.อิ่มเอม 6.เกษมใส 7.ใจเกื้อกูล 7 คำนี้เทียบเคียงกับพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ เทียบเคียงกันพอได้แต่ไม่ใช่คำเดียวกันตรงกันทีเดียวหรอก คำที่อาตมากล่าวถึง เทียบคำต่อคำไม่ได้เท่านั้นเอง เกษมใสแล้วยังมี ใจเกื้อกูล อีกคำหนึ่ง เพิ่งเติม ก็ลองอธิบายเนื้อหาสาระเหล่านี้เทียบเคียงกับสภาวะปรากฏการณ์จริงของมนุษย์ในโลกสู่กันฟัง อิสระ คำแรก คนไม่เข้าใจง่ายๆหรอก อาตมาเคยสรุปว่า เทวนิยม มันไม่มีความอิสระจริง เพราะมันไม่จริงมาตั้งแต่พระเจ้า พระเจ้านั้นเป็นเจ้าของเป็นนายทาส เป็นนายทาสตัวจริง ประชาชนหรือว่าสมาชิก หรือเรียกว่าศาสนิกของศาสนาที่มีพระเจ้าเป็นหนึ่ง ศาสนิกเหล่านั้นเป็นทาสของพระเจ้าทั้งหมด ไม่ใช่ผู้มีอิสระ ทุกอย่างพระเจ้ายึดอำนาจไว้หมดเลย เป็นผู้บัญชา เป็นผู้สั่งการ เป็นผู้กำหนด จะให้เกิดให้ตายให้สุขให้ทุกข์ ให้เจริญหรือให้เสื่อมอะไรก็แล้วแต่ พระเจ้าทั้งนั้น แล้วพระเจ้านี้ก็เป็นความลึกลับ ซึ่งศาสนิกหรือสมาชิกของกลุ่มพระเจ้าและพระเจ้ามีหลายองค์ แต่มีความเห็นอันนี้อันเดียวกัน คือพระเจ้านี้ยึดเป็นนายทาส ทุกศาสนา ทุกลัทธิ พระเจ้ายึดอำนาจของมนุษย์หรือศาสนิกไว้หมด ซึ่งแตกต่างจากความอิสระของศาสนาพุทธ อิสระเป็นของตนเอง ทุกคนเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ เป็นเจ้าของกรรม เราทำกรรมใด กรรมนั้นเป็นทายาท กรรมนั้นเป็นของคุณเอง กัมมัญญา กรรมวิบาก มรดกของตนคนเดียว เดี่ยวๆๆๆ ๑. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน) ๒. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน) ๓. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด) ๔. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร) ๕. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ) (พตปฎ. เล่ม ๑๔ ข้อ ๕๘๑) คุณต้องได้อาศัยกรรมที่ตัวเองทำไว้ ซึ่งมีปฏิกิริยายังไม่จบ ถ้าตราบใดยังมีสรณะ เขาแปลว่า ที่พึ่ง แต่เป็นที่พึ่งอันไม่เกษม เพราะโดยพยัญชนะแปลว่า ยังมีสงคราม ส คือเกี่ยวกับ รณะ คือสงคราม ซึ่งมันเป็นเรื่องของการรบ เป็นเรื่องของการที่ยังไม่ลงตัว ยังไม่จบ สำหรับแต่ละคน เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสปลายเปิดเอาไว้ คำสุดท้ายนี้ ผู้ที่อรณะ หมดสงคราม เป็นพระอรหันต์ขึ้นไป จบ พึ่งความจบที่เป็นอรหันต์ ก็จะเกิดความสบาย เกิดความสงบ ที่แท้จริง เพราะปฏิบัติอย่างผู้ที่เข้าใจว่า กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาทของกรรม กรรมพาเราเป็นพาเราไปจริง เป็นไปจริง แล้วก็กรรมสั่งสมเป็นเผ่าพันธุ์ของเราเอง DNA ของเราเท่านั้น แล้วเราก็ถึงเป็น กัมมปฏิสรโณเป็นปลายเปิดเอาไว้ เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุอรหันต์ได้จึงจะประสบความจริง เป็นผู้ที่อิสระ สบาย สมบูรณ์แบบ อรหันต์มี 3 เส้านี้แล้ว แล้วศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาคนๆเดียว เอาแต่ตัวคนเดียว อย่างสุดโต่งเหมือนศาสนาเชน ศาสนาพระมหาวีระ ออกเดี่ยวอยู่คนเดียวไม่เกี่ยวกับใครเลย สุดท้ายก็ไปตายอยู่คนเดียว แล้วไม่เอาอะไรเลย มักน้อยสุดโต่งที่สุด เป็นพวก นัตถิกทิฏฐิ เป็นทิฏฐิที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเหตุ ปัจจัยอะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิของพุทธแล้ว เป็นอรหันต์แล้ว มีอิสระเต็มมีสบายเต็มมีสงบจริง สงบจริงเป็นผู้ที่ไม่เกิดโทษเกิดภัยต่อใครต่อสังคม ต่อโลกเลย ไม่เป็นภัยต่อใคร เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธก็ไม่ใช่ศาสนาโดดเดี่ยว แต่เป็นศาสนาโขลง เป็นศาสนาสังคม โขลงใหญ่ด้วย เมื่อผู้ที่มีสัมมาทิฐิตรงกัน ปฏิบัติแล้วก็จะได้เป็นคนชนิดเดียวกัน ก็มาอยู่รวมกันก็อบอุ่น อย่างชาวอโศกนี่ อบอุ่นมากเลย ชั่วตาปีตาชาติไม่ต้องไปรบกวนตำรวจเขาเลย มีความผิดความพลาดอะไรก็พิพากษากัน แล้วก็เข้าใจกันง่ายดาย ไม่มีอะไร ใครที่เข้าใจไม่ได้ มีตัวอย่างอยู่ในชาวอโศก เข้าใจไม่ได้เขาก็กระเด็นออกไปเอง อย่างที่เป็นตัวอย่าง ฉะนั้นชาวอโศกก็อยู่เป็นสาธารณโภคี ในชุมชนหมู่กลุ่มของชาวอโศกแต่ละชุมชนเป็นสาธารณโภคีหนึ่งเดียวกัน คนที่พยายามเข้ามาอยู่แต่เป็นตัวปลอม เป็นตัวไม่เป็นตัวจริง กระเด็นออกไปเอง อย่างที่กระเด็นไป เพราะฉะนั้นพวกที่อยู่ก็เลยอยู่กันอย่างอบอุ่น เป็นญาติธรรม เป็นญาติทางธรรม ซึ่งเป็นศัพท์ที่ลึกซึ้งที่สุด ญาติกันหมด ไม่เกี่ยวกับ DNA ไม่เกี่ยวกับสายเลือดเลย เป็นญาติพึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้ ระลึกถึงกัน รักกัน เคารพกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สังคหะ อวิวาทะ ไม่วิวาท มีการขบๆขัดๆกันบ้าง นิดๆหน่อยๆ สามัคคียะ เอกีภาวะ ยิ่งนับวัน ความเจริญของ เอกีภาวะ ยิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน ยิ่งแน่นสมบูรณ์แบบ ความพร้อมเพรียงสามัคคีก็จะเห็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ยิ่งมวลใหญ่มวลมาก ลักษณะของการวิวาท ซึ่งมันควรจะมากควรจะแรง มันไม่เห็น ถ้าสามารถที่จะทำสังคมโดยการหัดวิเคราะห์วิจัยให้ดีแล้ว มวลอย่างนี้ก็จะมีการกระทบกัน ทั้งร่วมกันทั้งขัดแย้งกันอะไรต่างๆ จะเกิดทั้ง หรม. เกิดทั้ง ครน.อะไรต่างๆ ที่จะเอามาใช้เป็นวิธี ตัดสิน วัด หรือตัดสินผู้ที่มีภูมิปัญญาสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องสรุป ก็จะเข้าใจได้ แล้วก็เอาความจริงนี้มายืนยัน จะเข้าหลักเกณฑ์ที่คนศึกษามาทั้งนั้นแหละ แล้วก็มีพยัญชนะหลัก เท่าที่อาตมากล่าวมา คงจะลงรายละเอียดลึกทั้งหมดไม่ไหว กล่าวถึง หรม. ครน. แบบคณิตศาสตร์ก็อย่างหนึ่ง แต่อาตมาเอาคุณสมบัติของคณิตศาสตร์มาใช้ในเรื่องสังคม ไม่ว่าจะเป็นคูณร่วมน้อย ไม่ว่าจะเป็นคูณร่วมน้อยหรือหารร่วมมาก ซึ่งเป็นสิริมหามายาที่สำคัญ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคุณธรรมที่เป็นลักษณะเป็นอาริยะ 4 จนกระทั่งมีอะไรหันต์จริง มันจะยืนยันความอบอุ่นของสังคมนี้ นอกจากอบอุ่นแล้ว จะอุดมสมบูรณ์ อิ่มเอม อยู่กันอย่างสบาย อยู่กันอย่างพออยู่พอกิน คำว่า พออยู่พอกิน นี้ลึกซึ้ง ที่จริงเรามีเหลือมีเกินด้วย มันพอแล้วเรามีเหลือมีเกินด้วย จะเอา แต่เราเอาแต่พออยู่พอกิน นอกนั้น มีเหลือ เราไม่ได้เอาไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความร่ำรวย เพื่อสร้างความได้เปรียบมามาก ไม่ทำ เป็นความซับซ้อน ซึ่งพวกนี้ พออยู่พอกิน ที่เหลือนั้นสะพัดสู่สังคม จำเป็นต้องขายบ้าง ก็ขายให้ถูกที่สุดเท่าที่จะถูกได้ ซึ่งพวกนี้อธิบายแล้วปฏิบัติจริงมาหมดแล้วล่ะชาวอโศก ทำแล้ว ถ้าผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาก็จะเห็นจะรู้ความจริง นี่ไม่ใช่พูดเอาโก้ แต่พูดความจริง เพราะฉะนั้นจึงสบายใจที่สุดเพราะว่าเราไม่ได้เป็นหนี้ ถ้าพูดไปแล้วเรามีบุญคุณต่อคนอื่นด้วย แต่เราไม่ยึดบุญคุณนั้นมันเป็นของเรา ซ้อนเข้าไปอีก ลึกซึ้งซับซ้อนเข้าไปอีก ไม่ไปยึดติดบุญติดคุณของใครเขา เราทำแล้วก็แล้วไป จบในตัว สาเปกโขไม่มี ให้แล้วก็ให้เลย ไม่ต้องคิดมีพลังงานเชื่อมต่อไปเป็น สาเปกโข ทานที่ให้แล้วเราจะต้องหวังได้การตอบแทนจากการทานหรือการให้ เราได้ให้อันนี้กับเขาแล้วเราก็ยังจะเชื่อว่าคนเขาจะมาตอบแทน มากตัญญูกตเวที มาให้อะไรเราตอบ เราไม่ต้อง เพราะเราพึ่งตนเองได้แล้วเหลือเฟือเกื้อกูลผู้อื่นด้วย มันมีความมั่นใจ มันมีความจริงแท้ๆ ซึ่งทำให้ไม่มีความหวั่นไหว จิตมันไม่เคลื่อนเลย ทั้งปัญญาทั้งความเป็นจริงของเจโต มันเห็นความจริงครบสมบูรณ์แบบแล้ว ฉะนั้นจึงเป็นความเป็นอยู่ที่ อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล อยู่กันอย่างอิ่มเอม เกษม ก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไร มันสงบสุดยอด มันสูงสุดยอด _สู่แดนธรรม… เป็นมงคลตัวปลายท้ายสุดเลยครับ พ่อครูว่า… เป็นมงคล 38 ข้อที่ 38 เลย อโศกัง วิรชัง เขมัง(เกษม) ตัวสุดท้ายเลย สุดยอด สงบ อบอุ่น อิ่มเอม สุดยอดความสบาย สุดยอดความอิสระ สุดยอดครบเลยทั้ง 7 คำ สลายอัตตาบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระด้วยโลกุตระธรรม นี่เป็นสิ่งที่ อาตมาพูดไปแล้ว คนเข้าใจได้มีปฏิภาณ มีภูมิปัญญาพอจะฟังแล้วเข้าใจ โดยเฉพาะมี Concept มีองค์รวมเข้าใจกว้างด้วย ดีจัง คนที่ยังไม่มี Conceptที่จะเข้าใจด้วยองค์รวมได้มากพอ ก็จะค่อยๆเข้าใจได้ เก็บความเข้าใจไปเรื่อยๆ แต่ผู้ที่มีปฏิภาณปัญญาตามศึกษาสัจธรรม ไม่ว่าจะเป็นสาย เจโต เทวนิยม เขาก็พยายามศึกษาสัจธรรม เขาก็จะเก็บมาเรื่อยๆ อาตมาอธิบายสัจธรรม โลกุตระกับโลกียะ ที่เป็น 2 ชนิด โลกียะกับโลกุตระ เป็น 2 ชนิดที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่อันเดียวกัน ไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน ไม่ใช่ DNA เดียวกันเลย มันเป็นอื่นต่างหากจากกัน คนละตระกูล คนละเผ่าพันธุ์ คนละโลก ดาวคนละดวง จิตวิญญาณคนละแบบ จิตวิญญาณของโลกุตระนั้น หมดตัวตน จิตวิญญาณของโลกียะหรือเทวนิยมหรือลัทธิพระเจ้า จะต้องไปเป็นใหญ่แบบพระเจ้าหมดเลย เพราะแฝงเอาไว้แค่ ผู้เป็นใหญ่ที่สุดคืออาตมันหรือปรมาตมัน อัตตานั่นเอง ปรมาตมันก็คือ บรมอัตตานั่นเอง คือจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ลึกลับ ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่ พระศาสดาหรือพระบุตร แฝงเอาไว้ ว่านั่นยิ่งใหญ่ ไม่มีใครไปล้มล้าง ไม่มีใครไปใหญ่เท่าอีก เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แล้วเป็นบัญชา เป็นประกาศิต พระเจ้า คำสอนของศาสนาไหน ห้ามแตะ ห้ามแก้ ห้ามเปลี่ยนแปลง กาละ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เทศะ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ฐานะ จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร โลกที่มันเป็นแปลงไปเรื่อยๆอย่างไม่เที่ยงอย่างไร ไม่เกี่ยว พระเจ้าหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปลงเลย ไม่ขึ้นกับเวลาไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัยองค์ประกอบ ไม่ขึ้นกับมนุษยชาติที่มันเป็นแปลงไป ไม่เกี่ยว ไม่ขึ้น ตอนนี้เขาจะมีระเบิดปรมาณู ตอนนี้เขาจะมีเครื่องมือเทคโนโลยี อะไรต่ออะไร ไม่เกี่ยวเขาจะโบราณกาลแต่ของเขาอยู่อย่างนั้น ยึดไว้อยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรใหม่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างที่พระเจ้ามีไว้เท่าไหร่ก็เท่านั้น พระเจ้าบัญญัติไว้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ของแต่ละศาสดา ของแต่ละพระเจ้า ของแต่ละศาสนา _สู่แดนธรรม… จริงๆแล้วพระเจ้าได้บัญญัติไหมครับ หรือว่าเป็นที่ฝีมือของพระบุตรเป็นคนบัญญัติ พ่อครูว่า… อาตมาเคยอธิบายไปแล้ว จริงๆแล้ว พระบุตรหรือพระศาสดานั่นเป็นของตัวเองไม่มีพระเจ้าขี้หมาที่ไหนหรอก ขออภัยไปว่าพระเจ้าเขารุนแรงเกินไป พระเจ้าเป็นสิ่งที่เป็นนิรมาณกาย เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นว่าเป็นพระเจ้าใหญ่ อย่าไปละเมิดเชียวนะ พระเจ้าละเมิดไม่ได้ ตัวบุคคลเขากล้าละเมิด แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่ เด็ดขาด มีประสิทธิภาพ มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชยิ่งใหญ่ อย่าเชียวนะ สายเจโต สายศรัทธาปฏิภาณปัญญาถูกครอบงำทางความคิดนี้ เบ็ดเสร็จ แต่สายปฏิภาณปัญญา พุทธิจริต เข้าใจอันนี้ มีอยู่ในโลก ศรัทธามีอยู่ในโลกประจำ และศรัทธานั้นนิรันดร พระเจ้านิรันดร ก็จริงของเขา แล้วเขาก็รู้อย่างนั้น เขาจะเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นนายผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าทาสนายทาสใหญ่ที่สุดตลอดกาลนาน แม้แต่อิสระข้อแรกที่อาตมาพูดก็ไม่ได้แล้ว ข้อสบายก็ไม่มี สร้างอาวุธขึ้นมาฆ่ากันนี่ไม่มีการสบาย เพราะฉะนั้นหาความสงบอย่าไปหา จะไปหาความอบอุ่นอีกอย่าไปหา อิ่มเอมอย่าไปหา เพราะฉะนั้นยิ่งเกษมใส ใจเกื้อกูลไม่ต้องพูดถึง เทวนิยมไม่มีใจเกื้อกูล มีแต่ใจที่จะทำ ช่วยเขาเพื่อที่เขาจะมาให้เรามากยิ่งขึ้น สายเจโต สายศรัทธาเทวนิยมเป็นเช่นนั้นไม่สะอาดบริสุทธิ์ ยังมีตัวตนนั่นเอง ยังมีตัวกูของกู แล้วเขาก็จะต้องสะสมของกูขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ขออภัยที่อาตมาพูดเหล่านี้เหมือนเป็นข่ม ไปดูถูก ยกตนข่มท่าน แต่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดสัจจะความจริง อธิบายสัจจะความจริง ซึ่งอาตมาจะไปเพี้ยนไปเบี้ยว พูดสิ่งที่ไม่จริงไม่ได้ เทวนิยมหรือพระเจ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งลึกลับ ไม่ใช่สิ่งที่นิรันดร พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปแล้ว มีอนัตตา มีสุญญตา ไม่ได้นิรันดรเลย คนละขั้วเลย เพราะฉะนั้น สัจจะพวกนี้ ผู้ที่แสวงหาความจริงสูงสุด ความจริงก็คือสัจจะความจริงที่สูงสุด ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นตัวตน ไม่เป็นนามธรรม ไม่เป็นวัตถุธรรม อะไรทั้งนั้น มันเป็นสิ่งที่หายไปเลยสูงสุด สุญญตา เขาจะแสวงหาสิ่งนี้ แล้วเขาสามารถทำจิตวิญญาณ เปลี่ยน สลาย ทำตนเอง ทำให้จิตวิญญาณตัวเองให้สลายกลายเป็นดินน้ำไฟลมไปได้ มันก็หมดเลยตัวตน ถ้าคนสามารถเข้าใจตัวนี้ โดยลำลอง สำรอง โลกและอัตตาซึ่งเป็นเทวะคู่อันนี้ โลกคือความวนเวียน ปรุงแต่ง กับตัวเราเข้าไปอยู่ในนั้นเป็นตัวร่วมปรุงแต่งอยู่ในนั้น เช่น เราไปปรุงแต่งเกี่ยวกับโลก เอาง่ายๆ อยู่ในโลกเขาแข่งขันฟุตบอล โลกกีฬาแข่งขันฟุตบอล มันมีรส มีชาติ มีสภาพสุข สภาพทุกข์ กับสิ่งนั้น เราไปเรียนรู้ แล้วก็หัดมนสิการทำใจในใจเรียนรู้สัจธรรมให้เกิดจริง มันเป็นมายา มันเป็นของหลอก มันไม่มีจริง รสชาติสุข รสชาติอร่อย สนุกสนาน สะใจมันจริงๆ ผู้ชนะก็แทบจะเส้นประสาทแตก อย่างนี้เป็นต้น ขออภัย มันเป็นเรื่องที่ยังงมงายไม่มีปัญญา อวิชชากันอยู่ แล้วก็ไปเป็นรสสุขรสทุกข์กับมัน คุณติดอย่างนี้คุณจะอยู่กับโลกนี้ คุณพิสูจน์ชีวิตตอนเป็นๆ คุณติดกับมันยังสุขยังทุกข์กับมัน ถ้าคุณพิสูจน์เกิดภูมิปัญญาเข้าไปแล้วค่อยๆคลายออกมา ละหน่ายออกมา ลดสุขลดทุกข์ น้อยลงๆ น้อยลงจนกระทั่งคุณจะเห็นความจริงว่า ทำไมแต่ก่อนเราไปยึดติดว่ามันเป็นของจริง อร่อยจริงๆ มันสุขจริงๆ โอ้โห สะใจจริงๆ มันจริงๆ คุณจะรู้เลยว่าคุณโง่ ถูกครอบงำทางความคิด แล้วไปหลงบ้ากับเขา รสชาติมีสุขว่าเป็นตัวจริง เลิกมาได้จนกระทั่งคุณเลิกได้ขาดสนิทเลย นั่นคือดับโลกแข่งเตะฟุตบอล หมดโลกอร่อย หมดสุข หมดทุกข์ แล้วก็เห็นเขาเหน็ดเหนื่อย เขายิ่งใหญ่ รวยด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นโลกียะเต็มเบ้าเลย มีเรี่ยวแรงมีเวลาทุนรอน ไปหลงกับสิ่งนั้นเต็มที่เลยชีวิตทั้งชีวิต ตายชาตินี้ชาติหน้าขึ้นมา สานต่อ เป็นนักบอลที่ยิ่งใหญ่ในชาติหน้าต่อ พวกสายเข้ามาหาการกำเนิดเกิดใหม่ เป็นธรรมทายาทใหม่ ก็จะมาอย่างนี้ ชาติหน้าเราจะเจริญของที่เราชอบนี้จะเป็นนักฟุตบอลเอก ชาติหน้าจะต้องเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ นั่นแหละมันผูกพันแล้วก็เป็นตัวตน เป็นอัตตาไปตลอดนิรันดร แต่คนที่รู้แล้วปัดโธ่เอ๋ย เปล่าดาย สูญเปล่าแล้วทำลาย หลอกกันอีกด้วย นี่ยกตัวอย่างแค่ฟุตบอล ไม่ได้ยกตัวอย่างว่า สร้างอาวุธแบบเกาหลีเหนือ หรือแบบประเทศต่างๆที่ไม่ยอม ฉันจะต้องสร้างให้ใหญ่เหมือนกัน ตอนนี้เรายังรู้ไม่ได้เลย ว่าอาวุธของเกาหลีเหนือกับอาวุธของประเทศอื่นที่เขาบอกว่าไม่ได้ด้อยกว่ากัน ของใครมันจะระเบิดออกมาของใครจะยิ่งใหญ่จริง แต่ถ้ามันมาใช้ระเบิดจริงๆแล้วมันก็ทำลายโลกไปนั่นแหละ กลียุคใหญ่ มันจะเป็น มันก็ล้างโลกไป พวกที่กดระเบิดมันก็ตายเอง เพราะอะไร เพราะอำนาจ ทั้งเร็ว ทั้งประสิทธิภาพในการระเบิด แรงร้ายมาก อาตมาเคยอธิบายว่า นักแม่นปืน 2 คน แม่นที่สุด เร็วที่สุด ทั้งเร็วทั้งแม่น หันหลังชนกัน แล้วให้เดินไป เดินไปแล้วให้กรรมการเป่านกหวีดปี๊ด หันหน้ามาแล้วยิงเปรี้ยง เป็นอย่างไร มันตายทั้งคู่เพราะมันกดได้เร็ว แล้วกระสุนมันก็เก่ง เร็ว ไว แม่นด้วย ตายพร้อมกันทั้งคู่ แล้วพวกนี้ก็จะฆ่ากันตายทั้งคู่อย่างนี้แหละ เขาไม่รู้นะ อวิชชาจริงๆ ถ้าเขาจะต้องไม่ฆ่ากันตายเพื่อจะแก้แค้นกันชาติแล้วชาติเล่าเหมือนหนังจีนอย่างที่ว่า คุณมาทางโลกุตระ คุณจะให้อภัย อโหสิหมดเลย แม้แต่คุณตายไปแล้วก็สูญหายได้เลย ไม่มีพลังงานของจิตวิญญาณ ไม่มีพลังงานของมนุษย์ ไม่มีพลังงานของความเป็นคน ตัวตนบุคคลอะไรขึ้นมาอีกเลย หรือ คุณจะไม่สูญ คุณจะไม่ตายสูญ หลักประกันสำคัญก็คือคุณจะอยู่ในโลกนี้ คุณจะไม่สร้างบาป สร้างเวร สร้างภัย อะไรให้แก่ความเป็นมนุษย์กับสังคม เป็นหลักประกันเลย ภูมิปัญญาปฏิภาณคุณจะรู้เรื่องดีเรื่องชั่วเหล่านี้สมบูรณ์ และรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ คุณไม่ติดสุขติดทุกข์ เรื่องดีเรื่องชั่ว คุณก็จะรู้อย่างยิ่งและคุณก็จะทำแต่ดี ดี สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) จะทำแต่ดีไม่ทำชั่วเลย ตราบใดที่คุณยังจะมีการเวียนวน เกิดตาย ตายเกิดอยู่ ที่เป็นมนุษย์อยู่ในโลก สิ่งนี้เป็นสัจธรรม รับประกันเลยว่าชีวิตคุณจะไม่มีทำชั่วเลย _สู่แดนธรรม… แม้แต่ในยุคการที่มีความยากลำบากมากกว่า พ่อครูว่า… มันจะยุ่งยาก คนจะทำร้ายทำแรงอะไรก็ตาม อย่านึกว่าในยุคนี้คนทำร้ายทำแรงเบานะ ทำหนักทำสาหัสนะ ทำร้ายทำแรงทุกวันนี้ ร้ายแรงสาหัส ยกตัวอย่างตั้งแต่เป็นรูปธรรม เกาหลีเหนือเขาก็ประกาศว่าของเขานี้ประสิทธิภาพ ยิงถึงเลย เพราะฉะนั้นเขาจะรู้เลยว่าเขาจะหันทิศทางไปไหนไว้เตรียม ประเทศไหนประเทศไหน นี่แหละคือคู่ต่อสู้ตัวสำคัญของข้า เขารู้หมดแล้ว เขารู้แล้วทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเหมือนที่อาตมาว่า นักแม่นปืน 2 คน มันก็ตายกันหมดนั่นแหละ มันไม่รู้ตัวหรอก แล้วตายไม่จบด้วยนะ เพราะว่ากรรมวิบากเขามี มันจะเกิดมาจองเวรจองกรรมต่อกันหนักกว่าเก่า นี่คือความไม่จบของจิตวิญญาณของความรู้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อันนี้แล้ว ไม่เป็น เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจโลกุตระ หรือตอนนี้ยกตัวอย่างเช่น ประเทศจีน เริ่มมีอันนี้เป็นรอยไรๆ และมีพลเมืองที่มากที่สุดในโลกจำนวนหนึ่ง ฟากหนึ่งที่มันมีของจริงอยู่ ในโลกขณะนี้ก็มีประเทศอินเดียกับประเทศจีนที่มีมวลประชาชนมากที่สุด แล้วเขาก็มีความเข้าใจความรู้กันในสังคมแบบของเขา อินเดียก็เข้าใจแบบอินเดีย จีนก็เข้าใจแบบจีน เขาก็เป็นอยู่สงบ อินเดียก็สงบอย่างอินเดีย จีนก็สงบอย่างจีน เทียบกับไทยก็สงบอย่างไทย ซึ่งไทยเข้าใจอินเดีย ไทยเข้าใจจีน เป็นกลาง อย่างโต่งไปทางอินเดียก็ไม่โต่ง โต่งทางจีนเราก็ไม่โต่ง แต่เราสายปัญญา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มี เจโต พวกเรา อุภโตภาควิมุติ มีวิมุติทั้งเจโตปัญญาช่วยกัน แต่ปัญญานำเจโต ยิ่ง ยุคนี้เป็นยุคปัญญา ไม่ใช่ยุคเจโต ยุคนี้เป็นยุคปัญญา ความซับซ้อนของสิริมหามายา คือ ปัญญากับ เจโต เจโตมีมากกว่าปัญญาในปริมาณ มวล ไม่ว่าในยุคไหน เจโตเริ่มนับตั้งแต่จิตนิยาม ตั้งแต่เดรัจฉานมา ไม่รู้สีรู้สามาตั้งแต่เดรัจฉาน จนกระทั่งมาถึงขั้นสัตว์ ขั้นมนุษย์ เป็น อเวไนยสัตว์มา จนกระทั่งเริ่มมีความรู้ตั้งแต่เริ่มเป็นกัลยาณธรรมแบบความดีความชั่ว แล้วก็เป็นคนดี ค่อยๆเข้าใจถึงเรื่องตายแล้วเกิด เรื่องตายเรื่องเกิด เวียนตายเวียนเกิด ความดีเท่านั้นเป็น กัมมปฏิสรโณ ความดีเป็นเครื่องอาศัยของตนเอง แต่ตราบใดที่ยังมีสรณะยังไม่เป็น อรณะ คุณก็ต้องพัฒนาให้พ้นจากโลกีย์ จนกว่าจะเข้าเขตโลกุตระ คุณจึงจะลด สรณะ เกี่ยวกับสภาพที่คุณจะต้องรบ ลดลงๆ มาหาอรณะหมดเลย ก็เป็น 2 คำใหญ่ สรณะกับอรณะ เป็นคู่ที่เข้าใจให้ได้ว่า ไอ้สิ่งที่ยังมียังไม่จบคือ สรณะ สิ่งที่มีแล้วจบคือ อรณะ ไม่ต้องรบ มวล ของประชากรที่เป็นอรณะคือมวลอรหันต์ อย่างประเทศไทยนี้เป็นอรหันต์อย่างมีปัญญาเข้าใจอรหันต์เมืองจีนยังไม่เข้าใจเรื่องความเป็นอรหันต์ แต่ก็มีสภาวะ พุทธิปัญญา ไปบ้าง แล้วมวลเขาเยอะ ปริมาณประชากรเขาเยอะ มันก็เลยดูเหมือนมาก แต่มันไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนมันมี โลกุตรธรรม คนละ .0000001 เป็นต้น แต่ชาวพุทธนั้น มีโลกุตรธรรมไม่ใช่แค่ .00001 แต่มีคนละ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ในคนไทย น้ำหนักก็คนละอย่าง เนื้อแท้ก็คนละอย่าง แต่เริ่มมีเนื้อแท้ไปเจือแล้วในจีน ก็คืออะไรคือคนจีน คนจีนในอนาคตที่มีเนื้อของโลกุตรธรรมจะมาเกิดเป็นคนไทย มารวมอยู่ในนี้ น้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมันโดยสัจจะ ไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว ค่อยๆเป็นไป พิสูจน์ อาตมาตายแล้วสิ่งนี้จะจริง มวลไทยจะเพิ่มขึ้น โลกุตระบุคคลจะเพิ่มขึ้น จนกว่าจะถึงกลียุค วันนี้พูด อจินไตย ไปไกล ไหนๆ พูดมาแล้วก็พูดไปต่อก็แล้วกัน หรือจะพอแค่นี้เลิกเนาะ …โยมว่าไม่ _สู่แดนธรรม… พ่อท่านกำลังพาเข้าครรลองครับ นิมนต์ต่อครับ พ่อครูว่า… ต่อก็ได้ เพราะฉะนั้นในเรื่องของ กรรมวิบาก เป็นสัจธรรมที่เป็นจริง กรรมที่ทำแล้วจริง แม้แต่เริ่มคิดก็จริง คนที่มีความคิดขั้นโลกุตระแล้ว คิดขึ้นมามันก็จะเป็นเชิงโลกุตระ คนที่ยังมีความคิดอยู่ในขั้นโลกียะ แต่เป็นกัลยาณธรรม เป็นธรรมะขั้นดี คนนั้นเขาไม่ค่อยจะคิด ดำริแต่สิ่งที่มันเป็นกัลยาณธรรม คนที่คิดชั่ว มันก็จะดำริแต่ความคิดชั่ว นี่เป็นสัจธรรมกำปั้นทุบดิน ก็คนทำชั่วมันก็ต้องดำริแต่ชั่ว คนทำดีก็ต้องดำริแต่ดี คนถึงขั้นโลกุตรธรรม มันก็ดำริแต่โลกุตรธรรม มันเป็นสัจจะกำปั้นทุบดิน เขาเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ ภาษา เอาภาษาไทยมาใช้ ก็มีเขากับความเป็น ก็เขาเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ เช่นนี้ก็ต้องเป็นเขา เขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ เช่นนี้ก็ต้องเป็นเขา จะไปไหน มันก็จบแล้ว ใช่ไหม ก็เขาเป็นอย่างนี้ เป็น คือคำกิริยา เขา คือคำนาม ก็ 2 ตัวสุดท้าย ตัวเป็นเอง กับตัวเขา เป็นกิริยา เขาเป็นคำนาม ก็เป็น 2 อย่าง รูปนาม จบแล้วเวลาก็ 00.00.00 หมดแล้ว โอ้โห วันนี้ อจินไตย ถึง 000000 หกตัวเลย สมณะเดินดิน… สรุปจบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin21 ธันวาคม 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:651219 รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 7 พ่อครูพบ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช เรื่อง บาปของทุนนิยมNextNext post:651223 การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024