651116 เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1Uha07iQv-HHFBYo9G0mamCUSBHcr6wChHN3mZF7nKGk/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1md5DP8T_vPQAARLfrT5p-2B4Frie7JFa/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/rtZagmBlERE
และ https://fb.watch/gQBl59yIem/
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก มีชาวค่ายอุโบสถศีลออนไลน์ มานั่งฟังธรรมที่นี่หลายคน สัปดาห์นี้ก็จะมีค่ายศีล ๘ ออนไลน์อีกครั้งหนึ่ง
น้ำขึ้นน้ำลงปลงเสียเถิด อย่าไปคิดอะไรมาก ตอนน้ำลงก็ล้างสถานที่ให้สะอาด เรากำลังเตรียมสถานที่จัดร้านค้าในเดือนธันวาคม ที่อาคารบวร ให้ชาวบ้านมาเปิดร้านค้า และเปิดร้านจิตอาสาฯอีกครั้ง ใครจะมาช่วยขายของที่ร้านก็เชิญรับไม่อั้น
วันนี้ก็ได้มาฟังพ่อครูตัวจริงเทศน์ให้ฟัง เห็นตัวจริงก็ดีกว่าออนไลน์
พ่อครูว่า… ตัวจริงตัวเป็นๆ ยังไม่ตายก็รีบมา ตายแล้วเขาก็เอาไปเผาไปฝัง ชอบพูดเราก็นิยมการเผา
SMS วันที่ 14-15 พ.ย. 2565
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการท่านสมณะสิริเตโช ท่านลานศิลป์ และท่านสิกมาตุสัจฉิกตา ด้วยความเคารพยิ่ง ดูรายการพุทธศาสนาตามภูมิวันอังคารที่ 15 พ.ย. 65 รายการนี้ดีมาก ที่นำเรื่องราวมาดูทบทวนใหม่ได้เข้าใจที่นำมาขยาย และอธิบายให้ได้เห็นชัดเจนขึ้น กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า…ได้นำมาขยายความให้ง่าย ให้ละเอียดลึกซึ้งอีกก็ดี
_อุบล คนโก้ · มีความสุขได้ไปช่วยบิ้กคลีนนิ่งบ้านราชเจ้าค่ะ
_พานุ วิปัสสี · ฟังพ่อครูเทศน์ในรายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม วันจันทร์ที่ 14 พ.ย. 65 ผมชัดเจน “เรื่องอาหาร”
_Songyut Akkakoson ทรงยุทธ อัคคโกศล · กราบขออนุญาตหลวงปู่ เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. 65 หลวงปู่พูดถึง virtue, virture แปลว่า moral goodness of character and behaviour และa particular good quality in someone’s character = คุณงามความดี ความมีศีลธรรมความบริสุทธิ์
_ปองเปรมธรรม · เรื่องน้องแตงโม เมกันที่ insert ในรายการ เมื่อคืน พอดูและฟังซ้ำ แตงโมมีพูดคำที่ใช่เลยคือ culture ค่ะ เพราะน้องก็จะพูดเรื่องแบบการเคารพกันของคนไทยน้ำใจอะไรแบบนี้ ไม่ได้พูดเรื่อง virtue เลยค่ะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท… ฝรั่งชื่อแตงโม มาพูดถึงประเทศของเขา
_ลักขณา โกยรัมย์ · จากคลิปที่เปิดเมื่อวันจันทร์ ถ้าฟังแตงโมจนจบ สิ่งหนึ่งที่คนเขาชมคนไทยคือต่อให้คนไทยมีความเห็นที่ตรงข้ามกันหรืออยู่กันคนละฝ่ายแค่ไหน แต่ในยามที่เดือดร้อนก็ช่วยกันไม่ทิ้งกัน
พ่อครูว่า…อันนี้อาตมาว่าจริงที่สุดเลย มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง
_Pratum Banyadee (ปทุม บ้านยาดี) : เชื่ออะไรกับความอยากของคน ไปถามซิ 100 ทั้ง 100 ก็อยากไปอเมริกา ขนาด นร.สัมมาสิกขา ยังดิ้นรนไปเรียนเมืองนอกเลย คนไทยเชื่อง่าย
พ่อครูว่า… ก็ต่างคนต่างความคิดมีหลากหลาย
วันนี้จะขยายความเรื่อง “อาหารเป็น 1 ในโลก”
คนที่มาจนอย่างมีปัญญาโลกุตระ คือคนเจริญที่แท้จริง (ท่อน1)
พูดถึงกระแสสังคมหน่อย ก็มีพวกที่แหกปากร้อง ว่าประเทศไทยแย่ๆๆ เศรษฐกิจไทยตกต่ำ คนจนมากขึ้นมากขึ้น เขาก็พูดว่าอย่างนั้น
พวกนี้คือพวกที่ไม่รู้สัจจะที่แท้จริง ไม่รู้ทั้งสมมุติ ไม่รู้ทั้งปรมัตถ์ สมมุติธรรม คือความเป็นไปตามโลก ที่เขายึดถือกัน สมมุติกันทั้งโลกที่อ้างว่ารัฐบาล เขาว่ารัฐบาลกู้จนถังแตกหมดตูด เขาพูดไปโดยไม่ดูข้อมูลหลักฐาน คือตั้งเจตนาจะว่าคนไทย หรือว่าผู้บริหาร พาดพิงกระทบไปถึงผู้บริหาร ซึ่งจริงๆแล้วมันพูดผิด
เศรษฐกิจจริงๆแล้ว ไทยมีเงินทุนสำรองอยู่ขณะนี้นั้น ถึง 2.4 แสนล้านดอลลาร์ มากเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ซึ่งมี 200 กว่าประเทศ เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่อันดับ 12 ของโลก
มีหนี้ต่างประเทศแต่มีทุนสำรองสูงกว่าต่างประเทศเกือบ 3 เท่า หลักประกันเรามี 3 เท่าแต่กู้แค่เท่าเดียว เทียบกับเงินทุนสำรอง GDP คิดเป็น 48%ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของโลกด้วย ก็ดูตามสถิติที่นักสถิติเขามีกัน ไม่ใช่แค่พูดโดยไม่มีหลักฐานอะไร
สรุปแล้วเรื่องเศรษฐกิจไทย ถ้าจะเอาความจริงตามโลกโดยอาศัยวัตถุเงินทองมาเป็นเครื่องชี้วัด การเงินไทยก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย ยังมีฐานะดีอยู่ตามที่หลักฐานพูดไปเมื่อกี้นี้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรจริงๆ ซึ่งไม่เป็นความจริงตามที่คนหาเรื่อง คนหาเรื่องให้แก่บ้านเมืองไทยเป็นคำมดเท็จแท้ๆ ซึ่งเป็นบาป แล้วก็ทำอยู่นั่นแหละ ตามที่ตัวเองมีอารมณ์ชังและสนองอารมณ์ตัวเอง เที่ยวไปดูถูกดูแคลน ข่มคนอื่น
เขาไม่ศึกษาเรื่องกรรมวิบาก พวกนี้ได้อกุศลกรรมได้วิบากบาป เราเป็นนักธรรมะ เราคำนึงถึงกรรมวิบาก แต่พวกนี้ไม่คำนึงถึงกรรมวิบาก เกิดมาในชีวิตนี้น่าเสียดาย มันเท่ากับซ้ำเติมตัวเองเข้าไปอีก แล้วชาติหน้าจะหนัก จะเกิดเป็นหมูเป็นหมาเป็นสัตว์นรกอะไรก็ไม่รู้ได้ มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ศึกษาธรรมะกัน น่าเสียดาย โดยเฉพาะธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นธรรมะโลกุตระ ซึ่งเป็นธรรมะที่ถึงที่สุดในการรู้เรื่องจิตนิยามสูงสุด
จิตนิยามนั้นรู้เรื่องดีและชั่วสมบูรณ์แบบ และมีหลักประกันปฏิบัติตนเพื่อไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีถ่ายเดียว เป็นหลักประกันเกิดชาติต่อไป หากละอนุสัยนี้แล้ว จะเกิดอีกกี่ชาติๆ เป็นพระอรหันต์แล้วเป็นต้น ก็ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดี แต่มันไม่ใช่แค่ดีและชั่ว ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องทุกข์และสุข สำคัญกว่าเรื่องดีชั่ว เหนือกว่าดีชั่ว เรื่องสุขเรื่องทุกข์ เรื่องสุดยอดของจิตนิยามที่งมงายที่สุด ศาสนาเทวนิยมไม่ศึกษาเรื่องสุขเรื่องทุกข์และหลงความสุขด้วย เป็นสุขนิยมด้วย พระเจ้าเป็นเจ้าของความสุข พยายามเอาใจพระเจ้าและจะได้อยู่สวรรค์กับพระเจ้าเป็นสุข
เพราะฉะนั้นเรื่องสุขเรื่องทุกข์นี้ มันขึ้นอยู่กับความจนความรวยหรือเปล่า ?…ไม่ พวกเราตอบได้ ดีมากถูกต้อง
ความสุขความทุกข์มันไม่ได้เกิดขึ้นกับความรวยความจนเลย ที่คนงมงายอยู่กับความรวยความจนแล้วก็ไปสุขกับความรวย มีความทุกข์กับความจน นั่นก็ยิ่งโง่หนัก โง่หนัก เป็นภาวะต้นภาวะตื้นๆด้วย ที่เป็นแค่ ความจนความรวยก็ทำให้ตัวเองวุ่นวาย ลำบากลำบน
เรื่องจนเรื่องรวยนั้น ผู้ที่ศึกษาอย่างพวกเราชาวอโศก จนสุขสำราญเบิกบานใจ คนที่สะสมกอบโกยมันก็รวย แต่ถ้าขยันหมั่นเพียรสร้างสรรค์ ไม่ต้องรวยแต่มันสุขได้ไหม
สุขได้ สบม ทมด ปกต หห จจ ปกต หห จจ มชยลล สบายมาก หายห่วง
เพราะฉะนั้นเรื่องคนจนเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นโลกุตระเพราะฉะนั้นเรื่อง คนจนเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นโลกุตระ พระพุทธเจ้าเคยมีสมบัติเงินทองก็มาเป็น คนจน มีแต่ปัจจัยและบริขารเลี้ยงชีวิตไป 45 ปี ตลอดพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นปรมัตถธรรม
ความจนคือเครื่องชี้ ความประเสริฐ คนประเสริฐ คนฉลาด คนเจริญที่แท้จริง ความจน
คนที่มาจนอย่างมีปัญญาโลกุตระ คือคนเจริญที่แท้จริง
ความเป็นคนจนที่มีปัญญาโลกุตระคือ คนเจริญ เป็นอาริยชน เป็นคนศิวิไลซ์ อย่างแท้จริง
คนที่มีปัญญาที่เป็นโลกุตระแล้ว จะไม่กลัวไม่เกรง ไม่แปลก ในเรื่องความจน มาเป็นคนจน เพราะทั้งทางเศรษฐกิจ ทั้งปรมัตถสัจจะ คนที่จนแล้วก็ยินดีในความจน มุ่งมาจน ตั้งใจมาจน เต็มใจมาเป็นคนจน อย่างพวกเรา แล้วก็ทำได้สำเร็จ พอได้สำเร็จแล้วก็เป็นเรื่องที่เชื่อได้ว่า ตัวเองเป็นคนเจริญคนประเสริฐ เราเป็นคนจนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
คนจนเป็นประโยชน์ต่อสังคม คนจนที่ไม่เข้าใจความจนแบบปรมัตถ์ เป็นคนจนที่จำนนอยากรวย แต่มันรวยไม่ได้ จะเป็นเพราะขี้เกียจ หรือเพราะไม่เอาถ่าน หรือเป็นเพราะผลาญพร่า สุรุ่ยสุร่ายหรือเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่ เขาไม่อยากจน แต่เขาทำตัวเองจน
คนจนเพราะจำนน ไม่ได้อยากจน แต่มันจนเพราะจำนน คนพวกนี้ก็ทุกข์ ก็ไม่รู้สึกว่า ตัวเองจะมีชีวิตที่เจริญหรือเป็นอารยะศรีวิไลอะไรไม่ คนจนอย่างนั้นก็เป็นคนจนที่อวิชชา
ทีนี้ คนจนอีกชนิดหนึ่งก็มีความรู้ว่ามาทำตัวเองให้เป็นคนจนนี้ดี เช่น นักบวชสายหลับตา เขาก็ไม่สะสมเงินทอง เขาไม่เอาสมบัติพัสถาน เขาก็ทำตนให้เป็นคนจน แต่ก็ได้ไปนั่งหลับตา ไม่ได้ตัดกิเลสจริง จะเห็นได้ว่าจนอย่างนั้นเป็นพระกรรมฐานอะไรก็ตาม แต่เสร็จแล้วได้สิ่งที่สังคมเขานับถือ ว่าเป็นพระกรรมฐาน เป็พระธุดงค์ เป็นพระปฏิบัติ เพราะฉะนั้นคนก็อยากจะมาทำทาน อยากจะบริจาค เรียกด้วยภาษาโลกว่าทำบุญด้วย ทั้งที่ยังไม่ได้ทำบุญล้างกิเลสอะไร ก็รวยสิ
เสร็จแล้วก็ไม่รู้เรื่อง อัตตา ก็เอาเงินที่ได้ไปทำโก้ ไปทำบริจาคต่อ ไปซื้ออุปกรณ์ให้โรงพยาบาล ซึ่งมันก็ดีอยู่แบบโลกๆ แต่อัตตาตัวเองพองโต ยินดีปรีดาสิ้งที่ได้ทำได้ ก็เลยทำให้ยิ่งได้เงินได้ทองถ้าให้แก่ตัวเองคือ กิเลสโต อัตามานะโต อวิชชามืดบอดไม่รู้ อย่างมหาบัวหรือพระธุดงค์กรรมฐานหลายองค์ ไม่ต้องเป็นนักบวชหรอก ฆราวาสอย่างโตโน่ อย่างตูนาเขาก็ทำ ไม่ต้องเป็นนักบวชหรอก ฆราวาสเขาก็ทำ เรื่องตื้นๆง่ายๆ
แต่ถ้าตัวเองอาศัยคราบนักบวชไปเรี่ยไรหารายได้สิ ได้กำไรกว่าด้วย มากกว่าฆราวาสด้วย โดยสามัญ จะเข้าใจเป็นอย่างนั้นกัน ก็คือการได้เปรียบ เสร็จแล้วความซับซ้อนความที่มีกิเลสของเขาเอง โดยที่เป็นทั้งสภาพที่ตัวเองรู้ ๆแต่ส่วนมากไม่รู้ ซึ่งมันซับซ้อนหลายชั้น
เพราะฉะนั้นความจนชนิดนี้จึงเป็นความจนที่ลึกซึ้งสูงสุด ทั้งในด้านที่มันตื้น และความลึกของพระพุทธเจ้า สูงสุดพระพุทธเจ้ามาเอาความจน ไม่ได้จนอย่างที่เขาจะทำเป็นโก้ เป็นเท่ และมีวิธีทำจน คือวิธีทำจนแล้วมีซ้อนมารวย มาให้กินให้อยู่ มีคนมาให้ก็เอาไปสะสมไว้ตรงนั้นตรงนี้ เอาไว้แบ๊งค์ ทานชนิดที่พระพุทธเจ้าสอนทานนี้
๑.ทานที่แท้จริงทานปุ๊บตัด ไม่มีความคิดต่อว่า เราจะได้จะมีอย่านั้นอย่างนี้คืน สูญ ทานนี้เป็นอานิสงส์สูงสุด
๒.ทานแล้วมีการ ปฏิพัทธจิตโต ยังพัวพันกับความหวังยาวยืด ต่อภพชาติแก่ตัวเอง
๓. สันนิธิเปกโข เป็นคลังเป็นที่เก็บ สะสม มีที่เก็บมีทั้งคงคลังและสะพัดหาเพิ่มใส่เข้าไปอีก
๔. เอาไว้กินชาติหน้า ปริภุญชิตสามีติ ตายแล้วเอาไว้กินใช้ชาติหน้า ทานแบบนี้ ยิ่งอานิสงส์น้อย ไม่เหลือเลย ไม่มีอานิงส์ไม่มีผลไม่มีประโยชน์ทางโลกุตรธรรมของ พระพุทธเจ้า เลย
๕. อัตตมนตาโสมนัสสัง .. เขาแปลว่าปลื้ม เหมือนอย่างที่ธัมมชโยทำ ทานแล้วปลื้ม ดีอกดีใจ อัตตาโตไป เบ้อเริ่มเทิ่ม นี่คือผู้ไม่รู้สอนกันแล้วก็เอาธรรมะ พระพุทธเจ้า มาปู้ยี่ปู้ยำเละเทะหมด
พระพุทธเจ้าสอนธรรมะของท่านให้ลดภพชาติ ไม่มีภพไม่มีชาติ แต่ของผู้ที่ไม่รู้ ยุคนี้มีพวกทำลายศาสนาพระพุทธเจ้า กลายเป็นโจร คือพวกมาสอนผิดๆ โดยไม่รู้ว่าสร้างให้ตนเองเป็นผู้มีภพมีชาติ แล้วภพชาตินั้นเป็นชาติที่เป็นตัวตน เต็มไปด้วยกามเขาก็ไม่รู้กาม
เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4
ผู้ที่เรียนธรรมะพระพุทธเจ้าไม่รู้เรื่องกาม ไม่รู้เรื่องภพ ไม่รู้เรื่องจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้า มาสอนไว้ในเรื่องอาหาร ปุตตมังสสูตร ซึ่งมีอาหาร 4 อย่าง
อาหารแปลว่า เครื่องอาศัย ในชีวิตคนหากไม่รู้จัก เครื่องอาศัยของชีวิต มันก็ไม่ได้อะไร พระพุทธเจ้าสรุปมาให้ปฏิบัติให้เรียนรู้ ตั้งแต่อาหารข้อที่ 1 ที่มันจะเกิดกิเลสสำคัญมากคือ อาหารการกินคำข้าว กวฬิงการาหาร สำคัญที่สุด เพราะมันจะมีอาหารที่ 2 3 และ 4 ในการกินนี่แหละ หรือการเคี้ยวในผัสสะ 5 ผัสสะ 6 ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เพราะบางอย่างไม่กินเอาใส่ไว้แล้วเคี้ยว ทางลิ้นก็ได้รับภายใน อย่างกินหมากพลูเป็นสิ่งเสพติด หรือกินหมากฝรั่งก็แล้วแต่ หรือจะกินอะไรอีกบ้าง
ลองฟังดู อาหาร 4
ล. 16 3. ปุตตมังสสูตร
[240] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 อย่าง เพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิดอาหาร 4 อย่างนั้นคือ 1. กวฬิงการาหาร หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง 2. ผัสสาหาร 3. มโนสัญเจตนาหาร 4. วิญญาณาหาร ภิกษุทั้งหลาย อาหาร 4 อย่างเหล่านี้แล เพื่อดำรงอยู่แห่งสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด ฯ
พ่อครูว่า… คนที่มีหลักประกันแล้วอย่างพระอรหันต์ โพธิสัตว์ ก็ไม่ทำบาปอีกเลย ที่ทำแล้วก็เป็นวิบาก เหลื อวิบากเก่าเท่านั้นเองที่มันจะออกฤทธิ์ วิบากใหม่ไม่มี
การรวยมากๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนเจริญนะ ทุกข์หนักกว่าคนไม่รวยอีก เหมือนอย่างในหลวงเราตรัส เราก็รวย ตามฐานะเราก็ไม่ได้จนอะไร มาเป็นคนจน แต่เราก็รวย คือท่านตรัสภาษาไม่มากเท่าอาตมา
เรื่องกินตัดทิ้งไม่ได้ เรื่องอื่น เรื่องเงินทองข้าวของทรัพย์สมบัติ ตัดทิ้งได้ เรื่องตำแหน่งยศตัดทิ้งได้ เรื่องสรรเสริญก็ตัดทิ้งได้เรื่องความสุขก็ตัดทิ้งได้
[241] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กวฬิงการาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า ภรรยาสามี 2 คน ถือเอาเสบียงเดินทางเล็กน้อย
พ่อครูว่า…เขาเดินทางที่จริงเขาจะไปนิพพาน
แล้วออกเดินไปสู่ทางกันดาร เขาทั้งสองมีบุตรน้อยๆ น่ารักน่าพอใจอยู่คนหนึ่ง เมื่อขณะทั้งสองคนกำลังเดินไปในทางกันดารอยู่ เสบียงเดินทางที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้นได้หมดสิ้นไป แต่ทางกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองยังข้ามพ้นไปไม่ได้ครั้งนั้น เขาทั้งสองคนคิดตกลงกันอย่างนี้ว่า เสบียงเดินทางของเราทั้งสองอันใดแลมีอยู่เล็กน้อย เสบียงเดินทางอันนั้นก็ได้หมดสิ้นไปแล้ว แต่ทางกันดารนี้ยังเหลืออยู่ เรายังข้ามพ้นไปไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย เราสองคนมาช่วยกันฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียว ผู้น่ารัก น่าพอใจคนนี้เสีย
พ่อครูว่า…คิดได้อย่างไรพวกคุณลองคิดดูสิ ถ้าหากมันหมดเสบียงจริงๆจะคิดค่าลูกไหมเอาลูกไปด้วย อย่างไรก็ต้องอดอยากตายด้วยกันหมดหรือ หรือไม่ก็ต้องหาจิ้งหรีดจับมดแมงกิน หรือไม่ก็กินผักกินพืช เก็บผักข้างทาง เหมือนนายป๊ะเว ขับรถแล้วก็จอดข้างทางเก็บกระถินกิน
สมณะฟ้าไท… พ่อแม่จะยอมเสียสละเนื้อตัวเองให้ลูกกินได้
พ่อครูว่า… มันน่าจะเป็นอย่างนั้นด้วย
อุทาหรณ์ของพระพุทธเจ้าได้คิด รักก็รัก แต่มันเห็นแก่ตัวเอง มันก็ต้องกินเพื่อชีวิต ต้องเลี้ยงชีวิตต่อไป แต่ก็ต้องกินลูกน้อยแสดงถึง 1. อำมหิตมาก 2.โง่หนักมาก 3.รักตัวเองจัด อุทาหรณ์ของพระเจ้านี้สุดยอด
ทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง
พ่อครูว่า…อ่านไปพวกคุณรู้สึกอย่างไร อาตมาว่า พ่อแม่คู่นี้น่าจะฆ่าตัวตายให้ลูกกิน
เมื่อได้บริโภคเนื้อบุตร จะได้พากันเดินข้ามพ้นทางกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น ถ้าไม่เช่นนั้นเราทั้งสามคนต้องพากันพินาศหมดแน่ ครั้งนั้น ภรรยาสามีทั้งสองคนนั้น ก็ฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียวผู้น่ารัก น่าพอใจนั้นเสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง เมื่อบริโภคเนื้อบุตรเสร็จ ก็พากันเดินข้ามทางกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น เขาทั้งสองคนรับประทานเนื้อบุตรพลาง ค่อนอกพลางรำพันว่า ลูกชายน้อยๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ลูกชายน้อยๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย
พ่อครูว่า…แสดงว่ามันโง่เลอะเทอะ
ดังนี้ เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นอย่างไร คือว่าเขาได้บริโภคเนื้อบุตรที่เป็นอาหารเพื่อความคะนองหรือเพื่อความมัวเมา หรือเพื่อความตบแต่ง หรือเพื่อความประดับประดาร่างกายใช่ไหม ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า หามิได้ พระเจ้าข้า จึงตรัสต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้น เขาพากันรับประทานเนื้อบุตรเป็นอาหารเพียงเพื่อข้ามพ้นทางกันดารใช่ไหม ใช่ พระเจ้าข้า พระองค์จึงตรัสว่า ข้อนี้ฉันใด เรากล่าวว่า บุคคลควรเห็นกวฬิงการาหารว่า [เปรียบด้วยเนื้อบุตร] ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้กวฬิงการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณเมื่ออริยสาวกกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณได้แล้ว สังโยชน์อันเป็นเครื่องชักนำอริยสาวกให้มาสู่โลกนี้อีกก็ไม่มี ฯ
พ่อครูว่า…หมายความว่าศึกษาปฏิบัติจนหลุดพ้นและก็ไม่มี กามคุณ 5 ก็ไม่มี เป็นผู้บรรลุธรรม โดยอาศัยอันนี้แหละเป็นเครื่องศึกษา ท่านไม่ได้ให้หนีท่านไม่ได้ให้หนี แต่ไม่ได้ให้กินเนื้อบุตร ไม่ได้มากินเนื้อบุตร หรือจริงๆผู้รู้อย่างพวกเราไม่กินแต่เนื้อสัตว์เนื้อบูดใดๆ อย่าว่าแต่เนื้อหมดเลย เนื้อธรรมดาเนื้อสัตว์ใดๆเราก็ไม่กิน
คนไม่กินเนื้อสัตว์เป็นคนเจริญ มีปัญญา มีความเข้าใจ เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก เข้าใจเรื่องกามคุณ มีปัญญาหรือว่า ถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์เราก็ไม่มีวิบากกับสัตว์ได้เลย ส่วนที่โง่ไปแล้วก็แล้วไป แต่กรรมใหม่เราจะไปสร้างวิบากใหม่อีกทำไม เพราะฉะนั้นเราก็กินแต่พืช ปลอดภัยไหม
แต่ก่อนเรามีอวิชชาเราไม่รู้ก็แล้วไป ไปกินเนื้อสัตว์มาแล้ว มันมีวิบาก เพราะสัตว์ทุกตัวมันไม่เคยเห็นว่า ฆ่าฉันไปกินแล้วจะไม่ผูกพยาบาท มีไหมล่ะ มันก็รักชีวิตของมัน เมื่อมันถูกฆ่ามันก็ผูกพยาบาททั้งนั้นแหละ
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก