651111 คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1rtmtNIIMM7RDoXXAdbsu_oEyaciqagjxoq1iZQAUTJA/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1HtBDNpU4bqcLa0s8mleu1d4sOY2kdG58/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/68zUrDa8Klw และ https://fb.watch/gJY3Hj4_mA/ คนเกิดมาเพื่ออะไร หลงอะไร ควรได้อะไร และส่วนใหญ่จมอยู่กับอะไร พ่อครูว่า… วันนี้วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล วันเวลาก็ผ่านไป ชีวิตธรรมดาก็แก่ไป แก่ไป เฒ่าไปเรื่อยๆ แต่อาตมาผ่านไปก็จะพยายามเป็นหนุ่มให้ได้เรื่อยๆ โอย.. ชีวิตนี้ยากจริงๆ มันฝืนธรรมชาติ ฝืนธรรมดาเขา เพราะว่าใช้อิทธิบาท ใช้พลังพิเศษ พลังสร้างสัมประสิทธิ์ทางจิตวิญญาณ พลังงานทางจิตให้เกิดจริงๆ ให้เป็นไปได้ อาตมาขอเกริ่นไว้หน่อยในที่นี้ว่า ช่วงนี้นี่อาตมาจะตั้งหน้าตั้งตาเทศน์เรื่อง “คนเกิดมาเพื่ออะไร หลงอะไร ควรได้อะไร และส่วนใหญ่จมอยู่กับอะไร” ถึงบางยุค บางสมัย ไม่มีคนส่วนน้อยที่มีชีวิตเป็นชีวิตที่ได้สิ่งที่ควรได้ นั่นคือยุค โดยเฉพาะยุคพุทธันดร ยุคที่ไม่มีศาสนาพุทธแล้ว คนทั้งโลกเขาจะมีแต่โลกียธรรม เขาเอาแต่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แล้วแย่งกันเสพแย่งกันติดกันไปไม่รู้กี่ชาติ มีแต่หลงจม เดี๋ยวนี้คนทั้งโลกก็ตาม ในยุคที่พระพุทธเจ้าท่านอุบัติขึ้นมาก็ตาม ก็ยังไม่ได้หมายความว่า มีผู้ที่มีโลกุตรธรรมมาก แม้ 2,500 ปีมาแล้วก็ตาม เพราะโลกุตรธรรมไม่ได้แพร่ออกไป นอกทวีปอินเดีย มันก็ค่อยแพร่ออกมานอกทวีปอินเดียแล้วก็เสื่อมลงๆๆๆ ผ่านไป 100 ปี 200 ปี 500 ปี 1,000 ปี 2,500 ปี มาถึง 2,500 ปีนี้เสื่อมหนักสุด จนกระทั่งในโลกพูดได้อย่างนั้นเลย หมดพลัง ต้องใช้คำว่าหมดพลัง จะใช้คำว่าหมดเชื้อก็ไม่ได้เพราะในคนไทยยังมีเชื้ออยู่ แต่เป็นเชื้อธุลีละออง มันไม่มีแรง หมดพลังของโลกุตระที่จะขับเคลื่อน ให้เกิดพลังอัตราการก้าวหน้า แม้จะเป็นพลังอัตราการก้าวหน้าในเชิงบวก ก็ยังไม่ได้เลย มีแต่ถอยหลังๆๆ จนกระทั่งอาตมามาเกิด จึงได้ตั้งหลัก เพิ่มพลังนี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นพลังโลกุตระธรรมจึงเกิดเป็นรูปเป็นร่าง แล้วก็เป็นวัฒนธรรม จนกระทั่งมีปรากฏการณ์ของชุมชน หมู่บ้าน สังคม ที่อ้างอิงตามธรรมะพระพุทธเจ้าได้ว่า เป็นชุมชนสาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี เป็นเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เพราะว่าจิตมีวรรณะ 9 จิตมีพุทธพจน์ 7 อย่างนี้เป็นต้น อาตมาบอกว่า ส่วนน้อยที่มีปัญญาตื่นรู้สิ่ง 2 อย่างคือ รู้ราก มูลกา รู้รากของชีวิตที่เป็นจิตนิยาม ชีวิตของพีชนิยาม ชีวิตของจิตนิยาม ชีวิตหรือชีวะ มี 2 อย่างคือ จิตนิยามที่เป็นชีวิตของสัตว์และพีชนิยาม ซึ่งเป็นชีวิตชีวะของพืช แตกต่างกันอย่างไรอาตมาจะไม่พูดถึงตอนนี้ SMS วันที่ 4 พ.ย. – 10 พ.ย. 2565 _ อารยา ศรีไพโรจน์ · คุณเล็ก ชุ่มจิต ตัดผมได้ดีมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ 🙏 _สุวรรณ เจวรัมย์ · ดูรายการภาคค่ำวันที่ 10 พ.ย. 2565 สัมภาษณ์ปฏิบัติกร งานมหาปวารณาครั้งที่ 40 มหาบิ๊กคลีนนิ่งแล้ว ซาบซึ้งระบบสาธารณโภคี (พ่อครูไอตัดออกด้วย) รู้สึกอบอุ่นมากค่ะ พ่อครูว่า… ความรู้สึกพวกนี้ เป็นความรู้สึกของคน ไม่ได้สัมผัสและกระทบได้เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วรู้สึกอบอุ่น อากาศจะเย็นหนาวเพราะตอนนี้หน้าหนาว หรืออากาศอาจจะร้อนอู้ แต่ก็อบอุ่น มันเป็นสำนวนภาษาไทยมันรู้ดีนะเข้าใจ ความรู้สึกอบอุ่นสังคมอบอุ่น มันเป็นสำนวนบอกลักษณะ ของมนุษยชาติ ของสังคม องค์ประกอบ _ประสิทธิ์ ปัดสวรรค์ · หนังสือพ่อท่าน คนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่มเดียวจบถึงดาราศาสตร์เลยครับแจ้งมากครับ คนจะมีธรรมะได้อย่างไร พ่อครูว่า… หนังสืออาตมาเขียนมาเป็น 100 เรื่องแล้ว จริงๆพิมพ์ไปหลายล้านเล่ม จำนวนหนังสือ แล้วเรื่องที่ว่า 100 เรื่อง กว่า 100 เรื่องแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังเขียนไม่จบ เขียนอยู่เรื่อยๆ เพราะมองไกลจึงได้สร้างเรือโนอาห์นาวาบุญนิยม _ประสิทธิ์ ปัดสวรรค์ · เห็นเรือพ่อท่านได้เกิดปัญญาชี้ว่าพ่อท่านมองเห็นไกลมากครับจึงรีบสร้างเรือบ้านราช เมืองเรือ พ่อครูว่า… เรื่องเรืออาตมาเคยพาดพิงถึงศาสนาเทวนิยมเขา ว่าเขาบอกว่าเรื่องเรือเป็นเรื่องสุดท้าย ใครเคยได้ยินเรื่องเรือโนอาห์ เป็นเรือที่พระเจ้าให้สร้างเอาไว้มีไว้ เขาเล่าเป็นตำนานจนกระทั่งเรือนี้ยังอยู่ที่ยอดภูเขาเอเวอร์เรส หิมะคลุมอยู่ พอหิมะละลายแล้ว ทีนี้น้ำท่วมโลก เรือลำนี้จะโผล่ออกมาให้ ผู้ใดขึ้นได้ จัดสรรไปให้ขึ้น สัตว์ให้ขึ้นไปอย่างละคู่มากกว่านั้นไม่ได้เดี๋ยวมันเต็มเรือ ขน รักษาไว้ เพราะน้ำท่วมโลกจะไม่เป็นไฟประลัยกัล ไฟไหม้โลก เขาจะเป็นน้ำท่วมโลกเพราะฉะนั้นน้ำท่วมโลกจะอยู่ได้ต้องอยู่บนเรือ เป็นเรือพิเศษ ไม่รั่วไม่ซึมเท่านั้นใหญ่พอ มีภาพประกอบด้วย เป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่วเพราะเป็นศาสนาที่มีพลเมืองส่วนใหญ่นับถือด้วย อย่างศาสนาพุทธโลกุตรธรรมนี้เป็นส่วนน้อย เมื่อไหร่ๆๆ ก็น้อย เพราะมันเป็นยอดพีระมิด มันเป็นศาสนาที่ต้องคนมีภูมิธรรม จริงๆ จึงจะมีภูมิรู้ จึงจะมีจิตวิญญาณ จึงจะมีปัญญารับรู้โลกุตรธรรมนี้ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะรู้ยาก อาตมาจึงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องต่ำต้อยน่าน้อยใจ ด้อยอะไรเลย มันเป็นเรื่องถูกแล้วจะต้องเป็นอย่างนั้นมันเป็นธรรมดาธรรมชาติ ถ้าใครเข้าใจยอดพีระมิด ถามเด็กๆว่ายอดพีระมิดกับฐานพีระมิดอะไรมันมากกว่ากัน ฐานพีระมิดก็จะมากกว่า เด็กๆก็ตอบได้ มันเป็นธรรมชาติธรรมดามันเป็นเช่นนั้น มันเป็นความจริงตามความเป็นจริง แม้ในยุคนี้ พวกชาวอโศกเป็นพวกจำนวนมากหรือจำนวนน้อยในประเทศไทย ตอบว่าจำนวนน้อย แต่ขอยืนยันว่า เป็นชุมชนหรือมนุษยชาติกลุ่มคนที่สุขสำราญ เบิกบานใจ เป็นคนที่มีความปลอดภัย เป็นคนที่มีความปลอดภัยแม้จะมีน้ำท่วมยังปลอดภัยเลย อาตมาเคยตั้งข้อสังเกตให้ดู บ้านราชไม่ใช่มีน้ำท่วมปีเดียว มีน้ำท่วมเกือบทุกปี ไม่ใช่เกือบแต่เขามาทุกปี แต่ว่าบางปีมาน้อยไม่เข้ามาถึงบ้านเรือนซึ่งน้อยปี นอกนั้นท่วมมาถึงบ้านเรือน อย่างที่มามากอย่างปี 62 และปี 65 มันจะมาก แต่ไม่มีใครตกน้ำตาย ไม่มี มีถูกไฟดูดคนเดียว และอีกคนหนึ่ง ไฟดูดตาย ไม่ได้ตกน้ำ ทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็เยอะ ใครว่ายน้ำไม่เป็นบ้างยกมือขึ้น โอ้โหไม่ใช่น้อย หัดว่ายบ้างสิ มันไม่ยาก น้ำมันมีอยู่ในบุ่งที่ตื้นๆก็มี เดี๋ยวก็จะมีที่ให้เล่นน้ำหัดว่ายได้ กำลังทำอยู่ เดี๋ยวปีใหม่นี้ก็จะมีสระน้ำให้เล่นกันสนุกสนาน เปียเขากำลังทำ เดี๋ยวจะได้เล่นกัน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ กลัวผู้ใหญ่จะแย่งกับเด็กแล้วนะ เป็นพระอรหันต์แล้ว จะรู้ว่าควรจะเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก _ผาหิน จอมภูผา · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยเคารพอย่างสูง…ถ้าผมได้เป็นอรหันต์จะตั้งจิตเกิดอีกไปเรื่อยๆๆ ผมอยากมีปัญญาปฏิภาณแบบพ่อท่านครับ พ่อครูว่า… เห็นไหมยังไม่ทันเป็นอรหันต์ก็เข้าใจแล้ว เอาเลย เอาเลย ตั้งใจดีๆพากเพียรศึกษาดีๆ _สติพล จนพัฒนา · **ผมคนหนึ่งถ้าเป็นพระอรหันต์จะเป็นพระอรหันต์ที่ไม่เกิดอีกเลยครับ..ล้านเปอร์เซ็นต์. พ่อครูว่า… มองเห็นความเหน็ดเหนื่อยเมื่อย มีภาระเยอะ ก็คงจะเป็นเช่นนั้น ไม่เป็นไร ใครที่เห็นว่า เอาอรหันต์ให้ได้ก็แล้วกัน พอถึงตอนเป็นอรหันต์ก็จะบอกตัวเองได้ อาตมาเคยพูดไปแล้วคนที่จะเป็นแค่อรหันต์นี่แหละ เมื่อได้อรหันต์แล้วจิตมันเป็นจริงมันจะบอกเอง ที่บอกว่าจะไม่ต่อก็เถอะ ผู้ที่จะเป็นอรหันต์แล้ว แล้วตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสานจริงๆ คืออรหันต์สมสีสี ชนิดนี้ ตายและตรัสรู้ในเวลาที่เป็นอรหันต์ ตรัสรู้กับตายพร้อมกัน นอกนั้นตรัสรู้แล้วยังไม่ตาย ยังมีชีวิต มันจะเข้าใจอะไรดีมากเลย อาตมาเคยพูดเชิงชั้นให้ฟังว่า พระอรหันต์ จบแล้วจะรู้เลยว่าชีวิตเป็นชีวิตที่พ้นทุกข์ เป็นชีวิตที่ไม่มีทุกข์ ประสบอะไรต่ออะไรสัมผัสเหตุการณ์อะไร เหตุการณ์รุนแรงมันก็ไม่มีทุกข์ มันก็สบายๆ แล้วพระอรหันต์ก็ต้องมีปฏิภาณปัญญาด้วย แล้วมันก็จะเห็น ต่างๆนาๆมันจะรู้โลก รู้สังคม รู้การสัมพันธ์ในสังคมอะไรพวกนี้ สังคมที่เป็นอยู่แต่ละหมู่กลุ่มล้วนแล้วแต่อวิชชาอยู่เยอะ มันจะมีความสงสารและจะมีความเมตตา และมันจะมีความกตัญญูกตเวที อยู่ในตัวของคนเจริญคนดี มันมีอยู่จริงๆเป็นสัจจะ ว่าจะตอบแทนพระพุทธเจ้า ตอบแทนบุญคุณของศาสนา ที่เราอุตส่าห์ได้บรรลุอรหันต์ แล้วจะเห็นมนุษย์ตาดำๆน่าสงสาร น่าเมตตา น่าช่วยเหลือจริงๆ แล้วเราก็จะไม่ตายก็ได้พระอรหันต์ จบอรหันต์จริงๆ แล้วเป็นอมตะบุคคล ผ่านวิมุติแล้ว จะยังไม่ตายหรือจะตายก็ได้ ตายก็ปรินิพพานเป็นประโยชน์สารก็ได้หรือจะยังไม่ตายก็ได้ หรือจะตายแล้วเกิดอีก บำเพ็ญต่อไปอีก เพื่อจะไปสู่พุทธภูมิ สู่สัมมาสัมพุทธเจ้าอีกก็นับเป็นล้านๆ ชาติก็ยังได้ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาตมาพูดไม่ได้เอามาจากตำรา อาตมาจริงใจตามภูมิของอาตมาเอง เปิดเผยสู่ฟัง พูดไปแล้วผู้จำได้ก็จะตามพิสูจน์ ผู้ที่มีภูมิถึงบ้างแล้วก็ไม่มีปัญหาไม่สงสัย ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์ในระดับหนึ่งฟังแล้วจะรู้ หรือบางทีท่านก็จะรู้อย่างที่อาตมารู้ เป็นโพธิสัตว์ _สุรัตนา น้อยศรี · สะพานโค้งรุ้ง ใช้งบประมาณประมาณเท่าไหร่ค่ะ พ่อครูว่า… อาตมาไม่รู้ สะพานโค้งรุ้งจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ อาตมาทำอะไรขึ้นมา สร้างอะไรขึ้นมาต่างๆนานา ไม่เคยกังวลกับงบประมาณว่าจะหมดเท่าไหร่ จะมีงบประมาณเท่าไหร่ ประมาณเท่าไหร่ ไม่เคยคิดเลย ทำไปเรื่อยๆสร้างไปเรื่อยๆมีอะไรก็ทำเท่าที่เราทำได้ แม้แต่อย่างพญาแร้งตัวข้างหลังนี้ พญาแร้งตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง เป็นโลหะทองเหลือง ไม่ใช่โฟม ไม่ใช่เรซิ่น ไม่ใช่วัสดุที่ราคาถูกอะไรต่ออะไร แต่เป็นโลหะทองเหลือง แต่ไม่บังอาจทำถึงทองคำ ก็ไม่รู้กี่สิบล้าน ลงทุนไปทำส่วนมากก็เป็นเรื่องของค่าแรงงานของคนงานที่มาช่วยบ้าง กับค่าวัสดุ ส่วนค่าศิลปิน ค่าผู้ออกแบบ ค่าผู้ที่ควบคุมการสร้างสรรค์มันไม่ได้มีค่าตัว ไม่ได้จ่าย ถ้าจ่ายนี้จะราคาแพง ค่าศิลปิน ค่าผู้ออกแบบ ค่าผู้ที่คุมการสร้างสรรค์มันจะแพง แต่ไม่ได้มีเราจะทำได้เพราะเราเป็นคนจน ถ้าเผื่อว่าเราไม่จนสงสัยจะยิ่งกว่านี้ แต่นี่จน มันซ้อนและมันย้อน คนก็บอกว่าทำแล้วมันผลาญพร่า อันนี้ไม่ตอบแล้วอธิบายไป มันมีนัยยะสำคัญทางจิตวิทยา ที่อาตมาทำอะไรต่ออะไร คนสัมผัสแล้วก็จะรู้ คนที่ไม่เคยสัมผัสแล้วมาสัมผัส บางคนก็สัมผัสมาแต่แค่ เฮือนศูนย์ฯ ยังไม่ทันอลังการอะไรมากแต่ก็ใหญ่ เขายังบอกว่า โอ้โห.. ใครนะที่มา…คุณประชา หุตานุวัฒน์ มาถึงเขาบอกว่ายิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ ว่างั้น ถ้ามาเจอขณะนี้ มาเจอแร้งตัวนี้ มาเจอหนุมานใหญ่ ที่กำลังจะตั้งขึ้นมา จะทำให้เสร็จให้เรียบร้อยช่วยกัน ใครมีเรี่ยวแรงมาช่วยกัน อาตมาตอบไม่ได้ว่า จะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ก็ถามผู้รู้เขาจะบอกเอง _ใบฟ้า ธัมทะมาลา · กาละนี้ นักประชาธิปไตย โลกุตระ ที่สูงเยี่ยมสุดยอด เป็นตัวแบบตัวอย่าง ที่สมบูรณ์แบบ คือ พระนิยตะโพธิสัตว์เจ้า พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผู้รับอาสา จากต้นแบบของประชาธิปไตยโลกุตระ คือพระอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า มาทำหน้าที่ในการกอบกู้และสืบสานพระพุทธศาสนา ให้ถึง 5,000 ปี โดยบำเพ็ญโพธิกิจ ย่างเข้าสู่ปีที่ 53 โพธิกิจที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งก็คือ การสร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตระ ซึ่งบัดนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสังคมประเทศไทย และจะขยายผล ไปสู่นานาประเทศทั่วโลกเป็นลำดับ กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาด้วยเศียรเกล้าฯค่ะ พ่อครูว่า… คุณใบฟ้าก็เข้าใจตามภูมิของคุณใบฟ้า คนอื่นจะเข้าใจตามหรือไม่ก็ไม่รู้ แล้วคนอื่นที่เข้าใจว่าของโพธิรักษ์ที่สร้างขึ้นมาจนเกิดวัฒนธรรม สังคม ลักษณะของรัฐศาสตร์ การเมืองเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ที่เกิดขึ้น มันจะตรงกันไหม อาจจะเห็นดีไปเหมือนกันหรือผู้ไม่เห็นดีด้วยกันก็ไม่ตรงแน่ แม้ว่าจะเห็นดีด้วยกันแล้วมันตรงกันไหม แต่มันมีเชิงดีที่หลายมิติ หลายเงื่อนไขหลายนัยยะมันเป็นไปได้ ก็ไม่เป็นไร มีอย่างเดียว เราทำ อาตมามีหน้าที่ที่จะพาทำก็ทำ _ซึ้งซื่อ วิเชียร : กราบนมัสการ พ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับ ในวาระโอกาส เริ่ม ๕๓ ปี โพธิกิจยังเป็นรองต้องอุตสาหะ ในวันที่ ๗ เป็นวันเริ่มบวช ขอระลึกถึงความเมตตาของพ่อท่านพ่อพระโพธิสัตว์ ลูกขอกราบพ่อด้วยสุดเศียรเกล้าที่ทำให้ได้เกิดใหม่ทางจิตวิญญาณ ขอให้พ่อท่านจงบรรลุในสิ่งที่ต้องการไวๆ ด้วยเถิด กราบนมัสการขอบพระคุณพ่อท่านด้วยจิตวิญญาณอย่างสูงยิ่งครับ พ่อครูว่า… อาตมาจะได้ไวๆอย่างไร ก็ต้องไปตามลำดับ ก็พากเพียรอุตสาหะเต็มที่อยู่แล้ว ไม่ได้หย่อนข้อก็ไปตามธรรม _สุทัศณีย์ วงษ์กิ่ง · ฟังธรรมะพ่อครูก็พอได้เพียรปฏิบัติตนตามภูมิธรรมของตัวเองคะ สาธุ พ่อครูว่า… เอ้า.. ดีได้รับผล _ณัฐนพ วิชากรนฤมิต · ลองคิดในใจดูครับว่าทำไมราชธานีอโศกช่วงน้ำท่วมทำไมอยู่ได้ ครับ ผมจะรอดูงานตลาดอารียะ ครับ พ่อครูว่า… อาตมาเคยเห็นชื่อหนึ่งคนตั้งมาแล้วอ่านยากมาก อย่างคุณลัดดาวัลย์ เขาก็ไปเปลี่ยนเป็น รฏาวัลย์ อาตมาเอาคำไทยๆมาตั้งชื่อพวกเรา อย่างเริ่มต้นอัจฉรา พนารัตน์ อาตมาก็ตั้งชื่อว่าป่าแก้ว แรกๆคนก็ว่าแปลก ตอนหลังตั้งขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ชื่อแล้ว อาตมาก็พยายามตั้งชื่อเป็นไทยๆ ก็แปลกหู เมื่อกี้นี้ลงมาจากที่พักมาถึงที่นี่ ยังพูดขึ้นมาตามทางเลยว่า มีเด็กคนหนึ่งมาให้ตั้งชื่อ ก็บอกว่าชอบแบบไหน เขาก็บอกเจตคติของเขามา เขาชอบแบบไหนก็บอกมาด้วย คนนั้นคนนี้ก็บอกมาอย่างนั้นอย่างนี้ คนนี้บอกมาอย่างเดียวว่า ชอบแข่งรถ อาตมาก็แหมจะตั้งชื่ออะไร ชอบแข่งรถ อาตมาเลยตั้งชื่อให้ว่า “เร็วแรง” ไม่รู้เขาจะชอบใจหรือไม่ เป็นผู้ชาย แล้วก็มีเด็กชอบเพลงเยอะ อาตมาก็ไม่รู้จะเอาภาษาอะไรมาตั้งซ้ำซ้อน เพลง ชอบกันจริงๆ เอาอย่างอื่นบ้างก็ไม่ได้ อาตมาก็จะอั้นตู้แล้ว ชอบเพลง ชอบกันจัง พ่อครูว่า… แล้วมันเกี่ยวกับน้ำท่วมไหมนี่ _สู่แดนธรรม… เขาอาจจะคิดว่าเตรียมงานทันหรือไม่ พ่อครูว่า… เตรียมงานทันไหมหรือจะเอาอะไรมาทำ ไม่หมดเนื้อหมดตัวแล้วหรือ อาตมาก็เห็นต้นไม้มันตายไปเยอะ มีแต่ซากต้นไม้ใบไม้กิ่งไม้สีน้ำตาลเต็มไปหมด กับขี้โคลนฮิวมัสด้วย ดี ฮิวมัสก็ดี มันเข้ากับเรา เพราะเราได้ฮิวมัส มันเป็นปุ๋ยของพืชที่เราจะได้ปลูก แต่มันเยอะจังเลย นี่น่ะ ถมพวกเศษไม้ใบไม้เป็นเพอร์มาคัลเจอร์ ทำกันเต็มที่เลย ก็เริ่มลงมือกันทำไป เดี๋ยวจะไม่ทันกิน พวกเราอย่างไรๆ คนที่น้ำไม่ท่วมเขาก็เอื้อส่งมาให้กินใช้ ก็ไม่ได้ขาดแคลนจนเกินกาล อันนี้เป็นผลของสาธารณโภคีของพระพุทธเจ้า สุดยอด ใครไม่เข้าใจก็มาสัมผัสมาเรียนรู้ดีๆแล้วจะเข้าใจ ยิ่งทุกวันนี้แล้วข้างนอกเป็นหมาหอบแดด เรียกว่า สังคมหมาหอบแดด มันแย่งกันซอกๆๆ เพราะจิตของเขามันโลภด้วย จิตของเขามันตะกละตะกราม มันไม่สอดคล้อง ถ้าเขามาที่นี่ฝึกตนแล้วอยู่ที่นี่จะเห็นว่า โอ้โห.. เกิดเป็นคนแล้วไปอยู่อย่างนั้น มันจะสบายอย่างไร มาอยู่อย่างที่นี่สัปปายะที่สุด _จักจั่นทิพย์ สว่างล้ำ : โอ๋(ฆราวาส) เขาร้องเพลงเพื่อฟ้าดินหรืออีกหลายเพลงได้ feel ดีนะ โทนเสียงและพลังเทียบเท่ากับแอ๊ด คาราบาวเลยล่ะ ทำเวทนา 2 ให้เป็น 1 ได้ ก็สำเร็จอรหันต์ _ผาหิน จอมภูผา · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง ภาวะ 2 ที่นำมาเปรียบเทียบกันต้องเป็น อาการ,กิริยา,พฤติกรรม,นามธรรม,พลังงานเท่านั้นหรือครับ จะเป็นรูปธรรม,สสาร,วัตถุ,บุคคลได้หรือไม่ครับ มีเคล็ดลับอย่างไร เช่น เอาอาการอย่างนั้นต้องเทียบกับอาการอย่างนี้ พ่อครูว่า…เป็นได้ วัตถุก็เปรียบเทียบกันแล้วมีนัยยะที่ต่างกัน เช่น บวกกับลบ ตั้งแต่ปรมาณูของไอน์สไตน์ค้นพบนั่นแหละ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องที่มีคู่ ยิ่งใหญ่มากเรื่องคู่ เรื่องสภาพ 2 แล้วต่างกัน แล้วจะร่วมกัน ทำปฏิกิริยาร่วมกัน มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ที่รวมลงไปใน ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 เพราะฉะนั้น ใครที่สามารถทำธรรมะ 2 แยกธรรมะ 2 ได้สำเร็จ ยิ่งของพระพุทธเจ้าสำเร็จถึงจิตวิญญาณ เทวธัมมา ธรรมะ 2 แจกวิภัช เป็น แยกเวทนาเป็นส่วน 2 แล้วทำให้เหลือเวทนาเป็นหนึ่ง เอกสโมสรณา เอกะคือเป็นหนึ่ง รวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ ภวันติ นี่แหละคือจุดสำคัญของอรหันต์ ผู้ที่ทำเวทนา 2 ให้เป็น 1 ได้ อาตมาก็ได้แยก 2 เป็น 1 เป็นเวทนาเก๊เป็นเวทนาเท็จเป็นเวทนาหลอก ไม่ใช่ของจริง ส่วนเวทนาอีกอันหนึ่งเป็นของจริงตามความเป็นจริง คุณเห็นสีแดงมันก็แดงทุกคนเห็นเหมือนกันอันนี้เป็นอย่างเดียวกันทั้งนั้น แดงก็เห็นเป็นสีแดง เหมือนกัน ฝรั่ง เจ็ก แขก ชาติไหนเขาก็เห็นเหมือนกัน แต่เขาก็เด็กภาษาต่างกันแต่เห็นในสื่อสภาวธรรมตรงกัน ส่วนอารมณ์หรือความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ ชอบมาก ชอบน้อย สุขหรือทุกข์ ผลักหรือดูดมันเป็นกิเลส ต้องทำให้มันหมดไป ให้มันรู้จักความจริงตามความเป็นจริงเป็นหนึ่ง นี่แหละคือจุดทำอรหันต์ จุดสำคัญของการฝึกหัดทำต้องมีผัสสะ ต้องมีของจริง ต้องทำใจในใจอ่านใจของตัวเองในขณะเกิดเป็นปัจจุบันนั้นจริง มันจึงจะคือความจริง ปฏิบัติธรรมนี้ พูดไปแล้วก็สงสารพวกหลับบตาปฏิบัติ ไม่สัมผัสความจริง แค่นี้มันก็ไปไกลมาก เดียรถีย์ เข้ากับยุคพระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมาแล้วก็เห็นปฏิบัติหลับตาอยู่ในป่า เดี๋ยวนี้ก็เหมือนกับคนปฏิบัตินอกศาสนาพุทธ ของพระพุทธเจ้าที่เป็นเดียรถีย์ ก็คือพวกนอกพุทธ เพราะฉะนั้นอาตมาก็พูดด้วยความจริงใจ พูดด้วยความหวังดี ปรารถนาดี สงสาร ที่พูดไปแล้ว ไปย้ำแล้วย้ำอีก ว่าแล้วว่าอีก เตือนแล้วเตือนอีก มันเป็นวิธีการที่เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราจะขนาบแล้วขนาบอีก ว่าแล้วว่าอีก กด ข่ม นิคคัณหิ ไม่ยั้งมือ เหมือนช่างปั้นหม้อนวดดินที่ยังเปียกๆอยู่เหมือนปั้นหม้อ อาตมาก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านพาทำ ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ อย่างเช่นไปว่ามหาบัวหนักๆ อาตมาว่าได้เพราะเขาตายแล้วด้วย แล้วลูกศิษย์ก็มีเยอะ คนก็พากันไปหลงเยอะมีหลายระดับ คนยอมรับนับถือตั้งแต่ระดับล่าง อ่านหนังสือไม่ออกจนกระทั่งถึงระดับบนสูงสุดเลย มันได้เยอะไง แล้วอาตมาก็จริงใจยืนยันธรรมะพระพุทธเจ้า ว่ามหาบัวนี้ผิด ออกนอกทาง พาเสื่อม ถึงขั้นอาตมาบอกว่าเป็นโจร ทำให้ศาสนาเสื่อม ทำลายศาสนาเสื่อม พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบเหมือนกับโจร แล้วมีพระราชาให้เจ้าหน้าที่ไปฆ่าโจรเสีย เพราะถ้าอยู่ก็ทำลาย ให้ไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มเช้า ด้วยหอกร้อยเล่มกลางวัน ด้วยหอก 100 เล่มเย็น แล้วท่านก็ตรัสต่อ ปลายเปิดเอาไว้ หมายความว่า ถ้าสังคมยังเป็นโจรอย่างนี้ ต้องฆ่า ให้ทำอย่างนี้ เป็นปลายเปิดเอาไว้ แล้วยุคนี้เป็นอย่างนี้ อาตมาก็ต้องทำตามนี้ ไม่ได้เป็นจิตที่โหดร้ายหรือโกรธเคือง ต้องการทำลายอะไรเลย ยังมีคนที่ยังไม่ตาย ยังอยู่และนับถือเขาเป็นปราชญ์ อาตมาก็พยายามส่งสัญญาณให้รู้ว่าควรเลิกได้แล้วที่ไปหลงความรู้ที่เป็น learned man มาเรียนรู้ให้สัมมาทิฏฐิ อาตมาก็ขอยืนยันพูดอย่างจริงใจว่า แม้ท่านจะเข้าใจคำว่า กาย สัมมาทิฏฐิหรือยังก็ไม่รู้ อาตมาไม่แน่ใจ แต่แน่นอนว่า บุญ ท่านเป็นมิจฉาทิฐิแล้ว ท่านมีบันทึกยืนยันไว้ แต่คำว่า กาย อาตมาก็ยังไม่ชัด อาตมาก็ยังไม่ได้อ่านหนังสือท่านมากเท่าไหร่ ก็อ่านอยู่บ้าง พุทธธรรมที่เป็นคัมภีร์หลักของท่าน 3 เล่มก็ยังอยู่หลังอาตมาที่นั่งอยู่เป็นหลัก หนังสือด้านหลังอาตมาเป็นพจนานุกรมเสียส่วนใหญ่ หนังสือที่เป็นสาระตำราไม่มี มีแต่พจนานุกรมเป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นหนังสืออาตมากับหนังสือของคนนั้นคนนี้บ้างนิดหน่อยเพราะคนก็ให้มามาก อะไรที่พอเอาไว้ได้ก็เอาไว้มีที่นิดเดียวก็เอาไว้ แล้วอาตมาก็ไม่ใช่คนช่างอ่านด้วย ชาตินี้ไม่ใช่นักศึกษา ไม่ใช่คนช่างอ่าน ไม่ใช่นักศีกษา ไม่ได้เรียนสูงอะไรกับเขา เอาของดิบๆสดๆของตัวเองออกมาทั้งนั้นเลยใช้มา 52 ปีแล้ว กำลังเริ่ม 53 ปีก็ทำไป ก็ยังจะต้องขยายความลงไปในรายละเอียดอีก ไม่ใช่น้อย ที่ถามว่ามีเคล็ดลับอะไรในการเทียบอาการ ก็ให้เทียบอาการไปเลย คุณจะเอา 0 ไปเทียบกับหาประมาณมิได้ก็เทียบ ห่างกันขนาดไหนก็เทียบหรือใกล้กันขนาดไหนก็เทียบ เทียบ 2 อันไปหมดเลยไม่มีละเว้นแล้วคุณจะเข้าใจมุมเหลี่ยมที่มันต่างกันมันมาก หรือมันน้อยมันมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ มันเข้ากับสมัยหรือไม่เข้ากับสมัย คุณจะได้เข้าใจอะไรมันควรใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ในยุคนี้ คุณจะรู้หมดเลยว่า ถ้าเอาอันนี้มาปรุงแต่งกันมันจะเป็นประโยชน์ในตอนนี้ยุคนี้ อย่างนี้เป็นต้น นี่ก็พูดมันไม่ยาวนักสั้นๆก็คิดเอาเอง _สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ การมาพบพ่อครูของจตุพรและทนายนกเขา นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ที่มีความเห็นต่างกันแล้วหันหน้ามาพบสัตบุรุษ มาพบพระโพธิสัตว์เพื่อหาคำตอบจากผู้ที่มีคุณธรรม มีปัญญาสูงกว่า ขออนุโมทนาต่อทั้งสองท่านด้วยความนับถือ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูว่า…ก็คงมีคนมองอย่างคุณคนนี้ในสังคม แต่คงยังไม่มีใครกล้าที่จะเอาไปขยายผลหรือขยายความเอาไปวิจารณ์ อะไรบ้างอะไรบ้าง แม้แต่คุณเปลวสีเงินก็ยังไม่กล้าเอาไปอธิบายขยายผล ทั้งๆที่เขาเป็นคนกล้านะ แต่เขายังไม่ค่อยกล้าแตะอาตมาเท่าไหร่ ก็ทำไปอาตมาก็จริงใจตามภูมิ ทำสุดฝีมือ ไม่ได้ออมมือเลย _ธารร่มธรรม ทำร่มทาน · เอื้อไออุ่น 6 พ.ย.2565 เห็นบรรยากาศของพี่น้องลูกหลานจากทั่วสารทิศ มารวมพลังเสียสละบิ๊กคลีนนิ่งบ้านราชแบบทวีคูณอย่างนี้ รู้สึกอบอุ่นไปด้วยค่ะ พ่อครูว่า…จริงนะ เรื่องนี้พูดไปก็เหมือนกับชมตัวเองยกตัวเอง แต่ที่จริงไม่ใช่ตัวอาตมาเอง อาตมาเอามาจากทฤษฎีของพระพุทธเจ้า เอามาสอนแนะนำพวกเรา พวกเราก็เกิดจริง ทำจริงด้วยจิตใจไม่ได้บังคับไม่ได้จ้างวาน แต่ทำด้วยน้ำใจทั้งนั้นนี่เป็นเรื่องจริงที่ประเสริฐ เพราะฉะนั้นก็ดูเอาอะไรที่มันเป็นอย่างไรก็ตัดสินเอาเอง _ชีวิต อยู่ที่การตั้งค่า · ถึงแม้ลุงตู่จะอยากมาบ้านราชใจจะขาด..แต่บอกเลยลุงตู่จะไม่มาแน่..เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น _ณัฐพร ขวัญตน · น้อมกราบพ่อครู โพธิสัตว์ที่มีเมตตามาก จนประมาณไม่ได้ ลูก ซาบซึ้งเหลือเกินที่ได้มาพบกับหมู่กลุ่มชาวอโศก ไม่เสียชาติเกิดที่ได้มาพบ และได้มาประพฤติปฏิบัติตามพ่อครูและหมู่ _มิตรชัย แก้วทน · ดีใจครับที่คุณจตุพรและทนายนิติธรมากราบสัตตบุรุษและพระโพธิสัตว์แห่งยุคนี้ ผมคนหนึ่งจะร่วมสู้กับพวกท่านเพื่อนับหนึ่งประเทศไทยครับ เลิกจากโลกจินตาจึงเข้ามาหาสักกาย _ชาญณรงค์ จินดาธรรม · ฟังให้ดี มองให้หลากมุม ผมเห็นแววแห่ง”เพชร” (พ่อครูไอตัดออกด้วย) ในตัวคุณจตุพร ที่สามารถมาปรับพัฒนาตัวผมเอง “สุสสูสัง ลภเต ปัญญัง”ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญาครับ สมณะเดินดิน… เรื่องบางเรื่อง ที่พ่อครูกล้าพูดนั้น เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกเขาไม่กล้าพูด เหมือนกับเมื่อก่อนคนพูดว่าโลกกลมนั้นไม่ได้เพราะจะถูกคนทำร้าย เหมือนพ่อครูกล้าพูดในเรื่องต่างๆ ทวนกระแส พ่อครูว่า… อาตมายืนยันว่าที่ท่านเดินดินพูดเชื่อมที่อาตมาพูดไปแล้วหมายถึงใคร ก็ยังไม่อยากบอกชื่อ แต่ผู้อยู่ในวงในผู้ที่ติดตามก็คงจะรู้ว่าหมายถึงใคร ที่อาตมาไม่อยากออกชื่อ ไม่ใช่เพราะกลัวหรือไม่ใช่ไม่กล้า แต่เห็นว่า ยังไม่สมควรที่จะว่า ถ้าจะว่าแรงไปกว่านี้ มันจะหักมุมไม่ดี เพราะชะลอไว้ตรงนี้ก่อน เพราะว่าอาตมาบอกไปแล้ว อาตมาไม่เชื่อว่า ท่านจะพ้นสักกายทิฏฐิ สังโยชน์ข้อที่ 1 ในเรื่องของ กาย แต่คำว่า บุญ ท่านก็ไม่ชัด และอาตมาก็แน่ใจอีกว่า เรื่องฌาน ท่าน มิจฉาทิฏฐิยังไม่สัมมาทิฏฐิแน่ เรื่องฌาน ยังไม่สามารถที่แน่นอน เพราะว่า ฌานวิสัย เป็น อจินไตย ไม่ใช่เรื่องธรรมดาจะรู้กันได้ง่ายๆกรรมวิบากก็ดีฌานวิสัยก็ดี ท่านอยู่ในโลกจินตา ท่านก็ไม่รู้ตัวว่าท่านเฟ้อไปกับโลกจินตา เป็น อจินไตย อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าท่านเลิกลดได้ก็จะลด โลกจินตา ลงมาก่อนแล้วจะค่อยๆเข้ามาสู่การรู้กรรมหรือวิบาก เรื่องกรรมวิบาก ท่านก็พอรู้แต่ยังมิจฉาทิฐิอยู่ คนที่รู้เรื่องกรรม เรื่องวิบาก ที่มิจฉาทิฏฐิชัดเจนเลยก็คือ เขาจะไปนิยมคนที่รู้จักกรรมวิบาก ชาติก่อนเกิดเป็นคนนั้น เกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เกิดเป็นนักรบ เกิดเป็นคนเก่ง เกิดเป็นคนไม่ดีเกิด เป็นพระเทวทัต เขาจะไปนึกถึงตัวตนบุคคลเราเขา นั่นคือ โลกียะ นั่นคือยังไม่สัมมาทิฏฐิ ระลึกได้ให้ตายก็ประโยชน์น้อยหรือแทบไม่มีประโยชน์เลย จะพาหลง ไปในตัวตนบุคคลเราเขาด้วย มันต้องระลึกถึง นามธรรม นึกถึงพฤติกรรมของมนุษยชาติที่แท้จริง แล้วเอามาพูดเอามาใช้ได้ ตัวตนบุคคลเราเขาเราจะไปเป็นตัวนั้นตัวนี้ตามเขามันจะได้ยังไง มันไม่ได้ เราเอาพฤติกรรม เราเอาคุณธรรม เราเอาจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นถ้าจะเข้าใจกรรมวิบากได้ดีๆจะต้องเข้าใจถึงกรรมและผลของกรรมจึงทำให้เป็นอย่างนี้ กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก เพราะกรรมที่ทำมา จึงทำให้เป็นอย่างนี้อย่างนี้ จนกระทั่งเราได้ที่พึ่ง ที่พึ่งท่านใช้คำว่า สรณะ ท่านไม่ใช้คำว่า อรณะ คำว่า อรณะ แปลว่าหมดการรบ สรณะคือ ยังเกี่ยวข้อง ยังประกอบด้วยการรบอยู่ เพราะฉะนั้นกรรมเป็นที่พึ่งผู้ที่มิจฉาทิฏฐิก็พึ่งกรรมที่เป็นการรบ ก็บาปอยู่ ผู้ที่ชนะศึกชนะการรบก็มาหา อรณะ อรณะก็สงบอบอุ่น อย่างพวกเรา ก็มาหาอรณะ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆศึกษาไปจึงจะรู้ความหมายของพยัญชนะ พยัญชนะที่ปราชญ์ทางศาสนาท่านรู้ ท่านรู้พยัญชนะ ซึ่งพยัญชนะมันได้เพี้ยนไปจากสภาวธรรมที่แท้จริง ที่เป็นปรมัตถ์สัจจะของพระพุทธเจ้าไกลออกไปแล้ว มันเพี้ยน แล้วก็ไปเชื่ออย่างนั้น แล้วก็มีนักรู้มาสร้างโครงสร้างของการเรียนรู้ไป ตามหลักของอะไร ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ มีแต่พยัญชนะ หลักการ มีแต่บัญญัติ เหมือนอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านตรัส มีแต่ตำราดูแต่ตำราเท่านั้น แต่ตำราของเราอะลุ่มอล่วยกันปรองดองกัน สงบอบอุ่นกันอย่างนี้ก็จะเป็นสังคม ที่ไม่มีใครสู้เราได้ จะเป็นสังคมที่เป็นหนึ่งในโลก _ชาญณรงค์ จินดาธรรม · ฟังให้ดี มองให้หลากมุม ผมเห็นแววแห่ง”เพชร” (พ่อครูไอตัดออกด้วย) ในตัวคุณจตุพร ที่สามารถมาปรับพัฒนาตัวผมเอง “สุสสูสัง ลภเต ปัญญัง”ฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญาครับ พ่อครูว่า…จริง เขามีเพชรในตัวเหมือนกัน _ธรรมธารทิพย์ วงษ์รักษ์ มาลิณี · ชื่นชมจตุพร และ ทนายนกเขา ทั้งสองท่าน ที่กล้าหาญเข้ามาฟังพ่อครูฯต่อหน้า หาได้ยากนายแน่มาก พ่อครูว่า… ผู้ที่มีจิตวิญญาณที่จะมองถึงเราและกล้ามาเผชิญกับเรา มีความแข็งแรงมีความกล้าหาญไม่ใช่เล่น มั่นใจในตัวเองไม่ใช่น้อย และ พูดในสิ่งที่ไม่ใช่ง่าย ไม่ง่ายนะเรื่องนี้ ที่กำลังเกิดอะไรอยู่ในสังคมไม่ง่าย เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่หาได้ยาก นายแน่มาก _ ศิลป์สร้าง จนทุกชาติ · ตู่ จตุพร ผมคิดว่า เขานักพูด แต่เขาถูกมองลบเยอะ แต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา มาแลกเปลี่ยนได้ก็โอเคร ฟังได้ครับ แต่การจะตัดสินใจจะเชื่อ ลงน้ำหนักต้องพิจารณา หลายๆอย่าง จุดที่ลงตัว จะค่อยปรับสมดุลไปตามธรรม _กรรณิกา หนึ่งน้อย · รายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม วันที่ 5 พ.ย. 65 จตุพร และ ทนายนกเขา พบพ่อครู วันนี้ได้สอบกันทุกท่าน ใครสอบได้สอบตกต้องตรวจดูจิตตัวเองนะจ้ะ..สาธุจ้า / รายการดีๆให้ได้ติดตามชม..ได้อ่านกิเลสได้เห็นตัวชอบไม่ชอบ…ในจิตตลอดค่ะ..ขอบคุณนกเขา..จตุพรที่มาทำให้จิตไหวๆนิดๆจ้า _จรรยา ประเสริฐ · มีนิมิตรหมายที่ดีแล้ว ที่ ทนายนกเขา กับ จตุพร มาพบ มาฟัง พ่อครู แม้ว่าผลจะออกมายังไง ก็ได้มาฟังพระโพธิสัตว์ท่านโปรดให้แล้วด้วยความรัก เมตตา สงสาร สัตว์โลก กราบสาธุค่ะ _อุ๋ม รอยใบไม้ · 5 พ.ย. 65 คุณจตุพร และ คุณนิติธร พบพ่อครู วันนี้พ่อครูไม่ไอเลยค่ะ😊 _น.ส.นงค์นุต โพธิ์ศรี · 4 พ.ย. ปฐมนิเทศมหาบิ๊กคลีนนิ่ง ท่านเดินดินแสดงธรรมได้สุดยอดมากค่ะ คนอยู่ว่างเปล่า ไม่ช่วยใครเลย คนนี้โง่จริง _Supachai Ladlaow (ศุภชัย ลาดลาว) : พระโพธิลักนี้ชอบเข้าข้างปรายุทมิใช่รึว่าเปนเทพมาช่วยประชาชน พระองค์นี้อวดตน พ่อครูว่า… เข้า ไม่ได้ปิดบังอะไรนี่ คนที่เป็นกลางต้องเข้าข้างคนดี นี่อาตมาก็พูดไปบอกไป คนที่เป็นกลางที่ไม่เข้าข้างใครเลยเป็นพวกมิจฉาทิฐิ ไม่เข้าข้างใครเลย ใครจะเป็นจะตาย ดีก็ดีชั่วก็ชั่วก็ฆ่ากันไปเฉยๆก็กลางๆ คนนี้มิจฉาทิฏฐิจริงๆไม่ได้เรื่อง เสียข้าวสุกไม่มีประโยชน์กับอะไรใครเลย อยู่ก็หนักแผ่นดินไปเปล่า คนที่มีความเป็นกลางและมีภูมิปัญญาถึงขั้นเป็นกลางจะเห็นความจริง อะไรดีอะไรไม่ดีอะไรถูกอะไรไม่ถูกตามสมมุติ ส่วนจิตที่ได้เป็นจิตปรมัตถ์ สิ่งที่เป็นสมมุติก็แสดงออกมา ก็จะรู้ได้ตัดสินได้ว่าใครดี แล้วคนที่รู้ดี มีโอกาสหรือต้องพยายามเข้าข้างคนดี ช่วยคนดี สังคมนั้นๆๆๆ จะได้มีมวลที่ดี นำพากันเจริญ จะไปอยู่เฉยๆทำไม คนดีอยู่เปล่าๆว่างๆ ใครจะดีจะชั่ว จะเป็นจะตาย ก็เรื่องของเขา เราก็อยู่ของเราไป กินอาหาร เปลืองพื้นที่ในโลกไปจนถึงวันตาย คนนี้ จะว่าฉลาดมันไม่ฉลาดนะมันโง่จริง เกิดมาไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณค่า ต่อให้คุณฉลาดจริงมีภูมิธรรมรู้อะไรต่ออะไร แต่ไปคิดอย่างนั้นมันเป็นมิจฉาทิฐิอย่างร้าย อาตมาเคยเขียนเรื่องความเป็นกลางตอนไปชุมนุม อุเบกขา มีกัมมัญญาคือ ต้องเข้าข้างคนดี _สู่แดนธรรม… ขอถามว่า ในองค์คุณของอุเบกขา มีความเป็นกลาง แล้วคนมีจิตเป็นกลางรู้ควรว่าจะต้องเข้าข้างคนดีถือว่าเป็น กัมมัญญา ไหมครับ พ่อครูว่า… ใช่ เป็น กัมมัญญา เข้าข้างคนดีคนที่ควร และคำว่าอุเบกขาที่แปลว่าความเป็นกลาง มันมีความหมายลึกซึ้ง อุเบกขา ท่านแจกวิภัตติไว้ว่า อุเบกขามีองค์ธรรม 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อาตมาก็เอามาแยกอธิบาย ปริสุทธาคือ จิตบริสุทธิ์ คนจิตอุเบกขาคือ คนที่หมดกิเลส มีฌาน 4 ฆ่ากิเลสหมดแล้ว และสมบูรณ์ด้วยบุญด้วย สมบูรณ์ด้วยบุญไม่ได้หมายความว่า บุญมีมากนะ บุญทำการฆ่ามือสุดท้าย เป็นมือเพชฌฆาตเด็ดขาด ฆ่าแล้วก็ต้องตาย ตายแล้วก็หมดหน้าที่บุญ คำว่าบุญนี้เข้าใจไม่ได้ง่าย ทุกวันนี้ศาสนาพุทธเสื่อมจากโลกุตระ คำว่าบุญจึงได้ยาก อาตมาก็เห็นใจท่านประยุทธ์ปยุตโตเหมือนกันว่าท่านเข้าใจไม่ได้ ท่านจึงได้กล้าเขียนลงในหนังสือพจนานุกรมของท่านแปล อปุญญะ ว่า บาป ซึ่งมันไม่ได้ มันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มันพังเลยนะ มันวนเวียนกลับมาเป็นบาปอีก บุญทำแล้ว ไม่สมตัวที่จะนิพพาน บุญต้อง มีคุณลักษณะของตนเองที่เข้าขั้นนิพพาน บุญคือผู้ทำความเป็นนิพพานขั้นสุดท้าย มันมีคำว่าส่วนแห่งบุญ ปุญญภาคิยา เป็นส่วนๆ ก็คือฆ่าได้ เป็นส่วนๆ ฆ่ากิเลสใน โสดาบันก็ได้บุญส่วนหนึ่ง ฆ่ากิเลสใน สกิทาฯ อนาคาฯ ก็ได้บุญส่วนหนึ่ง คำว่า ได้ นี้ เป็นสิริมหามายา เสียนี่คือ ได้ ได้ผลแต่ไม่ได้ตัวตน ได้ผลของงาน แต่ไม่มีตัวตน ผลงานสำเร็จเสร็จไป และผลงานที่สำเร็จสูงสุดของศาสนาพุทธคืออะไร คือ 0 ผลงานสำเร็จคืออะไร คือ 0 ทำ 0 ได้สำเร็จ ถ้าคุณต่อ 0 อีกมันก็ไม่ใช่แล้ว 0 ก็ต้อง 0 สิ หมด จบในตัว ไม่มีอะไรอื่นอีก เรียก 0 เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะอธิบายความละเอียดละออของสิ่งที่สุดยอดนี้มันถึงยากอย่างนี้ แต่อาตมาก็ไม่ท้อหรอก อาตมาก็จะพยายามอธิบายไปเรื่อยๆ คนเกิดมาหากไม่ได้โลกุตระ เท่ากับชิงหมาเกิด เมื่อกี้นี้อธิบายว่าต้องไม่เสียชาติเกิด คนที่เกิดมาแล้วเสียชาติเกิด อาตมาเคยอธิบายใช้สำนวนหนักใครจำได้ไหมเอ่ย คนเกิดมาชาติหนึ่งแล้วเสียชาติเกิดนี้เท่ากับ … แต่ก่อนนี้อาตมาใช้ศัพท์หนัก คือ คนที่เกิดมาในชาติหนึ่งไม่ได้โลกุตรธรรม เท่ากับชิงหมาเกิด อาตมาใช้สำนวนขนาดนั้น เกิดมาชาติหนึ่งไม่ได้โลกุตรธรรม เท่ากับเกิดมาชีวิตนี้ ให้หมาตัวใดตัวหนึ่งมาเกิดดีกว่า ให้หมาตัวนั้นมาเกิดแทน ก็น่าจะพอมีภูมิพอฟังรู้เรื่องว่าสิ่งนี้น่าได้น่ามีน่าเป็นน่าเอา แต่นี่ไม่เอาแล้วแถมทำลาย มาตีทิ้งของที่น่าได้นี้ด้วย โลกุตรธรรม ไม่ได้แล้วยังทำร้ายอีกนี้มันเป็นอย่างไรคนนี้ มันน่าจะให้หมาตัวใดตัวหนึ่งมาเกิดแทนดีกว่า ผู้ที่ยังเข้าใจสัจธรรมอันนี้ไม่ได้ เข้าใจว่าสิ่งใดที่ควรได้เกิดมาชาติหนึ่งควรได้อะไร จึงเป็นเรื่องที่โอ้โห สุดยอดจริงๆ และก็เป็นเรื่องที่ควรจะต้องเข้าใจก่อนอื่นด้วยใช่ไหม เพราะว่าไหนๆ เราก็เกิดมาเป็นคนแล้ว โดยเฉพาะ มาพบพระพุทธศาสนา มาพบกลุ่มหมู่ชาวอโศก ถ้าไม่ได้อะไรไป ตายๆๆๆๆ มันจะเสียชาติเกิดขนาดไหน เพราะฉะนั้น คนที่เกิดมาแล้ว สิ่งที่ควรได้คือ “โลกุตรธรรม” ถ้าคุณไม่ได้โลกุตรธรรม คุณก็มี “โลกียธรรม” อย่างดีที่สุดของโลกียธรรม ก็คือ ได้ความดี สะสมความดี ศาสนาพุทธก็ไม่ได้ปฏิเสธมุมนี้ประเด็นนี้ ก็ทำความดีตามสมมุติโลกก็ทำด้วย ทำให้ได้ ก็ทำความดีตามสมมุติโลกก็ทำด้วย ทำให้ได้ ทำอย่างแน่นอนมั่นคงด้วยของพระพุทธเจ้ามีหลักประกันว่า เกิดมากี่ชาติก็ไม่ทำชั่วอีกเลย ทำดีในทุกกรรม สัพพปาปสอกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปกำลังสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) โอวาทปาติโมกข์ 3 ของพระพุทธเจ้า พวกเธอจบกิจแล้ว ไม่ทำบาป ทำใจดีแล้วจิตสะอาด ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดีคือโลกียะเท่านั้น ส่วนทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ อุเบกขา คือทำให้จิตปราศจากกิเลส ล้างกิเลสจากจิต จนสะอาดเรียกว่า จิตปราศจากกิเลสอาสวะสิ้นแล้ว เพื่อความแน่ใจอีกก็ทำให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเรียกว่า ปริโยทาตา ทำให้มากยิ่งขึ้นๆ แล้วก็สั่งสมลงในจิต มุทุภูตธาตุ มุทุภูเต สั่งสมในจิต ทั้ง Static และ Dynamic ทั้งบวกและลบ ทั้งรูปและนามอยู่ใน มุทุแล้วก็เอามาทำงานเอามาใช้จากต้นทุน ต้น สมรรถนะต้นความรู้ความสามารถ ต้นความกรุณาปรานีอะไรก็อยู่ในนี้หมดแล้วเอามาทำ กัมมัญญา เอามาทำการงานอันควรที่เหมาะสมจะทำกับมนุษยชาติ ทำไป จะทำงานอย่างไรก็แล้วแต่ทั้ง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตยิ่งผ่องแผ้ว จิตยิ่งผ่องใส จิตยิ่งประภัสสร ยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นๆๆ ไม่ได้ลดลงเลย มีแต่ก้าวหน้าเรื่อยไป นี่คือคุณสมบัติ 5 ของอุเบกขา เพราะฉะนั้น คนจะเข้าใจเรื่องอุเบกขาได้อย่างชัดเจน อาตมาอธิบายอ้างอิงหลักฐานจากคำตรัสของพระพุทธเจ้าเลยนะ ไม่ได้พูดเอาเองทีเดียว อ้างอิงพระสูตรด้วย อาตมาจำไม่ได้เล่มไหน _สู่แดนธรรม… ใน(ธาตุวิภังคสูตร พตปฎ. เล่ม ๑๔ ข้อ ๖๙๐) พ่อครูว่า… ที่นี่ก็ขยายความ ควรจะได้อะไร ก็คือโลกุตระ ชีวิตนี้ถ้าคุณไม่ได้โลกุตระธรรม คุณก็จะจมอยู่ในโลกียะ แล้วในโลกียะถ้าคุณไม่พากเพียรมากๆจนกระทั่งสะสมสิ่งที่เรียกว่ากุศลหรือคุณงามความดี ให้ได้มากๆจนแข็งแรง ไม่ตกต่ำ อวินิปาตธรรม เลื่อนคุณธรรมจนได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งของเทวนิยม ศาสดานี้ยิ่งใหญ่นะ ยิ่งใหญ่กว่าประธานาธิบดี จะว่าไปแล้วยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อีก กษัตริย์ต้องไหว้เคารพศาสดา เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องมนุษย์ควรได้ เป็นศาสดาได้ก็ทางเทวนิยมเขาก็ต้องทำ แต่ของพระพุทธเจ้านั้นรู้เรื่องของเทวนิยมด้วยแล้วก็สะสมดี ตามที่เทวนิยมเขานิยม เราก็นิยมด้วย แล้วเราก็ทำด้วย ทำได้เท่าเทียมกัน จะว่าไปแล้วยิ่งกว่าก็ยังได้ เพราะมันซ้อนลึก ซ้อนลึก ไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ได้พิเศษคือโลกุตรธรรม มันเป็นหลักประกัน โลกุตรธรรมนี้เป็นหลักประกัน หลักประกันอะไร หลักประกันการเกิดการตาย หลักประกันการเวียนวน หลักประกันการไม่งมงายกับสุขทุกข์ 3 ประเด็น _สู่แดนธรรม… ผม จะเพิ่มข้อที่ 4 ด้วยว่าพ้นภัย พ่อครูว่า… อยู่เหนือการเกิดการตาย จะตายก็ได้ จะเกิดก็ได้ ที่สุดตายอย่างสูญเลยก็ได้ หรือจะอยู่นิรันดรแบบพระอวโลกิเตศวรก็ได้ ก็มีตัวอย่างยืนยันหลักฐานตำนานยืนยัน เหมือนอย่างเจ้าแม่กวนอิมก็เป็นปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวร เป็นเรื่องขยายความขยายผลออกไปอีกเยอะ เพราะฉะนั้นผู้ที่ศึกษาโลกุตรธรรมจะรู้โลกียะกับโลกุตระ อันนี้จะเป็นหลักใหญ่ จะรู้โลกียะกับโลกุตระ เพราะฉะนั้นผู้รู้ที่เป็นอรหันต์ขึ้นไป จึงเป็นผู้ที่รู้โลกียะดี โดยเฉพาะความเป็นโลกียะของตน แล้วอยู่เหนือโลกียะนี้หมดจบ เป็นโลกุตระสมบูรณ์แบบ จึงได้ชื่อว่าเป็นอรหันต์ เป็นอมตะบุคคล แล้วก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรได้ หลักประกันที่ได้แล้วเป็นโลกุตระบุคคล สำเร็จจนเป็นอรหันต์แล้วเสร็จ คุณจะเป็นอมตะบุคคล คุณจะเกิดแล้วเกิดอีก ตายแล้วตายอีก เกิดแล้วเกิดอีก ไปเป็นล้านๆชาติก็เป็นหลักประกัน ว่าคนผู้นี้ไม่ทำชั่วอีก ทำแต่กุศล และจิตก็ไม่มีกิเลสเพิ่ม ตั้งแต่โสดาบัน มีแต่กิเลสจะลดลงๆ จนกระทั่งเป็นอรหันต์ จบแล้วต่อไปกิเลสไม่มีเพิ่ม ไม่มีกิเลสเกิดอีกแล้ว อรหันต์เป็นหลักประกันว่าเกิดอีกก็ไม่มีกิเลส แต่มันจะมีลิงลมอมข้าวพอง ดูเหมือนจะเป็นโลกๆ ดูเหมือนไปทำแบบโลกๆ ไปมีลาภไปมียศ ไปมีสรรเสริญ ไปมีสุข ไปมีกามารมณ์ ไปมีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ที่โลกเขานิยมบ้าง แต่ที่แท้แล้ว ท่านไม่ได้ไปติดไปยึด แต่มันเป็นไปตามโลกเขานำพา หรืออนุโลม ปฏิโลม ไปกับโลกเขาบ้าง ถ้าไม่เช่นนั้นเราก็ไม่มีสิ่งที่จะสัมผัสสัมพันธ์กันได้ คุณก็สูงซะลิ่ว อีกคนหนึ่ง ก็ถ้าไม่หย่อนตัวลงมา จะมาเกี่ยวข้องกันให้มีภูมิพอจะพูดกันได้เป็นระยะ แล้วตัวเองก็ทำอย่างจริงใจ ไม่ใช่นักเสแสร้ง อาตมาเคยอธิบายเหมือนกับแม่เลี้ยงลูก เล่นหม้อข้าวหม้อแกง แม่ก็มาเล่นกับลูกเล่นกันสนุก ลูกก็สนุก หรือเหมือนแม่ครัวปรุงอาหารให้คนกิน คนก็อร่อย แต่แม่ครัวก็บอกว่ากินเข้าไปได้ ตัวเองกินไปอีกอย่าง อย่างนี้เป็นต้น ทำให้ผู้อื่นแต่ตนเองไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก นี่ก็เป็นสัจธรรม แล้วส่วนใหญ่จมอยู่กับอะไร จมอยู่กับโลกธรรม ติดสุข จมแต่ความสุข ไม่เรียนรู้ทุกข์ ไม่ระแวงระไวเรื่องทุกข์ เรื่องเหตุแห่งทุกข์ ไม่คิดอ่านจะมาฆ่าความทุกข์หรือฆ่าเหตุแห่งทุกข์ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ไปดับต้นเหตุแห่งสิ่งที่พาวน ไม่ดับเหตุ แห่งสิ่งที่พาวนเวียน คำว่า ความวนเวียนนี่แหละ ภาษาบาลีว่า “โลก” โลกกลม หมุนวน วนเวียนนี่แหละ วัฏฏะ แล้ววนเวียน ที่ไม่มีโลกุตรธรรมนั้นไม่เที่ยง สูงแล้วก็ลงต่ำได้ ต่ำแล้วก็ขึ้นสูง สูงแล้วก็ลงต่ำวนเวียนมานับชาติ จนกว่าจะมาเข้าใจโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า จึงจะทำให้สูงแล้วไม่ลงต่ำ แม้แต่สมมติสัจจะแม้แต่ความดีก็ไม่ตกต่ำ ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา อวินิปาตธรรม จนถึงนิยตะเที่ยง จนถึง สัมโพธิปรายนะ มีแต่สูงที่สุดถ่ายเดี่ยว เพราะฉะนั้นคุณธรรมต่างๆพวกนี้เป็นโลกุตระ ที่เป็นสิ่งที่คนควรได้ แล้วก็เห็นคู่เทียบว่าส่วนใหญ่แล้วยังจมอยู่กับสิ่งที่เป็นโลกียะ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าเกิดมาเพื่ออะไร ถ้าโลกุตระ เกิดมาเพื่อเอาโลกุตระ ถ้าคนที่เข้าใจแล้วมีปัญญารู้ว่า สิ่งนี้ควรได้ควรเป็นควรมี ชีวิตควรเอาอย่างนี้ จะเกิดอีกกี่ชาติ มีหลักประกันจะได้อย่างนั้น ทางโลกียะไม่ยาก ได้อันนี้แล้วโลกียะไม่ยาก นอกจากไม่ยากแล้วคุณจะมีบารมีกุศล คุณจะอยากได้โลกียะอย่างที่โลกโลกียะเขาได้ง่ายขึ้น ตามบารมี คุณมีบารมีมากขึ้นจะเอาโลกียะเป็นกุศลเท่าไหร่เท่าไหร่ ก็ตามฐานะของคุณได้ เพราะกรรมวิบากเป็นของของตน คุณทำมาแล้วมันต้องมีอยู่แล้ว มันต้องเป็นของตนแล้ว เป็นมรดกของคุณด้วยนะ คุณจะเบิกเท่าไหร่ก็ได้มันอยู่ในธนาคาร ฟังเข้าใจลึกซึ้งขึ้นไหม กุศลนี่มันเป็นของไม่หมด แต่สั่งสมใส่ธนาคาร เป็นกัมมทายาโท เป็นมรดกของเรา ใครแย่งไม่ได้นะ ถ้าไม่เบิกก็อยู่ในธนาคาร ถ้าเราปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ยกเลิก สัจธรรมของพระพุทธเจ้ามันเป็นเช่นนี้สุดยอด เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าเราจะเป็นหนี้ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไปเอาของใครมา เราไม่ต้องกลัวว่าจะไปเบียดเบียนคนอื่น ไม่ทั้งนั้นเลย จึงเป็นคนปลอดภัยที่ยิ่งๆ เลย นอกจากคนตามืดตาบอดเท่านั้นมาทำลาย แต่มีบารมี บารมีสูงขึ้น เป็นระดับที่ อาตมาไม่อยากจะพูดตัวเอง อย่างพระพุทธเจ้านี้ไม่มีอะไรมาทำลายได้ คนจะมาฆ่าแกงจะมาทำได้ อย่างเก่งสุดเก่งอย่างเช่นพระเทวทัต ก็แค่ทำให้พระบาทห้อเลือด ต่ำที่สุดเลย ทำลายได้แค่แตะพระบาท ทำให้พระบาทห้อเลือดได้เท่านั้น สูงสุด ไม่ระคายอะไรอย่างอื่น แต่อาตมาชาตินี้ต้องไปเจอแก๊สน้ำตา โอ้โห ถือว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิต มันแสบหน้า นอกนั้นอาตมาไม่เคยถูกเตะ ถูกถีบ ถูกตบ ถูกอะไรจากใครๆ ไม่เคย แม้แต่แม่อาตมาเคยตีอาตมา หนึ่งครั้งในชีวิตไม่รู้เรื่องอะไรเขา ไม่ชอบใจ แต่แม่ตีอาตมาไม่ได้ตีแรง เอาไม้บรรทัดตีแขน แล้วก็ร้องไห้ ตีอาตมาแล้วแม่ก็ร้องไห้ แม่เป็นคนเกรงใจอาตมามาก เพราะอาตมามันเหมือนเด็กที่ เลี้ยงตัวเอง พึ่งตัวเองทำงานอะไรสารพัด แม่ไม่ต้องห่วง ทำไป เป็นกุลีไปรับแข็งหลอดของแกวเขามาขาย ถือว่าเป็นคนอพยพ หนีสงครามมาอยู่ในเมืองไทยก็มาทำอาชีพเลี้ยงตัวเองไปขายก๋วยจั๊บ ขายน้ำแข็งหลอด อาตมาก็ไปขายกับเด็กแกวเด็กญวน หิ้วกระติก เป็นคนไทยหรือลูกคนไทย แล้วเราร้องเป็นกลอนด้วยก็ขายดี เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ในชีวิตที่อาตมามีผ่านมาแล้ว พูดทวนแล้ว จะเป็นการยกย่องตัวเอง แต่เป็นการไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยหลงเลอะเทอะไปทางโลก โลก มันยั่วยวนให้อยากเป็นพระเอก อยากเป็นนักร้องดัง อยากจะรวย ได้รับความนับถือ สำนวนพระไตรปิฎกจะบอกว่า เป็นผู้ที่เก่งผู้ที่วิเศษ ก็ไปกับโลกเขาบ้าง แต่ไม่ทันไรก็รู้แล้วไม่เอา แม้แต่ไสยศาสตร์ก็ไม่อยากไปเก่งกับเขา วิทยาศาสตร์ก็ไปสะกดจิต แต่ทางวิศวกรรมศาสตร์อะไรอาตมาไม่ไปทางนั้น ขันน็อตก็ยังไม่ได้สำเร็จ ตอกตะปูก็ตอกแล้วรับรองมันงอทุกตัว คนอื่นทำไมมันออกแล้วจมมิด อาตมาทำไมตอกแล้วมันโค้งงอ ไม่เอาดีกว่า ไม่มีฝีมือเลยทางโน้น เลิกเลย สมณะเดินดิน… สรุปจบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin11 พฤศจิกายน 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:651109 ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯNextNext post:651114 รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบอาจารย์หมอเขียวและทีมงานแพทย์วิถีธรรม Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024