651107 พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1njF0olfqv6IBOOQt2acxi01uj3PS4TehZ_X7KxwlsrU/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1JkayYitXHPhUmivBCisUgZR0GFCSVG75/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ และ https://fb.watch/gEJVcwMAfM/ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ ตอน 1 พ่อครูว่า… เจริญธรรม วันนี้ก็วันสำคัญคือวันที่ 7 ตรงกับวันจันทร์ เราเอาเลข 7 เป็นเลขกำหนด เลข 7 คือวันบวช ของหลวงปู่ บวชมาแล้ว 52 ปี ปีนี้ปีที่ 53 ขึ้นเลข 7 วันที่ 7 ก็เป็นวันแรก คือวันบวชวันนี้ 7 พฤศจิกายน 2513 บวชมาแล้ว ปีนี้ 2565 13 – 65 ก็เหลือ 52 ก็เต็ม 52 ขึ้น 53 วันที่ 7 ครบรอบวันเกิดของการบวช ก็เป็นการเกิดใหม่อีกชนิดหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงความเกิด 2 ชนิดที่เรียกว่า ทวิชาติ เกิดอย่างที่เป็นรูปร่างกายสรีระออกมาจากท้องพ่อท้องแม่นั้นอย่างหนึ่ง แล้วมาเกิดทางจิตวิญญาณ ได้รับการคลอดจากภาวะ 2 ภาวะ 2 ที่ถ้าเป็นตัวตนบุคคลก็ถือว่าพระพุทธเจ้ากับธรรมวินัย 2 อย่าง ทำให้มีการเกิดมา ถ้าเผื่อว่าเอาเป็นปรมัตถ์นามธรรมทำให้เราเกิด ก็คือ ศีลกับปัญญา ทำให้เราเกิด เมื่อเราเกิดมาได้ทั้ง 2 ชนิด ก็สมบูรณ์แบบ ถ้าได้เกิดแค่ร่างกาย สรีระเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้เกิดทางจิต ศีลก็ไม่มี ปัญญาก็ไม่มี จะมาร่วมช่วยกันให้เกิดก็ไม่มีพ่อมีแม่ ศีลเป็นแม่ ปัญญาเป็นพ่อ อย่างนี้เป็นต้น ก็ไม่ได้เกิด เพราะฉะนั้น ชีวิตของจิตวิญญาณเรียกว่าสัตว์โอปปาติกะ ใน สัมมาทิฏฐิ 10 ข้อ พ่อมี แม่มี สัตว์โอปปาติกะมี ก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้ ถ้าอธิบายเรื่องสัตว์ทางจิตวิญญาณก็เป็นสัตตาวาส 9 เป็นสัตว์ ไม่ได้เกิดมาเป็นอาริยะ ไม่ได้เกิดมาเป็นคน เป็นมนุสโส เป็นผู้ที่มีจิตสูงจิตฉลาด จนกระทั่งบรรลุสูงสุดในความเป็น มนุสโส มีอุตริมนุสธรรม มีธรรมะอันวิเศษ สามารถรู้ความจริงแจ่มแจ้งในจิตเจตสิกรูปนิพพาน รู้ได้ครบบริบูรณ์ มีนิพพานเป็นอรหันต์ ก็ยังไม่ได้เกิดทางจิตวิญญาณกันบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องการเกิด 2 ชนิดที่เรียกว่าทวิชาติ ทวิแปลว่าสอง เทวะ 2 ชนิด คำว่าเทวะ จึงเป็นคำที่หยิบออกมาเพื่อที่จะสมมุติ เป็นบัญญัติที่ทำให้เข้าใจสภาพทุกอย่าง อาตมามาถึงวันนี้แล้วเห็นคำว่า เทวะ พยัญชนะคำนี้ มันกินความถึงสภาพคู่ สภาพ 2 ภาวะ 2 ทั้งใดทั้งสิ้น ทั้งใดทั้งหมด แล้วก็เอามาเทียบกัน แล้วเอาอันใดเป็นเอกอันใด เป็นรองมาเทียบกันทุกคู่ ตั้งแต่หยาบที่สุด ต่ำที่สุด หรือเลวที่สุด เทียบกับเลวรองลงมา เราก็ต้องมาเป็นรองให้ได้ เลวที่สุดไม่เอา มาเป็นรองให้ได้ และก็ได้แล้วก็เทียบกับตัวใหม่อีก ตัวที่จะเลว น้อยลงไปอีกรองลงไปอีก หาให้เจอ เกิดจากพฤติกรรมอย่างไร เกิดจากพฤติกรรมทางกาย พฤติกรรมทางจิตอย่างไร ที่มันจะเป็นทิศทางที่มันจะปรุงแต่งกันอยู่ แล้วมันจะเจริญ หาตัวที่เลวรองลงมา เลวรองมา เลวรองมาได้เรื่อยๆได้ จนกระทั่งไม่มีตัวที่จะรองแล้ว ไม่มีตัวที่จะเลวต่อไปอีกแล้ว สุดจบ เป็นเอกแล้ว หาตัวรองอีกไม่ได้แล้ว ถ้าในมวลมนุษยชาติด้วยกัน ก็จะเป็นคนที่เป็นเอก หาคนเป็นรองได้เยอะ จนกระทั่งเหนือชั้นกว่าความเป็นรองสูงขึ้น ไกลขึ้น ทิ้งช่องว่างมากขึ้นไกลขึ้น อย่างพระพุทธเจ้า เป็นเอกชนิดที่ สูงขึ้นสูงขึ้น จนกระทั่งไม่มีใครไล่ทัน ไม่มีใครไล่ติด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ในช่วงกาละยุคที่จะมีคนทำตนให้เป็นเอก ให้เจริญสูงสุดจนเป็นหนึ่ง จนกระทั่งคนที่จะตามนี้ ตามไม่ทันได้ง่ายๆ ทั้งใช้เวลา ทั้งใช้สภาวธรรมแต่ละคนที่จะเกิดจะเป็นอารยธรรมของตนเองได้ ก็ไม่ตามทันได้ง่าย เพราะฉะนั้น คำตรัสของพระพุทธเจ้าจึงบอกว่า พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้ว ไม่มีใครในยุคเดียวกัน ไม่มีใครสามารถเข้ามาเป็นเอกทันพระพุทธเจ้าได้ หรือแม้แต่ในระยะใกล้ ก็ยังไม่ใกล้ ผู้เป็นรองจริงๆยังไปไกลอีกมาก สำหรับพระพุทธเจ้า อาตมาบำเพ็ญธรรมมาหลายล้านชาติ จนกระทั่งมาถึงยุคนี้ ปางนี้ เป็นสมณะโพธิรักษ์ ก็รู้ตนเองได้ว่า อ้อ…ตนเองนี้คือใคร รู้ตนเองได้เมื่ออายุ 36 ไปหลงลิงลมอมข้าวพองอยู่กับโลกไปตั้ง 36 ปี จะเก่งอย่างโลกๆเขา จะต้องหาเงินได้มาก จะต้องมีอำนาจ จะต้องมีความเด่นความดังความโด่งอะไรต่างๆแบบโลกีย์เขา หลงไปตามโลกีย์เขา อิทธิพลของโลกีย์เขาครอบงำ เราก็หลงไปอยู่เป็นชาวโลกีย์กับเขา เสียเวลาอยู่ 36 ปี สามนักษัตร เลข 36 นี้ก็เป็นเลขลงตัวแล้ว 12 12 12 ซึ่งยังจะไม่ขยายความ จนกระทั่งออกมาบวชตอนอายุ 36 วันที่ 7 พฤศจิกายน 2513 บวชมาถึงวันนี้ได้ 52 ปี 52 ปีนี้ก็ผ่าน 36 มา 16 ปี ก็หนึ่งนักษัตร อาตมาก็พยายามใช้ความรู้ตามธรรมะพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้ยืนอยู่ทรงอยู่ ยังไม่ตาย ยังไม่มีชีวิตทรุดโทรมจนกระทั่งทำงานไม่ได้ งอกแงก จนกระทั่งดีไม่ดีติดเตียงเลย ยังไม่ถึงขนาดนั้น อายุขัยขนาดนี้ 89 กำลังย่างเข้า 89 ปี ผ่านเดือนที่ 5 มาแล้ว 2 วัน ก็ยังจะพยายามลากขันธ์ต่อไปอีก ยังเห็นความลึกซึ้ง ความละเอียดละออ ความวิจิตรพิสดารของธรรมะพระพุทธเจ้า โอ้โห…มันขึ้นมาไม่ได้หยุดหย่อนเลย แต่ละวัน แต่ละคืน ถ้าอยู่คนเดียว หรือนอนหลับ แต่ยังไม่หลับ หลับตาแต่ยังไม่หลับ มันก็จะคิด คิดโดยมีสัญญาตื่น สัญญาของเราที่ยังไม่ตกภาวะภวังค์หลับ เราก็จะคิดไป ไอ้ความคิดที่คิดไม่มีอะไรเลย มีแต่ระลึกถึงความละเอียดละออของสภาวะ 2 ของธรรมะพระพุทธเจ้า โอ้หนอ …. โอ้โห เห็นความสำคัญตัวหนึ่งคือ ชีวิต ตั้งแต่อาตมาเป็นฆราวาส ก็ได้ผ่านมาบ้าง มีวิบากของชีวิตที่อดอยาก อดอยากจนกระทั่ง อดข้าว หิวข้าว ต้องการกินข้าว ไม่มีที่จะกิน มีเงินอยู่ในกระเป๋า 15 สตางค์ ถ้าขึ้นรถรางก็ 5 สตางค์ 15 สตางค์นี้ถ้าขึ้นไปกลับแล้วก็ 10 สตางค์แล้วเหลือ 5 สตางค์ นึกถึงว่าจะไปหากินข้าวที่ไหน นึกถึงลุงเพ็ญ ปัญญาพล กับป้าศรี ปัญญาพล ที่พากย์หนังแขกโรงหนังเท็กซัส ดัง ลุงเพ็ญกับป้าศรี พากย์หนังแขกดังที่แท็กซัสประจำเลย เราก็รู้จัก เพราะว่าเป็นแม่ของเพื่อนคนหนึ่งชื่อวัลลภ วิชชุกร เป็นนักร้อง เป็นพระเอกหนัง แต่มันไม่ค่อยโต มันเตี้ยหน่อยแต่หล่อ ได้เป็นพระเอกหนังอยู่เรื่องเดียวมั้ง ก็ร้องเพลงหากินจนกระทั่งสุดท้ายก็เสียชีวิตไปแล้ว เปิดเผยนิดหน่อยก็ได้ว่า เป็นสามีคนแรกของผ่องศรี วรนุช เจ้าออดนี่ ชื่อเล่นของเขา ชื่อจริงชื่อวัลลภ วิชชุกร ก็มาในสายเพลง เจอกันกับสุเทพ วงศ์กำแหงกับอาตมา ก็บอกว่า เราตั้งวงดนตรีกันเถอะชื่อวงดนตรีว่า เทพวิชชุ มีชื่อสุเทพ นามสกุลวิชชุกร เอามาตั้งชื่อวงดนตรี ตอนนั้นสถานีวิทยุก็มีที่ 1 ปณ. 2.กรมประชาสัมพันธ์ (คอนนั้นเขาเรียก กรมโฆษณาการ) 3. รักษาดินแดนของทหาร ตั้งอยู่ที่ธรรมศาสตร์ อาศัยตึกธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำ อาตมาก็สนิทกับ 1 ปณ.กับรักษาดินแดน กรมประชาสัมพันธ์ไม่สนิทเพราะเขาเป็นราชการที่แข็ง เขาเป็นเจ้าแห่งกรมโฆษณาการ อย่าง 1 ปณ. อาตมาสนิทกับหัวหน้าสถานีเลยชื่อ ลุงเสงี่ยม ตาบอดข้างหนึ่ง สนิทแล้วก็ทำละครวิทยุ ตั้งแต่เด็กนะ อายุยังไม่ถึง 20 อาตมาอายุยังไม่ถึง 20 _สู่แดนธรรม… พ่อท่านชงประเด็น … ตอนหิวข้าว พ่อท่าน เห็นความสำคัญของชีวิต 15 สตางค์เป็นอย่างไรต่อครับ พ่อครูว่า… มันเยอะ ตอบประเด็นไหนก็พูดไปได้ อาตมาก็นึกถึงลุงเพ็ญ ปัญญาพล ป้าศรี ปัญญาพล อยู่ถนนสุโขทัย อาตมาพักอยู่แม้นศรี ซอยแม้นศรี 2 บ้านเพื่อน เขาให้ที่นอนกับน้ำประปา นอกนั้นไม่มีอะไร อาตมากะเลย เก็งเวลาอาหารของเขา ไปให้ถึงพอดีเลย เขากำลังกินข้าวเลย มีโอกาสเขาจะได้เชิญ จะได้ชวนกินข้าวมากินข้าวกัน ตอนนั้นไม่มีใครรู้ชื่ออาตมาหรอก รู้แต่ว่าชื่อแป๊ก เพราะอาตมาเปิดเผยแต่ชื่อแป๊ก เป็นยังไงไม่รู้ตอนนั้นไม่อยากเปิดเผยชื่อจริง ตอนนั้นยังไม่ได้ชื่อรัก รักพงษ์ ก็ยังชื่อมงคลอยู่ พอไปถึง แหม.. ตรงพอดีเลย เขากำลังกินข้าวกัน เขาก็ชวน แป๊กมากินข้าว มันเกิด Conflict มันยังไงไม่รู้ อายเหนียม ไม่กล้าเข้าไปกิน ทั้งๆที่หิวนะ เจ้าประคุณเอ๋ย ก็เลยลาเขาออกมาด้วยท้องหิวๆ ขึ้นรถรางกลับมาถึงบ้านเพื่อน บ้านของพี่สาวชื่อสายหยุด ก็พักอยู่บ้านนั้น มีแต่ที่นอนกับน้ำประปา ไปถึงก็ต้องซัดน้ำประปาเลยแล้วก็นอน วันนั้นก็ได้ซดน้ำประปาแทนข้าว _สู่แดนธรรม… พ่อท่านว่า ได้พิจารณาความละเอียดพิสดารในธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นธรรมะ 2 และพ่อท่านมาต่อเรื่องนี้ พ่อท่านจะสื่ออะไรครับ พ่อครูว่า… ก็จะสื่อให้เห็นว่า วิบากของคน อย่างวิบากของอาตมา มันมีชาตินี้ปางนี้ มันน่าจะอุดมสมบูรณ์ มันไม่น่าจะอดอยาก แต่มันก็ต้องผ่านวิบาก มาเล่นงานกับเราได้ เหมือนพระพุทธเจ้าต้องมาเจอกับพระเทวทัต มาเจอกับช้างนาฬาคีรี มีพระปัญจวัคคีย์มารวนบ้าง มันเป็นสภาวะ 2 เพราะฉะนั้นในความหมายของสภาวะ 2 ความเจริญสุดขีดขนาดไหนก็ต้องมีสภาวะสิ่งที่คานเราอยู่ ต้านเราอยู่ ถ้าใครมีมิจฉาทิฏฐิว่า ฉันจะต้องเป็นเอกไม่มีรอง ใครจะต้านเราไม่ได้ ฉันจะต้องเป็นใหญ่ คนนั้นจอมมิจฉาทิฏฐิในโลก ต้องให้มีตัวต้านตัวค้านเอาไว้ อาตมาเคยสรุปให้พวกเราฟังว่า ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ แล้วมันมีตัวเอกตัวรอง ถ้ายิ่งตัวเอกกับตัวรองนี้ มีความเก่งใกล้กันเท่าใด ตัวเอกยิ่งเด่น ถ้าตัวเอก ตัวรองนี้ห่างมากเลย ฝีมือไกลเลย ตัวเอกจะเด่นไหม …ไม่เด่น เพราะฉะนั้น อย่ากลัวอุปสรรค อย่ากลัวการต้าน อุปสรรค คือ สิ่งที่ทำให้เราเจริญ พยัญชนะ อุปะ กับ สัคคะ แปลว่าใกล้สวรรค์ สัคคะคือสวรรค์ อุปะคือใกล้ ผู้มีอุปสรรคคือผู้เข้าใกล้สวรรค์แล้ว จำไว้เด็กๆทั้งหลายอย่าไปกลัวอุปสรรค แต่อย่าห่าม แรงเกินตัว ตาย ตายอย่างเขียดเหยียดขาตาย ต้องประมาณให้ดีว่า อุปสรรคนี้ขนาดนี้กำลังดี ประมาณตนนะ อย่าอวดเก่งเกิน ตาย มันเกินไป แล้วสิ่งที่เป็นปุถุชนหรือสิ่งที่เป็นคนโลก เขาไม่ปราณี เขาเอาตายจริงๆ เขาไม่มีเมตตาปราณี เขาเอาตาย ก็ต้องระมัดระวัง คำว่า รอง จึงมีความหมายว่า คุณต้องรู้ตัวเองว่า ทำตัวเองให้เป็นรองในขนาดที่พอเหมาะที่สุด อาตมา ที่ตั้งชื่อว่า “เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรอง ต้องอุตสาหะ” เพราะอาตมาไม่ได้หลงตัวเองว่าตัวเองเป็นเอก แล้วความจริงก็ไม่มีใครเห็นว่า อาตมาเป็นเอก มีชาวอโศกที่เห็นว่าอาตมาเป็นเอก ใช่ไหมนี่ อาตมาขี้ตู่หรือเปล่า…ไม่ใช่ ต้องใช่ อาตมาว่า อาตมาคงไม่เหลงเลอะเกินไป ยกให้อาตมาเป็นเอก จนกระทั่งบอกว่าเคารพสุดเศียรสุดเกล้าต่างๆนาๆอย่างที่เคยพูดผ่านมาแล้ว ที่จริงนั้นอาตมาเป็นเอกในกลุ่มรอง ซับซ้อนนะ เพราะฉะนั้น 53 ปีทำงานศาสนามา ก็ยังเป็นรอง เพราะฉะนั้นจึงต้องอุตสาหะอยู่ ต้องพยายามทำงานให้ดี ขวนขวาย พากเพียร เท่าที่สังขารเรี่ยวแรงที่จะให้ จะมี ถ้าเราเอง เรามีความพากเพียรอุตสาหะ ให้พอเหมาะพอดี เรี่ยวแรงจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราทำย่อหย่อน ทำไม่ค่อยขยันอุตสาหะ ไม่ค่อยพากเพียร ความเสื่อม ชรตา จะมากินตัว แต่ถ้าเราพากเพียร พลังงานจิตที่เป็นพลังงานสัมประสิทธิ์ ซึ่งเป็นศัพท์วิชาการนะเด็กๆ พลังงานของ efficient พลังงานที่เป็นพลังงานในระดับคูณขึ้นไป หายกกำลัง เรียกว่า พลังงาน อัตราเพิ่ม เป็นปฏิภาคทวี สูงขึ้นไปถึงระดับคูณ ในระดับบวก ก็ยังไม่ค่อยเชื่อได้ ต้องระดับคูณ ถึงจะเชื่อได้ว่า เป็นพลังงานกล้า ยิ่งระดับยกกำลัง ยิ่งเชื่อได้เด็ดขาดเลยว่า จะเป็นพลังงานที่พาให้เราก้าวไปข้างหน้า อธิบายลักษณะของพลังงานในการสร้างพลังงาน คือสร้างพลังงานจิต แล้วจะเกิดพลังงานจิตได้ก็ต้องประกอบไปด้วย ขันธ์ ตั้งแต่รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์ จนเป็นวิญญาณขันธ์ วิญญาณเป็นองค์รวมของพลังงาน เวทนา สัญญา สังขารเป็นพลังงานของจิต อาศัยโครงสร้างของรูป เวทนา สัญญา สังขาร 3 เส้า พลังงานทำงานเป็นcyclic order ที่สำคัญ เวทนาเป็นตัวรู้แรก สังขารเป็นตัวปรุงเป็นองค์รวม สัญญาเป็นตัวกำหนดรู้ทั้ง 2 ตัว ทั้ง กำหนดรู้เวทนา กำหนดรู้สังขาร เสร็จแล้วก็ต้องจัดการ จัดการเรียกว่า อภิสังขาร จัดการอย่างยิ่ง จัดการอย่างมีภูมิปัญญา จัดการอย่างมีประสิทธิภาพ อภิสังขาร ตัวที่จะทำให้เกิดพัฒนาการได้ก็คือต้องรู้ตัวที่มันฉุด ตัวที่มันฉุดไม่ให้เจริญไม่ให้ก้าวหน้า คือตัวกิเลส เรียกโดยศัพท์วิชาการ หรือเรียกมันโดยศัพท์ลึกว่า กลิ ตัวเป็นโทษ มันเป็นตัวโทษตัวภัย ก็ต้องเรียนรู้ตัวนี้ ตั้งแต่มันเป็นพลังงาน เป็นอาการ ตั้งแต่มันทำจากหยาบ ข้างนอกเรียกว่า กาย คือ กายกลิ มันทำให้กายเราเคลื่อนไปได้ การที่คนพัฒนาการทางจิต สัญญาก็ดี สังขารก็ดี ตัวที่กำหนดรู้กับตัวที่มันปรุงแต่งกันขึ้น จิตของเราทั้งนั้น เรารู้ตัวที่กำหนดรู้กับตัวที่มันปรุงแต่งกันขึ้นจิตของเราทั้งนั้น เราดูอาการของสัญญาทำงานอย่างนี้อาการของสังขารทำอย่างนี้ เรารู้นิมิตความแตกต่างระหว่างสัญญากับสังขารอย่างไร สัญญาเป็นทั้งตัวกำหนด สั่งการ ทั้งใส่คลังเอาไว้เรียกว่า ความจำ สัญญานี้มี 2 สภาวะสุดท้าย เทวะเป็นตัวสุดท้าย สัญญาคือ ความจำกับตัวกำหนดรู้กำหนดทำงาน มันมากำหนดก็รู้ตัว กลิ ทางกายภายนอก เริ่มต้นปรุงแต่งกับภายนอก เราก็ประมาณเอา ขนาดกายเราสัมผัสสัมผัสแค่ไหนกับอะไร ถ้าทำเป็นเรื่องๆได้ก็ยิ่งดี พระพุทธเจ้ากำหนดเรื่องเกี่ยวกับคนหรือเกี่ยวกับสัตว์ สัตว์คน สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง เดรัจฉานอย่าไปสู้ ไปเกี่ยวข้อง อย่าไปทำลาย อย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน มันก็เป็นวิบากของมัน คนก็มีวิบากกรรมกับเรา เกี่ยวกับคนนี้ก็พอแล้ว นี่ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ มาจัดการตัว 1. ตัวที่เป็นตัวต้านอย่างแรง ทำให้เราไม่ก้าวหน้า เราก็ต้องเก่งที่จะต้องพยายาม 1. หลีกให้พ้นไม่ให้เขาทำร้ายเราได้ 2. เผชิญโดยที่เรียกว่า ลึกซึ้งนะ เผชิญอย่างไม่ไปทำร้ายเขา แต่ให้เขาทำร้ายเราไม่ได้ ต้องอย่างนี้ เหมือนกันกับเราไม่ให้เด็กทำร้ายเราได้ เราก็มีแรงพอจับหัวไว้เลย แขนของเด็กมันสั้นชกเราไม่ถึงแขนเรายาวกว่า ชกไม่ถึงเราหรอก จับหัวไว้เลย อย่างอาตมาจะจับหัว เจ้าปุณย์ จะชกอย่างไรก็ไม่ถึงเรา ยกเป็นรูปธรรมให้ฟัง นั่นคือมีอำนาจแล้ว เราจะเห็นว่า เขาเองเขาไม่รู้ว่า เขาไม่ควรจะทำร้ายเรา ไม่ควรจะทำลายเรา เขาควรจะพึ่งพาเราด้วยซ้ำไป แต่เขาไม่รู้ ในความรู้พวกนี้ที่อาตมาอธิบายไปพูดไปนี้ จิตของผู้ที่เหนือ แม้จะมีผู้ทำลายเรา เราก็ไม่ไปทำลายเขาอย่างที่อธิบายไปแล้ว และต้องการจะให้เขาเจริญขึ้นด้วย ให้รู้สิ่งที่ควร สิ่งที่ดีจริงๆ สิ่งที่ควรแท้ๆ สิ่งที่เขาควรจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นอย่างที่ดี จะทำอย่างไรให้เขารู้และให้เขาเชื่อ เห็นจริง ทำตาม แล้วเขาเจริญขึ้นได้ นี่เป็นความซับซ้อนของการสร้างคน อธิบายยาวๆยืดๆยาดๆ เป็นอย่างนี้ รวมแล้วอาตมาก็เอาทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามา ศีล สมาธิ ปัญญา กระจายออกไปเป็น จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นปัญญากับจรณะ วิชชากับปัญญา พฤติกรรมต่างๆคือ จรณะ ซึ่งจะขยายจรณะ 15 มันจะเป็นวิชาการที่แข็งเกินไป แต่ต้องอธิบายแน่ๆ เพราะว่าเป็นความสำคัญ เป็นพุทธคุณของพระพุทธเจ้า หากไม่รู้พุทธคุณของพระพุทธเจ้า ชีวิตก็เจ๊ง _สู่แดนธรรม… พ่อท่านต้องการสื่อเรื่องความอุตสาหะจากความเป็นรอง ลูกๆมองว่าพ่อท่านระดับ7 ระดับ 8 ลูกๆจะมองพ่อท่านยิ่งใหญ่ พ่อครูว่า… ก็พยายามไม่พูดระดับ 8 เดี๋ยวมันจะหนักต้องพูดแค่ระดับ 7 6 5 ลงมา อย่าไปหลงตัวเองว่าใหญ่ แม้คุณจะใหญ่จริง คุณให้คนอื่นเขายกคุณเป็นใหญ่ แล้วเขายกนี่ มันจะมี 2 อย่าง ยกอย่างหลอก อย่างป้อยอ อย่างไม่จริงใจ ยกเพื่อที่จะแบบโลกียะ จะได้อะไรจากผู้ที่ยก แต่ผู้ที่จริงใจ อยากได้เหมือนกัน อยากได้จากผู้ที่เรายกย่องเชิดชู ท่านมีสิ่งที่สูง ที่ดี ที่เราควรจะได้ มันก็อีกอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องจริงใจของผู้ที่มีปัญญา ผู้ไม่มีปัญญาก็ไม่รู้ความจริงว่า สิ่งที่ดีจริงๆคืออะไร สิ่งที่ดีจริงๆคือ คุณวิเศษหรืออุตริมนุสธรรมหรือโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า นี่แหละ อาตมาใช้คำว่า เป็นรอง ในโลกขณะนี้ ในกาละนี้ ปัจจุบันขณะนี้ อโศกก็เป็นรองเถรสมาคมแน่นอน ยกเป็นรูปธรรมให้ฟัง แล้วเราไม่อหังการจะเป็นใหญ่เหนือกว่า อาตมาไม่เคยคิดอหังการที่จะไปเป็นใหญ่กว่ามหาเถรสมาคม ไม่เคยคิด เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่คิด เคยเทศน์ไปแล้วเรื่องนี้ สมมุติทางเถรสมาคมจะบอกว่า เอ้า โพธิรักษ์ ไปเป็นสังฆราช อาตมาเคยพูดไว้ว่าอย่างไรก็ไม่เป็น แม้จะมานิมนต์แม้จะเชิญไปเป็นก็ตาม จิตลึกๆ อาตมาไม่บังอาจ รู้ตัวเองว่าไม่บังอาจไปหรือไม่สามารถที่จะบริหารสังคมพุทธศาสนา หรือสังคมพุทธศาสนิกชนที่มันเละขนาดนี้ได้ อาตมาประมาณตน อาตมาก็ขอชมเชยเถรสมาคมที่สามารถทำให้พวกนี้ มันไม่ตามไปฆ่าแกงหรือเรรวนหนักไป ถือว่า สงบนะสังคมสงฆ์ในเมืองไทย แม้แต่เทียบกับพม่าก็ถือว่าแย่กว่าเราเยอะเลย อย่างนี้เป็นต้น เมืองไทยนี้ถือว่า สงบในเรื่องศาสนา มีภาวะซ้อน สงบเพราะอะไร สงบเพราะมีแกนรากของโลกุตระ ความซับซ้อนของโลกุตระ ฆราวาสใหญ่กว่าพระหรือพระใหญ่กว่าฆราวาส _สู่แดนธรรม… พระใหญ่กว่า พ่อครูว่า… แล้วใครเป็นคนตั้งสังฆราช พระหรือฆราวาส … ฆราวาส _สู่แดนธรรม… คนเสนอก็เป็นพระก่อน แล้วผู้ที่ลงพระนามก็คือ กษัตริย์ ฆราวาส พ่อครูว่า… ไม่แน่หรอก หากในหลวง จะเอาคนนี้ คนนี้ ขณะนี้มีสภาพนั้น ยืนยัน ในหลวงจะเอาคนไหนเป็นสังฆราช พระก็เงียบ พระก็ไม่กล้า เห็นไหมนี่ สัจจะซ้อนอยู่ในสัจจะ เพราะฉะนั้น ความจริงแล้วมันมีภาวะ ที่ภาวะซ้อน ในปัจจุบันนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ปล่อยให้พระภิกษุ ให้สมณะท่านจัดการกันเอง พอมาถึง ร.10 ท่านจัดการสมณะเลย สิ่งเหล่านี้เป็น อจินไตย อาตมาเห็นเลย สังคมจะเรียบร้อยหรือไม่เรียบร้อย จะควรหรือไม่ควร ที่พูดไปนี้พระพุทธเจ้าก็เกิดเหตุการณ์นี้กับอัมพัฏฐมานพแล้ว ในอัมพัฏฐสูตร กษัตริย์กับพราหมณ์ หรือฆราวาสกับสมณะ ถกกันมาแล้ว เป็นเรื่องซับซ้อน อาตมาจะไม่ลงรายละเอียดสำหรับวันนี้ สรุปง่ายๆก็คือ อาตมายังเห็นความยังไม่ลงตัว อาตมาเห็นว่าอาตมาเป็นรองและควรจะต้องอยู่กันอย่างเป็นรอง เพราะฉะนั้นผู้จะเป็นรองนี้ ต้องพยายามอุตสาหะ ตามชื่อว่า 53 ปีโพธิกิจทำมาแล้ว เฮ้อ! เหนื่อยน่าดู อายุก็ปูนนี้แล้ว กำลังย่างเข้าเลข 9 แล้ว ยังไม่เต็มอีก 9 เป็น 10 เป็น 90 อายุ 89 ยังไม่ 90 ดี เพิ่งจะ 5 เดือน วันนี้อายุเข้า 89 ปี เพิ่งได้ 5 เดือน เลยมา 2 วัน อาตมาพูดตรงๆ บอกตรงๆเลยว่า ยังไม่อยากตาย พากเพียรอยู่ พยายามที่จะต่ออายุขัยเพื่อ 1. พิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่บอกว่า อานนท์ หากตถาคตจะต่ออายุอยู่ให้ถึงกัปป์หรือเลยกัปป์ก็ได้ อานนท์…. แล้วพระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานไปตั้งแต่อายุ 80 นี่ก็อ้างอิงธรรมะพระพุทธเจ้า และก็เป็นเรื่องจริง อาตมาก็พิสูจน์อันนี้ ต้องเอาตัวเองมาพิสูจน์ นี่แหละโพธิสัตว์ต้องเอาตัวเองพิสูจน์จริงๆ พิสูจน์จนชัดเจน จนมั่นใจจนกระทั่งมีพลังว่า ทำได้อย่างไม่ยาก ได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 สำนวน ได้โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบากในฌานทั้ง 4 ก็เป็นสำนวนของความสำเร็จของผู้ที่สามารถทำ ฌาน คือพลังงาน พลังงานที่ 1 ก็คือ สภาพปรุงแต่งของ 2 สภาพคือ วิตกกับวิจาร ทำงานสังขารปรุงแต่งกัน ให้เป็นอภิสังขารยิ่งขึ้นๆ จนมี สำเร็จเป็น ฌาน 2 สำเร็จได้ขั้นหนึ่งก็ดีใจ มีปีติ สำเร็จก็อย่าไปยึดติด ให้เป็นอุปกิเลสที่ วางปีติได้ เบาลงก็เป็นสุขสงบเป็น วูปสโมสุขหรืออุปสโมสุข แม้แต่สุข ไปยึดสุขเป็นตัวตนของเรา ก็ไม่ได้ ต้องวางจากความสะอาดบริสุทธิ์ อุเบกขาจึงมีภาวะที่ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ความรู้ต่างๆเหล่านี้ อาตมาไม่ได้พูดแต่พยัญชนะ อาตมาพูดถึงสภาวะเป็นหลัก พยัญชนะนี้เป็นรอง บัญญัติเป็นรอง รูปธรรมเป็นรอง สมมุตินี้เป็นรอง ในความเป็นสิริมหามายา หน้ามือเป็นเอก หลังมือเป็นรอง ทำไปเรื่อยๆ ทำไปให้พัฒนาไปเรื่อยๆ เป็นจอมยุทธ เร็วดังพลิกฝ่ามือ เหมือนนักเล่นกล เป็นจอมมายากล มันเร็วหลอกให้คนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เอาหน้ามือมาหลอกเอาหลังมือมาหลอก มีไม่มี อะไรเป็นอะไร มันมีกลยุทธ์ กลเม็ดหลอกกันทั้งนั้นเลย ตรงกันข้ามกับสิริมหามายามี 2 หน้าเหมือนกัน แต่ไม่หลอก หยิบหน้าไหนมาเป็นความจริงหมด (พ่อครูทำมือ พลิกมือ) ว่า เพราะฉะนั้น คนจะมีปฏิภาณ ปัญญา ไหวพริบให้เร็วเหมือนจอมมายากล แต่ไม่หลอกใคร แสดงทุกหน้าเป็นหน้าจริงให้หมด เป็นหน้าที่ควรให้หมด แสดงกับคนแสดงออกในตนไม่มีหลอก ไม่มีเท็จ มีแต่จริง _สู่แดนธรรม… เขามองว่าเท็จก็เป็นเรื่องของเขาใช่ไหมครับ พ่อครูว่า… เป็นเรื่องของบุคคลที่ถูกหลอกให้ตกเป็นบริวารของจอมมายา ตัวเองไปดูนักมายากลเล่นงาน เขาเชื่อว่านักมายากลที่แสดงความจริงหรึเปล่า แม้ว่าเขารู้ว่า จอมมายากลคือการหลอกชนิดหนึ่ง แต่ก็ชอบไปดู แม้ว่าเขารู้ว่าจอมมายากลคือการหลอกชนิดหนึ่ง แต่ก็ชอบไปดู ไปดูว่าเขาจะหลอกได้เก่งขนาดไหนจับได้ก็ขายหน้าเลย แต่จอมมายากล ก็ต้องแน่ ไม่ให้จับได้ ถ้าจับได้ก็เสียเลย _สู่แดนธรรม… พ่อท่าน แสดงความจริงทุกมุมทุกอย่าง พ่อครูว่า… อาตมาเคยพูดแล้วว่าอาตมาพูดความไม่จริง ไม่เป็น ที่แสดงออกไปในกรรมกิริยาคำพูดเป็นความจริงหมด อาตมาเดินไปเดี๋ยวก็ร้องเพลงนั่นเป็นกิริยาจริง เพราะอาตมาไม่ได้เศร้าได้สร้อย มันรื่นเริงเบิกบาน เพราะฉะนั้น คนที่ถือสาก็บอกว่า ร้องเพลง ถ้าไม่ร้องเพลง มันไม่แสดงออกทางรื่นเริงเบิกบานหรือไง ร้องเพลงก็สบายๆอารมณ์ แต่ไม่ได้ร้องเป็นอาชีพร้องอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ร้องไปอย่างนั้นแหละ แสดงความเบิกบานร่าเริง แสดงความรื่นเริงอารมณ์ ..รื่นรมย์สมอุรา ชื่นตาฟ้าเบิกบาน.. เพลงฮิตของอาตมาเลย เพราะว่ามันเป็นตัวอย่างและเป็นความจริง และเป็นสิ่งที่ดี ที่ควรแสดงออกเสมอ เพราะฉะนั้น คนที่เขาติดใจพวกที่เคร่งๆ ก็บอกว่า อย่างนี้มันผิด ยิ่งพวกที่มิจฉาทิฏฐิบอกว่า พระอรหันต์ต้องสุขุมเชื่องช้า ไม่หลุกหลิกเหมือนลิงอย่างนี้หรอก พระอรหันต์ใน Concept ของเขานะ แต่ความจริงแล้วพระอรหันต์นั้นต้องมี กายปาคุญญตา มีจิตปาคุญญตา ปาคุญญตา แปลว่า คล่องแคล่ว ว่องไว ปราดเปรียว แต่เขามิจฉาทิฏฐิกันไปนั่งหลับตาสะกดให้หยุด กายอย่าเคลื่อนไหว ปากอย่าพูด ตาอย่าลืม หลับตาซะ หยุดคิด ทำตนเองให้หยุดสัญญากำหนด ไม่ต้องกำหนดรู้อะไรเลย อสัญญี จนสำเร็จ นี่คือมิจฉาทิฏฐิของศาสนาพุทธทุกวันนี้ สายนั่งหลับตาสะกดจิตทำ อสัญญีสัตว์ ให้แก่ตนเองนั่นแหละ จึงอยู่ในสัตตาวาส 9 ตัวที่ 5 อสัญญีสัตว์ เขาทำอย่างนี้กันทั้งนั้นเลยในศาสนาที่เขาปฏิบัติกันอยู่ จะปฏิบัติสัมมาสมาธิอย่างอาตมา อธิบายจรณะ 15 วิชชา 8 มาปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญาอย่างนี้ เขาอธิบายไม่เป็น เขาพาทำไม่ได้ มันเสื่อมแล้วศาสนาพุทธ ขออภัยต่อเถรสมาคมที่พูดความจริงแล้วไปข่มท่าน ต้องขออภัยด้วยใจจริง มันเป็นความจริงที่ต้องพูดเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปข่มไปแข่งอะไรหรอก _สู่แดนธรรม… พ่อท่านเป็นรองข่มไม่ได้อยู่แล้ว พ่อครูว่า… ถึงอย่างไร อาตมาก็ยกท่านให้เป็นเอกอยู่แล้ว ไม่ไปแย่งชิงหรอก เถระสมาคม จนตายไม่ไปแย่งเด็ดขาด แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปอยู่ไปแทรกแซงทางโน้น ต้องเป็นรองไปอีก เพราะฉะนั้นสรุปยอดเลยก็คือ ถึงแม้ 53 ปีไปแล้วโพธิกิจนี้ก็จะต้องอุตสาหะพากเพียรและสร้างความเป็นรองนี้ไปให้อีกมาก ให้รองนี้ ขยับขึ้นไปเรื่อยๆๆๆ เพราะความเป็นเอกของอาตมานั้น ไม่ได้แค่ เถรสมาคม ฟังทันไหม _สู่แดนธรรม… จำได้ครับ พ่อท่านบอกว่า คู่ต่อสู้ของอาตมาไม่ใช่เถรสมาคม แต่ระบบทุนนิยมทั้งระบบนั่นแหละคือคู่ต่อสู้ของอาตมา บุญนิยมยังเป็นรองทุนนิยมอยู่มาก พ่อครูว่า… คำว่า ระบบทุนนิยม อาตมาตั้งชื่อคู่ต่อสู้ของทุนนิยมว่า บุญนิยม โดยเอาคำว่า บุญ ที่คนรู้ดี แต่คนรู้ไม่ดี คนไทยทุกคนรู้จักคำว่า “บุญ”ดีทั้งนั้น แต่รู้ไม่ถูก นี่คือความเสื่อมที่ชัดเจนยืนยันเป็น Phenominon phenomina เยอะ เป็นปรากฏการณ์เยอะให้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ที่คนเข้าใจบุญนี้ผิด อาตมาจึงต้องมาขยายความคำว่า บุญ เป็นความหมายแท้ๆที่ถูกต้อง จนทุกวันนี้ก็เมื่อยขยายคำว่าบุญ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) _สมณะเดินดิน… เมื่อกี้นี้พอพ่อครู พูดถึงภาวะ 2 จะเห็นว่า แม้พ่อครู มีความตั้งใจจะอายุให้ยืนยาวแต่ความเจ็บป่วยก็ปรากฏตัวตลอดเวลา ก็เป็นสิริมหามายา เป็นของจริงทั้งคู่ จะอยู่ให้ได้เป็นร้อยปี แต่ขันธมาร มันก็สู้กับพ่อครูตลอดเวลา การไอแต่ละครั้ง พวกเราก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน พ่อครูว่า… เมื่อกี้เราเกริ่นแล้วว่าจะต้องสู้กับทุนนิยม ทีนี้ออกไปหาคำว่า ทุนนิยม คำว่า ทุนนิยมคือพวกที่เขารวย ทุนนิยมคือการนิยมความรวย 1.นิยมความมีทุนเยอะๆ ที่จริงไม่ใช่ทุนเท่านั้น แต่เป็นตัวได้เปรียบทั้งนั้น ความหมายคำว่า ทุนของเขา พยัญชนะว่าทุน กองทุนของเขาจะต้องมีเยอะๆ เขาไม่เอาหรอก ความจน เขาจะเอาแต่เรื่อง ความรวย เพราะฉะนั้น เรื่องรวยเรื่องจนนี่แหละ คนทุกวันนี้ ไม่ต้องไปเอาตามต่างประเทศ เทวนิยมที่นิยมความรวย นิยมทุนกันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือ มันก็นิยมความรวย หรือจะเอา จีน จะบอกว่า ตัวเองไม่ใช่คอมมิวนิสต์เต็มที่ เป็นคอมมิวนิสต์แปลง เป็นคอมมิวนิสต์แก้ เอาปัญญาเป็นความรู้ในระดับสูง พยายามดึงความเป็นอารยะโลกุตระเข้าไปนะสำหรับจีน เขาทำได้พอสมควรและพลเมืองเขาเยอะด้วย แต่เขาก็ยังอยู่กับการสร้างสรรค์ขยันเพียร อาศัยการสร้างสรรค์ขยันเพียร สร้างวัตถุ ไม่ได้สร้างนามธรรมเหมือนทางประเทศไทย อันนี้ต้องชัด ไม่ได้สร้างนามธรรมเหมือนกับประเทศไทย เขาสร้างวัตถุได้ดี เขาอาศัยวัตถุในสังคมโลก ในสังคมโลกขณะนี้ประเทศจีนจึงอยู่ในฐานะของวัตถุที่เหลือเฟือ ร่ำรวย มากพอ ชนะโลกอยู่ขณะนี้ เขาอยู่ได้ แล้วเขาจะต้องอาศัยเรา และประเทศไทยก็ต้องอาศัยวัตถุจากจีน เพราะเราเป็นรองในเรื่องการสร้างวัตถุ ประเทศไทยเป็นรองจีนแน่นอน เป็นรองทางด้านวัตถุ ไม่เป็นไร เราก็ทำของเรานี่แหละเราสร้างนามธรรมทางจิต สร้างจิตนี่แหละเป็นเอก ตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เราตรัสว่า เรื่องนี้ ไม่มีใครจะสู้เราได้ โลกทั้งโลกยังพยายามที่จะมุ่งรวยหรือมุ่งสร้างทุนสร้างเงิน สร้างวัตถุดิบ จะต้องมีมากๆ มีทองคำ มีธนบัตร เหมือนอย่างที่มหาบัวหลง เรี่ยไรประเทศไทย ขูดรีดมากองรวมกันเป็นกองกลาง แล้วก็เอาไปเข้ารัฐบาล เอาหน้าก็ได้หน้าเบ้อเร่อเลย มหาบัว ได้ทองคำ มันแสดงถึงอะไร มหาบัวเรี่ยไรทองคำและดอลลาร์ ได้มากมาย นี่เป็นสิ่งจริงนะที่มหาบัวทำแล้วก็มาอธิบายธรรมะให้ฟัง ก็ได้วัตถุสมบัติพวกนั้น และก็ยังมีความเป็นทุนนิยม มหาบัว ก็เอามาเข้าคงคลังไว้แล้วกำชับด้วยนะว่าอย่าใช้ เอาไว้เป็น คงคลัง ในเศรษฐกิจนั้น เงินที่ไม่เคลื่อนที่ สมบัติหรือวัตถุอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เคลื่อนที่ โดยเฉพาะธนบัตรหรือ BankNote ไม่เคลื่อนที่ มันคือเศษกระดาษ ไม่มีค่าอะไรหรอก นี่หลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐานเบื้องต้นด้วย มหาบัวไม่มีความรู้หรอก ก็เรี่ยไรได้เพราะอิงชาติ อิงสถาบันเบื้องสูงด้วยปฏิภาณบอกว่า นี้เอามาช่วยชาติๆ คนก็ไม่มีปัญหานี่ คนไทยรักชาติอยู่แล้ว ก็ได้มา แลวก็กรึ่มว่า นี่ฉันเป็นคนช่วยชาติไว้ ถ้าไม่มีฉันนี้ประเทศชาติไปหมดแล้ว ทั้งทอง ทั้งเงิน ทั้งดอลล่าร์ ก็ไม่รู้แม้แต่เศษกระดาษดอลลาร์จะเอามาทำไม อาตมาถล่มเงินดอลลาร์ไปไม่รู้กี่ทีแล้ว เพราะฉะนั้นคนสรุปอีกทีหนึ่งก็คือ เขายังไม่รู้กันหรอกว่า คนที่เข้าใจทำตนเองให้น้อยทำตัวเองให้มักน้อยสันโดษ ตามวรรณะ 9 ของพระพุทธเจ้า มาเป็นคนจน มาเป็นคนพอ มาเป็นคน 0 แล้วมันก็เป็นความซับซ้อนมีส่วนกลาง และส่วนกลางก็ไม่ต้องมีมาก อาศัยพลังงานสร้างสรรค์นี้เป็นตัวพลังงานสร้างสรรค์ ให้มากให้ครอบคลุม สภาพตัว static dynamic ให้มันครอบคลุม ตัวเคลื่อนไหว สร้างสรรค์ให้มันมีแรงสร้างสรรค์มากกว่าสิ่งที่เป็นตัวเก็บ เป็นตัวคงคลัง คงคลังน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะมันเป็นของตายๆไม่มีประโยชน์ ทิ้งไว้ก็มีแต่ของเปล่าประโยชน์หรือเน่า ของทิ้งไว้นี่มีแต่ของเน่า ของที่เคลื่อนมีแต่พลังงานสดใหม่และเป็นประโยชน์ไปเรื่อยๆ นี่เป็นทั้งเศรษฐศาสตร์ ทั้งสังคมศาสตร์เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากรัฐศาสตร์ พวกที่ยังไม่เป็นโลกุตระ ถ้าหากรัฐศาสตร์เป็นโลกุตระก็จะเข้าใจซ้อนอีก รัฐศาสตร์หรือการเมืองทุกวันนี้ เขายังเป็นรัฐศาสตร์โลกียะ เข้าใจเอาตำราของต่างประเทศมาใช้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นนักรัฐศาสตร์ที่จบมาจากมหาวิทยาลัยเอาตำราจากต่างประเทศมาใช้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็บอกว่าเขาเปิดอ่านตามตำรา ถึงหน้าสุดท้ายก็กลับมาเปิดหน้าหนึ่งใหม่ มันจะไปไหน วนอยู่ในอ่าง วนอยู่ในโลกียะอยู่อย่างนั้น แต่ในหลวงท่านไม่ได้อธิบายต่อไปท่านบอกว่า ให้มาเอาแบบคนจนขาดทุนของเราคือกำไรของเรา อาตมาก็ต้องมาเป็นผู้ขยายแบบนี้ อาตมาเอามาขยายไม่ใช่ปากเปล่าและขยายเพื่อให้ปฏิบัติแล้วให้เกิดผลสำเร็จ แล้วก็เห็นผลสำเร็จ ทุกวันนี้พวกเราคือตัวผลสำเร็จที่อาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาอธิบาย อาตมาขี้ตู่ไหม ไม่ จริงหรือไม่ จริง เพราะฉะนั้น พูดไปแล้วเรายังเป็นรองทุนนิยมอีกเยอะ เพราะฉะนั้นอาตมาจะต้องทำบุญนิยม คำว่าบุญนิยมซ้อน อาตมาอาศัยคำว่าบุญเพราะว่าคนรู้จักคำว่า บุญเยอะ แต่เขาเข้าใจคำว่าบุญยังไม่ดี พูดซ้ำอีก คำว่า บุญ หมายถึงความดีสิ่งดีแน่นอน แต่คำว่า บุญสิ่งดีที่เป็นปรมัตถ์หรือทางโลกุตระแล้ว มันคือนักฆ่า ตายๆๆ ตัวนี้แหละเป็นตัวสุดยอดจริงๆเลย ถ้าทุนนิยมมารู้จักบุญนิยม เข้าใจถึงบุญนิยมถึงสาระสัจจะที่เป็นตัวเพชฌฆาต เพชฌฆาตอะไร บุญฆ่ากิเลสอย่างเดียว อย่างอื่นไม่แตะ ไม่เกี่ยว บุญมีปัญญาเต็ม ปัญญาที่รู้จักว่า กิเลสนี้ไม่มีผิด รู้จักกิเลสหยาบ กลาง ละเอียด หมดสิ้นแม้แต่เศษธุลีละออง อุทธัจจะฟุ้งนิดหน่อยก็เก็บละเอียดหมดเลย กวาดกิเลสอย่างเดียว หยาบ กลาง ละเอียด บรรจุซองละอองธุลี นิดน้อยเท่าไหร่ ก็กวาดละเอียดหมดเลย _สู่แดนธรรม… สรุปว่า บุญแปลว่า Big cleaning พ่อครูว่า… เข้ากับยุค ทันสมัยเปี๊ยบเลย ใช่ บุญคือ การทำให้จิตสะอาดบริสุทธิ์ Big cleaning มหาBig cleaning เลย ไม่ใช่ Big cleaning แต่ Great cleaning เลย สุดยอด ทำความสะอาดให้จิตปราศจากกิเลสละอองธุลีเท่าไหร่ หมดไม่เหลือ เป็นจิตแท้ๆเหลือแต่จิตแท้ๆแล้วบุญก็ไม่อยู่แล้ว บุญประหารตัวที่เป็นตัวร้ายกับจิต ทำลายเสร็จแล้วบุญ ไม่ทวงหนี้ ไม่เอาบุญเอาคุณอะไรเลย บุญทำสำเร็จแล้วหายไปเลย ผลสำเร็จเป็นจิตสะอาด บุญหายไปเลย ผู้ที่ช่วยเรา ผู้ที่ช่วยประหารตัวร้าย ประหารตัวกลิ เอ้า ไปไหนแล้วตัวช่วย หายไปเลย คุณลักษณะของบุญนี่แหละ เป็นตัวที่ทำงานแล้วไม่เป็นตัวตน ไม่ทวงบุญคุณ ไม่เห็นตัวหายไปเลย ซ้อนลึกไหม รู้จักหน้าตาของบุญ สูงขึ้นอีกไหม One way Traffic บุญนี่ ทำงานหน้าที่เดียว เอกังสะ โดยส่วนเดียว ไม่มีโค้ง ไม่มีงอ ไม่มี Boomerang ไม่มี loop ไม่มี turn อะไรเลย ไม่โค้งไม่งอ ไม่กลับไม่วกกลับ ไม่วนอะไรเลย _สู่แดนธรรม… อสังกุปปัง พ่อครูว่า… ไม่กลับกำเริบด้วย จบในตัวเลย เป็นหนึ่งยิ่งกว่า 1 หนึ่งเดียว เอกังสะ 1 เสร็จแล้วก็เป็นศูนย์เลย หายไปแล้วผู้ช่วยเรา ยิ่งกว่านายชัช อุบลจินดา ที่ช่วยฝรั่งขึ้นจากโคลน ได้โดยตัวเองนอนราบ ให้ฝรั่งผัวเมียขึ้นมารอดได้ เสร็จแกก็ลุกไปหายจ้อย พายเรือหนีไปเลย นี่คือลักษณะ เป็นอจินไตยอันนึงในประเทศไทย คนไทยแสดงให้ฝรั่งเห็น แล้วก็กระจายไปทั่วโลกเลย เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องประเสริฐ คนเข้าใจแล้ว เข้าใจถึงความไม่มีตัวตน เข้าใจถึงความเป็นบุญ บุญ ทำพลังงานจิตที่ทำงานฆ่ากิเลสแล้ว หายตัวไปไม่มีใครเห็นเลย _สู่แดนธรรม… มันกลายสภาพไปเป็นปัญญาที่มีกำลังได้ไหมครับ พ่อครูว่า… ได้ ใช้ปัญญา บุญกับปัญญาซ้อนกัน คำว่า ฌาน พระพุทธเจ้าก็อธิบายเอาไว้ นัตถิ ฌานัง อปัญญัสสะ ปัญญา นัตถิ อฌายโต ยัมหิ ฌานัญจะ ปัญญา จ ส เว นิพพานสันติเก ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นแล อยู่ในที่ใกล้นิพพาน (พตปฎ. เล่ม ๒๕ ข้อ ๓๕) ปัญญาอยู่ที่ไหน ฌานอยู่ที่นั่น ฌานหรือปัญญาเป็นอันเดียวกัน เป็นพลังงาน ฌานหรือพลังปัญญา เป็น สัมมัปปัญญา ปัญญาอันยิ่ง คือพลังงานชนิดหนึ่ง ที่มนสิการเป็นจิตที่ทำพลังงานนี้ได้ แล้วมีฤทธิ์แรงจะเรียกว่าไฟ พลังงานไฟฟ้า ฌาน แปลว่าไฟ ถ้าบุญนี้ยิ่งกว่าไฟ พลังงานอะไรยิ่งกว่าไฟปรมาณู วับ สลายหายเป็นขี้เถ้าไปเลย อไะรก็สลายได้หมด ต่อให้ใหญ่เป็นลูกโลก เจอพลังงานบุญเข้าไปลูกโลกก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าปื๊ดเลย แล้วเผาโลกจริงๆ โลกทางโลกุตระ ความวน ใครไปวนอยู่ในกิจหรือในเรื่องที่มันต่ำๆ เรื่องอบายมุข เรื่องหลงเงินรวยๆ เรื่องหลงอำนาจใหญ่ๆ หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มโหฬาร สรรเสริญมโหฬาร ยศใหญ่ๆ พูดถึงยศใหญ่ๆ นึกถึงเกาหลี เหรียญตราเขา เวลาเดิน ที่ถ่ายภาพออกมาแต่ละคนๆ เจ้าประคุณเอ๋ย ไม่หนักหรืออย่างไร เป็นแผงเต็มหน้าอก เขาต้องใช้วิธีนั้น ป้อยอ ยกย่องเชิดชู ยุแหย่ เอา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาประเคน มายุ มาแหย่ มาตั้งให้ทำงาน หลอกให้ทำงาน ถ้าเอาเงิน มันก็ไม่พอ เอาเหรียญตรากับตำแหน่งยศศักดิ์ มันเป็นนามธรรม ไม่ต้องลงทุนมาก แล้วก็ปรบมือกันนานจริงๆ จะเห็นได้ว่าลักษณะ สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุลของเกาหลีเหนือ เป็นโลกียะที่จมอยู่ใน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อย่างหนักมากเลย เป็นตัวอย่างให้เห็นได้ เรามองโลก มองธรรม มองสัจจะ จะเห็นได้ว่า โลกเรานี้มันสอนให้เราได้เรียน ยิ่งเราเรียนตามพระพุทธเจ้าจะเห็นชัดเจนเลยว่า โลกมันหลงอะไรอยู่ เขาก็หลง ของเขาอยู่อย่างนั้นเขาจะต้องดิ้นให้ใหญ่ให้มหาศาล แล้วเขาก็เป็นพวกที่ ยังชั่วช้าสามานย์ เพราะสร้างอาวุธ นี่ก็อวดอ้าง อาวุธข่มเบ่งกัน เสร็จแล้วก็ยิงเข้าไป ดีนะที่ยังพยายามเบี่ยงไปทางทะเลเพื่ออวดอ้างฤทธิ์เดชให้คนกลัว แล้วก็ข่มกันด้วยอย่างนั้น แล้วคุณคิดว่า คิมจองอึนสร้างอำนาจระเบิดนิวเคลียร์นี้เก่งขนาดนี้ ชาติอื่นเขาจะไม่คิดหรือ เขาจะสร้างไหม …สร้าง แล้วป่านนี้สร้างได้หรือยัง เขาไม่บอกเท่านั้นเอง แล้วเขาก็ไม่เห็นกลัวเกาหลีเหนือ เขาเขาก็เล็กใช่ไหม เพื่อนก็น้อย จับมือกับคิมจองอึน แต่ไบเดนนี่พยายามวางตัว พอรู้ท่าทาง มันซ้อนอีก ในความซับซ้อนนี่แหละ อาตมาใช้ภาษาว่า สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน ที่อาตมาแปลมาจากภาษาบาลีว่า คัมภีราวภาโส เป็นแสงสว่างที่ไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของความลึกซึ้ง หรือสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน ปฏิ กลับไปกลับมา ทวนไปทวนมาของสวรรค์ ปฏินิสัคคะ ซึ่งไม่ใช่สวรรค์จริง นี่แปลอย่างโพธิรักษ์ แปลเข้าสู่สภาวะเลย ไม่ได้แปลเข้าหาไวยากรณ์แบบเขาที่มี ไวยากรณะ วากยสัมพันธ์….เป็น อิตติวุตกะ เลย คือคนโง่จะไม่รู้เรื่อง หลงสวรรค์เป็น นิสสัคคะ ปฏิ ก็เป็นทวน จะไปหลงมันทำไม ก็ย้อนทวนออกมา ผู้ไม่รู้ก็ทวนเข้า ผู้รู้ก็ทวนออก อนุโลม ปฏิโลม ปฏิคือทวนออก _สู่แดนธรรม… ผู้รู้ ถึงแม้ทวนไปเข้าไปเพื่อช่วยเขาออกมาได้หรือไม่ครับ พ่อครูว่า… ได้ จากนั้นพูดอย่างเท่เข้าไปเพื่อเอาเขาออกมา เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ ตอน 2 สรุปเข้าหาชื่อเรื่อง ความเป็นรอง อาตมายังเป็นรองจริงๆ ยังไม่ถึงเป้าหมาย เพราะฉะนั้นก็ฝืนสังขารไป พยายามพากเพียรไปอีก ให้ได้ พวกเราก็ช่วย ช่วยทุกอย่างเลยที่จะให้สังขารอาตมายืนยาวทุกวันนี้จนเฟ้อแล้ว เครื่องอาศัยที่จะให้ชีวิตยืนยาว ก็เหลือแต่อาตมาเอง เพราะฉะนั้นจึงลงตัวตรงที่ว่า ต้องอุตสาหะ เพราะเรายังเป็นรอง เรายังไม่ขึ้นถึงเป็นเอก อธิบายไปแล้วเป็นรองคืออย่างไร เป็นเอกคืออย่างไร อย่างพอสมควร ห่างพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าอาตมา นี่ก็พูดเหมือนคำพยากรณ์ ถ้าอาตมาจะยืนยาวไปอีก ทำอายุขัย ให้ยืนยาวไปอีกได้ เก็งเอาไว้ งามที่สุดคือ 133 ปี แต่ไม่ได้ 133 ปี 120 ก็เอาว่ะ ไม่ได้ 120 ได้ 108 ก็เอา ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ถึง 100 ตอนนี้ก็แค่ 89 จะ 90 แล้ว พูดถึง 90 เขาจะฉลอง พระพันปีหลวง จะฉลอง 90 ก็ดี สิ่งนี้เป็นสิ่งดีไม่ใช่สิ่งเสียหายเป็นสิ่งประเสริฐ ในเรื่องของสถาบัน ก็ขอแวะเรื่องนี้ แวะเรื่องสถาบันหรือเรื่องพระเจ้าแผ่นดินหรือกษัตริย์ ภาษาอังกฤษเขาเรียก King สถาบันนี้ มันต้องมีในมนุษย์ สังคมใดไม่มี King ไม่มีกษัตริย์ อวดดีไปมีแต่ประชาชน ด้วยความหลงว่าประชาชนเป็นใหญ่ ไปหลงว่าประชาชนเป็นใหญ่ แล้วก็ซ้อนนะ อย่างอเมริกา ซ้อนมาเป็นใหญ่ เสร็จแล้วก็กลายเป็นใหญ่แบบที่ไม่มีโลกุตรธรรม ฉลาดแบบไม่อาริยะ ฉลาดแบบมิลักขะ อย่างคนเถื่อน เถื่อนตรงไหน เถื่อนตรงจิตอำนาจบาตรใหญ่ เป็นของข้าคนเดียว นั่นคือสร้างเผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซ้อนเข้าไปในตัวโดยไม่ต้องใช้พยัญชนะ เขาทำ โดยเฉพาะตัวโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวที่แจ๋ที่สุด ชัดเจนมากเลย โดนัลด์ ทรัมป์ นี่ยังนะ ยังจะสมัครแข่งเป็นประธานาธิบดีอีก ยังไม่ได้ยอมจำนนนะโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ดูเขาไป ไม่มีปัญหาหรอก ดูฟรี หนังสด ดูฟรี จะเห็น ด้วยความไม่รู้ของเขา เขาควรพอ เขาควรหยุด ควรจะประนีประนอม ควรจะไม่กระด้างไม่แข็ง แต่เขาไม่ยอม ด้วยความหยิ่งผยอง ด้วยอัตตาตัวตน นี่ก็คือธรรมชาติ ที่ไม่มีใครไปสร้างเขา แต่เขาทำให้ดูด้วยความจริงของเขา เราก็ได้ดูเหมือนดูหนังกลางแปลง ดูผู้ร้ายกำลังแสดงตัว ให้เห็นชัดเจน หนังเรื่องนี้สร้างดีจังเลย เห็นผู้ร้ายชัดๆ เห็นผู้ร้ายง่ายๆ และชัด แล้วโหดซะด้วยโง่อีกต่างหาก ทั้งโง่ทั้งโหด สิ่งที่อาตมาพูดไปเป็นการใช้พยัญชนะใช้ภาษา พูดสื่อสภาวะของสัจธรรมในโลกให้ฟัง แล้วพวกเรานี้จะฟังภาษาพวกนี้แล้วเข้าใจสภาวะแล้วเอาไปใช้ในตัวเองจริงๆ เพราะพวกเราเป็นชาวโลกุตระ รู้ว่าได้ไปทำไม ได้ไปแล้วก็เอาไปทำที่ตน ตนก็เป็นผู้เจริญ จึงเป็นความจริงของคนไทย คนไทยมีโลกุตรธรรมมาตลอดที่สร้างประเทศไทยมา ตั้งแต่เริ่มสุโขทัยมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เป็นพุทธศาสนามาตลอดด้วย แม้โลกุตรธรรมมันจะเสื่อมแล้วมันจะลึก มันก็พัฒนามาเรื่อยๆมันไม่เสื่อม นี่เป็น อจินไตย อย่างหนึ่งว่าเมืองไทยเป็นเมืองชมพูทวีปที่จะต้องสืบทอดมาจากอินเดีย มัน เลื่อนไหลมาอยู่เมืองไทยแล้ว เพราะพระโพธิสัตว์จะมาเกิดที่เมืองไทยหมด ตั้งแต่พ่อขุนรามมาเลย จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ ถ้ากษัตริย์องค์สุดท้ายก็คือ รัชกาลที่ 9 ที่มีพระจริยวัตรเห็นชัดๆ จนเทวนิยมเขายังมองออกเลย ซ้อนใน King ของไทย ของพระเจ้าแผ่นดินไทย เขายังมองออก อันนี้ก็เป็นนิมิตดีว่า คนเทวนิยมมองอันนี้ออก ทั้งๆที่ไม่ได้เบ่งด้วยอำนาจ ไม่ได้เบ่งด้วยความรวย เราก็รวยพอสมควร สำนวนในหลวง แต่เราไม่เอาก้าวหน้าอย่างมากเหมือนที่เขาก้าวหน้า มีแต่ถอยหลังอย่างเดียว ภาษาโลกุตระฟังแล้วก็ยาก ก้าวหน้าแล้วก็ถอยหลัง มันจะก้าวหน้าหรือถอยหลังกันแน่ ภาษาสิริมหามายา ถอยหลังอย่างน่ากลัวเลย แล้วเรื่องจริงทั้งนั้นคำตรัสของในหลวงเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น อาตมาหยิบเอามาขยายความ อธิบายอุเทส เพื่อให้เข้าใจยิ่งๆขึ้นว่า สัจจะพวกนี้มันซ้อนอยู่ในสังคมมนุษยชาติ ทั้งภาษา คำพูด พฤติกรรมต่างๆ แล้วมันมีของจริงอยู่ในประเทศไทย อาตมาเห็นผลสำเร็จ ทั้งอาตมาก็ทำ ในหลวงท่านก็ทรงงาน จนกระทั่งท่านสวรรคตไปแล้ว ท่านจะต่อ ท่านยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานหรอกน่ะ ใครไม่เชื่ออาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านเป็นโพธิสัตว์ ท่านยังจะต่อภพภูมิอยู่ ท่านเป็นโพธิสัตว์จริงๆ เพราะฉะนั้นท่านจะต้องเกิดมาสูงกว่านั้นไปเรื่อยๆๆไม่ต้องห่วงหรอก ใครก็รู้ว่าท่านเกิดมาอีกต้องสูงกว่าเก่า ใครก็ต้องรู้ ก็มีแต่สิ่งที่ชัดเจนมีแต่สิ่งที่ประเสริฐทั้งนั้นเลย มันจะไปต่ำได้อย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลย ถ้าสร้างความดีให้แก่ตัวเอง ทำดีจริงๆอย่างแน่ใจ ไม่ใช่ไปเข้าใจผิดเหมือนทักษิณ แม้แต่มหาบัวตัวเองทำผิด ก็ยังไปเข้าใจนึกว่า ตัวเองถูกอีก น่าสงสาร อาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต้องพูดความจริงเพื่อยืนยันตัวอย่าง ไม่ใช่ไปรังเกียจ สงสาร ไม่ได้รังเกียจ สงสาร ต้องใช้ภาษาที่พูดสื่อกันให้รู้อย่างนี้แหละ แล้วคำว่าสงสารนี้ก็ลึกซึ้ง เพราะเห็นมหาบัวยังจมอยู่ในสงสารไง เอาแค่นี้แหละ ก็ต้องพยายามช่วยคนที่ตกในสงสารนี้ขึ้นมา แล้วอาตมาก็พูดเบาๆมานาน ไม่กี่ปีนี้แหละที่อาตมาถล่มมหาบัวหนัก จริงนะอันนี้ขอยืนยันได้ แต่ก่อนนี้ก็ยังไม่ว่าอะไรยังชมเชยยกย่องบ้างด้วยซ้ำ แต่มาตอนหลังนี้ เอาละ ไขดีกว่า ถึงโอกาส เพราะฉะนั้น กาละ เทศะ ฐานะ มันจึงไม่เที่ยง มันก็ย่อมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถึงขั้นที่มันเจริญพัฒนาขึ้นมา เราก็ต้องทำให้มันได้ตามจริงนั้น เพราะฉะนั้น สรุปแล้ววันนี้ เทศน์กัณฑ์พิเศษ วันนี้เริ่ม 53 ปีโพธิกิจวันแรก ก็จะต้องขวนขวาย อุตสาหะยิ่งขึ้น ทำความเป็นรองขึ้นไปให้ใกล้ความเป็นเอก อาตมาเป็นเอกในพวกเราชาวอโศก ไม่ขี้ตู่นะนี่ เป็นสัจจะความจริง ถ้าจะว่าไป คืออาตมา เป็นหนึ่งในคลอง เป็นรองในทะเล เราก็อยู่ในแค่แม่น้ำน้อยๆนี่แหละ ไม่ใช่แม่น้ำใหญ่ไม่ใช่ทะเล เราก็ใหญ่เท่านี้ แค่นี้ก่อน เราใหญ่ในนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อขยายขึ้นไปเป็นโลก เรายังเป็นรองเขาอีกเยอะ แล้วก็ไม่ได้ริษยานะ อาตมาไม่ได้ริษยาโลก เพราะโลกเต็มไปด้วยทุกข์ โลกเต็มไปด้วยอวิชชา อาตมาไม่ริษยาหรอก นี่เป็นสัจจะความจริง ขอพูดความจริง อย่าหาว่าแบ่งว่าข่มเลย ขออภัย _สู่แดนธรรม… เวลาหมดแล้วครับ ที่ผมติดตามพ่อท่านตอนที่พ่อท่านบันทึกไว้ตอนบรรลุธรรมใหม่ๆ พ่อท่านได้บอกกับตัวเองตอนเดินจงกลม ตัวเลขประมาณ 212 ก้าวว พ่อท่านบอกกับตัวเองว่าเลขนี้ทำให้เรารู้ว่าเราเป็นเบอร์ 2 ยังไม่ใช่เบอร์ 1 พ่อครูว่า… อาตมาใช้สังขยาเลขในการทำงานมาเยอะ แล้วก็รู้ว่าสังขยาเลขตัวนี้แทนสภาวะทำอย่างไร ซึ่งคนอื่นใช้ไม่เป็น ใช้กับอาตมาไม่ได้ _สู่แดนธรรม… อย่าว่าแต่สังขยาเลขเลยครับ แม้แต่เรื่องศิลปะเรื่องเพลง พ่อท่านก็แต่งเพลงเรื่องผู้แพ้ ความเป็นรองนี่แหละคือ ผู้แพ้ สอนลูกๆก็ให้เป็นคนจน พวกเราก็เลยเป็นคนจนที่มีความมหัศจรรย์ แต่สำหรับพ่อนั้น มีความเป็นรองที่มีปาฏิหาริย์ เราจะได้สำนึกไปพร้อมๆกันว่า ในรอบ พรรษาที่ 53 ของพ่อท่านขึ้นไป มันรวมกันเป็นเลข 8 นี้ก็จริง แต่พ่อท่านก็จะพยายามไม่มีอหังการว่า ใหญ่เป็น 8 พ่อท่านยังพอใจเป็นเลข 7 อยู่ใช่ไหมครับ พ่อครูว่า… ใช่ อาตมาเข้าไปในระดับ 8 มีราศีรังสีระดับ 8 มาเรื่อยๆ เข้าหาอภิภู _สู่แดนธรรม… แม้แต่วันนี้ก็ลงตัว วันนี้เป็นวันพระจันทร์ขึ้น 14 ค่ำ ยังไม่ใช่ขึ้น 15 ค่ำ 14 ค่ำก็เป็นรอง แล้วก็ดีกว่า 15 ค่ำพรุ่งนี้อีกด้วย คือ เพราะพรุ่งนี้มันมีมลทิน 15 ค่ำพรุ่งนี้เป็นจันทรุปราคา มีมลทินของพระจันทร์ พ่อท่านก็เลยต้องมาลงตัวในวันที่เป็นรองนี้ดีกว่า พ่อครูว่า… นี่ เขาเอาเรื่องของโหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นตัวไขความ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่อย่าไปดูถูกดูแคลนนะ ทุกอย่างต้องลงตัว เช่น พระพุทธเจ้าจะต้องประสูติวันเพ็ญ จะต้องตรัสรู้วันเพ็ญ จะต้องปรินิพพานวันเพ็ญอย่างนี้เป็นต้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่สิ่งที่จะไปพูดเล่น ต้องเป็นเช่นนั้น ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องลงตัว ต้องชื่อสิทธัตถะ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ต้องเป็นอย่างนั้น อาตมาขยายความภาษาเรื่องสิทธัตถะก็ดี สิริมหามายาก็ดี พวกเราก็จะเอามาใช้ได้ ไม่ใช่เรื่องที่สงวนลิขสิทธิ์ว่า พระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้าชายสิทธัตถะรูปเดียวเท่านั้นที่คือ สิทธัตถะ คนอื่นใช้ไม่ได้นะ อย่าเผยออะไร ไม่ใช่ เราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นหรือว่าเผยอหรือไม่เผยอ แต่เรามาอาศัยสภาวะ _สู่แดนธรรม… วันนี้ขอเป็นตัวแทนของลูกๆชาวอโศกทั้งอยู่ที่นี่และที่ทางบ้านขอกราบขอบพระคุณพ่อท่านอย่างเป็นอย่างมาก รายการที่ได้มีเมตตานำพาพวกเราพัฒนากันต่อไป ไม่มีความสำคัญและมีปาฏิหาริย์แห่งความเป็นรองไปด้วยกันครับ สาธุ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin7 พฤศจิกายน 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:651106 พ่อครูเอื้อไออุ่นกับลูกๆหลานๆ งานมหาปวารณา มหาบิ๊กคลีนนิ่งNextNext post:651109 ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024