651105 รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูพบคุณตู่-จตุพร และทนายนกเขา ดำเนินรายการโดย คุณสุชัย เจริญมุขยนันท์
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1bLYV6ByPgRq87OJZbowKMCCjssFlEbE4HzvckHQ91cc/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1L9AMGklPHBXXKIox-sAdMktaF82JQZ_8/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/T6BTOOxshs8
และ https://fb.watch/gC7puqGGCc/
สุชัย ว่า… วันนี้วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 วันนี้เป็นบรรยากาศที่แปลก ผู้ชมทางบุญนิยมทีวีก็อาจจะแปลกหน้าแปลกตาว่ามีใครมาออกรายการ มีผู้โทรมาหาผมว่าคุณจตุพร พรหมพันธุ์ อยากจะมาพบพ่อท่าน ผมก็บอกว่า คุณสุชัยช่วยมาดำเนินรายการ ผมก็บอกว่า ซอยบ้านผมรถทัวร์ลงทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เชียร์ลุงตูและฝ่ายที่ไม่เชียร์ลุงตู่ ก็เห็นความตั้งใจที่พี่ทนายนกเขาอยากจะมากราบพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ พ่อท่านเองก็ให้โอกาส ทั้งที่ในยุคสมัยหนึ่งเราอาจจะพอจำได้ ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกัน วันนี้มีเวทีอย่างนี้ได้ ผมจะพลาดได้อย่างไร อ้าว ทัวร์ลงก็ทัวร์ลงงานนี้ ก็เลยรับมา
เริ่มต้นเกริ่นเพื่อนำสู่การพูดคุย แล้วจะได้ถามว่า พี่นึกอย่างไร มีความในใจอะไรจะบอก ส่วนของพ่อครู เราก็จะได้ฟังความในใจของพ่อครูว่า คิดอย่างไรกับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ และพี่ทนายนกเขา
ซึ่งโดยพื้นฐานพี่จตุพร ไปดูประวัติ นั้นเข้าสู่การเมืองในสังกัดพรรคพลังธรรม เวทีการเมืองของจตุพร พรหมพันธุ์ เริ่มมาจากพรรคพลังธรรม ผมแปลกใจเลย แล้วก็มาสู่ไทยรักไทยเป็นแกนนำนปช. เป็นสส.พรรคพลังประชาชน เป็นปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย ล่าสุดเป็นแกนนำคณะหลอมรวมไทย นี่คือคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งวันนี้มาอยู่ที่นี่แล้ว (เสียงปรบมือ)
อีกขั้นหนึ่งเราคุ้นเคยเป็นอย่างดีในช่วงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีทนายนกเขาที่ร่วมกับพันธมิตรมาก่อนเพื่อโค่นระบอบทักษิณ แล้วก็ชุมนุมคู่ขนานกับกปปส.ต้านระบอบทักษิณ ล่าสุด เป็นคณะร่วมประชาชนร่วมกับพี่จตุพร นิติธร ล้ำเหลือ
ผมอยากจะให้นี่เป็นบรรยากาศการพูดคุย ผมรู้สึกชอบใจอย่างหนึ่งว่า พ่อครู ก็มาเยี่ยม ได้คุยกันสองต่อสองได้ มีความลับอะไรก็ได้ แต่นี่คุยออกอากาศ Facebook บุญนิยมทีวีและดาวเทียมบุญนิยม วันนี้บรรยากาศเกิดขึ้นไม่มีปิดปาก แล้วออกสู่สาธารณะ ระหว่าง 2 ขั้ว มีความในใจอะไรจะบอกกัน
ในช่วงหนึ่งมี กสทช. ชื่อสุภิญญา กลางณรงค์ เขาจะสื่อสารกับประชาชนตลอดเวลาทาง Twitter เวลามีประชุมอะไร มีความลับอย่างไรเอามาเปิดเผยให้ประชาชนหมด ผมว่า ให้เป็นสุดยอด นี่ก็แค่อยากจะบอก ที่อยู่ข้างหลังมีอะไรอยู่ที่บ้านยังไม่บอก วันนี้ก็คล้ายๆกับคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ไปไหนมาไหนก็ไลฟ์สดตลอดเวลา
วันนี้ ท่านกระซิบว่า ให้พี่ทนายนกเขาพูดก่อน ถ้าให้คุณจตุพรพูดก่อน พี่นกเขาจะไม่ได้พูดเลย
_ทนายนิติธร ว่า… ความตั้งใจที่จะมา หลังจากที่ภาคประชาชนเข้าไปร่วมเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ผ่านการร่วมไม้ร่วมมือและร่วมคิดของประชาชน แต่ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือวิกฤตทางการเมือง มันไม่เปลี่ยนแปลง ผมรู้สึกว่า วิกฤติทางการเมืองไม่เปลี่ยนแปลง วิกฤตของประชาชนบนพื้นฐานของความสามัคคีร่วมไม้ร่วมมือกัน แตกร้าวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และบัดนี้การเมืองที่เรียกว่าฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ตอบสนองกับสิ่งนี้ และขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจของโลก หรือเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิรัฐศาสตร์ มีความเปลี่ยนแปลงสูงมาก มีนัยยะสำคัญมาก และบ้านเรายังไงก็ต้องได้รับผลกระทบ
แล้วก็ สภาพดินฟ้าอากาศที่มันเปลี่ยนแปลง ผมรับฟังข่าวสารตลอดแล้วก็รู้ว่า ที่อุบลราชธานีเป็นพื้นที่ที่หนักที่สุด ผมก็เลย โทร.หาพี่แซมดินว่า ผมอยากจะมากราบพ่อท่าน จะมากราบพ่อครู ผมมีอยู่ 2-3 เรื่อง
-
ความสามัคคีจะสร้างขึ้นได้อย่างไร ในหมู่พี่น้องประชาชน ข้ามทุกสี ข้ามทุกฝ่าย ข้ามทุกอคติ เพราะว่าชุมชนสันติอโศกเป็นตัวอย่างของชุมชนที่มีความสามัคคีที่ดีที่สุด เป็นตัวอย่างของการรับฟังการแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดนะครับ ที่สำคัญ เป็นชุมชนที่สามารถรอดพ้นจากวิกฤตจากภัยธรรมชาติ ได้ดีที่สุดนะครับ
และ เป็นชุมชนที่อยู่ด้วยธรรม ธรรมนี้คือธรรมะนะครับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันได้หายไปจากบ้านเมืองไทยไปนานแล้ว ถึงมีอยู่ก็มีลักษณะเป็นเพียงแค่มารยาทสัญลักษณ์เท่านั้น แต่การจะเข้าถึงธรรมะ การเอามาใช้ในชีวิตทุกวันๆๆ แล้วสร้างชุมชนได้ อยู่รอดจากวิกฤตต่างๆได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย
ผมเดินผ่านเมื่อกี้ด้านหลังผม ผมพึ่งเห็น อันนี้แสดงว่าเป็นเจตนาชัดเจนของพ่อครู พระสมานัตตตา หรือพระปรองดอง ทั่วประเทศผมเข้าใจว่าน่าจะมีองค์เดียว ให้ความหมายของผมก็คือ ธรรมะ คือ เครื่องช่วยให้รอด เครื่องที่จะช่วยให้หลุดพ้น
เพราะฉะนั้นวิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้น ความมุ่งมั่นผมที่มีต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ชาติและประชาชน ยังมีเหลือล้น ไม่เสื่อมหาย เพราะฉะนั้นในยามนี้ พี่น้องญาติธรรมไม่ต้องแปลกใจนะครับ ผมก็คิดว่า ถึงเวลาที่ผมต้องเข้าหาพ่อแม่ครูอาจารย์
ถามว่าผมเข้ามาหาพระสงฆ์ได้ไหม แต่ถ้าผมจะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากประชาชน จากญาติธรรม จากสันติอโศก ใช้หลักธรรมเหมือนกันมีศีลธรรม มีหลักการเหมือนกัน แต่ ใช้บนพื้นฐานที่ปะคับประคองเพื่อดูแลเกื้อกูลกันแล้วนำพากันไปให้รอด
ผมผ่านมา เดินทางลงจากสนามบิน พี่แม่นมั่น พี่ๆหลายคน และพี่ดินดอน ก็บอกว่าดูสภาพ บอกว่า หนักไหม เขาก็ว่าก็หนักมาก ก็ดีกว่าเกิดสงคราม ผมนั่งคิดสักสองนาที ถ้ามันเกิดสงครามจริงมันจะหนักกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า แต่วิกฤตขนาดนี้นี่ พ่อครูนำพาให้พวกเราอยู่ได้ก็ไม่ธรรมดาทั่วไป
ผมคิดว่าฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ได้คิด ฝ่ายราชการก็ไม่ได้คิด เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ประเทศที่เขาเผชิญหน้ากันเกิดวิกฤตทางอุปโภคบริโภค แต่ที่นี่มีพร้อม ผมสอบถามพี่แม่นมั่น พี่ดินดอน บอกว่ายังอยู่ได้
เจตนาที่มาโดยสรุปคือ กลับมาหาพ่อแม่ครูอาจารย์ กลับมาฟังข้ออรรถข้อธรรมหลักคิดเรื่องสามัคคี จะนำพากันไปอย่างไร แล้วจะใช้หลักธรรมอย่างไร หลักเอาให้รอด บนพื้นฐานที่พี่น้องประชาชนกลับมาร่วมไม้ร่วมมือกันพัฒนาชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ร่วมกัน บนพื้นฐานที่พี่น้องประชาชนกลับมาร่วมไม้ร่วมมือกันพัฒนาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมกัน จะทำอย่างไรให้จัดการอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ
_คุณสุชัยถาม คุณจตุพร ..คงไม่ได้มาอุบลนานแล้ว
_จตุพร ว่า… ล่วง ประมาณ 8-9 ปีงานมากไม่ได้มาที่อุบลราชธานี ผมเอง วิถีชีวิตก่อนเข้าสู่สมรภูมิการต่อสู้ ก็เป็นครูดอย ครูอาสาที่ไม่มีเงินเดือน
ก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภา 2535 ผมก็เข้าเรียนหลักสูตรวิศวกรการเมือง ได้พบเพื่อนคนหนึ่งต่างก็เคารพในความเชื่อในการรักชาติบ้านเมือง
วิถีชีวิตติดคุกมาแล้ว 5 ครั้ง ในช่วงเข้าคุก ใช้วิถีชีวิตเหมือนกับพี่น้องญาติธรรม คือกินมื้อเดียว และมื้อเดียวที่ว่าก็คือเป็นมังสวิรัติล้วนๆด้วย รอบล่าสุด ( เสียงปรบมือ) ติดรอบล่าสุด 97 วัน ทานมื้อเดียว ตอน 6:00 น มีพวกกล้วยน้ำว้า นมแลคตาซอย และผลไม้อื่นๆ มีความรู้ถึงเราสามารถกำหนดชีวิตตนเองได้น้ำหนักลดไป 30 กิโลกรัม ออกมาหุ่นดีเลย
เพียงแต่ว่า กำหนดเวลาตื่นเวลาหลับ การใช้ชีวิต การออกกำลังกายบริหารร่างกายครบถ้วน ก็ถือว่า มนุษย์กำหนดได้ และช่วงนั้นเป็นช่วงที่ร่างกายมีความสุข นอนก็ติดคุก คนอื่นนอนไม่หลับแต่ผมนอนหลับสนิท 20:00 น ก็นอนหลับแล้ว 03:30 น ก็ตื่นแล้วเป็นวิถีชีวิต
มาที่นี่วันนี้ด้วยความรู้สึกเป็นมิตร ช่วงการเคลื่อนไหวตั้งแต่วัยเด็ก เป็นครูดอยตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ตอนปี 2535 ก็อายุ 20 กว่าๆ จนกระทั่งเผลอแป๊บเดียวอีก 3 วันก็อายุ 60
เพราะฉะนั้นเราก็มองเห็นว่า ท้ายที่สุดไม่มีอะไรใหญ่กว่า รักชาติบ้านเมือง วันนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใด แล้วก็ตามกฎหมายก็เป็นไม่ได้ ทั้งพฤตินัย นิตินัย ทางนิตินัยต้องพ้นโทษ 10 ปี ก็เลิกคิด
ลดเหลือแต่วิธีทางอย่างเดียว ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากจะพาประเทศรอดพ้นอย่างไร ก่อนจะออกจากคุก เขาต้องเรียนหลักสูตรโคกหนองนา และคนที่ ก่อนจะออกจากคุกก็จะเห็นวิถีชีวิต อย่างน้อยก็เป็นวิถีชีวิตของชาวอโศก และที่อาจารย์ยักษ์สอน เป็นหัวข้อที่อยู่ในตำราเรียนหนึ่ง ก่อนออกจากคุกต้องเรียน 14 วัน ถ้าไม่ได้เรียนหลักสูตรนี้ก็ออกจากคุกไม่ได้ แม้ว่าจะมีการพระราชทานอภัยโทษไปแล้วก็ตาม
พอผมไปอยู่ไปเห็นในวิถีชีวิต อย่างเช่นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและโคกหนองนาโมเดล คนที่ทำให้สำเร็จได้ก็มีแต่ชาวอโศกเท่านั้น ผมพูดกับพี่นกเขา ตอนพฤษภา 35 ก็อยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นก็แยกกันไปตามวิถี จนกระทั่งวันหนึ่งเรามีความเห็นว่าประเทศไทย มันมีภัยจากชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันคนในประเทศต่างก็มีความแตกแยกสามัคคี บรรยากาศเหมือนการเสียกรุงทุกครั้ง หมายความว่า ในวันที่ประชาชนมีความขัดแย้ง รัฐบาลก็จะแบ่งแยกประชาชนเพื่อปกครองได้ง่าย
ถ้าบ้านเมืองมีวิกฤตจากปัจจัยภายนอกที่เริ่มจะคุกคามเข้ามา คนจะฉุกคิดได้ไม่มาก ถ้าคนไทยไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยากที่จะเราจะรักษาชาติบ้านเมืองไว้
ท้ายที่สุด เรื่องที่ร้ายแรงมาก คือเรื่องที่คิดจะขายแผ่นดินให้ต่างชาติ คือ ณ วันนี้ คนไทยกว่า 80% ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่น่าเชื่อว่า คน 100 คน มี 80 คนจะไม่มีที่ดิน และ แนวความคิดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเอาที่ไปขายให้กับต่างชาติ และที่ในปัจจุบันนี้ต่างชาติก็ใช้นอมินีถือแทนเป็นจำนวนมาก และไม่มีการตรวจสอบ ถนนเส้นนั้นเส้นนี้เป็นของชาตินี้ เส้นนี้เป็นของชาตินี้ และ ปัจจุบันกำลังจะรื้อฟื้นวางแผนให้ต่างชาติมาครอบครองถูกกฎหมายตามกฎกระทรวง
เพราะฉะนั้น แม้ว่าในนปัจจุบันนั้นกลุ่มทุนน้ำเมาครอบครองเป็นล้านไร่ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ และที่กำหนดว่า จะให้ต่างชาติอีก ต่อไปถ้าต่างชาติที่คลองแปลงละแสนไร่แสนไร่ เรามีประเทศซ้อนประเทศอยู่ประมาณ 10 ประเทศ แล้วคนไทยก็อาจจะต้องไปเป็นคนรับใช้เหมือนอีกหลายประเทศที่เป็นทาส
เพราะฉะนั้นหลากหลายเรื่องราว ว่า ณ ปัจจุบันนี้ เวลาที่เราเหลืออยู่ อายุวัยนี้ก็ต้องคิดว่าจะยกให้ต่างชาติหรืออย่างไร ผมกับพี่ทนายนกเขา เดินสายไปพูดคุยกับคนต่างๆ
ประเทศไทยพูดให้คนแตกแยกกันเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยม คนดูเป็นล้าน
ในชาติเราต้องการความเข้าใจ ในยุคนี้คนลำบากมากที่สุดแต่ไม่ถึงขั้นแย่งอาหารกัน เราโชคดีที่เมืองไทยเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ แต่ไม่ได้วางแผนรับมือว่า ถ้าสถานการณ์วิกฤตต่างๆคนไทยจะรับมืออย่างไร ต้องไม่ลืมว่า คนรวยเพียงครอบครัวเดียวครอบครองที่ เป็นหลายแสนไร่ หลายล้านไร่ ส่วนคนยากจนทั่วไปไม่มีที่ดินทำกิน บ้านเมืองอยู่สภาพนี้ไม่ได้ แทนที่จะออกกฎหมายควบคุมไม่ให้คนรวยถือครองที่ดินมากเกิน แต่กลับออกกฎหมายส่งเสริมอีก
เหมือนกับเรื่องพลังงาน ส่วนใหญ่อยู่ในมือกลุ่มทุนใหญ่กลุ่มทุนต่างชาติ ประเทศชาติได้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย น้ำมันกลั่นในประเทศไทย แต่เวลาคิดราคาก็ สมมุติว่าไปกลั่นที่สิงคโปร์ แล้วก็บวกราคาไปทั้งที่กลั่นในเมืองไทย แก๊ส ก็ไปสมมุติว่าไปซื้อมาจากซาอุดิอาระเบียไปคิดราคาอย่างนั้น พลังงานไฟฟ้าสำรองเกินความจำเป็น โรงงานที่กลุ่มทุนไปสร้างไว้โดยเครื่องไม่ต้องเดิน แต่เราต้องจ่ายเงินทุกเดือนๆ
พวกเราก็เลยคิดว่าจำเป็นจะต้องมาพูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อจะหาหนทางรับมือต่างชาติ วันนี้เรามีคณะหลอมรวมประชาชน เพื่อต้องการให้ประชาชนสามัคคีและมีความฝันว่า ใครมีเรื่องอะไรก็วางเรื่องของตัวเองลง แล้วเอาประเทศไทยเป็นหลัก จึงใช้คำว่าประเทศไทยต้องมาก่อน แล้วก็มา ณ สถานที่ที่เป็นแบบอย่าง
ผมว่าในอนาคตต้องใช้วิถีชีวิตแบบนี้ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ยากมาก วันนี้สภาพเศรษฐกิจนั้นพังพินาศหมด เพียงแต่มันไม่ถึงขั้นที่จะ ระเบิดเถิดเทิง คนในคุก เดินมาเรื่องยาเสพติดกับเรื่องลักขโมยปล้นชิง ซึ่งมันบ่งบอกถึงสภาพเศรษฐกิจที่แย่ ขอบพระคุณพ่อท่าน ที่ให้ความกรุณาให้พวกผมได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนกัน
_คุณสุชัย…อยากจะเรียนถามพ่อท่านว่า รู้สึกอย่างไรที่พี่ทั้งสองมา
พ่อครูว่า… ความรู้สึกก็เป็นความรู้สึกดีๆ อาตมาน่ะ เป็นลูกพระพุทธเจ้าโดยแท้ ไม่ได้เป็นลูกพระพุทธเจ้าอย่างเปลือกๆ หรือขี่ม้ารอบค่าย หรือว่ากระเด็นกระดอนอยู่ข้างนอก ไม่ใช่ แต่อาตมาเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมจริง ได้มรรคได้ผล ของธรรมะพระพุทธเจ้าจริง ก็เลยมีความจริงที่จิตใจของอาตมา ไม่ได้เป็นจิตใจที่หวั่นไหว ไม่เป็นจิตใจที่ไม่มีปัญญา
ในช่วงนี้อาตมาหยิบเอาปัญญา 8 ของพระพุทธเจ้ามาขยายความ ขยายความไปแล้วพิมพ์ออกมาเป็นเล่ม 400 กว่าหน้า เล่ม 1 นี่ เล่ม 2 จะออกอีก อาตมาทำไปแล้วคิดว่าจะทำเล่ม 3 ซึ่งก็อาจจะต่อไปเล่ม 4 เล่ม 5 ก็ยังไม่รู้เลย แตกออกขยายคำว่าปัญญา
อันนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก ปัญญาเป็นความรู้ความฉลาด แบบโลกุตระซึ่งเป็นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ตรัสรู้ ไม่ใช่โลกียธรรม เป็นโลกุตรธรรม ซึ่งเป็นความรู้ที่แปลกแยกแตกออกมาจากความรู้โลกียธรรมของมนุษย์ เป็นของศาสนาทุกศาสนาที่เป็นเทวนิยม
แต่ของพระพุทธเจ้านี้เป็น อเทวนิยม เป็นโลกุตระ อันนี้จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ แต่มันเป็นความจริงที่ประเสริฐสุด
อาตมาภูมิใจที่ชาตินี้เกิดมาทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ พาคนมาทำสำเร็จ ปรากฏ ก็ขอยกอ้างประกอบอย่างสำคัญ ในหลวงร.9 ของเรา เป็นพุทธศาสนิกชน เป็นพุทธมามกะที่แท้ เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องของโลกุตรธรรมสืบทอดกันมา ในกรรมวิบากของพระองค์มาจนกระทั่งถึงปางนี้ ท่านเป็นโพธิสัตว์แท้ๆ
สิ่งที่ตัดสินได้ง่ายๆ เป็นประเด็น เป็นเงื่อนไขง่ายๆ ที่จะบอกว่าอะไรเป็นโลกุตระ อะไรเป็นโลกียะ ความรู้ทั่วไปของปุถุชนกับความรู้ของสาระที่เป็นของอารยชนแท้
ประเด็นที่จะตัดสินเลยคือ คนมาจน ประเด็นตัดสินเลยคือคนมาจน เห็นดีเห็นงามเลยว่าจิตมันเห็นจริงเลยไม่ได้เสแสร้งมันมีปฏิภาณปัญญานึกเลยว่าต้องมาจนจริงๆ ไปรวยนั้นพูดชัดๆคือ เลว
และขอสรุปอีกที คนที่ปฏิบัติตนไปรวยนั้นเลวทุกคน คนปฏิบัติตนเป็นคนจนดีกว่า
คำว่าแบบคนจนนี้ต้องขยายความคำว่าแบบคนจนนี้ต้องขยายความ อาตมาเขียนหนังสือเปิดยุคบุญนิยม หนังสือคนจนที่มีแบบ แต่ในหลวงท่านตรัสเป็นคำตรัสของในหลวงว่า แบบคนจน
อาตมาก็ขยายความ เป็นหนังสือคนจนที่มีแบบออกมา
สรุปแล้วมันเป็นเรื่องทวนกระแส คนทั้งโลกคิดเขาจะไปรวย ไม่เข้าท่า ต้องอย่างนี้ แต่คนทางธรรมะโลกุตระคิดอีกอย่างหนึ่ง เขาจะเห็นว่าไม่เข้าท่าเลยมาจน อาตมามี โลกหรือม็อตโต้ พูดไปสู่สังคมว่า “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ”
ถ้าใครได้ยินแล้วจะสะดุดใจต้องเอาไปคิด และไม่ใช่พูดปากเปล่าแต่เราลงมือทำด้วย ทำอาหาร พวกเราเป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด จะมาเอาธนบัตรแบงค์โน้ตไม่มี ไม่รวย คนชาวอโศกแบงค์โน้ตไม่ต้องเอามาพูด ไม่มีห่วง
ถ้าจะพูดถึงธนบัตรที่ใช้แทนค่าอะไรในโลกทุกวันนี้ ดอลลาร์เลวที่สุด เพราะมันปั๊มออกมาอย่างที่มันไม่ยับยั้งเลย ทุกวันนี้ถ้าเอารวบรวมดอลลาร์คืนมา แล้วเอาทรัพยากรมาคืนแทน เอาดอลลาร์คืนไป ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่เหลือเลย ไม่เหลือจริงๆ อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ในแนวคิดที่เป็นแนวคิดที่อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าจริงๆ เป็นแนวคิดออกมา จนแม้แต่ที่สุดอาตมาพูดว่า เป็นคำพูดของอาตมา ในยุคของพระพุทธเจ้ายังไม่มีคำพูดนี้ เป็นคำพูดที่อาตมาเอามาประยุกต์ร่วมสมัยยุคนี้ จะมาพูดว่า พระพุทธเจ้านี่แหละเป็นนักประชาธิปไตยสุดยอด สมัยพุทธเจ้าไม่มีคำว่าประชาธิปไตย มีแต่โลกาธิปไตย ธรรมาธิปไตย อัตตาธิปไตย แต่คำว่าประชาธิปไตยไม่มี
แต่อาตมาเข้าใจถึงสารัตถะ ของความเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าที่พาทำ
ความเป็นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าที่พาทำนั้นคือ ประเด็นที่ชัดเจนมากก็คือ ประชาชนมีอิสรเสรีภาพ ประชาชนมีภราดรภาพ ประชาชนมีสันติภาพ ประชาชนมีสมรรถภาพ ประชาชนมีบูรณภาพและแถมยังมีสุญภาพและสุนทรียภาพ
นี่เป็นคุณลักษณะแท้ๆของพระพุทธเจ้า สร้างคน ประชาชน
พระพุทธเจ้าสร้างคนลักษณะนี้ได้สำเร็จ ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในยุคทาส ในยุคที่เขาไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนกัน ถูกพระเจ้าแผ่นดินริบสิทธิไปหมด เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อจำกัดมากที่พระพุทธเจ้าจะทำกับประชาชนทั่วไปได้ ท่านก็มีกุศโลบายที่ชัดเจนว่าให้มาอยู่กับท่านแล้วมาเรียนรู้พระธรรมวินัยเรียนรู้หลักเกณฑ์ศีลสมาธิปัญญาตามแบบ
ท่านก็มีกุศโลบายที่ชัดเจนว่าให้มาอยู่กับท่านแล้วมาเรียนรู้พระธรรมวินัยเรียนรู้หลักเกณฑ์ศีลสมาธิปัญญาตามแบบของเรา ศีล สมาธิ ปัญญา ตามแบบของเราก็แล้วกัน
อาตมา เน้นคำว่า bank note คำว่า ธนบัตร เป็นเรื่อง เป็นวัตถุมายาที่เลวร้ายที่สุดเลย
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทำสำเร็จได้ในสงฆ์ของท่าน ตามหลักพระธรรมวินัย แม้ในทวีปอินเดียมีแคว้นใหญ่แคว้นโกศล แคว้นมคธ พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสาร เป็นแคว้นใหญ่มาก ในอินเดีย เป็น 2 แคว้นใหญ่ในทวีปอินเดีย พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นรัฐเป็นประเทศของท่านเล็กๆ แคว้นสักกะไม่ใหญ่เลย แต่ว่าพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าพิมพิสารยอมยกให้เลยให้เป็นอาจารย์ ให้เป็นปุโรหิต เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์แต่ท่านได้สิทธิอันนี้ จากผู้ยิ่งใหญ่คือพระเจ้าปเสนทิโกศล และพระเจ้าพิมพิสาร แคว้นมคธ ทั้งสองพระองค์ยกให้เลย
ยกให้ถึงขนาดในตำนานมีว่า พระพุทธเจ้าทูลถามพระเจ้าอชาติศัตรู ตอนนั้นพระเจ้าอชาตศัตรู ซึ่งเป็นพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร พระพุทธเจ้าลองถาม ถ้าคนของท่าน เป็นคนใกล้ชิดเลย ตื่นก่อนนอนทีหลังรับใช้อย่างใกล้ชิดเลย ท่านรักมาก เพราะว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิด ซึ่งพระองค์รักมาก พระพุทธเจ้าถามว่าถ้าจะเอาคนนั้นมาบวชในลัทธิของพระพุทธเจ้า มาเป็นคนของพุทธเจ้าท่านจะว่าอย่างไร
พระเจ้าอชาตศัตรูนี้ไม่ได้บรรลุพระโสดาบัน เพราะว่าท่านได้ทำอนันตริยกรรมคือประหารพระราชบิดา ขนาดนั้นนะ ขนาดพระเจ้าอชาตศัตรู ที่มีปัญญาเป็นโสดาบันไม่ได้ แต่ก็มีความเฉลียวฉลาดมากพอ ที่เห็นความสุดยอดประเสริฐของพระพุทธเจ้า พอพระพุทธเจ้าตรัสถามแบบนั้น คนของท่านมาอยู่กับเราแล้วท่านจะทำอย่างไร พระเจ้าอชาตศัตรูก็บอกว่าก็ต้องสนับสนุนเขาให้อยู่เลย ให้เจริญเลย.. พระพุทธเจ้าว่า แล้วไม่เอาคืนหรือ.. ไม่เอาคืนหรอกสนับสนุนให้เขาทำเลย มาทางนี้เจริญที่สุด ถึงอย่างนั้นเหรอถึงอย่างนั้นเลย มันเป็นความซับซ้อนลึกซึ้งมากในตำนาน ในประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธ
เพราะฉะนั้นสรุปแล้วแนวความคิดของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้นี้ ที่เรียกกันภาษาวิชาการว่า โลกุตรธรรมหรืออารยธรรม อารยธรรม เป็นศัพท์จาก คำว่าศิวิไล ซึ่งมันมีการแสดงพิเศษอีกมากมาย มันก็เป็นอยู่อย่างนั้นไม่มีใครจะมาบังคับเขาและเขาก็เป็นจริงๆของเขาอย่างนั้น มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นตถตา เขาก็เป็นเช่นนั้น เพราะเขาอยู่ในกรอบแค่โลกีย์
กรอบของโลกีย์คืออะไร ก็คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ต้องเป็นเจ้าโลก ลาภก็ต้องเป็นของข้า ยศก็เป็นของข้า สรรเสริญเป็นของข้า ความสุขก็เป็นของข้า แต่โลกุตระนั้นไม่เอาเลย เลิกหมดเลย ลาภยศสรรเสริญสุข ใครอยากได้ก็เชิญ กลายเป็นคนที่หมดลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ซึ่งพูดก็จะเข้าใจกัน ไม่ใช่เป็นภาษาลึกลับอะไร หรือจะบอกว่าไม่ใช่ภาษาลึกซึ้ง แต่ก็ลึกซึ้ง ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เขาก็พูดกันทั้งนั้น แล้วท่านก็ไม่เอาจริงๆ ปล่อยวางหมดจริงๆ
พระพุทธเจ้าออกมาจากการเป็นพระเจ้าแผ่นดิน รูปธรรมก็ชัด นามธรรมก็แน่นอนชัดอยู่แล้ว ออกมาเป็นพระสมณโคดม เป็นนักบวชโกนหัว ซึ่งในยุคนั้นคนโกนหัวเขาถือว่าเป็นคนชั้นต่ำ แต่พระพุทธเจ้าโกนหัว เดินพระบาทเปล่า นุ่งห่มผ้าห่อศพ เก็บผ้าห่อศพมา เก็บผ้าจีวร ผ้าบังสุกุลที่เขาทิ้งมาเย็บใส่กฐินใส่สะดึง ให้เป็นผืนพอที่จะห่มได้ อยู่อย่างคนจนที่สุด
สรุปเข้าเป้า อยู่อย่างคนจนดีที่สุด แม้แต่ชีวิตพระพุทธเจ้าก็ทรงมาเป็นคนจน มีชีวิตอย่าง ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา ภาษาบาลี แปลว่า ชีวิตของตนเองนี้ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ ตนเองจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวไม่แคร์ จะมีกินหรือไม่มีกิน จะมีที่นั่งที่นอนหรือไม่ ไม่แคร์
อาหารการกิน ท่านไม่ได้ไปขอนะ อาตมา เขียนหนังสือเรื่อง ศาสตร์และศิลป์ของการบิณฑบาต ตั้งแต่เป็นสามเณรก็ให้อ่าน เพราะจะต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพเรียกว่าเลี้ยงตนเองด้วยปลีแข้ง คุณไม่มีเงินมาซื้อของ ในพระธรรมวินัยห้ามไว้ เพื่อท้าทายว่า ถ้ามาบวชแล้วเป็นคนไม่ดีเขาไม่เลี้ยงไว้นะ คุณก็ตาย เพราะฉะนั้นต้องให้เข้าตาประชาชนเพราะฉะนั้นต้องให้เข้าตาประชาชน เขาให้อยู่ให้กินเลี้ยงไว้ แล้วท่านก็ไม่ต้องไปหลอกล่อเขา ไม่ เป็นคนธรรมดาสามัญมาก และเป็นคนจนด้วย
เป็นคนที่มีที่พึ่งอย่างเดียวคือ ความรู้ทางโลกุตรธรรม อาตมาสรุปความรู้โลกุตรธรรมเป็นรูปธรรมง่ายๆชัดๆเอาไว้ 4 ข้อ 4 ประเด็น
-
ไม่เป็นหนี้
-
ตนเองต้องทำมาหากินเลี้ยงตนเองรอด อย่าไปเบียดเบียนใคร อย่าไปรบกวนใคร มีสมรรถภาพมีความรู้ความขยันทำกินทำใช้ให้รอดของตัวเอง
-
สร้างให้มากเกินกว่าที่ตัวเองกินใช้
-
แจกผู้อื่น