651026 ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือปัญญาอันปราศจากกิเลส พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/15MGr4DirJmpE20TLwtjkMGSlO6v_7OsaAXzSZInq3wo/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Oc7CYZX0HPpOeMWw-e37G-IEChKZiUrX/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/b8dqx5txMS0
และ https://fb.watch/goVzXquIRO/
พ่อครูว่า…วันนี้ วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก ขอ sms
SMS วันที่ 22-23 ตุลาคม 2565
เหตุผลคือความบ้าอัตตาคือความจริง อาจจะไม่จริงเสมอ
_โกศล สุขเล็ก : กราบคารวะท่านสมณะ..เสียงข้างมากถ้าเหตุผลไม่ถูกต้องก็จะกลายเป็นพวกมากลากไป..
พ่อครูว่า… อันนี้ก็จริง…แสดงความเห็นมาว่า เสียงข้างมากนี่ ถ้าเหตุผลไม่ถูกต้องหรือว่าสัจจะมันไม่ตรง แต่มันก็รวมหัวกันเป็นกลุ่มมากได้ เพราะฉะนั้น คำว่า ประชาธิปไตย คะแนนเสียง ประชาธิปไตยที่นับหัวคะแนน ได้คะแนนเสียง หรือว่าประชาธิปไตยให้ประชาชนไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งในวิธีการที่จะเลือกตั้ง พวกที่เขาเป็นเจ้าอำนาจที่จะสร้างวิธีการ สารพัดซับซ้อน ได้ผลออกมา มันไม่มีบริสุทธิ์สะอาดไปได้หรอก มันเป็นกลวิธี ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งนี้ อาตมาบอก มันโมฆะ แต่เขาก็ต้องอาศัยกัน ในโลกนี้เขาไม่มีวิธีการใดที่จะทำได้ดีกว่านี้ เขาก็ต้องอาศัยกัน
คอมมิวนิสต์ เขาไม่เลือกตั้งให้ประชาชนทั้งหมด แต่เขาก็เลือกตั้งกันในหมู่คณะ คอมมิวนิสต์ก็คือ เผด็จการหมู่ เป็นหมู่คณะหมู่หนึ่ง คณะหนึ่งจะกี่คนก็แล้วแต่ของเขา แต่ละสังคม แต่ละกลุ่ม แต่ละรัฐบาล แต่ละประเทศ ก็ไม่เท่ากัน หรือแม้แต่เขาเองก็ไม่เท่ากันเข้าออกบ้าง แต่ก็มีประมาณนึง เป็นเจ้าอำนาจ เขาเรียกอะไร โปลิตบูโร เป็นอำนาจของคณะ อาตมาก็ไม่ค่อยเก่งในเรื่องของ พวกที่ใช้อำนาจทั้งหลายแหล่ ก็อธิบายกันบ้าง
จะเสียงข้างมากข้างน้อยมันไม่สำคัญ อาตมาเคยถาม คนว่า ถ้าเผื่อว่า เนี่ย มวลประชาชน เขาบอกว่าอย่างนี้ แล้วพระพุทธเจ้าองค์เดียวท่านตรัสว่าอย่างนี้ คุณจะเชื่อประชาชนที่มวล ไม่ใช่น้อยหรอก เป็นแสนเป็นล้าน กับพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ยืนยันอย่างนี้ คุณจะเชื่อใคร อาตมาเคยถาม
คนที่เขาศรัทธาพระพุทธเจ้า เขาก็บอกว่าเขาเชื่อพระพุทธเจ้า แต่คนที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แน่นอน เขาก็เอาเสียงข้างมาก พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธเสียงข้างมากนะ ในการบริหาร ในการจัดการกับสังคมหมู่ให้เกิดวิธีสงบระงับ อธิกรณสมถะ 7 ท่านก็มีข้อหนึ่งที่เป็น เยภุยยสิกาคือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ตัดสินโดยการใช้เสียงข้างมากเป็นเครื่องตัดสิน วิธีการตัดสินความ 7 ประการของพระพุทธเจ้าสุดยอดแล้ว ครบ ในเรื่องของกฎหมาย ในเรื่องของกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาอะไรจะต้องเรียน อธิกรณสมถะ 7 สมบูรณ์แบบแล้ว ท่านประมวลเอาไว้ ซึ่งมีนัยยะซับซ้อนลึกซึ้ง
_ปิ่น คำเพียงเพชร · น้อมกราบนมัสการท่านสมณะเดินดิน ติกขวีโร ท่านสมณะบินบน ถิรจิตโต ท่านสมณะดวงดี ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ กราบขอบพระคุณที่ให้สัมมาทิฏฐิ นำเรื่อง “เหตุผลคือความบ้า อัตตาคือความจริง” มาขยายอีก ถูกกิเลสโยมจังๆ โยมได้รับประโยชน์มากค่ะ จะน้อมนำไปปรับปรุงแก้ไขตัวเองต่อไปค่ะ
พ่อครูว่า… นี่เป็นคำที่อาตมาพูดไว้ เหตุผลคือความบ้า อัตตาคือความจริง ที่จริงแล้วมันก็ซับซ้อน มันไม่จริงทั้งคู่แหละ แต่ว่าถึงอย่างไรก็ตามแต่ ถ้าจริงๆแล้วอัตตาของผู้ที่มีปัญญาจริง อัตตาของผู้ที่มีอย่างที่พูดอย่างเมื่อกี้นี้ พระพุทธเจ้ากับมวลใครต่อใครต่างๆ นี่แหละเป็นปัญหาโลกแตก ระหว่างเหตุผลก็ดี ระหว่าง 2 ขั้ว ปัญหาโลกแตก จะพูดกันอยู่เมื่อไหร่ก็ไม่จบหรอก
_พลังเพ็ญ คำด้วง · กราบนมัสการท่านส. เดินดิน ส.บินบน และ ส.ดวงดี ค่ะ “จริงๆค่ะ จะเห็นอัตตาตัวตน ต้องออกมาร่วมกิจกรรมต่างๆกับหมู่คณะ มันจะเห็น อารมณ์หลากหลาย ทั้งตัวติดยึด ทั้งชอบทั้งไม่ชอบ เพราะคนแต่ละคนความคิดก็แตกต่างกัน จริตนิสัยแตกต่างกัน ถ้ามีสติดีๆจะได้ประโยชน์มาก ในการลดอัตตาตัวตน” กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…นี่แหละเป็นการศึกษา เราจะเห็นสภาพ 2 ที่เปรียบเทียบกันไป มีคู่ให้เปรียบเทียบศึกษา อาตมาก็สรุปไม่เก่ง ว่าจริงๆแล้วในมหาจักรวาล ในเอกภพ ในทุกสิ่งทุกอย่าง คำว่าเทวะ หรือคำว่าสอง มันจะต่างกัน แล้วมันก็ต้องร่วมกัน มันจะต่างกัน แต่ถ้าเผื่อว่าคุณจะอยู่ร่วมกันด้วยความสงบอบอุ่น คุณต้องอยู่กันอย่างเข้าใจ พระพุทธเจ้าสรุปรวมอันนี้ลงไป แตกต่างกันที่สุดแล้ว มันไม่มีทางจะตกลงกันอีกแล้ว ว่า นานาสังวาส ถ้าร่วมกันอยู่อย่างสนิทสนมก็เรียกว่าสังวาส ถ้ามีต่างกันก็เป็น นานาสังวาส เป็นภาวะ 2 ขึ้นมาทันที ถ้ามีหนึ่งเดียวก็เป็นสังวาส ถ้าแตกแยกกันเลยก็เรียกว่า อสังวาส ถ้าพอกะล่อมกะแล่มพออยู่กันไป เรียกว่า สมานสังวาส นี่คือศัพท์ทางวิชาการของศาสนา
_มุ่ง ตรงธรรม · ขอบพระคุณท่านสมณะ ข้อธรรมในรายการพุทธศาสนาตามภูมิของวันศุกร์ที่ 22 ต.ค. 65 นี้ โดนทุกดอกครับ เมื่อก่อนโยมยิ่งเยอะมากครับ ช่วงกลับมาอยู่พม่าแรกๆ มาอยู่กับพุทธแบบกระแสหลักสังคมพุทธที่ยังมิจฉา ยังมีแต่ภูติผีเทวนิยม ทำนายทายทัก จุดเทียนบูชาไฟ สะเดาะเคราะห์ ก่อกองทราย อัตตาโต จิตกระด้างไม่เคารพ หมดจิตสุดจิตสุดใจครับ เวลาไหว้มือไหว้แต่ใจไม่ยอมอ่อนน้อมตามมือ ปัจจุบันอยู่ด้วยกันมาหลายปี ยอมรับและเข้าใจเขาได้มากขึ้น จิตที่เคยกระด้างมากค่อยลดลงได้มาบ้างครับ เมื่อเราเข้าใจเขาได้มากขึ้นตัวตนเราก็ลดลงตามจิตที่ยอมรับในสิ่งบุคคลอื่นเขาเป็น สามารถไหว้นอบน้อมนักบวชได้ทุกฐานะจิต เคารพในส่วนดีเขา สามารถไหว้ได้ทุกคนด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้นครับ ต้องกราบคอบพระคุณท่านสมณะครับ แสดงธรรมหัวข้ออัตตา ให้ได้เห็นความน่ารังเกียจของผีอัตตา ยึดดี ติดโง่ ชั่วทุกข์ ได้เห็นความน่ารังเกียจได้ชัดยิ่งขึ้นครับกราบสาธุ สาธุ สาธุครับ
พ่อครูว่า…ก็เป็นประโยชน์เนาะ เทศน์ไปแสดงธรรมไป เราก็มีประโยชน์กับมนุษยชาติ เราได้เราก็แสดงความเห็น เขาเห็นด้วย ถูกต้อง เราก็ยืนยันว่าเราศึกษานี้ถูกต้อง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ว่าไป
_ตุ๊ก อัศวิน · กราบขอบพระคุณ ท่าน ส บินบนเจ้าค่ะ..ท่านให้ข้อเตือนใจ..’ทำตนให้เป็นสะใภ้ใหม่เสมอๆ’..สาาาธุ เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… นี่เป็นของท่านบินบนท่านบอก… เอ้าดี! ก็ เข้าใจอันนี้
SMS วันที่ 24-25 ต.ค. 2565
_Songyut Akkakoson (ทรงยุทธ อัคคโกศล) : กราบเรียนท่านสมณะท่านสิกขมาตุ ecological niche = the position or function of an organism in a community of plants and animals
ขอกราบเจริญอภัยครับ ขออนุญาตหาข้อมูลเพิ่มเติม NICHE — ชีพพิสัย
ชีพพิสัย (niche) — แปลเอาแบบง่ายๆคือ วิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ตั้งแต่เกิดจนตายว่ามีรูปแบบ+วิถีการดำเนินชีวิตอย่างไร (ในทางนิเวศวิทยายังรวมหมายถึง ทรัพยากรที่สิ่งมีชีวิตนั้นๆใช้ในชีวิตด้วย) เช่น หากินอย่างไร เมื่อไร อย่างไร อาศัยอยู่ที่ใด สืบพันธุ์อย่างไร เป็นต้น
พ่อครูว่า…คือมันเป็นชีวะแล้ว แล้วก็เริ่มต้น มันจะติดอยู่ใน ถือว่าจะเป็นห้อง เป็นโพรง เป็นอะไรก็แล้วแต่ มีกรอบ ติด พอมันหลุดออกมานี่ มันจะเป็นตัว Niche เป็นชีวะ คนนี้ตั้งศัพท์ว่า ชีพพิสัย แล้วมันก็จะดำเนินบทบาทไป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ก็ยังไม่ละเอียดดีหรอก คนที่เข้าใจศึกษานี้
โครงสร้างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ก็เป็นโครงสร้างใหญ่ อันนี้ก็เป็นจุดเล็กที่เริ่มต้นเกิด ก็ศึกษาไป อันนี้เป็นรายละเอียดต่างๆ แต่ที่เป็นตัวประเด็นที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรารู้จักอริยสัจ 4 นี้เป็นตัวสำคัญ ศึกษาอันนี้ไปแล้วจะค่อยๆได้ ถ้าบรรลุอันนี้จะบรรลุสภาพ 2 บรรลุสุขทุกข์นี้ พอได้จุดสำคัญได้บรรลุสภาพ 2 นี่แหละ มันจะเป็นปัญญาอันวิเศษที่จะนำพาเราไปเข้าใจไอ้พวกนี้ได้ดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ง่ายขึ้น
ที่สุดแห่งพุทธศาสนาคือ ปัญญาอันปราศจากกิเลส
_โกศล สุขเล็ก · กราบคารวะพ่อท่าน..พุทธศาสนาที่สุดคือปัญญาอันปราศจากกิเลส
พ่อครูว่า…ถูกต้อง ที่สุดของพุทธศาสนาคือ ปัญญาอันปราศจากกิเลส ปัญญาคือความรู้ที่ปราศจากกิเลส ถ้ายังเหลือกิเลสอยู่ ปัญญาก็ยังไม่บริบูรณ์ ถ้าบริบูรณ์เมื่อไหร่ก็คือปัญญาแท้ๆที่ไม่มีกิเลส หมดความสงสัย หมดความกังขา หมดความไม่รู้รอบ ปัญญาอันยิ่งก็รู้รอบและเป็นพลังงานที่สุดยอด
_สติพล จนพัฒนา · **การคลุกคลีกับหมู่คณะเกินไปก็ไม่ดี..การอยู่โดดเดี่ยวเกินไปก็ไม่ดี..ต้องรู้จักกาลเทศะฐานะควรหรือไม่ควรอย่างไรจึงจะดีขอรับ.
พ่อครูว่า…อันนี้อยู่ที่ปฏิภาณของแต่ละคน ปฏิภาณของแต่ละคนที่จะต้องตัดสินเอา เหมาะสมของตน ว่าจะควรเท่าไหร่ พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสเอาไว้ว่า สิ่งที่เหมาะที่ควร พระพุทธเจ้าตรัสเป็นสูตรเอาไว้แล้วว่า เอาอันนี้ผสมกับอันนี้มันก็มีสิ่งที่ท่านตรัสไว้ ถ้าสิ่งใดที่มันไม่มีแล้วในที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อันนั้นก็จะต้องตัดสินเอง ตามมหาปเทส ตามเหตุปัจจัย ตามกาละ เทศะ ฐานะต่างๆที่มันเกิดอยู่
คำว่า กาละ เทศะ ฐานะ อาตมาก็ หมายถึงสภาพ 3 เส้า กาละ คือ การเคลื่อนที่อยู่ เทศะ คือ ภูมิประเทศ ฐานะ คือ ภูมิธรรม จำง่ายๆไว้แค่นี้ก่อน
กาละ คือการเคลื่อนของเวลา การหมุนไป การดำเนินไปอยู่ตลอด เราก็อยู่กับการดำเนินไปตลอด แล้วมันก็มี เทศะ หรือ มีภูมิประเทศ ซึ่งมันไม่อยู่กับที่หรอก มันไม่เที่ยง เพราะคุณอยู่นี่คุณก็หมุนไปกับโลกแหละ โลกมันก็หมุนไปรอบพระอาทิตย์อีก พระอาทิตย์ก็รอบจักรวาลอะไรไปอีก จักรวาลน้อยจักรวาลใหญ่ ซับซ้อนไม่รู้กี่ชั้น ไม่มีอะไรเป็นเอกเทศเลย มันจะต้องเกี่ยวกันไปหมด
เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย ในพยัญชนะ
_ตุ๊ก อัศวิน · Amazing..เจ้าค่ะ ความล้ำลึก ของ ‘พยัญชนะไทย’..ที่ พ่อครู แจกแจง มาให้สดับนี้ แม้นยังไม่เข้าใจ.. ณ กาละนี้ เพราะปัญญายังไม่ยิ่ง จักพากเพียรใฝ่รู้..เจ้าค่ะ อย_สย_มย_วย_ภย_?!!?
ขอโอกาส..เจ้าค่ะ ประเทศทางตะวันตก..เขาก็สนใจเรื่องข้ามภพข้ามชาติ ถึงขนาด เขียนหนังสือ Only love is real. (เราจะข้ามเวลามาพบกัน) เป็นเรื่องจริงของคู่แท้แต่ชาติปางก่อน (Soulmates)ซึ่งเขียนขึ้นจาก บันทึกฯ_ ถอดเทป_ความทรงจำ ของ จิตแพทย์ ไบรอัน ไวส์ ฟังว่า..เป็นหนังสือที่ขายดีมากเล่มหนึ่ง..เจ้าค่ะ
ดังนั้น..หนังไทยเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส 2’ จึงเป็นเรื่องที่พวกเขา..พอจะเข้าใจได้..มะเจ้าคะ กราบด้วยความเคารพยิ่ง..เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…อย เริ่มต้นคู่แรก, สย พลังงานโดยเอาเศษวรรคตัวที่ 5 มาใช้, มย เริ่มต้นไปหาพยัญชนะแล้ว ตัว ป ผ พ ภ ม ตัว ม ตัวจิตวิญญาณแล้ว มยัง มย ตัวเรา ตัวตน
วย กลับมา วย อีก ย ร ล ว นี่เป็นตัวที่ 5 ของเศษวรรค แล้ว ย เป็นตัวที่จะขยาย เป็นตัวต้นของเศษวรรค, ย หมายถึง เริ่มพลังงาน เริ่มจะมีความเป็นยางเหนียว ความจะไปเกาะเกี่ยวความจะไปร่วมผสมกับอะไรได้ตลอดเวลา ย ตัวนี้
ภย อันนี้ก็ค่อยๆเรียนไป มันก็ค่อยลึกซึ้งไปเรื่อยๆ อาตมาก็ดูว่าจะไม่มีใครมาขยายความแบบนี้ เขาเรียนนะ ที่เขาแบ่งกันตามวิชาการของเขา ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับที่อาตมาอธิบาย อาตมาใช้ตัวพยัญชนะเป็นรากเหง้า แล้วผสมกันเป็นสภาวะ ส่วนการเรียนที่โลกเขาเรียนกัน เขาเรียนมีไวยากรณ์ ไวยกรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ อะไรพวกนี้ เขาเรียนกัน เขาจะเรียนเป็นสูตรพวกนั้น ซึ่งค้านแย้งกับอาตมา เพราะอาตมาไม่ได้เอาพยัญชนะที่เขาเรียนกันเป็นระบบพวกนั้นมา แต่อาตมาก็อาศัยพวกนั้นใช้ได้ประมาณหนึ่ง แต่อาตมาเอาเนื้อแท้ของสภาวะเป็นหลัก อาตมามีความรู้เดิม มีความรู้เก่าแก่มาเป็นสภาวะเป็นหลัก มาอาศัยพยัญชนะตอนนี้ก็มาโมเมๆ ไปกับเขา ซึ่งก็มีพื้นฐานบ้าง ก็พยายามดึงคืนมา รื้อฟื้นขึ้นมา ไม่ง่ายเลย ซึ่งก็ไม่ได้ครบง่ายๆ แต่ก็แปลก
บางคนบอกว่า มันนอกรีตนอกรอยนอกสิ่งที่เขาสอนกัน ก็ถูก คือมันมีนักรู้ เป็นครูบาอาจารย์ที่เขาวางรากฐานความรู้ไปเรื่อยๆ มันทำได้มันก็ใช้อาศัยไป แต่จะยิ่งไกลจากสัจจะ ไปเรื่อยๆบานปลายไปเรื่อยๆ เป็นโลกจินตา
…เรื่องบุพเพสันนิวาสสิ่งนี้เป็นอจินไตย เป็นกรรมวิบาก
ก็ใช่สิ เขาเริ่มเข้าใจ เขาเริ่มรู้เรื่อง เริ่มสนุก เริ่มเห็นเป็นนิทาน มันจะมีเหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัย สมุทัยกับปัจจัย จะเป็นเหตุเป็นปัจจัย จะเป็นสภาวะ 2
เริ่มต้นมีเหตุแล้วก็จะมีเรื่องราว คนมันมีเรื่องราวแต่มันไม่รู้เหตุเลย มันก็จะมืด งง ไม่รู้ที่มาที่ไป พอเริ่มต้นรู้เหตุ ก็ชักจะ เฮ้ยๆ มีที่มานี่หว่า พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสรู้ ทุกอย่างมาแต่เหตุ ดับเหตุเสียได้ ทุกอย่างดับหมด นี่ก็เป็นตัวสรุปจบ ก็ยังอีกนานพวกที่เขาเริ่มสนใจบุพเพสันนิวาส เทวนิยมทางตะวันตกนั่นเอง หรือแม้แต่ตะวันออกที่ยังไม่เข้าแกนของโลกุตระของพระพุทธเจ้าแท้ ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ แม้จะเป็นพุทธแล้วก็ค่อยๆมา เพราะมันเสื่อมมานาน อาตมาขอยืนยัน ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ไม่ได้พูดเอาเอง ตามอาณิสูตร กลองอานกะมันเสื่อม มันผ่านมา 2,500 กว่าปีแล้ว
ถ้าหากอาตมาไม่มารื้อฟื้นโลกุตรธรรมขึ้นมา รับรองศาสนาพุทธไม่ถึง 5,000 ปี ศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดม ไม่ถึง 5,000 เสื่อมสูญหมดก่อน เรื่องบุพเพสันนิวาส 2 ไปได้รางวัลระดับโลกเลย ก็ดี ก็ค่อยๆเริ่มต้นศึกษากันไป อาศัยนิทานหรือนิยาย เรียกกันใหม่ๆว่า นวนิยาย ด้วยนะ ก็เอา
_ป่ารุ่ง วนาศิริ · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงด้วยเศียรเกล้า
วันที่ 24 ต.ค. 2565 พ่อท่านเทศน์เนื้อหาที่เป็นธรรมะขั้นสูงและลึกซึ้งมากครับ กระผมคิดเอาเองว่า เข้าใจได้ลึกซึ้งจริงๆครับ จนกระผมเองอยากจะเข้าถึงสภาวะธรรมที่พ่อเทศน์ให้ได้จริงๆในชีวิตนี้ครับ เพราะเป็นความจริงสูงสุดและเจริญสูงสุด ที่จิตของกระผมใฝ่หาคำตอบมาตลอด จนกระทั้งปัจจุบันนี้รู้สึกได้แล้วว่า “เจอ-จบ- จริง”✨🙏✨
พ่อครูว่า…ก็ขออนุโมทนา แล้วก็ขอเอาใจช่วย ที่คุณจะเจอจะจบจริง
กฐินบาป-ผ้าป่านรกอเวจีเป็นเช่นไร
_ไตรทิพย์ กนกแก้ว · อยากทราบ ความหมาย คำว่า กฐินบาป คืออะไรจ้า ไปร่วมงานทอดกฐินตลอด คนที่ไปทำบุญทอดกฐินจะบาปหรือไม่ อยากรู้จ้า
พ่อครูว่า…ตอบให้รู้จ้า คนไปทอดกฐินทุกวันนี้ร่วมกันได้บาปจ้า พูดอีก คนไปร่วมกันทอดกฐินทุกวันนี้ได้บาปจ้า ได้บาปอะไร ได้บาปคือร่วมกันทำจารีตประเพณีที่เน่าเฟะ จารีตประเพณีที่เต็มไปด้วยกิเลส จารีตประเพณีที่คนอวิชชาร่วมหัวกัน ใช้เป็น กโลบาย ขอเรียกคำว่า กโลบาย ไม่เรียก กุศโลบาย กโลบายคือกลอุบาย เป็นกลยุทธ์ กลวิธีชนิดหนึ่ง ของคนยุคนี้ คนยุคนี้ โดยเฉพาะ..ขออภัยที่ต้องพูด พระนี่แหละตัวดี ใช้เรื่องทอดกฐินนี่ เป็นเรื่องหาเงินให้แก่ตัวเอง
ดีนะที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ว่า กฐินนี้ 1 วัด ปีหนึ่งทอดได้ครั้งเดียว ภายในเดือนเดียวด้วย ถ้าหากพ้นเดือนนึงไปแล้วนี่ ทอดกฐินไม่ได้นะ
กฐิน แปลว่า สะดึง ที่เป็นสะดึงใหญ่เท่ากันกับความใหญ่ของจีวร พระ นี่แหละ แล้วก็ไปหาผ้ามา เก็บมา พาไปเก็บมาเอามาตัดต่อเป็นสี่เหลี่ยม จะได้เย็บรวมกันได้ ก็เลยเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าบ้างสี่เหลี่ยมจัตุรัสสี่เหลี่ยมอะไรต่ออะไรไม่เสมอกันหรอก แต่เขาก็พยายามตัดให้มันเข้าที่เสมอกันจะได้ต่อเป็นแถวเป็นแนวมา เพื่อที่จะได้เต็มสะดึงเป็นผ้าจีวร ก็ดูทรมานสมัยโบราณ ได้เต็มสะดึง
นางวิสาขาเห็นเข้าก็เลยสงสาร กว่าจะได้ผ้ามาก็ต้องไปเก็บมาจากผ้าห่อศพ จะได้ผืนโตหน่อย ผ้ากระปริดกระปรอยเรียกว่าผ้าบังสุกุล ผ้าที่เขาทิ้งขว้าง เศษผ้าคลุกขี้ฝุ่น บังสกุลผ้าที่เขาทิ้งแล้ว เก็บมาได้ก็เจียนให้เป็นรูปเหลี่ยมเพื่อจะต่อในสะดึงไปได้เรื่อยๆ ผ้าที่เก็บมาได้เรียกว่า ผ้าป่าหรือ ผ้าบังสุกุล เรียกเป็นศัพท์พื้นๆ ว่าผ้าป่า หรือ ผ้าบังสุกุล
เก็บมาได้ก็เอามาต่อกัน ด้วยความอุตสาหะพยายามซึ่งผ้าก็หายากจริงๆ นางวิสาขาซึ่งร่ำรวยเห็นเข้าก็สงสาร ก็เลยขออนุญาตพระพุทธเจ้าว่า ขอทอดกฐินของคฤหบดีได้ไหม กฐินของคหบดีคือ คนที่มีฐานะ คนที่ร่ำรวยมีสตางค์ ไปหาผ้ามา แล้วก็เย็บเป็นผืนหรือว่าทำเป็นผืนใหญ่เลย เอามาให้ ได้เป็น 3 ผืน เป็นไตรจีวร เรียกว่าชุดเลย ไตรจีวร เอามาถวายเป็นชุดชุดเป็นไตรจีวร
พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตให้มาถวายได้จึงเกิดการถวายผ้าไตรจีวรกัน เรียกว่าวิวัฒนาการมาเดี๋ยวเล่าไปจะยาว ให้ไปศึกษากันเอา อาตมาก็ขอสรุป กฐินบาปนี้ก็แล้วกันว่า
กฐิน ทุกวันนี้เป็นกโลบาย หรือเป็นกลวิธีของมายากล ของมาร ของผู้ที่ เอาล่ะผู้ที่ยังไม่รู้ ก็เป็นมารโดยยังไม่รู้ตัว ที่ไปทำกฐินตามจารีตประเพณี ถ้าได้ฟังอาตมาพูดนี้แล้ว คุณเลิกได้ แล้วจะได้เลิกบาป ที่ว่าเป็นบาปเพราะอะไร เพราะมันทำให้เกิดจารีตประเพณีที่ทำลายพระ ทำลายนักบวช ทำลายภิกษุ ทำลายตัวเอง ถ้าตัวเองเป็นภิกษุที่อวิชชา ไม่มีความรู้ แล้วมีครูบาอาจารย์ที่มีพรรคพวกพาไปทำ จนกระทั่งกลายเป็นราชประเพณี ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจำเป็นต้องพูดความจริง มันผิด มันควรจะเลิกได้ มันควรจะค่อยๆเพลาลงก็ได้ ถ้ามันเลิกไม่ได้ทันที ก็ค่อยๆเพลาลง หาวิธีที่จะลดลงๆ ให้ได้ ผู้รู้หรือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้ที่บวช ผู้ที่ดูแลบริหารคณะสงฆ์ บริหารสังคมอยู่ขณะนี้ ก็ช่วยกันหน่อยทำความเข้าใจ ฟังดีๆ
ที่อาตมาพูดนี้พูดสัจจะความจริง มันก็ขัดแย้งกับที่เขายึดถือ ซึ่งมันเสื่อมตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ คนมันเสื่อมไปจากความถูกต้องไปเยอะ
สรุป กฐิน ทุกวันนี้ กระถินไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น เป็นกฐินที่อนุโลมอย่างเดียวก็คือ ให้คฤหบดีทอดได้ นำจีวรมาเลย เรียกว่าไตรจีวร 3 ผืน แล้วไตรจีวร 3 ผืนนี้ ได้ชุดเดียวนะ เอามาทอดวันนี้ เมื่อทอดวัดนี้แล้วได้ พระมีหลายรูปนี่ ก็จะต้องมาประชุมกันเพื่อจะเห็นว่าใครเหมาะสมที่จะได้กฐินนี้ มาลงมติกันอย่างนี้เสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหยัด เป็นเรื่องมัธยัสถ์ เป็นเรื่องมักน้อยเป็นเรื่องที่ไม่เฟ้อไม่เกินไม่สุรุ่ยสุร่าย เดี๋ยวนี้มันเฟ้อมันเกินเอาไปเป็นกโลบายอย่างที่ว่า เป็นกลยุทธ์เป็นมายากลที่หลอกลวงหาเงิน ทอดกฐินหาเงิน
ขอแวะอีกนิดนึง ที่มันเลวร้ายอีกก็คือ ทอดผ้าป่า นี่ก็บาปมหาศาลเลย เพราะอะไร เพราะผ้าป่านี้ทอดกันไม่มีวันไม่มีเวลาเลย รวมหัวกันจะทอดเมื่อไหร่ก็ทอดได้เมื่อนั้น คือรวมกันหาเงินนั่นแหละ ผ้าป่านี้ผิดกันตั้งแต่ต้น ผ้าป่าคือผ้าบังสุกุล ผ้าที่ไม่มีเจ้าเข้าเจ้าของ ผ้าที่คลุกขี้ฝุ่น ผ้าที่เขาทิ้งแล้ว ก็ต้องดูชัดเจนนะว่าผ้านี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของนะ ถ้ามีใครมายืนยันเป็นเจ้าของอยู่ก็ต้องคืนเขา เป็นอาบัติเลย ไม่ได้เลย ไปทอด
จริงๆผ้าสมัยโบราณที่เป็นผ้าบังสุกุล มันคลุกขี้ฝุ่นจริงๆ สมัยต่อมาก็อีกแหละ เห็นว่ามันหายากน่าสงสาร คนนี้น่าจะได้ คฤหบดีที่มีทุนพออยากจะให้พระรูปนี้ได้อาศัยผ้าจีวรนี้ ก็เลยออกกโลบาย เอาผ้าไปพาดไว้ในทางเดินที่พระรูปนี้จะเดินผ่านไปผ่านมาบ่อยๆ ก็เป็นผ้าทิ้งไว้ พระรูปนี้ก็เดินผ่านไปผ่านมา ก็เห็นผ้า แต่มันจะใหม่ๆ พับเป็นพื้นอย่างดี
ผ่านไปผ่านมาวันแล้ววันเล่า ก็เห็นว่าเขาเอามาทิ้ง มันไม่มีเจ้าของแล้ว เขาเรียกชักอนิจจา อนิจจาวะตะสังขารา ก็เป็นวิธีการสมัยใหม่ ไปทำเป็นพิธีว่าเหมือนกับไปขอจากคนตาย ขอจากศพตายแล้วนะ นี่ผ้าบังสกุล ผ้าจีวรศพ ขออนุญาตเอามาใช้นะ อะไรไป เป็นวิธีการแก้เขินแก้ขวย
สรุปแล้วผ้าป่านี้ยิ่งเละเทะ กลายเป็นเรื่องหาเงิน สรุปว่ามันบาป ตรงที่หาเงินได้เป็นเรื่องเฟ้อ พระเลยเอาอันนี้ไปเป็นเครื่องหากิน พระยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงิน เสื่อม! พระยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงิน เสื่อม! ไม่ขยายความมากกว่านี้ เดี๋ยวมันจะแรงกว่านี้ พอ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือตรัสในสิ่งที่พระองค์รู้
_ผาหิน จอมภูผา · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง…โชคดีเหลือเกินที่ได้เจอพ่อท่านทำให้พ้นทุกข์พ้นสุขต่อภาษีสังคมแม้อยู่ร่วมในสังคม เช่น งานศพ,กฐิน,ผ้าป่า,แต่งงาน…ฯลฯ
(พ่อครูว่า…ที่จริงในความดีงามเขาก็มีเหมือนกัน เป็นการกระจายรายได้ในเรื่องเศรษฐกิจ …)
บางครั้งก็ถูกเชิญให้ร่วมงาน พฤติกรรมบางอย่างต้องมีมายาร่วมกับเขาตามมารยาท ใจเราคงความมั่นคงในข้อวัตร ได้ตามเห็นความทุกข์ของคนที่ยึดติดอุปาทาน ๔ ไม่ลดละจางคลาย แถมมีวิปลาส ๓ทำให้เกิดวิปลาส๔ เพราะถูกอวิชชาครอบงำ จึงไม่เกิดปัญญา เพราะไม่คบสัตบุรุษ จึงไม่ได้ฟังสัทธรรม จึงไม่ศรัทธา จึงทำมนสิการไม่เป็น จึงไม่มีสติ แล้วก็ไม่สำรวมอินทรีย์(ไม่ใช่ทำกายให้สงบเสงี่ยม แต่ให้มีสติขณะเกิดกระทบผัสสะในปัจจุบันอ่านเวทนาให้ชัด ทำโยนิโสมนสิการ ตัดสินใจทำให้เกิดเนกขัมมะ) ทำทุจริต ๓ ไม่พ้นนิวรณ์ ๕ จึงเกิดอวิชชาขอบพระคุณพ่อท่านอย่างสูงที่ทำให้รู้จัก จักษุ ฌาน ปัญญา ญาณ อาโลก
พ่อครูว่า…อ่านภาษาของคุณผาหิน จอมภูผา ว่ามานี่ อาตมาเข้าใจว่า คุณผาหินเข้าใจถูกตามพยัญชนะที่พูดมาเป็นภาษาวิชาการ Technical terms มันถูก มันใช้ได้ อาตมาก็สบายใจที่อธิบายธรรมะให้ฟังกันแล้วนี่ สามารถเข้าใจถูกสภาวะ
ที่ถูกต้อง จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก อันนี้คุณเขียนมาไม่ตรง
จักษุก็คือมีดวงตา ญาณความรู้ ปัญญาความรู้ที่สูงกว่า ญาณ วิชชา อาโลกคือมีแสงสว่างของพระอาทิตย์ เป็นเครื่องยืนยันว่า ศาสนาพระพุทธเจ้า ไม่ได้ตรัสรู้ด้วยวิธีการไม่มีแสงสว่างด้วยการไม่ลืมตา นั่นก็ไปหลงผิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ตอนที่นั่งเตวิชโช อยู่ใต้ต้นโพธิ์ ในตอนกลางคืน ตรัสรู้กลางคืน ในวันวิสาขบูชานั่น
ซึ่งมันเข้าใจผิดกัน ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน นึกว่าท่านตรัสรู้ด้วยอันนั้น ที่จริงท่านไม่ได้ตรัสรู้ ท่านระลึกย้อนระลึกในเตวิชโช ระลึกในสิ่งที่ท่านตรัสรู้ ท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาประสูติขึ้นมาในยุคนี้ ท่านมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณครบพร้อมหมดแล้ว ท่านไม่ได้มาเรียนรู้ ไม่ได้มาตรัสรู้ใหม่อะไรเลย
พอเริ่มรู้ระลึกรู้ได้แล้วเอามาตรัสเอามาพูด ตรัสคือคำพูดเอามาพูด คำว่าตรัสรู้เป็นภาษาสองคำ ก็มาตรัสกับรู้ ที่ท่านรู้นั้น ท่านเอามาตรัส ก็เลยรวมคำว่าเป็น ความตรัสรู้ รู้ แล้วเอามาพูดตามความรู้ของพระพุทธเจ้า ของพระองค์เอง เรียกว่า คำตรัสรู้ ท่านเอามาพูดเอาตรัสประกาศให้คนทั้งหลายได้รับรู้ตามที่ท่านตรัสรู้ แล้วกว่าจะตรัสรู้นี้ก็สั่งสมบารมีมามากมายยาวนาน
เกณฑ์การรับบริจาคเงินของชาวอโศก
_สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ · ได้ข่าวจากอุทกภัยอีสานฯผู้ประสบภัยขาดแคลนอาหารน้ำเหตุท่วมนานเดือน ๒ เดือนฯ เรียนถามกองทัพธรรมปันสุขไทยในบวรศีรษะอโศกยังรับบริจาคอยู่ฤาเปล่า? เห็นส่งข่าวธรรมทานปันถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้งมาตั้งแต่น้ำท่วม ๑ เมตรจนลึกถึง ๕ – ๖ เมตรฯก็ยังแจกไม่หมด พอดีขายเพชรพลอยเก่าได้จะขอมาร่วมบุญให้ทานบ้าง?🙏🚣🙏
พ่อครูว่า…ขออภัยนะต้องพูดตรงนี้ว่า การรับบริจาคของเราชาวอโศก เราจะไม่รับบริจาค จากเงินของคนที่ยังไม่ใช่สมาชิก ยังไม่รู้จักชาวอโศกเลย เรามีกติกาว่า คนที่จะมีสิทธิ์บริจาคให้แก่พวกเรา และเราจะรับเงินบริจาคของเขาต้อง 1. รู้จักชาวอโศกเพียงพอ เอาอะไรเป็นเครื่องตัดสิน
สิ่งที่จะเป็นเครื่องตัดสินก็คือ 1.ได้อ่านหนังสือของชาวอโศกอย่างน้อย 7 เล่ม
-
ได้มาคบคุ้น ได้มาสังสรร ได้มาศึกษากับชาวอโศก เข้ามาในวัดหรือในบวร หรือในพุทธสถาน อาวาสสถานของชาวอโศก ที่มีกระจายอยู่ทั่วไปนี้ ได้เข้ามาที่นี่อย่างน้อย 7 ครั้งขึ้นไป นี่เป็นกติกาตั้งแต่ต้นจนเดี๋ยวนี้ก็ใช้กติกานี้อยู่ 2 ข้อนี้ทำข้อใดข้อหนึ่งก็ได้