651014 ตอบปัญหาผ่าสิทธิอุกกาบาตชนของศาสนาพุทธ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1N6zutvTwC6-jPxWSUqHRerTs9JCEZjDqamymp-ZgQ5w/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Bmwr_D61v5YwqBwjrrA1pP9kKTeS3Xit/view?usp=sharing ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/P56a6BKjdaI และ https://fb.watch/g95l5j55vT/ เกิดเป็นคนแล้วหากไม่ได้โลกุตระย่อมเป็นโมฆะบุรุษเสียชาติเกิด พ่อครูว่า… วันนี้วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 4 ค่ำ เดือน11 ปีขาล ชีวิตเราก็เจริญธรรมะ ศึกษาธรรมะ เรียนรู้ธรรมะ ปฏิบัติธรรมะ ชีวิตเจริญธรรม ชีวิตพัฒนาไปจนกระทั่งสามารถบรรลุธรรมได้จริง เป็นชีวิตที่ไม่สูญเปล่า เกิดมาเป็นคน ส่วนผู้ที่เกิดมาแล้วไม่เรียนรู้ธรรมะปล่อยชีวิตให้สูญเปล่า ไม่ได้พัฒนาจิตวิญญาณให้ลดละกิเลสเลย มีแต่กิเลสหนักหน้าไปตลอดๆๆ ทุกกาละ ทุกเวลา ทุกวินาที เป็นคนโมฆะ เป็นคนล้มเหลว เป็นคนที่เสียชาติเกิด แต่ละชาติๆ นี่ไม่ได้พูดใส่ความนะ แต่พูดด้วยสัจจะความจริง เพราะงั้นคนที่สนใจ รู้จักสัจธรรม โดยเฉพาะรู้จักธรรมะโลกุตระ แต่แม้ว่าจะใส่ใจในเรื่องแค่ศึกษาธรรม ที่เป็นโลกียะ ที่พยายามจะพัฒนาตัวเองให้มันเป็นความดี ดีคืออะไร ตามสมมุติโลกเขาก็พยายามทำให้ดี ไม่ให้ตกต่ำ ไม่ให้ชั่ว ก็ยังเป็นโลกียะที่ดี ยิ่งเป็นโลกุตระบุคคลแล้ว ทำทั้งดีตามโลกียะให้ได้ด้วย แล้วรู้จักโลกุตรธรรม รู้จักสุขรู้จักทุกข์ และดับสุขดับทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์ได้สมบูรณ์บริบูรณ์ ชีวิตก็จบ นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เมื่อจบแล้ว จะเกิดอีกในวัฏสงสาร (พ่อครูไอตัดออกด้วย) _สู่แดนธรรม.. พยายามตั้งใจฟังว่าพ่อท่านจะสื่อออกไปในทางใด ก็พอเดาได้ว่า เมื่อศึกษาโลกุตระ ทำกิเลสตนให้จบแล้ว จบสิ้นความสงสัยในตน ไม่มีตัวกีดกั้นการทำความดี นิวรณ์หมดไป ถ้าแม้จะมาเกิดอีก เพื่อที่จะบำเพ็ญกุศลความดีที่ชาวโลกต้องการ ก็มีหลักประกันว่า เกิดมาอีกกี่ชาติๆ ก็ไม่ตกต่ำ ไม่ไปทำความชั่ว พ่อครูว่า…ไม่ทำอกุศล ไม่ทำบาปอีกแล้ว ถ้าเป็นอรหันต์ ไม่ทำบุญอีกเลย มีแต่กุศล เป็นโพธิสัตว์ระดับ 4 ระดับ 5 ขึ้นไปแล้วไม่ทำบุญอีก เพราะว่าบุญคือเครื่องกำจัด เครื่องชำระกิเลส เมื่อชำระกิเลสหมด บุญก็หมดบาปก็หมด ปุญญปาปปริกขีโณ เป็นคนสิ้นบุญสิ้นบาปพระอรหันต์ขึ้นไปหรือพระพุทธเจ้า เป็นคนสิ้นบุญสิ้นบาป มีพยัญชนะยืนยันเลย มีพยัญชนะมีบัญญัติยืนยันในพระไตรปิฎก แต่คนเข้าใจไม่ได้ ทุกวันนี้คนเข้าใจคำว่า บุญ ไม่ได้ แม้เข้าใจคำว่า กาย ก็ยังมิจฉาทิฏฐิ คำว่า บุญ ก็ยังมิจฉาทิฏฐิ คำว่าฌาน คำว่าสมาธิ คำว่าวิมุติ ก็ยังมิจฉาทิฏฐิกันอยู่ทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะ ที่สังคมพุทธที่ไม่รู้จักปรมัตถธรรม แยกปรมัตถธรรมเป็นโลกียะ โลกุตระไม่ได้ ไม่มีความรู้ทางโลกุตระ เพราะฉะนั้นจะไม่เข้าใจธรรมะ ที่เป็นขั้นตอน จิตเจตสิกต่างๆ ปรมัตถธรรมต่างๆที่เป็นสัจธรรม ขั้นตอน เป็นระดับ มีระดับ พระโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่ศึกษา ศึกษาแล้วเป็นผู้ที่เป็นอภิภู หรือเป็นผู้ที่จะรู้จักลำดับ ขั้นตอน ขั้นชั้น สุพรรณะ ทุพรรณะ ปริตตัง อัปปมาณาภา แยกแยะอาการของจิตเจตสิกต่างๆ ที่มีความแตกต่างกัน มีลิงคะ มีอิตถีลิงค์ ปุงลิงค์ จะแยกอาการเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่แยกไม่ได้ ยิ่งสายเถรวาท ที่เป็นสุดโต่ง จะไม่รู้เรื่องการแยกพวกนี้เลย จะไม่มีความตรัสรู้ คือไม่มีโพธิ เป็นสัตว์ที่ไม่มีโพธิ นั่นคือไม่เป็นโพธิสัตว์ ไม่มีความรู้เรื่องโพธิสัตว์ ก็จะไปเข้าใจว่า จะไปเอาแต่อรหันต์ โดยไม่รู้ภาวะที่แตกต่างกันพวกนี้ มันจึงยาก ยากที่จะตรัสรู้ยากหรือสามารถบรรลุธรรมได้ แล้วยิ่งไม่เข้าใจโพธิสัตว์จับตีทิ้งโพธิสัตว์เลยด้วย บอกว่าโพธิสัตว์คือปุถุชนเท่านั้น ยังไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมเป็นขั้นนั้นขั้นนี้ได้เลย ว่าอย่างนั้น บอกว่าโพธิสัตว์เป็นปุถุชนอย่างเดียว จะบำเพ็ญอย่างไรก็เป็นปุถุชน จะไม่รู้ขั้นตอนว่าโพธิสัตว์มีระดับตั้งไม่รู้กี่ชั้น เช่นบารมี 10 ทัศ บำเพ็ญโพธิสัตว์ อย่างแม้แต่พระพุทธเจ้าปางสุดท้าย 10 ชาติสุดท้าย ก็เป็นพระโพธิสัตว์แล้ว เป็นสุเมธดาบสอะไรพวกนี้ ซึ่งบำเพ็ญเป็นโพธิสัตว์ต่างๆ สายอรหันต์สุดโต่ง คือไม่เข้าใจความเป็นอรหันต์ ไม่เข้าใจขั้นชั้นต่างๆของธรรมะเข้าใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็จะไม่เข้าใจเรื่องโพธิสัตว์ จะไม่รับโพธิสัตว์ จะไม่รู้เรื่องโพธิสัตว์ แล้วดูถูกโพธิสัตว์ด้วย เพราะตัวเองไม่มีความรู้ก็เลยยากก็เลยช้า อีกนาน กว่าจะสามารถบรรลุธรรมได้ เพราะฉะนั้น แม้แต่จะเป็นโสดาบันก็แยกชั้น สกิทาคามีก็แยกชั้น ได้แต่พยัญชนะแต่สภาวะจริงๆไม่ได้ เพราะแยกกายไม่ออก สักกายทิฏฐิ ยังเข้าใจไม่ได้ไม่ดี คำว่ากาย ก็ไม่สัมมาทิฏฐิ อาตมาพยายามจะเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาขยายความ ในสิ่งที่มันเสื่อมในยุคนี้มันเสื่อมไปมาก คำว่า กาย เป็นคำสำคัญ แม้อาตมาก็นานกว่าจะนำคำว่า กาย มาขยายความนานหลายปี ตั้งแต่มาทำงานศาสนา ภูมิธรรมขั้นละเอียดพวกนี้ยังไม่ออก ก็เลยบอกยังไม่ได้ พูดไม่ได้ อาตมาแยกแยะคำว่ากาย ปีไหนก็ไม่รู้ ไม่นานมานี้ คำว่า บุญ ก็ตาม กรรมฐาน สมาธิก็ตาม คำว่า กาย คำว่า บุญ คำว่ากาย พึ่งมาแยกแยะเมื่อไม่นานมานี้ แต่บุญก็แยกมาหลายสิบปีแล้วล่ะ แต่คำว่ากายนี้พึ่งมาแยก _สู่แดนธรรม… ช่วงที่พ่อท่านเอาคำว่ากายมาขยายความ คือ ธรรมกายกำลังมีปัญหาครับ พ่อครูว่า… ถ้าไม่รู้จักคำว่ากายจึงทำตนเป็นนิกาย โดยไม่กลัว ผู้ที่ทำตนเป็นนิกายนี้เป็นอนันตริยกรรม น่ากลัว เป็นกรรมที่หนัก ซึ่งจะต้องกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นความเป็น กาย คำนี้ เป็นคำแรกของสังโยชน์ข้อที่ 1 ถ้าเข้าใจคำว่ากายนี้ไม่ได้ เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรก ที่นักศึกษาธรรมะของศาสนาพุทธ ผิด ไปไม่ออก เพราะฉะนั้นเมื่อกระดุมเม็ดแรกผิด ต่อๆๆๆไปก็ผิด ที่พูดไม่ได้เป็นการใส่ความหาเรื่อง แต่เป็นการพูดทางวิชาการ พูดธรรมะที่ดีๆที่ถูกต้องให้ฟัง เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังดีๆ แล้วจะบรรลุ แล้วจะเข้าใจปฏิบัติธรรมบรรลุธรรมได้ในชาตินั้น ไม่ใช่เสียชาติเกิดกลายเป็นปทปรมะบุคคล ไปเป็นชาติ ซึ่งน่าสงสาร มีเยอะ ในเถรสมาคมมีเยอะเป็นปราชญ์ แต่ยังเป็น ปทปรมะ ปทปรมะ หมายถึง ผู้ที่เรียนธรรมะพุทธเจ้ามาก สะสมความรู้มาก ท่องจำได้มาก เข้าใจได้มาก เข้าใจตามภาษานะ สอนอยู่ก็มาก แต่ตัวเองไม่ได้บรรลุธรรมเลย ไม่ได้บรรลุธรรมไม่ได้หมายความอย่างตื้น แต่ลึกซึ้งมาก ตั้งแต่หลงว่าตัวเองบรรลุธรรม เพราะตัวเองได้บัญญัติภาษาเยอะนึกว่าตัวเองได้บรรลุธรรมที่จริงแล้วไม่ใช่ง่าย ในการบรรลุจิตเจตสิก แล้วก็รู้จักคุณธรรมระดับเข้ากระแสโสดาบัน โลกุตระ สามารถที่จะแยกแยะอาการกิเลสจริงๆ เวทนาในเวทนาเป็น มโนปวิจาร 18 กระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายแล้วก็รู้ได้แต่ตั้งแต่ หยาบ หยาบที่สุดก็ตั้งแต่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสกระทบรูปหูกระทบเสียงดังๆ แล้วมันปรุงแต่ง ไปเป็นรส เป็นรสของโลกธรรม เป็นรสของลาภ เป็นรสของยศ เป็นรสของสรรเสริญ เป็นรสของสุข แล้วยังเป็นรสของ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสของมันเองอีก เป็นขั้นๆ ซึ่งเขาไม่รู้หรอกไม่รู้ง่ายๆ เสพติดอยู่ ไม่รู้ง่ายๆ ซึ่งอาตมายกตัวอย่างมหาบัว เป็นต้น ตาสัมผัสรูปอันนี้มันหยาบมาก หูสัมผัสเสียงกลิ่นรส กินหมากกินพลูอยู่อันนี้หยาบเผ็ด มันจัด เป็นรสเป็นชาติหยาบมาก ก็ยังไม่รู้ตัวเองเสพกาม ไม่รู้ว่าตัวเองติดกาม ส่วนสภาพของการติดยึดในเรื่องสรรเสริญ ในเรื่องยศศักดิ์ ในเรื่องของขั้นชั้นของนามธรรมขึ้นไปหน่อย ที่พอรู้แล้วว่า รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ทางตาหูจมูกลิ้นกาย เป็นกาม พอจะรู้ก็ยังค่อยยังชั่ว แต่มันซ้อนมันลึกละเอียดเนียนมาก อันนี้กินหรือกินนาน อย่างกามนี้รู้หยาบเลิกก่อน แต่เนียนไปหาอัตตา ลาภยศสรรเสริญสุข อันนี้ดูได้ยากกว่า ก็ต้องศึกษากันจริง อาตมาได้แต่พูดว่า พุทธศาสนากับวัฒนธรรมในยุค 2,500 ขึ้นไปนี้ มันเสื่อมสิ้นหมดแล้ว อาตมาก็บอกตัวเองว่าเป็นผู้ที่จะเอาโลกุตรธรรมมาสถาปนาลงไป แล้วก็ทำจริง ทำไปจนกว่าจะตาย ออกมาตั้งแต่อายุ 36 จนป่านนี้แล้ว อายุ 88 ย่าง 89 แล้ว ก็ทำไปจนตายจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม ไม่มีอื่นที่จะดีกว่านี้ที่อาตมาจะพึงทำ sms _เยาวลักษณ์ วัฒนเสรีกุล · กราบนมัสการพ่อครูและท่านสมณะท่านสิกขมาตุที่เผยแพร่หมุนกงล้อพระธรรมจักรแปลภาษาบาลีของพระไตรปิฎกของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้อง ซึ่งโยมฟังธรรมะของมหาเถระมาเยอะก็ไม่มีที่ไหนที่พ้นทุกข์ เหมือนวัดชาวอโศกที่พูดภาษาบาลีเยอะมากๆและแปลอธิบายให้หมู่มวลมนุษย์ที่ดวงตาเห็นธรรมได้ฟังแล้วนำไปปฏิบัติธรรมได้จริง ไม่ใช่นั่งสมาธิ แต่ถือศีล 5 ลดละกิเลส รัก โลภ โกธร หลง ติดยึดความสบาย ให้แล้วสูญ เสียสละ ซึ่งโยมนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันตามลำดับ หมดทุกข์หมดโศก ไม่สุขไม่ทุกข์ ได้จริง เจ้าค่ะ พ่อครูว่า… คนที่เข้าใจธรรมะสภาวะธรรมตามที่คุณเยาวลักษณ์พูดมานี้ ก็รู้สึกพอใจที่เราพูดบรรยายไปแล้วไม่เสียหลาย มีคนเข้าใจแล้วเอาไปปฏิบัติ ปฏิบัติแล้วพูดของตัวเองออกมาถูก อาตมาฟังแล้วเข้าใจว่าคุณเข้าใจถูกแล้วล่ะ เข้าถึงจิต เจตสิก รูป นิพพาน ไปตามลำดับตามบารมีของแต่ละคน _Uamphon Aoi Bringsoe (เอื้อมพร อ๋อย บริงโซว์) · พ่อครูเคยพูดว่า ในอนาคตเมืองไทยจะมีพระอรหันต์เป็นนายก วันนั้นมาถึงแล้วใช่ไหมคะ? พ่อครูว่า…ใช่ อาตมาพูดไปแล้วคนไม่เข้าใจ อรหันต์เขาคิดว่าเป็นพวกหนีโลกไป ไม่มาร่วมอยู่กับโลกคือพวกเดียรถีย์ แต่พวกที่เป็นพุทธแท้ๆแล้วอยู่เหนือมัน เหนือลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ที่เป็นโลกเขา ทั้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อรหันต์สุดยอดอย่างนั้น เอาน่าศึกษาไป มันเข้าใจไม่ได้เข้าใจผิดเป็นคนละเรื่องก็ต้องค่อยๆกอบกู้คืนมา _จรรยา ประเสริฐ · พ่อบอกว่าเป็นไปแล้ว เรื่องอรหันต์ ไม่คิดว่า ที่พ่อพูดมาก็นานแล้ว ว่าจะมีอรหันต์เป็นนายก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในยุคนี้ คิดว่าอีกนาน อีกหลายภพหลายชาติกว่าจะเห็น หรือ เราไม่มีโอกาสได้เห็นเลย ยังคิดว่า เป็นไปได้หรือ????? แต่ก็เกิดขึ้นเป็นจริง ไม่น่าเชื่อเลย ทำให้เห็นว่า อรหันต์ ทำงานการเมือง มีหลายคนเลย มีลุงจำลอง อ.สมเกียรติ คุณชวน เปลวสีเงิน หมอเขียวด้วย และอีกหลาย ๆ คน อรหันต์ ในภาพเรานึกว่าต้องวิเศษ จับต้องไม่ได้ ไม่มีมาให้เห็นในยุคนี้ ก็คงเป็นบุญ บารมีเราที่เราได้มาศึกษาในชาตินี้ และเข้าใจตามลำดับ กราบสาธุค่ะ พ่อครูว่า…ดี จะยังไม่ขยายความ เป็นอรหันต์แล้วจึงเป็นโพธิสัตว์ไปตามลำดับ _สงกรานต์ สติมา · เมื่อวันที่๑๐ตค. รายการตุ้มตะลุ่มตุ้มม้ง พ่อท่านเทศน์ว่า อรหันต์ดูเหมือนจะแคบกว่าโพธิสัตว์ พ่อครูว่า…ดีจังเลย คนที่ฟังธรรมที่อาตมาเทศน์ไปแล้ว พูดภาษาคำว่าเป็นอรหันต์กันเฉยเลย ไม่รู้สึกว่าอรหันต์คือสิ่งที่อยู่ในหอคอยงาช้าง อยู่ในที่ที่ไม่สามารถแตะต้องได้เลย แต่นี่อยู่กับคนนี่แหละแตะต้องได้ ค่อยๆเข้าใจ แม้จะค่อยๆเข้าใจอรหันต์ ไม่สมบูรณ์แบบ อรหันต์ที่เป็นอรหันต์ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือ อนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ อรหันต์มหาโพธิสัตว์ อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า สูงสุด ก็จะรู้ลำดับของขั้นตอนพวกนี้ไปอย่างชัดเจน ผู้ที่ไม่เข้าใจชัดเจนก็จะปฏิเสธขั้นตอนอย่างนี้ พูดเหมือนตัวเองมั่นใจรู้จริง แต่ตัวเองตีไม่แตกแยกไม่ออก ก็เลยตีขลุมไปอย่างนั้น _สงกรานต์(ต่อ) ผมก็เคยได้ฟังพ่อท่านพูดไว้นานแล้ว ทำนองว่า อรหันต์และโพธิสัตว์ เป็นเหมือนเหรียญคนละด้าน คือ มีทั้งสองสภาวะในท่านเดียวกัน ไม่ขาดจากกัน (พ่อครูว่า…อันนี้ถูกต้อง) และโพธิสัตว์แท้ ก็ต้องมีภูมิเป็นอรหันต์เป็นหลักประกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นโพธิสัตว์เก๊ และในทางกลับกัน โพธิสัตว์ทำงานก็เป็นการทดสอบความมีจิตมั่นคงของอรหันต์แท้เช่นกัน ในเมื่ออรหันต์ โดยเฉพาะอรหันต์ในอรหันต์ แม้จะเกิดมาอีกก็ไม่มีความทุกข์ในระดับอริยสัจแล้ว ทำไมจะไม่เกิดมาช่วยเพื่อนมนุษย์คนอื่นเล่า ? และหนึ่งในพุทธคุณ๓ ที่อรหันต์ก็ต้องมี คือ มหากรุณาธิคุณ ก็ยิ่งสนับสนุนว่า อรหันต์ส่วนใหญ่ น่าจะมาบำเพ็ญโพธิสัตว์ต่อ ขอถามว่าที่ผมเข้าใจมานี้ เป็นสัมมาทิฏฐิไหมครับ ขอสัมมาทิฐิจากพ่อครูด้วยครับ พ่อครูว่า…ถูกต้องอาตมาเคยพูดเคยย้ำแล้วว่าผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เรื่องโพธิสัตว์ เป็นอรหันต์โพธิสัตว์ไป พอตัวเองบรรลุแล้วก็จะรู้ว่า อ๋อ.. ตัวเองได้ความหลุดพ้น ก็ได้แล้ว มันก็ไม่ทุกข์แล้วนี่ สบายแล้วนี่ เรื่องจะตายก็รู้แล้วนี่ ตายก็ตาย ก็ไม่มีปัญหา เกิดมาก็ต่อ จะตายสูญก็ได้ จะต่อก็ได้ เพราะฉะนั้นก็เราได้ของดีที่สุดของพระพุทธเจ้าแล้ว ทำไมเราก็จะต้องไปแพร่สืบทอดต่อจากพระพุทธเจ้าแล้วเป็นของดีที่เราต้องแจกคนอื่น แจกก็ไม่เสียหายเราเองเลย ไม่มีหมด แจกก็ไม่หมดเลยด้วย เรื่องอะไร มันก็เป็นสิ่งดีเป็นคุณค่าแท้ๆ เป็นการย้ำยืนยัน คนที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโพธิสัตว์แต่เมื่อเป็นอรหันต์แล้ว ก็จะรู้ว่าตัวเองควรจะต่อภพภูมิไปอีกเยอะ นอกจากว่าอรหันต์ สมสีสี หรือ อรหันต์ที่ไม่เอาจริงๆ เป็นคนที่มักน้อยสันโดษจริงๆ เมื่อเป็นอรหันต์แล้วขอตาย สูญ ไม่เข้าต่อภพภูมิก็ไม่มีปัญหา มีสิทธิ์ทำได้อยู่แล้ว _สัมมาบัณฑิตคนหนึ่ง · ผมเข้าใจเจตนาของพ่อครูครับ… ท่านต้องการเชิดชูคนทำความดีให้เป็นที่เคารพยกย่องของสังคม… เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนเคารพบูชา… แต่ผมมองว่าคนเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดไม่ได้… ถ้าท่านพูดว่านายกตู่เป็นพระโพธิสัตว์มาช่วยเหลือสังคม… เป็นรัฐบุรุษที่ควรเคารพยกย่องในยุคนี้… คนจะเข้าใจได้และเชื่อถือในสิ่งที่ท่านพูด… แต่การไปบอกว่าเป็นระดับพระอรหันต์… คำว่าพระอรหันต์ของคนทั่วไป…มันหมายถึงไม่มีกิเลสเลย… เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจไม่ได้ และเขาจะมองว่าพ่อครูพูดเพ้อเจ้อไปเอง… ทำให้คำพูดของท่านดูด้อยค่าลงไป… พ่อครูว่า…ก็ถูกของคุณที่คุณติงอาตมา อาตมาก็อธิบายไปได้หลายนัยยะ ก็มี แต่คนเข้าใจยังยากอยู่ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆทำความเข้าใจไปตามลำดับ SMS วันที่ 12-13 ต.ค. 2565 _เอื้อมพร อ๋อย บริงโซว์ · กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพอย่างสูงค่ะ เมื่อหลายปีก่อนได้ยินพ่อครูพูดว่า ในหลวงร.๙ทรงงานด้านรูปธรรม ส่วนพ่อครูทำด้านนามธรรม ฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ กราบสุดเศียรค่ะ พ่อครูว่า…ผู้ที่อธิบายเรื่องนามธรรมให้ละเอียดละออ ก็ต้องรู้ละเอียดลออลึกซึ้ง ซ้อน ผู้ที่เข้าใจแล้วยังรวมๆเป็นรูป แยกก็ไม่ค่อยออกตีไม่แตกแยกไม่ออก ก็เป็นธรรมชาติธรรมดาของบารมีหรือของภูมิ ที่จะค่อยๆเพิ่มบารมี เพิ่มภูมิไปเรื่อยๆ _Channarong Jindatham (ชาญณรงค์ จินดาธรรม) · ท่านติกข ท่านจันทร์ อาริยะสงฆ์แห่งยุคกึ่งพุทธกาล ท่านทั้งสอง…สุดยอดเลยครับ กราบนมัสการแทบเท้าครับ พ่อครูว่า…ผู้ที่พูดนี้อาตมาเชื่อว่าพูดจากใจจริง เขายอมรับว่าเป็นอาริยะกันได้ ในยุคนี้เขาไม่ยอมรับพระอาริยะกันแล้ว โสดา สกิทาคามี ไม่มีหรอก อย่าไปพูดถึงอรหันต์เลย ผู้ที่เข้าใจนี่หมู่นึง อีกหมู่หนึ่งเข้าใจอรหันต์แต่เป็นอรหันต์เก๊ อรหันต์ไม่จริง ก็มีอีกหมู่นึงเหมือนกัน แต่นั้นหมู่ใหญ่จริงๆ จะไม่เชื่อว่าเป็นอรหันต์กันได้ง่ายๆหรือจะเป็นอาริยะกันได้ง่ายๆ แม้แต่โสดาบัน เขาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นได้ เขาเข้าใจคุณธรรมไม่ได้ เพราะฉะนั้นเข้าใจไม่ได้เลยก็หมดสิ้น หมดสิ้นอริยะ 4 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็ไม่มีแล้ว เพราะเขา เข้าใจไม่ได้ ก็เป็นไปไม่ได้ ต้องเข้าใจแล้วเชื่อมั่นว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ปฏิบัติอย่างนี้จะได้หรือ แล้วเขาก็ปฏิบัติได้ ผู้เข้าใจได้จริงๆและปฏิบัติได้จริงๆจะได้จริงๆ ทำสัมมาทิฏฐิให้ได้เถอะ ค่อยๆศึกษากันไป ความจริงของพระยาธรรมิกราชผู้มาฟื้นฟูศาสนาพุทธ _พันธุ์ พอเพียง · หากแม้นแค่ศรัทธาและเชื่อฟังในคำสอนของพ่อครู บอกว่าในหลวง ร 9 เป็นพระยาธรรมิกราช ก็คงจะเชื่อฟังเพราะพ่อครูช่วยยืนยัน แต่เมื่อได้เปรียบเทียบคำสอนของทั้งสองท่าน ในคำสอนที่ใกล้กัน และกระผมเองก็เคยสัมผัสสภาวะ นั้นด้วย แม้น้อยก็ตาม ความลังเลสงสัยก็หมดไป เหลือเพียงแต่การเดินตามทางที่ท่านทั้งสองได้อบรมสั่งสอนไว้เท่านั้น กราบนมัสการครับ พ่อครูว่า…คำสอนของพระพุทธเจ้า คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) ธรรมะของท่านลึกซึ้ง รู้เห็นตามได้ยากจริงๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ผิดไปจากความจริง มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว มันต้องเป็นเช่นนี้ มันไม่ได้ประหลาดอะไร อาตมาทำงานอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องประหลาดไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไร ยิ่งเข้าใจยิ่งขึ้นด้วยซ้ำไปว่า มันจริงทั้งนั้นเลย ตรงตามพระพุทธเจ้าตรัสด้วย สัจธรรมต้องเป็นเช่นนี้ด้วย จริงทั้งนั้นไม่มีปัญหา อาตมาเกิดมาต้องถูกด่าบรรยายไปนี้ต้องถูกด่าจริงมันต้องจริง ไม่จริงก็ไม่ใช่ ถ้าหากอาตมาพูดความจริงออกไปแล้วไม่ถูก แสดงว่าในยุคนั้นไม่เสื่อม เขารับได้ แต่อาตมาพูดความจริงไปแล้วเขารับไม่ได้แล้วเขาก็ด่ามา มันก็จริงก็เขายืนยันอยู่แล้วว่ามันเสื่อมมันรับไม่ได้ นอกจากว่าอาตมานี่แหละเป็นคนเอาความจริงมาพูด เขาจริงเขาถูกต้องเขาเป็นอาริยธรรม เขาบรรลุธรรม สังคมนั้นก็มีมนุษย์อาริยะ มีอริยชน มีโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีอรหันต์ แล้วคุณว่าในยุคนี้มีไหม มันก็ต้องชัดแล้วมันใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าหากเถรสมาคมหรือว่าสงฆ์ส่วนใหญ่เขายังมี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แต่ถ้าหากอาตมายืนยันถูก พวกนั้นก็ต้องผิด มันต่างกัน คนหนึ่งต้องผิด คนหนึ่งต้องถูกแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นมันต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมดสิ ไปด้วยกันมาด้วยกันสามัญตากันหมด การทำงานของ ปสาทรูป กับ โคจรรูป ในรูป 24 _สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูคะ ทวาร5 มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ต่างจากปสาทรูป5 อย่างไรคะ และรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ต่างจากโคจรรูป5 อย่างไร ลูกยังไม่ชัดเจนค่ะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูว่า…ตา หู จมูก ลิ้น กาย 5 นะทีนี้ ปสาทรูปกับโคจรรูป โคจระ แปลว่าดำเนินไป ปสาทะ แปลว่าประสาท ประสาททางตาเห็น ประสาททางหูได้ยินประสาททางกลิ่นได้รับกลิ่น ประสาททางลิ้นได้รับรส ประสาททางกาย ได้รับสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง เมื่อมีประสาท ประสาทไม่เสีย ประสาทไม่ตาย ประสาทอื่นประสาท โคจระ ดำเนินไปทำงานมีสติสัมปชัญญะ มีความรับรู้ร่วมไปหมดเลย เวทนา สัญญา สังขาร ทำงาน แต่ถ้าคุณดับคุณหยุด กดหรือว่า ไม่ให้เวทนา สัญญา สังขาร มันทำงาน ไม่ให้อาการของเจตสิก 3 ทำงาน คุณก็มีประสาทแต่เพียงเฉยๆ โคจระ ไม่ดำเนินอะไรออกมาเลย มันก็ไม่รู้เรื่องอะไร เพราะฉะนั้นถ้าเป็น วิสยะหรือ เป็นวิสัยของคนสามัญที่ตื่นอยู่ หรือไม่ตื่น เขาก็จะรับรู้สัญญาภายใจ แต่ถ้าตื่นออกมาทางทวาร 5 ก็จะรู้ เป็นวิสัยสามัญ ของประสาทกับโคจระ ประสาทกับการดำเนินงานของประสาท ทำงานสัมผัสกัน กระทบกัน ตื่นรู้ ก็จะรู้จัก รูป ที่ตา มีประสาทตา กระทบกับสิ่งหนึ่ง เสียง ก็มีอีกสิ่งหนึ่ง เข้ามากระทบประสาทหู โคจระรับกันได้ ก็เกิดวิสยรูป ตามวิสัยของมัน จมูกก็เหมือนกัน ลิ้นก็เหมือนกัน กายสัมผัส โผฏฐัพพะเหมือนกัน มันก็จะทบสัมผัสแล้ว สติตื่นเต็มรู้อยู่ มันก็จะรู้ตัว เพราะฉะนั้นอย่าไปดับมันทิ้ง พระพุทธเจ้าสอนให้รู้และละเอียดแยกแยะ ว่า มันร่วมปรุงแต่งกันอยู่แล้วมันมีตัวปลอมตัวเก๊ ตัวผี มีตัวไม่จริงมาแทรก เรียกว่า กิเลส คือผีหรือมารก็แล้วแต่เรียกได้ ไอ้ตัวนี้อาการอันนี้ ให้เรามีปัญญาให้ได้ ว่ามันไม่ใช่ตัวเรา มันมาหลอกมาหลอนเรา มันเป็นตัวแฝงมา เป็นอาคันตุกะเป็นแขกมาจากไหนก็ไม่รู้ มาทำทีเป็นเจ้าของ มาทำทีเป็นตัวเรา นี่แหละคือตัวปัญญาที่จะต้องรู้ชัดแล้วรู้ทัน รู้อย่างมีพลังของปัญญา นั่นคือการทำลาย คือการกำจัด คือการประหาร ปัญญามีวิธีจะประหารความโง่ ประหารความไม่รู้ ประหารความงมงาย มันจะทำลายไปเลย พูดเหมือนกับภาษาโลก มันฆ่า มันฟัน มันเผา มันผ่านก็แล้วแต่ ไอ้ตัวรู้ที่รู้ยิ่งรู้จริง มันรู้สิ่งที่มันเป็นตัวหลอกตัวปลอม มันจะสลายไปในตัว _สู่แดนธรรม.. ปสาทรูปกับโคจรูป คือวิสัยของคนที่มีสติตื่น แต่ที่ผมไปฟังมิจฉาทิฏฐิเขาบอกว่าพระอรหันต์ต้องทำตัวเหมือนประสาทชาด้าน ไม่รู้สึกเลย โดยเขายกย่องพระอรหันต์ต้องนั่งสมาธิแล้วไม่รู้สึกอะไร ผลักให้ล้มก็ล้ม เจ็บป่วยก็ไม่รับเวทนา รู้สึกอะไรเลย พ่อครูว่า… มันจะดับมันไม่ได้หรอก สภาวะมันเจ็บมันปวดมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่อันนี้เป็นเรื่องของเป็นทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ ทุกที่เลี่ยงได้พระพุทธเจ้าสอนเป็นทุกข์อริยสัจ 4 ทุกข์ที่เกิดตามกิเลสคือความโง่ ต้องแบ่งให้ได้ว่า ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ พระอรหันต์เป็นพระพุทธเจ้าก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าทุกข์ที่เลี่ยงได้นี้ เป็นทุกข์ที่จะต้องเรียนด้วย ผู้ฉลาดที่ไปโง่ให้มันทุกข์ พระอรหันต์ดับทุกข์นี้ได้แล้วขันธ์มันก็เป็นธรรมชาติ ซึ่งตรงไปตามธรรมชาติและมีปัญญามีความรู้สุดยอดว่า คุณไม่ให้มันเกิดอีก ถ้าตายแยกขันธ์แยกธาตุไปจริงๆเลย ตายอย่าง สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน มันก็จบ ก็เลิก ไม่ต้องมีอะไรเลย แม้โลก ที่เป็นสังขารโลกในยุคนี้ เราก็พิสูจน์ได้ไปตามลำดับ โลกอบาย ที่เราเคยร่วมปรุงแต่งเราก็เลิกแล้ว มันก็มีอยู่ในโลกนี้และโลกอบาย ตั้งแต่หยาบ กาม ปรุงแต่งแย่งกันเป็นชาวโลกจะเป็นใหญ่เป็นโตเป็นผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ นานาสารพัด เราก็รู้แล้วก็เลิกมาจนกระทั่งโลกลดลง ๆ _สู่แดนธรรม… สรุปแล้วพระอรหันต์ก็คือคนเข้าสู่ภาวะธรรมดาๆ ที่รู้จักเหนื่อย พ่อครูว่า… ธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องไปแย่งเลยไม่ต้องปล่อยเขา แล้วก็อยู่อย่างสบายช่วยคนอื่นให้เขาพ้นทุกข์พวกนี้ แต่ก่อนเราก็หลงแบบนั้น บ้าๆบอๆมา เพราะฉะนั้นจนกว่าจะรู้สิ่งเหล่านี้ หลายผู้หลายคน เป็นมาหมดแล้ว เป็นเจ้าใหญ่นายโต เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นผู้บริหารใหญ่โต เป็นผู้ที่รวยเยอะแยะ เป็นมานับชาติไม่ถ้วน เราจำไม่ได้ ผู้ที่เป็นโพธิสัตว์ต้องผ่านสัมภาระวิบากเยอะๆนี้จะระลึกได้ ส่วนผู้ที่ไม่มีบารมี ก็แน่นอน วาสนาไม่ได้เป็นคนที่รวยมาก อำนาจมาก อยู่ในภพชาติต่ำๆ ตามวาสนาบารมีของเขา ซึ่งมันละเอียดละออเยอะแยะ พูดไปก็หลากหลายมากมาย เพราะฉะนั้นผู้ที่จะอุตสาหะวิริยะ จนกระทั่งได้เป็นเศรษฐี ได้เป็นผู้ใหญ่มีอำนาจ เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นอธิบดี เป็นอะไรก็แล้วแต่ มันก็มีตลอดกาลนานอยู่ในมหาจักรวาลเป็นไป เพราะฉะนั้นศึกษาดีแล้วจะรู้สิ่งเหล่านี้ว่าเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายเราก็จะเอามาแบก คุณมีอำนาจก็แบกอำนาจ คนมีเงินก็แบกเงิน คุณมีเกียรติมียศก็แบกเกียรติยศสรรเสริญ คุณมีสรรเสริญก็แบกสรรเสริญ คุณมีสุขคุณก็แบกสุข _สู่แดนธรรม… ทั้งทั้งที่ของเรานี้มันเสื่อมได้มันไม่เที่ยง พ่อครูว่า… ไม่เที่ยง แปรปรวนทั้งนั้น ไม่ต้องไปอยากได้ ไม่ต้องไปอยากมี อยู่กันตามมีตามได้ ไม่ต้องไปอยากได้อยากมี แต่อยู่อย่างตามมีตามได้ สบายๆ ได้เท่านี้ก็พอได้เท่านี้ก็จบ ได้เท่านี้ก็สูญ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะจริงๆแล้วคนเรามันไม่โง่ สัตว์เดรัจฉานมันยังสามารถยังชีพของมันได้ แล้วเป็นคนยังชีพไม่ได้ก็โง่ตายไปซะ โง่กว่าเดรัจฉาน มันไม่เป็นไปได้หรอก ผู้ที่จะบรรลุอรหันต์หรือพระอริยะชั้นสูงแล้ว แค่รู้การจะยังชีพก็อยู่ได้ ขาดตกบกพร่องสิ่งที่จะยังขันธ์ให้อยู่รอด ขาดธาตุนั้นธาตุนี้ก็รู้ เข้าใจก็หามาใส่ สัตว์เดรัจฉานมันยังหามาใส่ได้ มันมีปฏิภาณนะ สัตว์มันป่วยมันก็ยังไปหายากินเลย ไปกินใบไม้อย่างนั้นอย่างนี้ มันมีปฏิภาณของมัน _แดง สารคาม · ดิฉันได้อ่านหนังสือลำธารชีวิตแล้ว ขอขอบคุณโลกนี้ที่มีพ่อครูมาเกิดแล้วสอนธรรมะที่พุทธะสอนไว้ค่ะ คนนี่ยิ่งคนยิ่งยุ่งจริงๆค่ะ ดิฉันเกิดมาเสพกามคุณ 5 เต็มๆเลยค่ะ ดิฉันอยู่กับผีมาตลอดเลยค่ะตั้งแต่จำความได้จนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ พ่อครูว่า…เข้าใจให้ได้ศึกษา เรื่องกามคุณ 5 คนธรรมดาเขา ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสธรรมดา แต่นี่อย่างมหาบัวเอาหมากมาเสพ บำเรอตัวเองไปแล้วหลง ทำให้คนอื่นหลงตาม หลงว่ามหาบัวเป็นอรหันต์ มันซวยสุดๆเลย อาตมาจึงจำเป็นจะต้องเปิดเผยความจริงกับความเท็จ เอาเท็จ มายืนยันหลอกคนอื่นเขา มันบาปมหาศาล อาตมาไม่อยากจะให้คนหลงผิดไปก็พูดอย่างสงสารกัน อย่างมหาบัว สงสารอย่างไรก็ไปช่วยเขาไม่ได้ เพราะว่าเขาหลงผิด หรือ แม้แต่คนที่ไม่เข้าใจอาตมา ไม่เชื่ออาตมาก็หลงติดที่ตัวเองยึดถือความรู้มากเป็นปทปรมะบุคคลอยู่ ระวังเถอะ จะกลายเป็นผู้ที่รู้ธรรมะก็มาก ท่องจำได้ก็มาก สอนคนอยู่ก็มาก แต่ตัวเองไม่มีความรู้ที่จะบรรลุธรรมในชาตินี้เลย ซวยๆๆ _ช่อทิพ หนูทอง · กำลังอ่านปัญญา 8 อยู่ต้องใช้สติและพลังมากในการอ่านและทำความเข้าใจค่ะ พ่อครูว่า…อาตมาก็เห็นอยู่ว่ามันไม่ง่าย มันละเอียดลออแล้วมันก็เยอะ อาตมาเจตนาอธิบายทิ้งไว้ เพื่อที่จะทำความเข้าใจให้มันสมยุคสมัย พระพุทธเจ้าท่านก็อธิบายไปตามยุคสมัยของท่าน พระอาริยเจ้าอื่นๆ ก็ทำตามยุคสมัยของท่าน อาตมาก็ทำของอาตมาในยุคนี้ ซึ่งเป็นยุค Star Wars แล้ว หรือเป็นยุคดิจิตอลแล้ว ยุค 8G แล้ว เขา 5gอยู่ รู้อดีตบุพเพนิวาสานุสติญาณเพื่อให้ซาบซึ้งถึงกรรมวิบาก _ใบฟ้า นาวาบุญนิยม · กราบนมัสการพ่อครูด้วยเศียรเกล้าฯ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ 2559 หลังวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 1 วัน พ่อครูได้เอ่ยถึงบุคคล 2 ท่าน คือ เจ้าตะวันทับฟ้า และเดือนเด่นฟ้า ว่า ให้ติดตามศึกษาดู… มาบัดนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า เป็นบุคคลสำคัญของโลกทั้ง 2 ท่าน คือ ท่านผู้เป็น “King of King” และ”พระนิยตะโพธิสัตว์เจ้า”ผู้กำลังก้าวเข้าสู่ความเป็น “พระมหาโพธิสัตว์” โพธิกิจหลัก คือกอบกู้และสืบสานพระพุทธศาสนา ให้ถึง 5,000 ปี กราบขอโอกาส น้อมรำลึก ในวาระที่เวียนมาบรรจบ ครบรอบ 6 ปีในวันนี้ กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนา ด้วยเศียรเกล้าค่ะ ศ.14 ต.ค. 65 5.52น. พ่อครูว่า…อ้าวเราจะไปพูดถึงพรุ่งนี้เลย อาตมาเผลอพูดผ่านไป คนที่ติดใจพวกนี้ชอบจับลิเกละครพวกนี้มาเล่นด้วยเลย เพราะฉะนั้น จะเป็นใครต่อใครในอดีตก็เถอะ ผ่านไป คนที่เขาไม่ค่อยจะเข้าใจไม่ค่อยจะเชื่อถือมันไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมายหรอก แต่คนที่พอรู้สึกว่า มันก็เป็นเหตุปัจจัยทำให้เราได้เข้าใจเรื่องกรรมเรื่องวิบาก เรื่องสัจจะของชาติตระกูล ของการเกิดการดับ การผ่านชาติผ่านชีวิต แต่ละชาติแต่ละชีวิตมามันก็เป็นสิ่งเสริม ทำให้เข้าใจอะไรได้ เรื่องของกรรมเรื่องของวิบากต่างๆ ซึ่งศาสนาเทวนิยมไม่ได้ศึกษากรรมวิบาก เพราะฉะนั้นจะไม่รู้เรื่องกรรม เมื่อไม่เข้าใจเรื่องกรรมก็หมดสิทธิ์ ที่จะพัฒนาให้เจริญ เที่ยงแท้ ให้เป็นคนดีถาวร เป็นได้ในระยะกำลังของการกดข่ม ไม่ได้เป็นด้วยการลดกิเลส ที่เป็นเหตุของการไปทำชั่วทำไม่ดี เพราะฉะนั้นถ้าของพระพุทธเจ้าแล้วนี่ ลดต้นเหตุแห่งการทำไม่ดีแล้วทำดีตลอดเลย อีกกี่ชาติต่อไปได้ บริบูรณ์ มันไม่มีการตกต่ำอีกเลย อวิปรนามธัมมัง อสังกุปปังเลย ตลอด ไม่มีอะไรหักล้างได้ไม่กลับไปกลับมา ซึ่งเป็นหลักประกัน เป็นข้อรับรองของพระพุทธเจ้าที่ยิ่งใหญ่มาก จนที่สุด ทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่มีอะไรสูงกว่านี้แล้วในความสูงสุดยอดของคน คุณจะอยู่ต่อไปก็มีหลักประกันทุกอย่าง คุณจะเลือกเป็นคนคุณก็เลิกได้ เป็นอิสรเสรีภาพ เป็นความจบจริงๆ จบในการเกิดมาเป็นชีวิต แต่คุณจะมีชีวิตต่อไปหรือไม่ต่อไป คุณเป็นอิสรเสรีภาพที่จะตัดสินแล้วทำได้เสร็จเลย _สู่แดนธรรม… ผมจะถามแล้วกันนะครับ ถ้าอยู่เป็นคนต่อไป มีหลักประกันแล้ว คือไม่ทำชั่วทุกอย่างเลย ยิ่งอยู่ไปหลายชาติก็จะยิ่งมีนิทานเพื่อที่จะเป็นตัวอย่างมาสอนเขา พ่อครูว่า… นี่แหละเขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส _สู่แดนธรรม… นิทานเหล่านั้น เอามาเล่าเอามาให้คนฟัง เพื่อให้ ละหน่ายจางคลายจากเหตุของกรรม เรื่องอดีตที่จะเป็นประโยชน์ก็ควรเป็นแบบนี้ใช่มั้ย พ่อครูว่า… ใช่ มันมีทั้งประโยชน์และโทษ โทษเอามายืนยันให้เป็นตัวอย่างในหนังในละคร เป็นตัวอย่างให้รู้ว่าอย่างนี้มันเป็นอย่างนี้มันไม่ดี คุณตัดสินเอาเองสิ แต่คุณเองกลับไปชอบกับสิ่งไม่ดี คุณก็โง่ก็ทำไงได้ มันมี 2 สภาวะเท่านั้น ดีกับไม่ดี _สู่แดนธรรม… ถ้าจะระลึกอดีตชาติ ควรระลึกอย่างนี้ดีกว่าใช่มั้ยครับ พ่อครูว่า… ใช่แล้ว นึกถึงที่ดีกว่ามันเป็นเหตุปัจจัยทำให้เราเข้าใจ เราควรจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ไปนึกแล้วก็เพ้อ ฉันเคยเป็นอันนี้ ดีไม่ดีก็เป็นสิ่งที่สูงที่ใหญ่ก็เพ้อไปอย่างนั้น ปัดโธ่เอ๋ย! อดีตมันเป็นขี้หมาไปแล้วมันเป็นของที่ทิ้งไปแล้ว ก็ยังไปเผลอๆอยู่นั่นแหละ งมงาย ตอบปัญหาผ่าสิทธิอุกกาบาตชนของศาสนาพุทธ _ส.เด่นตะวัน · ผมได้คุยกับท่านดาวดินอยากส่งให้ท่านดูเผื่อ อาจจะให้พ่อท่านวิเคราะห์ ส.เด่นตะวัน…หายสงสัยทำไมพ่อท่านสมณโพธิรักษ์ ถึงให้มีการสร้างอาคารบวรใหญ่โตถึง 11 ไร่. สองชั้นมีห้องมากมายพร้อมให้คนมาพักได้เป็นพันๆคน. เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมทุกครั้งที่ผ่านมาพวกเราไม่เดือดร้อนอะไรเลยทั้งๆที่ท่วมหนักกว่าที่อื่นเพราะเรามีอาคารใหญ่ที่รองรับพวกเราจึงอยู่เป็นสุขสบายตลอดมาที่ได้อาศัยใต้ร่มบารมีของพระโพธิสัตว์ ผมส่งข้อความนี้ไป ท่านตอบกลับมา.. _ท่านดาวดิน…เรื่องนี้ผ่านครับ ถ้ามีลักษณะของการพึ่งพาตนเองโดยไม่สนับสนุนกลุ่มอำนาจทางการเมือง ส.เด่นตะวัน…ทำไมดาวดินไม่เชื่อภูมิธรรมพ่อท่านเหรอ _ท่านดาวดิน…เรื่องการหลุดพ้นที่เป็นส่วนของแต่ละคนเชื่อครับ แต่ถ้าเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง ผมยอมรับในการเลือกของประชาชนครับ ส.เด่นตะวัน…ในความเห็นของผมประชาชนส่วนใหญ่ก็คือปุถุชน แม้จะเป็นจำนวนมากขนาดไหนก็ตามก็ยังไม่เข้าข่าย ธรรมาภิบาลนะครับ _ท่านดาวดิน…นั่นแหละครับที่ผมเห็นว่าคือปัญหาของชาวอโศก ปัจจุบันรัฐบาลประยุทธ์มีธรรมาภิบาลเพียงใด “ธรรมาภิบาล หรือในกฎหมายใช้ว่า การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หรือศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถานว่า วิธีการปกครองที่ดี (อังกฤษ: good governance) เป็นคำซึ่งความหมายนั้นยังไม่แน่ไม่นอน ปรากฏใช้ในวรรณกรรมทางการพัฒนาระหว่างประเทศเพื่อพรรณนาวิธีการที่สำนักราชการบ้านเมืองจะดำเนินกิจการบ้านเมืองและบริหารทรัพยากรบ้านเมืองไปในทางที่รับประกันว่าสิทธิมนุษยชนจะบังเกิดผลจริงได้เช่นไร” อ้างอิงจากวิกิพีเดีย[1] ในรัฐบาลนี้ให้การรับรองเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างไร ไม่ต้องดูอื่นไกลครับ เอากรณีผมเองนี่แหละครับ ผมเป็นจำเลยในคดีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ถึงสามคดี ก่อนที่ตำรวจจะยึดผ้าครองซึ่งมีสามสีรวมกันของผมไป วันที่ผมถูกจับมีผู้แจ้งความพ่อครูด้วยคดีเดียวกัน ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าต้องการให้พ่อครูเดือดร้อนนะครับ แต่ต้องการเปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลกระทำกับผมนั่นคือการเลือกปฏิบัติ เพราะจริงๆถ้าแต่งกายแบบที่ผมนุ่งห่มวันนั้นผิด สมณะชาวอโศกทั้งหมดจะต้องผิดด้วยไหมครับ สาเหตุที่เขาเลือกที่จะจัดการกับผมไม่ใช่อยู่ที่การแต่งกาย แต่เมื่อเขาไม่รู้จะหาคดีอะไรมาให้ผมได้เขาจึงเลือกที่จะยัดคดีการแต่งกายให้กับผม คำถามคือสิทธิและเสรีภาพในการแต่งกายของผมอยู่ที่ไหนครับ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วคำพิพากษาจะออกมาอย่างไรวันนี้ผมก็ต้องเป็นภาระที่จะต้องผูกมัดอยู่ด้วยคดีนี้แล้ว นี่แหละครับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ใกล้ตัวที่สุดสำหรับผม และผมเชื่อว่าภันเตก็สามารถที่จะเข้าใจได้เช่นกัน พ่อครูว่า… เขาอยากช่วยคุณ สังคมหรือรัฐบาลเขาอยากช่วยคุณ แต่คุณไม่อยากให้เขาช่วย คุณก็ไปตามอิสรเสรีภาพที่คุณชอบ รัฐบาลเขาเข้าใจมากกว่าคุณ เข้าใจมากคืออะไร ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าชาวอโศกเป็นมุมที่อยู่อย่างดีอยู่อย่างสงบ เขาอยากให้คุณมารวมกับอโศกให้ดีให้สงบ แต่คุณมีมานะอัตตา คุณมีมานะอัตตาที่สูงเกินไป ที่จะเข้าใจเจตนาดีของรัฐบาลหรือผู้อภิบาลนี้ จริง จริง คุณไปยึดถือแล้วไปหาเรื่องโทษรัฐบาล เจ้าข้าราชการเจ้าหน้าที่ ลึกๆนั้นเขาไม่ต้องการให้คุณเป็นเศษอุกกาบาตอยู่นอกวงโคจร มันไม่มีความเจริญอุกกาบาตนั้น เขาต้องการให้คุณมาอยู่ในวงโคจรของกลุ่มดาวนพเคราะห์ใดอันหนึ่ง จะอยู่ในเถรสมาคมก็ได้ จะมาอยู่กับอโศกก็ได้ เพราะอโศกเขายอมรับแล้ว เขาไม่อยากให้คุณเป็นเศษสวะ หรือไปเป็นอุกกาบาต ที่ไม่อยู่กับอะไรต่างหาก คุณไม่มีภูมิธรรมรู้ คุณนึกว่าคุณอิสระ คุณนึกว่าคุณยิ่งใหญ่ คุณนึกว่าคุณมีสิทธิมนุษยชน สิทธิแบบอุกกาบาต สิทธิเดียวเดี่ยวๆที่ไม่มีหมู่กลุ่ม ไม่มีอะไรเลย แล้วคุณก็บอกว่าคุณใหญ่ คุณเป็นอุกกาบาต คุณจะไปใหญ่กว่าโลกลูกนึง กว่าดาวนพเคราะห์ลูกหนึ่ง คุณจะไปได้หรือ มันไม่ได้ ผมทำของคุณยังไม่ได้เข้าใจอะไรเลยคุณยังเป็นอุกกาบาตอยู่แท้ๆ คุณเข้าใจให้ดีๆ ในฐานะที่เป็นสัทธิวิหาริก ขออภัย ถ้าถือตัวก็ขออภัย ถ้าไม่ถือตัวก็น่าจะได้ประโยชน์ หาโลกอยู่ หาวงโคจรอยู่ซะ ทำตัวเป็นอุกกาบาตมันไม่ได้เรื่องอะไรหรอกอุกกาบาต มีแต่จะสลายสูญเปล่าไปเลอะเทอะไปเปล่าๆ หาอะไรก็ไม่ได้ อยู่ในอวกาศไม่เข้าเรื่องหรอก เทียบอย่างนี้ก็น่าจะเข้าใจนะดาวดิน _สู่แดนธรรม… เขาบอกว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติไม่ดำเนินคดีกับพ่อ พ่อครูว่า… ดำเนินไปแล้วจบไปแล้วไง อธิบายไปแล้วว่า เขาไม่อยากให้คุณอยู่เป็นอุกกาบาต อยากให้อยู่เป็นความเจริญ ถ้าไปอยู่เป็นอุกกาบาตมันก็จะผุพังไปกับอวกาศไปเรื่อยๆ มันไม่ได้เจริญอะไร คุณรู้ความนี้ให้ได้ _สู่แดนธรรม… ประเทศไหนเขาก็มีกฎหมายบังคับ พ่อครูว่า… ยกตัวอย่างทักษิณเป็นอุกกาบาตที่อยากเข้ามาในวงโคจร อยากเข้ามาจะตายแล้วเข้ามาไม่ได้ ก็เป็นอะไรก็ไม่ได้ สัญชาติไหนก็เป็นไม่ได้ เป็นชาวอะไรก็ยังไม่รู้เลยเป็นอุกกาบาตล่องแล่งอยู่นอกโลก อยากเข้ามาประเทศไทยจะตาย ไม่เข้ามา แต่คุณเข้ามาได้แต่ไม่มา ใครโง่กว่าใคร ทักษิณกับดาวดิน ทักษิณก็อยากจะเข้านะ แต่ตัวเองอยากจะเป็นอุกกาบาตให้เสื่อมไปกับอวกาศ สลายไป ไม่ได้สาระอะไรเลย ไม่มีอะไรเจริญขึ้นเลย พูดมาขนาดนี้แล้วก็น่าจะเข้าใจ ศึกษามาป่านนี้แล้วน่าจะได้อะไรสักหน่อยนะ องค์รวมของความบริบูรณ์ของมนุษย์ 4 ประการ _ทีมข่าวบุญนิยมทีวีลงพื้นที่ สอบถามชาวบ้านกุดระงุม ทราบว่า ความเสียหายปีนี้มากกว่าปี 62 เพราะระดับน้ำค่อยๆสูงขึ้นทำให้ประเมินการขนย้ายยาก ค่อยๆขยับ ไม่แน่ใจว่าจะสูงขึ้นอีกเท่าไหร่ จนที่สุดย้ายออกไม่ทันแล้ว ก็ต้องปล่อยให้ข้าวของที่อยู่ใต้หลังคาเสียหายไป ชาวบ้านชื่นชมทหารที่ให้พื้นที่ทำศูนย์พักพิง ชื่นชม เจ้าหน้าที่เทศบาลและหน่วยงานสาธารณสุข ที่มากางเต้นท์ดูแลประชาชน มีอะไรก็ช่วยเหลือได้ง่าย นึกถึงคล้ายๆระบบสาธารณโภคีแบบเริ่มต้น ที่เทศบาลดูแลประชาชนที่มารวมกันที่เดียว ไม่ได้อยู่บ้านใครบ้านเขา เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลยากทั้งเรื่องความเป็นอยู่และเรื่องสุขภาพ กลับเข้าชุมชนทางเรือ ทราบว่า ทางครัวบ้านราชจำเป็นต้องซื้อผักเข้ามาทำอาหารแล้ว เช่น ถั่วฝักยาว พริก มะเขือเปราะ ซึ่งมีราคาแพง(มาก) ตั้งแต่ช่วงงานเจ ประกอบกับทราบจากทีมงานศิษย์เก่าเดินทางมาจากลานนาอโศก บอกว่า อ.ชัยบาดาลน้ำก็ท่วม สมชื่อ ชัยบาดาล เห็นถึงความเดือนร้อนในเรื่องน้ำท่วมเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่ทางการเกษตร ถึงเวลาแล้วที่พวกเราชาวอโศก ต้องระดมกันปลูกพืชผักให้มากขึ้น หลังน้ำลด ชาวบ้านจะเดือนร้อนมากกว่านี้ แต่อาหารเป็นหนึ่งในโลก แผ่นดินพุทธ ราชธานีอโศก คงปลูกไม่ทันความเดือนร้อนของประชาชนหลังน้ำลด ซึ่งคาดการณ์ว่าพวกเราชาวบ้านราชจะแช่น้ำไปอีกอาจจะเป็นเดือน มาเถิดมาอย่าช้า อยู่ที่ไหนรีบมาคว้ามีดพร้าและจอบเสียม ระดมเร่งสร้างอาหารเพื่อมวลมนุษยชาติกันเถิด ในน้ำคำ มาจน ทีมงานบุญนิยมทีวี พ่อครูว่า… ก็พอรู้กัน อย่างที่คุณในน้ำคำพูดมา มันจะต้องพอน้ำลด เราก็จะต้องระดมปลูกผักปลูกพืชกินกัน ไม้ที่เป็นไม้ยืนต้นกินได้ มันก็โรยแรง ถูกน้ำท่วมมันก็คงยากจะออกดอก ออกใบ ออกผล ออกกิ่งใบ มันก็เสียหายเยอะ ยิ่ง พืชล้มลุก พืชที่จะปลูกกินปลูกใช้ก็ต้องระดมกันหนัก แต่อาตมาก็ยังเชื่อมั่นอยู่ว่า พวกเราได้อบรมฝึกฝนเรียนรู้กันมาแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเมื่อน้ำลดแล้วแน่นอนเราก็จะต้องช่วยกัน รีบปลูก ดีเหมือนกัน มันมีครูมาสเตอร์ มีน้ำท่วมจะมีฮิวมัสมาเยอะ กระจายมา มีขี้โคลนมีฮิวมัสต่างๆมา ได้ดี ปลูกผักปลูกพืชไป เพลงสบายดีหรือเปล่า มันเหลือแต่ยอดไม้กินไม่ค่อยได้ มีผักน้ำกินพอได้พอทู่ซี้ไป นี่ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติเป็นเรื่องของความทุกข์ ความทุกข์ทางรูปธรรม ทางธรรมชาติต่างๆนานา มันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้น คนเรานี่เกิดมาแล้วก็ต้องมีชีวิตที่จะอยู่ เกี่ยวกับธรรมชาติจะแปรปรวนอะไรแค่ไหนก็ไม่อดตาย ไม่งอมืองอเท้าตายแน่นอน พึ่งพาตนเองรอด ไม่ต้องเป็นภาระ พูดถึงความไม่ต้องเป็นภาระ อย่างไรก็อย่าหาว่าอวดตัวอวดตน อย่าหาว่าคุยตัวคุยตนเลย อาตมาพาพวกเรา ปฏิบัติตนตามธรรมะพระพุทธเจ้าพึ่งตนเอง คำว่าพึ่งตนเองสำเร็จ ไม่ได้เป็นภาระรัฐบาล ไม่ได้เป็นภาระของสังคมอื่นๆ ไม่ได้เป็น นอกจากไม่ได้เป็นแล้วยังช่วย ช่วยสังคมอื่นๆ หรือ ช่วยรัฐบาลไปในตัวเลย เพราะไม่เป็นภาระ แล้วก็สร้างสรรค์ ตัวเองพึ่งตนเองรอด สร้างสรรค์สิ่งที่จะอาศัยใช้สอยกินใช้ มาให้ตัวเอง เป็นปัจจัย 4 เป็นต้น เพื่ออาศัยชีวิต สำเร็จ แล้วก็ทำให้มากให้เกิน มากเกิน เผื่อแผ่เกื้อกูลผู้อื่น ขายให้ถูกกว่าราคาตลาดเป็นอย่างเลว ให้เท่าทุนให้ต่ำกว่าทุนแล้วเราทำได้ เราทำขาย ส่งออกไปแล้วไปขายต่ำกว่าทุน ขายผลผลิตต่ำกว่าทุนคืออย่างไร ผลผลิตที่เราทำขึ้นมา ทางเศรษฐศาสตร์เขาคิด เขาจะคิดทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงานสถานที่ต่างๆนานา ประมวลแล้วเป็นต้นทุน ค่าแรงงานของผู้ที่ทำเขาก็คิดด้วย ของเรานี้ ค่าแรงงานเราไม่คิดเลย อาจจะคิดแต่แค่ค่าวัตถุ ค่าขนส่ง อะไรพวกนี้ ค่าแรงงานเราไม่ได้คิดเลย แล้วก็ตีถัวว่านี่คือทุน ที่แท้มันขาดทุนแล้ว ขาดทุนแล้ว ราคาทุนของชาวอโศกไม่ได้คิดค่าแรงงานเลย คนนี้วันนึงค่าตัวเท่าไหร่ อาตมาราคาค่าตัววันเป็นแสนนะ ไม่ได้พูดเล่นนะ ก็ไม่ได้คิด คนอื่นๆเขาก็ไม่ได้คิดสักคน จบด็อกเตอร์ จบปริญญาโทอะไรมา ไม่ได้คิดค่าแรงเลย นี่เป็นการช่วยสังคมอยู่ โดยจริงอยู่แล้ว แล้วยังไม่พอ ยังมาสร้างสรรค์เพื่อที่จะแจกจ่ายเจือจานเกื้อกูล ตอนนี้น้ำท่วมเราเลยไม่ได้ไปแจก ตอนน้ำไม่ท่วมเราแจกประจำทุกวันพฤหัสบดีเลย มีคนรับบริการเยอะ กว่าจะเสร็จหลายชั่วโมง เราก็มีแจกกัน มันเป็นความสุขนะ เป็นความเจริญ มันเป็นความประเสริฐ มันเป็นความบริบูรณ์ของชีวิต อาตมาว่าได้พากันปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า ได้มีปรากฏการณ์ มีพฤติกรรมของคนจริง เป็นได้ขนาดนี้ อาตมาก็ภาคภูมิใจในธรรมะพระพุทธเจ้า ภาคภูมิใจในตัวเองด้วย ที่สามารถเอาความรู้ของพระพุทธเจ้ามาประกาศ มาบรรยาย และพวกเราเข้าใจเอามาทำได้ สำเร็จผลอาตมาก็พอมีฝีมือทำได้อยู่นะ ซึ่งมันเป็นเรื่องโลกุตระ เป็นเรื่อง ขาดทุนของเราเป็นกำไรของเรา เป็นผู้ที่เสียสละเป็นผู้ที่ไม่ได้มาเอาเปรียบคนอื่นๆเขา มีแต่เสียสละ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่สุดประเสริฐนะ เพราะฉะนั้น เกิดมาเป็นคนนี่ สรุปรวมแล้ว มันไม่มีอะไรที่จะดีเท่าที่จะมาช่วยคน ทำให้คนเป็นคนสุดประเสริฐ ทำให้คนมีชีวิต ที่อาตมาสรุปรวมไว้แล้ว 1 อย่าเป็นหนี้ 2 พึ่งตนเองให้รอด ไม่ต้องไปเบียดเบียนเป็นภาระใคร 3 สร้างสรรให้เกินตัวเองกินใช้ 4 เผื่อแผ่แจกจ่ายเจือจานผู้อื่น พูดมานานแล้วล่ะ 4 ระดับนี้ เป็นความสำเร็จของมนุษยชาติ 1 ไม่เป็นหนี้ 2 ทำกินต้องใช้พึ่งตนเองรอด 3 ทำให้มันมากมันเกินกว่าที่ตัวเองกินใช้ 4 เผื่อแผ่แจกจ่ายเจือจานผู้อื่น นี่เป็นองค์รวมของความบริบูรณ์ของมนุษย์ เป็นความสมบูรณ์ของมนุษย์ ถ้ามนุษย์มีคุณสมบัติ 4 ประการนี้ในตัวแล้ว แต่ละคน แล้วรวมกันอยู่เป็นหมู่กลุ่ม นั่นคือสังคมที่เจริญงอกงาม เป็นสังคมอะไร สังคมคนจน ไม่ใช่สังคมคนร่ำรวย สะสมกอบโกย เหมือนอย่างในหลวงเราตรัสไว้ เป็นคนจน เป็นผู้ที่ให้ ขาดทุน ไม่ใช่อยู่กันอย่างเอาเปรียบเอารัด นี่คือเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เศรษฐศาสตร์ขาดทุน เศรษฐศาสตร์เราเป็นผู้เสียสละเราเป็นผู้ที่จน มหาวิทยาลัยใดๆในโลก ไม่มีมหาวิทยาลัยใดๆสอน มีมหาวิทยาลัยที่ในประเทศไทยสอน พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็ตรัสเรื่องนี้ แต่มหาวิทยาลัยใดๆ ก็รับสนองพระราชดำรินี้ไม่ได้ ได้แต่ภาษาว่าพอเพียง ๆๆ แต่ถ้าเป็นขั้นขาดทุนของเราคือกำไรไปไม่ได้ ไปไม่ออก เสียสละไม่ออก มันเป็นจริงอย่างนั้น ชาวอโศกนี่แหละ อาตมาพาทำ จะพร้อมในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัส หรืออาตมาว่าก่อนในหลวงตรัส อาตมาก็ทำมาตั้งแต่จะ 50 ปีแล้ว อาตมาลงมือพาทำตั้งแต่ 2534 นี่เป็นสัจจะที่อาตมาก็ยืนยันได้ว่า ธรรมิกราช 2 องค์ ในหลวงก็พาทำ อาตมาก็พาทำ แล้วมันก็เกิดปรากฏการณ์จริงมีลักษณะจริง ในสังคมประเทศชาติ เพราะฉะนั้นคนที่รับได้ อย่างรับในหลวงเป็นต้น ทำตามพ่อสอน ดำเนินตามพระราชา ก็จริงจัง แต่ได้แค่ถ้าเขามีบารมี แต่อาตมานี้ พาสอน พาศึกษา พาทำ จนกระทั่งเป็นตัวเป็นตนเป็นพฤติกรรมองค์รวม พฤติกรรมหมู่แล้วก็เป็นสังคมกลุ่ม จนกระทั่งถึงคุณสมบัติขั้นสาราณียธรรม 6 กลุ่มชนชาวอโศกคือสังคมที่มีสาราณียธรรม 6 สังคมที่อยู่กันอย่างเมตตาเกื้อกูลกัน เป็นญาติธรรมกันหมดเลย พึ่งพาเกิดแก่เจ็บตายกันได้ พึ่งพากันได้จริงๆ ไม่ใช่พูดปากพล่อย แต่พฤติกรรมจริงเป็นจริง นี่คือสาราณียธรรม 6 ถึงขั้นสาธารณโภคี รายได้ได้มาเอาเข้ากองกลางเสียภาษี 100% ซึ่งไม่ได้พูดเล่นนะเป็นความจริงทั้งนั้น แล้วก็เป็นอยู่อย่างเป็นสุข สงบสบาย ไม่ต้องยึดถือเป็นตัวเป็นตน เป็นของของตน ตรงกับคำสอนพระอนุสาสนีของพระพุทธเจ้า พิสูจน์พระอนุสาสนีของพระพุทธเจ้าได้ เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ นี่เป็นเรื่องจริง นี่แหละคือคำสอนพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้ โลกใดยังมีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ โลกนั้นไม่ว่างจากพระอรหันต์ ก็นี่แหละมีอรหันต์อยู่ตรงนี้ คนเข้าใจอรหันต์ไม่ได้ง่ายๆ ในหลวงก็เป็นอรหันต์ ท่านประยุทธ์ก็อรหันต์ อะไรอย่างนี้ ประยุทธ์ จันทร์โอชานะ ไม่ใช่ประยุทธ์อื่น นี่ อาตมาต้องกำกับคำอันนี้ เพราะว่าเดี๋ยวจะเข้าใจผิด ซึ่งเข้าใจยาก ถ้าอาตมาพูดอย่างนี้ก็จะบอกว่าประยุทธ์อันนึงสูงกว่า แล้วประยุทธ์ไหนสูงกว่า เป็นสิริมหามายา ผู้ที่รู้สัจจะจริงก็จะรู้สัจจะจริง ว่าความจริงที่มีจริงมันเป็นอย่างนี้ สูงส่ง ที่มันยังไม่จริง ใครเหน็ดเหนื่อยกว่ากัน ประยุทธ์ที่เหน็ดเหนื่อย ประยุทธ์ที่ก็ทำเพื่อให้คนได้สรรเสริญเยินยอ สูงส่งเฉยๆก็อย่างหนึ่ง คนที่ทำไม่คิด ทำงานก็ทำงานไป เหนื่อยก็พักไม่เหนื่อยก็เพียรไปเรื่อย แต่อย่างว่าอายุมันก็จะมากกว่ากัน คนหนึ่งก็ 80 กว่าอีกคนนึงยังไม่ถึง 70 แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม มันก็มี ในกาละ อายุเท่าๆกัน ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่เท่ากัน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า คนทำงาน ทำงานเพื่อมนุษยชาติ โดยการไม่เห็นแก่ตัว หรือไม่ยึดติดความเหน็ดเหนื่อย เพื่อผู้นั้นผู้นี้ ไม่ใช่มาสร้างแต่อะไรที่เป็นจินตนาการ หรือเป็นภพชาติ มีแต่นามธรรม แต่นี้เขามีพฤติกรรม มีรูปธรรม อย่างอาตมาพาทำทั้งรูปทั้งนาม ออกมาจนกระทั่ง ในยุคที่ เขายึดติดอย่างโน้นกัน แล้วอาตมาพาคนมาทำได้ขนาดนี้ โอ้โห! ใครทำได้เก่งกว่าอาตมาก็เอาเลย ทำได้ขนาดนี้อาตมาก็ว่า เป็นกลุ่มหมู่ชนที่เป็นตัวอย่าง มีรูปธรรมที่สมบูรณ์แบบได้ อาตมาว่าในอนาคตคนจะมาศึกษา ศึกษาสังคมศาสตร์ก็ดี เศรษฐศาสตร์ก็ดี แม้แต่รัฐศาสตร์ก็ตาม เขาจะมาตามศึกษาว่า โอ้ แต่ก่อนเขายังไม่สะดุด เดี๋ยวนี้เขาก็ยังไม่สะดุด เขาก็ยังให้อาตมาทำไป เพราะรูปธรรมยังไม่ชัดเจนมาก มันรู้ยาก มันก็เลยไม่ใช่ไม่ชัด แต่มันชัด แต่ว่าเขาตายังถั่วอยู่ อาตมาจึงมี Motto ว่า จะทำให้คนตาบอดเห็นได้ เอาอย่างนั้นเลย เพราะฉะนั้นคนตาถั่วมันต้องเห็นได้นะ ก็ขนาดคนตาบอดยังเห็นได้ พระเจ้าอยู่หัว สิ่งนี้ก็เอามาอ้างอิงอะไรได้ มันเป็นสัจจะที่ชัดเจน นี่ก็พยายามอยู่ไป มันไอ ก็จะไม่ให้มันไอ เป็นวิบาก ธรรมชาติ ก็รับไป จะว่าไปก็ทนทรมาน พูดกันจริงๆ นึกๆแล้ว อาตมาก็นึกอยากตายอยู่แล้วล่ะ พูดจริงนะ นึกๆอยากตายอยู่เลย แต่ก็เอาน่ะ ทนๆไปเอาเป็นประโยชน์อยู่ สุดเท่าไหร่ก็คงจะนอนแล้วก็หายไปเลย ไม่ตื่นก็คงจะเป็นเหมือนอย่างสุเทพ เหมือนอย่างสมบัติ _สู่แดนธรรม… สรุปจบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin14 ตุลาคม 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:651014 รวมพลังศิษย์เก่า ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมNextNext post:651017 โลกุตระคืออะไร และประชาธิปไตยคุณภาพ รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 59Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024