651012 ความยุติ 2 ที่ยิ่งใหญ่คือใช้หลักเกณฑ์หรือปัญญา พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1oNZOPIBJ7H7MaP9pTnyIvmfjB-VN4_kbCjwixZrOlDc/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1E3g707n7ggfnXNQ4a-qcaOWO13eoAYQz/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/PrFx-wjbPdQ
และ https://fb.watch/g6sVU9Y61f/
ช่วงชีวิตของผู้มีอวิชชาต่างกับผู้มีวิชชาอย่างไร
พ่อครูว่า… วันนี้วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 2 ค่ำเดือน 11 ปีขาล ได้เรียกขานวันว.เวลาน. เวลาน.ก็คือน้ำท่วม
วันนี้ใกล้จะถึงวันพรุ่งนี้แล้ว วันพรุ่งนี้คือวันที่ 13 ตุลาคม ใครจำได้ไหมเอ่ยวันสำคัญอะไร เป็นวันที่เราได้สูญเสียพ่อของประเทศ 13 ตุลาคม 2559 ปีนี้ก็เป็นปีที่ 6 ย่างเข้าปีที่ 7 ไปแล้ว
ผู้ที่ตายแล้วได้ฝากความดีงาม ความประเสริฐ เอาไว้ให้แก่มวลมนุษยชาติ เช่นพระพุทธเจ้าสิ้นพระชนม์ไปหรือปรินิพพานไป มีความยิ่งใหญ่ ผู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมนุษยชาติ ที่เป็นคุณค่าอย่างมากที่แท้จริง ตามสัจธรรมสัมมาทิฏฐิ สิ้นพระชนม์ไปหรือตายไป หมดกรรมกิริยาของท่านไปเสีย
แน่นอน ท่านจะจบชีวิต จะต่อภพภูมิต่อไปอีกหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องอีกเรื่องนึงที่ว่ากันไป แต่ว่าแต่ละ กาละๆ ที่ ตัดกรอบของแต่ละกาละ ชีวิตๆนึง ที่เกิดแล้วตาย ในช่วงระยะเวลาที่เกิดและตายมันเป็นช่วงชีวิตที่ครบพร้อม มีร่างกาย มีสังขารองค์ประกอบประชุมกัน มีจิตวิญญาณควบคุม เป็น 3 เส้า
มี สังขาร วิญญาณ นามรูป 3 เส้า ประชุมกันอยู่ ถ้า 3 เส้านี้ ถูกควบคุมด้วยอวิชชา ตามหลักปฏิจจสมุปบาท มันก็ไปกันใหญ่ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา นั่นแหละตัวร้าย ถ้าอวิชชาเป็นตัวประธานแล้วละก็ ไปใหญ่เลย ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ อวิชชา ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนไปใหญ่
แต่ถ้าควบคุมด้วยวิชชา เป็นความรู้ที่สัมมาทิฏฐิตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว สังขารก็จะเป็นอภิสังขาร วิญญาณก็จะเป็นวิญญาณที่ถูกสำรอกกิเลส ทำกรรมวิธีของรูปนาม อายตนะ ผัสสะ 3 สามเส้า เกิดเวทนา รูปนาม อายตนะ ผัสสะ ก็เกิดเวทนา
แล้วเราก็ไปปฏิบัติตัวกรรมฐานของศาสนาพุทธ ย้ำว่าอยู่ที่เวทนา พระพุทธเจ้า ตรัสในพรหมชาลสูตร มีฐานที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ ถ้าไม่มี ไม่มีเวทนา ไม่มีฐานที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ หรือ ฐานที่จะทำกรรม เรียกว่า กรรมฐาน คือฐานที่จะปฏิบัติไม่มี
ยังพ่วงหลับตาไปทำตาปิดทวารทั้ง 5 เหลือแต่ทวารใจ ฐานที่ตั้งที่ทวารใจก็มีแต่สัมภเวสี มีแต่อยู่ในภวังค์ ภพชาติ ของตัวเองคนเดียว จะบ้าบอเป็นมิจฉากาย 3 นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย
SMS วันที่ 7-9 ตุลาคม 2565
_ซึ้งซื่อ วิเชียร : ขอกราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับน้ำจะท่วม ๆ ได้ก็ท่วมไปน้ำลดเมื่อไรพวกเราก็สร้างอาหารต่อไปอาหารเป็น ๑ ในโลกสู้ ๆ ครับชาวอโศกบ้านราชเมืองเรือขอบพระคุณครับทุกท่าน
พ่อครูว่า… ไม่มีปัญหาคนนี้สรุปแล้วยุส่ง เราก็ทำตามที่อยู่ ถ้าเป็นการยุที่ดีไม่ใช่ยุให้ชั่ว เป็นการยุที่ดี
_ตุ๊ก อัศวิน · พ่อครู..ท่านมีวิสัยทัศน์..ท่านสะสมเรือเพื่อใช้ในยามนี้..!!
นอกจากนี้..ท่านยังสร้างเรือนบวร..ซึ่งเป็นโรงเรือนขนาดใหญ่.รองรับ ญาติธรรม ยานพาหนะ แม้กระทั่งโรงครัว…!! กราบ..สาาาธุเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… ขอบคุณที่ยกย่องว่าอาตมามีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล
ภาวะสิริมหามายากับสิทธัตถะสามารถเกิดได้ในตัวเราเอง
_คอยใคร : กราบเคารพพ่อครูครับ เมื่อวานมีคนพูดถึงเรือรามจักร ว่า “ลุ้นว่าจะถึงพื้นไม้ชั้นสองหรือไม่” ผมว่าคงกลัวจะต้องทำสีใหม่หรือไม่ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้ากลัวพื้นเสียแนะให้ปูกระเบื้องแบบในห้องน้ำบนเรือนั้นเลยครับ ผมเห็นมีขลิบทองด้วยในห้องน้ำหรือผมตาฝาดไปไม่แน่ใจครับ งานศิลปะผมก็ไม่ว่าอะไรครับ แต่มาฟังคำสอนของพ่อครูเรื่องความอร่อย พ่อครูสอนว่าอร่อยมันไม่มี มันก็แค่รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม แม้แต่เด็กอนุบาลตุ๊กติ้วก็บอกอร่อยไม่มี ผมก็เลยมาคิดว่า สวยมันก็ไม่มี แค่พื้นไม้พื้นเรือก็คือไม้ สิ่งก่อสร้างมันก็อิฐหินปูนทราย ไม่มีสวยอะไร ขอให้ใช้งานได้จริงก็พอ มะม่วงก็คือมะม่วง ไม่มีอร่อยแบบพ่อครูสอน
คำถามครับ.. ผมคิดเช่นนี้ผิดไหมครับ สวยสิ้นเปลือง กับ ไม่สวยใช้งานได้จริง ควรเลือกไม่สวยใช้งานได้จริง ดีกว่าไหมครับ แล้วเรือรามจักรถ้ากลายเป็นเรือ “เรามารู้จัก” ให้คนชุมชนได้มาใช้งานได้จริง เพราะถ้าหรู ๆ แบบนี้คนทั่วไปคงไม่ได้ขึ้นไปชมง่าย ๆ แน่ครับ หรือเรือรามจักรลำนี้จะเป็นกุฏิหรือที่พักของพ่อครูครับ ถ้าเป็นกุฏิจริง ผมอยากให้สร้างกุฏิพ่อครูจำลองแบบกุฏิที่วัดอโศการาม ที่พ่อครูอาศัยสมัยแรก ๆ เพราะผมอยากได้เห็นเป็นบุญตาและชาวอโศกคนอื่นก็จะได้เห็นเป็นบุญตาและเป็นประวัติศาสตร์แก่ชาวอโศกดีกว่าครับ ถูกผิดประการใดกราบขอพ่อครูชี้แนะด้วยครับ กราบขอบพระคุณพ่อครูครับ
พ่อครูว่า… รายละเอียดของสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนของโลกมันมีมากมาย ที่ผสมผสานกัน หมุนมาหมุนไปหมุนไปหมุนมา มันยากกว่าความเข้าใจ มันเป็นสิริมหามายา
คำว่า สิริมหามายา หมายถึงธรรมะ ปรมัตถธรรมที่สุดยอด ถ้าเข้าใจเป็นธรรมะ ปรมัตถธรรม ไม่ใช่เป็นตัวตนบุคคลเราเขา เช่น ผู้หญิงคนหนึ่ง พระนางสิริมหามายาที่เป็นพระมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะ ในกรุงกบิลพัสดุ์ อันนั้นก็เป็นเรื่องของตัวตนบุคคลเราเขา
แต่ถ้าสิริมหามายาที่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า อาตมานำมาไขความอยู่ทุกวันนี้ ที่เขาเรียนกัน เรียนกันเป็นตัวตนบุคคลเราเขา ว่า พระนางสิริมหามายา คือมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะ อาตมาก็เอามาขยายให้เห็นถึงธรรมในธรรมไม่ใช่หมายถึงตัวตนบุคคลเราเขาที่เป็นสมมติสัจจะ ถ้าเป็นธรรมะที่ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขาแล้วสิริมหามายาก็ดีสิทธัตถะก็ดี ถ้าเข้าใจความเป็นธรรมชาติของมันแท้ๆ อยู่ในนี้เราก็เห็นของตัวเอง เราเป็นสิริมหามายา เราเป็นสิทธัตถะด้วย นี่ก็คือสัมมาทิฏฐิ 10 ในข้อที่ 7. แม่มี 8. พ่อมี 9. สัตว์โอปปาติกะมี 10. สยังอภิญญา มี
ความเป็นแม่ก็ ดี ความเป็นพ่อก็ดี สัตว์โอปปาติกะก็ดี ก็คือจิตวิญญาณ เมื่อไม่เป็นตัวตนบุคคลเราเขา เป็นจิตวิญญาณ เป็นปรมัตถธรรม แม่เป็นแม่ทางปรมัตถธรรม จิตวิญญาณ พ่อก็เป็นพ่อทางจิตวิญญาณ จิต หรือความเป็นสัตว์ที่เกิด ให้เกิดใหม่ไม่เป็นสัตว์ เป็นสมณะ ไม่เป็นสัตว์ เป็นอริยบุคคล หมดความเป็นสัตว์ นี่เป็นปรมัตถธรรม
ศึกษาดีๆธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เรื่องตื้นเขินแต่เป็นเรื่องซับซ้อนที่สูงสุด จบแล้ว ถ้าเข้าใจได้อย่างที่อาตมาอธิบายสาธยายไป อาตมารับรองว่าคุณบรรลุอรหันต์
อรหันต์ คืออะไร อาตมาอธิบายไปหมดแล้ว ใครจะเชื่อตามอาตมาหรือไม่ก็แล้วแต่บังคับกันไม่ได้หรอก ก็แล้วแต่คนละคน
สรุปแล้วคุณคอยใคร ช่างตามประวัติศาสตร์ก็รู้เก่าแก่มาก คงเป็นคนเก่าของอโศก แต่เสร็จแล้วก็มาเป็นผู้ที่คอยมองประเด็น คุณมองประเด็นกระจายออกไปแล้วมากประเด็นมันก็จะเยอะก็จะซับซ้อน แล้วก็จะกลายเป็นแห ให้คุณติดในแห ที่คุณอยู่ข้างในหมุนไปหมุนมาออกไม่ได้ เป็นชาล ในพรหมชาลสูตร ให้คุณติดในข่าย
อย่าเอาเรื่องเยอะเกินไป ให้เอาทีละเรื่องปฏิบัติให้หลุดพ้น จนหมดสงสัยหมดอาสวะสิ้นแล้ว คุณจะค่อยๆได้ในสิ่งที่ไม่มีวิจิกิจฉา ไม่มีสงสัยข้องใจ ไม่อย่างนั้นวิจิกิจฉาของคุณจะพอกหางหมูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจะเต็มไปเป็น เครือแหเครือข่าย ก็บอกคุณคอยใคร ดีที่ติดตามตั้งใจดี
ความเห็นต่างแบบสัมมาทิฏฐิกับแบบมิจฉาทิฏฐิ
_พันธุ์ พอเพียง · อยากฟังเจตนาของพ่อครูเรื่อง พ่อครูชอบติการนั่งหลับตาให้ฟังบ่อยๆ พยายามดึงคนนั่งหลับตาให้หันมาหาการลืมตาปฏิบัติ แบบสัมมาทิฏฐิ แต่กับชาวอโศกที่ไปชอบคุณโทนี่ คุณปิยะบุตร คุณธนาธร พ่อครูจะพูดเพื่อดึงให้เขากลับมาน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่บุคคลเหล่านี้ แรกๆของพวกเขาจะศรัทธาอโศกก่อน(เหมือนเป็นลูกหม้อของอโศก) นิมนต์พ่อไขความในใจ ของพ่อ ที่มีต่อคนสองกลุ่มนี้ให้ฟังหน่อยครับ(จะจัดหนักจัดชัดให้กับคนกลุ่มหลังนี้ก็แล้วแต่พ่อจะเมตตาครับ)
พ่อครูว่า… คนที่ไปประทับใจดีใจหรือหลงใหลไปกับคุณโทนี่ วู้ดซัม หรือคุณทักษิณ อาตมาว่าไม่ใช่ส่วนมากหรอกชาวอโศก เป็นส่วนน้อย ก็ปล่อยเขาไปเถอะ มันเป็นธรรมชาติธรรมดาของทางกรรมวิบากด้วย ทั้งทิฏฐิของคนที่ยังไม่แม่น ไม่แน่นอน ยังไม่มั่นคงก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ ให้เขาได้ไปรับรู้รับเห็น ดีไม่ดีเขาไม่ผ่าน แล้วเขาจะได้ครบทั้งประสบการณ์ที่เขาผ่าน ทั้งในความคิดความอ่าน อาตมาเห็นว่าอย่างนั้น ก็ไม่ค่อยไปอะไรเขามาก
แต่พวกที่ยังมีทิฏฐิไม่ดี เช่นพวกหลับตา ที่เขาว่าเขาผ่านจมไปในความหลับตาเขาผ่านหนักหนาสาหัส จนเขาจมเขาติด อันนั้นมันต้องดึงขึ้นจากหล่ม ตม หรือ พญานาควังบาดาล ที่พูดกันไปหนักหนาสาหัส ดึงขึ้นมาให้ได้
เพราะคนพวกนี้ยังมีฉันทะ มีศรัทธาในศาสนามาก โดยเฉพาะพุทธ แต่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งอาตมาก็พยายามอธิบายขยายความตั้งแต่ประวัติมา พระพุทธเจ้าตรัสรู้มา ก็เต็มไปด้วย เดียรถีย์ นั่งหลับตาอยู่ในป่าทั้งนั้นในยุคนั้น ยังไม่มีสัมมาทิฏฐิ พระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติ มันมีแต่โลกียธรรม แล้วหนักหนาสาหัสด้วย
พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ยังไม่มีใครที่เป็นพวกเลยสักคน มีแต่ เดียรถีย์ ผู้อื่นหมด ท่านก็ต้องค่อยๆเริ่มต้น ให้ได้ทีละ 1 คนอัญญาโกณฑัญญะ ได้อีกรวม 5 คน แล้วได้คนอื่นต่ออีกตามบารมีของท่าน มีพระยสะ และมีชฎิล 3 พี่น้องอีก มันเป็นบารมีของพระพุทธเจ้าที่ท่านเป็นท่านไป
ส่วนอาตมานั้นไม่ได้มีบารมีขนาดนั้น โอ้โห หืดขึ้นคอ ดีแล้วไม่เป็น covid ขึ้นคอ ก็เอาก็ตามบารมี
สรุปแล้วมันคนละองค์ประกอบ คนละบริบท คนละยุคสมัย คนละ กาละ เทศะ ฐานะ มันก็มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่บ้างแต่มันก็มีสิ่งที่ต่างกันอยู่ หลายเหลี่ยม หลายมุม หลายมิติ ก็ต้องศึกษาความต่างกันให้ดีๆ
เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความเหมือนและความต่าง ในสรรพสิ่งมีความเหมือนกันกับความต่างกัน ความเหมือนกันสูงสุดหนึ่งเดียวคือ นิพพาน
แม้แต่พระอรหันต์ 2 องค์ มีจุดนิพพานเป็นหนึ่งเดียวกัน นิพพาน ความเห็นทางโลกต่างกัน ถ้าท่านเป็นผู้ที่ไม่มีตัวตน เป็นผู้ที่ยอมแพ้กันได้ง่าย ท่านถึงไม่มีปัญหา ไม่มีการถกเถียง ไม่มีการทำอะไรที่ลำบาก เพราะมันเป็นปัญญาข้อที่ 6 จะรู้จักสภาวะความนิ่ง พระอริยะจะรู้จักความนิ่งไม่เคยตำหนิผู้นิ่ง จะรู้จักว่าผู้พูดหรือผู้นิ่งเป็นอย่างไร เป็นความเข้าใจความลึกซึ้งของปัญญาข้อที่ 7 เป็นบัณฑิตแล้ว รู้จัก กาละ เทศะ ฐานะ อยู่ในภาวะเปิด ส่วนภาวะปัญญาข้อที่ 8 ท่านสรุปลงหมดเลย มีสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ มีสิ่งที่เสื่อม สิ่งที่ดับ ในขันธ์ 5 รวมอยู่ในข้อที่ 8 หมด ในปัญญาข้อที่ 8
_สู่แดนธรรม… พ่อท่านแสดงธรรมไม่หว่านล้อมแต่ให้ใช้ปัญญาเลือกเฟ้นเอง
_พลังเพ็ญ คำด้วง · กราบนมัสการค่ะ ท่านสมณะและสิกขมาตุ ฟังรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ภาคทบทวน วันเสาร์ที่ 8 ต.ค. 65 แล้ว เข้าใจเรื่องพระโพธิสัตว์ยิ่งขึ้น (คือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ประโยชน์ตนคือเราลด ประโยชน์ท่านคือเราให้ จะพยายามพากเพียรฝึกฝนบำเพ็ญตามรอยพระโพธิสัตว์เจ้า เพื่อสั่งสมบารมีต่อไป)กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า… ดี ฟังแล้วก็รู้มุม รู้ประเด็น รู้มิติที่จะทำให้เจริญ งอกงามไพบูลย์ขึ้น ก็ทำไป
_หินไท ชาวหินฟ้า : ปกติเสียงท่านเดินดินค่อนข้างฟังยาก ช่วยลดเสียงทุ้มลงด้วย ขอบคุณครับ
_มุ่ง ตรงธรรม · กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพนอบน้อม สุดเกล้า สุดศียร สุดจิต สุดใจครับ
พ่อครูว่า… อาตมาพูดความจริงใจว่า ไม่ได้หลงใหลไปกับความเยินยอยกย่อง กิเลสพวกนั้นมันหยาบไม่ได้ลึกซึ้งอะไร อาตมาผ่านมาแล้ว แต่ก็ต้องให้เขาสร้างสิ่งเหล่านี้ 1
2 พิสูจน์ตัวอาตมาเองด้วย ว่าอาตมาจะไปเผลอลอยไปกับคนยกย่องยกยอหรือไม่ แล้วมันจะมาเล่นงานอาตมาถ้ามันเป็นกิเลส มันจะเห็นเองในอนาคต ว่าหลงคำเยินยอป้อยอ มันจะมีความผิดพลาดให้เห็น เป็นการทดสอบอาตมาด้วย ก็ปล่อยไป
_มุ่งตรงธรรม(ต่อ)… กราบนมัสการท่านสมณะสิกขมาตุ เจริญธรรมญาติธรรมทุกท่านครับ คนมีปัญญามีภูมิธรรมบารมีเก่าก่อน เมื่อฟังเทศน์จากพ่อครูย่อมมองเห็นแสงได้ แม้เลือนลางก็ยังมีภูมิพอรู้ได้ว่าเป็นแสงรำเรืองรำไรได้บ้างครับ ส่วนผู้ฟังเทศน์จากพ่อแล้วฟังไม่รู้นั้น พึงสังวรเลย ภูมิธรรมเขายังไม่สูงพอรับธรรมอันเป็นโลกุตรธรรมนี้ได้ ส่วนบุคคลผู้ฟังเทศน์พ่อครูแล้วเกิดการไม่ชอบใจ ไม่พอใจ เกิดความขัดเคืองใจ นั่นเพราะเขายังห่างไกลจิตวิญญาณของความเป็นพุทธศาสนา
พ่อครูว่า… พุทธศาสนาต้องเข้าใจด้วยว่าเป็นพุทธศาสนาแบบโลกุตรธรรมหรือโรคจิต
_มุ่งตรงธรรม(ต่อ)นั่นเพราะเขายังอยู่ในภูมิเดียรถีย์อยู่นั่นเอง นี้คือความเข้าใจของลูกครับพ่อครู
ขอโอกาสแจ้งข่าวพ่อครูครับ หนังสือปัญญาถึงแม่สายแล้ว กำลังจะข้ามมาทางฝั่งพม่าอีกไม่กี่วันนี้แล้วครับ กราบขอบพระคุณในความเมตตาอนุเคราะห์ ให้ได้มีโอกาสจะได้อ่านหนังสื่อที่ดีที่สุดในโลกครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ..
กรรมฐานของชาวอโศก กินอยู่หลับนอน คืออย่างไร
_Jaitham Sittinawin (ใจธรรม สิทธินาวิน) : เมื่อปีก่อนได้ไปร่วมงานศพของคุณแม่น้องสะใภ้ ได้คุยกับเพื่อนของน้องสะใภ้ที่นั่งโต๊ะอาหารเดียวกัน ดิฉันเตรียมอาหารมังสวิรัติไป เธอจึงรู้ว่าดิฉันเป็นชาวอโศก เธอเป็นทหารทำงานด้านประชาสัมพันธ์ เธอถามว่า ชาวอโศกสอนให้ปฏิบัติธรรมอย่างไรเมื่อไม่นั่งสมาธิ(หลับตา) ดิฉันบอกว่า พ่อท่านสอนปฏิบัติธรรมกับการ กิน อยู่ หลับ นอน ค่ะ ดิฉันดูสีหน้าเขาแล้ว ก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่ชอบชาวอโศกนักค่ะ ดิฉันตอบถูกไหมคะพ่อครู ขอคำแนะนำจากพ่อครูค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…ตอบถูกแล้ว กรรมฐานของชาวอโศกเราคือ กิน อยู่ หลับ นอน ซึ่งอาตมาแปลงสารมาจาก อปัณณกปฏิปทา 3 ซึ่งอาตมาแปลงสารมา คือ สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ
อยู่คือ สำรวมอินทรีย์ กิน คือโภชเนมัตตัญญุตา หลับนอน คือ ชาคริยานุโยคะ
ภาษามันก็เป็นบัญญัติ แต่สภาวะ 3 อันนี้แหละคือกินอยู่หลับนอน หรือ เรื่องความตื่นความหลับ ขึ้นเราจะต้องศึกษาอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะความตื่นความลับนี้ลึกซึ้ง
_สู่แดนธรรม… เคยพูดให้เพื่อนฟังเขาบอกว่า กรรมฐานของพวกคุณมันดูตลก เป็นสมาธิได้ยังไง
พ่อครูว่า… นี่แหละถ้าเข้าใจจะเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่ถ้าพูดมีแต่บัญญัติแล้วไม่เข้าสภาวะเลยก็ไปกันใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็กมันเป็นเรื่องทั้งหมด พระพุทธเจ้าสรุป อปัณณกปฏิปทา 3 คือมูลเค้ารากเหง้า ของการปฏิบัติ ถ้าหาก 3 เส้า นี้มิจฉาทิฏฐิแล้ว ออกทะเลPacific เลย เข้าไปสู่ขั้วโลกเหนือ ชนภูเขาน้ำแข็งตายหมด
_สู่แดนธรรม… อันนี้ครบศีล สมาธิ ปัญญา
พ่อครูว่า… ใช่ครบ เพราะมันอยู่ในจรณะ 15 วิชชา 8
เริ่มต้นหัวหน้า ศีบ เป็นตัวกำกับและมีปฏิบัติเป็น อปัณณกปฏิปทา 3 แปลว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิดไปจากศาสนาพุทธ อปัณณกปฏิปทา ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิดไปจากศาสนาพุทธ ถ้ามี 3 ข้อนี้อยู่ ในมุมไหนแล้วแต่ที่คุณปฏิบัติธรรม
1.คุณยังสำรวมอินทรีย์ 6 ตื่นอยู่ ชาคริยา และปฏิบัติมีผัสสะ ตาจมูกลิ้นกายใจ มีผัสสะ โดยเฉพาะเรื่องกิน มันจะครบ ทางปากนี้มันจะครบชิดแน่น แล้วคุณต้องกินทุกคน เป็นพระพุทธเจ้า สำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องกิน เป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ เป็นคนธรรมดา เป็นปุถุชน เป็นชาวนรก ก็กินทุกคน ต้องเรียนรู้อันนี้
สำนึกที่ยิ่งใหญ่คือ เราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
จากกรณีที่ผู้มีอาการเครียดหนัก จนไปทำลายชีวิตผู้อื่นหลายคนนั้น ลูกรู้สึกสลดหดหู่ใจมาก น่าสงสารเพราะตกอยู่ในหลุมถ่านเพลิง ลูกเคยมีอาการซึมเศร้าหาทางออกให้กับชีวิตตัวเองไม่ได้ ตราบจนได้มาพบและปฏิบัติธรรมตามพ่อครูจนทำให้เกิดสำนึกฟื้นขึ้นมาเป็นคนกับเขาได้ ลูกเห็นว่าภัยของผู้อยู่ในหลุมถ่านเพลิง คือ การไม่คบสัตตบุรุษ ลูกขอกราบแทบเท้าพ่อครูด้วยเศียรด้วยเกล้า เพราะหากไม่ได้พบพ่อครู ลูกจะเป็นสัตว์ในอบายภูมิทุกชนิด น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาว่าสำนึกอย่างคุณสว่างแสง มันเป็นสำนึกอันยิ่งใหญ่ ประชากรโลกนี้มีตั้ง 7 พันล้าน เป็นสถิติเก่าเดี๋ยวนี้มันจะทะลุ 8 พันล้าน 9พันล้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตายกับเกิดอะไรมันจะมากกว่ากันไม่รู้
มันเป็นความสำนึก เป็นความฉุกคิด มันเป็นความคิดได้ โอ้โห ยังมีคนอย่างสมณะโพธิรักษ์ ยังมีคนที่มีแนวคิดชนิดนี้ ซึ่งมันสะดุดกับแนวคิด ที่เขาได้หลงประพฤติปฏิบัติไป สะดุดเลย เหมือนพระองคุลิมาลได้ฟังพระพุทธเจ้าท่านตอบ มันขัดแย้ง ในขณะที่พระพุทธเจ้าทรงดำเนินไปอยู่ องคุลีมาลบอกว่า หยุดก่อน สมณะหยุดก่อน คือให้หยุดเดิน พระพุทธเจ้าบอกว่า เราหยุดแล้ว แต่เธอสิยังไม่หยุด แต่ท่านก็ยังดำเนินอยู่นั่นแหละ องคุลีมาลถือดาบถือมีดที่จะฆ่าพระพุทธเจ้า ให้เป็นคนที่ 1,000 ได้มา 999 แล้ว ฆ่าแต่ละคนก็ตัดหัวนิ้วโป้งที่มือร้อยไว้เป็นหลักฐานว่าได้ฆ่าคนมากี่คนแล้ว ถ้าครบ 1,000 คนเมื่อไหร่ อาจารย์จะสอนวิชาการสุดยอดให้ องคุลีมาลก็หลงเชื่ออาจารย์มา แล้วก็มาฆ่าคน จนกระทั่งสุดท้ายจะมาฆ่าแม่ วิ่งไล่จะฆ่าแม่ให้เป็นคนสุดท้าย พระพุทธเจ้าเห็นแล้วก็ไม่ได้ ต้องมาโปรด
องคุลีมาลก็บอกว่าพระองค์นี้มาขวาง จะฆ่าคนที่ 1,000 มาขวาง ก็เลยหันกลับมาจะฆ่าพระองค์นี้แหละ หยุดก่อน สมณะหยุดก่อน พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า เราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด องค์คุลีมาลมีบารมี คนไม่มีบารมีพูดไปเถอะไม่หยุดหรอก องคุลีมาลเป็นผู้มีบารมีแล้วถึงวาระที่จะบรรลุธรรมถ้วนรอบแล้ว
คำสอนแค่นี้ องคุลีมาลเป็นพระอรหันต์เลย คำสอนแค่นี้บรรลุธรรมเป็นอรหันต์เลย เรานี้มาหยุดทำบาป ไม่หยุดทำอนันตริยกรรม มหาศาล ตายๆๆ ฆ่าแม่ก็เป็นอนันตริยกรรม ยิ่งมาฆ่าพระพุทธเจ้า มันจะเป็นอภิมหาอนันตริยกรรมเท่าไหร่ สรุปเลย หยุด รู้เลยว่าที่ไม่หยุดคือทำชั่วทำบาป ฆ่าคนนี่เอง วาง กราบ จากนั้นพระพุทธเจ้าสอนอีกเล็กๆน้อยๆก็บรรลุเป็นอรหันต์แล้ว รุ่งเช้าก็ไปบิณฑบาตกับพระพุทธเจ้า ก็เลยโดนคนเอาหินปาหัว หัวร้างข้างแตกเลือดไหลโซมท่านก็ทน เพราะท่านรู้ว่าท่านทำวิบากมาอย่างยิ่ง ซึ่งในตำนานประวัติพวกนี้ ศึกษา จะเห็น มีความผิดที่พิจารณาให้ดี ว่าความซับซ้อนในชีวิตมนุษย์มันซับซ้อนจริงๆ มันลึกซึ้งจริงๆศึกษาดีๆเถอะ
ขอสรุปสุดท้ายว่า โพธิรักษ์เป็นลูกพระพุทธเจ้า มีความรู้ตามพระพุทธเจ้า มารู้จักความลึกซึ้งพวกนี้ เอามาขยายในยุคนี้ โปรดติดตามดีๆ ไม่ได้ไปบังคับนะ
_จรรยา ประเสริฐ · วันนี้ฟังพ่อแล้ว นึกถึง ปัญญาที่ฉลาดที่สุด คือ สอบตำรวจได้ที่ 1 จึงเลือกลงที่ สน.ยานนาวา และ เรียน นิติศาสตร์ ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ต่อมาย้ายกลับไปบ้านเกิด สงสารคนเก่งที่สุด เป็นความภาคภูมิใจทางโลก แต่โง่ที่สุดทำเรื่องชั่วช้าที่สุดทางธรรม ฟังแล้วหัวสมองดิฉันหมุนติ้วเลยค่ะ เห็นภาพนรก และสวรรค์ คือสิ่งเดียวกัน จริง ๆ ค่ะ และฟังต่อไป ประเทศไทย มีสิ่งที่ดีที่สุด และมีสิ่งที่ชั่วที่สุด แล้วที่ต่างประเทศ ก็มีแต่ชั่วที่สุด เพราะกราดยิง มีข่าวอยู่บ่อย ๆ ที่สหรัฐฯ ที่นั่นก็คือ สวรรค์ และนรก แล้วคนที่อยู่คือสัตว์ประเภท….ในยุคนี้ ศีลธรรม ไม่หยั่งลงไปเลย กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า…จริงๆนะ เห็นนรกกับสวรรค์คือสิ่งเดียวกัน ซึ่งคนแยกไม่ออก จึงหลงงมงาย แล้วมันจะหนักไปข้างนรกด้วย
อันนี้ก็ขอพูดวิจัยวิจารณ์เป็นความรู้วิชาการ ว่า เทวนิยมหรือทางตะวันตก ทางยุโรปนั้น ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในเรื่องพุทธศาสนาหรือโลกุตระธรรม รู้จักแต่โลกียธรรม แล้วโลกียธรรมมันไม่เที่ยง มันไปเข้าใจดีกับชั่วสลับกัน ทุกวันนี้ชั่วมันขึ้นมาสูงแล้ว มันแปลงตัวเป็นดีแล้วมันหลอกคน ชาวตะวันตกและชาวเทวนิยมทุกคนชั่วหลอกลวง คนเข้าใจว่าชั่วเป็นดีไปแล้วนี่เป็นกลียุคแล้ว มันจะทำอาวุธมันจะทำความร้ายแรง ฆ่าฟันกัน จะเอาชนะคะคานกัน จะฆ่ากัน แล้วกลียุคจะเกิดเพราะคนพวกนี้
ส่วนทางด้านตะวันออกคือทางด้านเมืองไทย เมืองไทยเป็นหัวกะทิของโลกุตรธรรม อาตมาก็ยังอุ่นใจที่มีพลเมืองทางเอเชียตะวันออก คนจีนมีเนื้อหาสาระของสัจธรรมทางโลกุตรจิตไปบ้าง หรือแม้แต่อินเดีย ซึ่งเขาเองเขาเป็นสายศรัทธาก็มีธรรมะสงบ หรือธรรมดาที่จะเป็นโลกุตระหรือโลกียะก็ตาม แต่เขาแข็งมากในความสงบ หยุดนิ่งไม่ไปทำร้ายใคร อินเดียจะไม่เป็นคนสัมพันธ์กับใคร มีแต่จะถูกรุกราน ชาติอื่นใช่ไหมยึดเอา เพราะเป็นประเทศมีพลเมืองมาก มีทรัพย์สมบัติทรัพยากรมากเพราะเป็นทวีปใหญ่
เป็นตัวอย่างให้เราศึกษาในเรื่องมนุษยชาติกับสังคมโลก ศึกษาดีๆเราจะได้ความรู้ยิ่งกว่าในตำนานเรียนในมหาวิทยาลัย อาตมาไม่ได้เรียนมหาลัย ก็ดูความจริงพวกนี้ มันบอกความจริงให้เห็นตรงๆชัดๆ ตามที่อาตมาหยิบเอามาอธิบาย อยู่ที่ไม่ได้เอามาจากตำราเล่มไหน ศึกษาจากความจริงของมนุษยชาติ
แล้วเราจะเห็นว่านรกหรือสวรรค์เป็นอย่างไร มันมีอาการจิตอย่างไร แล้วมันก็แสดงออกทางกายกรรม วจีกรรม แล้วซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนด้วย เหมือนจะทำดี คนนี้รู้สึกเหมือนจะดี คนงมงายหลงมาดีเพราะมันชั่วซับซ้อน มันชั่วซับซ้อนแต่ทำดีหลอกหน้า มันก็ทำให้ดียิ่งขึ้นหรอกนะ ชั่วก็ยิ่งหนักเพิ่มขึ้น ดีก็ออกหน้ามาเป็นตัวโรยหน้า ตัวชั่วก็หนักเข้าไปอีก โรยหน้าให้ดูดีขึ้นไปอีก ซับซ้อนอย่างนี้แหละ
อย่างชาวอโศก อาตมาพาให้ศึกษาจากสัจธรรมพวกนี้ ไม่ได้ไปศึกษาจากในตำรา
_Kasem Santhong (เกษม สันทอง) · ปราบยาบ้า : วาระแห่งชาติ(ทีเถิด)
พ่อครูว่า… ก็คงจะส่งข่าวฝากลมฝากแล้งไปหาผู้บริหารประเทศ ก็จริงเรื่องนี้ก็จริง เรื่องยาบ้ายาเมาอะไรพวกนี้ ทั้งหลายแหล่นี่แหละ มันพาให้ลงนรกกันแล้วก็ลำบากลำบนกัน พวกที่ร่ำรวยอยู่กับสิ่งเหล่านี้ เอาไปค้าขายสิ่งเหล่านี้ ลงนรกไปหมด นรกกินหัวทั้งนั้นเลย แต่คนไม่รู้จักเท่านั้นเอง ว่าคุณจะต้องตกนรก อาตมาไม่ได้ไปว่า ไม่ได้ไปใส่ความใส่ไคล้ แต่คุณทำจริงเป็นจริงมันเป็นเองตามที่คุณทำ คุณไปทำสิ่งที่ให้มนุษย์เราจะต้องไปเสพติด คนไปคลั่งไคล้แล้วไปทำบ้าบอ มันเกี่ยวโยงกันไปหมด มีอิทัปปัจจยตาเนื่องกันไป
คุณเป็นเหตุด้วย ซึ่งไม่ใช่เหตุน้อยด้วย ดูเหมือนเป็นเหตุน้อยแต่มันน้อยที่ไหน
_สู่แดนธรรม… ผมเคยได้รับประเด็นมา ที่เขาอยากจะให้พ่อท่านเป็นผู้นำประท้วงเรื่องต่อต้านยาบ้า
พ่อครูว่า… อาตมาไม่ใช่ฐานะจะไปทำเรื่องอย่างนั้น คุณพูดถูกแล้ว มันเป็นเรื่องหยาบ คนที่ไม่ต้องมีความรู้ปฏิบัติมากก็ทำสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปแย่งงานเขา ทำให้จริงทำให้เต็มที่ มันเป็นเบื้องต้นรู้อยู่แล้ว ต้องทำให้ชัดเจน ฝากผู้บริหารในไทย ไม่งั้นจะถูกนั่นแหละ พี่ดูสิ ยาบ้ามีอยู่ไม่รู้จักปราบ มีความสามารถที่ไหน ระวังมันจะพังทั้งคนไทยทั้งสังคมไทย ตัวเองก็โดยสมรรถนะความสามารถด้วย เอาจริงๆสำหรับตำรวจ
SMS วันที่ 10 -11 ตุลาคม 2565
_Jaitham Sittinawin (ใจธรรม สิทธินาวิน) · วันนี้มีข่าวหลายสำนัก น้ำท่วมประเทศไทย ๒๓ จังหวัด เกือบ ๑ ใน ๓ ของประเทศ เดือดร้อนกันมากค่ะ
พ่อครูว่า…ดี ที่คุณรับรู้สังคมรับรู้ธรรมชาติโลก ก็ช่วยกันเท่าที่ช่วยได้
_สมณะฟ้าไท นาวาบุญนิยม · ชมรายการ ตุ้มตะลุ่มตุ้มม้ง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 65 ท่ามกลางแสงเทียน
พ่อครูว่า…ที่บ้านราช มีการตัดไฟฟ้าจากหลวง ตอนนี้เราก็ช่วยตัวเอง พยายามหาไฟแดด โซล่าเซลล์ใช้ เอามาทำใช้กันบ้าง บนหลังคาที่น้ำไม่ท่วมก็มีแผงพวกนี้ พอช่วยตัวเองได้พอสมควร กับมีเครื่องปั่นไฟ ช่วยบ้าง ก็เลยพอได้ ก็พยายามพึ่งตัวเองก็พอไปได้ ก็น่าสงสารผู้ที่ไม่มีเลย แต่พวกเรานี่ โอ้โห สาธารณโภคีนี้มันยิ่งสุดพิเศษ ยิ่งเห็นประโยชน์ของสาธารณโภคียิ่งใหญ่มาก มันยิ่งใหญ่จริงๆ แล้วยิ่งเจออุปสรรค วิกฤต พวกนี้ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันคนละไม้คนละมือ ความรู้คนละเล็กคนละน้อย รวมกันอยู่ แล้วมันรวมกัน รู้จักช่วยทำในสิ่งที่สำคัญก่อน อย่างดีเลย มันมีอีกมากมายในคุณงามความดีของสาธารณโภคี
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
สังคมชาวอโศกที่พ่อครูได้ก่อกำเนิดขึ้นนี้ ลูกเห็นว่าประกอบด้วยเนื้อหาของคำสอนของพระพุทธเจ้า จนเกิดเป็นระบบสาธารณโภคี อันสุดยอดของศาสนาพุทธ พวกเราเชื่อว่ามวลหมู่ชาวอโศกนี้คือกลุ่มผู้อาสามอบตนมาเป็นผู้นำพาศาสนาพุทธไปถึง5,000 ปี (พ่อครูว่า.. ถูกต้อง) ตราบกลียุค แต่ดูเหมือนว่า ณ.วันนี้ พวกเรายังไม่มั่นใจว่า กำลังขนาดนี้ของพวกเราจะสามารถดึงพุทธศาสนาไปถึง 5,000 ปี ได้ ลูกขอกราบเรียนถามพ่อครูว่า สังคมชาวอโศกจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง จึงจะสามารถนำพาศาสนาพุทธไปถึง 5,000 ปี น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า…ก็อย่างที่พาทำนี่แหละ คุณเข้าใจยังไม่ได้หรือ ว่าคุณปฏิบัติธรรมมาได้ขนาดนี้คุณเข้าใจอะไรบ้าง นั่นแหละคุณอย่าไปตะกละ อย่าไปเอาผลสุดยอดที่คุณยังไม่ถึง เอามารีบ อภิชปา เป็นตัณหาล้ำหน้า อยากได้ในสิ่งที่ไม่ถึงเวลาวาระที่จะได้ ทำไปตามเหตุและผลจะเกิด สรุปแค่นี้ก็แล้วกัน
สยังอภิญญา คือผู้มีโลกุตรธรรมมาแต่ชาติก่อน
_Danuthum Virulhsirikul (ดนุธรรม วิรุฬห์ศิริกุล) : ทุกวันนี้ “พระติดลาภติดยศ กันหมดแล้วครับ” พ่อท่าน”
..แล้วก็ยังมีอัตตาในจิตใจ…ที่ไม่สามารถลดตัวลดตนถึงแม้พระบางรูปจะมี”สยังอภิญญา”..ที่”พ่อท่าน”พูดถึงบ่อยๆ..(ปอ.ปยุตโต)..ถ้ามาอยู่ที่”อโศก”…ยศถาบรรดาศักดิ์.ต้องทิ้งต้องสละหมดทุกอย่าง..เขารับไม่ได้หรอกครับ. เพราะ.จะเหลือคำว่า”พระ” เพียงอย่างเดียว หรือ สมณะเท่านั้น..ในอโศก..ของใช้ทุกอย่างใช้กองกลางไม่มีส่วนตัว..แบบวัดทั่ว ๆ ไป…ที่อยู่แบบหรูหรามีทุกอย่าง..สะสมเงินทองและของใช้..พระบางรูปเหลือที่จำวัดอยู่นิดเดียว..ที่เหลือมีแต่ของใช้ต่างๆเต็มไปหมด…บวชเพื่อละบวชเพื่อสละออกไป..มิใช่บวชเพื่อเอาเพื่อสะสม..ให้เป็นกิเลสแบบ”ฆราวาส”..ทางโลกทั่ว ๆ ไป…(กราบนมัสการ)..”พ่อท่าน”..ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ
พ่อครูว่า…ก็มีประเด็นที่อาตมาอยากจะอธิบายก็คือคำว่า สยังอภิญญา นอกนั้นของคุณยังสลับไปสลับมา โลกียะทางโลกกับโลกุตระทางธรรม สลับไปสลับมาอยู่ ศึกษาให้ดีแล้วแยกให้ชัด จะได้ไม่วนไปวนมามากเกิน
เอาคำว่า สยังอภิญญา คำนี้ให้ดีๆ
สยังแปลว่า ตนเอง อภิญญา แปลว่าความรู้ยิ่ง ความรู้อะไร ความรู้โลกุตรธรรม อภิญญาคือความรู้โลกุตรธรรม ที่ผู้ใดก็แล้วแต่มีในตนเองแล้ว ตั้งมั่น จนกระทั่ง ข้ามชาติ ร่างกายตายข้ามชาติมาก็ติดตัวเองมาด้วย ติดตัวเองมาอย่างมั่นใจมั่นคง ขออภัยต้องขอยกตัวอย่างคืออย่างอาตมา เป็น สยังอภิญญา แท้ มีโลกุตรธรรมข้ามชาติมา พอมาเกิดในยุคนี้ 2400 กว่า พ่อโตมาถึงเวลาอายุ 36 ก็ 2,500 เขายุค 2,500 ครึ่งหนึ่งของศาสนาพุทธ อาตมาก็มานำดำเนินสิ่งที่อาตมาติดมาข้ามชาติมาก่อนแล้วเป็นโลกุตรธรรม มีหน้าที่ที่จะต้องบวชมาดึงเอาโลกุตรธรรมขึ้นมา เพราะโลกุตรธรรมมันเสื่อมไปจากคนชาวพุทธแล้ว บอกว่าหมดแล้วนะ อาตมาไม่ได้บอกผิด ถ้าอาตมาไม่เกิดมา ป่านนี้ไทยก็ยังอยู่ในหมู่พวกกลียุคที่จะฆ่าแกงกัน ประเทศไทยนี้ แต่นี่ประเทศไทยไม่ไปเพราะมีอาตมากับในหลวง ร.9 ยกเว้นในหลวง ร.9 พูดถึงอาตมาองค์เดียวก็แล้วกัน
เพราะเมื่ออาตมามาเกิด อาตมาก็เอาสิ่งที่เป็นของเก่าที่อาตมามีเป็นของตัวเอง เอามาพูดขึ้น ชาวเถรสมาคม ชาวพุทธกระแสหลักทั้งหลายได้ฟังก็บอกว่าตรงกันข้าม เพราะมันไปเข้าใจสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูก อาตมาเอาสิ่งที่ถูกมา เขามาเข้าใจถูกเป็นผิดเพราะตัวเองยึดถืออยู่ นึกว่าผิดจากที่ตัวเองยึดถือนั่นคือถูก แต่อาตมาเอาถูกมาประกาศ ท่านก็เห็นว่าผิด ท่านก็จะเอาตาย หาว่าจะมาทำลายศาสนา ถ้าอาตมาไม่จริงอาตมาก็ตายแล้ว เพราะว่าท่านหมู่ใหญ่ อาตมาไม่ใช่หมู่ใหญ่ อาตมามันเล็ก
อาตมาลาออกจากเถรสมาคมเป็นนานาสังวาส มีพระ 21 รูป กับเณรอีก 2 ที่ประกาศลาออกมาเป็นนานาสังวาส ตั้งหลักมีแค่นั้น แล้วก็มีฆราวาสมวลชนอยู่บ้าง เสร็จแล้วก็ทำงานมาจน 50 กว่าปี พยายามปลูกฝังโลกุตรธรรมลงไป จนมีประชาชน มาเข้าใจปฏิบัติธรรม บรรลุธรรมได้เป็นอริยบุคคล จนเกิดชุมชนสาธารณโภคีขึ้น เป็นชุมชนชาวอโศก หมู่ใหญ่หมู่เล็ก เกือบ 50 ชุมชนอยู่ในประเทศไทยทุกวันนี้ หรืออาจจะเกิน ที่มีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย นับยังเล็กๆอาจจะเกิน 50 ทั่วประเทศ 77 จังหวัด บางจังหวัดก็มีหลายที่
ที่เป็นเรื่องจริงปรากฏการณ์จริงอยู่ในประเทศไทยจึงเป็นโลกุตรธรรม แล้วก็มีผู้ที่ไม่ใช่มาร่วมมือกับอาตมาโดยตรง มาร่วมมือกับอาตมาโดยตรงไม่ได้ด้วย จะทำคู่ขนานกันไปเพราะมาร่วมไม่ได้ ในสังคมเขายังรับไม่ได้เข้าใจไม่ได้ ก็จำเป็นต้องทำอย่างคู่ขนาน แต่ไม่ใช่ทำห่างออกไปแต่ทำคู่ขนานไป แว่บเข้ามานิดหน่อย แล้วก็หักออกไปแต่ก็ยังทำแบบคู่ขนานเป็นแนวร่วม แต่แท้จริงแล้วมันมีจิตร่วม แต่รูปธรรม ก็ทำแบบคู่ขนาน เพราะสังคมส่วนใหญ่ยังเข้าใจไม่ได้ และสังคมส่วนใหญ่ยังยอมให้โลกียะ ที่เสื่อมนั้น เราจะไปบุ่มบ่ามรุนแรง มันทำไม่ได้ด้วย ก็มันซับซ้อน
คือสภาวะของสิ่งที่วิเศษ สิ่งที่เยี่ยมยอด ไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นความสงบเรียบร้อย สันเต สันติ เรียร้อย ราบรื่น ง่ายงาม พฤติกรรมความรุนแรง ฆ่าแกงกันนั้น มันไม่ใช่ความดีหรอก แต่สิ่งนี้เป็นความดีแล้วมีฤทธิ์มีอำนาจที่วิเศษ ความสงบเรียบร้อยราบรื่น ง่ายๆ มันวิเศษ
_สู่แดนธรรม… พ่อท่านเคยเขียนไว้ ความยุติที่พ่อท่านเพิ่งพูดไป
พ่อครูว่า… ใช่ที่ไปประท้วงกันด้วยความยุติ ความเรียบร้อยแห่งชาติ เอาความจริงมาขายให้เขายอมแพ้
ความยุติ 2 ที่ยิ่งใหญ่คือใช้หลักเกณฑ์หรือปัญญา
_สู่แดนธรรม… ที่พ่อท่านว่ายุติ แบ่งเป็น 2 อย่าง ยุติด้วยหลักเกณฑ์ หรือยุติด้วยความรู้สึกและปัญญาของผู้นั้นเองว่าสมควรยอม
พ่อครูว่า… ความจบหรือความยุติปัญหา ยุติกันได้ด้วย 2 ประเด็น ใหญ่
ได้แก่ 1. ยุติตามกฎเกณฑ์ 2. ยุติด้วยคนที่จะใช้ความรู้สึกของตนหรือใช้ปัญญา , ถึงที่สุดจะมีคนแพ้ คือผู้ยอมยุติหรือยอมหยุด ผู้แพ้เป็นผู้ยอมยุติ ยอมหยุด แม้จะเป็นผู้ถูก ไม่ใช่ผู้ผิด แต่ยอมหยุด ยอมยุติ เป็นผู้แพ้ ให้เกิดความสงบ
ใครจะตราหน้าว่าเป็นผู้แพ้ ไม่มีปัญหา แต่ไม่ใช่ผิดหรอก แล้วเรารู้ของเราว่า เราไม่ผิด ความไม่ผิดนั้นก็จะยืนยันตัวเองไป ใครทำลายไม่ได้ ความจริงที่ถูกต้องเป็นสัจจะนั้นไม่มีใครทำลายได้ มันจะทรงตัว มันจะเปิดเผยแล้วก็แก้กลับ แม้ใครจะกลบเกลื่อน แต่ความดีจริงนั้นมันจะพลิกตัวโดยสัจจะของมันไป
_สู่แดนธรรม… ตอนปี 2532 พ่อท่านเกิดคดีความ
พ่อครูว่า… มันเกิด 6 ปีจากนั้น จากนั้นมาก็ 20 กว่าปีแล้ว อันนั้นยอม แต่ตอนนั้น ทางโน้นพยายามเอากฎเกณฑ์ทางโลก เขาก็พยายามเอาธรรมะ แต่ไปแปลงธรรมะที่ไปออกกฎหมายรับรองเอง เช่น ไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ ต้องไปอ่านหนังสือประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส จะเข้าใจเลยว่าสังคมพุทธหมู่ใหญ่กระแสหลัก เล่นงานอาตมาใหญ่ ทั้งที่เขาทำผิดมาตลอดไม่รู้กี่อย่าง ผิดธรรมวินัยของพระพุทธเจ้ามาตลอดเลย ขออภัยนะที่พูดความจริง ไม่ได้ไปใส่ไคล้ใส่ความ ไม่ได้ไปถล่มทลาย แต่เป็นพฤติกรรมที่เกิดจริงเป็นจริง เอามาเปิดเผย เอามาพูดกันเท่านั้นเอง เมื่อถึงคราวอันควรก็มาพูดให้ฟัง ไม่ได้ไปต้องการที่จะให้เถรสมาคมเขามายกอาตมา แล้วเอาเถรสมาคมลง ไม่ใช่นะ ให้ท่านดำเนินต่อไป ให้ท่านพัฒนาขึ้นให้มันตรงตามพระธรรมวินัยให้ดียิ่งขึ้นเถิด ชาตินี้อาตมาไม่คิดจะไปบริหารศาสนาพุทธ สังคมพุทธทางกระแสหลักหรือของประเทศ อาตมาไม่คิด จะไม่ทำ อาตมาจะทำสัจธรรมทางนามธรรม ทางปรมัตถธรรมนี้เท่านั้นชาตินี้ ชีวิตร่างกายตายไปในชาตินี้ ไม่ต้องระแวงอาตมาหรอกว่าจะไปเป็นใหญ่แย่งชิงทางโน้น ไม่ใช่เด็ดขาด บันทึกไว้ด้วย ว่าอาตมาพูดไปแล้ว อาตมาไม่พูดหรอกความไม่ชัดเจนอาตมาพูดแต่ความจริง จนกว่าอาตมาจะตาย
_สู่แดนธรรม… สมมุตินะครับ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะครับ ถ้าเขายกให้พ่อท่านบริหาร มันก็จะไม่งาม
พ่อครูว่า… มันทำไม่ได้ด้วย อย่างเช่นจะไปจัดการกับแพรี่ อาตมาจะไปทำอะไรได้ จะไปทำกับพวกบริวารแพรี่ทำไม่ได้ พวกที่เป็นบริวารแพรี่โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับแพรี่นะ แต่เขานิยมชมชื่นวิธีการพวกนี้ เด่น ดัง รวย โลกียะหยาบๆ เด่น ดัง รวย เอา ที่เป็นโลกียะ หยำฉ่า โลกียะเลอะเทอะเน่า อาตมาจะไปทำทำไม คนเขาจมอยู่ในปลักในตมอยู่อย่างนั้น อาตมาจะไปทำอะไรไม่ไหวหรอก อาตมาก็ไม่เก่ง ก็ทำงานตามที่มีชีวิตไปจะลากสังขารให้ไปถึง 120
ความรู้ ปัญญา ของผู้ที่มีอยู่ในตัวเป็นสภาวะจริง กับกฎเกณฑ์ การที่จะใช้กฎเกณฑ์นั้นมีความจำเป็นในสังคม คนหยาบ ต้องใช้กฎเกณฑ์เป็นตัวบังคับเขา
แต่คนที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์แล้ว เช่นทักษิณ ก็แน่นอน มันก็ยาก แล้วเขามีอำนาจบาตรใหญ่ ทั้งอำนาจเงิน อำนาจหมู่ฝูง อำนาจที่เขาสร้าง ค่ายกลของเขา จนป่านนี้ก็ลำบากอยู่แต่ก็ไม่เป็นไรอ่อนแรงลงไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นสัจจะความจริง มันจะเกิดไปเรื่อยๆในประเทศไทย นี่เป็นตัวจริงนะไม่ใช่เรื่องละครละเม็ง
เป็นปรากฏการณ์จริงในระดับโลก เป็นตัวอย่างของโลกด้วย เมืองไทยนี้ แม้แต่ทักษิณก็ดี ส.ต.อ.ปัญญาก็ดี แม้แต่ในหลวงก็ดี ทรงเป็นตัวอย่าง เป็นพระพรหมเสด็จไปโปรด พวกนี้มันเป็นเรื่องจริงทุกอย่างเลย มันมีในประเทศไทย
สิ่งเหล่านี้ในอนาคตคนจะตามศึกษา อีก 100 ปีในอนาคตความรู้พวกนี้จะเด่นชัดขึ้น คนจะค่อยๆรู้ค่อยๆเข้าใจ เพราะมันเป็นความลึกซึ้ง มันเป็นความยากของความดีที่จะเข้าใจ ยิ่งคนส่วนใหญ่เป็นเทวนิยม แม้แต่ในโลกุตระ ในประเทศไทย ที่มีรากฐานของโลกุตระ ปลูกฝังลงไปแล้ว ก็ยังไม่ใช่ว่าจะเจริญงอกงามไพบูลย์ไปได้ อัตราการก้าวหน้าที่สูง แต่มีอัตราการก้าวหน้าที่ยังไม่มาก แต่มันไม่มีทางเลือกต้องทำอันนี้ไปได้เท่าไหร่ก็เอา ไม่ตะกละ พากเพียรให้สูงสุด ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น
เพราะฉะนั้นการตัดสินหรือการยุติ ที่เรียกด้วยศัพท์ว่ายุติธรรม ให้ยุติ ให้สงบลง สงบด้วยกฎเกณฑ์กับสงบด้วยผู้มีปัญญา พฤติกรรมจริง
ผู้มีปัญญา พฤติกรรมจริง จึงยอมเป็นผู้แพ้ด้วยทั้งๆที่เป็นผู้ถูกต้อง ไม่ใช่ผู้ผิดจะยอมได้แต่ก็ยังเป็นผู้ถูกต้องอยู่ เป็นผู้อยู่ในครรลองคลองธรรม
_สู่แดนธรรม… ให้คิดด้วยตรรกะว่าพูดถูกจะต้องไม่แพ้ไม่ได้ใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า… ไม่ได้ในสังคมโลกต้องมี 2 ตัวจะสลับไปสลับมา เป็นมายากับสิริมหามายา
สิริมหามายาคือจะพลิกไปทางไหนเร็วไวมันก็จะถูก แต่มายานั้นพลิกไปทางไหนมันก็หลอกหมด สองอย่าง นี่เป็นสิริมหามายากับมายา เป็นคู่เอกของเทวะ
กฎเกณฑ์จริงๆแล้วมันไม่เที่ยง แต่คนเข้าใจว่าต้องทำตรงตามกฎเกณฑ์สิ คนก็ยึดกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์คุณตั้งไว้ อย่างเช่น กฎเกณฑ์ที่มีมาแล้ว 5,000 ปี หมื่นปีมาแล้ว มาถึงวันนี้นี่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง กาละ เทศะ ฐานะ มันเปลี่ยน องค์ประกอบสิ่งประกอบมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จากมากไปหาน้อย จากน้อยไปหามาก จากเสื่อมไปหาเจริญ จากเจริญไปหาเสื่อมก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นจะต้องเปลี่ยนไปตาม status quo จะต้องเป็นไปตามสัจธรรมปัจจุบันนั้น ๆ เอาองค์ประกอบ บริบท ปัจจุบันนั้นๆ อย่าไปเลยเถิด ไปเอาอะไรต่ออะไรของเก่ามาสับสนกันไปกันมา
เพราะฉะนั้นกฎเกณฑ์ก็ไม่เที่ยง แต่พฤติกรรมของจิตวิญญาณ ที่ผู้ที่บรรลุธรรมสูงสุดแล้ว เป็นภาวะเที่ยง วงเล็บไว้ชัดๆว่า ผู้ที่บรรลุสูงสุดแล้ว ถอนอาสวะสิ้น ออกไปแล้วมีปัญญาวิมุตติญาณทัสนะ สำทับ จึงทำให้ความจริงนั้นคงทนยั่งยืน นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) ไม่แปรผันไม่เป็นไรอีกแล้ว สรุปไปเลยเป็นอย่างนี้อย่างเดียว นิรันดร จนกระทั่งแยกธาตุ
นี่คือสัจธรรมที่ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา ผู้ใดถึงจุดนี้แล้วจึงจะถึงความจริง เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความลึกซึ้งสามารถที่จะรู้ความจริงได้ จะเป็นผู้พิพากษาที่ตัดสินความยุติธรรม
อันนี้ต้องตัดสินด้วยแค่กฎเกณฑ์ก็ต้องรู้ อันนี้พฤติกรรมของผู้ที่ถูกต้องมันมี ก็ต้องตัดสินผู้ถูกต้องที่มี แต่ถ้าผู้ที่ถูกต้องไม่มี จำเป็นต้องเอาตามกฎเกณฑ์ ก็ต้องเอาตามกฎเกณฑ์ อย่างนี้เป็นต้น หรือจำเป็นที่สุด ยุคนี้เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะให้พูดถึงความจริงสูงสุดเนี่ย ชนะ ต้องให้ผู้ที่ถึงความจริงสูงสุดนี้แพ้ก่อน เช่น โพธิรักษ์โดนตัดสิน อาตมาก็ไม่มีปัญหา มาตัดสินให้อาตมาแพ้ อาตมาก็ไม่ได้เสียใจท้อแท้ ไม่ได้หยุดยั้ง อาตมาก็ทำงานมา สัจจะที่แท้จริง มันไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่มีหยุดอย่างที่ว่า นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) มันไม่หยุดมันไปต่อ
จนทุกวันนี้ ไม่ใช่ดันทุรัง แต่เป็น ดันสุรัง สุระ ไม่ใช่ทุระ อันนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องสัจธรรม
ก็ทำไปตามพฤติการณ์ที่เราไปเจอ แล้วเป็นอย่างที่เห็นๆ ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนเลยอาตมาเป็นคนที่อยู่ในนี้ อาตมาทำงานในสังคมมา ทำด้วยตัวตนแต่คนไม่เห็นตัวตนของอาตมา อาตมายิ่งกว่า invisible Man ไม่มีใครเห็นตัวตนอาตมา แต่อาตมาทำซับซ้อนอยู่ในนี้ เชื่อไหมว่าอาตมาเป็นหัวหน้าปฏิวัติเมืองไทย ไม่มีตัวตน ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะยอมรับไม่ยอมรับ ไม่มีปัญหา อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ ไอ้นี่มันไปฮุบ เอาไปตีกิน ชุบมือเปิบ ก็ว่าได้ แต่ไม่มีปัญหาหรอก ใครจะว่าอาตมาอย่างนั้นก็ไม่เป็นปัญหา แต่ว่ากรรมเป็นอันทำ พฤติกรรมจริงเป็นอันทำ ผู้ที่มีดวงตามีภูมิปัญญารู้เท่านั้นที่รู้ เพราะฉะนั้นโลกสังคมยังไม่รู้เรื่องความซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนพวกนี้ รัฐศาสตร์ก็ดี นักการเมืองทั้งหลาย แม้แต่นักกฎหมายหรือทางเศรษฐศาสตร์ เราพูดเรื่องยุติธรรมกับการเมืองเท่านั้น ยังไม่ได้พูดถึงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งซับซ้อนลึกซึ้งมาก
_สู่แดนธรรม… สรุปจบ