660315 การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1MBtJbD5cW-emQM1OCES0YHsFo3LmE5eeZbuVxw_uT6s/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1ASflEAZ4rlIKixff7Zq5PXfYxLMuKiG_/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/iHEzHtmZTjQ และ https://fb.watch/jhvjQtlXcD/ สมณะฟ้าไท… พ่อครูสมัครแล้วและเชิญชาวอโศกสมัครพรรคสัมมาธิปไตย ถ้าเราได้ติดตามฟังธรรมะจากพระครูสิ่งที่พ่อครูเน้นสิ่งหนึ่งคือให้ลืมตาปฏิบัติธรรม 2 เน้นย้ำเรื่องทำกสิกรรม เช้าอโศกต้องลงจากหอคอยงาช้างลงมาคลุกคลีกับกสิกรรมให้เกิดผลผลิตให้เต็มให้ทั่วโลกไปเลย ให้เขาได้กินฟรี ประเด็นที่ 3 คือเรื่องการเมือง ตอนนี้ชาวอโศกก็มีพรรคใหม่ชื่อพรรคสัมมาธิปไตย ได้จดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะไปสมัครเป็นสมาชิก เขาบอกว่า สมณะ สิกขมาตุ ก็สมัครได้ พ่อครูก็สมัครแล้ว พ่อครูว่า… อาตมาสมัครแล้วสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย สมณะฟ้าไท… ไม่รู้สมัครเป็น number one หรือเปล่า พ่อครูว่า… ไม่ใช่ Number One อาตมาลำดับที่ 88 แล้วก็ พรรคนี่ ที่เขาบอกมาว่า พรรคได้รับอนุมัติเป็น นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ จดทะเบียนพรรคสัมมาธิปไตย และได้ส่งไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ดูเหมือนจัดอยู่ในลำดับสุดท้ายพอดี แล้วก็อยู่ในลำดับที่ 88 วันที่อนุมัติให้ก็วันที่ 8 มีนาคม ก็เป็นเรื่องที่บังเอิญ เราก็ไม่ได้ไปจัดสรร มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ถือได้ว่า พรรคสัมมาธิปไตยได้รับการจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายเรียบร้อยแล้ว พรรค 87 เป็นพรรค ที่รับจดทะเบียนคือพรรครวมใจไทย เขาก็มีกิจการกิจกรรมอะไรต่างๆที่ตามกฎหมายนะตามกฎระเบียบ พวกเราชาวอโศก ที่จริงแล้วนี่นะ ถ้ามีความรู้เพิ่มเติม ในหลักเกณฑ์หลักการพวกนี้ เมื่อเรามีพรรคสัมมาธิปไตย ขออภัยที่อาตมาใช้คำว่าเมื่อชาวอโศกมี คือ มันเป็นชาวอโศกเราจริงๆ ที่ไปเป็นกลุ่มคน ที่เรียกดูภาษาวิชาการ พรรค เป็นกลุ่มคนไปจดทะเบียนเป็นกลุ่มหรือเป็นพรรคในทางการเมือง ตามกฎหมายตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายสังคมประชาธิปไตยเมืองไทยแล้ว เราห้ามไม่ได้หรอกว่า คนจะมีพรรคมีพวกอย่างพวกแดง อย่างพวกเพื่อไทยที่เขาชอบทักษิณ ความเห็น ความคิด แนวคิดอย่างไรก็แล้วแต่ แบบ ทักษิณ แน่นอนเขาก็แสดงออกหาพรรคหาพวกช่วยกัน มันก็ช่วยกันธรรมดานี่เป็น กฎเกณฑ์หรือเป็นหลักธรรมชาติของมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นชาวอโศกเราก็มีนัยยะอย่างนั้นเหมือนกัน เขาก็ทำกันเปิดเผย แต่ที่จริงมันไม่ได้ผิดอะไร มันเป็นธรรมดาธรรมชาติของสังคมที่ทำอะไรเป็นหลักเกณฑ์ด้วย เป็นอิสรเสรีภาพของมนุษย์ทุกคนด้วย ที่จะมีสิทธิ์แสดงความเห็นว่าเราชอบอันนี้ เราไม่เห็นด้วย อย่างนี้แสดงสิทธิที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ที่อาตมาพูดไปนี้ อาตมาไม่ได้อยู่ในเถรสมาคม อาตมาไม่ได้อยู่ในกฎเกณฑ์ของเถรสมาคม อาตมาก็เป็นนักบวชเป็นสมณพราหมณ์ ที่เป็นนานาสังวาสกับมหาเถรสมาคม แน่นอนอาตมาไม่มีกฎเกณฑ์ ตามที่มหาเถรสมาคมเขากำกับ จะเรียกว่าบังคับก็คือบังคับ นักบวชของเขาเป็นอย่างนั้น แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะมาบังคับนักบวชพวกเราพวกชาวอโศกนี้ได้ อาตมาก็ถือว่าเป็นอิสรเสรีภาพที่อาตมามีสิทธิที่จะทำได้ ที่จะพูดกับชาวอโศก ให้ได้รับประโยชน์อันนี้ เพื่อที่จะทำให้ความเห็นหรือความรู้หรือแนวคิด ของพรรคสัมมาธิปไตยที่เราเห็นด้วยกัน เห็นสอดคล้องกัน เป็นแนวเดียวกันที่เราเรียกกันว่า แนวสัมมา เพราะฉะนั้นจะเป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมามรรค สัมมาผล หรือ สัมมาประพฤติ สัมมาปฏิบัติก็ตาม มันก็ต้องสอดคล้องส่งเสริมกันไป ก็แสดงออกมาตามความ บริสุทธิ์ใจ อิสรเสรีภาพ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบนะ ก็อาตมาจึงเห็นว่า เออ ก็น่าจะบอกกันชาวอโศก ซึ่งเราไม่ได้คิดจะเอาไปแข่ง เราไม่ได้คิดจะเข้าไปแย่งตำแหน่งหน้าที่ เราไม่ได้คิด แม้แต่จะสมัคร ส.ส.นี่ เราก็ไม่ได้คิดจะสมัคร ส.ส. เพื่อที่จะเป็นส.ส.เข้าไปในสภา ในทางกฎหมายเขากำหนดว่า พรรคการเมืองทุกพรรคต้องส่ง แต่ก่อนนี้ก็ไม่มีกฎหมายนี้ อาตมารู้มา เมื่อเป็นพรรคการเมือง ต้องส่งเลือกตั้ง ส.ส. 2 สมัย 2 ครั้งได้ ถ้าไม่ส่งครั้งหนึ่งได้ เกิน 2 ครั้งไม่ได้ ยุบพรรคเลย แต่ก่อนนะ เท่าที่อาตมาจำได้ แต่เดี๋ยวนี้จะเป็นอย่างนั้นอยู่หรือไม่ อาตมาก็ไม่ได้ ติดตามเรื่องของการเมืองนี้ เท่าไหร่ แต่ทีนี้เราเอง ชาวอโศกเราจะมีพรรคการเมือง อาตมาก็ว่าน่าจะส่งเสริมกัน ให้แสดงแนวคิดที่เรามีแนวคิดโลกุตระ แนวคิดตามพระพุทธเจ้าเท่าที่เราเข้าใจ เท่าที่เราเชื่อถือ ตามสิทธิมนุษยชน เราก็น่าจะต้องช่วยกัน ส่งเสริมกันบอกแจ้ง ที่สำคัญก็คือบอกแจ้งกันให้รู้ เราก็จะได้พัฒนาแนวคิด ที่เป็นโลกุตระ แนวคิดที่เราเชื่อว่าเป็นของพระพุทธเจ้าว่ามันดีนะ มันเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อมนุษยชาติ มันเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ชาวอโศกเราพัฒนาตนเองขึ้นมา ร่วมกับ สังคมประเทศเขา ไม่ได้ดูดายหรือว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลยอะไร อย่างที่เราทำมาก่อน ถึงกาละนี้ ถึงกาละที่ควรแล้ว เราก็ถือโอกาสมันก็ดำเนินมาบรรจบ ครบกรรมกิริยาการเมืองที่เป็นมา เราก็ทำเต็มที่ นี่ ภาพเขาเอามาบอก เป็นภาพที่อาตมาไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย เขาจะต้องเอารูปไปติดไว้ในใบสมัคร อาตมาก็ต้องทำตามกฎหมาย ตามกฎเกณฑ์กฎหมายเขาเราก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นจะเป็นเรื่องประหลาด จะเป็นเรื่องแปลกๆในสังคมที่เกิดขึ้นใหม่ มันมีอะไรใหม่เกิดขึ้นมา คนเขาจะด่า คนเขาจะว่า ผู้ที่เขาอคติหรือผู้ที่เขายึดถือ แต่คนที่เขาเห็นว่า เอ๊..ทำอะไรแปลกๆนะองค์นี้ พระรูปนี้ หรือเขาไม่เรียกพระ เขาจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ สมณะรูปนี้ ตามกฎหมายเขาก็เรียกเราถูกต้องแล้ว เป็นสมณะพราหมณ์ สมณะพราหมณ์รูปนี้อย่างไร ทำอะไร เขาก็อาจจะมองไป ก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นจุดสำคัญของสังคมมนุษยชาติ มันเป็นการพัฒนาหรือว่าเป็นการ ปหายะ เป็นการเสื่อม มันเป็นความเสื่อมที่ทำนี้มันเป็นความเสื่อม หรือเป็นความเจริญของสังคมประเทศชาติ ของมวลมนุษยชาติ ก็ดูกันไปนะ เรื่องพรรคสัมมาธิปไตย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ๒๕๖๖ นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคสัมมาธิปไตย และได้ส่งไปลงประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาด้วยแล้ว ถือได้ว่า พรรคสัมมาธิปไตย ได้รับการจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยชอบด้วย กฎหมายเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้พรรคสัมมาธิปไตย สามารถดําเนินกิจการทางการเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงขอชี้แจงญาติธรรมและผู้สนใจ ดังนี้ ข้อ ๑. ภายใน ๑ ปี พรรคสัมมาธิปไตย จะต้องมีสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ คน (ห้าพันคน) และต้องเพิ่มจํานวนสมาชิกพรรค ให้มีจํานวนไม่น้อยกว่า ๑๐,000 คน (หนึ่งหมื่น คน) ภายใน ๔ ปี ข้อ ๒. ภายใน ๑ ปี พรรคสัมมาธิปไตย ต้องดําเนินการให้มีสาขาพรรค อย่างน้อย ภาคละหนึ่งสาขา มี ๔ ภาค ประกอบด้วย ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน โดยสาขา พรรคการเมืองแต่ละสาขาต้องมีสมาชิกที่มีภูมิลําเนาอยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของสาขานั้น ตั้งแต่ ๕๐๐ คน (ห้าร้อยคน) ขึ้นไป ข้อ ๓ จัดให้มีการประชุมใหญ่ของพรรคสัมมาธิปไตย ภายในเดือนเมษายน ของทุกปี ข้อ ๔ ผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย ต้องชําระค่าบํารุงพรรค ตามกฎหมาย คือ เป็นสมาชิกหนึ่งปี ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาท) หรือเป็นสมาชิกตลอดชีพ ๒,๐๐๐ บาท (สองพันบาท) พร้อมหลักฐาน ดังนี้ ๑) สําเนาบัตรประชาชน ๒) สําเนาทะเบียนบ้าน ๓) รูปถ่าย ขนาด ๑ นิ้ว ๑ รูป (กรณีไม่มีรูปภาพ บริการถ่ายรูปฟรี) ๑ คุณสมบัติสมาชิกพรรค ดังนี้ ๑) อายุ ๑๘ ปีขึ้นไป ๒) ลดละเลิกอบายมุข ๓) ไม่มีข้อห้ามตามที่กฎหมายกําหนด กรณี การส่งสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑. ต้องมีสาขาพรรคสัมมาธิปไตย พร้อมแล้ว ๔ ภาค ๒. ต้องมีตัวแทนพรรคการเมืองประจําจังหวัดอย่างน้อยสามจังหวัด มีสมาชิก ไม่น้อยกว่า จังหวัดละ ๑๐๐ คน (หนึ่งร้อยคน) ๓. การสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องผ่านการพิจารณาของสมาชิกพรรคฯ จาก การประชุมใหญ่ของพรรคสัมมาธิปไตย (กรณี ไม่ส่งผู้สมัครติดต่อกัน ๒ สมัยเลือกตั้ง หรือ ไม่เกิน ๔ ปี จะสิ้นสภาพของพรรค) *สนใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย ติดต่อได้ที่ ชุมชนชาวอโศกหรือแพทย์วิถีธรรม ภาคกลาง : ทนายรินไท ๐๘๙-๕๕๔-๗๑๐๔, แรงผา ๐๘๓-๔๐๘-๕๕๗๗, ดั่งทรายฟ้า ๐๘๑- ๒๐๘-๒๒๑๑, อุ่นไอธรรม ๐๖๓-๘๓๖-๔๙๓๘ ภาคอีสาน : มั่นแม่น ๐๘๖-๔๐๒-๗๑๙๙, ดินดอน ๐๙๓-๐๗๑-๔๒๖๔, เอมอร (ขวัญดินไพร) ๐๘๖-๓๒๘-๖๔๔๐, ภูเพียรธรรม ๑๙๔-๑๙๑-๒๔๙๖ แพรลายไม้ ๐๘๘-๕๕๔-๔๒๓๙, เพ็ญแสงฟ้า ๐๖๔-๘๓๒-๕๓๘๑ ภาคเหนือ : สุเมธ พรหมรักษา ๐๘๔-๐๔๗-๘๖๒๖, มั่นศีลขวัญ ๐๘๑-๘๘๕-๘๕๗๒ ภาคใต้ : รวม (ดีทุกแดน) ๐๘๙-๗๗๒-๙๘๗๐, ฟางฝน ๐๘๙-๘๕๓-๗๑๖๒ นาบุญ 0994644059 พ่อครูว่า… มาบอกอะไรต่ออะไรไปแล้ว ผู้ที่มีกะจิตกะใจให้ความร่วมมือสนใจจะสมัครเป็นพักสัมมาทธิปไตยไม่ว่าจะเป็นชาวอโศกหรือคนข้างนอก ก็ตามมีคุณสมบัติตามที่ว่าแล้ว ว่าจะต้องเป็นผู้ที่ อายุ 18 ปีขึ้นไป พยายามลดละเลิกอบายมุข ไม่มีข้อห้ามตามกฎหมายกำหนด สนใจสมัครสมาชิก _หมอเขียว… มีพี่น้องทางบ้านฝากถามคำถามมา 2 คำถาม 1 พักสัมมาทธิปไตยลงสมัครเลือกตั้ง จะไม่ลดคะแนนลงตู่หรือ 2 ทำไมนักธรรมะจึงต้องมาทำการเมือง พ่อครูว่า… คำถามที่ 1 ก็อิสระเสรีภาพของประชาชน จัดตั้้งพรรคขึ้นมา เจตนาก็ไม่ได้ไปลดคะแนนลุงตู่ ก็เพราะว่า เราไม่แข่งใคร แต่เราทำกับประชาชน เราก็มีอิสรเสรีภาพที่จะทำ เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะไปเล่นพรรคเล่นพวกกันมีเชิงคิดเล่นพรรคเล่นพวก มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว เพราะฉะนั้นเราทำโดยสิทธิเสรีภาพของเราที่ทำตามอิสระชน สามารถที่จะทำ ไม่ได้ผิดกฎหมายทำได้ เราก็ทำ แม้ว่า พอรู้กันโดยปริยายว่าเราก็ส่งเสริมลุงตู่ ถ้าตั้งพรรคขึ้นมามันก็จะไปลดคะแนนลงจากทางโน้น จะลดหรือจะเพิ่ม คุณคิดคุณตัดสินเองได้อย่างไง ว่า พรรคนี้ เกิดขึ้นแล้วจะมีบทบาทอย่างไร จะมีพฤติกรรมอย่างไร จะแสดงออกไปในสังคมอย่างไร แล้วประชาชนเขารับจากการแสดงออกของพรรคสัมมาธิปไตยนี้ มันจะไปช่วยคะแนนให้ลุงตู่หรือมันจะไปลด คุณตัดสินได้ยังไง สมณะฟ้าไท… เขาพูดถึงการเลือกตั้ง ถ้าพรรคสัมมาธิปไตยสมัครลงเลือกตั้งก็จะแบ่งแข่งกับพรรคลุงตู่ พ่อครูว่า… ก็ไม่ได้แข่งนี่ ก็สมัครตามกฎเกณฑ์ของสังคม สมณะฟ้าไท… ก็แล้วแต่คนจะเลือกหรือไม่เลือก พ่อครูว่า… มันก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตยที่แท้จริง สมณะฟ้าไท… ซึ่งถ้าเราชาวอโศกจะไปเลือกพรรคลุงตู่ก็ได้ พ่อครูว่า… ไม่มีปัญหา เราไม่ได้ไปกำหนดกฎเกณฑ์หรือบัญชาการสร้างอิทธิพลครอบงำใครอย่างนั้นอยู่แล้ว เราไม่ทำอยู่แล้วอิสรเสรีภาพ ชาวอโศกเราจะไปเลือกพรรคหรือเลือกลุงตู่ การเมืองของไทยนี้เขาเลือกพรรคกัน แล้ว ส.ส.ของพรรคก็ไปเลือกนายกเลือกอะไรกันอีกทีนึง เพราะฉะนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ ถ้าจะคิดอีกทีแล้วมันกลับจะส่งเสริมกันด้วยซ้ำ เพราะว่าก็รู้กันโดยปริยายว่าเราไม่ได้ไปแข่งที่จะไปเป็นนายก แล้วเราก็มีเชิงส่งเสริมนายกตู่อยู่แล้ว แล้วมันจะไปมีปัญหาอะไร หินไท…สมัยนี้ไม่น่าจะส่งทันครับ พ่อครูว่า… ส่งทันหรือไม่ทันก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่เลย ส่งไม่ทันไม่เป็นไรมันมี 2 สมัย ส่งสมัยนี้ไม่ได้ สมัยหน้าก็ต้องส่ง จะทัน หรือไม่ ทำไมจะไม่ทัน เงินสมัครไม่มี เอาน่า คงพอได้ นี่เรื่องของพฤติการณ์ของชาวอโศก เกี่ยวกับสังคมประเทศ เป็นประเทศประชาธิปไตยที่เขาจะเรียกกันว่าการเมือง แล้วคนที่เขามีอคติมีความนึกคิดอยู่ว่า การเมืองกับพวกธรรมะต้องไม่เข้าไปร่วมกันอันนี้ก็พูดกันนักหนาแล้วว่าไม่จริงผิด คนที่มีความคิดเห็นและทำอย่างนั้นเป็นคนที่ทำลายประเทศชาติเลย การเมืองไม่ให้เข้าธรรมะไปยุ่งนั้นเลอะเลย พรรคการเมืองนักการเมืองต้องให้ธรรมะเข้าไปช่วย หรือยิ่งเป็นนักการเมืองที่สนใจธรรมะร่วมกับธรรมะอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันเลยพากเพียรปฏิบัติตนให้เจริญในทางธรรมะด้วย เป็นอรหันต์เลย เป็นอนาคามี เป็นสกิทาคามี เป็นโสดาบันก็ยิ่งดีสิ ดีกว่าปล่อยให้ปุถุชนไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างประเทศชาติอยู่ทำไม ใช่ไหม นี่คือสัจจะที่จริง ก็ค่อยๆทำไป จะมีคนค่อยๆเข้าใจ พฤติการณ์ของโลกุตรธรรมพฤติการณ์ของมนุษย์ที่มีโลกุตรธรรม มันจะไม่เหมือนกับพฤติการณ์ของมนุษย์ชาวโลกียะที่เขาทำกันอยู่ ที่เขาประพฤติกันอยู่ พฤติการณ์ที่เป็นเขาจะไม่เหมือนแน่ เพราะฉะนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นมาก็ใหม่ๆแปลก ตั้งแต่อาตมาพามาทำนั้นมันใหม่มันแปลก แต่จนเขาเห็นว่าผิดเพราะมันไม่เหมือนเขา จนนานมาจนวันนี้แล้ว เอ๊ะ มันผิดหรือมันถูก โพธิรักษ์นำพา คนก็ชักหยุด หยุดที่จะคิด ว่าผิดไปเลยนี่ลงไปแล้วได้เรื่อง แต่แน่นอนไม่หมด จำนวนมากยังเห็นว่ายังไม่ใช่ ยังอะไรต่ออะไรอีกเยอะ ยังไม่ยอมรับนับถือว่า นี่เป็นผู้ที่จะมาแสดงธรรม นำธรรมะพระพุทธเจ้ามายังไม่ แต่ไม่มีปัญหา เพราะผู้ที่เห็นและเป็นมวล อย่างถูกต้องตามธรรมซึ่งเรายืนยันว่าเป็นมวลที่ประพฤติจนกระทั่งเกิด สาราณียธรรม 6 มีวรรณะ 9 มีหลักเกณฑ์อะไรต่างๆนานาเอาอ้างอิงของธรรมะพระพุทธเจ้าเลย ยืนยันได้ มีที่อ้างมีที่อิง มีหลักฐาน หลักฐานพระไตรปิฎกตรง พวกนี้เขาก็พูดไม่ออกแล้ว นี่คือความจริงเพราะฉะนั้นก็พิสูจน์กันไปเรื่อยๆ ทีนี้ก็เอา sms ดู SMS วันที่ 13 มี.ค. 2566 อ่านทุกข์ออกนี่คือหัวใจของศาสนาพุทธ _สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ชีวิตลูกมีความทุกข์มาก ครั้นเมื่อมาปฏิบัติธรรมกับพ่อครูเกือบ 3 ปีมานี้ ทุกอย่างในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่พ่อครูเคยบอกว่า ลูกๆใช้คำกับพ่อครูว่า”ที่เคารพอย่างสูงบ้าง ที่เคารพอย่างสูงยิ่งบ้าง ที่เคารพสุดเศียร สุดเกล้าบ้างฯลฯ” ลูกมีความเห็นว่า ที่พ่อครูมาสอนให้ลูกๆ ลดกิเลสได้นั้นมีค่ามากเกินกว่าที่จะหาคำใดๆมาสื่อสารได้ ลูกอยากถามตรงๆว่า ทุกข์ที่คนทั้งโลกประสพกันอยู่นี้ หากไม่มาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ตามที่พ่อครูพาทำแล้ว พวกเขาจะมีทางพ้นทุกข์จริง หรือจะมีทางอื่นอีกหรือคะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูว่า… คุณสว่างแสงปฏิบัติมาเกือบ 3 ปี สามารถมองเห็นทุกข์ อ่านทุกข์ออก นี่คือหัวใจของศาสนาพระพุทธเจ้า ผู้ที่เห็นทุกข์ด้วยตัวเองว่าอันนี้คือทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้เห็นทุกข์นั้นคือเป็นอาริยะ เพราะผู้เห็นทุกข์อาริยะ แต่คำว่าทุกข์โลกีย์กับทุกข์อริยสัจ ทุกข์ที่เป็นโลกีย์เป็นทุกข์ที่เป็นอริยะปลอม อาริยะเก๊ เขาเห็นกันอยู่ มันคนละอย่างกัน มันลึกซึ้งมากตรงที่ว่า ทุกข์นั้นเกิดที่ไหน เกิดที่สมอง เกิดที่หัว เกิดที่มือ เกิดที่แขน เกิดที่ปาก ทุกข์เกิดที่ไหน ทุกข์เกิดที่ใจ เราเรียนรู้ใจหรือเรียนรู้จิตวิญญาณ แล้วเจตสิกที่เจาะเข้าไปจริงๆอาการทุกข์มันอยู่ที่ไหน อยู่ที่เวทนา ชาวอโศกเราเรียนเจาะลึกเข้าไปถึงจิต ถึงขั้นเวทนา แล้วอ่านอาการทุกข์จากเวทนาได้ นี้ต่างหากที่มันต่างจากที่เขาเรียนกัน โดยเฉพาะเทวนิยมไม่รู้จักเรื่องเวทนา เวทนา 108 เป็นต้น มันละเอียดชัดเจนเลย แบ่งแยก เคหสิตะ มโนปวิจาร 18 แบ่งแยกได้ เอากิเลสออกได้เรียกว่าได้ธรรมะ รู้จัก มโนปวิจาร 18 อีกหมวดหนึ่ง ที่เป็นคฤหัสถ์เป็นผู้ที่ไม่ใช่อาริยะ แม้จะเป็นชาวพุทธก็ตาม แยกอ่านจิตในจิต อ่านกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม อ่านไม่ออกแยกแยะไม่ออก มีธัมมวิจัย กิเลสกาม กิเลสปฏิฆะ มันมีอาการเมื่อผัสสะและเกิดเวทนาแล้วสามารถที่จะวิจัยวิจารณ์แยกเอาตัวการเอา ปฏิฆะออกได้ กำจัดกามกับกำจัดปฏิฆะได้ ซึ่งเป็นเรื่องปรมัตถธรรม เขาเรียนรู้จริงกันที่ไหน แม้แต่ทางเถรสมาคมไปนั่งหลับตากันอย่างใหญ่ แม้แต่เรียนเปรียญ 9 เรียนดอกเตอร์ ได้แต่บัญญัติภาษา ได้แต่ตำแหน่งหน้าที่กันไป เขาได้ประพฤติปฏิบัติกันเข้าไปถึงปรมัตถธรรมอย่างที่กล่าวนี้ที่ไหนกัน ขออภัยที่พาดพิง อาตมาพูดสัจจะ ความจริง ที่อาตมาเชื่อมั่นว่าเป็นจริงตามที่อาตมาพูด ถูกผิดอาตมาก็ต้องรับผิดชอบ แต่อาตมาเชื่อว่าอาตมาพูดถูกต้อง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ คุณสว่างแสงพูดว่า สามารถที่จะพูดได้เพราะเคยมีทุกข์มาเก่า มาคบกับเรา 2 ปีกว่า 3 ปี ฟังธรรมและเรียนรู้ได้ว่าลดความทุกข์ได้ จึงเห็นว่าการลดความทุกข์นี้เป็นคุณค่ามาก เพราะฉะนั้นการที่คนเขารู้จักคุณค่า แล้วเขาเรียกอาตมาว่า ให้ความเคารพว่าอย่างสูงสุดเศียรสุดเกล้า อะไรพวกนี้ มันก็เป็นความจริงใจของเขา ที่เขารู้สึกและเขาอยากจะให้ อาตมาจะไปขอร้องอยากให้เรียกหรือ..อาตมาไม่ได้อยากให้เรียกเลยนะ ถ้าจะว่าจริงๆ ถ้าอาตมามีกิเลสอาตมาก็จะเหนียม มาเรียกกันขนาดนี้ สุดเศียรสุดเกล้าอะไรอย่างนี้ อาตมาก็จะเหนียม แต่อาตมาไม่มีกิเลสอุทธัจจะ กิเลสมังกุอะไร อาตมาไม่มีจริงๆ อันนี้ผู้ที่ศึกษาธรรมะที่มีภูมิปัญญาจริงจะเข้าใจดีเลยว่า คนที่ไม่มีอุทธัจจะแล้ว คนที่ไม่มี มังกุ ภาษาวิชาการแปลว่า ความเก้อเขิน ความเก้อยาก ความดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ในใจ มีความเขินๆเก้อๆ เขามาเรียกเรายกย่องสูง อาตมาไม่มีกิเลสที่ใครๆมี ที่เมื่อวานอาตมาเอาพรหมชาลสูตรมาอ่าน พระพุทธเจ้าบอกว่าใครมาชมเราก็อย่าไปฟูใจ เหลิงใจ ตำหนิก็ไม่เป็นไร คนตำหนิอาตมาเยอะแยะ อาตมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ใช่หน้าด้าน ก็พูดไปอยู่ ตำหนิก็ฟังเขา เขาก็ตำหนิผิด ตำหนิถูก เขาตำหนิผิดอาตมาก็แก้ไป พระพุทธเจ้าให้แก้ไขนะถ้าเขาตำหนิผิด ถ้าเขาตำหนิถูกเราก็ยอมรับสิ อย่างนี้เป็นต้น อาตมาไม่ได้ปฏิบัติผิดจากคำสอนพระพุทธเจ้าสักอย่าง ชาวอโศกเรามีเศรษฐกิจโลกุตระหนึ่งเดียวในโลก _สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ · ผู้น้อยเข้าใจถูกไหมหนอถ้าเปรียบว่า? รายได้ GDP เศรษฐศาสตร์โลกียะธรรมทำให้ปุถุชนเป็นทุกข์ด้วยพึ่งพาสังคมทุนนิยม โลกภายนอกเป็นหลัก ไม่จีรัง อันผันผวนวิกฤติปรวนแปร ศก.ไม่แน่นอนฯ! รายได้ GNP เศรษฐศาสตร์โลกุตระธรรมให้อาริยะชนพ้นทุกข์ด้วยตนพึ่งตน พึ่งพิงชุมชนนิยมสังคมภายในเป็นแก่นเที่ยงแท้ ศก.คนจนพอเพียงพึ่ง พากันรอดไปด้วยกันได้แน่นอนแม้วิกฤติศก.โลกไม่จีรังฯ สาธุ😷🙏👪🌍👪🙏😷 พ่อครูว่า…คุณสื่อฟ้าศิลป์เข้าใจผิด เข้าใจ GNP ว่าเป็นโลกุตรธรรม ซึ่งไม่ใช่ GNP ก็เป็นความหมาย N คือ National ไม่ใช่ Domestic โดเมสติก GNP คือ Gross National Product เพราะฉะนั้นก็เป็นความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์เทวนิยมที่เรียนกันมาจากแบบสากลเขาอยู่นั่นแหละ ไม่ใช่เศรษฐกิจเชิงโลกุตระ เขาก็มีความหมายของเขาไปอย่างนั้น เพราะฉะนั้น จึงยังไม่มีใครรู้หรอก ความคิดทางเทวนิยม ความคิดทางตะวันตก ความคิดทางศาสนาที่เป็นเทวนิยม ศาสนาพระเจ้า ไม่มีความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจแบบโลกุตระ เศรษฐกิจโลกุตระเป็นอจินไตย เป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้ง่ายๆคิดเอาไม่ได้ง่ายๆ ชาวอโศกเรามีเศรษฐกิจโลกุตระหนึ่งเดียวในโลก ถ้าพูดถึงว่าเศรษฐกิจ แล้วก็ที่อาตมาเอามาอธิบายแล้วก็ยังไม่ละเอียดพอ วันนี้ก็เขียนเติม วันก่อนก็อธิบายไปทีนึงแล้วจากที่ได้ร่างมา แล้วอธิบายไปจนกระทั่งหมดเวลาก็เอามาดูทวนแล้วขยายไปอีกเยอะ เศรษฐกิจเราก็จะได้นั้นมีที่จบ มีการจบกิจ ไม่ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจกันอีก โลกในโลกไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเมืองพุทธเมืองไทย เขาก็จะไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจกัน เพื่อที่จะให้มันจบ เพื่อที่จะให้มันไม่มีปัญหา จึงใช้คำว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ให้มีปัญหา ซึ่งเขาแก้ไม่ได้ ตราบใดที่เขาทำให้คนไม่มีปัญญา เป็นคนที่มีจิตมีวรรณะ 9 เป็นคนเลี้ยงง่าย คือบริหารนี่แหละ เลี้ยงดูนี่คือบริหาร สุภระ เลี้ยงดูง่าย เป็นพลเมืองไทยก็เลี้ยงดูง่าย บริหารง่าย สุภระ สุโปสะ แล้วเป็นคนเจริญด้วย พัฒนาไม่มีปัญหา เพราะมีปัญญา เป็นคนในสังคมที่มีปัญญา ไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย ไม่ก่อเรื่องที่จะให้ผู้บริหารเดือดร้อน และพัฒนาให้เป็นคนเจริญ เป็นอาริยชนหรืออริยชนได้จริงๆ ง่ายด้วย เลี้ยงง่าย ท่านใช้ศัพท์ว่า บำรุงง่าย ปรับให้เจริญได้ง่ายๆ เพราะ เป็นคนที่มักน้อย อาตมาขยายความว่า เป็นคนกล้าจน อัปปิจฉะ เป็นคนมีน้อยๆไม่ต้องไปมีมาก เป็นคนจนๆไม่ต้องร่ำรวย จนถึง 0 อาตมาขยายไปถึงขั้นจน จนถึง 0 เพราะเราได้พิสูจน์แล้วถึงขั้น สาราณียธรรม 6 ลาภที่ได้มาโดยธรรม ไม่ต้องมี เอาเข้ากองกลางหมด ก็เป็นคนที่สูญได้ เสียภาษี 100% อธิบายไปหมดแล้วซึ่งเป็นสังคมที่สุดยอด เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจของชาวอโศกแก้ปัญหาจบแล้ว จบกิจ ใช้ศัพท์ของพระพุทธเจ้า เป็นอรหัตผล เป็นผลสูงสุด อรหันต์ เป็นผลสูงสุดไม่ลึกลับในเรื่องเศรษฐกิจ อรหะ แปลว่า ไม่ลึกลับ อันตะ แปลว่า ที่สุด เราแก้ปัญหาเศรษฐกิจจบไม่ลึกลับ ไม่สงสัย ไม่ลำบาก จบ ถึงอันตะ ถึงปลาย นะ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วิเศษที่สุดในโลก ยังไม่มีในตำรา ยังไม่มีในความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ของโลก มีของพระพุทธเจ้าเท่านั้น และมันได้เสื่อมไป โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าได้เสื่อมไป จึงไม่เกิด ของยุคพระพุทธเจ้าท่านก็ทำไม่ได้กว้าง ได้เฉพาะในหมู่ภิกษุ ในสงฆ์เท่านั้นเอง ไปถึงฆราวาสไม่ได้เพราะมีข้อจำกัด ก็พูดไปหมดแล้ว เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคทาส มีนายทาส มีลูกทาส มนุษย์ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน ไม่รู้จักสิทธิความเป็นคนของตนเลย มันมีลัทธิกดขี่ มีนายมีบ่าว มีนายมีทาสอะไรกันอยู่ มันก็ทำไม่ได้ แต่ยุคนี้ไม่มีแล้ว ยุคทาสก็ไม่ใช่ ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราช สิทธิมนุษยชน จนกระทั่งเป็นสิทธิเลยเถิดออกมาเกินกฎหมาย เขาฟ้องร้องติดคุกกันไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงยาก ที่จะเข้าใจได้ว่า ผู้บรรลุเศรษฐกิจ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ของพระพุทธเจ้าแล้วนั้น เป็นอย่างไร เราก็เสนอให้ศึกษา เอหิปัสสิโก เชิญมาดูได้ที่ชาวอโศก _ชุมพล ยอดสะเทิน · หลายปีที่ผ่านมา ฟังเพลงหรือจะรอจนพ่อสิ้นทีไร ทุกข์ใจทุกที เพราะอยากมาอยู่กับพ่อครู แต่ก็เป็นห่วงอาจารย์ แต่ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้วครับ คิดว่ามวลของคนดีที่สัมมาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พ่อครูก็เอื้อให้ทุกอย่าง _Sodsri Aung สดศรี อั้ง · ข่าวเท็จจริงต้องมองด้วยใจเป็นธรรม ทุกคนไม่ได้คิดเหมือนกันหมด แม้พระพุทธเจ้ายังให้ทำตามกาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใครเพราะรักสัทธาอย่างเดียวจะกลายเป็นโง่งม ควรมองด้วยสติปัญญา โลกหมุนไปเราไม่อาจเปลี่ยนต้านทานเป็นตามกฎแห่งไตรลักษณ์ บ้านเมืองจะอยู่อย่างอโศกหมดได้อย่างไร คนหมู่มากย่อมแตกต่าง ควรเดินไปพร้อม ๆ กันเพื่อเกื้อกูลสังคม ทุกคนต้องอยู่ด้วยสติปัญญาแม้ยากยิ่งนัก พึ่งพาในชุมชนดีมาก แล้วให้ทุกแห่งหนเป็นแบบนี้หมดจะไหวไหม ที่สำคัญทุกคนต้องรู้ตัวว่ากำลังคิดทำอะไร ฝรั่งเวลามีเงินมากเขาก็บริจาคจนหมดมีนะ จีนไม่มีเทวนิยมเหมือนกัน พระพุทธเจ้าก็เป็นนะ ประชาธิปไตย แต่ยังปรับเปลี่ยนวินัยเพื่อเหมาะแก่การณ์ ถ้าเป็นเช่นนี้ได้ รสทช คงไม่ต้องหาเสียงแจกเงินแข่งกับพรรคอื่น พ่อครูว่า… เอาละเรื่องนี้อาตมาว่าอย่างนี้อาตมาพูดจริงๆ ตอนนี้อาตมายังไม่อยากจะคิด อาจจะมีนะ อาจจะมีได้ว่าคนในพรรค รสทช.ก็ตาม ส่วนตัวของเขาไปแจก อาจจะมีได้ แล้วเขาจะมีหลักฐานมายืนยันไหมล่ะ อาตมาก็ฟังเขาพูดเฉยๆว่า แต่เขาก็จะต้องพยายามดู รสทช อาตมาไม่เชื่อว่าคณะกรรมการเขาจะเห็นดีเห็นด้วย มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนซึ่งไม่น่าทำ แต่ถ้าเผื่อว่าทำก็ต้องตรวจสอบกันมีคนท้วงมาไว้อย่างนี้ แล้วคนท้วงก็ควรจะท้วงอย่างมีหลักฐาน อย่าไปท้วงโดยฟังข่าว Fake News พูดในโซเชียลอะไรต่ออะไร มันว่ากันไปเลอะไปหมด ไม่เข้าท่า เพราะฉะนั้นก็อย่าไปพูดเช่นนั้นถ้าไม่แน่จริง _ดนุธรรม วิรุฬห์ศิริกุล : ธรรมะพ่อครู ยิ่งฟังซ้ำ..ยิ่งเข้าใจครับ…(เหมือนถมดินสร้างบ้าน)…ค่อยๆถมค่อยๆเติมค่อยๆทำ..ดินที่ทับถมกันจะยิ่งทนทาน..นานหลายๆปีครับ…(พ่อท่านแสดงธรรม)….ผมนั่งฟังไม่มีเบื่อ (ฟังทั้งวันทั้งคืนก็ยังได้ครับ). มีแต่ความรู้ที่หาฟังที่ไหนไม่ได้ครับ… พ่อครูว่า… ก็ความรู้สึกของคุณ ก็เห็นว่าดี อาตมาก็เห็นว่าเป็นการชมเชยธรรมะที่อาตมาแสดง _Souvanee Borsil เสาวนีย์ โบซิล · เคยไปกปปส.และได้ฟังท่านเทศน์บ่อยครั้ง พ่อครูว่า…อาตมาเคยไปเทศน์ที่เวที เวทีของ กปปส. ตอนนั้น คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้อาตมาเทศน์ในเวทีของเขา แล้วก็คงจะได้ฟังเทศน์ที่ กปปส. อย่างนั้น ตอนนี้ก็เทศน์อยู่ ยิ่งกว่าที่ กปปส. ด้วย มาฟังสิเยอะๆ _เวียงทอง นุ่นภักดี · น้อมกราบนมัสการพ่อครูที่เคารพอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณพ่อท่านที่มีจิตเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้เจ้าค่ะ ลูกเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเรื่องกรรมเจ้าค่ะ และต้องแก้กรรมด้วยการเปลี่ยนกรรมคือการกระทำของเราเองเจ้าค่ะ และปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยการลดกิเลส น้อมกราบนมัสการ พ่อครูว่า…โอ้ ฟังแล้วเข้าใจไหม คนที่เข้าใจแล้วมาพูดให้คนที่เข้าใจด้วยกันฟังแล้วมันชัดเจน เหมือนที่เราเข้าใจ เหมือนที่เราทำ มันก็สอดคล้อง _ถาวร ทิพย์โชติ • เพลงพ่อท่านและเพลงในหลวง สุดท้ายประโยชน์คนอื่นทั้งสิ้นครับ พ่อครูว่า…สรุปง่ายๆคือไม่ใช่ประโยชน์เพื่อตัวเอง ประโยชน์ตัวเองหรือเห็นแก่ตัว แต่ทำเพื่อผู้อื่นทั้งสิ้นเป็นนัยยะเช่นนั้น พ่อครูคือผู้ปั้นเพลงโลกุตระหนึ่งเดียวในโลก _ป้าเปิ้ล เชิญชม • หลวงปู่ ท่านนี้แหละครูเพลงผู้ยิ่งใหญ่ หนูเจอนักปั้นมือทองเข้าแล้ว พ่อครูว่า…อาตมาก็ไม่ได้ไปปั้นใครอะไรมากมายก็ไปกับนักร้องเขา เท่านั้น ครูที่เขาปั้นนักร้องกันเขาเป็นคนปั้นกันในสังคม แต่เพลงของอาตมานั้นเป็นเพลงธรรมะ เพลงที่อาตมาแต่งตั้งแต่ตอนอยู่โลกสมัยที่อยู่ทางโลกไม่ได้มาธรรมะไม่ได้มาบวช อาตมาก็แต่งเพลงโลกียะที่เป็นราคะ แต่ไม่เคยไปแต่งเพลงลามก มาแบ่งเพลงไว้ 5 อย่าง 1. เพลงโลกุตระ 2. เพลงธรรมะ 3. เพลงสาระ 4. เพลงราคะ 5. เพลงลามก อาตมาแต่งเพลงค่อนไปทางธรรมะไปทางโลกุตระ จากสาระนั่น อาตมาว่าอาตมาแต่งเพลงโลกุตระ ว่าก็น่าจะมีคนเดียวนะในประเทศหรือในโลกก็ได้ ก็ต้องเข้าใจโลกุตระธรรมจริงๆ คือเข้าไปแจ้งเหตุกิเลสที่เป็นจุดตัวสำคัญของเนื้อแท้เนื้อหาแก่นสาร เพลงมันจะชี้บอก ถ้าคนรู้จักสาระหรือว่าฟังแล้วเข้าใจได้ _พงศ์ ปานน้อย • ก่อนหน้านี้ถ้าเราล่วงเกินก็ขออภัย วันนึงเราจะไปอยู่ด้วย แวะมาบอกเพียงเท่านี้ วันนี้ขอความสวัสดีจงมี พ่อครูว่า…เขาก็จริงใจ เขาก็รู้สึกของเขา ก็แสดงออกไม่มีปัญหาอะไร ดีก็แสดงความสนิทชิดเชื้อก็ดีแล้ว แต่อาตมายังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร ผู้แพ้เป็นคือผู้เจริญจริง _สุดาวรรณ ตันติกุล • น้อมกราบนมัสการค่ะ เมื่อดิฉันเจอ+คบคุ้นชาวอโศกชีวิตดิฉันมันดีขึ้นๆ.ๆ.จริงๆ.จริงใจ.ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ พ่อครูว่า… นี่ก็คือคุณประโยชน์ที่ได้ จากการมาคบคุ้นกับชาวอโศก ได้มาศึกษาธรรมะแบบชาวอโศก ชีวิตก็รู้สึกว่าดีขึ้น คำว่า ดีขึ้นดีขึ้นนี่แหละ เรามาพูดกันถึง อะไรดี กรรม กรรมที่เรารู้จักว่า คือ การกระทำ กรรมนี่ อาตมา อธิบายและพูดมาแล้ว ว่า กรรมนี่แหละคือ God กรรมนี่แหละคือพระเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสรู้นี้ ตรัสรู้เรื่องกรรม 1. กรรมเป็นของของตน 2. กรรมเป็นมรดกของตัวเราเอง เราต้องเป็นทายาทของมรดกกรรมที่เราทำ กรรมไม่ใช่ DNA (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท… เพราะฉะนั้นเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ก็เพราะว่ากรรมเท่านั้นแหละ เราฟังธรรมพ่อครูแล้วเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ต้องไปสมัครพรรคสัมมาธิปไตยก่อนเป็นอันดับแรก ก็เปลี่ยนกรรมเราแล้ว ต่อมาเราก็ไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น ต้องทำเป็นหมู่กลุ่ม คนเดียวทำไม่ได้หรอก พ่อครูนำธรรมะมาให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ พ่อครูเทศน์ให้คนเข้าใจมากที่สุด ที่ต้องเขียนแก้ไขหนังสืออยู่บ่อยๆเพื่อให้พวกเราเข้าใจได้ง่ายๆว่าไปทำได้จริง คนแต่ละคนเปลี่ยนไปสังคมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าในชาวอโศกที่ปฏิบัติได้เป็นได้จริงและสามารถมีพลังเข้มแข็งถึงโลกุตระ ทำไปนานๆ สังคมก็เปลี่ยน ถ้าเรายืนหยัดแล้วก็เพิ่มไปเรื่อยๆสังคมจะเปลี่ยน เพราะสังคมโลกุตระเป็นสังคมที่ให้ สังคมที่ไม่เอาเปรียบ เป็นสังคมที่ยอมแพ้ ก็อยู่ได้สบายมากในสังคมที่เป็นอยู่ พ่อครูว่า… คุณพาดพิงไปเป็นถึงสังคมที่ยอมแพ้ คนที่เข้าใจแล้วว่าชีวิตเราอยู่อย่างผู้แพ้ เป็นผู้แพ้และก็กระทำตนเป็นผู้แพ้ แล้วทำก็คือธรรม ก็คือกรรม การ กระทำตนเป็นผู้แพ้นั้น แล้วจิตใจ ปัญญาของเรา เราก็รู้ด้วยว่าการเป็นผู้แพ้ ไม่ใช่เป็นผู้เสียหาย คนหรือว่ามนุษย์ในโลก มันจะเอาชนะนี่แหละ มันจึงเป็นเรื่องยุ่งยาก มันเป็นเรื่องวุ่นวาย มันเป็นเรื่องเดือดร้อน ที่สุดเลย จะเอาชนะไม่ว่าที่ไหนเลย คิดให้ลึกเถอะ เห็นให้จริง ทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าเราทำอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส เราหยุดแล้วองคุลีมาลเธอยังไม่หยุด หยุดอะไร ท่านหยุดที่จะไปเอาชนะคะคานใคร การชนะแพ้นั้นเป็นโลกียะ เป็นเรื่องไม่เกิดประโยชน์ มีแต่โทษทั้งนั้นเลย ที่จะไปเอาชนะคะคานคนอื่น เรารู้ความจริงตามความเป็นจริงว่า อะไรคือสาระสำคัญ สาระสำคัญของชีวิต 1.ชีวิตเราเป็นชีวิตชีวิตหนึ่ง เราเกิดมาในโลก เราก็ถูกครอบงำแบบโลกๆ โลกเขาจะตกเป็นทาสของ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นอย่างนั้นเลย เป็นอวิชชาของเขา เขาเป็นทาสอยู่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งที่เรียกว่าวิชชา ท่านก็เลิกเป็นทาส ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข นี่คือคำสรุปง่ายๆสั้นๆ แล้วรู้กันทั่ว ฟังรู้เข้าใจ มันเลิกโดยที่มันมีปัญญา คำว่า ปัญญา คือความรู้ความฉลาด มันเป็นโลกุตระ เป็นความรู้ความฉลาดที่โลกเทวนิยมหรือลัทธิพระเจ้าไม่มีปัญญา มีแต่ใช้ศัพท์วิชาการก็คือ เฉโก แปลว่า ความรู้ความฉลาดเหมือนกัน แต่เขาไม่เอาไม่นิยมคำนี้ เขารู้ว่าความรู้ความฉลาดแบบนั้นไม่ใช่ความรู้ความฉลาดแบบโลกุตระ เขาก็เอาคำว่าปัญญาไปใช้แทน เฉโกหมด คำว่าความหมายที่เป็นปัญญาโลกุตระจึงตกลงไป เสื่อมไปหมด มีค่าเท่ากับ เฉโก ของคนในสังคม แม้แต่ชาวพุทธเองก็ยังแยกความรู้ความฉลาดที่เป็น เฉโก กับ ความรู้ความฉลาดที่เป็นปัญญาไม่ได้ พระพุทธเจ้าตรัสปัญญา 8 อาตมาเห็นว่าเป็นความยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขยายความจากปัญญา 8 ก็คือ ธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั่นแหละ เขียนออกมาพิมพ์เป็นเล่ม 1 ก็แล้ว เล่ม 2 ก็แล้ว เล่ม 3 เล่ม 4 ยังจะตามมา จะมีเล่ม 5 หรือเปล่า อาตมาก็ไม่รู้ อาตมาจะพยายามจะหยุด มันยังไม่ได้หยุดเลย ถ้าแบ่งไปซัก 400 กว่าหน้าเล่มหนึ่งประมาณนั้น 500 หน้ามันก็โตใหญ่ เอา 400 กว่าหน้า มันแบ่งไปถึงเล่ม 4 เล่ม 5 แล้ว ยิ่งอ่านทวนก็ยิ่งขยายแทรกอีกตลอดเวลาเลย อาตมาก็เลย เมื่อยก็เมื่อยนะ แต่เห็นว่ามันดี๊ดี ถ้าไม่เขียนไว้เสีย ถ้าไม่บันทึกไว้เสีย ขออภัยที่ต้องกล่าวความจริง แล้วใครไม่มาบันทึกไว้ มันก็หายไปกับอาตมา เพราะฉะนั้นก็บันทึกไว้ ใครที่สามารถเข้าถึง ใครที่สามารถรับได้ก็ได้ประโยชน์ไป ส่วนใครที่เข้าไม่ถึงรับไม่ได้มันก็จะทำไง มันบังคับกันไม่ได้ ยัดเยียดกันไม่ได้ มันก็จำนนเท่าที่ได้ แต่มันยอดจริงๆ มันดี พระพุทธเจ้าถึงได้เรียกว่า มันเป็นคุณวิเศษ มันเป็นเรื่องเหนือที่มนุษย์สามัญทั่วไป เหนือกว่าโลกียะเหนือกว่าปุถุชน มันเป็นเรื่องโลกุตระ อนุตตรธรรม เป็นธรรมะที่ไม่มีอะไรที่จะมาเหนือกว่านี้อีกแล้ว เศรษฐศาสตร์หลงสวรรค์คือเศรษฐศาสตร์ไปนรก ทีนี้มาเข้าถึง เรื่องกรรม ที่ว่าเมื่อกี้นี้ พระพุทธเจ้าท่านเน้น ศาสนาเทวนิยมเขายกGODก๊อตหรือพระเจ้า เป็นเจ้าของความรู้ความฉลาด สูงสุดของแต่ละศาสนา เขามีหลายศาสนามากมายเทวนิยม แล้วเขาก็นับถือก๊อต จริงๆแล้วความรู้ความฉลาดที่พระบุตรหรือพระศาสดาของแต่ละศาสนานำมาประกาศนั้น มันไม่ใช่ความรู้ความฉลาดของพระเจ้าที่ไหนหรอก มันเป็นของท่านเอง ของพระศาสดาแต่ละศาสนาเองทั้งนั้นแหละ แต่ท่านไม่รู้ตัวตน ท่านไม่รู้ตัวเอง ท่านไม่รู้ว่าอันนี้ท่านสั่งสมบารมีของท่านมาเหมือนกัน จึงได้ความรู้ขนาดนี้และได้มาเป็นศาสดาของมนุษย์ แต่ละศาสนา ท่านไม่รู้ ท่านอวิชชาเรื่องนี้จริงๆ เพราะฉะนั้น คำว่า พระเจ้า ลึกลับ เพราะแม้แต่พระศาสดาเองก็ยังไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยรู้ แต่ความไม่มั่นใจตนเอง คงความไม่เชื่อว่าตัวเองจะ มีความรู้ขนาดนี้ ก็เลยยกให้ว่า คงมีพระบิดาหรือใครสักองค์ประทานความรู้นี้มาให้ เพราะเขาไม่รู้ว่า กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กรรมเป็นของของตน ตนเองมีเอง ตนเองทำเอง ตนเองเป็นเอง สามารถมีกรรมนี่แหละดำเนินไปพาไป มันเป็นเผ่าเป็นพันธุ์กรรมของเราเอง ไม่ใช่ให้ใครมาเป็นเผ่าเป็นพันธุ์ของเราเอง เราเองเป็นเผ่าเป็นเผ่าพันธุ์ของตนเองไม่มีพระบิดาที่ไหนหรอกเรานี่แหละพระบิดาของตนเอง เราเป็นพระบุตรของตนเองเราเป็นเจ้าของกรรม หรือเจ้าของความรู้ความฉลาด ที่เราได้สั่งสมมาเอง ท่านไม่รู้ นี่แหละคือไม่รู้เรื่องของกรรม หรือการกระทำหรือท่านประพฤติ ท่านประพฤติท่านศึกษากันว่าที่ดีที่สุดคืออย่างไรท่านก็ทำตาม รู้ดีที่สุดแล้วก็เอามาประกาศอธิบาย สาธยาย บันทึกเป็นคัมภีร์ ของแต่ละศาสนา ทุกคนก็เรียนตามคัมภีร์ ตามความรู้ความฉลาด ที่บันทึกถ่ายทอดกันมา แต่ทางเทวนิยมนั้น ไม่ได้ออกนอกกรอบของโลกียะ ไม่ได้ออกนอกกรอบของความเป็นอัตตา ยังมีอัตตาอยู่ยังไม่รู้ความเป็นอัตตาคืออะไร มีอัตตาแต่ไม่รู้ว่าอัตตาคืออะไร พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อัตตา คือ สภาวะธรรมที่มันมีตัวตนนั้นคืออย่างไร มีอะไรที่อวิชชาอยู่ ให้มีอัตตาอยู่ในกาละ อยู่ในวัฏสงสาร ก็รู้เหตุที่ทำให้มันยึดติดในความเป็นอัตตาหรือในความเป็นตัวตนเรา ยึดเป็นเรา เป็นของเราอยู่ เหตุที่มันโง่อ๋อ..เหตุนั้นคือกิเลส หรือความโง่ อวิชชานั่นเอง ท่านก็ลดกิเลสมาตามลำดับตั้งแต่มันหลงวน หลงไปยึดติดว่าน่าได้น่ามีน่าเป็น อยู่ในโลกของอบาย โลกของอบายนี้ไม่ได้รู้กันง่ายๆ อบาย แปลว่า นรก คุณว่า ยูเครนกับรัสเซียอยู่ในเมืองนรกหรืออยู่ในเมืองสวรรค์ตอนนี้ …นรก ไม่ว่าจะเป็นคนของรัสเซียเองที่ดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่ มีอำนาจมีท่าทีว่าเหนือกว่ายูเครนก็ตาม ประชาชนเขาทุกข์ร้อนเพราะสงครามนี่ไหม ยูเครนนั้นทุกข์ร้อนแน่ หรือแม้แต่ ประเทศที่บอกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ แล้วก็เที่ยวได้แผ่อำนาจในเชิงชั้นหลายๆอย่าง ช่วยอย่างมีเชิงว่าฉันมีอำนาจต้องยกย่องนับถือฉันหรือต้องอยู่ใต้การครอบงำของฉัน อะไรก็แล้วแต่ เขาก็แสดงออกมาอย่างไม่รู้ว่านั่นแหละคือนรก นรกที่เขาหลงว่า เป็นสวรรค์ รู้จักสวรรค์ 6 ชั้นไหม ชั้นที่ 1 คือจตุมหาราชิกานั่นแหละคือยักษ์มาร จตุมหาราชนั่นแหละเขาคือยักษ์ คือมาร คือเขาหลงว่าเป็นสวรรค์ สวรรค์ชั้นที่ 1 ก็คือนรกชั้นที่ 1 เลย เพราะฉะนั้นมาฉีกหน้ากากของสวรรค์ที่มันแท้ๆมันคือนรกกันดู เกิดเพราะอวิชชา เกิดเพราะความไม่รู้ความโง่จึงทำกรรมที่เป็นนรกและหลงว่าเป็นสวรรค์ เขาเป็นจตุมหาราชคือยักษ์ คือมารทั้งนั้นแยกเขี้ยวยิงฟันแล้วถืออาวุธ อาวุธสมัยโบราณเขาก็มีง้าวมีดาบเท่านั้น สมัยนี้มันเป็นปรมาณู มันเป็นอะไรไม่รู้ อาตมาเรียกมันไม่ถูกหรอกชื่อมันต่างๆนานาที่เป็นอาวุธร้ายเลวประหัตประหารกันฆ่าคน การคิดสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคนนี่ก็บาปมหาศาลแล้ว เป็นนรกยิ่งใหญ่ที่เขาต้องตก โดยสัจจะแล้วเขาจะต้องตกด้วยกรรมที่เขาทำนรกแบบนี้ แต่เขาไม่รู้ เพราะฉะนั้นประเทศใดก็ตามชุมชนใดก็ตามไม่สร้างอาวุธ สร้างสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ อย่างที่เราสรุปกันแล้วว่าสร้างอาหารเป็นต้น หรือจะสร้างเสื้อผ้าหน้าแพร สิ่งที่เป็นปัจจัย 4 ก็ดี หรือจะเป็นบริขารขที่จะเป็นองค์ประกอบอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่คอมพิวเตอร์ก็มีผีร้ายอยู่ในนั้นไม่น้อย ซึ่งจะไม่แวะเดี๋ยวจะละเอียดละออเกินไป พ่อครูว่า… เพราะฉะนั้นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สร้างอาวุธที่เป็นยักษ์มาร หรือเรียกจตุมหาราช ไว้เพื่อฆ่าแกง หรือเพื่อสร้างอำนาจบาตรใหญ่ให้ตัวเองหรือขายเอา เงินทองต่างๆ ซับซ้อนอยู่ในนี้ มันเป็นอบายมุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ยิ่งก้าวหน้า สร้างอาวุธได้ร้ายแรงเท่าไหร่ ก้าวหน้าถือว่าเป็นการก้าวหน้า ยิ่งนรกหนักหนาสาหัส บาปยิ่งหนักมากมาย เขามีความเข้าใจอย่างนี้ไหม นี่เป็นความเข้าใจของอาตมา เป็นความเข้าใจของผู้ที่มีแนวคิดทางนี้ โดยเฉพาะอาตมาว่าเป็นแนวคิดแนวทางเดียวกับของพระพุทธเจ้า วางอาวุธวางศาสตรา มีความกรุณาเอ็นดู กับปวงชนหรือปวงสัตว์ ปรารถนาดีหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ศีลข้อแรกเลย นั่นต่างหากเป็นผู้เจริญ เป็นผู้ไปสร้างอาวุธมากๆใหญ่ๆเอามาห้ำหั่นฆ่าแกงกันจริงๆ สร้างแล้วเสร็จส่งให้ไปฆ่าแกงกันจริงๆ สร้างแล้วส่งให้ไปฆ่าแกงกัน ให้ด้วยแสดงอำนาจบาตรใหญ่ว่าฉันรวย ฉันเป็นพี่ ฉันเป็นหัวหน้านักเลง เป็นเจ้าพ่อ เบ่งเป็นเจ้าพ่อ ใช่ไหมเป็นความหมายอย่างนั้นอยู่ในที เบ่งเป็นเจ้าพ่อ บอกว่าเสียสละ นี่ส่งอาวุธไปให้ราคาตั้งไม่ใช่น้อยๆนะ เพื่อที่จะทำให้แก่ประเทศตนเอง มันดีนะที่ว่าประเทศไทยเราไม่กะไร ไม่เหมือนอย่างที่เขาเป็นกัน ไม่ได้เป็นทาสอย่างนั้นกับเขา อย่าเป็นเลยเจ้าพระคุณเมืองไทย เป็นทาสพวกนี้ มีภาพ เขาว่า บุคมุท ใกล้ปิดจ๊อบ มันเป็น นี่เป็นนรกแท้ๆซี อย่างไรก็เข้าใจศาสนาไหนพูดกัน พฤติการณ์อย่างนี้มันก็คือนรกมีแต่ฉิบหาย มีแต่เดือดร้อนมีแทบตาย วุ่นวาย ไม่สงบสุข บ้านเมืองของไทยขณะนี้ สงบ สบาย อาตมาว่ามันมีพวกโง่อยู่กลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ nuisance คิดดูสิ ทำไป แสดงท่าไปประท้วง อดข้าวประท้วงบ้าง ยก 3 นิ้วบ้าง อาตมาชมเชยนายกตู่ มีฮิวเมอร์ดีมากเลย บอกว่าคนทำไมมีแค่ 3 นิ้วอีก 2 นิ้วหายไปไหน มีเชิงตลกแทนที่จะไปโกรธแค้นต่อว่าเขา ก็ท้วงๆให้รู้สึกว่าเป็นพวกพิการ อาตมาแปลนะ มีมืออยู่ 5 นิ้วก็ยังดันใช้แค่ 3 นิ้ว ยกมือ 5 นิ้วให้มันครบว่าไม่ใช่เป็นคนพิการก็ไม่ได้ เป็นต้น นายกขยับ 3 นิ้วบอกไม่เข้าใจอีก 2 นิ้วหายไปไหน มันเป็นเชิงท้วง ไม่ใช่ว่าไม่รู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร คือมันเป็นการให้สัญลักษณ์หรือแสดงอะไรขึ้นมา ดึงรวบรวมพรรคพวกเอาไว้เป็นวิธีการชนิดหนึ่ง เสร็จแล้วก็ระดมกัน จะชุมนุมยิ่งใหญ่ออกมากันร้อยกว่าคน นึกถึงพวกเราแล้วอยู่กันยาวนาน ที่จริงมันเป็นความซับซ้อน พวกเราไปชุมนุมประท้วง เราก็บอกไป Neo Protest เราไม่ได้บอกว่าเราไปทำประท้วงแบบม็อบ แล้วเราก็ปฏิบัติได้จริงไปประท้วงไปโปรเทส ยังพูดดี สงบไม่ใช้อาวุธไม่ใช้ความรุนแรง ประท้วงสิ่งที่ควรประท้วงว่าอะไรผิดอะไรไม่ถูกต้อง เราก็เปิดเผย เราก็เอาหลักฐานมายืนยันกัน (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท… พวกเรา ออกไปประท้วงนี่ จำได้ไหมเท่าไหร่ หลายปีใช่ไหม พ่อครูว่า… ติดต่อกันมันมีเป็นช่วงๆ ติดต่อกันหลายปี จนกระทั่งมีผู้ที่เห็นร่วม อย่างคุณสุเทพนักการเมืองเห็นร่วม ก็เลยนำพากันออกไปสมทบกันกับพวกเราแล้วก็ช่วยกันรวมเป็นพลเมืองไทย เป็นประชาชนคนไทยจนเป็นกลุ่มใหญ่ เป็นเหตุการณ์หรือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ มีพลเมืองออกไปประท้วงหลายล้านคนอย่างสงบไม่เกิดเดือดร้อนไม่เกิดรวนเรกันในกลุ่มพวกเรา ของเขาคนน้อยก็ยังตีกันทะเลาะกันเลย มันตลกนะนี่คนตั้งเป็นล้านๆไม่มีเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างของโลกที่อาตมาก็ว่าคนเขาว่าอาตมาหลง หลงชาติตัวเองหลงพฤติกรรมพฤติการณ์ของบุคคลไทยเอง ยกว่าเป็นใหญ่เป็นหนึ่งอะไรในโลก ไม่มีใครเหมือน อาตมาว่าไม่มีใครเหมือน อาตมาว่าไม่ผิดหรอก แต่คนเขายังไม่ยอมรับ เพราะว่าพวกเรายังเป็นประเทศเล็ก ถ้าไปคิดสัดส่วนของประชาชนแล้วก็ออกไปปฏิบัติการทางการเมืองกัน เทียบกับโลกเขาเทียบกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเทียบกับเมืองจีนเป็นพันๆคน อินเดียเขายังไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้แต่จีนเขามีหลาย นี่ก็ช่างเขา ปรับมาได้เป็นอย่างนี้แล้วก็ดีแล้ว หรือประเทศอื่นๆ เดี๋ยวนี้นี่ประเทศสหรัฐก็ยังประท้วงกันอยู่ หมู่เล็กหมู่น้อยมันเป็นปกิณกะ เป็นกระปริบกระปรอย ก็ทำกันอยู่เขาถือว่าเป็นสิทธิก็ถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องทำได้เขาก็ทำกันไป แต่เมืองไทยนี่แม้จะมีการประท้วงก็มันเป็นเศษ เรื่องของ Error ของสังคมประเทศ มันมีบ้าง มันไม่มีฤทธิ์ไม่มีอำนาจไม่มี ผล ไม่มีผลที่จะไปล้มล้างกระเทือนอะไรได้เลย แต่เขาก็ยังงมงายยังหลงตัวเอง ยังมีอวิชชา ยังมีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะล้มล้าง ที่จะมองอย่างเป็นอคติไปหมดเลย ว่านายกคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งเสื่อม ยิ่งอยู่ยิ่งทรุด อะไรต่ออะไรต่างๆนานาพูดไป ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ไปคิดกันจริงๆสิ คณะบริหารประเทศ ผู้ที่เขาไม่ได้เล่นการเมืองกัน เขาก็มีหน้าที่ที่จะตรวจสอบสถิติว่า อันนี้นี่ด้านนี้ด้านเศรษฐกิจ ด้านรัฐกิจอันนี้มันเจริญอย่างไรมันก้าวหน้าอย่างไรตามหลักวิชาการตามสากล เขาก็มีรายงานออกมานะ แต่พวกตามืดตาบอดมันไม่เอา มันก็มุ่งแต่จิตที่มันอคตินั่นแหละถล่มทลายไป พูดกัน ไม่ได้เอาความจริงเข้าว่า ไม่ได้เอาหลักฐานเข้าว่าเลย ตั้งหน้าตั้งตาที่จะถล่มทลายกันอย่างเดียว คนเราไปห้ามเขาไม่โง่ไม่ได้นะ เราไม่รู้จะห้ามได้ยังไงคนที่โง่เขาก็แสดงออก คนเขาก็มองดู คนเขาหาว่าอาตมาลำเอียง อคติ ไปหลงพลเอกประยุทธ์ เข้าข้างประยุทธ์ เอาเถอะเราก็ไม่ได้ไปบังคับให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้มีอคติอย่างนั้น เรามีคติตรงอยู่ ไม่ได้มีทุคติอย่างนั้นเลยไม่ได้มีอคติอย่างนั้น อาตมามีสัมมาคติ มีคติหรือความคิดการดำเนินไปในทางความคิดของอาตมาว่าอาตมาไม่ได้ลำเอียงอะไรไม่ได้ไปรักไปชังอะไร อะไรดีอาตมาก็ว่าดี แล้วต้องส่งเสริม คนเป็นกลางจะต้องเข้าข้างหรือส่งเสริมคนดี อย่างที่ในหลวงท่านก็ตรัสต้องส่งเสริมคนดีต้องช่วยเหลือคนดี ให้บ้านเมืองได้อยู่เป็นสุข เพราะฉะนั้นต้องเข้าข้างคนดีต้องช่วยคนดีส่งเสริมคนดี เราจะไปอมพะนำอยู่ เขาจะดีจะชั่วช่างหัวเขาอย่างท่านพุทธทาสว่า มันไม่ได้ มันต้องช่วยคนดี ผู้เป็นกลางนี้ต้องมีปัญญา ผู้เป็นกลางนี้อคติไม่ได้ ผู้มีอคติเป็นกลางไม่ได้ ผู้ที่ไม่มีอคติจริงๆจึงจะเป็นกลางได้ เพราะฉะนั้นคนเป็นกลางก็จะต้องเข้าข้างคนดี ส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้กระทำดีสะดวก ให้ทำดีได้มีพลัง ให้ทำดีได้เกิดขึ้นเป็นประโยชน์แก่สังคมมนุษยชาติ ต้องเข้าใจสัจธรรมพวกนี้ให้ชัดๆแม่นๆ แล้วสังคมประเทศมันถึงจะอยู่ได้ เพราะฉะนั้น ประเทศไทยขณะนี้มีคนเข้าใจถูกต้อง อยู่จำนวนมาก มีเศษ เล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่มันห้ามไม่ได้ ในโลกมันต้องมี พระพุทธเจ้าทั้งองค์อุบัติขึ้นมามีคนค้านไหม มีคนค้านมีคนประท้วงมีคนพูดภาษาง่ายๆว่ามีคนด่าด้วย เป็นธรรมชาติอยู่เลย เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นไปได้หรอกที่จะไม่ให้มีใครเห็นค้านเห็นแย้ง เห็นเป็นหนึ่งเดียวกันไปหมดทั้งโลกทั้งประเทศเหมือนอย่างที่พูดอะไรเขียนมา จะให้ใครมาเห็นอย่างชาวอโศกจะเห็นได้อย่างไร อาตมาก็ไม่ได้คิดผิดไปจากคุณนี่ อาตมาก็พอเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่มันได้มาแค่นี้ก็ดีหนักหนา เป็นประโยชน์แก่สังคมมนุษยชาติยิ่งใหญ่แล้ว อาตมาเคยพูดแล้วว่าอาตมาเกิดมาในชาตินี้อาตมาพอใจ ที่อาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตรธรรมนี้ เป็นอาริยธรรมที่แท้จริง เอามาอธิบายสาธยายแล้วก็มีคนเข้าใจอย่างพวกคุณ จนเอาไปประพฤติปฏิบัติเห็นดีเห็นงาม เอาชีวิตเข้ามาดำเนินชีวิตกันอยู่อย่างนี้ เรียกว่ามาดำเนินไปอย่างนี้คือ มีคติการดำเนินไป ถือว่าอย่างนี้เป็น สุคติ ถ้าจะแปลอีกคำหนึ่งก็แปลว่าความเข้าใจทั่วไปโดยปริยายเหมือนกัน ว่านี่แหละคือสวรรค์สุคติ แต่ของเรานั้นยิ่งกว่านั้น มันเหนือสวรรค์ เหนือนรก เมื่อกี้นี้จะอธิบายจตุมหาราช แล้วก็ดาวดึงส์แล้วก็ ยามา ดุสิต นิมานรดี ปรนิมิตวสวัตตี นั่นแหละเป็นภพเป็นชาติของคนมีสวรรค์ทั้งนั้นเลย ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์ ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก มีแต่ความจริงในปัจจุบัน ที่เกิดจากกรรมกิริยาเป็นพฤติการณ์ของมนุษยชาติ ศาสนาพุทธเป็นอย่างนั้น แต่เข้าใจคนที่ยังโง่อยู่ว่าเขายังมีสวรรค์ เช่น ประเทศที่ยังโง่อยู่ ก็ต้องเป็นจตุมหาราช ก็ต้องสร้างอาวุธตั้งหน้าตั้งตามีเขี้ยวโง้ง ตาโปน ทำสงครามรุกรานฆ่าฟันกันกับคนอื่นเขาอยู่ ประเทศไหนที่สร้างอาวุธ ประเทศไหนที่จะต้องห้ำหั่น เอาแรงเอาการฆ่า ไม่หยุดไม่สงบ ไม่เลิกวางอาวุธวางศาสตราแม้แต่ศีลข้อที่ 1 นี่แหละคนนั้นยังไม่ใช่คน คนที่ยังไม่มีศีลแม้แต่ 1 ข้อเลยก็ไม่ใช่คนเลย ศีล 5 ไม่มีแม้แต่สักข้อก็ยังนับเป็นคนไม่ได้ ยังเป็นสัตว์นรกหรือเป็นสัตว์อบายอยู่ ยังไม่ใช่คน ยังเป็นสัตว์นรก ยังเป็นสัตว์อบาย อาตมาอธิบายหลักวิชาการนะ ไม่ได้ไปด่าทอไม่ได้ไปว่าใคร จะเห็นได้ว่าเขาเข้าใจว่าประเทศนี้เจริญ แต่เป็นยักษ์จตุมหาราชอยู่ จตุมหาราชไม่ใช่สวรรค์นะแต่เป็นนรก เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจผิดว่า เป็นยักษ์มารที่ฆ่าแกงคนอื่นชนะ พอชนะ เขาก็ดีใจเป็นดาวดึงส์ เป็นภพลวงเป็นภพที่ 33 ธรรมดาแล้วคนมีแค่ 32 อาการ แต่เป็นอาการที่ 33 เรียกว่าดาวดึงส์หรือ ตาวติงสา เป็นภพโมเม สร้างขึ้นมาลมๆแล้งๆว่าเป็นแดนสวรรค์ที่ฉันได้ชนะ ได้เปรียบ ได้อยู่เหนือเขา ซึ่งไม่ใช่แบบอุตตระนะ ไม่ใช่จิตวิญญาณเลิศเลอเหนือ แต่เป็นความเหนือด้วยอำนาจบาตรใหญ่อะไรก็แล้วแต่ตามที่ยักษ์มารมันเหนือ แล้วก็ดีใจเป็นดาวดึงส์ แล้วก็อยากเป็นอยู่อย่างนี้ให้นานๆเรียกว่า ยามา กาละเวลายามา ทุกยาม ทุกกาละ ยาม 1 ยาม 2 ยาม 3 ต่อเนื่องกันเลยให้มันยาวนาน อย่างนี้ฉันชอบฉันต้องการอย่างนี้ ไม่รู้จักดุสิต ไม่รู้จักความหยุดความเย็น เขาก็ไม่พัก มีโพธิสัตว์เท่านั้นแล้วก็ที่รู้แล้วก็ไปพักอยู่ที่ดุสิต สัตว์นรกไม่มีทางไปพักที่ดุสิตมันกระเหี้ยนกระหือรือ ดีไม่ดี หลงทิศหลงทาง สร้างวิมานบ้าๆบอๆเป็นนรกเรียกว่า นิมมานรดีสร้างเองนะเรียกว่าด้วยความโง่เป็นอวิชชา หนักเข้าก็หลอกชาวโลก หลอกมนุษย์อื่นๆ ปรินิมมิตวสวัตตี เข้ามาร่วมกันสร้างนรกขึ้นมา เพราะฉะนั้นสวรรค์ทั้ง 6 นี่คือนรกที่เลวร้ายและซับซ้อนโง่หนักโง่ซ้อนโง่ซ้ำ จนนึกว่าตัวเองเป็น ปรินิมมิตวสวัตตี อาตมา ได้ทำลายสวรรค์ 6 ชั้นลงหมดแล้ว เพราะมันคือนรก สุขกับทุกข์เป็นมายา สวรรค์และนรกก็เป็นมายาฉันเดียวกัน ผู้ที่มีภูมิธรรมโลกุตระ ก็จะรู้ว่ามนุษย์อยู่กับความจริงอย่าไปอยู่กับภพ หรือ เชิงความคิดที่หลงนรกหลงสวรรค์อย่างโง่ๆเง่าๆ และประพฤติออกมาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคิมจองอึน ที่ก็ยังจะต้องหาอาวุธสร้างอาวุธไว้ป้องกันตัว เป็นยักษ์เป็นมารอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่สร้างอาวุธขึ้นมาเก่งๆ เดี๋ยวนี้อเมริกาก็ดี รัสเซียก็ไม่ใช่ด้อย สร้างอาวุธเก่งยิ่งใหญ่เหมือนกัน ประเทศที่สร้างไม่เป็นก็ซื้อไปอย่างเช่นตะวันออกกลาง ไม่ได้สร้างเท่าไหร่หรอก แต่ก็สร้างอยู่เหมือนกัน แต่ซื้อเสียส่วนใหญ่ เพราะเขามีเงินมาก ตะวันออกกลาง ก็ยังสะสมอาวุธกันอยู่นั่น ยังไม่ได้รู้จักเรื่องของแดนนรกแดนอบาย เพราะฉะนั้นประเทศใดสังคมใดที่ไม่ต้องหวั่นไหวในเรื่องอาวุธ ใช้ความดีงาม ใช้ความเสียสละ หรือจะถึงขั้นว่า เราเป็นผู้แพ้ แพ้ในทางที่จะไปเอาชนะอำนาจบาตรใหญ่ก็ดี ร่ำรวยมากก็ดี หรือไปหลงใหลสุข ทุกวันนี้มันหลงความสุข ที่เป็นความมอมเมา ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นความสุขแบบการบันเทิงเริงรมย์ ความสุขทางกีฬาหรือความสุขกันทางเสพความมึนเมาอื่นๆ เสพความมึนเมาเพื่อให้สร้างเป็นภพชาติที่เป็นวิมาน นึกว่าเป็นสวรรค์ของตนเอง จนกระทั่งทำให้ประสาทเสีย คลั่ง แล้วก็ฆ่าแม้แต่พ่อแต่แม่ ทำลายอะไรต่ออะไร เมามาแล้วคลั่งฆ่า บ้ากันไปอย่างที่เป็นข่าวอยู่ในเมืองไทย พวกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ศึกษาสัจธรรมที่ดี เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสังคมในโลกแต่ละประเทศแต่ละสังคม ถ้าเข้าใจแล้ว อาตมาพูดย้ำแล้วว่า เมืองไทยเป็นเมืองที่สงบ สบาย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ มันมีการย้อนแย้งอยู่อย่างหนึ่ง คือผู้ที่เป็นอริยบุคคลหรือเป็นโลกุตระบุคคลจะเป็นคนจน เสียสละ แล้วมันเอาอะไรมาเสียสละ จนน่ะ เพราะฉะนั้นเราจะไปเสียสละก็คือ เอาพฤติกรรมแสดงให้เขาดูเป็นการเสียสละ เข้าใจได้ไหม พฤติกรรมหรือความ ประพฤติก็ได้ ของคนนี้ เป็นความประพฤติที่เป็นตัวอย่าง ให้เขาดูให้เขาเห็นว่าเสียสละอันนี้ เข้าใจยากไหมนี่..ไม่ยากหรือ ..ดีจังเลย ประเทศไทยแสดงออกอันนี้ให้อยู่แล้ว อย่างน้อยก็ชาวอโศกแสดง ลงเป็นหลักวิชาการของพระพุทธเจ้า พวกเรานี้แสดง 1. แสดง สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ เป็นศัพท์บาลีทั้งนั้น แสดงการระลึกถึงกัน ระลึกถึงคนนู้นคนนี้ อาตมาพูดพาดพิงถึงคิมจองอึน อาตมาระลึกถึงคิมจองอึน อาตมาพูดพาดพิงถึงโดนัลด์ทรัมป์ อาตมาระลึกถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ระลึกแล้วก็ส่งความปรารถนาดีไปประท้วงไปตำหนิ ว่าอย่าทำอย่างนี้มันไม่ถูก คำตำหนิคือสิ่งประท้วงว่าไม่ดี อย่าทำ มันไม่ได้คำสรรเสริญเพราะเขาไม่ได้ประพฤติสิ่งน่าสรรเสริญ แต่มันเป็นคนที่ทำให้ตัวเองเสื่อมสังคมก็เสื่อมผลกระทบเป็นอิทัปปัจจยตา เป็น Domino ไล่ไปถึงสังคม มันไม่ดี แต่เขาคงไม่เข้าใจหรอกเพราะเขาไม่ได้ไปศึกษาอย่างที่เราว่าและ เขาไม่ได้ศรัทธาว่าคำสอนที่เราสอนที่เราพูดกัน เป็นของพระพุทธเจ้า เขาคนละลัทธิคนละศาสนา เขาไม่เชื่อเขาไม่ฟัง เราก็ไม่ได้หวังว่าจะให้เขาเชื่อเขาฟัง ก็ให้ชาวพุทธเราเองนี่แหละในประเทศไทยนี้เข้าใจ ถ้าประเทศไทยเข้าใจดีขึ้นมีมวลมีประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีฐานะทางสังคม เข้าใจแล้วก็ช่วยกันประพฤติกระทำ กรรม ว่าเขาเชื่อเขาเข้าใจแล้วก็กระทำตามนี้ อย่ามารังเกียจรังงอนโพธิรักษ์เลยว่า เป็นคนนานาสังวาสกับเถรสมาคม ขออภัยที่ต้องขอพูดความจริงว่าเถรสมาคมนั้นล้มเหลวในทางศาสนาพุทธ ทำให้ประเทศ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ ไม่ได้หรอก ไม่ได้หรอก ขอยืนยัน ไม่ได้ ถ้าได้ คนที่เขาเข้าใจ คนที่เขาศรัทธากันอยู่ เขาก็ปรามกันได้ เขาก็ห้ามกันได้ เขาก็หยุดระงับกันได้ แต่นี่มันได้ที่ไหนล่ะ แต่ถ้าคนที่มาเข้าใจด้วยปัญญาของตนเอง แล้วไปตรงกับของพระพุทธเจ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ มันจึงมาเป็นอย่างนี้ อาตมาขอยืนยันว่าอาตมานำสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผยมาขยาย พวกคุณเข้าใจได้แล้วพวกคุณก็มาเชื่อถือเห็นตามนี้ที่สัมมาทิฏฐิตามนี้ จนกระทั่งมาเป็นเช่นนี้ เกิดมรรคเกิดผลจึงเป็นตัวคนอย่างชาวอโศกเป็น คุณมาเป็นได้อย่างนี้จนถึงวันนี้ คุณได้ลดได้ละได้เลิกได้ปลดปล่อยแบบโลกียะมาใช่ไหม มาถึงวันนี้แล้วนี่ขอถามความรู้สึกปัจจุบัน แต่ก่อนนี้คุณเคยเป็นแบบโลกียะ พอมาเป็นได้ขณะนี้ คุณรู้สึกฝืนมากไหมที่คุณเคยติดยึดอย่างเก่าแล้วทิ้งมา มาถึงวันนี้ คุณรู้สึกว่าโอ้โห..เราไม่น่าทิ้งมาเลย เสียดายมาหลงเชื่อโพธิรักษ์ โธ่เอ๋ย ทิ้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มาขนาดนี้ ถ้าใครรู้สึกอย่างที่ว่านี้ไปแล้ว ไม่อยู่หรอก อาตมาว่าไปแล้ว ถ้าใครรู้สึก แต่ถ้าใครรู้สึกว่าอย่างที่เขา SMS มา ได้พบความทุกข์ ได้พบสิ่งที่เลิกละมาอย่างนั้นอย่างนี้.. เข้าใจ แหม.. อาตมาว่า เราพูดกันนี่ เหมือนกับคนอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เหมือนล่ะ ก็เป็นจริง เป็นคนอีกโลกหนึ่ง คนที่เขาไม่เข้าใจก็จะบอกว่าโพธิรักษ์นี่ พูดอะไรวะ มันก็หลงตัวมันเอง หลงพรรคพวกตัวเอง นึกว่าพฤติกรรมตัวเองเลิศเลอประเสริฐศรีนัก เขาก็ต้องคิดอย่างนี้ ของเขาดูซิ รวยเขาก็รวย อยากได้อะไร อยากกินอะไร อยากใช้อะไรฉันก็เอา แล้วก็หามาแล้วก็ได้สมใจฉันสบายชอบใจ ดีไม่ดีทิ้งไป ไปเอาใหม่เพราะรวย หรือไม่รวยก็อยากได้อยากมีอยากเป็น ก็ดิ้นรนหาเงินทองก็เอาไปซื้อมาบำเรอตนเอง แล้วก็นึกว่าได้ขึ้นสวรรค์ บำเรอตน ไม่รู้จักจุดอิ่ม จุดพอของชีวิต ลดละหน่ายคลาย ความเป็นโลกโลกียธรรมไม่ได้ พวกเราอโศกนี่ลดโลกียธรรมมาได้ จนมีปรากฏการณ์มีพฤติกรรมที่เห็นได้ชัด ได้อย่างนี้เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตก เศรษฐกิจ โดยจริงๆภาษาเขามาใช้ยอดเยี่ยมเลย เสฏฐะ แปลว่า ความประเสริฐ แต่ภาษาของทางสากลเขาแปลว่า ความประหยัด Economy เขาแปลว่าความประหยัด เป็นภาษาสากลภาษาอังกฤษ เศรษฐศาสตร์ เขาแปลว่า ประหยัด ซึ่งเป็นการแปลได้ถูก ประหยัด แต่มันไม่คลุมเท่า เสฏฐะ ภาษาบาลี หาก ภาษาสันสกฤตก็เป็น เศรษฐะ แปลว่าความประเสริฐแปลว่ามนุษย์ที่มีความประเสริฐ คุณธรรมเลิศยอดประเสริฐนี้คือคุณธรรม มีภูมิปัญญาเลิศยอด โลกียะเขาก็มีภูมิปัญญาทางเศรษฐกิจหรือประเสริฐหรือยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ มันซ้อนๆอยู่ เขาก็ยังแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข รวย ถือว่าเศรษฐกิจดี เห็นไหม ตรงนี้ชัดไหม แต่ชาวอโศกที่เป็นพุทธลูกพระพุทธเจ้าแท้ๆเห็นเศรษฐกิจดี คือ มาจน มีเมืองไทยที่มีพระเจ้าแผ่นดินบอกว่า เอาแบบคนจน มาจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ถึงอย่างไร ในหลวงท่านทำได้แค่ตรัสบอกเขาไปเท่านั้น แต่ประชาชนทำตามจนเป็นรูปธรรมเป็นปรากฏการณ์อย่างที่อาตมาพาทำยังไม่ได้ก็ตาม ท่านก็มีภูมิธรรมโพธิสัตว์ของท่านขนาดนี้แล้ว ซึ่งค้านแย้งกับโลกทั้งโลกเขาแน่นอน อาตมาเคยพูด คนในโลกหรือว่าผู้บริหารประเทศ นักบริหาร พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้นี่ ตรัสอะไร เอาแบบคนจน แล้วก็บอกว่ามาขาดทุนสิ Our Loss is Our Gain. ขาดทุนของเรา คือ กำไรของเรา ท่านตรัสเป็นภาษาอังกฤษด้วยคนฝรั่งก็เข้าใจ มันหมายความได้ว่าอย่างไร จนนี่แหละคือเราได้ เสียนี่แหละคือเราได้ ภาษามัน dialactic หรือเป็นสิริมหามายา มันเป็นคำวิพากย์วิภาษกันอยู่ มันย้อนแย้งกันอยู่ในตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจชัดเจนแล้วว่าสัจจะมันซ้อนอยู่ในสัจจะอันนี้ คุณเห็นไหม เราเสียสละหรือเราจนนั่นแหละคือเรารวยหรือเราได้ เราเสียนั่นแหละคือเราได้ ขาดทุนของเรานั่นแหละคือ กำไรของเรา เข้าใจสัจจะอันนี้ไหม ได้ทำไหม สำเร็จไหม หมดเวลาแล้วไม่เหลือถึง 1 นาทีคุณสรุปก็แล้วกัน สมณะฟ้าไท… สรุปจบ พ่อครูว่า… ขอแทรกนิดนึง time line ของพรรคสัมมาธิปไตย 15-25 มีนาคมรับสมัครสมาชิกพรรคตามภูมิลําเนา 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ กลาง ใต้ อีสาน ภาคละ 500 คนขึ้นไป 25-29 มีนาคมวันประชุมจัดตั้งสาขาพรรค 4 ภาคเพื่อเลือกกรรมการสาขาพรรค สถานที่ประชุมในจังหวัดของแต่ละภาค 5 เมษายน ประชุมใหญ่พรรค โดยสมาชิกพรรค 250 คนขึ้นไป เพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค สถานที่ประชุม บวรราชธานีอโศก 3-7 เมษายนผู้สมัคร ส.ส. ยืนใบสมัคร (ตามกรอบเวลาของกฎหมาย) 7 พฤษภาคม วันเลือกตั้ง (ตามกรอบเวลาของกฎหมาย) Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin15 มีนาคม 2023Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:660313 GDP แบบพุทธสุดจบกิจ รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 14 ที่สันติอโศกNextNext post:660317 GDPแบบพุทธที่ต่างจากนักเศรษฐศาสตร์เทฺวนิยม พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024