660215 ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1SP96dvpdXXs2EHnfN35oPeevM5HFeeqBqchPYSHDKDw/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1sPakV0XMRGTrWnQFs3-_ruN9kpqTQwF2/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/xDyg9o3Q3R8 และ https://fb.watch/iIzO2YaGQi/ สมณะเดินดิน… วันนี้วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก เป็นวันแรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ อาตมารู้สึกว่ายังอีกเยอะเหมือนกันนะกว่าจะถึงงานพุทธาภิเษก แต่เดือนกุมภาพันธ์มี 28 วันเอง ก็คงจะไม่ยาวแล้ว งานมีตอนต้นเดือนมีนาคมประมาณวันที่ 5 จะเข้าสู่งานพุทธาภิเษก เราเพิ่งจบงาน อัฏฐาริยสัจจายุ การจบงานนั้นเป็นเหมือนที่เราจะเริ่มปฏิบัติการทำความแข็งแรงให้เกิดขึ้นอย่างไร ที่สันติอโศกมีสมณะผู้เฒ่ารูปหนึ่ง ท่านพยายามทำร่างกายของท่านให้แข็งแรง แม้จะอายุ 84 ถึง 85 แล้ว ตื่นเช้าเจอหน้าอาตมานมัสการ ท่านก็จะบอกว่า Stronger Together ตอนนี้สมณะที่บ้านราชมีข้อต่อรองกันว่า ตอน 14:00 น ทุกวันจะออกไปทำงานภาคสนาม วันนี้ก็ออกไปเก็บถาดเพาะกล้า ซึ่งมันมีจำนวนมากยังไม่หมดเลยทีเดียว ทำให้เกิดความแข็งแรงร่วมกัน ท่านฟ้าไทเสนอว่า ใน 1 เดือนน่าจะเดินรอบบ้านราชสักวันหนึ่ง แต่มีเป็นพันไร่ ไม่รู้จะเดินรอบทั้งหมดหรือเปล่า เป็นการเดินไปลงรายละเอียดให้พวกเราทำพื้นที่ให้สมบูรณ์ งานนี้ว่าจะทำหนังสือเป็นที่ระลึกสักเล่มหนึ่ง แต่โรงพิมพ์ทำให้ไม่ทันในงาน แต่ก็จะเอามาส่งที่สันติอโศกในวันพรุ่งนี้ ลองขึ้นภาพให้ดูหน่อย ภาพปกหน้าเป็นภาพพ่อท่าน นั่งถือปุ้งเต้าเซ้าสิ้ว ส่วนภาพปกหลังเป็นภาพพ่ออภัย แม้เราไม่ผิดเราก็ยอมแพ้ได้ ประโยคสุดท้าย ความบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลกในที่สุด เป็นภาพรูปปั้นหน้าป้ายราชธานีอโศก หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่พ่อครูเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อบวชได้ 45 ปี เขียนไว้แต่ไม่ได้พิมพ์ออกมา เขียนเล่าถึงอัตตะชีวะประวัติ บวชมา 45 ปี ได้อะไร ใช้สำนวนภาษาง่ายๆ เป็นภาพ 4 สีทั้ง ตอนท้ายจะประมวลความรักของพ่อครูในมิติต่างๆ รักษ์โลก ก็รักศาสนา รักมนุษยชาติ รักมนุษยชาติอธิบายให้เห็นบุญญาวุธ 7 ประการ ที่พ่อครูเคยสาธยายไว้ หนังสือเล่มนี้มีความหนาประมาณ 100 กว่าหน้า อีก 2 วันจะมาถึงบ้านราช ส่วนที่สันติอโศกก็ไปติดต่อขอรับได้ สีมาฯ ศีรษะฯหนังสือคงได้ก่อน ที่อื่นคงรอจังหวะรถไปรับหนังสือที่สันติอโศกเอาไปส่งให้ ตั้งใจจะออกในงานแต่โรงพิมพ์เร่งเต็มที่ก็ได้ประมาณนี้ เป็นควันหลงที่จะเก็บไว้เป็นที่ระลึกในงานนี้ พ่อครูว่า…ขอโอภาสปราศรัยกับแฟนานุแฟนที่ส่งมา _ร.ต.ท.ชัยพงค์ บุญพรหม… อัฏฐาริยสัจจายุ –~~ ๘ ~~– @ บันลือสีหหน้าด ป่าวป้อง ธรรมเฮย เสียงเอ่ยธรรมแท้ถ่อง พ่ออ้าง มุ่งสืบต่อศาสน์พ้อง พุทธะ เจ้านา โลกุตระสร้าง ส่องหล้าแสงงามฯ~ –~o~– อ๊อด : ประพันธ์ ร.ต.ท.ชัยพงค์ บุญพรหม พ.๑๕ กุมภ์.๖๖(เช้า) _ซึ้งซื่อ วิเชียร …ในความรักอันบริสุทธิ์ของพ่อท่านที่มีต่อลูกๆทุกคนเทียบเท่าฟ้าดินและมหาสมุทร ลาดลุ่มลึกไม่โกรกชัน เนื่องในวัน อัฏฐาริยสัจจายุ ๘๘ ปี ๘ เดือน ๘ วัน ลูกๆขอน้อมถวายความคิดดี พูดดี ทำดี คือ กรรม ๓ ที่พ่อท่านเคยสอนสั่ง เป็นปฏิบัติบูชาด้วยเศียรเกล้า กราบนมัสการครับ SMS วันที่ 11-13 ก.พ. 2566 4 หลักใหญ่ของความเป็นมนุษยชาติที่เจริญ _ฟ้าพรห์มไพร นาวาบุญนิยม · น้อมกราบบูชาพ่อท่านที่เคารพอย่างสูง..เนื่องในวาระครบรอบ 88 ปี 8 เดือน 8 วัน ขอให้พ่อสุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร..ให้ความรักแก่คนทั้งโลกตราบนานเท่านานนะคะ พ่อครูว่า… ให้ความรักของคนทั้งโลกนี้เป็นจิตของอาตมา ตามที่เขียนเอาไว้ว่าคนเรามันมีกรอบขอบเขตของจิตที่มีทั้งความรู้ มีทั้งความไม่รู้ แล้วก็ทำให้ตัวเองเกิด เป็นความรู้ที่ไม่ดี มันเลวร้ายมันทำให้เกิดบั่นทอน และก็ยังทำให้เกิดความรักที่แคบแค่เริ่มตั้งแต่มิติที่ 1 ดังที่ได้เขียนมาแล้วตั้งแต่กามนิยม จนกระทั่งจบถึงโพธิสัตวภูมินิยมทีเดียว หรือพุทธนิยมสูงสุด จริงๆแล้วที่เขียนความรัก 10 มิติ ออกมาก็เคยพูดถึง เมื่อตอนไปเทศน์ไปบรรยายธรรมะอยู่ที่เชียงใหม่ ก็ขึ้นมาเอง ไม่ได้ไปร่างไม่ได้ไปคิดว่ามันจะมีอะไรขึ้นมาขณะเดินทางไป เสร็จแล้วทั้ง 10 ความรักมันก็เรียงร้อยออกมาเลย ก็เลยเทศน์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วก็ไปเทศน์ต่อที่วิทยาลัยครูเชียงใหม่ 2 ครั้ง เขาก็นำคำเทศน์นั้นมาเขียนพิมพ์เป็นหนังสือความรัก 10 มิติ มีฉบับที่เอาคำพูดคำเทศน์ของอาตมาโดยตรง 2 ครั้งติดต่อกันไว้ เป็นความรัก 10 มิติขึ้นมา จนอาตมาได้มาพยายามสรุปเรียบเรียงอีกทีเป็นเล่มความรัก10 มิติฉบับเรียบเรียงก็สั้นขึ้น กระทัดรัดขึ้น มันก็เป็นการเรียบเรียงเข้าแก่นเข้าเนื้อไม่มีสิ่งที่เยิ่นเย้อวน ตัดออกไปบ้างก็ชัดเจนขึ้นมาหน่อย ก็เป็นหนังสือที่เอาไว้ศึกษาให้พวกเราได้ศึกษาตั้งแต่มัธยม 1-6 ก็บอกแล้วในพวกเรา สัมมาสิกขาก็ให้ศึกษากัน ครูก็ต้องพยายามรู้ด้วยแล้วก็เข้าใจแล้วก็อธิบายเพราะมันเป็นความจริงที่มนุษย์มี และพึงเอามาสอนกันแนะนำกันให้เป็นให้มี มีความรักที่วิเศษประเสริฐเลิศยอด หอมหัวใหญ่ที่อยู่ข้างอาตมา เขาเอามาโชว์ไว้ มาจากสวนหน้าโรงปุ๋ย มันผ่องใสลูกโตงาม น่าเอาเข้าปาก หวานแน่นอน ดูตรงใบมันเขาเอามามันซีดแล้ว เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบนิ้ว 1 ตรงใบมัน แล้วก็เอามาถักเปียไว้โชว์ ทั้งแปลงผักก็คงจะมีเยอะ แบ่งกันกิน กินไม่ทันก็ส่งกันไป มันจะงอกจะเสียก็ส่งให้พวกเรากิน อาตมายิ่งเห็นในเรื่องนี้แล้วก็ขอสนับสนุนส่งเสริมอีก ทำให้มากตามที่อาตมามี Motto ไปแล้วว่า 1.อย่าเป็นหนี้ 2. พึ่งตนเองให้รอด ทำอยู่ทำกินเพื่อตัวเองจะได้ใช้ได้กินที่ตนทำให้รอด 3. ทำให้มากๆเกินที่ตัวเองกินใช้ขึ้นไปมากเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี เป็นคุณภาพเต็มๆนั่นแหละ 4. เอื้อเฟื้อเจือจานแจกจ่ายแก่ผู้อื่นไปมีใจเกื้อกูลให้ได้ นี่เป็น Motto 4 คำที่เป็นหลักใหญ่ของความเป็นมนุษยชาติอันเจริญเป็นผู้ประเสริฐจริงๆเลย ซึ่งอาตมาก็พาพวกเราทำ ทำมาได้ประมาณนี้ ซึ่งอาตมาก็เห็นว่ามันเกิดความจริงได้เท่าที่มันเป็นอยู่ แล้วมันก็เห็นจริงว่ามันน่าอิ่มเอมใจจริงๆภาคภูมิใจที่คนเราเจริญขึ้นมาพัฒนาขึ้นมา มีคุณธรรมคุณภาพได้ประมาณขนาดนี้ ทำให้ดีกว่านี้ขึ้นไปอีกเถอะทำไป ความเจริญนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราไม่เคยสันโดษในกุศลธรรม เจริญขึ้นไปอีกในยุคในสมัยที่มีเหตุปัจจัยทั้งผู้คนทั้งอาวุธที่ไม่ใช่เข่นฆ่าเป็นศาสตรา แต่เป็นศาสตราที่เป็นธรรมะเอาความรู้เป็น ธรรมาวุธที่สามารถที่จะอุ้มชูเกื้อกูลช่วยเหลือเรียกว่า โลกานุกัมปายะ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ได้อย่างแท้จริง _ณัชวรรณ ศรีพัฒน์ส่องแสง · เห็นท่านพ่อครูเดินกำลังไม่ตกเลยสุขภาพแข็งแรงเดินเร็วด้วยคะ นอบน้อมกราบๆๆ สาธุด้วยความเคารพด้วยเศียรเกล้าเจ้าคะ พ่อครูว่า… อาตมาไม่ได้แกล้งทำแอคท่าอะไรนะ มันเป็นธรรมชาติของอาตมาที่ทำได้มีอย่างจริงเป็นธรรมดาแล้วก็เพื่อตัวเอง ผู้อื่นเห็นแล้วก็เข้าใจมีความปาสาทิกะ เป็นสิ่งที่นิยมชมชื่นทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย ก็ทำตาม อาตมาก็พาพวกเรามาทำตามด้วย มันเกิดจริงเป็นจริงแล้ว มันสำเร็จคุณค่าความดีงามของมนุษย์ในโลกในสังคม _ทรงยุทธ บี๋ : ขอน้อมกราบนมัสการพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ด้วยความเคารพและขอร่วมแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อความรักของพ่อครูที่มีต่อมวลมนุษยชาติในวาระที่ท่านมีอายุครบ 88 ปี 8 เดือน 8 วัน ด้วยการปฏิบัติบูชา เดินเร็ว 1 หมื่นก้าวขึ้นไป โดยจะปฏิบัติต่อไปทุกครั้งที่มีโอกาสเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะครับ ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 7 ก.พ. 66 ผมเดินได้ 10820 ก้าว 7.5 กิโลใช้เวลา 2.4 ชั่วโมงครับ มีฉันทะเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย (ที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงของผม) เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมลดละกิเลส ตามแนวทางธรรมะที่ถูกตรงที่พ่อครูบอกสอนครับ” พ่อครูว่า… ที่จริงเดินไม่ต้องเร็วมากก็ได้ 10,000 ก้าว นี่เป็นเกณฑ์จำนวนมากสำหรับผู้อายุยาวแล้ว ในหลวง ร. 9 ท่านก็เดินแต่ตอนนี้บอกว่าเป็น 10,000 ก้าวเลย…ดี อนุโมทนา _เมฆงาม โชควิบูลย์กิจ · พ่อครูสอนดีมากเลยค่ะ ขอให้ท่านมีความสุขร่างกายแข็งแรงนะคะ เพราะจะได้มีอายุ 151 ปี เป็นผู้สอนการผลิตสินค้าและบริการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยพ่อครทำดีที่สุด จงชนะมารที่ทำให้ป่วย สุขภาพพ่อครูจะต้องแข็งขันเบิกบานให้ลูกมีกำลังใจดีของพวกเรานะคะ พ่อครูว่า…ถึงวันนี้แล้วอาตมาชักไม่อยากใช้มาตรฐาน 151 ปีมาใช้แล้ว มันเป็นไปได้ยากจึงตั้งเป้าว่า 133 พอไปถึงอายุ 133 ค่อยดูกัน ดูความจริงกันว่า มันจะ อีหลากอีเลื่อ ไปถึง 151 ไหม โยมสาธุ… สาธุแล้วไปด้วยกันนะ อย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว อย่ารีบไปก่อนนะ ช่วยกันไป เพื่อประโยชน์ของการปฏิบัติธรรม _ดวงธรรม โล่ห์เมฆินทร์ · ลูกขอกราบเท้าองค์พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ด้วยสุดเกล้าเคารพรักและสักการะบูชายิ่ง..ขอนิมนต์พ่อครูอยู่ให้ถึงอายุ150 ปีเพื่อดูความเจริญของพระพุทธศาสนาที่พ่อท่านได้สร้างได้ต่ออายุของศาสนาพุทธแท้ๆมาให้เห็นกับตาของพ่อท่านครับ..! พ่อครูว่า…ถ้าอยู่ก็คงได้เห็น ถ้ายังมีสติรับรู้อะไรได้ดี ก็ Try and Try เข้าสู่เนื้อแท้โลกุตรธรรมอย่างมีลำดับ _กรรณิกา หนึ่งน้อย · กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพสุดเศียรเกล้า…ลูกขอตั้งจิต..จะกลับอโศกแผ่นดินพุทธให้เร็วที่สุด..ลูกขอใช้วิบากกรรมให้ครอบครัว..เป็นครั้งสุดท้าย..ลูกจะกลับมาอยู่กับพ่อค่ะ…กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่งค่ะ พ่อครูว่า…ดี ที่ตั้งใจไว้ ก็คงมีคนที่ตั้งใจอย่างคุณุณกรรณิกาอยู่หลายคู่หลายคน คนแต่ละคนมีวิบากไม่เหมือนกันไม่เท่ากันมากบ้างน้อยบ้าง ก็พยายามเท่าที่มีเท่าที่ควร อย่าเพิ่งไปหักรานอะไร ที่เห็นว่ามันจะทิ้งภาระ ทิ้งวิบากอะไรไว้มากเกินไป ทำให้ดูพอเหมาะพอควรแล้วก็มารวมกัน ทางบ้านราชนี้มี 777 คน เป็นสมาชิกเต็มที่เลยนะ แล้วนอกนั้นจะมีเพิ่มไปๆมาๆไปหา 1,000 หรือเกิน 6,000 ไป เราสร้างคนแล้วก็ทำให้คนมีคุณภาพ มีสมรรถนะ แล้วก็มีพฤติกรรมอยู่ในสังคมมนุษยชาติอย่างนี้ช่วยกัน ปลูกหอมจนกระทั่งสวยอย่างนี้ปลูกผักคะน้า กะหล่ำปลี ที่กองอยู่ข้างหน้าอาตมา เรารู้สึกนะ แต่คนอื่นเขาจะรู้สึกรู้สา ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ดูแล้วทั้งพวกเราในที่นี้และบวรอื่นๆ พยายามมาสมทบเพื่อจะยืนยันความจริงนี้ จะว่าอวดว่าอ้างก็ใช่ จะว่ามันก็ไม่เชิงอวดอ้างอะไรหรอกแต่อยากจะให้ท่านๆทั้งหลายที่เป็นผู้เป็นคนทั่วโลกเลย ให้รู้ว่า นี่คือสิ่งที่เป็นหนึ่งในโลก อาหารที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่เกี่ยวกับปศุสัตว์ ไม่เกี่ยวกับประมง ไม่เกี่ยวกับสัตว์ทั้งหลาย ไม่ใช่เรื่องเนื้อปู ปลาอะไรเป็นประมงก็ไม่เกี่ยว พืชพันธุ์ธัญญาหารล้วนๆไม่มีวิบาก ไม่ก่อวิบากจริงๆ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็บังคับกันไม่ได้หรอก เราต้องพยายามทำจริงๆ ช่วยอาตมาพยายามพากเพียร ใครที่ยังไม่เห็นดีเห็นงามไม่เคยลงดินไม่ติดดิน ไม่มาเป็นชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ให้ลงมาเถอะ ไม่ได้เป็นความตกต่ำ แต่เป็นความเจริญเป็นความสูงที่สุด คำว่า กษัตรา แปลมาจากรากศัพท์คำว่า เกษตร กษัตรา มีรากศัพท์มาจากคำว่า เกษตร คำว่า เกษตรนี้คือเขต ในภาษาบาลี เขตก็คือแผ่นดิน พื้นแผ่นดิน เราเกิดมาเป็นสัตว์โลก คนเกิดมาเป็นสัตว์โลก มีจิตนิยาม สัตว์มันกินธรรมชาติๆสร้างให้มันเท่าไหร่ มันก็เก็บกินหากินอยู่ที่แดนถิ่น ที่มันแล้งไร้หาไม่ได้ มันก็ไปหาที่อื่น มันปลูกไม่เป็น มันทำขึ้นมาไม่เป็น แต่คนนี้มีความรู้ปลูกเป็นสร้างเป็นทำเป็น จนงอกงามจนเจริญ รู้แม้กระทั่งว่าธาตุของแต่ละพืชแต่ละพันธุ์ที่มันมีคุณภาพมีคุณประโยชน์ ที่มันจะเสริมสร้างใช้ในชีวิตนี้ เพราะว่าพวกแพทย์ก็ตาม วิทยาศาสตร์ก็ตาม โภชนาการก็ตาม ศึกษามาหมดแล้ว ธาตุต่างๆทางเคมีทางฟิสิกส์ก็สามารถรู้ได้ว่า อะไรควรอะไรดีอะไรรักษาพันธุ์พืชต่างๆ แล้วก็เอาไว้หมุนเวียนปลูกสร้างให้กินได้ คนเราเจริญมาถึงทุกวันนี้ ผู้ที่สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารคือคนประเสริฐ คือคนดี ผู้เอาเวลา แรงงาน ทุนรอนไปสร้างอาวุธ ไปสร้างสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยมอมเมา พวกนั้นนอกจากจะทำร้ายกัน เป็นบาปเป็นวิบากแล้ว ยังไร้สาระ เป็นโทษเป็นภัย ไม่ควรแก่การที่จะส่งเสริมที่จะไปเที่ยวหลงเสียเวลาและก็สร้างวิบากกันไป ผู้รู้ก็ขึ้นมา ขึ้นมารวมกัน เรื่องของวิบากกรรมในชีวิตเป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่คิดเอาตื้นๆง่ายๆไม่ได้ ต้องมาศึกษาและประพฤติปฏิบัติจริงจนเรารู้เราเกิด ระลึกชาติได้ การระลึกชาติได้ไม่ใช่การระลึกเป็นตัวตนเรื่องราวเป็นสตอรี่เลย ว่าจริงๆและเราเคยเกิดเป็นชื่อนี้คนนี้ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นภาษาที่หยาบๆชัดๆ แต่ยากที่คนจะระลึกขึ้นมาแล้วเขาก็รู้ความจริงอันนี้ได้ทั้งหมด แต่จะมีคุณธรรมที่สามารถระลึกได้เรียกเป็นคำต้นว่า สัญชาตญาณ การเกิดมาแล้วก็มีสัญญะ สัญญา จำได้มาเกิดในชาตินี้ และที่เป็นความจำเก่า มันก็เกิดอัตโนมัติมาให้เราเป็นอย่างนี้ สัญชาติญาณสัตว์โดยมากมันก็รู้ว่า มันเป็นสัตว์ เช่น ลูกจิงโจ้มันเกิดมา มันก็รู้ว่าจะต้องไปหาที่อยู่มัน มันก็พยายามเดินเข้าหากระเป๋าหน้าท้องของแม่ แล้วก็มาเจอพักอยู่ในหน้าท้องจนโต กว่าจะออกจากกระเป๋าฟักตัวอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่ อาศัยแม่ กินนมแม่ อย่างนี้เป็นต้น หรือสัตว์อื่นๆก็ตามแม้แต่คนก็มีสัญชาตญาณคน เลี้ยงดูกันได้ มีความแตกต่างกันไม่เหมือนกับสัตว์อีกหลายชนิด สัตว์คนนี้ ถ้าแม่ไม่เอาใจใส่ก็ตาย สู้สัตว์อื่นอีกหลายชนิดไม่ได้ที่มันอยู่กับแม่เกาะติดเลยอย่างเช่น ลิง เป็นต้น กินนมแม่ก็ไม่ลงจากตัวแม่เลยด้วยซ้ำ อย่างนี้เป็นต้น จนโตหลายชนิดมันก็จะเห็นได้ เพราะฉะนั้นในสภาพของสัจธรรมพวกนี้ คนเราเกิดตาย ตายเกิดเกิดตายศึกษาเรียนรู้ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่อาตมาพูดแล้วพูดอีกไม่รู้กี่ที ท่านไม่ได้เรียนรู้อะไรยิ่งใหญ่เท่าเรียนรู้เรื่องความเป็นคน กับความเป็นสังคมมนุษยชาติ 2 คำนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดจนกระทั่งสุดท้าย ท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ไม่ไปทำงานอื่น นอกจากงานที่ทำกับมนุษยชาติ สอนให้พัฒนาสร้างตนเองให้มีวิบากที่ดี มีวิบากที่เป็นกุศลและเรียนรู้เรื่องสัจธรรมที่เป็นอริยสัจ 4 ดับทุกข์อริยสัจให้ได้สูงสุด นี่คือสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ค้นพบ เป็นสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจบแบบนี้ นี่แหละคือหลักใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นพวกเราชาวอโศกมาเกิดมาในยุคนี้ อาตมาก็เป็นโพธิสัตว์ระดับนี้ขึ้นมา นำสิ่งที่มันเสื่อมซึ่งเสื่อมจริงๆ อาตมาไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้ไปหลงตัวหลงตนอะไร พุทธศาสนาโลกุตตรธรรมของพระพุทธเจ้าก็เสื่อมมาจนถึง 2,500 กว่าปี อาตมาอุบัติขึ้นมาก็พัฒนาศาสนาขึ้นมาใหม่ด้วย อาตมาเป็นผู้นำเป็นไก่ตัวพี่ ไม่ได้หลงตนแต่พูดจริง แล้วก็นำพาปลูกฝัง ผู้คนเข้าใจ อธิบายนำพาจนเกิดกลุ่มชาวอโศก นี้คือคนเชื้อแท้ กลุ่มแท้ที่เป็นกลุ่มคณะพลเมืองที่ชื่อว่า พุทธศาสนิกชน นี่คือเนื้อแท้ของโลกุตธรรมได้ ไม่ใช่มีแต่โลกียธรรม ที่เป็นของศาสนาอื่นทั้งหมด แต่พุทธก็มี โลกียธรรมที่ละชั่วประพฤติดี แล้วดีจริงๆดีถาวรด้วย ดีอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงของความเป็นโลกียธรรม โลกียธรรมไม่เที่ยงแต่เราก็ดีได้ตาม กาละ เทศะ ฐานะ ในแต่ละยุคแต่ละการ เกี่ยวกับก็เอามุมเหลี่ยมที่เกี่ยวทุกอย่างทั้ง กาละ เทศะ ฐานะ ดีสุดอันไม่เที่ยง กาละไม่เที่ยง เทศะไม่เที่ยง ฐานะไม่เที่ยง แต่ในยุคที่ดีที่สุดในปัจจุบันก็ดีทั้งนั้น ยิ่งกว่าโกุตรธรรมที่เป็นของเที่ยงแล้วก็เป็นศูนย์ หรือนิพพานปรินิพพาน ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของสัจธรรมที่ใช้พยัญชนะเรียกกันอยู่นี่ ทำได้จนเกิดมนุษย์ประเสริฐ มนุษย์เจริญที่เป็นโลกุตรธรรมอย่างแท้จริง แล้วก็มีพฤติกรรมรวมอยู่เป็นมนุษยชาติ เกิดปรากฏการณ์ของกลุ่มคน ที่เป็นตัวจริง ตามพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเอามาศึกษาปฏิบัติจนเกิดเป็นจริงได้ขนาดนี้ _พอใจ รักดี · น้อมกราบนมัสการพ่อครูเจ้าค่ะ พ่อครูพูดถึงเรื่องแต่งเนื้อแต่งตัวกับทาลิปสติก ลูกสดุ้งเลยเจ้าค่ะ ลูกจะไม่ซื้ออีกแล้วเจ้าค่ะ พ่อครูว่า…คงจะทาลิปสติกอยู่สิ ดีเกิดความรู้ความสว่างแจ้งเห็นจริงว่าเรางมงายไปหลงยึด พระพุทธเจ้าตรัสรู้ท่านสอนในรูปรส กลิ่นเสียง สัมผัส พวกนี้ อ๋อ ..อย่างนี้เองสัจธรรมพระพุทธเจ้า เราเคยไปหลงงมงายอยู่ในสิ่งที่ควรเลิก อาตมาเคยมีเพื่อนทำงานอยู่ในวงการดารา ตอนนี้เขาเสียไปแล้ว เป็นดาราเขาชอบแต่งเนื้อแต่งตัวสวยงาม อาตมาพูดถึงตรงนี้พูดไปพูดมา อาตมาพูดตอนนั้นปฏิบัติธรรมอยู่ก็เลยพูดชัดๆแรงๆ เขาโกรธอาตมาเลย เขาอายุมากกว่าอาตมา หลังอาตมากำลังใกล้จะออกมาอยู่ทางธรรมะ ตอนนั้นอาตมาใช้ศัพท์ลบหลู่ความสวยความงามพวกนี้ เขาก็สะเทือนใจหรือว่ารับไม่ได้ คือคนเรานี่สิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วเราหลงว่าดี พอได้รู้ว่า จริงๆมันเป็นความหลงผิดที่ไปติดยึดมันไม่ดี พอเห็นว่าไม่ดี ไม่ดีที่สูงขึ้น มีขึ้นภาพอารีย์ นักดนตรีและ สว่างจิตร อารี นักดนตรี ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนสว่างจิตรนั้นดูเหมือนจะเสียไปแล้ว นี่ก็พูดถึงความเก่าเพื่อย้ำยืนยัน ไม่ใช่ดูถูกดูแคลน เกาหลีเหนือกับอเมริกาใครน่าสงสารกว่า _ไผ่แก้ว · พ่อท่านบอกว่าเกาหลีเหนือน่าสงสาร แล้วอเมริกา ใครน่าสงสารกว่าคะ พ่อครูว่า…ต้องพูดเป็นหลายๆ นัย อเมริกากับเกาหลี ใครน่าสงสารกว่า มันน่าสงสารทั้ง 2 ประเทศแหละ คำว่าสงสารนี้อาตมาก็ลงรายละเอียดแล้วว่ายังเห็นอยู่ว่าเขายังไม่เข้าใจเรื่องกรรมเรื่องวิบาก ยังไม่เข้าใจเรื่องการเกิดการตาย ความหมุนเวียนของชีวิตต่างๆ โดยเฉพาะวิบากกรรมต่างๆ น่าสงสารทั้งคู่ จะบอกว่าใครน่าสงสารกว่ากัน จริงๆแล้ว ลึกๆละเอียดอเมริกาน่าสงสารกว่าเกาหลี เกาหลีเขาอยู่ในวงแคบ เหตุปัจจัยต่างๆของเกาหลีเขาพยายามจะอวดเก่ง แล้วก็ไปหลงติดยึดกับลัทธิคอมมิวนิสต์จนจัดจ้าน ลัทธิคอมมิวนิสต์คือลัทธิที่เห็นแก่ตัว นึกว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่งยิ่งกว่า แต่คนที่เก่งอย่างนั้นเริ่มต้นแรกเขาเรียกว่า จอมเผด็จการ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ จอมเผด็จการ เสร็จแล้วคอมมิวนิสต์แล้วเป็นคอมมิวนิสต์เข้าไปเป็นตัวกูของกูเลย ตัวตนของตัวตนเลย จะให้เก่งกว่าเผด็จการเข้าไปอีก โดยคลุมกลุ่มหมู่อีกซ้อน คอมมิวนิสต์คือการเผด็จการด้วยหมู่ แต่อันนี้จะไปเหนือหมู่เขาอีก เหนือตัวที่ใครที่แน่ที่สุดอวดเก่งที่สุดซ้อนเข้าไปอีก ภาษาง่ายๆพระพุทธเจ้าสอนคำว่าโลกกับคำว่าอัตตา ในความเป็นอัตตา นี่เป็นคอมมิวนิสต์ ในคำว่าโลก เป็นของประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น ทั้งประชาธิปไตยหลงใหญ่เป็นเจ้าโลก ทั้งคอมมิวนิสต์ที่หลงตัวตน อัตตาตัวตนอย่างหนัก จะว่าแล้วใครหนักกว่า ใครน่าสงสารกว่าใคร ใครจะหลุดออกจากใคร มันไปชี้ไม่ได้เลยว่า ใครจะหลุดออกจากประชาธิปไตยพิการหรือคอมมิวนิสต์พิการ หรือประชาธิปไตยวิปริตกับคอมมิวนิสต์วิปริต อาตมาไม่สามารถจะตัดสินได้ว่าใครจะบ้าเหนือใคร เพราะว่าทั้ง 2 อย่างหลงเป็นพญาครุฑกับหลงไปเป็นพญานาค คนละทิศทางที่ไม่ควรเป็นทั้งคู่ อาตมาก็ตัดสินไม่ได้เลยว่า ใครจะนานกว่าใคร ใครจะจมดิ่งกว่าใคร แม้แต่พวกพญาครุฑ เหินฟ้าไกลลิบ เกินกว่าจะหามนุษยชาติตรงกลาง มันหลงตัวเองไปใหญ่ไกล พวกนี้ไปติดอยู่ใต้บาดาลคือ นาค จมอยู่ใต้บาดาล อาตมาเคยขยายความแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของบุคคลตัวตน จะเรียกว่าคุณสมบัติไม่ได้ แต่เป็นโทษสมบัติ เป็นพญาครุฑ เป็นพญานาคก็เป็นโทษสมบัติ ก็ไม่ควรเป็นทั้งคู่ สรุปแล้วไม่ตัดสินอาตมาไม่ตัดสิน ไม่ควรเป็นตัดสินแค่นี้ ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งทั้งคู่ เอาแค่นี้ก็แล้วกัน ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 _ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการค่ะ พ่อท่านเป็นนักประชาธิปไตยโลกุตตระ ค่ะ ไม่มีตำแหน่งรองรับ เป็นจริงทำจริงที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ นำพวกเราไป ประท้วง มา 5 รัฐบาล สำเร็จแล้ว ประชาธิปไตยโลกุตตระ ไม่ต้องหาเสียง เป็นการทำดีแบบต่อเนื่องคือได้เสียงเอง สาธุค่ะ พ่อครูว่า… อาตมารับรองคำพูดนี้ถูกต้องที่สุดว่าอาตมานี้เป็นนักประชาธิปไตย เดี๋ยวจะได้พูดขยายความกันต่อเรื่องนี้ อาตมาขอยืนยันว่าขณะนี้ในโลกมีประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น ไม่ได้พูดเล่น พูดอย่างแข็งแรง พูดอย่างยืนยันยืนหยัด ประกาศไป เดี๋ยวนี้สื่อสารทั่วโลกผู้ที่เขาเข้าใจแล้วเขาก็รับรู้ แปลไทยเป็นภาษาเขาเองได้ด้วยว่าอาตมาหมายถึงอันนี้จริงๆ ยืนยันภาษาประชาธิปไตยเป็นคำกลางๆที่เข้าใจกันทั่วโลกแล้ว แต่มันมีนัยยะสำคัญที่ลึกซึ้งละเอียดในความเป็น เป็นลัทธิหรือเป็นแบบเป็นระบอบของการบริหารการปกครองการเป็นอยู่ของมนุษยชาติ แล้วของโลกุตระนี้เหนือกว่า เหนือกว่าประชาธิปไตยที่โลกเขามี เหนือกว่าที่เขามีกันคือ ไม่มีตำแหน่งรองรับ เป็นจริง ทำจริง ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ นำพวกเราไปประท้วงมา 5 รัฐบาลสำเร็จแล้ว ประชาธิปไตยโลกุตระไม่ต้องหาเสียง เป็นการทำดีแบบต่อเนื่อง คือได้เสียงเอง เสียงเองหมายถึงเสียงของประชา ของมวลประชา ของพหุชน คือมวลประชา พหุคือมาก ชน คือประชาชน คำว่าพหุชนนี่แหละคือ มวลประชาชน ในคำศัพท์ของพระพุทธเจ้าใช้ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) เป็นอายะ 3 อาตมาเคยอธิบายมาแล้ว แล้วสิ่งเหล่านี้ที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตระนี้ ไม่ต้องหาเสียง ฟังเน่อ นักการเมืองทั้งหลายเอ๋ย การปฏิบัติประพฤติเป็นนักการเมืองเป็นนักรัฐศาสตร์ที่ประพฤติต่อสังคมอยู่ ไปรับหน้าที่รับตำแหน่งอะไรเข้าไป ศึกษาดีๆคำว่าไม่ต้องหาเสียงกับการหาเสียงคืออย่างไรแท้ๆ การไปทำดีคือการไปทำงานกับมวลประชาชน ใช้สมรรถนะความรู้ความสามารถทั้งหมดกับมวลประชาชน เขาลำบากเขาไม่อยู่ในฐานะที่ควรจะเป็น ต้องช่วย แล้วเราก็ได้ช่วยจริงๆตามควร มันมีคนอยู่ในตำแหน่งในสถานที่ต่างๆที่เราจะสามารถรู้ได้ทั่วถึง แล้วเราก็รู้ว่าคนนี้ควรช่วยก่อน คนนี้ควรช่วยกว่า แล้วก็ลงมือไปช่วยเห็นควรก็ไปช่วยเท่าที่เราเห็นว่าเราอยู่ในฐานะที่จะช่วยได้ก็ช่วยกันไป โดยจะใช้แรงงาน ทุนรอนของตนเองเป็นหลัก ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่สามารถที่จะเอาทุนรอน หรือองค์ประกอบต่างๆที่จะเอามาใช้เพื่อช่วยเขาได้ เท่าที่ควรก็ทำเต็มที่ แล้วก็ได้ช่วยคนเช่นนั้น สังคมเช่นนั้น นี่เป็นสัจจะที่ในโลกนี้ควรเป็นควรมีกัน ทำจริงๆ แล้วเสียงคนเสียงของประชาชน เสียงคำนี้เป็นคำกลางๆคือความรู้รู้จักของประชาชนให้เขาเห็นเขารู้ว่า ท่านผู้นี้ได้ทำงานเพื่อเขา ได้ทำงานเพื่อมวลประชาชน เห็นรู้ว่าได้ทำงานเพื่อเขาเพื่อมวลประชาด้วยใจซื่อสัตย์สุจริตเสียสละ จริงใจจริงจังสุดความสามารถของเขา จนเขาได้พ้นทุกข์ มนุษย์ก็มีมุทิตาจิตเห็นจริงๆมีมุทิตาจิตต่อคนที่ทำงานให้เขา ระลึกถึงคุณ รู้จักบุญคุณคน ว่าคนๆนี้แหละคือคนที่จะต้องให้เขาทำงานอย่างนี้แหละ นี่แหละคือความเป็นนักการเมืองตัวจริง โดยไม่ต้องหาเสียง ขอให้ทำเท่านี้เลยนักการเมืองเอ๋ยสิ่งที่ได้จะเป็นเสียงบริสุทธิ์เสียงสวรรค์เสียงจากสัจจะของมนุษยชาติ เขาจะให้เราเอง ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น คุณอยากเกิดมามวลกับมนุษย์คนโง่หมู่มวลสังคมของคนโง่ ทำเท่าไหร่เขาก็ไม่รู้ก็เป็นสัจจะอย่างหนึ่ง คุณเกิดมาในมวลหมู่ของคนที่ฉลาดรู้ฉลาดอย่างซื่อสัตย์ด้วย เขาก็จะรู้ โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคุณธรรมโลกุตระ มันจะนำพาโลกุตรธรรมที่จะเป็นรูปร่างจะเป็นภาวะธรรมสภาพธรรมที่ เกิดเป็นประชาธิปไตยโลกุตระนำโลก ทำให้โลกเห็นซึ่งไม่ต้องการโชว์ ไม่ใช่ต้องการอวดอ้าง แต่มันจะเกิดจริงเป็นจริงเลย เป็นการเกิดจากสัจธรรม ไม่ใช่เสแสร้งแอ็คท่า มีนายกที่ชื่อว่าประยุทธ์ จันทร์โอชา นี้ก็ตามหรือผู้อื่นใดก็อยากขึ้นมาเป็นนายกขึ้นมาแคนดิเดตขึ้นมาหลายผู้หลายคน ก็ไม่เป็นไร ประชาชนก็ต้องดูจริงๆแล้วก็เห็นควร จะเป็นเรื่องของกฎหมายที่มันขัดแย้งไม่ให้เกิดที่ควรจะเป็น เขาก็จะแก้กัน แก้ได้ก็ได้ แก้ได้จะไม่มีทางออกของมัน ซึ่งอาตมาก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะทะลุทะลวงไปได้สำเร็จการขนาดไหน แต่เห็นความจริง เอาบุคคลกล่าวถึงก็แล้วกันเพื่อยืนยันให้ไปศึกษาจากพฤติกรรมของแต่ละคน เช่นขนาดนี้มีนายกประยุทธ์ มีผู้ที่กำลังจะชิงเพื่อจะไปเป็นนายกขึ้นมา ในโอกาสต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุ้งอิ้งไม่ว่าจะเป็นพลเอกป้อม ไม่ว่าจะเป็นอนุทิน ว่าจะเป็นใครๆอีกที่เสนอหน้าออกมาอีกหลายผู้หลายคน จุรินทร์บ้าง พิธาบ้าง แม้แต่ สุดารัตน์บ้าง วราวุธบ้าง ที่เขาประมวลไว้ก็พอรู้กัน นี่เป็นรุ่น candidate ทั้งนั้นนะ มีภาพพลเอกป้อมอยู่สูงสุดเลย insert มา ตรงใจกลางเป็นอุ้งอิ้ง สวยพริ้งเลยนะ อย่าขึ้นมาเอาเป็นยอดเลยนะ ก็ค่อยๆดูกันไปว่ากันไป อาตมาได้สาธยายมาเรื่อยๆ อธิบายตามที่ร่างเอาไว้ เป็น script แผนที่นิดหน่อย อาตมาได้อธิบายมาถึงว่า อาตมาได้ทำงานและยืนยันว่าเป็นนักธรรมะที่ทำประชาธิปไตย และยืนยันตัวเองเป็นนักธรรมะที่ทำประชาธิปไตย ตามฐานะราษฎร ไม่ได้เป็นข้าราชการ ทั้งข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการประจำที่เขาบริหารบ้านเมือง ข้าราชการปกติก็เป็นนักการเมืองตัวจริง เป็นข้าราชการการเมืองประจำ ส่วนนักการเมืองนั้นเป็นข้าราชการจร โดยมีตำแหน่งหน้าที่และมีเงินเดือนด้วย ผู้ได้รับแต่งตั้งได้รับเงินเดือน ผู้ที่เป็นราษฎรเป็นนักประชาธิปไตยราษฎรไม่มีเงินเดือนจากรัฐ ทำด้วยใจรัก อย่างอาตมาทำมาไม่ได้มีเงินดาวเงินเดือนกับเขา ดีไม่ดีถูกด่าด้วย ก็พยายาม โลกเขาเรียกว่าหน้าด้านก็ช่าง แต่อาตมาไม่ได้หน้าด้านหรอก เป็นการรู้อยู่ว่าอาตมาไม่ได้ทำสิ่งชั่วสิ่งเลว ไม่ได้ทำสิ่งผิดด้วย ขอยืนยันว่าไม่ได้ผิดเรื่องของธรรมะพระพุทธเจ้า ออกไปทำตามเหมาะควรของสถานะเราเอง มีสมณสารูปมีพฤติกรรมที่พอเหมาะ แต่คนยังเข้าใจยาก ขอยืนยันว่าอาตมาจะไม่ไปเป็นนักการเมืองทางระบบนักการเมืองที่เป็นข้าราชการประจำ ไม่เข้าไปเป็นทั้งนักการเมืองที่เป็นข้าราชการจร อย่างที่เป็นกันอยู่นั้นที่พูดสั้นๆผ่านไปแล้ว ไม่เป็นอย่างนั้น แต่เป็นนักการเมืองราษฎร ในความเป็นตัวของอาตมาที่มีผู้ที่เห็นด้วยเห็นตามกับอาตมาอยู่กลุ่มหนึ่ง เรียกว่าชาวอโศกนี้เป็นแกนกลาง ส่วนที่ไม่ใช่ชาวอโศกได้ศึกษาตาม ดูซิว่ามนุษย์คนนี้ โพธิรักษ์มันจะเป็นอะไรแน่วะ จะเป็นนักการเมืองหรือจะเป็นนักบวช หรือว่าจะเป็นอะไรเขาก็จะศึกษาไป แล้วจะค่อยๆรู้ว่า อาตมาไม่ได้มีบัญญัติว่าเป็นนักการเมืองนักธรรมะ แต่อาตมาเป็นมนุษยชาติเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความรู้ทั้งการเมืองและมีความรู้ทางธรรมะ และเอาธรรมะและการเมืองมารวมกัน 2 เป็น 1 2 เป็น 1 แล้วเอาเนื้อแท้คุณภาพ คุณสมบัติคุณลักษณะ ชัดๆของ 2 เป็น 1 ลงไปให้กับมนุษย์และสังคม ตามที่ได้กระทำมาแล้วเปิดตัวตั้งแต่ 2549 อาตมายังจำภาพที่อาตมานำสมณะเรียงแถวตอนเรียง 3 จากถนนราชดำเนินแล้วเดินนำไปสู่สนามหลวง โดยมีสมณะ และมีฆราวาสชาวอโศกเดินขบวนไปจากวันนั้นเปิดตัวมาจนรวมถึงวันนี้ ไม่อธิบายต่อ แล้วอาตมาก็ทำงานการเมือง ขออภัยที่ต้องพูดตรงนี้ ว่าอาตมาก็เป็นผู้นำของคณะอโศกทั้งหมด จะมีมวลอโศกกี่คน มีพฤติกรรมอย่างไร มีผู้เห็นได้มารวบรวม ใช้เวลาใช้แรงงาน ใช้ทุนรอน ใช้องค์ประกอบต่างๆ เท่าที่มีได้ ไม่เสียดมเสียดาย อะไรเลย สละให้แก่งานการเมือง ทำงานตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ ไม่ได้ประมวลว่ามีราคามีค่าเท่าไหร่ ตั้งแต่ราคาของวัตถุจนถึงราคาของแรงงาน และที่สุดราคาของธรรมะ ไม่มี ไม่ได้ไปตีราคาหาค่าบ่มิได้ แต่เกิดผลสำเร็จ อาตมาใช้คำว่าเกิดผลสำเร็จ ไล่ตัวบุคคลและคณะแต่ละครั้งแต่ละคราว เริ่มต้นตั้งแต่ ตัวทักษิณ ไม่ได้มีคณะเราไปร่วมทีเดียว มีพลเอกสนธิเป็นผู้ทำปฏิวัติ เอาทักษิณออกไป จากนั้นมาทักษิณก็มีฤทธิ์แรง ไปตั้งนอมินีเอา สมัคร. สุนทรเวช ขึ้นมาแทน ตอนนี้แหละเราออกไปเต็มที่ ยังไม่เต็มทั้งหมดหรอกมันก็เท่าที่เรามีเริ่มต้นออกไป โดยอาตมาพาเป็นไป จนกระทั่งสมัคร หลุดออกไป ไม่ได้หลุดออกไปเพราะว่าแรงประท้วงทีเดียวแต่มันมีองค์ประกอบช่วย มีตุลาการภิวัฒน์ตัดสินให้สมัคร ตกเก้าอี้ออกจากนายกรัฐมนตรี ก็แค่แกไปทำผิดกฎหมาย กฎหมายก็เป็นตุลาการภิวัฒน์ช่วยเป็นสัจธรรมที่ประกอบกัน ช่วยหยุด กันเป็นทักษิณก็แสดงฤทธิ์เอาน้องเขยเข้ามาต่อ มาเป็นนายกอีก พวกเราตอนนี้เข้าไปทำงานเต็มที่ ยึดทำเนียบเลยจน สมชาย เข้าทำเนียบไม่ได้ เป็นนายกที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาลเลย เป็นตัวอย่างอันปรากฏในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย เป็นนายกที่ตะลอนตะลอนไม่ได้เข้าทำเนียบเลย จนกระทั่งพวกเราไปปลูกข้าวทำนาในทำเนียบ นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์เล็กๆน้อยๆ แต่มันแสดงความจริงอะไรให้ว่านี่คือประชาชน เป็นพลังงานของประชาธิปไตยแท้ๆสดๆใสๆบริสุทธิ์สะอาดจริงใจ ไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีความรุนแรงอะไรต่างๆนานา ถ้าจับรายละเอียดตั้งแต่พวกเรามาร่วมกัน เอาสมณะมาล้อมรอบผู้ที่เราจะต้องรักษา นักการเมืองที่ปากโป้งพวกทักษิณเขาจะเอาตายเราก็รอบล้อมรักษาไว้ มีสมณะล้อมรอบแล้วก็มีประชาชนล้อมไปอีก เป็นภาพประวัติศาสตร์รวมเอาไว้ อาตมามั่นใจประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยโลกุตระของไทย ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ มันจะเป็นหลักฐานที่ให้ชาวโลก ต้องการเช่นนี้ ให้ชาวโลกนี้ได้ศึกษาจริงๆว่า นี่แหละเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ ของพระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้แต่ไม่ได้มีลงไปในบัญญัติ เอาคำว่าอธิปไตยจากโลกาธิปไตย อัตตาธิปไตยกับธรรมาธิปไตย อธิปไตย 3 จากโลก จากอัตตา จากธรรมะ มารวมกันกับประโยชน์ที่จะเกิดแก่มวลประชาชน เป็นประโยชน์หรือความสุขหรือเอื้ออนุเคราะห์มนุษยชาติ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) อีกสามเส้า มารวมกัน นี่แหละคือองค์ประกอบของความเป็นประชาธิปไตยที่บริบูรณ์ ไม่มี 2 อันนี้มารวมกันเข้า ไม่มีในตำรา โดยเฉพาะตำราของประชาธิปไตยเทวนิยมที่เป็นโลกียะเท่านั้น ขอย้ำยืนยันว่า ประชาธิปไตยในโลกนอกจากของโลกุตระของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นประชาธิปไตยขาเดียว เป็นประชาธิปไตยโลกียะ เป็นประชาธิปไตยที่ยังไม่สมบูรณ์แบบตามสัจธรรมของความเป็นสังคม และ มนุษยชาติ ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบต้องมี 2 ขา ต้องมีรูปนาม ต้องมีคำว่า 2 สภาวะ 2 นี้ทั้งนั้น จะไม่เป็นประชาธิปไตยที่โด่เด่ มีแต่รูปธรรมโดยมีแต่กฎหมายเป็นหลักโดยไม่รู้จักจิตวิญญาณ แต่ต้องมีจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวงและเอามารวมกันเป็นหนึ่งอย่างสนิทเนียน เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะนี้ไม่มีในตำราต่างประเทศหรอก คำว่า ตำรา นี้ก็สำคัญ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสเรื่องคำว่า ตำรา อาตมาก็นำมาขยายความอยู่ ท่านตรัสไว้ นัย มุมหนึ่ง มิติ 1 เอานัยยะมุมมองบริหารเศรษฐศาสตร์แบบคนจน ท่านตรัสแล้วก็บอกว่า ถ้าจะบริหารก็บริหารแบบนี้ คำอธิบายไปตามภูมิธรรมของท่านและท่านก็ว่าไป ว่าผู้ที่บริหารหรือผู้นำพาต้องทำแบบนี้เพราะผู้มาถามนั่นคือ ข้าราชการการเมืองเหมือนกัน เป็นรัฐมนตรีเพื่อนของนายกรัฐมนตรีชาวเกาหลีใต้ มาพูดมาทูลถามในหลวง ร. 9 ว่าควรจะบริหารปกครองอย่างไร ท่านก็บอกว่า ถ้าจะใช้คำว่าตำรานำ ต้องเอาตำราแบบคนจนไม่ใช่ตำราของเทวนิยมรัฐศาสตร์ที่เรียนกันในตะวันตก เป็นตำราคนรวยเป็นตำราที่เป็นโลกียะจะต้องเอารวยเข้าว่ามีอำนาจมาก แต่อันนี้มันทั้งในความเป็นอำนาจหรืออธิปไตยก็ไม่ไปเบ่งข่มใคร มาจนมาน้อยไม่ใช่ไปมาก ไม่ใช่มักมากแต่ว่ามักน้อย อัปปิจฉะ ไม่ใช่ มหัปปิจฉะ ใช้ตำรานี้ใช้ความอะลุ่มอล่วยคือ compromise ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 10 เป็นผู้ที่ใช้อันนี้โดยใช้คำว่า compromise ประนีประนอมทำให้มันเหมาะสมไปเรื่อยๆต่อยอดอันนี้ยิ่งใหญ่ ในหลวง ร. 10 ตอนนี้รู้ดีเรื่องนี้ท่านทรงรู้แล้วก็นำพา ถ้าใช้ตำราแบบคนจน ตำรานี้ไม่มีจบ Infinity จะพัฒนาเจริญขึ้นไม่มีจบเลย จะก้าวหน้าเรื่อยๆ นี่ก็เป็นคำตรัสรับรองของในหลวง ร. 9 จะก้าวหน้าเรื่อยๆไม่ได้ถอยหลังไม่ได้อยู่กับที่เลย ไปเรื่อยๆเป็นนิวเคลียร์ฟิชชั่นเลย ไปอย่ างเจริญไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นคำว่าประชาธิปไตย อาตมามา เรียกในยุคนี้เขาเรียก เดี๋ยวเรียกให้ไปตามสากล ภาษาอื่นๆจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่อาตมาไม่ค่อยเก่งภาษา แต่รวมแล้วก็คือ ซินโนนีม คำเดียวกัน ใช้แทนกันกับคำว่าประชาธิปไตยนี่แหละ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยนี่เป็นความรู้ความเห็นความเข้าใจแบบที่อาตมายืนยันว่าเอาของพระพุทธเจ้ามาอธิบายขยายความและยืนยันลงไปในเมืองไทย ว่าไทยนี้ทำประชาธิปไตยตามพระพุทธเจ้า อันมีสังคมศาสตร์ มีเศรษฐศาสตร์ มีรัฐศาสตร์ สามเส้า แบบโลกุตระ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยตรัสถึงความเป็นเศรษฐศาสตร์ว่าต้องแบบคนจน การขาดทุนของเราคือกำไรของเรา นี่รวมเป็น เส้า 1 ของความเป็นประชาธิปไตย อันนี้เรียกว่าเชิงเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ของโลก ในหลวงท่านตรัสเอาไว้ว่าต้องเอาลักษณะนี้ คือขาดทุนของเราคือกำไรของเรา สรุปแล้วก็คือการเสียสละคือการได้ ได้ตัวนี้นี่เป็นภาษาเท่านั้น แล้วเราก็ไม่ได้ไปยึดความได้ จบที่การเสียสละในตัวมันเอง เสียสละนี่แหละคือการได้ แต่ไม่ต้องบอกว่าเราได้หรือเราไม่ได้เราไม่แข่งคำนั้นแต่ความจริงจบในตัว 2 เป็น 1 2 เป็น 1 อยู่ที่การเสียสละจบแล้ว นักการเมืองนักบริหารนักรัฐศาสตร์เบอร์ 1 แล้วท่านก็ทรงยืนยันว่าไม่มีตำราของชาวโลก ที่เรียนๆกันอยู่ทั้งโลก เปิดตำราเรียนกันในเรื่องเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์อะไรก็ตาม สังคมศาสตร์ก็ตามไม่มี ตำราใดๆก็ไม่มี ไม่มีตำราได้ตำราที่จะบอกอันนี้ได้ ถ้าเปิดได้ก็มีแต่ตำราโลกียะเศรษฐศาสตร์โลกียะ รัฐศาสตร์โลกิยะ สังคมศาสตร์โลกีย์ อ่านแล้วก็มีเท่านั้นเท่าที่โลกียะเขามี อ่านจบแล้วก็ปิดได้เพราะมันมีเท่านั้น ที่นี้จะเรียนเศรษฐศาสตร์ระบบโลกุตระหรือเรียนรัฐศาสตร์สังคมศาสตร์โลกุตตระ ก็ต้องมาเรียนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นมีแต่ในตำราของพระพุทธเจ้า เปิดเรียนกันดีๆเถอะ โลกุตตรธรรม จริงๆแล้วคำว่าโลกุตตรธรรมนี้ก็คือ เนื้อหาของธรรมะ ในประเทศไทยก็ตามที่เป็นเมืองพุทธได้นำพากันมาถึง 2,500 ปีใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ประเทศไทยเกิดมาไม่ถึง 2,500 ปี เท่าที่เป็นพุทธและนำใช้มา พอมาถึง 2,500 ปีนี้มันเสื่อม คนเสื่อมนะไม่ใช่ธรรมะเสื่อม ชาวพุทธนี่แหละเสื่อมไปจากธรรมะของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะชาวพุทธที่เป็นคณะยึดเป็นกระแสหลักหรือพุทธคณะใหญ่ ชาวพุทธคณะใหญ่ที่บริหารดูแลก็เสื่อมไป บุคคลเสื่อมไปจากโลกุตตรธรรมของพระพุทธเจ้า ก็มีอาตมาเกิดมาในยุคนี้พอดี อาตมาก็มากอบกู้โลกุตรธรรมขึ้นมาเพื่อให้โลกุตรธรรมยืนยาวอยู่ในโลกไปได้อีกจนกว่าจะถึงพ.ศ. 2500 กว่าปีเรื่องนี้ก็เป็น อจินไตย ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดง่ายๆเล่นๆ ถ้าไม่จริงก็บาปกินหัวหนักคุยโม้โอ้อวดไม่เข้าท่า เป็นการอวดอุตริมุสธรรมที่ไม่มีในตน ปาราชิกด้วย อาตมาก็เป็นสมี ถ้าเผื่อว่า อาตมาพูดผิด แต่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดจริงพูดถูกอย่างมั่นใจ อาตมาใช้ภาษาความหมายความรู้ความเข้าใจแม้แต่คำว่าปัญญา ปัญญา 8 อาตมาขยายความตามธรรมะพระพุทธเจ้า ตอนนี้เขียนหนังสือเป็น 3 เล่มแล้วจะมีถึงเล่ม 4 อีก ตอนนี้เพิ่งทวนไปได้ร้อยกว่าหน้าเอง อาตมาก็ พยายาม บอกตัวเองว่าอย่าขยายแต่มันขยายหน่อยนี่ก็หลายร้อยหน้าแล้ว คิดว่าพยายามอย่าให้มากคิดว่าพยายามจะสรุป เพราะฉะนั้นเรื่องของ อจินไตย ที่อาตมามีจริงๆในเรื่องนี้ รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในอธิปไตยต่างๆนั้น แล้วก็นำมาเปิดเผย เช่น เปิดเผย ฌานวิสัย อันเป็นของพระพุทธเจ้า ต้องวงเล็บนะว่าเป็นของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ฌานแบบ อาฬารดาบส อุทกดาบส ฌานวิสัยของพระพุทธเจ้าก็เป็นสิ่งที่ต่างจาก ฌานฤาษี ซึ่งเป็นเรื่อง อจินไตย ในอจินไตย 4 กรรมวิบาก โดยเน้นธรรมะที่มีวิบากอย่างสัมมาทิฏฐิ วิบากคือผล ผลของกรรมที่ทำให้สัมมาทิฏฐิ ยืนยันโดยเอาตัวเองมาเป็นตัวหลักเลยมายืนยัน อ้างอิงหลักฐานคำสอนพระพุทธเจ้า อ้างอิงตำนาน อ้างอิง ตัวบุคคลอ้างอิงพระไตรปิฎก แล้วก็แก้ไขการอธิบายบาลี ที่ใช้คำว่าแก้ไขอธิบายบาลีคือ ท่านได้อธิบายเบี้ยวบาลีไป หรืออธิบายบาลีผิดๆกันมา ท่านอธิบายมา อาตมานั้นพูดเองและยืนยันเองว่าท่านอธิบายมาผิด ท่านก็เข้าใจว่าท่านถูกท่านอธิบายมาถูก แต่อาตมามาพูดจริงๆด้วยความจริงยืนยันว่านั่นแหละผิด อย่างอาตมาอธิบายยืนยันนี้ถูก ท่านก็ต้องแย้งผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง ของอาจารย์ ของสิ่งที่ท่านยึดถือกันมาในกระแสหลักในขบวนนักพระพุทธศาสนาด้วยกัน อาตมาทำงานมา 50 กว่าปีแล้ว ได้ผลตามที่เกิดจริงเป็นจริง มีโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เกิดจริงๆดังที่ชาวอโศกเป็นกัน เช่น มาเป็นคนจน มาเป็นคนเสียสละ มาเป็นคนขยัน มาเป็นคนทำงานรับใช้ประชาชน มาแสดงความไม่เห็นแก่ตัวที่มีจริงใจจริงมีจริงๆ นี่อย่างนี้เป็นต้น ยังมีอีกเป็นกลาง เป็นปลายอีกนะ ที่พูดนี้แค่ต้นๆนะ แล้วก็ทำกันไปเรื่อยๆ ยืนยันความเป็นการเมืองที่เป็นโลกุตระ พากันสร้างประชาธิปไตยที่เป็นแบบพุทธ สร้างขึ้นมาให้แก่โลกเห็นแจ้งรู้จริงกันขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งมันรู้ตามได้ยากเห็นตามได้ยาก ลึกซึ้ง มีความสงบอันวิเศษพิเศษจริงๆ แม้แต่คำว่าความสงบอันวิเศษพิเศษที่ชาวอโศกเราเป็นเรามี ก็มีในตัวจริง หรือพูดถึงในประเทศไทยมี ประเทศไทยมีความสงบอันมีความขัดแย้งกันพอเหมาะ นี่ยังมีเห่าบ๊องๆๆหมาน้อยเห่าอยู่ มันเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่มีความขัดแย้งในที่ใดๆที่นั้นน้ำเน่าที่นั้นมีแต่จะเน่าสูญสลายเสียหาย เพราะฉะนั้นความเจริญต้องมีความขัดแย้งอันพอเหมาะ เกิดปฏิกิริยาที่ได้สัดส่วนให้เกิดความเจริญ ซึ่งมันรู้ตามได้ยาก ลึกซึ้ง มีความสงบอันพิเศษ พิเศษจริงๆเพราะเป็นความประณีตสุขุมสุดๆที่จะรู้ตามได้ ไม่ใช่แค่เรื่องตรรกศาสตร์ อตักกาวจา แต่เป็นเรื่องราวกรรมวิบากที่มีอจินไตยที่มีฌานวิสัยที่สุดวิเศษ ของพระพุทธเจ้า เป็น อจินไตยนี่แหละ คำว่าวิสัย คือ ทำกันจนฝังไว้อยู่ในวิสัย อธิบายไว้ใน วิสัย นิสัย. อนุสัยพยายามจริงๆอาตมาพยามฝืนอยู่ในการพิสูจน์อันนี้ไป วันนี้วันที่เท่าไหร่ 15 50 กว่าปีแล้วอาตมาก็ยังเปิดเผยธรรมะที่เปิดเผยความเป็นการเมืองโลกุตระกันได้แค่นี้เอง แล้วก็ยังจะพยายามต่อ ที่จริงอายุขัยของอาตมานั้นมันสิ้นแล้วมาตั้งแต่อายุ 72 ปี ได้ฟังกันมา ใครจะเชื่อไม่เชื่อไม่มีปัญหาหรอก อาตมาก็มีความรู้ของอาตมา ก็บอกความจริงไปด้วยความจริงใจ แต่อาตมาพยายามฝืนไม่ยอมตายตอนอายุ 72 ยืดอายุขัยของตัวเองให้ยาวขึ้นมา แล้วก็เป็นการพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าด้วย จนกระทั่งวันนี้ 88 ปี 8 เดือน 10 วันแล้ว จะพยายามลากสังขารลากชีวิตให้ยืนยาวต่อไปอีก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความจริงตามธรรมะพุทธเจ้าให้จริงๆด้วย ที่สำคัญก็คือมันเป็นความจริงที่ต้องพิสูจน์ให้แก่คนในโลกได้เรียนรู้และได้เห็น ได้สัมผัสความจริงนี้ยืนยันว่าเป็นโลกุตรธรรมกันจริงๆ ซึ่งมันไม่ใช่โลกียะ ไม่ใช่โลกียธรรมแน่ๆมันต้องต่างกัน โดยเฉพาะความเป็นสาระสัจจะ ที่เรียกโดยพยัญชนะว่าโลกุตรธรรม มันขึ้นอยู่กับ ลาภ โลกียธรรมกับโลกุตตรธรรม จะมีความเป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข นี่เป็น โลกียธรรมที่คนติดยึดแย่งชิงกอบโกยหอบหวงและเอามาแบ่งมาข่มกัน เอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มาเบ่งมาข่มกัน ใช้อันนี้เป็นตัวยืนยัน ผู้ฟังดีๆฟังเข้าใจดีๆจะชัดเจน แต่พวกเราไม่สะสม ไม่เอาอำนาจของ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ไปเป็นอำนาจอธิปไตยอะไรเลย เราเอาความตรงกันข้ามกัน ไม่ใช้อำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ เราได้รับคำตำหนิคำลบหลู่ด้วยซ้ำ แต่อาตมาก็ว่ามันมีภาวะลึกซ้อน ว่ามันมีความจริงที่ไม่ใช่จริงๆ ไม่ใช่อำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ แม้แต่อำนาจสุข ก็ไม่ใช่ เป็นอำนาจที่ทวนกระแส ไม่มีคำพูดแล้วทีนี้ เป็นอำนาจที่ ปฏิโสตัง เป็นอำนาจที่ทวนกระแสกันคนละเรื่อง เขาไปทางนี้ เราไปทางนี้ อธิบายได้เท่านี้ เพราะมันเป็นเรื่องของทิศทาง เป็นเรื่องของกระแส เป็นเรื่องของความรู้ เป็นเรื่องของความจริงที่มันสวนกระแสกัน ปฏิโสตัง มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้หยุดอยู่มันพัฒนาไปเรื่อยๆ มีสิ่งที่มนุษยชาติจะเห็นว่ามันเกิดจริงเป็นจริงได้ มันก็จะไปเรื่อยๆ เพื่อ ความเป็นประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์มหาชนต่างๆที่ใช้พยัญชนะว่า พหุชนะ คำเดียวกับมวลประชาชน แล้วก็มี อายะ ที่เป็น พหุชนะ หิตะ อายะ เป็น พหุชนะ สุขะ อายะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย นาทีที่ ๑ ช.ม. ๒๘ นาที) หิตะ คือประโยชน์ สุขะ คือ อาการสุข (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมณะเดินดิน… สิ่งที่ยากสำหรับโลกุตระธรรมคือมันไม่เหมือนอย่างโลกธรรม คนทางโลกเขาวัดความเจริญที่ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แต่พ่อครูว่า มีอำนาจที่ยิ่งกว่านั้น มันคือมันไม่ใช่ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นความเหนือกว่า คนที่มีปัญญาเท่านั้นที่จะมองเห็นว่ามันเหนือกว่า แต่คนที่หลงลาภยศอย่างไรก็มองไม่เห็น พ่อครูว่า… มันเป็นประชาธิปไตยที่เพื่อประชาชนแก่มวลมหาประชาชน เรียกว่าพหุชนหิตายะ เป็นประชาธิปไตยที่เพื่อความสุขแก่มวลประชาชน พหุชนสุขายะ เป็นประชาธิปไตยที่อนุเคราะห์โลก โลกานุกัมปายะ ทั้ง 3 อายะ คือ อายะหิตะ อายะของสุขะ อายะของโลก นี่แหละคือกำไรคือประโยชน์คือผลที่ควรได้ มนุษย์ควรได้ มวลมหาประชาชนควรได้ ควรกำไร ควรจะได้ประโยชน์นี้ ความควรได้ และเป็นเครื่องอาศัยเรียกด้วยพยัญชนะว่าความสุขที่สงบไม่ใช่ความสุขที่ไม่ได้แย่งชิง หรือร้อน จะเป็นความสุขที่เย็นที่สบายเป็นความสุขที่ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ อาตมาใช้พยัญชนะพวกนี้อธิบายสภาวะให้ละเอียดไปเป็นแนวลึก ถ้าอาตมาพิสูจน์ความจริงนี้ได้ ซึ่งก็ได้เริ่มมาแล้วเปิดเผยตัวเองออกมาทำงานเพื่ออายะ 3 นี้หรือเพื่อ อธิปไตย 3นี้ ไม่ใช่เพื่อตนที่ทำนี้ ไม่ใช่เพื่อด้วยความเห็นแก่ตัว แต่เพื่อพาคนให้ลดตัวตน ลดของของตน ออกมาเป็นคนที่ไม่มีตัวตน มีแต่ชีวิตที่เพื่อผู้อื่น มีชีวิตเพื่อมวลมหาประชาชน ที่พูดนี้ไม่ใช่แค่ภาษาคำพูดปากเปล่า แต่เป็นความจริงที่จะตามพิสูจน์ยืนยันความเป็นจริงหรือความเป็นไปได้นี้จริงๆ ประชาธิปไตยเพื่อมวลประชาชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อทุนนิยม อธิปไตยเพื่อพวกตนเองเท่านั้นที่เป็นแค่คอมมิวนิสต์หรือว่าสังคมนิยมเท่านั้น ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยเพื่อตนเอง เพื่อหมู่ตนเอง ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์หรือเพื่อสังคมตนเอง แต่เพื่อมวลมหาประชาชนทั้งโลก ไม่มีกรอบ ไม่มีขีดคั่น จริงๆเลย มีคนเขาบอกมีคนเขาพูดว่า อโศกมันทำเพื่อพวกมัน มันมีแต่พวกมัน ถ้าว่าทำเพื่อพวกมันตามที่เขาว่า มันไม่ใช่แน่ๆ แต่ถ้าว่ามันมีแต่พวกมัน ซึ่งฟังดีๆนะ มันทำเพื่อพวกมันนั้นไม่ใช่ แต่บอกว่ามันมีแต่พวกมัน ซึ่งต่างกันไหม ต่างกันจริง คุณมาเป็นพวกเราบ้างสิ พูดเพราะๆ เอ็งมาเป็นพวกข้าบ้างสิ มึงมาเป็นพวกกูบ้างสิ พูดให้ครบๆไง พูดให้ครบๆ ใช้ศัพท์หลายคณะหลายลำดับ เพราะว่าโลกุตรธรรมนี้มันยังทำได้อยู่กันแค่ชาวอโศก นี่คือสรุปลงไป คนอื่นยังมาเป็นพวก คนอื่นยังมาทำตามไม่ได้ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราถูกยืนยันว่า พวกมัน ก็ยอมรับ มาสิมาเป็นพวกมันๆด้วยกัน เป็นพวกมันๆด้วยกันที่นี่ ยิ่งกว่ามันเทศ มันโอกินาว่านะ มันยากแต่มันดีสุดยอดนะ มาถึงตอนนี้ก็เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกันโปรดติดตามตอนหน้ายังมีต่ออีก วันนี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน สมณะเดินดิน… สรุปจบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin15 กุมภาพันธ์ 2023Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:660213 พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3NextNext post:660217 อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศกRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024