660213 พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3 ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1shuH_tCgB7uJ8YaaxyRsieKwHQJd-s1Ckq9VKYAW2Os/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1kegdHOpSkw5RPPenGSblT_mViYr69omd/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/DcUZ9hkGjJs และ https://fb.watch/iFXpOTG_vD/ พ่อครูว่า… วันนี้วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ อาตมาเกิดวันอังคาร วันอังคารก็เลข 3 ถึงวันนี้อายุ 88 ปี 8 เดือน 8 วัน อาตมาก็เกิด 8 ค่ำ และอาตมาก็ทำงานมาได้ 53 ปี เลข 5 + 3 ก็ 8 อีกด้วย มันก็ลงตัวกันหมดดีนะ _กวีจากหายโง่ Loving kindness is the great Love Born to serve Mankind ไม่หน่ายแหนง เป็นความรัก – เมตตา สุดใจ สุดแรง คือรักแห่ง นิยตโพธิสัตว์ ชัดจริงๆ ศีรษะจรดแทบเท้าประณมนบ ด้วยศรัทธาและเคารพอย่างสูงยิ่ง ขอตามรอยเท้าพอ่ไปไม่ประวิง โปรดเป็นมิ่งขวัญ ลูกๆนานนานเทอญ กราบมาด้วยศรัทธาและเคารพอย่างสูงยิ่ง ….หายโง่แลเราโน่ 13 ก.พ.66 _ขวัญดิน สิงห์คำ…ขอบูชาพ่อครูด้วยการปฏิบัติธรรมให้ยิ่งขึ้น 44 ปี สำหรับการปฏิบัติจริงในเส้นทางปฏิบัติธรรม ได้ค้นพบความจริงที่พัฒนาตนเองให้พ้นทุกข์ได้มากขึ้น กราบขอบพระคุณพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ที่เป็นแบบอย่างที่สำคัญยิ่งในเรื่องความกล้าที่จะพิสูจน์ความจริง แม้ยากลำบากพ่อครูก็เพียรทำ ก่อให้เกิดกำลังใจและเป็นแบบอย่างให้ดิฉันที่จะเผชิญกับผัสสะอย่างไม่ย่อท้อ ผัสสะที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งยาก พ่อท่านสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้กับลูกหลานและประชาชนทั่วไป สิ่งที่ได้ประโยชน์สูงสุดที่พ่อครูให้ทำคือการเป็นหัวหน้าพรรค เป็นสิ่งที่ไม่ชอบเลย แต่ทำได้ 15 ปี และสิ่งที่ไม่ชอบมากกว่าหัวหน้าพรรคคือการไปประท้วงไม่ชอบยิ่งกว่า ตั้งใจจะไม่ไป แต่ไปทุกครั้งและกลับเป็นคนสุดท้ายทุกครั้ง ประโยชน์ที่ได้รับมากมายมหาศาล ได้ฝืนใจตนเองอย่างยิ่งยวด การประท้วงเหมือนการจำลองการดูแลประเทศมีคนทุกรูปแบบ คนอดอยาก คนขโมย คนเห็นแก่ตัว คนมีน้ำใจ คนเสียสละ คนกล้าหาญและที่สำคัญเห็นความจริงที่พ่อท่านมีเหนือคนอื่น และสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองคือศรัทธามั่นคงกับสังคมอโศก เชื่อมั่นในสังคมอโศกจะนำพาสังคมไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องและก้าวหน้าต่อไป ประเด็นที่ 2 สิ่งที่ฝืนใจคือการเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก ได้เห็นนิสัยตนเองชัดเจนคือการไม่ยอมคน สิ่งที่ได้ฝึกมากที่สุดคือการยอม เลยได้คิดว่าเรายอมอาจารย์ได้ ทำไมจะยอมชาวอโศกไม่ได้ ขณะนี้ทำใจ เข้าใจยอมรับวัฒนธรรมอโศกได้มากขึ้น 44 ปีที่ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของอโศกไม่ผิดทาง มีแต่เจริญขึ้นทุกวัน รู้เท่าทันกิเลสได้เร็วขึ้น และเอากิเลสออกได้ไวขึ้น กราบขอบพระคุณพ่อครูที่เป็นแบบอย่าง ขอให้อายุยืนยาว ให้สัมมาทิฐิแก่ชาวโลกต่อไป กราบนมัสการด้วยความเคารพและบูชายิ่ง ขวัญดิน สิงห์คำ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3 พ่อครูว่า… เราก็มาต่อ เรื่องราวประชาธิปไตยที่จะต้องอธิบายต่อ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ประชาธิปไตยของไทยไม่เหมือนใครในโลก เป็นแบบไทยโดยเฉพาะ อาตมาได้กลับมาชัดเจนเหมือนกัน ว่านักธรรมะนี่แหละต้องยุ่งการเมือง นี่ก็พูดซ้ำพูดไปแล้ว นักธรรมที่ต้องยุ่งการเมืองโดยเฉพาะนักธรรมะที่มีภูมิอริยะ มีโลกุตรธรรมแท้ เพราะว่าจะเป็นคนผู้มีคุณธรรมที่บรรลุธรรมกันจริงๆ ตั้งแต่โสดาบันไปถึงอรหันต์ มีจริงๆ แล้วก็มีความจริงใจ เพราะว่าการบรรลุธรรมนี่คือใจมันเป็นจริง ใจมันบรรลุโสดาบัน ใจมันหลุดพ้นจริงๆ หลุดพ้นจากสิ่งที่แต่ก่อนนี้เราโง่ ไม่รู้ ไปหลงผิด ไปหลงเสพหลงติดอยู่ไปหลงเป็นทาสมัน มันหลุดพ้นออกมาเลย ความหลุดพ้นในจิต มันรู้เลยว่า ไอ้ที่ชัดๆก็คือมันยังต่ำ ไอ้นี่ยังต่ำ ไอ้นี่ไม่สูง ไอ้นี่ยังไม่น่าที่จะไปติดยึดอยู่เลย ไม่น่าไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง ควรจะต้องละหน่ายคลาย หลุดพ้นออกมา เพราะฉะนั้นยิ่งมีสิ่งที่อยู่กับโลกเขาเป็นลำดับๆๆ เป็นลำดับลำดา ต่ำแล้วก็สูงขึ้นจากโลกต่ำแล้วก็สูงขึ้นแล้วก็โลกสูงขึ้นสูงขึ้นสูงขึ้น จะมีกี่ชั้นก็แล้วแต่ จะเป็นคนรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็นโลก พอรู้จักรู้แจ้งรู้จริงในโลกแล้วก็หลุดพ้นออกจากโลกมาเรื่อยๆ คนที่หลุดพ้นออกมาจากโลกคือมีจิตที่เป็นโลกุตรจิตเป็นอุตระ เมื่อหลุดพ้นแล้วไม่ได้หนีออกไปนะแต่อยู่เหนือครอบงำ ครอบงำโลกอยู่เหนือโลกเหล่านั้น เช่นโลกอบาย อบายภูมิโลกต่ำสุด เราหลุดพ้นออกมาได้แล้วเราก็อยู่เหนือ มันอยู่ในโลกนี้แหละ ทุกวันนี้ในโลกอบายมุขหยาบคายในโลกต่ำๆลงเรื่อยๆในโลก มันใกล้กลียุค คนในโลกนี้มันต่ำลงต่ำลงต่ำลง มีเมืองไทยนี่คนไทยเจริญขึ้นเป็นลำดับ นอกจากคนที่อวิชชา คนที่ชั่ว คนไทยที่ชั่ว ยังเหลือเศษอยู่เท่านั้น เป็นพวกตกยุคความเป็นไท คือความเป็นอิสรเสรีภาพ คนพวกที่ยังนึกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย นึกว่าตัวเองเป็นพวกประชาธิปไตย หลง ไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยคืออะไร ทั้งๆที่ตัวเองเป็นจอมเผด็จการ จอมตัวตน จอมครอบครัวตน จอมพวกของตน พวกไหนฟังเอา ในคนไทยเป็นจริงนะมีพฤติการณ์จริง มีปรากฏการณ์จริงไม่ใช่อาตมาใส่ความ ไม่ใช่พูดจินตนาการ แต่เป็นของจริงมีจริงตัวจริงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ขาด เดี๋ยวนี้เขาก็ยังแสดงนึกว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้ชนะ ตัวเองจะยังใหญ่อยู่จะต้องยิ่งใหญ่อยู่ ยังไม่เชื่อว่าตัวเองนี้ ถูกคนไทยรู้ทันแล้วยังไม่เชื่อ ยังหลงว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นอยู่ก็ยังดิ้นรนเป็นเฮือกสุดท้ายหรือเปล่า จริงๆไม่ได้ดิ้นเป็นเฮือกสุดท้ายหรอก มันขาดเฮือกไปจนกระทั่ง เหมือนคนจมน้ำแล้วสำลักน้ำอยู่เท่านั้นเหลือแต่จะตายเมื่อไหร่ก็เท่านั้นไม่รู้ ยังไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันจนถึงอรหันต์แล้วจริงๆนี่เป็นกรอบแรกของความเจริญอาริยธรรม ระดับ 1 2 3 4 เป็นอริยบุคคลระดับ 1 2 3 4 เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าอย่างนั้นเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์พระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านบอกว่าท่านเองท่านทำงานในปางที่ท่านเป็นพระสมณโคดมนี้ ท่านทำงานเพียงสอนเบื้องต้นให้พุทธรรมคือใบไม้กำมือเดียว ไม่ได้สอนใบไม้ทั้งป่า สอนใบไม้กำมือเดียวหมายความว่าเอาแค่ให้จบอรหันต์ ความรู้ระดับอรหันต์ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แล้วท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปแล้วเพราะท่านทำมามากแล้ว ท่านเป็นโพธิสัตว์มามากจนถึงใกล้กลียุค ท่านเป็นองค์สุดท้ายของภัทรกัปป์ สำหรับพระพุทธเจ้าสมณโคดม จบจากกัปนี้แล้ว พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะเป็นพระศรีอาริย์ ที่จะมีอายุพุทธศาสนายาวนานที่สุด เป็นเหมือนเป็นแสนปีไม่ใช่แค่ 5,000 ปี 5,000 ปีนี้ต่ำสุดแล้วในความเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าสมณโคดมเป็นพระพุทธเจ้า จนกระทั่งมาเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้ามานาน ทำงานมาอยู่ในโลกโดยไม่ประกาศตัว ท่านเป็นปัจเจกพุทธเจ้า ไม่แสดงตัวแต่ทำงาน ศึกษาภูมิสุดท้ายความเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า นาน จนกว่าจะประกาศตนเองเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์พระสมณะโคดม เป็นองค์ที่ใกล้กลียุคสุดท้าย เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ก่อนถึงกลียุค หลังจากนี้ก็เป็นกลียุคไม่มีพระพุทธเจ้ามาเกิดและอีกนานจนกว่าจะเกิดพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ก็คือพระศรีอริยเมตไตรย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของวัฏสงสารเป็นเรื่องของโลกทางการเกิดการตายการตายการเกิดของมนุษยชาติเป็นไปตามกรรมวิบากเป็น อจินไตย อาตมาพูดได้เพราะว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์ตัวจริงจึงรู้ความจริงพวกนี้โดยไม่ได้เอามาจากตำรา โดยเฉพาะตำรามหายานเขาว่าเป็นพระโพธิสัตว์กันเยอะ ตำราพระไตรปิฎกมหายานมีเยอะ แต่สายเถรวาทของไทยไม่มีหรอก โพธิสัตว์ไม่รู้จัก แต่อาตมาต้องเอามาตราลงไป เอาไว้ก่อนจะถึงกลียุค หรือหน้าที่ของอาตมาเป็นโพธิสัตว์จะต้องสืบทอดความรู้โพธิสัตว์เอาไว้ตลอด เพราะฉะนั้นคนที่ไม่รู้จะหาว่า เก่งนะ พระพุทธเจ้ายังไม่อธิบายโพธิสัตว์เลย ก็คือไม่ใช่หน้าที่ของท่านไม่ใช่เรื่องของท่าน พระสมณะโคดมองค์สุดท้าย ท่านก็ไม่ได้อธิบายเพราะว่าไม่ใช่เรื่องของท่าน แต่อาตมามาต่อภพภูมินี้ อาตมาเป็นหน้าที่ของอาตมา เป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ที่ทำ เพราะฉะนั้นคุณธรรมในระดับ อาริยบุคคล เป็นความรู้ความฉลาดที่รู้แจ้งรู้จริงในประชาธิปไตยที่เป็นโลกุตระ หรือ ประชาธิปไตยแบบธรรมะ ประชาธิปไตยแบบธรรมะของพระพุทธเจ้าจะเรียกอย่างนี้ก็ได้ เรียกว่าประชาธิปไตยที่เป็นแบบธรรมะของพระพุทธเจ้า มันไม่มีในของใครหรอก ประชาธิปไตยทุกวันนี้ในโลกคือประชาธิปไตยโลก หรือประชาธิปไตยเทวนิยม ประชาธิปไตยตะวันตก ประชาธิปไตยสหรัฐ ประชาธิปไตยยุโรปอะไรพวกนี้เป็นประชาธิปไตยอยู่ในกรอบเทวนิยม อยู่ในกรอบโลกียะทั้งนั้น ยังไม่ออกมาหาโลกุตระ เพราะฉะนั้นตำราหรือความรู้ที่ในหลวง ร. 9 ท่านตรัสไว้ ว่าตำราที่เขาว่าเป็นผู้เจริญก้าวหน้าแล้วก้าวหน้าอย่างมาก ก็ก้าวหน้าอย่างที่โลกตะวันตกที่โลกเทวนิยมเขารู้ก็มีตำราเท่าที่มันมี ในหลวงท่านเรียนจากตำราอันนั้นอย่างที่พวกนักบริหารทั้งหลายเรียน ตำรามีเท่านี้เล่มสุดท้ายพอหน้าสุดท้ายแล้ว มันก็มีเท่าที่มีกัน แต่ท่านมาตรัสกับคนที่เรื่องของความจน เรื่องของขาดทุนคือกำไรของเรา กับพวกนักบริหารของประเทศอื่นกับชาวเกาหลี พวกรัฐมนตรีเกาหลี เขาก็ไม่รู้เรื่อง เพราะเขาไม่รู้โลกุตรธรรม ท่านก็ถึงได้ตรัสสั้นๆตามประสาของท่านตามภูมิของท่านในหลวง ท่านก็บอก พูดไปเขาก็ได้แต่งงๆ แล้วตำราที่โลกมีก็มีเท่านี้ เรียนกันในตำรานี้เสร็จแล้วสุดท้ายมันก็เอามาใช้ได้เท่าที่มันมีตำรา มันก็หน้าสุดท้าย ก็เปิดดูอีกใหม่มันก็มีอยู่เท่าที่มีในตำรา ไม่มาเรียนตำราของพระพุทธเจ้า ซึ่งลึกซึ้งซับซ้อนมาก ไม่มีตำราพระพุทธเจ้าก็เลยไม่รู้เรื่อง ผู้ที่เก็บกักเงินคงคลังของตัวเองมากๆเป็นพวกทำลายเศรษฐกิจพวกคนรวยนี้เป็นพวกชิบหายทำลายเศรษฐกิจ ในหลวง ร.9 ตรัสว่า เราเลยบอกว่าถ้าจะแนะนำได้ต้องทำแบบคนจน “เราเลยบอกว่า ถ้าจะแนะนำได้ ต้องทำ “แบบคนจน” เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้ แต่.. ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก ก็ จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง ! ประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง และถอยหลังอย่างน่ากลัว ! แต่ถ้าเริ่มมีการบริหารที่เรียกว่า “แบบคนจน” แบบที่ไม่ติดกับตํารามากเกินไป ทําอยางมีสามัคคีนี่แหละ คือ เมตตากัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไป…” พ่อครูว่า… คำว่าถอยหลังอย่างน่ากลัวเป็นจิตที่แสดงออกถึงความมีภูมิปัญญาของในหลวง ร. 9 เฮ้ย..ถอยหลังอย่างนี้มันเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อน เขาเข้าใจว่าเจริญแต่ว่ามันลงไปต่ำ ต่ำกับสูงมันวน เขาเข้าใจว่าเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มันยิ่งเป็นอย่างต่ำอย่างต่ำ ต่ำมากต่ำมาก มันจะมีแต่ถอยหลัง มันไม่รู้ความซ้อนนี้ มันนึกว่าไปข้างหน้า เช่นเดียวกันกับสมีธัมมชโย หลอกสังคมเขาเดี๋ยวนี้ก็ยังหลอกต่อ ตอนนี้หล่อพระอะไรมาขายอีก คือเขานึกว่าเขาฉลาดซับซ้อนแต่เขาโง่ซับซ้อนแล้ว เขาก็มาหลอกคนที่โง่ให้โง่ซับซ้อนตามไปด้วยอีกซ้อนไปอีก น่าสงสารคน สายธัมมชโย อย่างคนสายมหาบัว สายอาจารย์มั่น ยังไม่ได้ใช้ความหลอกล่อ บาปยังไม่หนักหนาเท่าธัมมชโย เพราะเขาไม่ใช่นักฟุ้งซ่านเท่ากับนักฟุ้งซ่านอย่างธัมมชโยสายฟุ้งซ่าน มันเหมือนปัญญามันกว้าง มันฉลาด มันรอบรู้กระจายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะ แต่นี่นึกว่าความกระจายฟุ้งซ่านเป็นความฉลาด มันก็เลยยิ่งซับซ้อนรู้ยากตกต่ำฟังไว้ก่อน มาเข้าถึงเรื่องประชาธิปไตย ประชาธิปไตยโลกุตระหรือแบบธรรมะของพระพุทธเจ้าที่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงอธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย นี่คือคำว่าอธิปไตย ที่มีของโลก และอธิปไตยของตน โลกาธิปไตย โลกาธิปไตยอำนาจของโลกที่เขาพยายามสร้างอำนาจมาครองโลก ศัพท์ว่า อยู่เหนือโลกแต่ไม่ พวกนี้เบ่งจะข่มโลก ไม่ใช่อยู่เหนือโลก เขาจะเบ่งทับโลก ที่เขาบอกว่าจะเป็นเจ้าโลก เป็นมหาอำนาจเจ้าโลก สหรัฐที่เขาจะเป็นหรือประเทศทางตะวันตกเขาเคยเป็นมา ฝรั่งเศส เยอรมันก็เคยเป็นมา อิตาลีก็เคยเป็นมา แล้วมันเที่ยงที่ไหนล่ะเดี๋ยวนี้ทุกวันนี้ สหรัฐก็ยังเป็นอย่างนั้นหมุนอยู่ในโลกียะแบบเดียวกันหมด แต่คนไทยไม่ไปเป็น คนไทยเจริญมาเรื่อยๆตั้งแต่ประเทศเหล่านั้นเขาหมุนเวียนกันเป็นเจ้าโลก ไทยก็นึกว่าตอนนั้นเป็นทาสเขา หรือเป็นพวกที่ด้อยพัฒนาไม่เหมือนพวกเขา ไทยนึกว่าเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ ไทยสร้างประเทศไทยมาตั้งแต่สุโขทัย ตั้งแต่พระเจ้ารามคำแหงมา มาถึงวันนี้เป็นพุทธศาสนาอยู่ใน DNA มีธาตุ มีสาร อัญญธาตุ ธาตุโลกุตระอยู่ในจิตวิญญาณแล้วค่อยๆแสดงออกมาพัฒนา เมื่อมาถึงยุคนี้ประชาธิปไตยเฟื่องฟู ในยุคพระพุทธเจ้าไม่ใช้เรียกคำว่า ประชาธิปไตย แต่อาตมาก็ต้องอธิบายสาระสภาวธรรม บัญญัติหรือภาษามันเรียกว่าประชาธิปไตย แต่สภาวะที่อาตมากำลังขยายความ คือมีโลกาธิปไตย 3 กับมี อายะ 3 พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) พหุชนะ นั่นแหละแปลว่าประชาชน มวลประชาชน พหุ แปลว่า มาก ชนก็คือประชาชน มวลคน พหุ คือ มวลคนจำนวนมาก เป็นประโยชน์เพื่อหมู่ชนมหาชนเป็นอันมาก หรือชนทั้งหลาย พหุชนสุขายะ ขอยืมคำว่าสุขมาใช้เป็นกลางๆเรียกว่า วูปสโมสุข หรืออุปสโมสุข เป็นเครื่องอาศัยที่จิตใจ ไม่ได้มีความยากลำบากยากเย็นอะไร ไม่มีความเดือดร้อนอะไรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นโลกุตระนั้นแม้แต่สุขก็ไม่ยึดไม่ติด เพราะฉะนั้นเขาก็แย่งสุขกันทั้งนั้นในโลกีย์ ส่วนโลกุตระนั้นรู้ลำดับว่าสุขอย่างเป็น อุปสมะ หรือสุขอย่าง วูปสมะ สุขอย่างที่ อย่าไปติดสุข เหนือสุขจนกระทั่งเป็นปรมังสุขังยิ่งกว่าสุข หรือสุดท้ายใช้ภาษาว่า อทุกขมสุข ไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะสุขทุกข์อาตมาอธิบายไปแล้วว่าเป็นมายาคู่ที่แยกกันไม่ได้ เหมือนกระดาษ 1 แผ่น แยกไม่ได้มันมี 2 หน้า เพราะฉะนั้นจะทำลายต้องทำลายทั้งสุขและทุกข์เป็นคู่กันไปเลย เขาเข้าใจตรงนี้ไม่ได้แล้วก็ไปปฏิบัติจิตที่มีลักษณะสภาวะธรรมแบบนี้ อย่างที่อาตมาอธิบาย 1 ใน 2. 2 ใน 1 นี่เขาทำไม่ได้ โดยเฉพาะ 2 ใน 2 ที่เป็นสุขทุกข์ 2 เป็นเทวะ 2 เป็นภายนอกภายใน 2 เป็นดีเป็นชั่วอะไรก็แล้วแต่สิ้นสุดที่เทวะที่แปลว่า 2 บาลีคำว่าเท หรือว่า เทวฺ แปลว่าสองช เมื่อเขาไม่เข้าใจรายละเอียดของทั้งโลกและอัตตา อัตตาก็มี 2 โลกก็มีโลกเป็น 2 ได้ทั้งโลกภายนอกและภายใน โลกภายในก็คือจิตหรืออัตตา โลกภายนอกก็รวมองค์ประกอบไปทั้งหมดเลยทั้งดินน้ำไฟลม พืชพันธุ์ธัญญาหาร สัตว์ทั้งหลายจนกระทั่งมนุษยชาติ จนถึงพฤติกรรมของมนุษยชาติ พฤติกรรมละเอียดแล้วก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขพฤติกรรมมนุษยชาติให้เจริญขึ้นจนกระทั่งอยู่เหนือความเจริญ แล้วก็รู้ว่าแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นมนุษยชาติจะเป็นความเจริญใดๆก็เป็นแค่สังขารธรรม แค่สิ่งที่ปรุงแต่งกันอยู่ในโลก มันไม่ใช่อัตตาตัวจริง มันเป็นอนัตตา รักษาให้มันอยู่ได้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ อาตมาจะทำ 0 เมื่อไหร่ก็ได้ จะตายสูญ เลิกเป็นดินน้ำไฟลมเลยก็อธิบายมาแล้วไม่รู้กี่ทีแล้ว เลิกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรายังไม่เลิกเพราะเรารู้ เรายังมีปณิธานไปสู่จิตของคนที่เจริญได้ ถ้าเจริญอย่างไปหาพระพุทธเจ้านี่สิ เป็นคนในโลกเกิดมาเป็นคนเท่ากันทุกคน เป็นคนมีอาการ 32 เท่ากันทุกคน ถ้าไม่พิการ แล้วก็เจริญไป ความเจริญสูงสุดในความเป็นมนุสโส เท่าที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็นได้แล้วไม่มีใครไล่ทัน คนไล่ทันก็ไปเป็นพระพุทธเจ้าทั้งนั้น มีสัพพัญญูเท่ากัน เพราะฉะนั้นคุณสมบัติหรือคุณธรรมที่วิเศษพวกนี้ ที่เราเรียกด้วยศัพท์ว่าโลกุตรธรรม ซึ่งเป็นแบบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ค้นพบ จึงรู้จักอธิปไตย 3 รู้จักอายะ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ที่ลงท้ายด้วยคำว่า หิตายะ เช่น พหุชนสุขายะ คือ สุขะ +อายะ โลกานุกัมปา แปลว่ารับใช้โลกช่วยเหลือโลก อายะคือ ประโยชน์ สิ่งที่ดีสิ่งที่ได้ดี สิ่งที่เจริญขึ้นไปเป็นอายะ เพราะฉะนั้นทั้งสองนี้ อายะ 3 กับอธิปไตย 3 รวมกันแล้ว พหุชนะ ของประชาชนของโลกของตนของมวลประชาชนนี้รวมกันเลย ของโลกนี้รวมทั้งตนเองและประชาชน รวมแล้วก็เป็นสังขารคือมวลประชาชน เป็นรูปธรรมของสังขาร การปรุงแต่งของมนุษยชาติร่วมกันช่วยกันปรุงแต่งกันอยู่ บ้างก็ทำลาย บ้างก็ทำให้เจริญ บ้างก็อยู่เฉยๆกลางๆ เฉยๆอย่างมิจฉาทิฏฐิ เฉยๆอย่างสัมมาทิฏฐิ เฉยๆอย่างมิจฉาทิฏฐิคือ อยู่ไปอย่างนั้นแหละโลกจะเทไปอย่างไรก็ไปตามเขา ไม่เอาเรื่องเอาราว เอาเรื่องก็ไม่ได้เพราะว่าไม่มีภูมิปัญญาอะไร ก็ไปเป็นบริวารอยู่ในโลก ส่วนผู้ที่เป็นหัวหน้าเป็นผู้นำก็เป็นผู้ที่จัดการ เป็นนายหรือเป็นหัวหน้าเป็นผู้จัดการสังคมทุกอย่าง ทีนี้ในโลกุตตรธรรมแม้จะเป็นหัวหน้า แม้จะเป็นผู้จัดการมวลมนุษย์ก็ไม่หลงตนว่าตนใหญ่ ไม่หลงตนว่าเรามีอำนาจ ไม่หลงตนว่าเราจะต้องไปเอาของคนอื่นมา จะต้องเป็นผู้ที่มีมากกว่าความรู้มากกว่า สมรรถนะสูงกว่า ความเฉลียวฉลาดอะไรต่ออะไรที่จะบริหารสูงกว่าหมด แต่ไม่ไปเป็นนายคนหรอก มีแต่จะช่วยเหลือคนเหล่านั้น เสียสละช่วยคนเหล่านั้น ฟังให้ดีนะ มันลึกซ้อนนะ เห็นไหม ที่อาตมามาเรียกเรียง 6-7 คำสุดท้าย อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ เกษมหรือเขมัง มันเป็นคุณสมบัติของจิตที่มันไม่มีคำภาษาไทยที่จะขยายความได้แล้ว มันเป็นสุดแห่งมงคล 38 อโศกะ วิรชะหรือเขมัง ไม่มีความโศก ชาวอโศกยังอยู่ในระดับนี้ วิรชะ หมดเลยรสโลกเลย ที่เป็นรสโลกีย์ละเอียดไปจนเป็นตัวตนเป็นเพราะเป็นชาติ อย่าว่าแต่เรื่องโลกีย์รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเลย แม้แต่เป็นโลกุตระที่ยังเป็นภพเป็นชาติก็ไม่ยึดติด รู้จักภพชาติที่ดี เกิดมาเป็นมนุษย์โสที่สูงสุด มีหน้าที่ช่วยโลก ช่วยมนุษยชาติก็ช่วยไป แล้วก็ทำตนให้เข้าใจเรื่องของโลก เรื่องของตน เรื่องของธรรมะ เลือกมาปรุงแต่งเข้าเป็น หิตประโยชน์ หรือมาเป็นคุณธรรมที่ โลกานุกัมปา คุณธรรมที่ช่วยมนุษย์โลกทั้งหลาย ช่วยมนุษย์ในโลกทั้งหลาย รวมแล้วเป็นคุณสมบัติครบถ้วนที่มาสรุปรวมใน ภาษากลางของคนในโลกที่เข้าใจกันคือประชาธิปไตย นี่อาตมาอธิบายรัฐศาสตร์ อธิบายความเป็นประชาธิปไตยแบบไทย รูปแบบของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ ของตะวันตกไม่มีของพระพุทธเจ้า ของยุโรปสหรัฐไม่มีของพระพุทธเจ้า ของเทวนิยมโลกีย์ไม่มีของพระพุทธเจ้า ไม่มี ประชาธิปไตยแบบของพระพุทธเจ้าไม่มี แล้วประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านั้นพึ่งตนเองรอดไหม.. รอด มันจะเป็นประชาธิปไตยที่แสดงความจริงที่ยิ่งใหญ่คือ เป็นประชาธิปไตยที่ไม่ต้องสร้างอาวุธ ไม่มีอาวุธป้องกันตัวและจะไม่ฆ่าใคร ใครฆ่าปล่อยให้เขาฆ่าได้เลย ใจถึงขนาดนั้นเพราะเข้าใจเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เขาฆ่าก็คนเลวมาฆ่า เราไม่ได้ไปทำเลวกับเขา ตายแล้วมีแต่สูงกว่าเก่า คนที่มาฆ่าเราสิ เป็นหนี้วิบากไหม ร้ายแรงขึ้นไปอีก อย่างนี้เป็นต้น มันเข้าใจมันรู้จริงหมดแล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่ไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ยืนหยัดอยู่แต่สิ่งที่ดี เรื่องตายเรื่องเกิดเรื่องเล็กๆ เรื่องตายเรื่องเกิดมันไม่ใช่เรื่องปัญหาอะไรมันจะต้องเวียนตายเวียนเกิด อย่างโลกียะเขาจะไปรู้อะไรเรื่องตายเรื่องเกิด อย่างน้อยตายเขาก็ไปอั้นตู้อยู่ที่พระเจ้า แล้วไม่เห็นการศึกษาอยู่ในโลกพระเจ้าเลย พระเจ้ามีเท่าไหร่ความรู้ขยายมาหมด พระบุตรพระศาสดาก็เอามาขยายความ คนก็เรียนจบเป็นศาสดาได้ เพราะฉะนั้นพวกที่เรียนรู้โลกียะจบก็ได้เป็นพระศาสดาของเทวนิยมองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็มีเยอะแยะที่แข่งกัน เห็นศาสนาเทวนิยมไหมมีตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่ของพระพุทธเจ้าไม่มีแข่งกัน พระพุทธศาสนามีพระพุทธเจ้าองค์เดียวไม่มีใครแข่งกับพระพุทธเจ้า เพราะรู้ดีหมดเลยว่าภูมิธรรมที่สูงเป็นโพธิสัตว์แต่ละระดับ จะรู้ดีเลย รู้จักเคารพอย่างแรงกล้า รักอย่างแรงกล้า เคารพบูชาอย่างแรงกล้าจริงๆเลย ไม่ต้องเอาอะไรพวกคุณนี่เคารพอาตมาอย่างแรงกล้า พวกคุณจริงใจหรือเปล่า อาตมาไม่เคยไปให้ใครมาเคารพ พวกคุณมาเคารพเอง มาเอาเท้าอาตมาไปลูบหัวไปเหยียบหัว หรือเอาหัวมามุดเท้า ให้อาตมาเหยียบหัว อาตมาก็ไม่อยากทำเกรงใจ แต่เขาถือเป็นสิริมงคล อย่างนี้เป็นต้น ไม่ใช่คนเดียวมันเป็นความรู้ มันเป็นความจริงใจ มันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง มันเห็นคุณค่า เห็นความมีคุณค่าของคน อาตมาไม่ได้ไปยกตนยกตัว แต่อธิบายความจริง เขาก็หาว่ายกตนยกตัว ความจริงที่พูดมันก็เป็นของสูงของลึกซึ้ง และอาตมาเอาที่ไหนมาอธิบายหากไม่เอาของตนเอง ตำราอย่างที่อาตมาอธิบายจริงๆไม่มี มีแต่อาตมาเขียนเองไปอ่านสิ เขียนตั้งไม่รู้กี่เล่มแล้ว นี่ยังเขียนปัญญา 8 ยังไม่จบ ยังว่าจะเขียนประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะให้มันจบ เขียนไปแล้วก่อนนี้ ก็ดีตอนนี้ยังไม่จบก็ดี ถ้าจบก่อนนี้มันจะเป็นประชาธิปไตยที่อาตมาเขียนความรู้ไว้ วนอยู่ เพราะฉะนั้นอาตมาจะมาเติมทีหลังไม่ออก เป็นประชาธิปไตยที่อาตมาเรียบเรียงเขียนเป็นประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะพิมพ์ออกมา จะเป็นความรู้รัฐศาสตร์ที่พูดไปแล้วก็เหมือนยกตัวเอง ไม่ใช่เหมือนหรอก ยกจริงๆด้วยความไม่เกรงใจ ยกตัวเองด้วยความไม่ละอายไม่ได้เหนียม ไม่ได้มี มังกุ ไม่ได้เคอะเขินเพราะมั่นใจว่าในเป็นความจริงอาตมาพูดความจริง คนที่มีความจริงและพูดความจริงอย่างจริงใจ มันไม่มีความเก้อเขินคล้ายคนหน้าด้าน แต่ไม่ใช่ เป็นคนที่มีความจริงอย่างเดียว คนหน้าด้านอลัชชีมี 2 หน้า แต่คนที่มีความจริงมีหน้าเดียว พูดอย่างเดียวๆไม่มีอะไรซ่อนเลยไม่มีอะไรแฝงหนึ่งเดียวตรงๆ ถ้าคุณเข้าใจอันนี้ 1 คือหนึ่งเดียว เอกังสะ หนึ่งเดียวนิวเคลียร์ฟิชชั่นไม่มีโค้งไม่มีงอ ไม่มีนิวเคลียร์ฟิวชั่นเลยมีแต่ตรงออกไป หายไปเลย ถ้าเป็นพลังงานก็เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นผู้มีทั้งความรู้ในโลก 3 โลก 3 ขอเรียกรวมๆคือ อธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย จะเรียกว่า อธิปไตยคือรูป อายะ 3 คือนามก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีและรู้จนข้างตัวเองมีคุณธรรมนั้นหมด นอกจากจะเป็นประชาธิปไตยหรือ อายะ มีโลกมีตน ที่ไม่เห็นแก่ตนแล้วจริงๆ ไม่เห็นแม้แต่พรรคพวก แม้แต่คอมมิวนิสต์แปลงอย่างเมืองจีนก็เพื่อพวกทั้งนั้น พวกเขา เขายังมีความรักไม่ได้สูงส่งไปถึงระดับความรักมิติที่ 8 ที่ 9 ยัง ความรักของเขายังอยู่ต่ำกว่ามิติที่ 7 ยังไม่ถึงมิติที่ 7 เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุจริงในโลกในตน อยู่เหนือโลกเหนือตน เหนือเรียก อุตระ อยู่เหนือโลกก็หมายความว่า เข้าใจโลกและก็อยู่กับโลก ไม่ได้ไปบังคับไม่ได้ไปข่มโลกนะ อยู่เหนือตนคือ เข้าใจตนอย่างสูงสุดเป็นอนัตตาแล้ว อ้อ ความเป็นตนเป็นเช่นนี้เองมีแค่นี้ และแท้จริงก็อยู่อย่างอาศัยตนเท่านั้น มีอัตตา อยู่อย่างอาศัยอัตตา ไม่ได้ยึดอัตตาเป็นเราเป็นของเรา ที่ท่านพุทธทาสใช้คำว่าไม่ใช่ตัวกูของกู ไม่ใช่ กูเป็นภาษาเอกพจน์ ถ้าเราเป็นพหูพจน์ ตัวกูของกูก็คือตัวเราเลยเป็นเอกพจน์ พอบอกว่าตัวเรา เราก็เลยเป็นวี WE แต่อันนี้เป็นมีหรือไอ Iเลยเป็นเอกพจน์ก็เข้าใจได้ชัดขึ้น ไม่เห็นแก่ตัวตน ไม่เห็นแก่พรรคพวก แต่ว่าเห็นแก่ธรรมะ ธรรมะคือสิ่งที่ทรงไว้ เอาไว้ มีไว้ ธรรมะที่เป็นของมวลประชาชน สิ่งที่ทรงไว้เป็นของมวลประชาชน ไม่จำกัดเฉพาะ 3 เฉพาะ อายะ 3 ทุกคนกระจาย 3 ออกจากกรอบ 3 คือสามเส้า ทั้งโลกตัวตนกับธรรม หรืออายะ 3 ก็เป็นสามเส้าทั้งนั้น อันนี้ เปิด cyclic order ออกเป็นอันที่ 4 3 คือตัวตนเต็มๆ 4 นี้ออกจากตัวตนไป เพราะฉะนั้นเป็น 4 เป็น 5 เป็น 6 ก็ยิ่งออกไปอีก ไปเป็น 7 ก็ยิ่งเป็นระดับที่หมดตัวตนไปอีกสูง 7 8 9 ไปหา 0 ท่านก็ใช้บัญญัติแทนสังขยาตัวเลข 1 2 3 สากลไหนๆก็รู้หมดเลยว่า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 คือสากลของความเต็ม และความสูญ เพราะฉะนั้น 0 = นิรันดร 0 = Infinity ไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นภาษาที่พูดได้ สภาวะก็เป็นเช่นนี้อยู่ เพราะฉะนั้นความรู้ความเป็นจริงเช่นนี้ใครมีจริงก็มาพามนุษยชาติเรียนรู้และปฏิบัติให้จริงอย่างชาวอโศกได้มา จึงเป็นหมู่กลุ่มประชาธิปไตย แบบของพระพุทธเจ้าหรือประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ก่ออยู่ในกลุ่มคนไทยชาวอโศก มีได้มวลประมาณนี้แหละขณะนี้ ซึ่งอาตมาก็เคยพูดอยู่แล้วว่าอาตมาจะนำพาความรู้พวกนี้ไปถึง 5,000 ปีไหม จะสร้างความเป็นประชาธิปไตยแบบนี้ไปให้เจริญไปอีก เจริญแล้วมันก็จะเป็นโลกุตระ ก็คือประชาธิปไตยโลกุตระ จะเจริญขึ้นไป ถ้าไปถึง 5,000 ปีได้เนื้อแน่นแก่นของความเป็นประชาธิปไตย ก็จะกระจายให้แก่ชาวโลกต่อไป โลกในตะวันตก ในยุโรป อเมริกาจะได้มาเรียนประชาธิปไตยที่เขายังไม่กระดิกหู ยังไม่มี อัญญธาตุ ยังไม่มีความรู้ออกมาจากกรอบโลกียะ เขายังมีความรู้แค่ประชาธิปไตยโลกียะ เขายังไม่ออกมา ไม่มีอัญญธาตุ ที่เป็นธาตุรู้แบบใหม่ เป็นธาตุรู้ที่แบบไม่ใช่โลกียะ จนกว่าจะมีหน่วยถึง 50 หน่วย 60 หน่วยของ อัญญธาตุ ถึงจะเอามาพูดแล้วเอามาเป็น จนกว่าจะถึง 70 หน่วย 80 หน่วย 100 หน่วยเต็มก็จึงจะทำงานได้เต็ม เพราะฉะนั้นคนจะต้องมี อัญญธาตุ ที่เป็นธาตุใหม่ ธาตุต่างหากจากโลกียะ มีจำนวนหน่วยหรือปริมาณเกิน 75% หรือ 3 ใน 4 ส่วน ดีที่สุด พอเริ่มต้นเป็นนิยตะก็ 3 แล้วมหาก็ เข้าไป 4 ไปเรื่อยๆ จบ เป็น 4 ก็จบมหาเป็นพระพุทธเจ้าเลย จาก 8 ก็เป็น 9 มหาก็คือ 8 8 ก็จบไปเป็น 9 สูงสุด หรือในศาสนาพราหมณ์ก็เรียกว่า กาลกิริยาวตาร จาก 9 ของพระพุทธเจ้าและเป็นปางที่ 9 ของศาสนาพราหมณ์และเขาก็เรียกว่าเป็น กาลกิริยาวตาร เป็นอวตารที่รอบ จะไปเป็นอะไรก็ได้ จะ 0 ก็ได้จะเกิดก็ได้ จะมีได้ระดับไหนก็ได้หมด กาลกิริยาวตาร เป็นผู้ที่จะมาอวตารมาเกิดก็ได้จะไม่อวตารมาเป็นศูนย์เลยก็ได้ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตย แบบไทย โดยเฉพาะหรือประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า เป็นประชาธิปไตย ที่มีธรรมะที่เป็นโลกุตตระแท้ๆ ธรรมะของคนที่เป็นอารยชน คนที่เป็นอาริยะจริงๆ หรือลดกิเลสได้จริงๆ คนที่ลดกิเลสได้จริงรู้จักกิเลสอย่างพวกเรานี้พูดกันรู้เรื่อง จนมีทั้งอรหันต์ ลดกิเลสจนกระทั่งเป็นอรหันต์ออกมาทำงานการเมือง พ่อครูว่า… ฟังให้ดีนะ พระอรหันต์จะออกมาทำงานการเมืองทำไม ไม่รู้อะไร โพธิรักษ์เป็นอรหันต์หรือเปล่าเป็น ออกพาทำงานการเมืองหรือเปล่า อาตมาเคยบอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นโพธิสัตว์หรือพูดถึงเป็นอรหันต์ เขาบอกว่ายังไม่เชื่ออรหันต์อะไร ยังมีโมโหอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วเขาได้ลดตัวเองทันทีไหว เขาปรับตัวได้ทันทีได้เร็วไหมพลเอกประยุทธ์ มันเป็นลิงลมอมข้าวพองที่ซับซ้อนซึ่งคุณไม่รู้ความซับซ้อนของสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนพวกนี้ พระพุทธเจ้าเองแท้ๆยังมีลิงลมอมข้าวพอง เกิดมาก็ยังเป็นชาวโลกอยู่ตั้งนานเสพโลกียสุข แม้ที่สุดก็ไปเป็น เดียรถีย์ อยู่กับเขาตั้ง 6 ปีอีก งมงายอยู่กับท่าน 5 พราหมณ์ หลงบูชาเคารพนึกว่าจะไปเป็นพระพุทธเจ้าแบบพราหมณ์เขาคิด จนกระทั่งท่านฟื้นความจริงได้เพราะท่านมีความเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว พอมาเกิดในยุคนั้นไม่ได้ศึกษาหรอกมีแต่วิบาก แล้วก็ระลึกได้ว่าตัวเองมีความเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมีสัพพัญญูแล้ว ก็เลยมาบอกพราหณ์มพระพุทธเจ้าจริง พวกพราหมณ์ทั้ง 5 ก็บอกว่าล้มเหลวแล้วเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเราไม่เคยบอกว่าเราเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อนเลยนะ มีแต่พวกคุณนั่นแหละเข้าใจตามคำพยากรณ์ว่าเราจะเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่เราก็ไม่ได้มั่นใจไม่รู้ว่าเราเป็นพระพุทธเจ้าแต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า พราหมณ์ที่มีภูมิธรรมถึงผู้ที่จะเป็นผู้สืบทอดศาสนาอีก 5 รูป จึงยอมสยบเข้าใจว่า โอ้.. เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องตรัสคำเดียว และเราเองเข้าใจว่าท่านจะเป็นอย่างนั้น พวกที่ทำนายต่างหากว่าบอกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าแต่ท่านไม่ได้บอกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ตอนนี้ท่านบอกว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เพราะท่านมั่นใจแล้วว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านรู้แล้วว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้ามีสัพพัญญูมา แต่ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมของพุทธเลยในชาติที่ท่านเป็นพระสมณะโคดม มีแต่ท่านจะรอขึ้นมาประกาศว่าท่านจบปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว และปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าของท่านเพื่อนท่านหลายองค์ก็ไม่ประกาศศาสนาไม่ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นทำเนียบให้คนในโลกรู้จัก พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ท่านไม่มาประกาศท่านก็ปรินิพพานของท่านไปเอง ใครจะไปรู้จักท่าน และมีไม่น้อยพระองค์ด้วยมีมากด้วย เพราะว่าท่านไม่มีตัวตน ท่านไม่อยากจะเด่นจะดัง ท่านไม่อยากจะเป็นนั่นเป็นนี่แล้ว ฟังให้ชัด ใช่ไหม เป็นพระอรหันต์ก็เริ่มต้นมีคุณธรรมคุณวิเศษอันนี้แล้ว และเป็นโพธิสัตว์อยู่จนกระทั่งถึงเป็นโพธิสัตว์ระดับ 9 หรือเป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า มันก็ซ้อนกันอยู่ จะเรียกสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ซ้อนกันอยู่ แต่ถ้าเป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือผู้ที่บรรลุมีสัพพัญญูเท่ากับพระพุทธเจ้าแต่ท่านไม่ประกาศตนต่อโลก ไม่มีศาสนาของท่าน ไม่มีศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าองค์นี้ชื่อนี้ขึ้นทำเนียบ ไม่มี ท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเพราะท่านรู้โลกหมดแล้วเบื่อแสนเบื่อ ทำเพื่อพิสูจน์เพื่อปณิธานเพื่อให้รู้ว่าเราเกิดมาเป็นคนๆหนึ่ง มันสูงสุดคืออย่างไร พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งก็สูงสุดแล้ว ท่านดูแล้วท่านก็จบของท่าน ท่านไม่มีตัวตน ท่านก็ปรินิพพานไปเฉยเลย เมื่อไม่ประกาศ คนในโลกก็ไม่ได้รับรู้ว่า อ๋อ..นี่พระพุทธเจ้า แล้วก็สอนให้คนมีความรู้ ประกาศขยายให้รู้ตามปฏิบัติตามอีก ฟังละเอียดขึ้นนะ. แม้อธิบายประชาธิปไตยก็เป็นธรรมะละเอียดซ้อนขึ้นไปอีกเยอะ เพราะฉะนั้นธรรมะแท้ที่เป็นโลกุตระนั้นเป็นธรรมะของคนที่เป็นอาริยชนหรือว่าเป็นผู้ที่ลดกิเลสได้จริงๆ จนมีอรหันต์ออกมาทำงานการเมืองร่วมกันแสดงตัวตน เป็นพระอริยะเป็นพระอรหันต์ขึ้นไป แม้แต่เป็นพระโพธิสัตว์ แล้วโพธิรักษ์ออกมาแสดงตัวทำงานการเมืองหรือเปล่า ตอนนี้กำลังรวบรวมให้ตั้งพรรคสัมมาธิปไตย แล้วจะนำพากันไปค่อยๆไป ไม่ต้องไปเร่งเครื่อง ไปตามธรรม ประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เรื่องหาเสียง คนยังหาเสียงให้แก่ตนเองอยู่ยังเป็นนักประชาธิปไตยกิเลส เป็นนักประชาธิปไตยยังไม่เข้าใจอธิปไตย 3 ยังไม่เข้าใจอายะ 3 เป็นประชาธิปไตยโลกียะ เท่านั้นเอง ประชาธิปไตยนั้นผู้ที่จะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างแท้จริงเลือกจริงๆไม่ใช่ต้องเลือกตั้ง จะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ประชาชนเขายกให้จริงๆ คือผู้ทำงานให้แก่ประชาชน ผู้รับใช้ประชาชนจริงๆ ไม่หาเสียง ใครจะยกย่องใครจะยอมรับ ใครจะศรัทธาเลื่อมใสหรือไม่ ไม่มีปัญหา ไม่ตกอกตกใจไม่กังวล ทำงานให้แก่ประชาชน รับใช้ประชาชนหน้าเดียว ให้มีความรู้ความสามารถความเก่งที่จะช่วยประชาชนให้มากขึ้นๆๆๆๆ จบความเป็นนักการเมืองเบอร์ 1 ชัดขึ้นไหม เพราะฉะนั้นผู้ที่มีคุณธรรมโลกุตระ ในประเทศไทยก็จะออกมาแสดงตัวตนไม่ได้ออกมาอวดโอ่แต่ออกมาทำงาน เป็นการปรากฏตัวตน แล้วก็ทำงานเป็นการเมืองตั้งแต่เล็กๆน้อยๆออกมาแสดงตัว ออกมาแสดงเสียง ไม่ได้ไปหาเสียงนะ ออกมาแสดงเสียงว่าฉันเป็นประชาชนคนไทยเหมือนกันนะ 1 หน่วย 1 คน 1 เสียงนะ ออกมารวมตัวกันชุมนุมประท้วง อย่างอาตมาพาพวกเราออกไปประท้วง มีกี่คนอาตมาไม่เคยกังวลหรอก อาตมาไม่เคยกังวล ไม่เคยนับจำนวนอโศกที่ออกไปชุมนุมประท้วงไม่เคยนับ แต่ออกไปทำงานทำงานทำงานแล้วมีคนมาร่วมร่วมกินร่วมอยู่ร่วมเห็นด้วย จนกระทั่งเกิดการเห็นชัดเจนและมาร่วมกันโดยที่ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ เขาก็ทำงานการเมืองของเขา เขาก็มีประชาชนเข้าใจได้พาพรรคพวกมา ก็เลยเป็น กลุ่มที่มากกว่าชาวอโศก มาถึงสถานีรถไฟสามเสนรวมตัวกัน ก็เป็นกลุ่มนั้นมาสมทบกับพวกเราที่อยู่ในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อยู่บริเวณนั่นแหละที่อยู่แถวๆทำเนียบ สะพานชมัยมรุเชษฐ์ เป็นแก่นแกนอยู่เป็นหลัก จำนวนไม่มากเท่าของสุเทพ พอสุเทพเข้ามารวมอีก ประชาชนหมู่ใหญ่ที่มีภูมิธรรมเข้าใจว่าอ๋อ.. อันนี้เป็นหมู่มวลประชาธิปไตยแท้ๆ ก็มาสมทบอีกเป็นล้านเลย ทีนี้กี่ล้านไม่รู้ เขาประเมินกันถึงขั้น 10 ล้าน จึงถือว่าเป็นการประท้วงที่เด็ดขาด ชนะหลุดลอย ซึ่งทำมาตั้งแต่ทักษิณ เริ่มทักษิณนั้นมีรูปแบบ พลเอกสนธิเข้ามาปฏิวัติหน่อยหนึ่ง จากนั้นมาทักษิณก็ออกฤทธิ์เอาสมัครมา เราก็ไปประท้วง แต่ก็ยังไปอยู่ในรูปแบบว่าไอ้นั่นมันศาลตัดสิน สมัครนั้นตกไปไม่ใช่เพราะประชาชน อ้าว..ทักษิณก็ไม่ยอม ไปก็เอาน้องเขยมาอีก เอาสมชายมาเป็นนอมินีเป็นตัวแทนอีก สมชายมา พวกเราก็ประท้วงจนกระทั่งไม่ได้เข้าทำเนียบเลยสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าไปนั่งในทำเนียบเลย เพราะว่าพวกประท้วงไม่ให้เข้าได้ จนสมชายตกไปอีกก็ยังมีฤทธิ์เอายิ่งลักษณ์มาอีก เราก็ประท้วงอีก เป็นประชาชนประท้วง จนกระทั่งยิ่งลักษณ์ก็จะต้องตกไปเหมือนกัน ถูกศาลตัดสิทธิ์ให้เป็นอะไรต่ออะไรจนกระทั่งออกมาหมด ทั้งขี้โกงทั้งทำลายย่อยยับ สุดท้ายแล้วก็มีผู้รักษาการแทน ผู้รักษาการก็ถูกตัดสินไม่มีอำนาจที่จะไปบริหารอีกแล้ว พลเอกประยุทธ์ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า คสช.เป็นหัวหน้ารักษาการความสงบเรียบร้อยของประเทศ เป็นหน้าที่ กว่าจะมารับลูกของประชาชนอยู่ตั้งนานแหนะ พ.ศ 2557 เราออกไปชุมนุมประท้วงตั้งแต่ 2549 พอนายกประยุทธ์มารับลูกต่อ ก็ต้องอาศัยรูปแบบของสภาของประชาธิปไตยโลกเขาก่อน เข้ามาทำหน้าที่ซึ่งมันต้องทำและเขาก็ตีความว่านี่คือผู้ยึดอำนาจ ใช่ พลเอกประยุทธ์ใช้คำว่าอย่างนั้น ผมก็ขอยึดอำนาจง่ายๆนะไม่ได้มีปืนไปยิงสักแปะ เขายิงกันมาแล้ว พวกสายรัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้ยิงสักแปะ มีแต่พวกพวกโน้นยิงมา พวกเราประท้วงด้วยความสงบไม่มีอาวุธนี่เป็นความซ้อนอยู่ในพวกนี้ นักรัฐศาสตร์จะต้องศึกษารัฐศาสตร์บทนี้ให้ดีว่าประเทศไทยมีสองสมัยประชาธิปไตยมีประชาธิปไตยแบบพุทธ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะไม่มีใครมีหรอก เป็นปรากฏการณ์จริงประท้วงจริงๆเป็นประชาธิปไตยที่เป็นประชาชนเพื่อประชาชนโดยประชาชนจริงๆ นี่แหละคือประชาธิปไตยที่ประชาชนทำ เมื่อพลเอกประยุทธ์มารับช่วงบริหารก็ทำตัวเองบริหารเข้าตาประชาชน ประชาชนก็ไม่ออกไปประท้วง อาตมาก็ไม่ออกไปประท้วงแต่กลับเชียร์ด้วย ส่งเสริมด้วย แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ทำมาได้ถึง 2 สมัย สมัยแรกถือว่าเป็นเผด็จการเพราะยังไม่ได้รับอนุมัติจากผู้แทน พอสมัยอีก 4 ปีหลัง สภาผู้แทนส.ส.ก็โหวตกันเอาพลเอกประยุทธ์มาเป็นนายกอีก จึงเป็นนายกต่อมาอีก 8 ปี แล้วบอกว่ากฎหมายเป็นมาได้ 8 ปีแล้วไม่ได้แล้ว อะไรก็แล้วแต่มันซับซ้อนอยู่ เพราะฉะนั้นก็จะแก้กฎหมายกันตรงนี้ อะไรก็แล้วแต่ อาตมาไม่ห่วงหรอกไม่เกี่ยงหรอก ไม่ห่วงและไม่เกี่ยงจนกระทั่งมีภาวะโรคแทรกซ้อน มี พลเอกป้อมขึ้นมา เป็นภาวะโรคแทรกซ้อน อุ๋งอิ๋งแล้วยังมีพลเอกประวิตรขึ้นมาอีก มันเป็นเหตุการณ์ที่สวยงาม มันเป็นเหตุการณ์ที่บอกว่า ผู้ที่ใจใจผู้ที่เป็นแชมป์จริงๆนั้น รองแชมป์ต้องไล่มาเรื่อยๆจะต้องมารุมรองแชมป์ทั้งนั้น ถือว่ารองแชมป์อุ้งอิ้งรองแชมป์ พลเอกป้อมก็รองแชมป์ ยิ่งใหญ่ทั้งนั้นเลยนะ อุ๋งอิ๋งก็เป็นตัวแทนของประชาธิปไตย ยิ่งใหญ่ประเภทที่เรียกว่าข้านี่แหละประชาธิปไตย ๆๆ พวกที่ไม่ใช่ข้าไม่ใช่ประชาธิปไตย พวกวาทกรรมพวกปากมาก พวกยึดเอาคำว่าประชาธิปไตยไปเป็นของตนแต่เนื้อแท้นั้น ไม่มีเลยในความเป็นประชาธิปไตย มีแต่ตัวกูของกู ของพรรคพวกกู โกงแล้วมาแบ่งกัน โกงแล้วไม่ว่าแต่เอามาแบ่งกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้นขณะนี้ของจริง เอาเถอะพลเอกประวิตรหรือพลเอกป้อม ก็ในระดับหนึ่ง ก็ยังมีอะไรต่ออะไรอยู่ แม้แต่ความซับซ้อนบอกว่าพลเอกป้อมก็เป็นพี่ของพลเอกประยุทธ์ นี่ก็ซับซ้อน “พี่จะฆ่าน้องหรือน้องจะฆ่าพี่” อ้าว.. อาตมาใช้คำนี้ เอาไปคิด หรือไม่ต้องใช้คำแรงอย่างนี้ก็ได้ ใช้คำว่า “พี่จะแย่งน้องหรือน้องจะแย่งพี่” คำนี้ก็ได้ ใครว่าพี่จะแย่งน้องหรือน้องจะแย่งพี่ … ส่วนใหญ่บอกว่าพี่จะแย่งน้อง และมันควรไหมล่ะพี่แย่งน้อง … ไม่ควร แค่นี้ก็เป็นคุณธรรมที่พวกเราพอรู้แล้ว พี่ไม่ควรจะแย่งน้อง และน้องจะไปแย่งพี่ได้ยังไง แต่พี่นั่นแหละมันจะต้องช่วยน้องได้ และพี่จะต้องไปแย่งน้องทำไม มีแต่น้องมันจะแย่งพี่ ตอนนี้เขาเป็นน้องที่เขาไม่แย่งพี่แล้ว ฟังดีๆนะ นี่คือปรากฏการณ์ phenomenon ของประชาธิปไตยตัวอย่างของโลก นี่แหละ ต่อไปประเทศไทยจะมีคนที่เป็นอาริยะถึงอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ระดับ 4 แล้ว ระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 อย่างเช่นอาตมาเป็นต้น ถ้าอาตมาขึ้นไปถึงระดับ 8 ก็จะมีระดับ 6 เหลื่อมเข้าไปหาระดับ 7 จะไปทำงานในสังคม ต่อไปจะถือว่าอาตมาพูดนี้เป็นคำพยากรณ์ก็ได้ และคนเหล่านี้ออกมาทำ จะมาแสดงตัวออกมาทำงานจริงกับโลกกับสังคมกับมนุษยชาติ คนไทยก็มาทำในเมืองไทยของไทยนี่แหละจะมาแสดงความรู้ มาแสดงความจริงใจ มีความจริงเท่าไหร่ก็เอาความจริงมามีความรู้เท่าไหร่ก็เอาความรู้มาแสดง แสดงเพื่อประโยชน์ของประโยชน์ ไม่ใช่แสดงเพื่อตัวตนของตนเอง เหมือนอย่างอาตมาพาพวกเรามาประท้วงตั้งแต่กลุ่มเล็กๆออกมาประท้วงและก็แสดงตนแสดงตัวตนความรู้ความจริงกันออกมา “ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ” อะไรๆก็ไปถึงสุดก็คือมีความจริงเท่านั้นแหละชนะทุกสิ่งทั้งโลก เพราะฉะนั้นก็ไปแสดงความจริงออกมา ไปแสดงตัวตนออกมา ผ่านเหตุการณ์มา เป็นตัวอย่างที่ล้างลัทธิทักษิโนมิก สำเร็จจนกระทั่งบรรลุผลสำเร็จ อาตมาใช้คำนี้ก็แล้วกัน เป็นความสำเร็จบริบูรณ์แล้ว บริบูรณ์แล้ว ยังเหลือเศษอยู่ที่จะสัมบูรณ์ อีกบ้างเล็กน้อยเท่านั้นเอง บริบูรณ์นี้เป็น ปริ ปูรณะกับ สมะ ปูรณะ สมะปูรณะ สูงกว่า ปริปูรณะ แล้วก็มีคนที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ก็เริ่มต้นตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ทำหน้าที่ตามกฎหมายในขณะนั้น ออกมาทำหน้าที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาทำหน้าที่ นั่นคือออกมายึดอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งมีทั้งรูปและนาม เป็นรูปธรรมตามโลกเขา แต่นามเป็นของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งคนยังไม่รู้ หรือแม้แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังเป็นลิงลมอมข้าวพองก็ปรับตัวมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ก็แสดงตัวว่าเป็นนายกตัวจริง และมีทั้งนามธรรมตามที่เป็นพุทธธรรม เพราะคนไทยนี้มีพุทธธรรมเป็นแก่นแกนจริง เป็นประธานสิ่งทั้งปวงเป็นประธานจิตด้วย เป็นธรรมะโลกุตระนี่แหละ คนยังเข้าใจโลกุตรธรรมที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตรธรรมยังไม่ได้ แม้ทุกวันนี้อาตมาก็ยังพยายามอธิบายประชาธิปไตยโลกุตรธรรม แล้วก็ยืนยันประกอบอ้างอิง ทั้งหลักฐานพยัญชนะแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าพาเป็น แม้แต่บอกว่า “หมดตัวตน รับใช้ประชาชนโดยความซื่อสัตย์สุจริต” เป็นหลักเกณฑ์ที่ให้มาอ่านมายืนยันว่า ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจะรับใช้ประชาชนจริงๆ มีความรู้ความสามารถและก็ซื่อสัตย์ สามเส้าแรก พลเอกประยุทธ์มีพร้อมเลย เห็นไหม จึงผ่านมาได้ด้วยความจริง ธัมโมหะเวรักขติธรรมะจารี ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม มีธรรมะจริงก็เลยทำมาได้จริงๆและจะเป็นตัวอย่างที่มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุปัจจัย ทุกอย่างต้องมีเหตุปัจจัยเป็นอย่างนี้ต้องเป็นเช่นนี้ Born To Be แข่งวาสนาจะมาทำเป็นแข่งวาสนาอะไรกันไม่ได้นี่คือสำนวนเก่า แข่งเรือแข่งพายแข่งไม่ได้ แต่แข่งวาสนาแข่งไม่ได้ วาสนาคือสิ่งที่เป็นของตนเองสั่งสมมาตามบารมี เหมือนอย่างอาตมามาแข่งกับอาตมา อาตมาไม่แข่งกับใครหรอก อาตมาก็ทำของอาตมาไปเรื่อยๆ ส่วนใครจะแข่งกับอาตมาที่จริงควรแข่งแต่ไม่ต้องอวดดีแค่นั้น แข่งสิแข่งดีเหมือนอย่างอาตมาทำมาเรื่อยๆ ไม่ใช่มาตีรันฟันแทงอะไรกับอาตมา ทำดีมาให้มันดีเท่ากับอาตมาให้ได้ เพราะอาตมาทำมาเป็นตัวอย่างแล้ว นี่ภาษาไทยอธิบายละเอียดๆให้ฟังอย่าสับสน เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เป็นหลักฐานปรากฏการณ์จริงอะไรต่างๆเกิดในประเทศไทย เป็นแบบอย่างของความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งอาตมาได้ร่วมอยู่ในการทำงาน ตั้งแต่นำประท้วงมา ทำสำเร็จขึ้นมาเป็นรายทางมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นรัฐบาลมาจนถึงที่ว่า รัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์อะไรพวกนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เปลี่ยนมาแล้วมาเป็นของประชาชนพลเอกประยุทธ์แล้ว แต่เขาก็ยังไม่หมดสิ้นเยื่อใยทักษิณ เขาก็ยังจะพยายามอยู่อีก ทุกวันนี้นี่ถือว่าคลื่นของความเป็นประชาธิปไตยเก๊นี้ มันเป็น After Shock ปลายหางแล้ว คลื่นประชาธิปไตยเก๊ของทักษิณตอนนี้มีคลื่นอยู่เป็น After Shock ปลายหาง ฟังเข้าใจนะภาษานี้มันเป็น After Shock ปลายหางเป็นคลื่น และอาตมาเคยพูดว่าลัทธิทักษิโนมิค ทักษิณนี้อำมหิตจริงๆ “อำมหิตที่จะฆ่าลูกสาว” ขอใช้ภาษานี้ หรืออำมหิตครอบงำคนโง่ คนที่โง่หลงตามให้เขาครอบงำก็ อำมหิตจริงๆนะ ยอดอำมหิต ตนเองแม้แต่ลูกสาว ที่จริงมันซ้อนอยู่ว่ามันไม่ใช่มันเป็นเหตุที่เขาโง่หนักมากทักษิณ แต่เขาหลงว่าเขาฉลาดจริงๆ มันเป็นมายาและเขาเป็นตัวมายาโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ใช่สิริมหามายา เขาไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นตัวอย่างความเห็นแก่ตัวให้แก่โลกเห็นชัดๆ ว่าคนมันเป็นถึงขนาดนี้ได้นะ เหมือนกับมีเทวทัตในยุคพระพุทธเจ้า ปานฉะนั้น เลวร้าย กว่าเทวทัตด้วยเพราะยุคนี้เป็นยุคใกล้กลียุคแล้ว เลวร้ายกว่าเทวทัต เอาญาติโกโยติกามาฆ่าทางการเมือง เอามาฆ่าจนกระทั่งหมดแล้ว น้องเขยก็ไปแล้ว. น้องสาวก็ไปแล้วยังเหลือลูก เราก็จะไปบอกว่าไปแล้วก็ไม่ได้เพราะยังไม่เป็น Past perfect เขายัง continuing อยู่ เพราะฉะนั้นลูกคนเล็กก็ยังหลงบ้า ขอใช้คำนี้ว่ายังหลงบ้าว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ให้พ่ออำมหิต พ่อเป็นยอดอำมหิตจับมาเชิดอยู่ขณะนี้ นี่อาตมาพูดเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เรื่องเบาๆ เรื่องหนักๆใหญ่ๆ ใช่ไหม ไม่ใช่เรื่องเบา คนอาจจะมีความรู้เหมือนอย่างอาตมารู้อยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่กล้าพูดอย่างอาตมา คนที่เขาเข้าใจก็มีเข้าใจอย่างอาตมาแต่ไม่กล้าพูด อย่างเต็มปากเต็มคำ พูด ในสาธารณะอย่างนี้ ไม่ใช่อาตมาอวดเก่งแต่ถึงคราวถึงกาละสิ่งนี้ต้องพูด อาตมาไม่ได้สร้างไม่ได้วางแผนมาก่อนในการที่จะพูด มันถึงคราวถึงวาระ แม้แต่อาตมาเขียนไว้ก่อนก็ยังไม่ได้อ่านถึงอธิบายถึงตรงนี้เลย อันนี้เขียนก่อนไปตั้งหลายอาทิตย์แล้ว เขียนเป็นเดือนๆแล้วถึงเอามาพูด เพราะฉะนั้นการเมืองก็ยังมีตัวอย่างเข้าใจ กำลังมีตัวอย่างที่แท้จริงให้ลอกเลียนมา เพราะฉะนั้นภาษาที่บอกว่าประชาธิปไตยโลกุตตระนี้ ในโลกเขามีโลกียะอยู่ทั้งโลกเป็นเทวนิยมทั้งนั้น มีความรู้ประชาธิปไตยแบบโลกีย์กันอยู่ทั้งนั้น ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในประชาธิปไตยโลกุตระหรอก ที่นี้ในโลกยุค 2500 ปีนี้ ประชาธิปไตยโลกุตตระ ที่มีรากอยู่ในประเทศไทย มีรากเหง้ามีมูลกา จะเกิดเป็นตัวอย่างให้แก่โลก แม้ชาวไทยเองแท้ๆ ก็ไปเรียนการเมือง เรียนรัฐศาสตร์มาจากต่างประเทศใช่ไหม แล้วก็เอามาโลดแล่นทำงานการเมืองอยู่ในไทย มันก็ยังเป็นประชาธิปไตยโลกีย์ ตามตำราที่ในหลวง ร. 9 บอกว่า แล้วก็ปิดตำรา ปิดตำราแล้วก็เปิดตำราใหม่ ก็ให้เอาแบบคนจนเอาแบบก้าวหน้าอย่างมากไม่เอา ขาดทุนคือกำไรของเรา ท่านพูดไปในเชิงเศรษฐกิจ คนก็ยังเข้าใจยากอยู่ อาตมาก็ยังต้องมาขยายความและนำพาพวกเรานี้ให้จริง ให้เป็นตัวอย่าง อาตมาถึงยังไม่อยากตาย อยากจะนำพาพวกเราให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง มีคณะนักการเมืองเรียกว่าชาวอโศก ขึ้นไปแล้วก็ทำตามระบบเขานั่นแหละ ตามระบอบที่เขามีกฎหมายมีหลักเกณฑ์ก็ทำตามเขา เราไม่ทำผิดกฎหมายหรอก ทำไปตามนั้นแหละ แต่เราเอาแก่นเนื้อของความเป็นประชาธิปไตยหรือคุณธรรมนี้ เป็นประชาธิปไตยเนื้อแท้ของพระพุทธเจ้า ทำอันนี้ไปเลย เพราะฉะนั้นสรุปลงเบื้องต้นนี้ว่า เมืองไทยจะเป็นประชาธิปไตยโลกุตระในโลกขณะนี้ เพราะมีประชาชนคนไทยที่มี DNA ของศาสนาพุทธ ตั้งแต่สร้างประเทศไทยมาจนกระทั่งบัดนี้ เมื่อประเทศไทยถึงยุค ธรรมิกราช 2 องค์อุบัติขึ้นมาในยุคนี้ เป็นคนจริงๆ นี่ก็พูดไปแล้วมีในหลวงร. 9 กับอาตมานี่แหละ มาประพฤติโลกุตรธรรมขึ้นจริงๆเป็นปรากฏการณ์จริงเป็นฟีโนมินอล ตัวอย่างเจ้าเดียวนี่แหละ ศึกษาจากสังคมศาสตร์อันเป็นพฤติกรรมจริงของมนุษย์ที่เป็นได้ ศึกษาจากรัฐศาสตร์อันเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่เป็นจริงในไทยก็ได้ แม้แต่ศึกษาจากเศรษฐศาสตร์ที่เป็นบุญนิยมที่เราพาทำนี้และเรียกศัพท์ว่าบุญนิยมว่าเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ฆ่ากิเลส เศรษฐศาสตร์ที่เป็นลัทธินิยม ism เป็น boonnism เป็นลัทธิที่ฆ่ากิเลสของตนเอง บุญนี้ชำระกิเลสของตนเอง เป็นนักฆ่ากิเลสของตัวเองไม่ไปยุ่งกับกิเลสของคนอื่น เป็นนักประหารมือสุดท้ายรองจากฌาน 4 เพราะฉะนั้นคนทางทุนนิยม คนทางโลกียะ คนทางเทวนิยม เขาก็ยังหหลงทุน หลงกำไรหลงสะสมกอบโกยเงินทองอำนาจบาตรใหญ่ของโลกีย์หมด มันก็เห็นตัวอย่างมีหลักฐานยืนยันทั้งนั้น คนไทยที่เราทำกันอยู่นี้ ผู้ที่มีภูมิปัญญาจริงๆศึกษาเถอะ จะเห็นจริง จะเข้าใจจริง ไม่ไอเลยนะวันนี้ต่ออีกหน่อยหนึ่ง แต่เอาความเหมาะสมควร เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าธรรมิกราช 2 องค์ ในหลวง ร. 9 ก็ทรงทำหน้าที่ของพระองค์ ยังไม่ปรินิพพานหรอก ในหลวงเป็นโพธิสัตว์ที่จะต้องต่อไปอีกอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วท่านก็สิ้นพระชนม์ไปก่อน อาตมานี้ทำหน้าที่ไก่ตัวพี่ ในยุคนี้อาตมาพูดว่าไก่ตัวพี่ เป็นไก่ตัวพี่จริงๆในยุคนี้ อาตมาไม่ได้พูดเล่น อาตมาประกาศตนว่า อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ที่จะนำพาโลกุตรธรรมนี่แหละ คืออาตมานี่มันพร้อมทั้งรูปทั้งนาม และพาไป ในหลวงท่านก็นำทำรูป ส่วนอาตมามาทำทั้งสองอย่างทั้งรูปทั้งนามให้ชาวพุทธนี้ นำพาชาวพุทธ ซึ่งที่จริงแล้วพุทธมันเสื่อมๆแต่ก็แน่นอน ผู้แสวงหาผู้ที่เป็นอาริยะที่จะต้องพากเพียรให้เจริญเป็นอารยธรรมมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี คนไทยที่อยากได้ของจริง เป็นคนแสวงหาที่จะได้ ธรรมะโลกุตตระจริงๆ สัมมาทิฏฐิจริงๆเขาก็จะ ค่อยๆ เห็น ตอนนี้พวกที่ขัดแย้งต่อต้านอาตมาก็เบาลงไป จนกระทั่งแม้แต่เอาหลักเกณฑ์ของโลกกฎหมายมาทำให้อาตมาแพ้ และอาตมาต้องแพ้และต้องถูกผู้พิพากษาลงโทษติดคุก หกเดือน แต่รอลงอาญา เมื่อหมดรอลงอาญา 2 ปีก็หมดสิ้น เราก็มาอยู่นอกคุก 2 ปีตามคำตัดสินกฎหมายแล้วก็จบแล้ว เถรสมาคมก็เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาเพราะเอาธรรมะมาสู้กับอาตมาเขาก็สู้ไม่ได้ เขาเอากฎหมายมาสู้ทั้งๆที่จริงนานาสังวาส เถรสมาคมทำอะไรอาตมาไม่ได้ อาตมาประกาศบอกแยกไปแล้ว มาฟ้องไม่ได้อธิกรณ์อาตมาไม่ได้นั่นแหละ เถรสมาคมไม่มีความรู้มาฟ้องอาตมาก็ละเมิดธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นอาบัติ ซึ่งอาตมาก็เคยแยกแยะไปแล้ว เพราะฉะนั้นสรุปเข้าหาเรื่องที่เรากำลังพูด เพราะฉะนั้นอาตมาก็มาเป็นธรรมิกราชที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์เอาไว้ใน อาณิสูตร ก็ยืนยันพิสูจน์กับอาตมาไปว่าอาตมาเป็นใครคนนั้นคนนี้จริงๆอย่างที่ว่าไหม เพราะฉะนั้นมันมีสภาพจริง มันมีอะไรอ้างอิงยืนยันหลักฐานตามพระไตรปิฎกหลักฐานคำสอนที่พูดตามๆกันมา เป็นตำนานก็มีหลักฐานในพระไตรปิฎกก็มี ตำนานก็มีที่ไม่ได้บันทึก ในพระไตรปิฎกก็มารวมกันหมดตรงกันหมด เอามายืนยัน และก็พิสูจน์จริงลงไปสิ อย่างในยุคนี้แหละ พวกคุณเป็นคนในยุคนี้ติดตามพิสูจน์จะได้ดูสิ่งที่จริงและที่ดีที่สุดในความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นในวงการศาสนาที่แม้แต่จะเสื่อมแล้ว เราก็พยายามที่จะพัฒนาขึ้น จากที่ไปหลงใหล คนที่หลงใหลก็ยังหลงใหลติดยึดอยู่ ยังไม่รู้ตัวก็ยังเยอะในวงการสงฆ์กระแสหลัก เอาเถอะ ก็ขอสรุปไว้ตรงนี้ก็แล้วกันว่า อย่างไรก็ตามประเทศไทยคือ ประเทศที่มีประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ไม่มีในตำราในต่างประเทศหรอก ไม่มี นอกจากตำราในประเทศไทยนี่แหละ แล้วตำราที่เป็นประชาธิปไตยโลกุตระนั้น อาตมาได้เขียนขึ้นมาเรียกมันว่าตำรารัฐศาสตร์ เขายังไม่รู้หรอกว่านี่คือ ตำรารัฐศาสตร์ที่แท้จริง เศรษฐศาสตร์ด้วยสังคมศาสตร์ด้วย แต่เขาจะไปแยกกันเอง ผู้รู้ต่อไปจะไปแยก รัฐศาสตร์เอาไปทางนี้อย่างโพธิรักษ์พูดรัฐศาสตร์แบบนี้ โพธิรักษ์พูดเศรษฐศาสตร์แบบนี้ โพธิรักษ์พูดสังคมศาสตร์แบบนี้ ต่อไปจะมีคนไปแยกเอง อาตมาก็พูดรวมๆไปทั้งหมดไม่ได้ไปพูดแยกกันทีเดียว ให้มันเกิดการสังเคราะห์สังขารกันไป เพราะฉะนั้นอาตมานี่แหละเป็นผู้เขียนตำรารัฐศาสตร์เอาไว้ตามประสาของอาตมา อ้าว.. พักยกวันนี้ไว้ก่อน อธิบายมาถึงหน้า 6 แล้ว ร่างไว้ถึงหน้า 13 ยังมีเวลาต่อไปอีก แม้งาน 88 ปี 8 เดือน 8 วัน จะหมดลงไปแล้วงาน แต่การบรรยายธรรมะอันเป็นโลกุตระ ก็ยังจะต้องอธิบายกันต่อไปอยู่ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็ติดตามฟัง เอาล่ะ ถึงตรงนี้อาตมาก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้…เจริญธรรมทุกคน Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin13 กุมภาพันธ์ 2023Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:660212 พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 2NextNext post:660215 ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024