660203 ชนะมารอย่าง ไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพาหุงฯ 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1rqPcuTOSErqd4TR8tkNwmTLd0lbOynSLHI_22H09Kqw/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1hIm6LAT31enFg8bFX96zzwyM-nfBAyD3/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/StJpT12-KgI
และ https://fb.watch/isL2Kkn_Ml/
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก เดือนนี้กุมภาพันธ์ เขาถือว่าเป็นเดือนแห่งความรัก ชาวอโศกเราก็มีผู้นำชื่อรัก เราจะฉลองในวันแห่งความรักของพ่อครู เราก็ต้องแสดงออกด้วยกรรมในการมาฟังธรรมในการลดละกิเลสของเราเป็นสำคัญอย่างยิ่ง แต่ที่จะเห็นได้ชัดก็คือมาฟังธรรมตั้งใจทำ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม เราอยู่แห่งหนตำบลไหนก็ตามเราก็ตั้งใจฟัง ไม่ว่าจะดูโทรศัพท์ดูโทรทัศน์อะไรก็แล้วแต่ตั้งใจฟังจะได้ประโยชน์ในการฟังธรรม พ่อครูบอกไว้ว่า ถ้าใครตั้งใจฟังธรรมของท่านแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสัมมาทิฏฐิ
พ่อครูอยู่ เราก็ได้รับฟังอย่างชัดเจนเหมือนอย่างที่เด็กคนหนึ่งเขาได้เขียนบันทึกฟังธรรมของหลวงปู่ เขาบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เขาได้คือการฟังธรรมหลวงปู่ทางโทรทัศน์สู้มาฟังธรรมแสดงสดไม่ได้ซึ่งเด็กเขาก็ยังได้ประโยชน์ในการฟังธรรม จะกล่าวไปใยถึงเราเป็นผู้ใหญ่ก็น่าจะได้ประโยชน์มากกว่าในการฟังธรรม
ที่บ้านราช เราก็พยายามแสดงความรักในการประหยัด เข้าโหมดประหยัด ประหยัดในการใช้น้ำมัน ประหยัดในการใช้ไฟฟ้า ถ้าวันจันทร์ถึงวันศุกร์ 9:00 น ถึง 22:00 น ราคาไฟจะ 5 บาทเศษๆ แต่ถ้า 4 ทุ่มถึง 9:00 น เช้าราคา 2 บาทเศษๆ เราควรจะใช้ไฟให้มากในช่วง 22:00 น ขึ้นไป แต่ในวันเสาร์วันอาทิตย์ก็ราคา 2 บาทเศษๆ เราก็มาเรียนรู้การประหยัดการใช้น้ำมัน เอารถเก่าๆโล๊ะออกไปบ้าง ใช้รถอย่างประหยัดและจำเป็นเท่าที่เราจะใช้
พ่อครู เคยให้โศลกธรรมไว้ว่า “สร้างงานจงประณีต สร้างจารีตจงประหยัด” คือชีวิตเราควรจะประหยัด พ่อครูก็เป็นผู้นำในการประหยัดให้เราเห็นไม่ว่าจะเป็นการใช้ปากกาใช้กระดาษ การกินการอยู่เสื้อผ้าอาภรณ์ ของใช้ เราก็ใช้อย่างประหยัด เราก็ต้องทำตามพ่อครูด้วยกัน ทำตามความรักในสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตัวเราเองและสังคมที่เราอยู่ เราก็มาฟังธรรมะจากพ่อครูกันต่อ
อโศก เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น
พ่อครูว่า… เจริญธรรมทุกคน บนหน้าเวทีเรานี่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ เต็ม แต่ละคนแต่ละคนได้พยายามทำ ซึ่งมีความเข้าใจด้วยปัญญาว่าอาหารโดยเฉพาะกสิกรรม พืชพันธุ์ธัญญาหาร เป็นหนึ่งในโลก เป็นในโลกไม่มีวิบากไม่มีกรรมวิบาก ไม่มีพิษไม่มีภัย เราก็ทำให้มันไม่มีสารพิษด้วย ไร้สารพิษ เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ไร้สารพิษ แต่ละวันแต่ละวันเวทีเราก็ประดับไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่มีสัตว์ ไม่มีปลา ไม่มีประมง ไม่มีปศุสัตว์
สัตว์เขาก็อยู่ของเขาตามยถากรรมของเขาอันเป็นวิบากของเขาไป พระพุทธเจ้าก็สอนไว้แต่คนเราไม่เชื่อไม่เข้าใจ เพราะใจเขาไปเชื่อ กิเลสที่ไปพาเป็นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสัตว์ รักมันบ้าง ชังมันบ้าง กินมันบ้าง มันก็เป็นวิบากไป
ผู้มีภูมิปัญญา มีความรู้จริงๆ ก็จึงได้คิด ก็งดก็หยุด งดหยุด ก็ได้อานิสงส์ในการงดการหยุด แน่นอน กรรมเป็นอันทำ ผู้ทำกรรมใดก็เป็นสิ่งที่เป็นของตนอันนั้น กรรมชั่วเป็นชั่ว กรรมดีเป็นดี กรรมถูกเป็นถูก กรรมผิดเป็นผิด กรรมที่เป็นการลดละวิบากลดละกิเลสมันก็เป็นกรรมที่ลด เป็นกรรมที่เพิ่มวิบากเพิ่มกิเลสมันก็เป็นกรรมที่มันเพิ่ม มันเป็นจริงทั้งนั้นเลย กรรมจึงเป็นสุดยอดประเสริฐ
กรรมเป็นของๆตน ตนเป็นทายาทของกรรมตนเอง เป็นมรดกกรรมตนเอง ไม่ผิดเพี้ยน ไม่บิดเบี้ยว ไม่มีใครแย่งของใครได้ แล้วเราก็ต้องรับถ่ายทอด กัมมโยนิ กรรมพันธุ เป็นสืบทอดเผ่าพันธุ์ของตนเอง ไม่มีใครสามารถแบ่งรับได้ ไม่ใช่ของปู่ย่าตายาย ของเราเองเราแบ่งให้ลูกให้หลานก็ไม่ได้ กรรมพันธุ เป็นของตนของตนเราต้องได้รับได้พึ่งได้พา กัมมปฏิสรโณ จะเป็นอย่างไร จะดูดจะผลักอย่างไรก็คือกรรมเป็นตัวบงการเป็นตัวชี้บ่ง เป็นตัวให้เราเป็นเราไปทั้งนั้น
กรรมยิ่งใหญ่ที่สุด กรรมยิ่งกว่าก๊อด กรรมยิ่งกว่าพระเจ้า กรรมมีสภาพเป็นปฏิกิริยาที่มีจริงในตัวบุคคลที่ยังไม่ตาย ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ยังไม่ตายเป็นที่สุดแห่งที่สุด แยกธาตุจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมไป กรรมเป็นเจ้าแห่งชีวิตของตนของตน ไม่มีใครมาเป็นเจ้าแห่งชีวิตของตนของตน นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันจริง
อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 ไต่ๆ ขึ้นไปหาระดับ 8 ขึ้นไปตามลำดับ ก็เอาความจริงมาเปิดเผยตลอดมา 50 กว่าปี ก็จะทำไปอีก พยายามลากสังขารไป พิสูจน์ยืนยันธรรมะพระพุทธเจ้าด้วย ทำประโยชน์แก่มนุษยชาติแก่โลกไปเรื่อยๆ สืบสานศาสนาพระพุทธเจ้าต่อไปอีกเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะพยายาม สัมมาวายามะ สัมมาสติยังเต็มที่ไป จะได้เท่าไหร่อาตมาก็ไม่รู้ล่ะ มีแต่ความพยายาม and the พยายาม Try and Try ไม่คอยใคร Wait for no Man ไปเรื่อย
นี่มันน่ากัด กรอบแน่นอน หวานจ๋อยเลย สดๆ (ชูแตงกวา) เรามีอาหารเป็นหนึ่งในโลก แม้จะมีเครื่องใช้ แม้จะมีเสื้อผ้า มีที่พักก็เป็นรองทั้งนั้น อาหารนี่เป็นหนึ่งจริงๆ
อาตมาได้ระดม ได้พยายาม ทำความเข้าใจกับพวกคนทั้งหลาย พวกเรานี่แหละเป็นสำคัญ ให้เอาชีวิตมาลงไปที่ มาช่วยกันเป็นกสิกร ใครอยู่หอคอยงาช้างอยู่ที่งานสูงงานเหินฟ้าไม่ติดดินอะไร ให้ลงมา ลงมาจนกระทั่งพอใจที่ยินดีที่จะเป็น นักกสิกรรม เป็นกสิกรแข็งขัน กระดูกสันหลังของชาติ ของโลกเลย กระดูกสันหลังของโลกเลยไม่ใช่ของชาติเท่านั้น มันช่วยชาติจริงๆ
อาตมาพูดไปแล้ว ถ้าประเทศไทยเรานี้มีพื้นดินเท่านี้แหละ แต่ละคนเข้าใจอันนี้แล้วปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เต็มที่ เป็นผลผลิต เป็นสินค้า อันยิ่งใหญ่ จะยิ่งใหญ่กว่าระเบิดปรมาณู จะยิ่งใหญ่กว่าปืนวิเศษ ที่เขาคิดมาฆ่ากัน ยิ่งใหญ่กว่าจริงๆเลย อาตมาอยากจะพิสูจน์อันนี้จริงๆ มาช่วยอาตมาพิสูจน์บ้างเถอะ ใครจะช่วยอาตมาพิสูจน์เรื่องนี้บ้าง บางคนยังไม่อยากยกมือเพราะไม่ค่อยชอบๆเท่าไหร่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ค่อยๆเข้าใจ อาตมาไม่ได้บังคับนะ ให้เกิดภูมิปัญญา ให้เกิดปฏิภาณของเราเอง เข้าใจ แล้วก็เต็มใจทำเแล้วมันดี ถ้าไม่เต็มใจทำแล้วมันก็อย่างนั้นแหละ
เราเน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น เน้นจริงให้ยิ่งกว่าแค่น เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง ไอ้นี่ก็ลึกซึ้ง
เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เอาเนื้อๆ ให้มากๆฟ่ามๆไม่เอา ให้เอาเนื้อๆ จากเนื้อออกมาเป็นเปลือกเป็นสะเก็ดอะไรข้างนอกไม่เน้น เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก เพราะฉะนั้นจะมีเปลือกนับได้เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านก็ ได้แก่นๆมา เน้นเนื้อให้เหนือกว่ามาก
เน้นลากแม้ยากกว่าแล่น แม้มันจะได้ช้า แต่ก็ต้องลากถูลู่ถูกัง แม้มันจะยากไม่ได้เร็ว ก็เอา จะลากก็ต้องลากกัน ไม่ได้เร็วก็พยายามพากเพียร ให้มันได้เนื้อก็แล้วกัน
เน้นจริงให้ยิงกว่าแค่น เข้าใจความแตกต่างระหว่างความจริงกับทำอย่างแค่นๆไหม ภาษาไทยทำอย่างแค่นๆทำอย่างเสียไม่ได้ ทำอย่างไม่เต็มใจนี่มันแค่น เอาให้จริงมีจริงเท่าไหร่เข้าใจให้ได้ถมใจลงไปเต็มที่ จิตตะ วิมังสา เอาเข้าไปเลย มีฉันทะ วิริยะ
จิตตะ อาตมาแปลว่า มีใจจริงเท่าไหร่โถมลงไปเต็มที่ มันเข้าหาเนื้อเลย วิมังสา คือเนื้ออย่างยิ่งเลย เข้าไปหาเนื้อหาแก่น
เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง 4 ประโยคนี้ เราสลักไว้ที่หินฟ้า ปฐมอโศก คือชุมชนอโศกแรกของชาวอโศกเรา อาตมารู้สึกสะดุดใจเรื่อง monolith หินแท่งยาวแท่งเดียวๆโดดๆของเขา มันเด่นดี ก็เลยเอาคำนี้มาตั้งเป็นคำไทยว่า หินฟ้า monolith แล้วก็สลัก 4 วรรคนี้ใส่เข้าไป เดี๋ยวนี้ก็หมองหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปปรับปรุงกัน หินมันก็ไม่ได้ก้อนใหญ่ ถ้าเป็นยุคนี้รับรองแผ่นใหญ่สลักเยอะเลยโตเลย เราจะทำที่บ้านราชนี้บ้างก็ได้ในอนาคต มีแกรนิตแผ่นใหญ่ๆอยู่ข้างหน้านี้ ตอนนี้กำลังทำภูเฮา จะเร่งให้เสร็จวันที่ 13 กุมภาพันธ์กันมั้ง ถ้านะ เร่งกันใหญ่เลย ดี ทำให้เสร็จ จะได้ฉลองกันบ้าง
นี่พืชพันธุ์ธัญญาณหารก็ส่งกันมาจากหลายที่ อาตมาว่าเป็นผลสำเร็จชาวอโศกตั้งใจทำกสิกรรมกัน มะเขือขาว มะเขือยาว มะเขือลูกกลมๆ มะเขือเทศเล็กๆ มะเขือเทศสีดา ดอกกะหล่ำปลี นี่มาจากดอนตาล ดอกกะหล่ำปลี แตงกวาของบ้านราชเอง เอามาโชว์ไป เราก็อวดสิ่งที่คิดว่าน่าอวด
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้นี่ อาตมาอยากจะพิสูจน์ พากันพิสูจน์ จริงๆนะอาตมามั่นใจว่ามันจะชนะอาวุธ พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เป็นอาหารของมนุษย์ มันจะชนะอาวุธในอนาคต มันจะเก่งฆ่าคนกับจะเก่งทำให้ชีวิตคนยืนยาวไปด้วยอาหาร ใครมันจะเก่งกว่ากัน ใครมันจะมีคุณค่าประโยชน์กว่ากัน ง่ายๆไม่เห็นยากตรงไหนเลย เด็กๆก็เข้าใจได้ ไม่ต้องเป็นผู้ใหญ่อะไรเลย
แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาทำอะไร อันนั้นมันเป็นกิเลสของเขา มันเป็นอวิชชาของเขา เขาก็ต้องทำตามอวิชชา ตามกิเลสของเขา เรารู้แล้ว เราจะชนะ
วันนี้มีคนถามมาเรื่องพาหุงฯ 8 อาตมาจะต้องมาตอบพาหุงฯ 8 ในวันนี้ ใน sms
SMS วันที่ 1 ก.พ. 2566
ปฏิบัติลัดคัดสั้น ต้องอ่านอาการ ลิงคิ นิมิต ในปัจจุบัน
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูเจ็บเท้าอาการดีขึ้นหรือยังคะ ลูกขอกราบรายงานถึงการปฏิบัติธรรมของแม่บ้าง แม่อายุ 87 ปี เมื่อวันที่ 31 มกราคม แม่ถามลูกว่า ลูกเคยสังเกตแม่ไหมว่า ตั้งแต่ปี 62 แม่มีอาการเศร้ามาตลอด ไม่อยากพูดกับใคร บางครั้งอยากร้องไห้ ครั้นเมื่อมาปฏิบัติธรรมกับพ่อครู แม้จะล้มลุกคลุกคลานมาตลอด พอมาถึงวันนี้แม่รู้สึกเบา จิตใจเบิกบานเห็นคนก็อยากพูดคุยทักทายด้วย กินข้าวได้ อาการเศร้าหายไป ลูกก็ตอบแม่ว่า เคยเห็นแม่มีอาการเศร้าบ่อยๆ และวันนี้ลูกเห็นแม่มีอาการเบาขึ้นมาก เหมือนลูกเลย และจะเห็นตัวเองในอดีตตกอยู่ในนรก ลูกกับแม่ต่างได้ข้อสรุปเป็นอย่างเดียวกันว่า เมื่อมาปฏิบัติธรรมตามพ่อครู กิเลสมีแต่จะคลายลงและพ้นทุกข์ ขอกราบขอบพระคุณพ่อครูเป็นอย่างสูงที่ช่วยแม่และลูกและสรรพสัตว์จำนวนมากให้พ้นทุกข์ หากไม่มีพ่อครู คนทั้งโลกจะไม่สามารถหาทางพ้นทุกข์ได้เลย
น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า… ก็ถ้าอาตมาจะสำนองคำที่คุณพูดมาอีกว่าถูกต้องจริงๆ ถ้าไม่มีอาตมาแล้ว คนจะพ้นทุกข์อาริยสัจ ตามที่พระพุทธเจ้าสอนต้องมีคำว่าอาริยสัจ คือทุกข์ที่เป็นสัจจะของคนฉลาด คนที่มีปฏิภาณปัญญาแท้จริงเป็นอาริยะ คนประเสริฐจริงๆ คนไม่ประเสริฐจริง ประเสริฐเก๊ ประเสริฐลำลองมีเยอะ คนประเสริฐจริง มีสัจจะอาริยะนั้นจะพ้นทุกข์จริง จะมีทุกข์ จะรู้จักทุกข์ที่จริงๆ เกิดจากเหตุปัจจัยอย่างโน้นอย่างนี้ ดับเหตุเสียได้ทุกอย่างก็ดับ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นคำสั้นๆง่ายๆอย่างนี้เราได้ยินมากันทั้งนั้น แล้วจริงที่สุด จึงจะต้องมาเรียน อาการ ลิงค นิมิต ตามคำสอนที่อาตมาพูดคือ อุเทส ฟังให้เข้าใจและไปจับนิมิต จับอาการที่จิตตลอดเป็น อาการอย่างนี้คือโกรธ อาการอย่างนี้คือโลภ อาการอย่างนี้คือกาม อาการอย่างนี้คือราคะ
อาการอย่างนี้คืออาการหนักๆแรงๆ อาการกลางๆ อาการเบาๆ มันมีเกิดที่จิต อ่าน เกิดจริงๆ เกิดสัมผัสจริง อย่าไปคิดเอาเท่านั้น คิดเอาเท่านั้นมันพอรู้ มันไม่พ้นทุกข์จริง จะจริงต้องมีผัสสะแล้วรีบอ่านอาการในขณะที่เกิดในปัจจุบันชาติขณะนั้น อ๋อ.. อาการจริงเป็นอย่างนี้ แล้วเราจะได้เห็นของจริง รู้ของจริง ถูกตัวตนจริง มันลัดคัดส้น concise จริงๆ มันจะตัดเร็ว แต่ไม่ใช่ไปลัดตัดตอนนะ ไม่ใช่ตัดลำดับ แต่มันจะเข้าถึงเนื้อแท้เร็ว ไม่งั้นเราก็ขี่ม้ารอบค่าย นาน นี่ คนสอนกันมันจะมีอะไรไม่เข้าเป้า อันนี้เป็นตัวมุ่งเป้าที่แท้เลย หัดเอาที่อาตมาพูดนี้ดีๆ แล้วไปฝึกให้ตรง ดี เข้าใจ
แล้วจะได้เข้าใจไปเรื่อยๆ อาตมามั่นใจว่าชาวอโศกนี้จะเป็นตัวอย่างของโลก ที่ปฏิบัติธรรมได้อาริยสัจจะ เป็นโลกุตรธรรมที่เป็นของพระพุทธเจ้า
ของพระพุทธเจ้าสมณะโคดมหรือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เหมือนกันหมด ซึ่งสอนเอาไว้แล้ว มันเสื่อมไปหมดแล้ว อาตมาพากอบกู้ขึ้นมาสำเร็จแล้ว อาตมามั่นใจว่าพวกเราได้ผลสำเร็จมีอาริยะ มีอรหันต์ บรรลุอรหันต์กันไป อนาคามี สกิทาคามี โสดาบัน
นี่พวกคุณ อาตมาเชื่อว่าพวกคุณเชื่อว่าตัวเองเป็นโสดาบันขึ้นไปหรือยัง …เชื่อ เชื่อว่าตัวเองเป็นสะกิทาคามีหรือยัง …น้อยลง เชื่อว่าตัวเองเป็นอนาคามีหรือยัง …น้อยลง เชื่อว่าตัวเองเป็นอรหันต์หรือยัง ….
โยมว่า…เป็นอรหันต์ได้บางเรื่อง
พ่อครูว่า… เห็นไหม ชัดเจน เข้าใจตอบ คนที่ยังมั่นใจก็ไม่กล้า คือเราไม่อยากอวดดี กลัวผิดตอบผิดเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม มันไม่ค่อยดีมันเสีย เราก็เข้าใจว่ากิเลสอยากอวดมันไม่จริง กรรมเป็นอันทำเรารู้กรรมเป็นอันทำ ทำแล้วเป็นของเราทำแล้วเป็นจริง เรื่องอะไรถ้าไม่แน่ใจอย่าไปพูดซับซ้อน ถ้ามันเป็นจริงแล้วแม้เราไม่ไปรับว่าเป็นจริง มันก็ไม่เป็นไรนี่ กรรมมันเป็นได้จริงแล้วมันก็ได้ ไม่ใช่เรายังไม่แน่ชัด เราแน่ชัดใช่เลยเราก็บอกไปไม่เสียหายอะไร
_กิตติมา เอกมาไพศาล · รายการพุทธศาสนาตามภูมิเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาสัญญาณถ่ายทอดไม่ดีเลยค่ะ สะดุดเกือบทั้งรายการ
เอาประโยชน์ให้ได้ โดยไม่ยึดทั้งสายศรัทธาหรือปัญญา
_ตุ๊ก อัศวิน · เคยฟังว่า..สายมหายาน..ถือท่านพระมหากัสสปะ เป็นพระเถระองค์สำคัญ เทียบเท่า พระพุทธเจ้า เหตุเพราะพระพุทธเจ้าทรงให้จีวรที่ใช้แล้วของพระองค์ แก่ พระมหากัสสปะ เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… มหายานมีความหลากหลายมาก อาตมาได้ยินมาว่ามหายานนี้ ชอบพระสารีบุตรมากกว่าใคร เพราะเขาสายปัญญา มหายานเป็นพุทธิจริต เขาสายปัญญา เขาจะเข้าใจอะไรได้หรือเปล่า เขาชอบพระสารีบุตรมาก พระกัสสปะเป็นสายศรัทธา 100% โอ้โหหนักเลยนะมหากัสสปะนี้ เถรวาทแท้ๆเลย ไม่มีมหายานเลยเป็นหินยาน 100% ซึ่งตามประวัติศึกษาดู อาตมาจะไม่ลงรายละเอียด
ก็เป็นความคิดของแต่ละคนที่โน้มไปตามที่ตัวเองถนัดตามที่ตัวเองเข้าใจ เพราะฉะนั้นมันจะค่อยๆยึดอันนี้ แล้วก็คลาย ยึดแล้วก็ปล่อยยึด แล้วก็คลายสลับกันไปสลับกันมา หยุดแล้วก็คลาย เมื่อยึดแล้วศึกษาได้ผลก็จะอ๋อรู้แล้วก็เพิ่มใหม่ สลับกันอยู่ 2 สภาพ ศรัทธากับปัญญา ศรัทธากับปัญญา เป็นศรัทธาจริตกับปัญญาจริตหรือเรียกเต็มๆว่าพุทธิจริต จะสลับกันไปสลับกันมาไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น เราจะเป็นตระกูลศรัทธาก็ตาม เราจะเป็นตระกูลปัญญาก็ตามก็ต้องเข้าไปหาศรัทธาเข้าไปหาเนื้ออย่าเอาแต่ฟุ้งในความฉลาด ต้องเข้าไปหาความจริงแก่นแท้ด้วย นี่ต้องเข้าใจ 2 อย่างว่ามันแตกต่างกันอย่างไรและพากเพียรเอา
พาหุงฯ 8 โดยเนื้อแท้นามรูป
_กิตติมา เอกมาไพศาล · อยากให้พ่อครูเทศน์เกี่ยวกับบทสวดพาหุง ว่านำมาใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์อะไรได้บ้างเจ้าคะ
พ่อครูว่า… เป็นคำแต่งขึ้นใหม่เรียกว่าประนามคาถา เอาเรื่องของพระพุทธเจ้าที่ผ่านมา มาแต่งขึ้นเป็นคำยกย่องชมเชยด้วยว่า ประนามคาถา ซึ่งเอามาสวดเป็นหมู่สวดชมเชยพระพุทธเจ้าเป็นหมู่ต่อหน้าสาธารณะ ต่อหน้าอนุปสัมบัน ต่อหน้าใครก็ได้ได้ยินได้ฟังไม่อาบัติ เพราะเป็นประนามคาถา ไม่ใช่ธรรมบท
อันนี้อยู่ในวินัยเลยมุสาวาทวรรคข้อที่ 4 แต่เขาเพี้ยนแล้วเข้าใจไม่ได้ ก็เลยทำเลยเถิด อาบัติไป ทุกวันนี้สวดมนต์กันเป็นหมู่ๆ ดีไม่ดีไปสวดกันเป็นล้านคนต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งคือความเสื่อมของความจริงมันเสื่อมไปจริง มันไม่รู้มันไม่ประสีประ แล้วทำไปโดยโง่ๆผิดๆมันก็เลยยิ่งทำให้ศาสนาพุทธเพี้ยนกันไปใหญ่
ศาสนาพุทธไม่ใช่เป็นศาสนาอวดอ้างการสวด อาตมาขอสรุปลงไปว่าพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตในธรรมวินัย ในวินัยข้อ 20 ข้อ 21
ท่านสรุปไว้ในข้อ 20 ว่าห้าม ห้ามนะ มันมีห้ามกับอนุญาต ห้าม ไม่ให้สวดลากเสียงอันยาว ไม่ให้สวดเป็นคีตะเป็นเพลง มีทำนองไม่ได้ ลากเสียงอันยาวยังไม่ได้เลย เป็นเพลงเป็นคีตะก็ไม่ได้ นี่คือวินัยข้อ 20 ไปเปิดดูเลย ในพระไตรปิฎกวินัยข้อ 20
อันนั้นห้ามนะไม่ให้ทำ แต่ทำกันอยู่ทั้งนั้นลากเสียงอันยาว ยาวคืออย่างไร ก็ลากมันยาวเกินจริง อะ มันก็สั้นๆ อา มันก็ยาวหน่อย นะโม มันก็ยาว โมะ มันก็สั้น
นาาาาาา โมมมมมมม ตัสสสสสส สะะะะะ ภะะะะะะ คะะะะะวะโต จะยาวไปถึงไหนให้มันลงเสียงตามที่ยาวสั้นพอสมควร ไม่ใช่ลากยาวไปเกินขอบเขต นั่นมันเป็นอาบัตินั่นมันผิด ก็ท่านห้ามไว้แล้ว ลากเสียงอันยาวเกิน รัสสระ ทีฆสระ เป็นอาบัติตามจริงที่ทำจริง ทำมากเกินจริงก็อาบัติมากเท่านั้น ถ้ามันถูกต้องมันก็ถูกต้อง มันไม่ถูกต้องมันผิดนิดน้อยก็อาบัตินิดน้อย ลากไปยาวเกิน ดีไม่ดีเล่นจังหวะฮาร์ดร็อคเลย สวดอะไรต่ออะไร หรือว่าเล่นลากเสียงลูกคอ 7 ชั้น 8 ชั้นเลย มันก็ได้บาป
สวดเป็นหมู่ต่อหน้าธารกำนัลก็อาบัติ เอามาสวดลากเสียงอันยาวก็อาบัติ ร้องเป็นเพลงเป็นหมู่ เรียก choir อ่านว่า ควายเออร์ คือนักร้องหมู่ ดีไม่ดีนักร้องที่เป็นเสียงไปด้วยกันเมโลดี้ตัวเดียวกันหรือเป็นคอร์ดเลย มีการประสานเสียงแทรกเสียงผสมแต่เสียง เหมือนคณะเทวนิยมศาสนาอื่นๆ เขามีหมู่ choir อยู่ในโบสถ์ร้องสวดต่อหน้าคนนั่นแหละ ไปเอาอย่างเขาทำไมเล่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ทำแบบนั้น ทำให้เป็นการสวดอวดสวดอ้าง ดีไม่ดีสวดทำมาหากินอย่างที่พุทธทำ เอาไปสวดหากินได้เงิน
ถ้าเป็นงานที่เขานิมนต์ไปที่ไหนก็ไปสวดใช่ไหม แล้วก็ได้เงิน ได้กินข้าว เขามาถวายอาหาร ได้ฉันอาหาร เสร็จแล้วก็ถวายเงินมา หรือมีอะไรเป็นของชำร่วย ซึ่งเป็นเรื่องใช้การสวดมนต์เป็นเครื่องมือหากิน น่าอายมาก
เข้าหาเนื้อหา 8 ข้อของพาหุงฯ
ข้อ 1. เมื่อพญามาร, ผู้เนรมิตแขนถึงพัน ถืออาวุธครบมือ
ขี่ช้างครีเมฆ พร้อมด้วยกองทัพมาร กึกก้องน่ากลัวเข้ามาประจัญ
พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยธรรมวิธี มีการให้,การสละ, เป็นต้น
พ่อครูว่า… ก็หมายความว่า พวกที่เป็นนักล่า เป็นจตุมหาราช เป็นพวกที่ใช้กำลังใช้อาวุธดุเดือด ร้ายกาจเป็นมาร คนผู้อวิชชาทุกคนล้วนมีความโลภหนัก แล้วก็คว้า จะคว้าเอามาให้ตน ก็จะแย่งอย่างชาวโลก แข่งกันใช้อาวุธเข่นฆ่าเจ้านั้นเจ้านี้ ซึ่งเป็นบาปเป็นเวรเป็นวิบากซับซ้อน เขาไม่รู้ เขาจะเอาชนะ เขาจะเป็นใหญ่ สงครามขณะนี้ก็ยังมีในประเทศ ขณะนี้ยูเครนกำลังดัง รัสเซียกับยูเครน อย่างนี้เป็นต้น . ดียังมีคนกลัวว่ามันจะกลายเป็นการสร้างอำนาจกัน เสร็จแล้วก็จะเข้าข้างนั้นข้างนี้ ดีไม่ดีมารวมหัวกันช่วยกันกลายเป็นสงครามโลก เขาก็กลัวจะมีสงครามโลก
ซึ่งอาตมามายุคนี้แล้วมันพอมีความปฏิภาณมีความฉลาด ไม่อยากจะใช้คำว่าปัญญา มันยังไม่ถึงปัญญา แต่มันก็ฉลาดพอที่จะรู้ภัยรู้โทษ ถ้ามันเกิดสงครามแล้วมันฉิบหายนะ เพราะทุกคนมีปรมาณูเอาไว้คนละไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ต่างคนต่างกดพร้อมกันหมดเลย โลกแตกเลย แตกจริงๆนะ โลกแตกเลย แล้วเขาจะไปอยู่ไหน ตายหมด มันเก่งด้วยกันทั้งคู่แล้วมันก็เร็วด้วยกันทั้งคู่
ซึ่งอาตมาเคยสมมุติว่า คนแม่นปืน 2 คน ยืนหันหลังชนกัน แล้วก็เดินตรงไป กรรมการเป่าปรี๊ด มันหันหน้ามายิงกันเลย พอกรรมการเป่าปรี๊ด มันหันหน้ามายิงกันแม่นทั้งคู่เลยเป็นไง ตายทั้งคู่ เพราะกดไกเท่ากันพร้อมกัน ลูกกระสุนก็ออกไปกว่าจะถึงแต่ละคนแม่นทั้งคู่ กระสุนก็ถูกถึงตัว 2 คนนั้นทั้งคู่ ตายทั้งคู่
ถ้าเข้าใจที่อาตมาอธิบาย อย่าเลยเรื่องมาฆ่ากัน เลิกได้แล้ว เอาพลังงานมาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้อุดมสมบูรณ์ในโลก แม้จะคนเป็นภูมิประเทศที่ปลูกยากก็เอาเถอะทำเท่าที่ได้ คุณจะไปทำอุตสาหกรรมก็ทำอุตสาหกรรมเครื่องใช้ที่เป็นประโยชน์สิ จะไปสร้างอาวุธทำไม มันสามานย์ อะไรนะ “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” สร้างอาวุธมาเข่นมาฆ่ากัน นี่ก็พูดความจริงสั้นๆเอาไว้อย่างนี้
ก็คิดว่าคนจะค่อยๆตื่นรู้ มีภูมิมีปฏิภาณปัญญาขึ้นมาบ้าง แล้วมันจะแก้ไขปรับปรุงขึ้น เพราะคนเราปรารถนาความจริงที่มันเจริญแท้ ไม่ใช่ไปทำวิบาก ไม่ใช่ไปทำความเสื่อมความเลวอันนี้ มันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ข้อที่ 1 นี้พญามารทั้งหลายจะเข่นฆ่ากัน พระพุทธเจ้าสู้ด้วยการให้การสละ เขาจะฆ่าก็ฆ่า เขาจะทำลายก็ทำลายมันเป็นวิบากของเขา เราหนีไม่รอดเอาเรารักษาตัวไม่รอดไม่พ้นเราก็ตาย ตายก็ยอมตาย ถ้าเราเป็นโพธิสัตว์ เป็นอรหันต์ เป็นผู้ที่มีคุณความรู้แล้ว ตายแล้วเกิดมาอีก มันก็มีแต่เจริญไม่ได้ตกต่ำเลย คนฆ่าสิต่ำ คนไปฆ่าผู้อื่นนั้นต่ำ คนที่ถูกฆ่าไม่ได้ต่ำลงหรอก คนที่ถูกฆ่าไม่ได้ต่ำลง นี่ก็เป็นสัจจะที่ต้องฟังดีๆเข้าใจดีๆ
เพราะฉะนั้นจะไปฆ่าเขาให้มันเสื่อม ให้มันต่ำ ให้มันเลวหนักเข้าไปทำไม มันเป็นวิบากจริงๆ แล้วก็สร้างวิบากให้แก่ตัวเอง ชาติต่อๆไปก็ยิ่งหนักใหญ่ นี่มันไม่รู้ มันอวิชชาก็ทำใส่ตนเองแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็สละแม้แต่ชีวิตก็สละ ไม่ต้องไปติดยึดอะไรใครอยากฆ่าแกงก็ทำ เราทำอะไรให้เขาอยู่เขากินเขาเลี้ยงชีวิตได้เลย
ข้อ 2. เมื่ออาฬวกยักษ์, มีจิตกระด้าง น่ากลัว,
ปราศจากความอดทน มีฤทธิ์ยิ่งกว่าพญามาร เข้ามากระทำยุทธ์อยู่ตลอดคืน
พระจอมมุนี ทรงชำนะด้วยวิธีทรมานอันดี คือ ขันติ
พ่อครูว่า… ก็คือคนนี่แหละที่มีจิตกระด้างน่ากลัว ไม่มีความอดทน มีพลังอะไร พลังไม่อดทน อดทนมันมีพลังน้อย แต่มันมีพลังใหญ่คือพลังงานไม่อดทน อาฬวกยักษ์ เป็นยักษ์แต่ไม่มีความอดทน พระพุทธเจ้าก็สอนให้อดทน ให้ชนะด้วยขันติอย่างไรก็ฝึกเข้าไป ฝึกฝนความอดทนเอาทนเอา สายศรัทธาก็ต้องใช้พวกนี้ สายปัญญาก็ต้องใช้ด้วยก็ต้องทนเอา แม้จะตายขาดใจพร้อมกับความอดทนนี้ก็เอา มันอดทนจนขาดใจ ทนความอดทนไม่ได้ตายก็ตายไปด้วยความอดทนก็ให้มันรู้กันไป นั่นก็ต้องอธิบายอย่างนี้ไม่ต้องอธิบายยากอะไร อดทนไปสิจะตายเพราะความอดทนก็ไม่ได้เสียหายอะไร ข้อสำคัญเราอดทนเรื่องอะไร อดทนเรื่องเจริญเรื่องดี เรื่องไม่มีอัตตา เรื่องละอัตตา มันก็ดี เรื่องมีอัตตา เรื่องเพิ่มในสิ่งที่เป็นโลภโกรธหลงให้แก่ตัวเอง ไปอดทนทำไม อดทนเรื่องละโลภ โกรธ หลง เออ อดทนเข้าไปเถอะ
ต่อมา ข้อ 3. เมื่อนาฬาคิรี, ช้างตัวประเสริฐ ซึ่งกำลังเมามันยิ่ง
แสนจะร้ายกาจ, วิ่งมาประดุจไฟป่า, จักราวุธ, และสายฟ้า
พระจอมมุนี ทรงชำนะด้วยวิธีรดลงด้วยน้ำ คือพระเมตตา
พ่อครูว่า… เป็นผู้หวังร้ายในระดับหัวหน้าเลยนะ เป็นผู้เก่งกาจมาก หน้ามืด พวกนี้หน้ามืดตาบอดทั้งนั้น ด้วยความมุ่งร้าย มุ่งร้ายแก่เรา
เพราะฉะนั้น แม้เขาจะร้ายกาจมา เขาจะมุ่งร้ายทำร้ายอย่างไรปานใดๆ เราก็อย่าไปร้ายตอบ อย่าไปร้ายตอบ ทำใจให้เมตตา เห็นใจเขาว่าเขาไม่รู้ เขาอวิชชาหน้ามืดตาบอด เขาก็ทำ ที่เขามีกิเลสอย่างนั้น เราก็เข้าใจเมตตาใจเย็น เมตตาเขาให้ยิ่งๆเข้าไป สุดท้ายอย่างเก่ง เขาก็ฆ่าเรา เอ้า ฆ่าก็ฆ่า เรายอมแพ้ แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง การตายการเกิดไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยในชีวิตมนุษย์เลย เราเกิดตายมาไม่รู้กี่ล้านชาติ ตายชาตินี้ ชาติหน้าเกิดมาเจริญ เราไม่ได้หยุด แล้วเราจะมาบำเพ็ญต่อมีแต่เจริญกับเจริญ จนกว่าคุณจะเป็นอรหันต์ และคุณก็สามารถสลาย สูญไปเลยได้ คุณก็ทำ หรือไม่ทำคุณจะต่อโพธิสัตว์อีก พ่อท่านสอนอธิบายมาหมดแล้ว ก็ทำเอาตามที่ว่านี้
ข้อ 4. เมื่อองคุลีมาล, ผู้แสนร้ายกาจมีฝีมือ
ถือดาบเงื้อง่า, วิ่งไล่ตามสิ้นทางสามโยชน์
พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยความเก่ง
ในการปรุงแต่งจิตอย่างยิ่ง
พ่อครูว่า… องคุลีมาลถูกอาจารย์สอนให้บอกว่า ถ้าไปฆ่าคนมาครบ 1,000 คนจะสอนวิชาที่สุดยอดให้ องคุลีมาลก็หลง ไปฆ่าคน ได้ 999 คนเหลือคนที่ 1,000 เป็นคนสุดท้าย พระพุทธเจ้าก็เห็นว่า องคุลีมาลจะทำอนันตริยกรรม เพราะคนที่ 1,000 คือ แม่ตัวเอง เดินมาเจอแม่ จะฆ่าแม่ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ตายๆๆๆ มันต้องช่วยไว้แล้ว พระพุทธเจ้าก็เลยจะต้องมาช่วย มาห้าม อย่างที่เราก็เคยได้ยินแล้วตามเรื่องราวที่เล่ากันมา มาห้าม เดินห้ามเลย
องคุลีมาลเห็นแล้วก็บอกว่า ไอ้นี่มาขวางทางได้ไงพระรูปนี้ พระรูปนี้มาขวางทาง ก็ตะโกนเรียก เอาล่ะวะ พระรูปนี้มาขวางทาง ไม่ทันฆ่าแม่ ก็ฆ่าพระรูปนี้ล่ะวะ เงื้อง่า จะฆ่า องคุลีมาลตามไม่ทัน วิ่งไล่ตามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เดินไปตามธรรมดา แต่อิทธิฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า มันเร็ว องคุลีมาลวิ่งตามอย่างไร ก็ไม่ทัน ทั้งที่พระพุทธเจ้าท่านแค่เดินนะ แต่องคุลิมาลวิ่งไปใหญ่เลย เฮ้ย ทำไมไม่ทัน ก็เลยตะโกนบอกว่า พระหยุดก่อน พระหยุดก่อน ตามไม่ทันก็เลยบอกว่าให้พระหยุดก่อน จะได้ฟัน
องคุลีมาลนี้ จะโง่หรือฉลาดก็ไม่รู้ พระหยุดก่อน พระหยุดก่อน พระพุทธเจ้าก็เลยตอบไปว่า เราหยุดแล้ว แต่เธอสิ ยังไม่หยุด เท่านั้นแหละปฏิภาณปัญญาขององคุลีมาลซึ่งไม่ใช่คนโง่ ที่จริงเป็นคนฉลาด โอ้…เราจะหยุดฆ่า เราจะหยุดทำร้าย ตายๆๆๆ ท่านหยุดแล้วซึ่งอาวุธทั้งหลาย ซึ่งการฆ่าทั้งหลาย แต่เรายังโง่ เรายังจะฆ่าหรือนี่ (ปฏิภาณปัญญาขององค์คุลีมาลเกิดปุ๊บขึ้นมา) ตาย… ก้มลงกราบ แล้วพระพุทธเจ้าก็เลยบวชให้ เป็นอรหันต์เลย เพราะมันถึงบุญ ถึงวาระสุดท้าย ถึงบารมีรอบถ้วน เป็นประวัติขององคุลีมาลเอง เป็นวิบาก เป็นประวัติ ซึ่งไม่มีใครลอกเลียนได้ง่ายๆ มันของใครของมัน กรรมของใครของมัน มันก็เป็นวิบากของท่าน ก็เป็นเช่นนั้น อย่างนี้เป็นต้น
ข้อ 5. เมื่อนางจิญจมาณวิกา กล่าวร้ายในหมู่ชน
ทำอาการประหนึ่ง ว่ามีครรภ์ โดยเอาผ้าห่อไม้ทรงกลม ผูกเข้าที่ท้อง
พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยวิธีสงบนิ่ง แจ่มใสดังจันทร์เพ็ญ
พ่อครูว่า… ผู้หญิงตอแหล ขออภัยพูดชัดๆ โกหกสับปรับ หาว่าตั้งครรภ์กับพระพุทธเจ้า โอ้ย จะได้พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ว่ากระไร แล้วก็เปิดเผยภาษาไปสั้นๆ มีแต่เธอกับเรา 2 คน จะรู้ความจริงกัน เพราะความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ไปละเมิดอะไร แต่ว่านางจิญจมาณวิกาไปเที่ยวหลอกโลกเขาว่าตัวเองท้องกับพระพุทธเจ้า ก็พระพุทธเจ้าท่านรู้ว่า ท่านไม่ได้ไปทำอะไรนางจิญจมาณวิกามาหลอก เท่านั้นแหละความจริงมันก็เปิดเผยมา ไอ้สิ่งที่ยัดเอาไว้เอาไปทำพุงให้โต ที่จริงไม่ได้ท้องจริงหรอก ไม้ที่อยู่ในท้องก็หลุดออกมา นางจิญจมาณวิกาก็เลยถูกคนขว้างให้ตายไปเลย นี่คือตัวเรื่องของความโกหก โกหกใครไม่โกหกแล้วไปใส่ความพระพุทธเจ้า
ให้วิบากที่จะต้องถูกฆ่าตายถูกคนเขาจัดการ มันเป็นสัจจะที่คนที่ทำกรรมร้ายขนาดนี้ คุณก็ได้รับวิบากขนาดนี้ พระพุทธเจ้าก็ได้แต่สงสารไป
ข้อ 6. เมื่อสัจจกนิครนถ์ ผู้ไม่รักษาสัจจะ
ชอบยกวาทะของตนเป็นยอด
มุ่งจะมาโต้วาทะ ด้วยจิตที่ปิดมืดมนยิ่ง
พระจอมมุนี, ทรงชำนะโดย ทรงจุดประทีปคือ
ปัญญาขึ้นส่องให้เห็นความจริง
พ่อครูว่า… ก็คือผู้โกหกมดเท็จนี่แหละ แล้วเก่งด้วยนะ เก่งไม่รักษาสัจจะเลย เหมือนทักษิณ มุ่งจะมาโต้วาทะนี่แหละ เหมือนกันเลย แต่ติดโง่ มืดมนยิ่ง พระพุทธเจ้าก็ไม่มีทางอื่นที่จะช่วยหรอก นอกจากจะให้เขาฉลาดที่เป็นปัญญา ไม่ใช่ไปฉลาดเฉโก ฉลาดแกมโกง หน้ามืด ตาบอด เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเอง เห็นแต่ลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจบาตรใหญ่ของตัวเอง ฉลาดแบบนั้นมันไปไม่รอด พระพุทธเจ้าท่านก็พยายามให้เข้าใจด้วยปัญญา ด้วยความฉลาดที่เสียสละ เป็นปัญญาที่เห็นแก่ผู้อื่น ละตัวตน ก็อธิบายคร่าวๆ ได้ประมาณนี้ก่อน
ข้อ 7. เมื่อนันโทปนันทนาคราช, ซึ่งรู้มีฤทธิ์มาก
ถูกพระบุตรนาคใหญ่ปราบ (พระโมคคัลลานะ)
เพราะได้รับคำแนะนำมานั้น ทรงชำนะด้วย การตรัสแสดงวิธีอันเก่ง
พ่อครูว่า… ตอนนี้ก็ นันโทปนันทนาคราช มีฤทธิ์มมาก เป็นบุตรนาคใหญ่ เปรียบเหมือนสายศรัทธา ได้รับคำแนะนำจากผู้ที่ไปยุแหย่มา แล้วก็จะมาทำร้าย จะมาทำชั่ว จะมาทำไม่ดีทั้งหลายแหล่นั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านก็สุดทางที่จะแก้ไขเขานอกจากจะตรัส จะพูด จะบรรยายวิธีอันดีงาม อันเก่ง พยายามที่จะทำให้เขาเข้าใจ พูดให้เขาเข้าใจ อธิบาย สาธยาย ยืนยัน ยกตัวอย่างอ้างอิง ให้ได้เห็นจริงให้ได้ ทุกอย่างมาแต่เหตุ ดับเหตุเสียทุกอย่างก็ดับ
เพราะฉะนั้นต้องดูเหตุของตัวเองว่าตัวเองมุ่งหมายอะไร แค่มาฆ่าคน ก็เป็นการทำร้าย ฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็เป็นอนันตริยกรรมแล้ว ฆ่าพระอรหันต์ก็เป็นอนันตริยกรรม นี่จะมาฆ่าพระพุทธเจ้า โอ๊ย แล้วมันจะอภิมหาบรมอนันตริยกรรมอย่างไร แค่ทำให้พระบาทห้อเลือดก็เป็นอนันตริยกรรมแล้ว จะมาฆ่าพระพุทธเจ้าอีก ตายๆๆๆๆ
คุณจะนรกออกจากนรกได้อย่างไร คุณก็ตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกาล ตายๆ พระพุทธเจ้าก็เตือนสติให้ได้เข้าใจ สาธยายให้ชัดเจน ก็ จนกระทั่งสุดท้ายจะทำได้ก็ทำ แต่พระพุทธเจ้าท่านมีบารมีก็ไม่ถึงขั้นที่จะต้องโดนฆ่าหรอก แม้แต่ผู้ที่มีบารมีพอสมควรก็จะไม่ถูกใครทำร้ายฆ่าตายในชาติแต่ละชาติ จะไม่ตายด้วยการถูกฆ่า
อย่างอาตมาก็เคยพูดแต่ไม่ได้ท้าทายนะ ในชีวิตนี้อายุมาป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยถูกใครเตะใครถีบ อย่าว่าแต่ฆ่าเลย มีแต่คนโยนแก๊สน้ำตา โอ้โหแสบ ขนาดหนัก ขออภัยนะ อาตมาไม่ได้ว่านะ ไอ้คนที่โยนแก๊สน้ำตามาใส่อาตมา จะได้รับวิบากไปขนาดไหนก็ยังไม่รู้ล่ะ เขาก็ต้องเป็นวิบากของเขา เขาทำ เราไม่ได้มุ่งร้ายอะไรเลยนะ เราเพียงแต่ออกไปบอกว่า ให้พอเถอะ หยุดเถอะ จะไประงับสิ่งที่ไม่ดี จะไปฆ่าแกงทำไม คนไทยด้วยกัน อาตมาก็เจตนาดี เดินเข้าไปไม่ไหวก็แสบ หายใจก็ไม่ออก นั่นเป็นวิบากของอาตมาเจอมา
อ้าว ผ่าน
ข้อ 8. เมื่อเกิดความเห็นที่ยึดถือไว้ผิด
ดุจงูร้ายฉกกัดเข้าที่มือ, ของท้าวพกาพรหม
ผู้มีฤทธิ์ , สำคัญตนว่ารุ่งเรืองด้วยคุณบริสุทธิ์
พระจอมมุนี, ทรงชำนะด้วยวิธีแสดงญาณ คือความรู้ยิ่ง
พ่อครูว่า…อันที่ 8 เป็นตัวความฉลาดความโง่เห็นยึดถือไว้ผิด เป็นอุปาทานในมิจฉาทิฏฐิแท้ๆเลย เป็นการยึดสิ่งที่ผิด ยึดอวิชชา ยึดมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีทางอื่นเลย คนพวกนี้จะทำร้ายเพราะยึดอะไรยึดมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนงูฉกกัดที่ข้อมือ กัดตัวเองด้วยนะ ของตัวเอง ของท้าวผกาพรหมผู้มีฤทธิ์สำคัญตนว่ารุ่งเรืองด้วยคุณบริสุทธิ์ ทำอย่างนั้นมันฆ่าตนเองทำให้ตกต่ำ ทำให้ตัวเองเสื่อม ทำให้ตัวเองหนักตกต่ำไปใหญ่เลย แล้วไม่รู้ตัว
พระพุทธเจ้าก็ต้องเตือนสติ ด้วยปัญญา ด้วยญาณ ด้วยความรู้ยิ่งๆอีก ให้เข้าใจ ต้องเตือนด้วยความรู้ ไม่ได้ไปบังคับ ไม่ได้ไปเข่นฆ่า ไม่ได้ไปทำร้ายอะไรเขา (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท… เขาจะมาไล่ฟันเราที่ทุ่งนา เราก็เอาของไปแจกเขา เขาก็เป็นมิตรกับเราตอนนี้ นี่ก็คือมารอย่างหนึ่งเหมือนกัน ขนาดเราช่วยเขา แต่เขาไม่เห็นความปรารถนาดีของเรา เขาจะมาทำร้ายเรา แต่เราก็มีจิตใจที่ดีกับเขาช่วยเหลือเขา แม้เขาจะมาเผาเรือเราเอาปลาร้ามาขว้างแถวอุทยานบุญนิยม เราก็ช่วยเหลือเขา อย่าเอาผิดเอาโทษอะไรเขา เราก็ช่วยเขาไปตามสมควรแก่ธรรมเท่าที่ทำได้
กสิกรรมไร้สารพิษ สุจริตแท้ ที่พลังบุญ
พ่อครูว่า… ทีนี้มาเข้าเรื่องของพวกเรา ตอนนี้ คณะกรรมการบริษัท พลังบุญ อยู่ที่กรุงเทพฯ นี่แหละ
_คณะกรรมการบริษัทพลังบุญฯ คณะทำงาน คกร. กลางและ คณะทำงานร้านกู้ดินฟ้า ประชุมวาระพิเศษเรื่อง กรณี งดรับผักไม่ไร้สารพิษ
ในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11.00 – 13.00 น ที่ห้องประชุมชั้น 2 พระวิหาร
สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการชุมชนสันติอโศก
วันพฤหัสที่ 26 มกราคม 2566
ร้านกู้ดินฟ้า เสนอขอดำเนินการ ขายพืชผักผลไม้ไร้สารพิษ 70 % และปลอดภัย 30%
พ่อครูว่า… ของเรานี้ไร้สารพิษเลยคือไม่ใส่สารพิษเลย แต่ ธรรมดาของเขาปลอดสารพิษ คือใส่ใช้สารเคมีบ้าง แต่อยู่ในระยะที่ปลอดภัย มีสะสมเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆอะไรอย่างนี้ ซึ่ง ธรรมดาธรรมชาติเราพยายามเอาสารพิษออกอยู่แล้ว แล้วไปเติมมันทำไม ก็เลยเอาให้เข้ม เอาพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ไร้สารพิษเลย
_ร้านกู้ดินฟ้า โดย คกร. กลาง และเครือข่ายแต่ละภาค ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกสิกรที่ปลูกผักส่งร้านกู้ดินฟ้า จำนวน 4 ครั้ง เยี่ยมกสิกรรวม 9 ราย ผลการตรวจเยี่ยมถูกประเมินออกมาเป็นเกรดระดับ 1 2 3 และ 4 ตามลำดับ ดังนี้
เกรด 4 คือ ไร้สารพิษ สุจริตแท้ 100 %
เกรด 3 2 1 หมายถึง ระดับความปลอดภัย ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ลดหลั่น กันลงไปตามลำดับ
มติที่ประชุม คกร. วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 ณ ห้องประชุมชั้นลอย ชมร. โดยมีท่านสมณะชนะผี ชิตมาโร เป็นประธานการประชุม ได้สรุปการตรวจเยี่ยม และประเมินผล ดังนี้
กลุ่มที่ 1. เกรด 4 ได้แก่
-
สวนกล้วยหอม คาเวนดิช กทม.
-
สวนส้มโอลุงสุเทพ จ.สมุทรสงคราม
-
ผัก ผลไม้ จากต้นน้ำ ออร์แกนิค ฟาร์ม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
-
สวนผัก คุณปทิต อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
กลุ่มที่ 2 เกรด 3 ได้แก่
-
สวนแสงตะวัน จ.สมุทรสาคร
-
สวนผัก คุณดี (ตฤณชาติ) อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
กลุ่มที่ 3 เกรด 2 ได้แก่
-
ผัก จากคุณบรรณวิชญ์ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
-
สินค้าจากไร่สุขสมาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
กลุ่มที่ 4 เกรด 1 ไม่มี
กลุ่มสุดท้าย “ติดรอ” เนื่องจาก ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เพาะปลูกได้ 1 ราย คือ พืชผัก จากสวนคุณอุ่น (พงษ์ศักดิ์) อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
คกร. นำเสนอคณะกรรมการชุมชน ถึงวิธีการพัฒนากสิกร ในระดับเกรด 2 และ 3 เข้าสู่การเป็นกสิกรระดับเกรด 4 โดยเปิดโอกาส ให้กสิกร ปรับปรุง พัฒนา แก้ไขข้อบกพร่องไปสู่การผลิตถึงระดับไร้สารพิษ ในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เป็นต้น พร้อมเสนอจัดสรรพื้นที่ขายพืชผัก ผลไม้ ในระดับปลอดภัย : ไร้สารพิษ ที่ร้านกู้ดินฟ้า ในสัดส่วน 30 : 70 ตามลำดับ
มติกรรมการชุมชน ให้ดำเนินการ ดังนี้
ให้คงนโยบายจำหน่ายผักผลไม้ไร้สารพิษ 100 % และสนับสนุนส่งเสริมช่วยเหลือคนดี ที่มุ่งมั่น ทำกสิกรรม “ไร้สารพิษ” ให้อยู่รอด แม้สินค้านั้น จะแพงกว่าสินค้าทั่วไป
ประเด็นนี้ เน้นย้ำว่าต้องหาวิธีช่วยเหลือกสิกร เช่น การขนส่ง การจัดส่งสินค้า อาจต้องหารือเครือข่ายในพื้นที่ให้ร่วมด้วยช่วยกัน
ในเบื้องต้นของดี แต่ราคาแพง (ต้องยอมรับประเด็นนี้ก่อน คือ ช่วยให้กสิกรไร้สารพิษ อยู่รอด และก้าวเดินได้) ลำดับถัดไป เมื่อมีองค์ความรู้ ทักษะ และความชำนาญสูงขึ้น จึงพัฒนาสู่คำว่า “ของดี ราคาถูก”
ดังนั้น นับจากนี้ไป สินค้าที่วางจำหน่าย ที่ร้านกู้ดินฟ้าหลายรายการจะหายไป (ไม่มีของขาย) ได้แก่
-
สิ้นค้าจากกลุ่มติดรอ คือ ไม่สามารถเข้าตรวจเยี่ยมพื้นที่ปลูกได้ เช่น มะเขือเทศโทมัส เซอลารี่ เสาวรส อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
-
สินค้าจากกลุ่มเกรด 2 สองรายใหญ่ คือ คุณบรรณวิชญ์ อ. แม่แจ่ม จ. เชียงใหม่ และไร่สุขสมาน อ. กันทรารมย์ จ. ศรีสะเกษ ได้แก่ หอมแดง กระเทียมไทย กระเทียมโทน บวบเหลี่ยม มะระจีน แตงกวา มะเขือเปราะ มะเขือยาว ถั่วฝักยาว ฟักทอง ฟักเขียว (ทั้งอ่อน และแก่) กระชาย ขิง ผักชี คื่นไช่ มันฝรั่ง มะเขือเทศเชอรี่ ผักกาดขาว หางหงษ์ กะหล่ำปลี สตรอเบอรี่ ผักสลัด เช่น คอส เบบี้คอส ผักกาดหอม บัตเตอร์เฮด กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เบบี้กวางตุ้ง คะน้า และ สวิตชาร์ท