660724 ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร ตอน 1 รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #31 ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/18NAkVhYTNg1d0vdfITxMiHpkYrETFEgv/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1GIhnrUAuPEaA6GKrBqkqFoVBGOptCFof/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/CPStk5bPp-E
และ https://fb.watch/l_dxvNNe4q/
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก ที่นี้เราก็มาเจรจาพาทีกันตามกิจวัตรที่เราทำประจำกันมาคือฟังเทศน์ เดี๋ยวนี้อาตมาก็เหลือการเทศน์ ลดลงมาเหลือแค่อาทิตย์ละ 2 วัน คือวันจันทร์กับวันศุกร์ ดูให้พัฒนาการของสังขารมันดีขึ้นมากกว่านี้หน่อยค่อยเติม ถ้ามันไม่ขึ้นก็ต้องลดลงเรื่อยๆ เหลือ 1 ถ้ามันขึ้นก็ค่อยเติมเป็น 3 เป็นอาทิตย์ละ 3 วัน ตอนนี้เหลือ 2 วัน
ดูหน้าฉากเขาประดับหน้าเวทีที่อาตมานั่ง บรรยายอยู่นี่ ประดับด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ทุกวัน หน้าเวทีเราจะประดับประดาด้วยสิ่งเหล่านี้ เอามาตั้งโชว์เสร็จแล้วก็ค่อยๆเก็บไปเข้าครัว บางคนไม่เก็บไปเข้าครัวก็เก็บไปเข้าท้องเลย หลายอย่างเอาไปกินได้เลย หลายอย่างก็ต้องเอาไปผ่านไฟ เอาไปผัดแกงต้ม อุดมสมบูรณ์ดีจริงๆ วันนี้ผักปลังมาจากสวนทำกิน ส้มโอ แก้วมังกร มาจากสวนดอนตาล เผือกหัวใหญ่ ริมแม่น้ำมูลบ้านราช สวนของคุณอุบลวรรณา นี่เอง ส่วนฟักมาจากสวนเพื่อฟ้าดิน
อุดมสมบูรณ์อย่างนี้แหละเราเร่งทำให้มากๆไม่มีอะไรก็เอาไปแจกเอาไปให้ปันสุขเราแจก เราก็แจกอยู่แทบทุกวัน ผู้รับหน้าที่ก็มีดาวเพ็ญเป็นหลัก ใครจะช่วยกันก็ช่วย ที่จริงกุ๊กไก่น่าจะไปช่วยป้าๆน้าๆเขาทำ กุ๊กไก่ไปช่วยเก็บผลไม้ ทำงานหน่อย อยากเป็นโพธิสัตว์ก็ต้องทำงาน บอกว่าขอเป็นโพธิสัตว์ อาตมาก็บอกว่าขอไม่ได้ต้องทำงานจะเป็นโพธิสัตว์ ให้ไปหางานทำ แนะนำให้แล้วงาน คงฟังอยู่นะกุ๊กไก่
SMS วันที่ 21-23 ก.ค. 2566
_Kiattiphong Hemwaranan…. เกียรติพงษ์ เหมวรานันท์
พออาศัยอยู่ไปอยู่มา หลายชั่วอายุคนเข้า … รุ่นลูกรุ่นหลานปัจจุบันก็ทึกทักกันเอาเองว่าตัวเองคือเจ้าของที่-เจ้าของบ้าน-เจ้าของประเทศ
… กลับไปดูบนหัวโฉนดที่ดินที่เราได้อาศัยอยู่อาศัยกินตั้งแต่โคตรเหง้า
…“ตราครุฑ”นั่น คือสัญลักษณ์ที่แปลว่า เจ้าของตัวจริงเขาแบ่งที่ให้ใช้ เขาอนุญาตให้ใช้ที่ดินในนามของเรา เป็นชื่อของเรา … ชึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่ของเรา ตั้งแต่โคตรเหง้าแล้ว … เขาแค่อนุญาตให้ใช้ …
>>> พอมาถึงยุคนี้ ลูกหลานของผู้อาศัย กะจะเล่นลูกหลานเจ้าของที่ตัวจริงซะแล้ว ….
>>> บอกลูกบอกหลาน กลับไปดู“ตราครุฑ”
พ่อครูว่า… ดี พูดอย่างนี้ก็ดูชัดแต่ลึกซึ้งอยู่ เตือนไปถึงพวกที่เขานึกว่าเป็นเจ้าของที่ดิน แล้วจะเล่นแปรรูปที่ดินประเทศไทยให้ใครเขาได้ ขอส่งสัญญาณไปถึงคนพวกที่อวดดิบอวดดีผยอง คิดเอา โดยการหว่านล้อมด้วยโวหารอื่น แต่ที่จริงแล้วทำลักษณะเหมือนจะเป็นอย่างนี้
เรื่องตอนฝันกับเรื่องตอนตื่น ฝึกอย่างไรให้เป็นเรื่องเดียวกัน
_สมพอน สปป.ลาว ..หลวงพ่อครับ ขอฝากคำถามเถิงหลวงปู่แน่ครับ เลื่องมีอยู่ว่า:มีเพื่อนบ้านผมคนนึ่งอายุสี่สิบกว่าปี(เดียวนี้เขาตายไปใด้สามเดือนแล้วครับ) ในช่วงที่เขาป่วยหนักเขาใด้ฝันแล้วเขามาเล่าสู่ยาดพี่น้องฟังว่า มีผู้ชายคนนึ่งตัวดำมีรูบร่างใหญ่พูดกับเขาว่า:ตามหาคุณมานานแล้วกำลังเจอ ไปกับผมเดืยวนี้ ในชาดที่แล้วคุณไปลักเอาพระพุทธรูปไปขาย แล้วเขาก่อพูดกับชายคนนั้นว่าอย่าเพิ่งเอาผมไป ผมขอเวลาอยู่อีกสองปีเถิดครับ ชายคนนั้นก่อตอบเขาว่า ไม่ได้ คุณต้องไปกับผมเดียวนี้ ผมตามหาคุณมานานแล้ว ต่อมาอีกไม่เถิงอาทิดเขาก่อป่วยนักขึ้นแล้วก่อหมดสะติไปครับ
อยากจะถามหลวงปู่ว่าเลื่องนี้เปันเลื่องจิงไหมของชีวิดคนเราเมื่อใก้จะตายก่อจะมีคนมารับไป(แต่ว่าไปไหนไม่รู้ครับ)
พ่อครูว่า… ก็ตอบตรงนี้ก่อนเลยว่า คนที่ตายแล้วไม่มีใครมารับไปหรอก ตายแล้วเราก็ไปของเราเอง ตายแล้วของเราก็ไปของเรา ตามกรรมวิบากของเรา หลังตายนี่อาตมาก็ไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ เพราะพูดไปแล้วก็จะมีคนอวดดี อวดเป็นผู้รู้ แล้วก็พูดต่อไป ก็มันไม่มีใคร ที่ยังไม่ตายจะไปรู้ได้ คนละภพ มันก็ไม่รู้ก็ไม่ชัดเจนเหมือนกัน
มันต้องศึกษาดีๆแล้วก็จะรู้ว่าการเกิด การตาย มันเป็นการเดินทางของจิต เหมือนคนนอนหลับและคนตื่น คนตื่นอยู่ก็อยู่ในภพตื่น พอหลับตกไปสู่อีกภพหนึ่งเป็นภพหลับ มันก็จะเป็นอีกภพหนึ่ง ซึ่งมันไม่ค่อยต่อกันหรอก มันคนละภพ แล้วคนที่ยังไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เรียนรู้จริงแล้ว ทุกคนของตนเองแต่ละคนก็ฟังสิ่งที่อาตมาจะพูดก็คงเข้าใจ มันจะเหมือนกับคนละโลกกันเลย แล้วเราก็เหมือนจะเป็นคนละคน แต่รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวเอง อาตมาว่ามันเป็นอีกคนละเรื่องอีกคนละความเข้าใจ อีกคนละการคบหาพวกนี้ เป็นเรื่องเป็นราวเป็นละคร คนละเวลาวาระ มันลืมเรื่องที่เรามีชีวิตตอนเป็นๆตื่นๆ
หลับไปแล้ว มันก็ไปเหมือนอีกโลกหนึ่งเหมือนอีกชีวิตหนึ่ง เหมือนละครคนละเรื่องกัน แต่ตัวเราก็ยังเป็นตัวเรา แต่มันมีตัวละครอื่นโดยมีเรื่องราวอื่นอีกคนละเรื่อง นอกจากคุณจะศึกษาฝึกฝนจนกระทั่ง ให้ชีวิตตื่นกับหลับนี่ มันต่อเนื่องกันแล้วมันก็เหมือนตื่นกับหลับ ตื่นกับหลับ ซึ่งไม่ง่ายมันยาก อาตมาทำได้ แต่ก็ไม่ง่าย ต้องพยายามทำ แต่ก็ทำได้
พอตื่นก็คือตื่น พอหลับก็คือหลับเป็นเรื่องเดียวกัน ความรู้สึกเดียวกัน ภพเดียวกัน แต่พอตกลึกลงไปก็เปลี่ยนเหมือนกัน แต่ถ้าเผื่อว่าเราจะประคองเป็นเรื่องราวต่อเนื่องเหมือนที่เราตื่นอยู่ เอาเรื่องที่เราคิดตอนตื่นนี่แหละ ที่เราปรุงแต่ง ที่เราจะดำเนินเรื่องอะไร มันก็ไปด้วยเรื่องนี้ได้ แล้วก็ยาว มีเรื่องมีราวอะไรไปได้ แต่มันจะไม่ได้หลับลึก มันกินพลังงานเหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้ มีรายละเอียดมาก ศึกษาดีๆแล้วจะรู้ เรื่องจิต เจตสิกมันก็มีตื่นกับหลับ มีตายกับเกิด มีสุดท้ายคือมีกับไม่มี สุดท้ายเราก็จัดการความมีให้ไม่มี อะไรที่เราจะทำให้ไม่มี กิเลส หยาบ กลางละเอียด ที่เกิดในจิตเรา จนมันไม่มี มันไม่มีแล้วมันก็ไม่เกิดอีกในจิต จนจะดึงมันกลับมารู้สึกอีก ไม่ได้ โอ้โห..
อันนี้อาตมาก็เจอกับตัวเอง อย่างเช่น รสอร่อยที่พูดกัน อาตมาดึงกลับคืนมาไม่ได้ กินอาหารเพื่อให้ได้ปริมาณ เพื่อจะยังขันธ์ ไปแต่ละวัน ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเคี้ยวไป ไม่ได้กินด้วยความหิวกระหายความตะกละตะกราม ความเอร็ดอร่อย มันช้านาน กว่าจะได้ปริมาณพอที่จะเลี้ยงขันธ์
ซึ่งก็พยายามอยู่ แต่ฟื้นขึ้นมาบ้างนิดๆหน่อยๆก็เอา ก็พอเป็นพอไป อย่างเขาสนุกสนาน ไม่ใช่แต่เรื่องกินหรอก ดูเรื่องเขาสนุกสนาน เขาโกรธ เขาแค้น ดูอารมณ์เราจะไปกับเขา เขาจริงเขาจังสนุกกันเล่น อาตมาก็พยายาม พยายามร้องเพลง พยายามรื่นเริง แต่ว่าเรื่องเศร้าๆสร้อยๆ เรื่องที่มันไม่ดี มันบั่นทอนกำลังมาก อาตมาไม่ทำหรอก ก็ทำแต่เบิกบานร่าเริงไปเท่านั้นเองที่เห็นได้ ใครคบใครอยู่ได้อยู่ใกล้ชิดสัมผัสสัมพันธ์อยู่ก็จะเห็นอาตมาก็เป็นเช่นนั้น
อธิบายอีกทีสรุปว่า ศึกษาปฏิบัติธรรมเอาเอง แล้วจะรู้ความจริง ไอ้้ที่พูดนิยายไม่รู้กี่เรื่องก็เล่ากันไป ก็ตอบให้ได้ว่า ไอ้ที่พูดกันนี้ คนเขานึกว่ามันมีมันก็มีได้ จะเป็นเรื่องหลอกตัวเองโกหกก็ได้ เป็นอุปาทาน มีได้ แต่ที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่เขาไม่มีอย่างนั้น คุณบ้าอยู่คนเดียวตอบง่ายๆ
ตัวศักดิ์ศรีใช้กระทุ้งกิเลสได้แต่อย่าไปยึดจนเป็นอัตตา
_นาง จับใจ ธนะโภค · กราบนมัสการพ่อครูฯ ดิฉันขอน้อมกราบถามค่ะ
-
คำว่า”ตัวศักดิ์ศรี” เป็นตัวกระทุ้งทำให้เห็นกิเลส
-
จะมีวิธีการปฎิบัติอย่างไรให้ “ตัวศักดิ์ศรี” เป็นแรงจูงใจทำให้สามารถลดกิเลสได้ด้วยคะ
พ่อครูว่า… ศักดิ์ศรีมันไม่ช่วยให้ลดกิเลสหรอก อาจจะดูเหมือนมันทำให้ลดกิเลสได้ คือ ให้รู้สึกไว้ตัว อย่าไปคลุกคลี อย่าไปวุ่นวายอย่าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต่ำ ไว้ศักดิ์ ไว้ศรีตัวเองบ้าง มีศักดิ์ศรีบ้าง อย่าไปเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างนี้เป็นต้น จะทำใจในใจอย่างนี้ แล้วก็ทำให้ได้อย่างนี้ ก็ไอ้สิ่งที่เราจะไม่คลุกคลีเกี่ยวข้องนั่นแหละ คุณก็ต้องเห็นแล้วว่ามันไม่ควร ก็ไว้ศักดิ์ศรีบ้าง อย่าไปเกี่ยวข้องบ้าง ก็ต้องทำอยู่เหมือนกัน
แต่ที่นี้วิธีการปฏิบัติอย่างไร ก็คือต้องทำใจในใจ ภาษาก็เป็นศัพท์ ทำใจในใจ ที่ภาษาบาลีบอกว่า มนสิกโรติ เป็นคำกริยา ถ้าเป็นคำนามก็เป็น การทำใจในใจ คือ มนสิการ
คำว่ามนสิการ เป็นรากเหง้าเป็นมูลกา ที่ 2 ในมูลสูตร 10
เริ่มต้นข้อที่ 1 คือฉันทะคุณจะทำอะไรถ้าไม่ได้เริ่มต้นด้วยความยินดีจริงๆเลยนะ มันทำอะไรไม่สำเร็จหรอก ความยินดีเป็นตัวต้นรากที่จะเดินทาง เมื่อมีจิตยินดีฉันทะ เราจึงจะเริ่มต้นตั้งทิศของจิต เจตสิก สัญจิจจะ หรืออุทิสะ อาตมาแปลเป็นไทยว่า จิตมีทิศมุ่ง เขาแปลว่าเจาะจง หรือจะแปลว่าเจตนาก็ได้ แต่เจตนามันก็เป็นคำศัพท์ของมันเองเต็มรูปอยู่แล้ว มุ่งมั่นและมีที่ตั้ง มีที่เดินไปเลย เจตนามันเต็มรูป
สัญจิจจะคือกำหนด สัญญะ สัญจะ มันเริ่มกำหนด ทำงานตั้งทิศมุ่งและส่งให้เกิดแรง มันก็จะเกิดแรงขึ้น เดินทางไป
คำว่า สัญจิจจะ ที่อาตมาเอามาอธิบายในประโยค สัญจิจจะ ปานัง ชีวิตา โวโรเปตุง คือจิตมีทิศมุ่งไปทางทำร้าย โวโรเปตุง แปลว่า การทำไม่ดี การทำร้าย จนกระทั่งไปถึงการฆ่าเลย ฆ่าอะไร มุ่งที่จะทำร้าย ปานัง ชีวิตา คือชีวิตในขั้นปาณะเลย
สัตตะ ภูตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ ในดีกรีของความเป็นชีวิตที่ หยาบ กลาง ละเอียด ไปเรื่อยๆ ต้องพยายามเรียนรู้จิตในจิตอาการเจตสิกต่างๆ จิตเจตสิก รู้มันให้ได้ กำหนดรู้ตัวมัน
สิ่งที่ถูกรู้ก็เป็นรูป โดยนามของเรา สัญญามันกำหนดรู้รูป แล้วมันก็เกิดรู้ๆๆ จนรู้ไปครบบริบูรณ์ก็เรียกว่า ปัญญา พัฒนาขึ้น ปรับปรุงขึ้น จะให้เกิดให้ดับ จะให้เจริญ จะให้เสื่อม คุณทำได้เต็มรูป จบกิจ จบเรื่องราว แต่ละเรื่องเป็นกิจแต่ละกิจ คุณก็สมบูรณ์เรื่อง สมบูรณ์สภาพธรรมคือธรรมะบริบูรณ์ ธรรมะบรรลุ ธรรมะสมบูรณ์แบบ คุณก็ต้องทำไปฝึกไป
สรุปแล้วตัวศักดิ์ศรี จะใช้มันเป็นตัวกระทุ้งตัวเองก็ได้อธิบายแล้วก็พอได้ แต่จะถือว่าเป็นตัวศักดิ์ศรี ฉันสูง ฉันทำได้ ฉันเก่ง ฉันวิเศษ เป็นอัตตาเลย มันจะเป็น อัตตาเลย อย่างนั้นต้องรู้ว่าอย่างนี้ไม่ดี
แต่ทำได้แล้ว เราก็จะต้องอย่าไปยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา เรามีความสามารถ เรามีความดีที่จะมีเรี่ยวแรงเป็นของตน สามารถอยู่เหนือ สามารถหลุดพ้น สามารถที่จะไม่เป็นทาส หลุดพ้นได้สมบูรณ์แบบ ทำได้แล้วก็ต้องรู้ว่า สักแต่ว่าทำ ทำสำเร็จแล้วก็อาศัยมัน ก็เป็นประโยชน์ไม่เป็นโทษ
พ่อครูเป็นพระอรหันต์แล้วไม่โกรธใครแม้เขาจะด่ามา
_อัมพร กุลศักดิ์ศิริ · ชอบพ่อครูที่ตอบคำถามทุกท่านถึงจะหลายวัน แต่ในคำถามก็มีทั้งคนโง่และฉลาด พ่อครูก็ตอบหมด ถึงจะโดนด่าก็ไม่โกรธตอบ สุดยอดเลยครับท่าน.
พ่อครูว่า… คนนี้มองออก สาธุ อาตมาเป็นอย่างที่คุณว่านี่แหละ คุณชอบก็ดีแล้ว ศึกษาแล้วก็ฟังให้ดีได้ธรรมะเอาไปปฏิบัติตน คำถามมีทั้งคนโง่คนฉลาดก็จริง เราก็เผื่อแผ่เพื่อคนฉลาดเหมือนกันจะได้ประโยชน์ คนโง่เขาก็ต้องเป็นมาก่อนคนฉลาดทั้งนั้น ค่อยๆเป็นไป ก็ให้ประโยชน์กัน
แล้วการโกรธ ไม่โกรธตอบ อาตมาเป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นพระอาริยะแล้ว อาตมาก็รู้อาการโกรธเป็นอย่างไร แล้วก็เลิกโกรธมานานแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติอาตมาเคยพูด อาตมานึกไม่ออกว่าอาตมาโกรธอะไร นึกไม่ออก และก็ไม่มีใครทำร้ายอาตมามากมายนอกจากถูกด่า เดี๋ยวนี้ก็ยิ่งถูกด่าหนัก ผู้ที่เขาไม่เข้าใจก็ด่า
ผู้ที่เอา SMS มาให้อาตมา เอา comment ต่างๆมานี่ ไม่ได้เอามาหมดนะ ด่านั้นมีทุกวันแต่เขาไม่ได้เอามาให้อาตมา เอามาอาตมาก็ต้องเสียเวลา ผู้ที่คัดมาก็คงคิดว่า คนที่ยังไม่มีศรัทธา ยังไม่มีความเชื่อ ยังไม่มีความเข้าใจที่จะฟัง เขาหนักขนาดนี้มันเสียเวลา อาตมาอธิบายไปก็ไม่ช่วย ไปช่วยคนที่ลึกและลำบาก มันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ จะเสียเวลามากกว่า เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้คัดมา นานๆจะคัดมาผสมผเสให้เป็นน้ำจิ้มบ้าง
ส่วนคนที่ตั้งใจศึกษาแสวงหาพากเพียรและรับฟัง พัฒนาเพื่อความเจริญมันมีเยอะ เราก็เอาอันนั้นให้ได้ประโยชน์ เราก็ไม่ได้ดูถูกดูแคลนเขา เราก็สงสารเขา แต่ว่ามันไม่ได้อยู่ในกาลเวลาที่เราจะเอาเวลาไปเผื่อมากเกิน ก็ได้เท่าที่มันได้ แต่ว่าก็เห็นใจนะก็พยายามอยากจะให้มีเวลา แต่อาตมาก็ไม่ได้อยากจะฝืนสังขารเกินไป ก็เอาเท่านี้ก็แล้วกัน
บุญนิยมเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เจ้าหน้าที่ทำงานฟรีมากว่า 10 ปี
_Nomapai Penparsertsith น้อมอภัย เพ็ญประเสริฐสิทธิ์ : การถ่ายทอดส่งผ่านเฟซบุ๊กแฮงค์บ่อย ควรตรวจสอบก่อนใช้งานจริง ดีมั้ยคะ
พ่อครูว่า… 1.ไม่ได้แก้ตัวนะ แต่ของที่เราใช้ มันไม่ใช่ของชั้นดี แต่เป็นของ Secondhand ไม่ใช่ของแกะกล่องใหม่เท่าไหร่ และ 2.ช่างของเราก็ไม่ใช่ผู้ชำนาญการจนกระทั่งศึกษาฝึกฝนเป็นผู้ชำนาญการราคาแพง ไม่ใช่ พวกเราก็ลูกๆหลานกัน ทำงานรับผิดชอบไป ทำสถานีโทรทัศน์มาได้นานเป็น 10 ปีขนาดนี้ เก่งแล้ว ใช้เงินของขยะเป็นหลัก แล้วเราไม่ได้รับบริจาคจากคนที่ไม่ใช่ชาวอโศกนะ แล้วพวกชาวอโศกจริงๆก็จนลงจนลง จนสุดท้ายก็มาเป็นคนจน
มันก็ยังไม่ค่อยมีเงินมาหนุนกันเท่าไหร่ แต่ก็หมุนพอได้ ไอ้นี่เป็นความลึกซึ้งซับซ้อนที่คนงง มันบอกว่ามันจน จนอะไรวะ อะไรมันก็ใหญ่ก็โต มีมากมีมาย โอ้โห ดูสิทำสวนน้ำให้คนมาเที่ยวเล่นสบายไม่เก็บตังค์อีกด้วย เศรษฐีเขายังเก็บตังค์เลย แค่มี swimming pool สระเดียวเขายังเก็บตังค์เลย อันนี้มีสวนน้ำให้เขาเล่นฟรี ไม่เก็บตังค์ยังเลี้ยงข้าว แจกพืชผักผลไม้ให้เขาฟรีอีก อะไรวะมันพูดย้อนแย้ง คนรวยยังไม่กล้าทำ แล้วคนทำจน มันจนยังไง
_สู่แดนธรรม… อันที่พ่อท่านทำนี้เป็นของมหาเศรษฐีทำครับเศรษฐีธรรมดาเขาไม่ทำ อันนี้ต้องระดับมหาเศรษฐีจึงจะทำได้
พ่อครูว่า… คำว่า เสฏฐะ เสฏโฐ คือผู้ประเสริฐ ส่วนคนร่ำรวยนั้นเป็นพวกกฏุมพี เขาไม่ยอมใช้คำว่า กฏุมพี เอาใช้คำเท่ๆคือเป็นผู้ประเสริฐ เป็นเศรษฐีมาใช้ ขี้หมานะครับ คุณเองพวกกฎุมพีเป็นพวกมีเงินทองเยอะ เป็นพวกชั้นต่ำ แต่ เศรษฐีจริงๆนั้นเขาเป็นคนจน คือเศรษฐกิจดี
_ปรีชา เสนอใจ : ผมโดนโกงค่าแรงจากการสร้างหมู่บ้านเอื้ออาทรไปห้าแสนกว่าบาทครับ ตอนนี้ผมบอกตามตรงนะครับ ผมยังไม่ใว้ใจพรรคอันดับ2ที่เป็นพรรคนำจัดตั้งรัฐบาลน่ะ มีอะไรแอบแฝงอยู่ ผมมองเหมือนว่าพิธาเป็นหมาก1ตัวเท่านั้นครับ
พ่อครูว่า… อะไรถูกผิด อาตมาไม่ค่อยถือสาพวกนี้หรอกเพราะไม่ค่อยมีถูกจริงๆ เป็นพวกสับขาหลอกเท่านั้น ขออภัยอาตมาพูดตรงๆผ่าเปรี้ยงๆ ก็ดูเขาไป นี่เป็นละคร อาตมาว่าเป็นฉากที่เกือบจะจบแล้วของประเทศไทย อาตมาได้พูดมาหลายที่แล้วเรื่องนี้ว่าการเมืองของไทยมันละเอียด มันเก็บทุกเม็ดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงที่สุด นี่มันจะเม็ดสุดท้ายแล้ว จะเห็นได้ว่ากระริบกระร่อยเต็มที มันจะเม็ดสุดท้ายแล้ว ดู
เพราะฉะนั้นก็ดูมันผ่านไป อาตมาก็ยังเดาไม่ออกรายละเอียดพวกนี้ มันเป็นยุคนี้ มันเป็นเรื่องของละครยุคนี้ เขาจะต้องเล่นแบบนี้ ถ้ายุคหนังอินเดียก็แบบหนังอินเดีย ถ้ายุคหนังจีนก็แบบหนังจีน ถ้ายุคหนังเกาหลีก็แบบเกาหลี ตอนนี้หนังอะไรฮิตอาตมาไม่ค่อยได้ดูหนังละคร
_สายธาร : บารมีไม่ถึงไม่ได้เป็นหรอกนายก
พ่อครูว่า… คนนี้ตัดสินเลย คงหมายถึงคุณพิธา คนเราก็แสดงความเห็นก็ออกมาอย่างนี้
_@SaowalukApiwattananon เสาวลักษณ์ อภิวัฒนานนท์• เพื่อไทยเป็นแกนนำ แล้วทักษิณ จะกลับบ้านเท่ห์ๆ มั้ยคะ
พ่อครูว่า… ไม่รู้ อาตมาจะไปตอบได้ไง ทักษิณจะกลับเท่ห์ๆได้อย่างไร จะกลับมาอย่างไรก็ต้องติดคุกเพราะยังมีโทษอีกตั้งหลายปีตัดสินแล้วเรียบร้อยด้วย
_สู่แดนธรรม… ป๋าเปลว สีเงินได้เขียนวิเคราะห์ให้อ่านแล้วครับ ว่า ทักษิณวางแผนติดคุกตอนนี้ ติดไม่กี่ปีก็ได้รับอภัยโทษ
พ่อครูว่า… เพราะว่าคงรู้แล้วว่าถ้าไม่ยอมติดคุกจริงๆ คงไม่ได้ เขาใช้ความพยายามสารพัด จะใช้อำนาจบาตรใหญ่ จะใช้วิธีการเพื่อที่ให้อภัยโทษ มีอะไร สารพัดที่เขาทำ เขาทำบาปไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมใช้หนี้กรรมที่ตัวเองทำ จะเล่นตีกิน มันยิ่งเป็นวิบากบาปหนักหนาสาหัสก็ไปใหญ่ เขาทำน่าเกลียดน่าชังเยอะทักษิณนี่ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย รู้ๆกันอยู่
_@lmns2818 (อ่านไม่ได้) • กองทัพทำทำให้ชิบหายหรือเป็นพระก็อยู่ส่วนพระส่วนนั้นมันปราชิกแล้วหัดไปอ่านกฏของพระบ้างแก่ก็แก่แล้วให้เขาลากไปในทางเวรทางกรรอีกไปเป็นแพะไม่ไช่พระแล้ว
พ่อครูว่า… อย่างนี้เป็นต้น นี้คือ Comment ตัวอย่าง เขาก็เห็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็เข้าใจเขา เพราะเขาก็มี Concept ของเขาอย่างนั้น มีความเข้าใจของเขา มีทิฐิของเขาอย่างนั้น เขาเข้าใจอย่างนั้นจริงๆ เขาเชื่ออย่างนั้น เขามีความคิดองค์รวมของเขาอย่างนั้นนะอย่างที่เขาเห็น เพราะฉะนั้นเขาเห็นเรานี่เขาก็บอกว่าไม่เข้าท่าอะไรเลยมีแต่แง่แต่เชิงที่มันน่าตำหนิ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าเคารพ ไม่น่ารักอะไรทั้งนั้น มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ 2 อย่าง มีชอบกับไม่ชอบ ถูกต้องตามของเราหรือไม่ถูกต้องตามของเรา ใหญ่ๆมันก็มี 2 ฝั่งอย่างนี้ธรรมดา ศึกษาดีๆคุณคนนี้
ตั้งใจดีๆศึกษา ติดตามอย่างไร ๆ เราก็เป็นมิตรสหายกัน สัมผัสสัมพันธ์ติดตามฟังกันได้ อาตมาก็เข้าใจคุณก็เห็นใจอยู่
คนใจเป็นกลางก็สามารถเห็นว่ามีคนชังชาติชังกษัตริย์อยู่จริง
_@sakuna7 สกุณา • คนใจเป็นกลาง ไม่มีวันมองคนอื่นชังชาติชังกษัตริย์หรอกค่ะ #ตรรกะ
พ่อครูว่า… คุณพูดเอาเป็นคำสวยๆ โดยไม่คิดถึงราก ถึงองค์ประกอบของมันเยอะๆ ว่าคนที่มองคนอื่น เห็นคนอื่นว่าเป็นคนชังชาติชังกษัตริย์ คนๆนั้นเขาจะมีใจไม่เป็นกลาง แต่ถ้าเมื่อคนใจเป็น กลางแล้วจะไม่มีวันมองคนอื่น มองใครว่าเป็นคนชังชาติ ชังกษัตริย์
คุณพูดได้ มันเป็นการหลอกตัวเองว่า คนที่เขามีความคิดชังชาติ ชังกษัตริย์ มันมีไหม …มี
แต่ทีนี้คุณก็ยกย่องคนใจเป็นกลางว่าเป็นคนสูงส่ง แล้วคุณก็พิพากษาเลยว่าคนใจเป็นกลางไม่มีวันมองคนอื่นว่าชังชาติ ชังกษัตริย์ อ้าวมันก็มีคนที่ชังชาติ ชังกษัตริย์อยู่จริงไหมล่ะมันก็มี และคนที่ใจเป็นกลางต้องเป็นคนใจสูง ใจประเสริฐ เข้าใจสัจธรรมชัดแล้ว เห็นคนผิดว่าไม่ผิด เขาน่ะเป็นคนชังชาติเป็นคนใจเป็นกลาง คนที่ชังชาติชังกษัตริย์ก็เป็นอย่างที่เขาเป็น แต่คนใจเป็นกลางแล้วนี่ เขาไม่ได้มีความเป็นอย่างนั้น แล้วเขาก็ไม่มีความมองผิดด้วย เขาก็มองคนชังชาติ ชังกษัตริย์มันก็ต้องเป็นความจริงที่เขาชังชาติชังกษัตริย์ เขาจะมองออก
เพราะจริงๆแล้วคนใจเป็นกลางจริงๆจะเป็นคนที่ไม่โง่ ไม่กลัว ไม่เห็นผิด เห็นถูก ไม่กลัวเสื่อมลาภยศเสื่อมตำแหน่ง ไม่กลัวเสียหน้าหรอกคนเป็นกลาง คือคนบรรลุธรรมที่แท้จริง คนมีปัญญา ส่วนคนไม่มีปัญญา จะกลัว จะโง่ จะเห็นผิดตลอดเวลา ส่วนคนที่มีปัญญาเป็นคนใจเป็นกลางจะเป็นคนเหมือนอยู่ที่สูง มองความจริงตามความเป็นจริง ชัดและได้มาก ได้ครบ ได้ถ้วนบริบูรณ์ เป็นผู้ที่มีปัญญาปาสาโท มองเหมือนอยู่บนโดรน มองท็อปวิวสูงๆ มองลงมาจะเห็นรอบกว้างได้ทั่วได้ครบ ไม่มีอะไรบัง อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นคนที่มีพฤติกรรมเป็นกลาง
เพราะฉะนั้นจะต้องรู้ดี มโนกรรม วจีกรรม กายกรรมของคนต่างๆและรู้จักดี รู้จักจัดสรร แล้วก็พอช่วยอะไรกันได้ก็ช่วยกันไปด้วยดูตัวเราก็เท่านี้ ตัวเราจะสามารถช่วยได้ไหม ช่วยได้ก็ช่วยกัน ช่วยได้เท่าไหรก็เท่านั้น
_@user-vz6jp6nu2h (อ่านไม่ได้) • แก่ป่านนี้ ยังมองเกมส์อะไรไม่ออก เสียดายวิตามินผัก เปลืองผัก เปลี่ยนเป็นหญ้าไปเลยดีไหมลองดู เผื่อจะดีขึ้นมาบ้าง
พ่อครูว่า… ไล่เราไปกินหญ้าเลยนะ อ้าว อย่างนี้แหละเขาแสดงความเห็นอย่างนี้ก็มีไม่น้อย
บอกว่าเราเองมองอะไรไม่ออก อาตมาก็มีปัญญาอย่างที่อาตมามี คุณก็มีปัญญาอย่างที่คุณมี คุณก็มองออกอย่างคุณ แล้วคุณก็ตัดสินอย่างคุณ แน่นอนความเห็นที่ต่างกัน คุณก็เห็นของคุณแล้วคุณก็ยึดถือของคุณว่าคุณถูก แน่นอนอาตมาเองเห็น อาตมาก็มั่นใจว่าของอาตมาถูก มันก็มีความเห็นต่างกัน เป็นธรรมดาธรรมชาติ นานาสังวาส ศึกษากันต่อไป สัจธรรมต้องคงทน มีผลประโยชน์ต่อไปเรื่อยๆ คุณเองก็พยายามแสวงหาสัจธรรมเหมือนกันอาตมาว่า ติดตามกันดู
อาตมาไม่รู้ว่าคุณอยู่ไหน แต่คุณรู้ว่าอาตมาอยู่ที่นี่ ติดตามได้ แต่อาตมาไม่รู้ว่าคุณอยู่ไหน ถึงแม้ว่าอาตมาจะรู้ว่าคุณอยู่ไหนก็ต้องขออภัยที่อาตมาคงจะตามไปดูคุณไม่ได้ เพราะว่าคุณไม่ได้ออกสาธารณะ ไม่ได้ออกอากาศหรือออกสื่อแบบนี้นี่ อาตมาก็ตามไปดูไม่ได้ แล้วอาตมาก็ไม่เป็นด้วย ไอ้ที่จะดูภาพหรือสื่อที่คุณตาม ก็ต้องขออภัยอาตมาทำได้เท่านี้นะ
_@user-xu9rx5pd4q (อ่านไม่ได้) • ใครๆเขาก็รักชาติทั่งนั้นแหละค่ะ แต่ 14 ล้านเสียงมันไม่มีประโยชน์เลยหรือ แล้ว สว.แก่แค่สองร้อยกว่า มีอำนาจมากกว่า มันมีนายทุนไงกลัวเสียอำนาจรัฐประหาร เลวเน่าะ
พ่อครูว่า… คนนี้ก็มองอย่างนี้ อาตมาก็ คือมันเหนื่อยจะไม่รับว่าเหนื่อยก็ไม่ได้ เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยที่จะทำความเข้าใจกับคนที่เขายึดมั่นถือมั่น เขาไม่มองอะไรบ้าง เขาก็มีเจตนาดีของเขาเหมือนกันที่แสดงออกมานี่ มีเจตนาดีเหมือนกัน ก็ศึกษากัน ต่างคนต่างศึกษา
_สู่แดนธรรม… มีสถิติย้อนหลังให้ศึกษานะครับ การเลือกตั้งหลายสมัยที่ผ่านมาในอดีต บุคคลที่ชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้เป็นนายกมีหลายคนมากนะครับ ตั้งแต่ปี 2500 นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ ได้คะแนนสูงสุด แต่บุคคลที่ได้เป็นนายกคือจอมพลถนอม กิตติขจร
ปี 2518 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชได้ 72 ที่นั่งแต่ก็ไม่ได้เป็นนายก บุคคลที่เป็นนายกคือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
ปี 2522 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชได้ 88 ที่นั่ง แต่พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ได้เป็นนายก
คนปัจจุบันนี้เขาคิดแบบคนก้มหน้ามองแต่มือถือในตัวเอง ในสิ่งที่ไม่เกินหัวเข่า ไม่เกินเท้าตัวเอง ควรมองโลกให้ครบรอบด้านด้วยนะครับ
_ใบแพร….
พ่อครูว่า… งานที่เราทำนั้นถ้าเป็นสิ่งที่สำคัญและขาดแคลน และสำคัญเป็นสิ่งที่ควรช่วยอยู่ในสถานะที่ควรช่วย เดือดร้อนหรือจะเป็นจะตายก่อนก็ต้องให้เขาก่อน อ่อนแอกว่า สมรรถนะน้อยกว่า หรือว่าแก่แล้วมากทำไม่ไหว มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาตมาก็ขยายความมามากมาย สรุปแล้วก็คือเสียสละในสิ่งที่ควรกับคนที่ควร กับ กาละที่ควร แล้วจะค่อยมีปฏิภาณเข้าใจ
ดีเข้าใจถูกแล้ว แล้วก็พากเพียร รายงานผลแล้วก็ตั้งใจของตัวเองด้วยก็ดีแล้ว
หมด sms สำหรับวันนี้
พ่อครูว่า… มาถึงสิ่งที่อาตมาเตรียมไว้
ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร ตอน 1
ประชาธิปไตยจะให้คะแนนกันอย่างไร เอาอะไรมาชี้บ่งถึงจุดสำคัญในความเป็นประชาธิปไตยได้แท้จริง
ก็ต้องเอา“หลักเกณฑ์”สำคัญ เป็นเครื่องตัดสิน ศาสนาพุทธก็มี“ศีลธรรม”แต่ละข้อของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็น“หลักเกณฑ์”พิจารณาตามกาละ-เทศะ-ฐานะ ที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป
“หลักเกณฑ์”ที่ยืนยัน“ความจริง”แท้ได้ ต้องเป็นหลักเกณฑ์กำจัด“กิเลส”ให้หมด“อวิชชา”ได้จริงๆ จึงจะไม่มี“ความลำเอียง”มาตัดสิน
เอาที่เป็นปัจจุบันชาติที่เกี่ยวข้องกับเรากระทบอยู่ แล้วเราจะให้ได้ประโยชน์หรือเราวางมันแล้ว มันจะเกี่ยวข้องกับเราแต่เราวางมัน แล้วมันก็จะเป็นธรรมฤทธิ์ เราวางแล้ว มันก็จะมาเกี่ยวข้อง ธรรมฤทธิ์มาก็จะดีดมันออกไปเอง ถ้าเรามีบารมี ถ้าเราไม่มีบารมีดีดมันไม่ออกหรอก อาตมาใช้ภาษาสื่อได้แบบนี้ สภาวะแบบนี้เรียกว่าธรรมฤทธิ์
ลองไล่เรียง“เกณฑ์”ต่างๆไปทีละ“ข้อ”ดูกันซิ.. อย่างนี้จะยอมรับว่า เป็น“ประชาธิปไตย”มั้ย?
1.“ประชาชน”ส่วนใหญ่ มีอิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ
อิสระที่จะทำแต่ไม่ทำเกินที่ควรทำ แล้วก็อยู่อย่างสบาย สงบไม่ใช่อยู่นิ่งแข็งทื่อๆไม่ใช่ สงบแต่ แคล่วคล่องว่องไว ปราดเปรียว เบิกบานร่าเริง ได้ประโยชน์คุณค่าด้วย อยู่กันอย่างอบอุ่นคืออยู่กันอย่างดี ภาษาไทยอบอุ่น ภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนไม่รู้ว่าอย่างไร
อิ่มเอม ความยินดีพอใจปลื้มใจ มันพอใจอย่างเต็มๆ พอใจยังอิ่มๆพอใจอย่างสมบูรณ์
เกษมใส มันเบิกบานแจ่มใสร่าเริง ไม่หม่นหมอง ไม่มีมัวหมอง มันใสสว่างกระจ่าง สงบครบพร้อมหมดเลยแล้วมีใจเกื้อกูลตลอดเวลา สุดท้ายจบตัวนี้เป็นสุดยอดแห่งมันมนุษยชาติเลย ชีวิตของเราพยายามมีชีวิตอยู่เป็นผู้ที่เราจะเป็นผู้เสียสละ ๆๆๆ ได้มากขึ้นแต่ไม่ไปบังคับตัวเองหรอกแต่พยายามให้เกิดพัฒนาการ เป็นคนมีอะไรเสียสละไม่ใช่แค่ปากพูด ไม่ใช่แค่คุยโม้ว่าเสียสละแต่เราทำจริงๆเลย มีผลผลิต มีแรงงาน กายกรรม วจีกรรม เสียสละจนกระทั่งไม่มีอะไรจะสะสมเป็นคงคลัง มีแต่การสะพัด
เมื่อสะพัดเป็นตัวยืนยันเศรษฐศาสตร์ที่ชัดเจน คุณมีแรงงานสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์คุณค่าจำเป็น สิ่งที่เหมาะสม สิ่งที่ควรได้ควรมีควรเป็นของสังคมของคน ในกาละนั้น ในองค์ประกอบนั้น เป็นประโยชน์เป็นคุณค่าแม้แต่ราคาแพงแต่เราก็ไม่ยึดถือว่าเป็นของเรา เป็นสิ่งที่เราจะต้องเป็นเจ้าของเจ้าของ เราเป็นเจ้าบุญเจ้าคุณอะไรยิ่งไม่คิดใหญ่
-
การทำงานของ“นักการเมือง” 2.1 ซื่อสัตย์ 2.2 ขยัน ทำงานเพื่อประชาชน 2.3ทำงานเพื่อประชาชน 2.4 ไม่ทำเพื่อตนเพื่อพวกตน 2.5 เป็นกลางจริง 2.6ทำงานอย่างมีปัญญาและสมรรถนะ 2.7 ปรากฏผลงาน
ทำเพื่อประชาชนทำเพื่อส่วนรวม อย่างเช่นเราไปทำงานการเมืองคนจะบอกว่าไม่สมควรแต่เราก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควร เรามั่นใจว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดสิ่งที่เสียหายเขาไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องของเขา เขาบอกว่าไม่ดีไม่ควรทำเขาเข้าใจของเขาตามประเด็นของเขามันเป็นนานาสังวาสความเห็นต่างกัน
7 ข้อนี้อ่านในตัวตนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนักการเมืองที่มีลักษณะ 7 ประการนี้ ที่มีหลักฐานยืนยันได้
พวกตาบอดหูหนวกก็ใส่ความ ด้อยค่าพลเอกประยุทธ์ว่าไม่มีผลงาน ทั้งที่มันมีอยู่เต็มไปหมด แล้วเขาก็มาพูดมันไม่อายหรืออย่างไร เขามีแต่ขี้โม้จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งหน้าที่เลย แต่นี่พลเอกประยุทธ์เขารับตำแหน่งหน้าที่มีผลงานปรากฏเลย ต่างประเทศรับรองมีหลักฐาน องค์กรนั้นองค์กรนี้รับรองต่างๆนาๆ แล้วหลักฐานที่เป็นปรากฏผลงานให้พวกคุณได้อาศัยด้วย (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… พวกนี้ไม่ควรคบหามี 1.ใช้เวลาสมาคมกับพวกเป็นพิษ 2.ใช้เวลาอธิบายเหตุผลกับคนที่มีอคติต่อเรา 2 ข้อนี้เราควรหลีกเลี่ยง
พ่อครูว่า… เป็นกลางจึงต้องเข้าข้างคนดี
-
ผลงานมีจริงจับต้องได้ ประชาชนได้อาศัยกินใช้ดำเนินชีวิตกันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข เบิกบานสราญใจจริง
-
จิตวิญญาณของประชาชนได้รับการพัฒนา ให้เป็นอาริยชนที่เป็นโลกุตระกันจริงๆ ซึ่งแตกต่างจากโลกียธรรมที่ตื้นเขิน ไม่ลดกิเลสแย่งสุขที่เป็นโลกียะ ซ้ำมิหนำมีแต่เพิ่มกิเลส
โลกียธรรมนั้นตื้นเขินรู้ง่าย แน่นอนโลกุตรธรรมนั้นรู้ได้ยาก
ความสุขนั้นเป็นมายาที่โง่ ความสุขหยาบๆไปหลงเรื่องเลวร้ายเรื่องเลว ความสุขตั้งแต่เป็นเจ้าโลกสร้างอาวุธฆ่าคนได้เป็นจตุมหาราช เป็นสวรรค์ชั้นที่เลวร้ายที่สุดเลย แล้วเขาก็ว่าเขาเป็นสุข เขาเป็นจอมยักษ์มาร จตุมหาราชเขาไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นคนพวกนี้มีแต่เพิ่มกิเลสโดยไม่รู้ตัวเอง
สรุปข้อ 4 นี้จิตวิญญาณประชาชนต้องลดกิเลสและเจริญเป็นอาริยะ
-
อาริยชนคืออริยกะ(คนเจริญ)แท้ ไม่ใช่มิลักขะ(คนเถื่อน) อริยกะแท้ คือผู้ใช้ศีลพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องวัดได้จากกายกรรมของคน-วจีกรรมของคน ซึ่งมาจาก“มโนคติ-มโนทัศน์”เป็นประธาน บัญชาการ ใจของเรานี่แหละเป็นผู้บัญชาการหรือใจของเรานี่แหละเป็นพระเจ้าของเรา