660728 จรณะ 15 คือการยืนยันหลักปฏิบัติไม่ผิดของพุทธ รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #32 ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/15Pfvnt7BHw2xQ6HoQ93UjQRQwoyLKGmW/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/11Ayb9BfpzTL6XuGjl_GzH8iz5SczVwbK/view?usp=sharing
และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/660728–15-e27g0rr
ดูวิดีโอได้ที่https://youtu.be/bqPMQ6tgKTY
และ https://www.facebook.com/100078722032092/videos/3664051557151240/
พ่อครูว่า…เจริญธรรมทุกๆคน วันนี้วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก พ่อครูออกอากาศที่ชั้น 4 เฮือนศูนย์สูญ
เราก็มาสู่ที่จะเจรจาพาทีเรื่องราวที่ควรจะพูดกันไป บางทีเขาก็เรียกว่าธรรมะ บางทีเขาก็เรียกว่าเรื่องสังคม บางทีเขาก็เรียกว่าการเมือง บางทีก็เรียกว่าเรื่องเศรษฐกิจ บางทีเขาก็เรียกว่าเรื่อง สัมมมาปิ เรื่องปกิณกะ ว่าไป คนเรานี่มันจุกจิกดีนะ
SMS วันที่ 24-27 ก.ค. 2566
อรหันต์จะไม่ยึดแม้แต่ร่างกายนี้ว่าเป็นเราเป็นของเรา
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
ลูกได้ฟังว่าพ่อครูแม้ว่าจะนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล พ่อครูก็ยังประสงค์จะเทศน์ ลูกซาบซึ้งในความกรุณาของพ่อครูมากค่ะ ฟังมาว่าการผ่าตัดครั้งนี้หมอใช้วิธีฉีดยาชา และหัวใจของพ่อครูยังทำงานนิ่งมาก ลูกขอกราบเรียนถามว่า ขณะผ่าตัดพ่อครูรู้สึกอย่างไร ยังเจ็บบ้างไหม พ่อครูคิดอะไรคะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า… อยากจะรู้ไปหมดเลยนะ ตอนที่ไปผ่าตัด เขาใช้วิธีฉีดยาชา เพราะว่าไม่ได้ผ่าตัดใหญ่อะไร ผ่าตัดแผลที่ขา คว้านเอาเนื้อไม่ดีออกไป หมอเขาเห็นว่าควรทำ เพราะว่าทิ้งไว้เดี๋ยวจะกลายเป็นมะเร็ง เอาไปตรวจดูถึงรู้ว่าเป็นมะเร็ง เขาใช้ฉีดยาชา มันก็ชาไม่รู้สึกอะไร มันไม่เจ็บไม่ปวด เขาฉีดยาชาแล้วดูเหมือนจะฉีด 2 เข็ม ฉีดยาชาเข็มแรกเขาก็ถามว่าเจ็บไหม อาตมาก็ว่าไม่เจ็บ เขาก็ขอฉีดอีกเข็มเสริม มันก็ยิ่งไม่เจ็บ
ถามว่าหัวใจพ่อครูยังทำงานนิ่งมาก หมอเขาก็ชม อาตมาก็ปกติไม่ได้มีความรู้สึกว่าเขาจะผ่าเขาจะตัด หรือเราจะต้องกลัว จะวอบแวบไม่มี จิตอาตมาก็ปกติ จะผ่าก็ผ่าไป แต่เขาเอาผ้ามากั้นไม่ให้เห็น เอาฉากมากั้น ขายืดยาวไปข้างหน้า ไม่ให้อาตมาเห็นมือหมอเอามีดลงอะไรต่ออะไร แต่มันก็รู้ว่าเขากำลังทำอยู่ ก็เห็นหัวหมอ เห็นมือแขนหมอขยับๆ มันก็เดาได้ว่าผ่า ไม่ได้หลับอะไร ก็มีความรู้สึกปกติ ก็เห็นเขาผ่า ไม่เห็นเขาผ่าแต่รู้อิริยาบถส่วนอื่น ก็ทำไปทำไปจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย ผ้าก๊อซห่อปิดพลาสเตอร์พันเสร็จเรียบร้อย เขาถึงเปิดฉากให้เห็นดู จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็เต็มไปด้วยผ้าก๊อซหุ้มอยู่ ขาโตขนาดนี้แน่ะ
เขาก็รู้สึกได้ ใครก็รู้สึกว่าอาตมาไม่ได้กลัวไม่ได้สะทกสะท้านอะไรก็เฉยๆเขาก็ทำงานไป คิดอะไรก็คิดบ้าง จะปรุงธรรมะธรรมโมอะไรไป ดูอะไรไปก็ธรรมดา ตามสิ่งที่มันสัมผัสข้างหน้า จะคิดอะไรก็คิด ไม่ได้จำ ตอนนั้นไม่ได้จำ แต่ก็สบายๆมันมีอะไร ผิดปกติอะไร คนเขาก็ทำงานกับแข้งกับขาของเราจะผ่าจะเฉือนก็ทำไปสิ เราก็ดูของเรา หมอเขาก็ทำของหมอไม่เกี่ยวกัน หมอเขาก็ทำหน้าที่ของหมอ แม้จะมาเกี่ยวกับขาเรา ขาก็ขาที่เราอาศัยมันเท่านั้นไม่ใช่ของของเรา มันก็ดีเขามาปรับปรุงให้ มันก็เหมือนบ้านเหมือนเรือน บ้านมันไม่ดี มันชำรุด มันผุมันพังเขาก็มาซ่อมมาแซม ก็ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร มันก็เหมือนอย่างนั้น
ส่วนใหญ่คนจะตื่นเต้นที่คนที่ยึด อันนี้มันละเอียดใครที่ยึดเป็นเราเป็นของเราก็ไปตื่นเต้นหมด เอาล่ะพูดหยาบๆไว้แค่นี้ก็แล้วกัน ไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา เสร็จแล้วมันจะถูกกระทบกระเทือนจะถูกเปลี่ยนแปลงก็กลัว เอาความรู้สึกสามัญ กลัวเจ็บกลัวปวด กลัวไม่ปกติอะไรต่ออะไรก็เป็นไป อาตมาไม่ได้มีความรู้สึกพวกนั้น
ที่พยายามขยายความให้ฟังเพื่อให้เห็นว่า จิตใจของคนเป็นอรหันต์หรือจิตใจของคนที่ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอะไรเป็นเราเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ร่างกายของเรา สรีระก็ไม่ใช่สรีระของเรา ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น มันก็ไม่มีปัญหาอะไร มันก็เฉยๆ
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง กราบขอบพระคุณ ท่านปัจฉาที่ดูแล เอาใจใส่พ่อท่านเป็นอย่างดี และคอยแจ้งข่าวของพ่อท่าน ให้พวกได้คลายความกังวลใจได้ค่ะ
พ่อครูว่า… ขอบคุณที่เป็นกังวลใจห่วงหาอาวรณ์ มีความผูกพันสัมพันธ์ ขอขอบคุณก็ดีแล้วล่ะ ไม่มีอะไรไม่น่าห่วงอะไรมากมาย มันแผลยังไม่หายดีก็กว่าเขาจะเอาผ้าเอาอะไรต่ออะไรที่พันออก อย่างที่เขานัดไว้ก็ 7 วันนี้ก็ผ่านไป 2 วัน เหลืออีก 4-5 วัน มันก็มีความรู้สึกว่ามันหายแสบ ตอนแรกๆใหม่ๆก็มีแสบ แต่ไม่มากหรอกแล้วก็ค่อยๆลดลง แต่มันยังมีเจ็บ มันคงจะเป็นความช้ำระบมที่มันเป็นแผลที่มันกำลังปรับตัว มันก็เลยรู้สึกอย่างนั้น มันมีนิดๆ มันไม่มีมาก แต่มันก็เจ็บคือมันไม่ปกติ เวลาลงน้ำหนักเวลาจะเคลื่อนตัวจะเหยียดมันก็รู้สึกว่ามันเจ็บนิดๆ แต่เราก็ไม่ได้เจตนาจะให้มันเจ็บมากก็เลยโขยกเขยกเอา
ทำไมพ่อครูไม่ฟื้นฟูพรรคพลังธรรมแต่ตั้งพรรคสัมมาธิปไตยแทน
_ช่อทิพ หนูทอง · เรียนถามพ่อครูว่า ทำไมตั้งพรรคสัมมา ทำไมไม่กลับไปฟื้นฟู พรรคพลังธรรม คะ? เรียนถามพ่อครูว่า..เราจะป้องกันไม่ให้พวกเครื่องแบบสีเขียวมาครอบงำพรรคสัมมา เหมือนตอนตั้งพรรคพลังธรรม คะ?
พ่อครูว่า… ก็ตอบอย่างที่คุณคิดก็มีส่วน พรรคพลังธรรมนั้นไม่ใช่อาตมาเข้าไปเกี่ยวพัน หรือว่าไปมีส่วนบงการแนะนำ หรือเป็นที่ปรึกษา ห่าง พรรคพลังธรรมกับพรรคสัมมา อาตมาเป็นที่ปรึกษาพรรคพลังธรรมห่างกว่าพรรคสัมมา ชื่อเต็มๆก็พรรค สัมมาธิปไตย อันนี้อาตมาใกล้ชิดกว่า
ถ้าไปเอาพรรคพลังธรรมมา เดี๋ยวคุณจำลองแต่ก่อนนี้เขาเคยเป็นหัวหน้าพรรคมันจะรู้สึกว่า ความรู้สึกของเขามันจะมีอยู่ อาตมาไม่อยากให้มีความรู้สึกอย่างนั้นจากคุณจำลองหรือใครๆ ก็เลยตั้งขึ้นมาให้พวกเรารู้สึกว่าอันนี้เป็นพรรคอิสระเป็นพรรคของเรา โดยไม่ได้ไปเกี่ยวพัน ไม่ได้สืบเนื่อง ไม่ได้ต่ออะไร จะต่อก็ต่อกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อกับธรรมะพระพุทธเจ้าโดยตรงเลยเจตนาอย่างนั้น ไม่ได้เกี่ยวหรอกพรรคพลังธรรม ไม่เกี่ยวกับสีเขียวที่จะมาครอบงำวุ่นวาย พรรคพลังธรรมก็ไม่ ยิ่งพรรคสัมมาธิปไตยยิ่งไม่เกี่ยว
ชีวิตคนสูงสุดจบที่การเสียสละการให้
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงพ่อท่านจบลงได้ คือเสียสละ กราบสาธุกับท่าน ส.ฟ้าไท ส.ด่วนดี และ สม.กล้าข้ามฝัน ที่นำเอาคำสั่งสอนของพ่อท่านมาขยายมาให้พวกเรามาย่อยให้ได้ความสมบูรณ์มากขึ้น กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า… เดี๋ยวค่อยมาทวนตรงนี้ จบลงได้คือเสียสละ
ดีก็ได้ทราบความจริง พวกเราก็ได้ขยายความให้ชัดเจนขึ้น
ที่นี้ที่อาตมาจบลงได้ที่เสียสละ อาตมาก็เคยสำทับในคำต่างๆที่อาตมาได้ร้อยเรียงถึงคุณธรรม คุณค่าหรือคุณธรรมของคุณค่าหรือคุณธรรมของมนุษยชาติ เริ่มตั้งแต่คำว่า อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ ลงท้ายด้วยคุณสมบัติสุดท้าย จบลงที่การเสียสละ มันเป็นสิ่งที่จบจริงๆ
ชีวิตทั้งชีวิตมีจิตวิญญาณควบคุมเป็นประธาน พระอรหันต์ขึ้นไปหมดตัวหมดตนหมดความยึดถือแล้ว อาตมาเอาคุณสมบัติหรือคุณธรรม ของพระอรหันต์มาพูด เพราะอาตมาเป็นพระอรหันต์ อาตมาก็ยืนยันได้ว่ามันเป็นอย่างนี้พระอรหันต์ที่ไม่มีตัวตน
ชีวิตที่เหลือของพระอรหันต์ไปมันไม่มีอะไร มีแต่ให้กับให้ มีแต่เสียสละ สรีระร่างขันธ์ที่มีจิตเป็นประธานควบคุมดูแลก็เกิดกายกรรมวจีกรรมออกมา เกี่ยวพันกับข้างนอกเขา ก็มีแต่ทำเพื่อให้เพื่อเสียสละ และพิสูจน์ความเป็นคนสูงสุด จบกิจหรือว่าเป็นพระอรหันต์ขึ้นไปแล้ว มันมีกายกรรมวจีกรรมมีแต่ทำงานเพื่อรับใช้ปวงชน รับใช้โลก มีแต่ให้โลกเขา ตัวเราไม่เอาอะไรเลย ชีวิตให้คนอื่นเขาเลี้ยงไว้ ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา ใครเห็นคุณค่าก็เลี้ยงไว้ใครเขาไม่เห็นคุณค่าเขาก็ไม่เลี้ยง ปล่อยให้ตายยัง ขออภัย จิตที่มันมีตัว สัญจิจจะ มันมีจิตที่จะเดินต่อเป็นเจตภูติต่อ ที่มันจะแสดงออกไปมันบอกว่า ปล่อยให้ตายเหมือนหมาตัวหนึ่ง ไม่เลี้ยงไม่ดูไม่แลเลย
มันพิสูจน์ว่าคนเรา เป็นคนกายกรรม วจีกรรมของเราที่จะมีพฤติอยู่ในโลกต่อไป มันมีประโยชน์ไหม มีคุณค่าต่อโลกต่อมนุษยชาติต่อสัตว์โลก ต่อดินน้ำไฟลม ต่อพืชพันธุ์ธัญญาหาร ต่ออะไรต่ออะไรไหม ถ้าคนมีกายกรรม วจีกรรม ที่มีประโยชน์คุณค่า โดยเฉพาะคนเขาเห็นคุณค่า เขาไม่ปล่อยให้ตายง่ายๆหรอก ต้องสอดใส่อะไรเอาไว้หรือมาต่อสายอีรุงตุงนังเราไม่เอานะ มันหนักขนาดนั้นก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติได้เท่าไหร่เท่านั้นก็พอ ไม่ต้องมาใส่สายอะไรไม่เอา
ในที่สุดอาตมาจะกลายเป็นมนุษย์พืชก็ไม่ต้องใส่ท่อใส่อะไรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แม้แต่จิตมันจะดรอปไปหามนุษย์พืชแล้วไม่รู้เรื่องแล้ว เขาจะรักษาชีวิตไว้ ถ้าเป็นมนุษย์พืชแล้วไม่ต้องเสียบต้องใส่อะไรแล้ว คุณไม่บาปหรอก ปล่อยให้ตายก็ไม่บาป เพราะว่าระดับตกไปเป็น พีชนิยาม มันไม่มีเวรภัย ไม่มีบาปบุญอะไรแล้ว
เพราะฉะนั้นคนที่ไปถอดท่อจากมนุษย์พืชออก มันไม่บาปหรอก ขออภัยนะที่พูดนี้ หลายคนจะบอกว่าเขาก็นึกถึง ญาติโกโยติกา ถึงแม้จะเป็นมนุษย์พืชก็ยังเอาไว้ไม่ให้ตาย เขาก็อย่างนั้นเท่านั้นเอง ก็เป็นเรื่องของจิตวิญญาณของมนุษย์
สภาพยอดเยี่ยม 8 ประการของศาสนาพุทธ
_เมฆงาม โชควิบูลย์กิจ · กราบนมัสการพ่อครูสมณะสิกขมาตุทุกท่านพร้อมพี่น้อง 4 ฐานะค่ะได้รับเรียนรู้จากพ่อครูสอนดีมากเลยค่ะ ยิ่งบอกว่าพืชผักผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ได้แจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ดีมากเลยค่ะ สาธุ สาธุในกุศลกิจตลอดระยะเวลาปีที่ผ่านมายอดเยี่ยมมากที่สุดในโลกนี้ค่ะ
พ่อครูว่า… คุณรู้สึกว่าเข้าใจได้ประโยชน์เป็นคุณค่า คุณก็บอกว่าดีมาก คนที่เขาฟังไม่รู้เรื่องเขารับไม่ได้ เขาอาจจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่อง ไม่ถูกทางของเขา เขาก็บอกว่าไม่ได้ดีมากอะไร มันพูดอะไรวะมันมาจากไหนเอาตำแหน่งมาเป็นนักบวชของพระพุทธเจ้าก็ว่าไป มันก็เป็นความเห็นของคนแต่ละคน คุณมองเห็นประโยชน์คุณก็ว่าไปอย่างนี้
คุณมาช่วยกันเก็บไปแจกสิ เมฆงามอยู่ที่ไหน มันโตทันคนเก็บแน่นอน ไม่มีหมดหรอก เก็บได้มุมนั้นมุมนี้เก็บไปแจกไปใส่กระท่อมปันบุญหรือไปแจกที่อื่นก็ว่าไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ นี่แหละคือปลาย เรื่องการเสียสละ สุดท้ายก็เพิ่มพูนความเสียสละ เพิ่มพูนการเสียสละ ชีวิตมนุษย์สูงสุดก็มีแต่เสียสละและก็พยายามเสียสละให้ได้มากขึ้น เรียกว่า เพิ่มพูน ให้ได้มากขึ้นมากขึ้นไป มันก็เป็นคำจบของความสมบูรณ์ของคุณธรรมมนุษย์แล้ว
คุณธรรมของเราก็มีจิตวิญญาณอันนี้กันก็ทำ สังคมของเราทำอันนี้อยู่ มีแต่วันๆหนึ่งก็พากันไปเสียสละ แจกจ่าย เจือจาน เกื้อกูลคนอื่นได้มากเท่าไหร่ มันก็สุขสำราญเบิกบานใจ
นั่นแหละ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เขาคนที่ได้รับมีปฏิคาหก เราเป็นทายกได้ให้ก็สุขสำราญเบิกบานใจ มีผู้รับผู้ให้ เพราะสิ่งที่ให้นี้เขาก็ยินดีไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นพิษภัยเลวร้าย แต่เป็นสิ่งดีสิ่งวิเศษเอาไปใช้กินอยู่ได้เลี้ยงชีพได้ยังชีพได้ เป็นสิ่งที่มีค่าเป็นปัจจัยของชีวิต อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ
อาตมาว่าอาตมาเรียบเรียงคำทั้ง 8 คำนี้ มันสมบูรณ์แบบแล้วในการที่จะทำให้มนุษยชาติมีคุณธรรมอันนี้ได้ ในพวกเราชาวอโศกที่อยู่นี้ เราจะมีความรู้สึก 8 อย่างนี้ไหม แต่ละวัน แต่ละวัน ถ้ารู้สึกว่ามีอันนี้จริงๆก็แสดงว่าอาตมาไม่ได้โมเม ไม่ได้กล่าวตู่ ไม่ได้มาขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแกอะไร มันเป็นสัจจะจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วอาตมาก็พอใจในสิ่งที่ทำงานได้เข้าเป้าของเจตนารมณ์ของธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้า
คนโลกุตระจะจบด้วย 8 ข้อ จะจบด้วยความจิตจะมีอิสระ มันบอกยาก อธิบายไม่หมด คนทั้งโลกต้องการอิสระ แต่เทวนิยมเขาไม่เป็นอิสระ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นทาสของพระเจ้า เทวนิยมที่มีพระเจ้าเป็นนายเขา ไม่อิสระตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ของพระพุทธเจ้าอิสระสมบูรณ์เลยเป็นนัตตาของตัวเอง หมดกิเลสแล้วไม่มีตัวตน ก็ไม่มีใครเป็นเจ้า หมด ถ้าไม่หมดกิเลส คุณก็มีกิเลสเป็นเจ้า กิเลสนี่แหละพระเจ้า พระเจ้านี่แหละคือ กิเลส
ถ้าให้ชัดลงไปคือ กิเลสก็คือพระเจ้า กิเลสก็คือซาตาน ซาตานก็คือพระเจ้า พระเจ้าก็คือซาตาน แต่เขาอวิชชา เขาไม่รู้ 2 ใน 1 ไม่รู้ 1 ใน 2 ถ้ารู้ 2 ใน 1และ 1 ใน 2 อันนี้ แล้วก็อยู่เหนือความเป็น 1 เป็น 2 ชีวิตจะมีชีวิตก็มีอยู่กับความมีและไม่มีเป็น 2 และก็รู้ว่าไม่มีอย่างไร มีอย่างไรอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเรายังมีชีวิตก็มีไป มีเหตุปัจจัยของชีวิต มีกายกระทบสัมผัสอย่างนั้นอย่างนี้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เรากระทบ เราก็อยู่กับสภาพที่มีเป็นของจริง ที่มีภาวะสัมผัสแล้วก็เกิดเวทนา เราก็กำหนดรู้เราจะปรุงแต่งอย่างไร เราก็ปรุงแต่งกันไปตามควร สังขาร วิญญาณ เราก็ว่างๆสบายๆ ไม่สุขไม่ทุกข์สูงสุด
ก็จริงของคุณนะ มันยอดเยี่ยมในโลกนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นสังคมใดในโลกทำได้อย่างนี้ แล้วก็มีสภาพเป็นอยู่ได้ด้วยคุณภาพ 8 ชนิดนี้ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ ได้อย่างนี้แล้วก็เป็นการจบพฤติกรรม พฤตินัย ใครยังเหลือ ไม่จบ มากน้อยเท่าไร ก็ทำให้จบ
พ่อครูนำประท้วงรัฐบาลเลว อย่าเอาคนกิเลสหนาตัณหาจัดมาเป็นนายกฯ
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูคะ ลูกไม่เคยคิด ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่าประเทศไทยเคยมีพ่อครูเคยนำพามวลชนออกไปประท้วงผู้นำทุจริต พ่อครูทำอย่างไรคะ ซึ่งลูกคิดว่าคนรุ่นหนุ่มสาวปัจจุบันอาจไม่เคยรู้ว่ามี นักบวชมานำพาหรือรู้แต่รู้ผิด ๆ เขาก็รับไม่ได้ค่ะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า… ในโทรทัศน์เราก็ออกรีรัน เอาภาพเก่าๆที่อาตมาออกไป อาตมาไม่ได้ไปแสดงตัวทำเท่ห์ทำใหญ่ทำเป็นผู้นำอะไร ไม่ใช่ แต่พวกเราชาวอโศกเรารู้ดีว่าอาตมานำ และอาตมาก็นำตั้งแต่พาพวกเราไปประท้วงตั้งแต่ออกไป แล้วก็ไปตั้งแถวอยู่ที่ถนนราชดำเนินใน แล้วก็เดินตั้งแถวนำขบวนเข้าสู่สนามหลวง เดินอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คนข้างทางเขาก็มีด่าบ้างก็มี มาไหว้ก็มี แต่ดูเหมือนจะมาด่ามากกว่ามาไหว้ เพราะเขาคงไม่เคยเห็นพระมาเริ่มต้นที่จะมาทำ เขารู้ว่าจะมาตั้งหน้าตั้งตาประท้วง แล้วเราเข้าสู่สนามหลวงตั้งแต่ พ.ศ 2549 เข้าไปในเต็นท์ไหว้พระสวดมนต์ แล้วก็อยู่กันไปอีกนานเลย จนกระทั่งขึ้นเวทีว่าอะไรต่ออะไรไป จนกระทั่งเราพยายามมีโทรทัศน์ แล้วก็มีเวทีเองมีโทรทัศน์เอง มันก็ก้าวหน้าพัฒนาไป
มันก็เลยกลายเป็นว่าคนที่เขามี Concept ว่า พระไม่น่ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองขนาดนี้ เขาก็ตัดทิ้ง ว่าอาตมาไม่ใช่ภิกษุของศาสนาพุทธ ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธเจ้า เขาก็ตัดทิ้ง อาตมาก็ไม่มีปัญหาสำหรับคนที่เขาเข้าใจไม่ได้ แต่อาตมาก็มั่นใจว่าอาตมาทำงานนี้เป็นการเสียสละ ทำงานนี้เพื่อมวลประชาชนให้เป็นอยู่สุข และอาตมาทำไปแล้ว ผลมันก็ออกมาดี
อาตมาไม่ต้องพูดและคนเขาก็ไม่คิด เพราะเราไม่ได้ผูก ไม่ได้ไปกำหนด ไม่ได้ไปยึดเป็นเจ้าของเจ้าของอะไร ไปทำงานทำให้ระงับพฤติการณ์ของผู้บริหาร เรียกกันสรุปว่า รัฐบาลทรราช เราก็ทำให้รัฐบาลทรราชตั้งแต่รัฐบาลทรราชทักษิณ รัฐบาลทรราชสมัคร รัฐบาลทรราชสมชาย รัฐบาลทรราชยิ่งลักษณ์ เราก็ไปประท้วง เป็นช่วงๆตั้งแต่ 2549 จนปี 2557 จนเรียบร้อย ยิ่งลักษณ์จบ แล้วพลเอกประยุทธ์มารับไม้ต่อ ที่อาตมาบอกว่าไม่ได้เป็นเผด็จการ ไม่ได้มายึดอำนาจอะไร แต่ต้องพูดไปตามประสาโลก ภาษาสมมุติโลก ว่าผมขอยึดอำนาจ
แล้วก็ต้องทำแบบนั้น มันต้องทำรูปธรรมให้เป็นแบบนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นเขาไม่รู้เรื่องกันไปอธิบายได้อย่างไรก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอยึดอำนาจ” ทั้งๆที่ตอนยึดอำนาจนั้นคนรักษาการก็ไม่มีอำนาจ ขาลอยหมดแล้ว เป็นแต่เพียงเหลือแต่ร่องรอย มันเป็นสมมุติในโลกที่ยังมี
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาก็บริหารประเทศ ขอยึดอำนาจก็คือบริหารประเทศขึ้นเป็นนายกตั้งแต่บัดนั้น พวกเราก็สบาย นายกตู่ พลเอกประยุทธ์ก็บริหารไป ก็เข้าตาประชาชน ก็เห็นว่ามันเป็นคุณค่าเป็นประโยชน์ ทำได้ดี มาจนกระทั่ง 8-9 ปี เดี๋ยวนี้ก็ยังทำงานเป็นนายกอยู่ ที่จริงทำงานเป็นนายกอยู่จะเรียกว่ารักษาการ นายกทำหน้าที่เต็มอยู่ เขาก็เห็นว่ามันมีเรื่องมีราวตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมายเลือกตั้ง ไม่มีการได้รับเลือกตั้งได้คะแนนมากมายแล้วก็ทำท่าทีจะสรุปผลว่าจะเป็นนายก ทั้งที่ยังไม่ได้สรุปผลจริงเลยว่าเป็นนายกได้ แต่เขาอยากจะเป็น เขาก็โมเมว่าเขาเป็นแล้ว ยังไม่ได้เอารายชื่อขึ้นทูลเกล้าในหลวง อะไรต่างๆนานาก็ยังอีกตั้งไกล แล้วก็ดูท่าที มันจะได้เป็นหรือพิธาเอย เขาบอกว่าผมนี่แหละนายกคนที่ 30 อะไรอย่างนี้ จนป่านนี้ตกไปหรือยัง ตกไปแล้วด้วย เห็นไหม
นี่มันคือกิเลสของตัวคน แล้วก็หลงตัวหลงตน ไม่อยู่กับร่องกับรอย แค่นี้แสดงกิเลสออกหน้ามีแต่กิเลสออกหน้าไป คนกิเลสขนาดนี้จะมาเป็นผู้นำของประเทศ มันด่างพร้อย ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกเลย คนกิเลสหนาตัณหาจัดขนาดนี้ มันไม่สมควรเลย จำเอาไว้คนๆนี้
แล้วอาตมาไม่เชื่อว่ากิเลสเขาจะน้อยลง ถ้าเขายังเอาอีก กิเลสเขายิ่งสูงขึ้นหนาขึ้น แล้วคุณจะเอาคนที่กิเลสขนาดนี้ ขนาดที่เขามีขนาดนี้ยังแสดงออกขนาดนี้ ถ้าเขามาอีก เขายิ่งจะแรงกว่านี้อีกนะกิเลสเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอีก แล้วจะเอามาเป็นนายกรัฐมนตรีเอาคนกิเลสหนามาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง เห็นแก่ตัวเห็นแก่พวก เห็นแก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อย่างนี้อยู่ แต่เขาก็ทำที่ซ่อนพรางไปตามประสาเขา เพราะฉะนั้นอาตมาว่า ดีไม่ดีมันจะหนักกว่าทักษิณก็ไม่รู้ได้ ให้ระวัง อาตมาก็ให้สัญญาณเอาไว้ นี่ก็พูดแต่ความจริงใจ
สงสารนะเขาไม่น่าจะมีกิเลสขนาดนี้ แต่มันช่วยไม่ได้เขามีของเขา อาตมาก็พูดไปตามเนื้อผ้า
_Focus Tan โฟกัส แทน : วาทะสั้นๆ แต่สั่นสะเทือนหัวใจคนรักชาติ “คนที่ลืมรากเหง้าของตนเอง ทรยศมาตุภูมิ และทำชาติแตกแยก จะเจอจุดจบที่ไม่ดี“ “สี จิ้นผิง”
พ่อครูว่า… ชัดเจน อาตมาไม่ขยายความ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าหาที่สุดไม่ได้ แต่หาที่สุดได้คือ 0
_เพียรผ่องพุทธ กล้าจน · น้อมกราบนมัสการหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ ลูกตั้งใจน้อมฟังธรรมะทุกครั้งได้ประโยชน์พัฒนาขัดเกลาจิตวิญญาณตัวเองให้ผ่องใสใจสงบมีสมาธิมากขึ้น มีปัญญาในการอ่านจิตได้ทันที่เจอผัสสะ เช่นในเรื่องอาหาร แม้ได้กินอาหารที่ไม่สมดุลกับตัวเองแต่ต้องอาศัยกินเลี้ยงกาย ใจก็ยินดีมีสุข พิจารณาว่าผู้ปรุงก็มีจิตทำกุศล อาหารก็เป็นอุตุนิยามแล้วมันปรุงอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่คนกินนั่นเองเป็นคนปรุงต่อว่าชอบหรือชัง กินเอาประโยชน์เท่าที่ร่างกายต้องการไม่แน่นท้องเกินไป ใจเราก็เบา ร่างกายก็เบาสบาย ทำให้กินอาหารในชามนั้นได้หมดจาน ตอนแรกกิเลสมันไม่อยากกินเพราะรู้สึกไม่สมดุล แต่พอลูกได้ล้างความไม่ยินดี ให้ยินดีได้ ก็กินอาหารได้รสดี หมดจานค่ะ ตั้งจิตว่ากินมื้อเดียว ร่างกายแม้กินอาหารไม่มากแต่ก็รู้สึกอิ่มเต็มได้ถึงเช้าวันใหม่ค่ะ. กราบขอบพระคุณที่เมตตาสาธยายธรรมมะที่ให้ได้นำองค์ความรู้มาสนับสนุนการเรียนปริญาโทในการทำวิจัยได้มากค่ะ.กราบ
พ่อครูว่า… นี่เป็นผลจากเราเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสาธยายคุณเพียรผ่องพุทธก็เลยได้ประโยชน์ ได้ความรู้ความเข้าใจอันนี้ไป ไปทำงานศึกษาปริญญาโทได้ เป็นการวิจัยทำปริญญาโท ธรรมะที่อาตมาพูดพวกเราได้เอาไปใช้ทำปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เยอะ หลายร้อยคนแล้ว
อันนี้อาตมาก็ว่ามันเป็นสัจธรรม ฟังธรรมะที่อาตมาอธิบายมาแล้ว แล้วก็เอาไปทำวิจัย เอาไปทำ Thesis เอาไปทำประโยชน์ในการศึกษาจบปริญญาตรี โท เอก กันมาเยอะแล้ว ก็ดีเป็นสัจธรรม
แสดงว่า แม้ว่าอาตมานี่จะเป็นหมาหัวเน่าในประเทศไทย ในวงการศาสนาพุทธ ที่พุทธกระแสหลักเขาตีตราให้อาตมาเลย เป็นหมาหัวเน่าของศาสนาพุทธ เป็นกบฏของศาสนาพุทธ แต่อาตมาก็ยืนยันเอาสัจธรรมนี้ประกาศ เขาต้านเขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะปิดประตูไม่ให้อาตมาแสดงออกได้เลย พูดไม่ได้ แสดงออกไม่ได้ แต่สุดท้ายสัจธรรมของอาตมาถูกปิดไม่ได้
แม้ที่สุดก็เอาเรื่องทางธรรมะไม่ได้อยู่แล้ว เขาก็เอาเรื่องทางโลกมาปิดปากอาตมา ไม่ให้อาตมาจัดการเลย แต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกหรือกฎหมายสากล มันก็เป็นสัจจะมันปิดไม่ได้ นี่มันสุดทาง ปิดให้อาตมาไม่ให้แสดงธรรมที่เป็นสัจธรรมที่ควรมีในโลก แสดงว่าประเทศไทยยังมีผู้มีภูมิธรรม มีผู้รู้และมีกฎหมาย จะเป็นส.ส. จะเป็นผู้ดูแลกฎหมายอยู่ก็ทำกฎหมายออกมา แล้วกฎหมายเหล่านั้นก็อยู่ในความถูกต้องไปตามธรรม
เขาใช้กฎหมายกับอาตมาไม่รู้กี่ประเด็น สุดท้ายเขาทำให้อาตมาผิด แต่อาตมาไม่ได้ผิด อาตมาแพ้ เขาทำให้อาตมาผิด เขาเบี้ยว เขาเบี่ยง เขาเลี่ยง เขาหลบ พูดได้ตรงๆเลยว่าทำเท็จ เอาอาตมาผิดด้วยความเท็จ จริงๆแล้วอาตมาก็ไม่ได้ผิด ไม่ได้มีเท็จ แต่เขาผิด เขาเท็จ เขาทำจนกระทั่งเขาชนะ เขาชนะสมมุติ แต่โดยปรมัตถ์แล้วเขาไม่ได้ชนะอาตมาเลย อาตมาบอกว่าอาตมาแพ้ได้ เขาจะลงโทษผิดกฎหมาย จนกระทั่ง ตราลงโทษทางกฎหมายจริงๆให้อาตมารอลงอาญา 2 ปีนะถูกตัดสินสุดท้าย ถึงศาลที่ 2 ศาลอุทธรณ์ จะเป็นศาลฎีกา ท่านทนายทองใบจะบอกว่าให้ฎีกาอีก อาตมาบอกว่าไม่เอาแล้ว เขาจะให้ผิดก็ผิดเลย จบ ไปลองมาถึง 2 ศาลแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ผิดอยู่แล้วต่ออีกก็ผิด อาตมาว่าไม่ต้องเสียเวลาหรอก เขาจะให้ผิดก็ผิดไปก็แล้วกัน แต่อาตมาไม่ได้ผิด เขาจะเอาผิดแบบสมมุติโลกก็แล้วไป แล้วอาตมาก็ได้ทำอยู่ตามธรรมะ อาตมาภาพปฏิบัติธรรม ประกาศธรรม ขยายธรรมะ อย่างทุกวันนี้ยิ่งขยายลึกซึ้งละเอียดตามความเห็นของอาตมาตั้งแต่ต้นตั้งแต่เริ่มแรก มาจนถึงทุกวันนี้อาตมาก็ยังอธิบายธรรมะตามทิฏฐิของอาตมา ตามความรู้ความเชื่อมั่นของอาตมาว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสัจจะของพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งมันยิ่งยืนยันชัดเจน
ถ้าอาตมาไม่ถูกค้านแย้งโลกหรือว่าสังคมพุทธในโลก หรือกระแสหลักนี่แหละ เขาก็เป็นคนถูกสิ อาตมาก็เป็นคนผิดสิ ถ้าเผื่อว่าสัจธรรมมันเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วนี่ เขาผิด อาตมาถูกต่างหากอาตมาจึงแสดงธรรมที่จริงแต่เป็นหมู่น้อยที่ไม่สงสัย แน่นอนเขาเป็นหมู่ใหญ่ เพราะยุคนี้เป็นยุคพุทธศาสนาโลกุตรธรรมมันเสื่อม คนมันเสื่อมไปจากโลกุตรธรรม ตามจริง ตามสัจจะเลย ตามไตรลักษณ์ ตามคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าว่า โลกุตรธรรมมันเสื่อม เสื่อมจนไม่มีเลยอาตมาเอาโลกุตรธรรมมาเปิดเผยตั้งแต่ต้นจนจบ จบใน
ธรรมะทุกๆขบวน แล้วก็ยังจะว่าต่อไปอีก
อาตมาแสดงธรรมจบในตัวทุกวัน แต่คนไม่เคยรู้ว่าจบ แต่มันก็มีต่อเนื่องขยายความไปได้อีกจนหาที่สุดไม่ได้ เพราะธรรมะพระพุทธเจ้าที่สุดแห่งที่สุดคือหาที่สุดมิได้ แต่หาที่สุดได้คือ 0
ธรรมะของพระพุทธเจ้าหาที่สุดไม่ได้ แต่หาที่สุดได้คือ 0
ถ้าไม่เข้าใจก็งงไปก่อน
_@kallayarachsamphao กัลยา ราชสำเภา4570 • กราบเท้า นมัสการพ่อท่านด้วยความศรัทธา เหนือเศียรเจ้าค่ะ กราบเท้านมัสการท่านสมณะและสิกขมาตุ เจริญธรรมสำนึกดีญาติธรรมทุกท่านคะ น่าเสียดายที่วันที่พ่อครูเทศน์ สัญญาณ เสียง ซ่ามาก ดังกลบเสียงพ่อท่านมากเลยค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าเป็นเสียงฝนตกที่ประเทศไทย หรือขัดข้องทางเทคนิคหรือเปล่า แจ้งให้ทราบจากเยอรมันนีค่ะ
พ่อครูว่า… อาตมาไม่รู้นะว่ามันเกิดจากอะไร ที่ถามมานี้ตอบให้คุณไม่ได้ เอาเถอะ มันก็บกพร่องไปตามธรรมดา จะไปเอาความเที่ยงแท้ตลอดกาลนานมันคงไม่ได้ มันก็คงได้ประมาณนั้น
จรณะ 15 คือการยืนยันหลักปฏิบัติไม่ผิดของพุทธ
_นายปราโมทย์ ชื่นสุข . ลูกสาวของกระผมได้ฟังธรรมะของพ่อครูตามคำชักนำของกระผม เขาเกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นพระอาริยะขึ้นมาบ้าง เคยขอให้กระผมอธิบายธรรมะหัวข้อจรณะ 15 ให้ฟัง แต่จนแล้วจนรอดกระผมก็ยังไม่ได้มีโอกาสพูดเรื่องนี้(ตามความเข้าใจของกระผม)ให้เขาฟังเลย ส่วนปัญหาที่เป็นสักกายะของเขาขณะนี้กระผมมองว่า เขาเป็นคนกินยาก จะกินแต่อาหารที่ชอบ ส่วนอาหารที่ไม่ชอบจะนั่งพิจารณา(มอง)เฉยๆเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมงก็ทำได้ แล้วก็ไม่กิน ทุกวันนี้เขาเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก กายภาพก็ทำอยู่ ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ แต่กล้ามเนื้อแขนขาไม่ค่อยจะมีแรง บางทีจะไปหาหมอ ลูกชายกระผมก็ลองให้เขาก้าวขึ้นรถด้วยตัวเอง ขาจะยกให้พ้นพื้นรถไม่ได้ จะทรุดลงกับพื้นเฉยๆเสียอย่างนั้น ก็ต้องช่วยกันช้อนขึ้นมา สาเหตุมาจากการได้อาหารเข้าไปซ่อมแซมบำรุงรักษาร่างกายไม่เพียงพอนั่นเอง ขอพ่อครูโปรดเขาด้วยเถิดครับกระผม ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
พ่อครูว่า… อาตมาจะโปรดยังไงหนอ จะบังคับเขา จะข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า กลัวมันจะไม่กินหญ้า แล้วจะไปข่มเขาโคขืนให้กินหญ้าจะทำยังไง ก็พูดไปตามพอสม
ถ้าเผื่อว่าลูกสาวคุณฟังก็ดีถ้าไม่ได้ฟังคุณก็เอาไปพูดให้ฟัง เพราะเกิดแรงบันดาลใจถามเรื่องจรณะ 15 ก็แสดงว่าเขาอยากเป็นพระอริยะจริงๆแต่ก็ดีนะ บอกว่าสนใจอยากจะฟังหัวข้อจรณะ 15 ด้วย
ก็ขอยืนยันว่าจรณะ 15 วิชชา 8 เป็นหัวใจแท้ๆของศาสนาพุทธ เป็นพุทธคุณของศาสนาพุทธ ในพุทธคุณ 9 มีตัวนี้เป็นตัวยืนยัน นอกนั้นเป็นการสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า ในอีก 8 ข้อ เป็นฉายาชมเชย เป็นคำชมพระพุทธเจ้าทั้งนั้น แต่ตัววิชชาจรณะสัมปันโน ข้อนี้เป็นหลักสูตรหรือเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ วิชชาจะระณะสัมปันโน เป็นเนื้อแท้ธรรมพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นวิชชาจรณะสัมปันโน ดูจรณะ 15 วิชชา 8 ทุกวันนี้ศาสนาพุทธเสื่อมมาก เสื่อมจนกระทั่งไม่มีแล้ว ในวงการศาสนาพุทธไทย ทุกวันนี้ เนื้อหาสัจธรรมอันที่ว่านี้ จรณะ 15 วิชชา 8 อาตมาพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่มีในวงการศาสนาพุทธตอนนี้ไม่มี มีแต่ไปเรียนเป็นดอกเตอร์ เอาบาลีเอาอะไรมาเรียนฟุ้งซ่าน เป็น โลกจินตา เป็นตรรกะ เป็นพยัญชนะ ภาษา เป็นไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ ไปโน่นเลย เป็นบัญญัติ เป็นพยัญชนะ เป็นเหตุปัจจัยของความหมายเท่านั้น ไม่ได้เข้าหาเนื้อหาที่จะต้องมาสำคัญที่ศีล จะต้องมาสำคัญที่ อปัณณกปฏิปทา 3 ตัวนี้เป็นตัวยืนยันเนื้อหาศาสนาพุทธ 1 ศีล กับ อปัณณกปฏิปทา 3
อปัณณกปฏิปทา 3 ท่านแปลกันไว้เองด้วยนะ ผู้รู้ท่านแปลทิ้งไว้ ว่า นี่คือเนื้อแท้ของศาสนาพุทธ เป็นความไม่ผิดของศาสนาพุทธ ต้องมีอันนี้ยืนยันอยู่ในความเป็นมนุษย์ ในความเป็นชาวพุทธ จะต้องมีศีลสัมปทา ต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 คือ มีหลักเกณฑ์แต่ละข้อแต่ละข้อเรียกว่าหัวข้อศีล แล้วก็ปฏิบัติ
-
ตัวศีลเป็นหัวข้อหลัก 2. ปฏิบัติก็คือ สภาพ 3. ปฏิปทา 3 ถึงจะเป็นศาสนาพุทธ ถ้าไม่มีนี่ ผิดเลย ไม่เหลือศาสนาพุทธ ถ้ามี 3 ข้อนี้ โดยมีศีลเป็นหลักอยู่ ศาสนาพุทธจึงมี ถ้าไม่มีศีล ไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ไม่มีศาสนาพุทธ ทุกวันนี้ไปดูที่เถรสมาคมที่วงการศาสนาพุทธ ถ้าเขาไม่ไปเรียนรู้แต่พยัญชนะ ตรรกะ เหตุผล ตำราที่เป็น โลกจินตาบานออกไปเอาคำสอนของอาจาริยวาทบานออกไปแล้วก็เป็นผู้รู้จบด็อกเตอร์ไปเอาปริญญาเอกพุทธศาสนาบัณฑิตเอกจากเทวนิยมเข้ามาก็ไม่รู้เรื่องว่าตัวเองทำไมมันขายขี้หน้าจะตายแล้วมันจะภาคภูมิใจอะไรที่คนเขาสอน คือเขาไม่มีภูมิที่จะสอนเลยเขาไม่มีโลกุตรธรรมเพราะเขาเป็นเทวนิยม