660703 สังคมอโศกคือสังคมสาราณียธรรมที่มีสภาวะจริง รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #28 ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1BoJWzOm3bVIO58L7F633estm08GgkWCW/view?usp=sharing
https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/660703-e26gd57
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/jFtzNXZtLPM
และ https://www.facebook.com/100078722032092/videos/802414687945704 (ท่อน1)
https://www.facebook.com/100078722032092/videos/580394117615313 (ท่อน2)
สัปปายะ 4 มีในสังคมสาราณียธรรมชาวอโศก
พ่อครูว่า…เจริญธรรมทุกๆคน วันนี้วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 แรม 1 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก เราก็มาฟังธรรมกันอีก ชีวิตพวกเราดีจริงๆ ไม่ใช่พูดเล่นๆ ไม่ใช่พูดโดยไม่มีเหตุปัจจัย แต่มีเหตุปัจจัยมีความจริงยืนยันทุกวัน นอกจากผู้ใดจะหลบหนีไป ไม่มา มีทุกวันนอกจากวันที่เกิดเหตุการณ์พิเศษจริงๆ ที่เราต้องไปทำงานอื่น ถ้าไม่ทำงานอื่น กิจวัตรประจำวันเราในเวลาเช้าก็ดี เย็นก็ดี ทั้งเช้าทั้งเย็น เราได้ฟังธรรมกันทุกๆวัน
เป็นชีวิตที่โชคดีของมนุษย์ ในมงคล 38 ก็ยืนยันข้อหนึ่งคือได้ฟังธรรมได้เสวนาธรรม คนเราทุกวันนี้นึกดูง่ายๆเถอะ คนในสังคมข้างนอก เขาไม่ได้ฟังธรรมกันเหมือนอย่างชาวอโศก โชคดีที่มีวัฒนธรรมมีกิจวัตรประพฤติปฏิบัติกันมา
อาตมามาทางธรรมะมาทางศาสนาได้พาทำมาตลอด มีวันยกเว้นที่ติดธุระพิเศษอย่างที่กล่าวแล้ว นอกนั้นก็ต้องมาฟังธรรมทั้งนั้น การที่จะรู้อะไรต่ออะไรขึ้นมา มันจะต้องได้ฟัง ปัญญาข้อ 1 ข้อ 2 ในปัญญา 8 ต้องได้ฟัง ได้ฟังจากพระพุทธเจ้าได้ฟังจากสัตบุรุษ ข้อที่ 1 ส่วนข้อที่ 2 ฟังแล้วฟังอีก ฟังมาแล้วก็ไต่ถาม ฟังแล้วฟังอีกไต่ถามแล้วไต่ถามอีก คนเราจะรู้ได้ด้วยการสื่อทางคำพูดนี้แหละดีที่สุด สื่อทางภาษาใบ้ก็ยาก เดี๋ยวนี้ไม่พูดถ้าจะรู้ไม่ฟังไปกดเอา กดเอาทางอากาศ ก็เป็นการสื่อภาษา การกำหนดคำ การกำหนดความกำหนดลักษณะ ที่จะบอกมันจะสื่อให้เรารู้ให้เราเข้าใจว่าอะไรคืออะไร แล้วเราก็ได้รู้กัน
โดยเฉพาะยิ่งสื่อไปรู้ถึงนามธรรม เป็นลักษณะของ มันเป็นลมๆแล้งๆไม่เป็นรูปธรรม ไม่มีมหาภูตรูป ยิ่งทำให้เรารู้ได้ยากแต่เราก็สามารถรู้กันได้ ศาสนาพุทธยอดเยี่ยมตรงนี้แหละ ตรงที่สามารถที่จะไปรู้อาการ ลิงค นิมิต อุเทส คำว่าอุเทส คือชี้แจงสู่กันฟังแล้วเราก็ได้รู้กันด้วย อาการ ลิงค นิมิต อุเทส
มีอาการ ฟังแล้วเข้าใจความหมายแล้วจับอาการในจิตตัวเอง จับนิมิตในจิตตัวเอง อ๋อ อันนี้ต่างจากอันนี้ อาการนี้ต่างจากอาการนี้ ตั้งแต่อาการในอาการของจิตเจตสิกเอง อาการที่มาเกี่ยวข้องกัน ปรุงแต่งกัน จนมันเกี่ยวข้องกับข้างนอกสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วไปเป็นอาการในจิตที่เรียกว่าสังขาร แล้วเราก็สามารถรู้แยกแยะได้ แยกอาการของเราที่มันเกี่ยวข้องกัน อยู่ด้วยกันอย่างไร อยู่ด้วยกันอย่างผูกพัน หรืออยู่ด้วยกันอย่างทะเลาะกัน เป็นต้น
พวกเราชาวอโศกอาตมาได้อธิบายเอาธรรมะพระพุทธเจ้าเท่าที่อาตมามี เท่าที่อาตมารู้เอามาแสดง อุเทส แสดงนิเทศ อุเทสคืออธิบายยาวๆ ส่วนนิเทศคืออธิบายสั้นๆ พวกเราจึงเป็นผู้ที่เกิดในดินแดนอันเป็นสัปปายะ มีบุคคล มีอาหาร มีเครื่องอาศัยต่างๆ มีธรรมะ ที่บริบูรณ์ด้วยสัปปายะ 4 นี่เป็นสิ่งที่เจริญพร้อมแล้ว
สัปปายะ 4 มีสถานที่ มีบุคคลแล้วเราก็อยู่ในสถานที่นี้ มีบุคคลและก็มีการสื่อกัน ไม่ใช่แต่นั่งฟังธรรมเท่านี้ แม้แต่เวลาอยู่ด้วยกันกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กระทบกันไปกระทบกันมา ก็มีการรู้กัน นัยๆ โดยปฏิภาณปัญญาสื่อกัน บอกกันในทีหรือตรงๆสอนธรรมะหรืออื่นๆ ทำงานกันไปก็สอนธรรมะกันไป บางคนก็ช่างสอนจนคนข้างๆรำคาญอะไรอย่างนี้ ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย อลุ้มอล่วยกันไป มีประโยชน์แก่กันและกันติงกันเตือนกันจนกระทั่งบางทีก็ไม่ถึงทะเลาะกัน เป็นแต่เพียงสร้างความรำคาญกัน พวกเรามี อวิวาทะ เป็นอยู่ชัดเจนตาม สาราณียธรรม 6 ที่มี สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
นี่เป็นคำยืนยันว่าคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร มีพุทธพจน์ 7 ก็สื่อยืนยันความจริงว่ามันเป็นสังคมดีสังคมเจริญ สังคมสงบ สังคมที่ประเสริฐ สังคมของคนเจริญ คนประเสริฐ คนอริยะที่แท้จริง
จนกระทั่งเรามี สาราณียธรรม 6 นอกจากรายละเอียดของจิตเจตสิกต่างๆแล้วเรายังมีสภาพของกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีเมตตา เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มีสาธารณโภคี ต่างคนต่างอยู่ร่วมกันแล้วทำงานมีผลผลิต ได้ผลประโยชน์ได้สิ่งที่เกิดเอามารวมกันกินใช้ร่วมกัน ลาภธัมมิกา ไม่แบ่งแยกไปเป็นส่วนตัวส่วนตนอะไร เผื่อแผ่ร่วมกัน กินร่วมกันใช้เป็นกงสี ใหญ่ ทั้งหมู่บ้านทั้งชาวอโศก ที่อยู่ต่างจังหวัด ต่างถิ่น ต่างที่ก็ถือเป็น สาธารณโภคี เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องยิ่งใหญ่จริงๆ ถึงขั้น สาธารณโภคี อาตมาภูมิใจมากๆ ว่ายุคนี้นะ
ที่ดีใจมากเพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดได้จริงเป็นจริง ในยุคพระพุทธเจ้าเกิดได้แต่ในวงการสงฆ์ พูดมาหลายๆทีมากมาย ยืนยันย้ำเหตุปัจจัยให้ฟังแล้ว มันเป็นข้อจำกัด ในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยุคทาส ยุคคนยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชนอะไรต่างๆ มันเป็นข้อจำกัดทำให้ทำไม่ได้ แต่ยุคนี้ไม่ใช่หรอก ต้องทำได้แล้วก็เป็นจริงยืนยัน ทำให้คนได้อาศัยเป็นอยู่สุขกัน อย่างที่พวกเรา ผู้ใดเห็นดีเห็นงามแล้วมาเลยมาอยู่ที่นี่ แล้วก็อยู่กันไปจนกระทั่งตายจากกัน เยอะ 40-50 กว่าปีมานี้ แล้วยังจะมีต่อไปอีกสำหรับผู้ที่มีดวงตารู้และก็เห็นดีเห็นงามก็มา บางคนเห็นดีเห็นงามนะแต่วิบาก มันมาไม่ได้ก็น่าเห็นใจ ไม่รู้จะทำยังไง
มาคุยกับ SMS ดู
SMS วันที่ 30 มิ.ย. – 2 ก.ค. 2566
_พี่มร บำรุง · เมื่อหลายปีก่อนก็เคยใด้ไปร่วมชุมนุมอยู่หลายครั้งด้วยชอบไปนั่งที่เต้นท์สันติอโศกชอบมาก ๆ จิตใจดีกันทุกคนเลยค่ะ
พ่อครูว่า… พูดฝากมาที่ไหนหนอ จะมาอยู่บ้านราชบ้าง
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการค่ะกราบขอบพระคุณท่านปัจฉาที่ดูแลพ่อท่านเป็นอย่างดี พ่อท่านอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้แล้วเพราะโยมเชื่อเช่นนั้น ขนาดไอก็ต่อสู้การไอและยอมรับความจริง เหมือนยายปรานีพิชิตมะเร็ง มะเร็งปอดหมอว่าจะเสียชีวิตภายในหกเดือน สุดท้ายอยู่มานานมากเพราะยอมรับและต่อสู้รักษาตัวเองด้วยดื่มฉี่และอยู่ตามวิถีชีวิตมังสวิรัติอย่างเดียว เป็นตัวอย่างให้เรา กราบสาธุค่ะ
_ตุ๊ก อัศวิน · ร่วมระลึกชาติ ถึงกิจกรรม ‘ลงถนน’ ของ พี่น้องเอ้ยยยยย!!
นี้ คือ โครงการตามหาญาติ(ธรรม) แต้ๆ เจ๊า!! ด้วยเหตุปัจจัยนี้ ที่ชักนำให้นำตัวและใจ เข้าถึงหมู่ชาวอโศก..จนถึง บัดnow เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณ คณะปัจฉา ที่ up to date พยาธิสภาพ(Disease)ของพ่อครู..เจ้าค่ะ
ที่สำคัญ คือ ให้ ‘สัมมาทิฎฐิ’ ในเรื่อง เหตุปัจจัย ของ การเจ็บไข้ได้ป่วย ในมุม ‘กฎแห่งกรรม’ ในหลากหลายมิติ เช่น กรรมอดีต สู่ กรรมปัจจุบัน / ปัจจัยของสิ่งแวดล้อม (อารมณ์/อาหาร/อากาศ/อาการทั้งกาย&ใจ)ก็มีส่วน / ความก้าวหน้าของการแพทย์ ก็เป็นตัวช่วยอย่างยิ่ง.. เป็นต้น ที่สำคัญ ท่านได้ให้ความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงธรรม ในเรื่องพระอรหันต์ กับ โรคที่ท่านได้รับ ด้วยการยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้า และ พุทธสาวกที่สำคัญอีกหลายๆองค์ ที่ต่างก็ได้รับอาพาธในหลายๆ แบบ ทำให้ยิ่งตระหนักว่า..’หนีอะไร ก็หนีได้ แต่ ไม่อาจหนีพ้นวิบากกรรม’..เจ้าค่ะ น้อมกราบ_/\_ขอบพระคุณยิ่งๆ..เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… ดี ก็เรียนรู้จากสิ่งที่พูดกันถึงอะไร เราก็ไปที่ใจ เรียนรู้จากที่พูดอะไรถึงอะไรให้เข้าใจ ก็ได้รับรู้ได้เข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆเรียกว่าธรรมะ
ทำจิตให้ไม่หมองรู้ ความจริงตามความเป็นจริง
_นางจับใจ ธนะโภค · น้อมกราบนมัสการพ่อครูฯ ดิฉันขอกราบเรียนถามค่ะ
-
ช่วงที่พ่อครูฯ แจ้งว่า ถ้าการเมืองเป็นเหตุให้ชาวอโศกต้อง”ลงถนน” จิตดิฉันจะตื่น
พ่อครูว่า… ชอบลงถนนคนนี้ จับใจเป็นพี่สาวของดินดอน รายงานอาการของจิตได้ละเอียดดีนะ
-
ช่วงที่รายงานสุขภาพของพ่อครูฯ จิตของดิฉันตื่นแบบหมองๆ (ฝืนการรับรู้มาก)
***ขอน้อมกราบเรียนถามพ่อครูฯ ว่า จิตของดิฉันเป็นปกติหรือไม่คะ
พ่อครูว่า… จะฝืนไปทำไมก็รับรู้ความจริงตามความเป็นจริง ไม่ต้องถึงกับหมอง รู้ว่าใจหมองก็ดีแล้ว แต่อย่าไปทำใจหมอง ให้จิตว่างๆ ร่าเริงเบิกบาน ให้รู้ความจริงตามความเป็นจริง ดีแล้วล่ะที่อ่านอาการหมองๆของจิตตัวเองออกก็อย่าไปทำจิตให้หมอง
ที่จิตของเราหมองเพราะเรามีจิตอวิชชาเป็นตัวเหตุของเราเอง เราทำเองทั้งนั้น เราจะหมอง เราจะน้อยใจ เราจะเสียใจ เราจะโกรธ เราจะรัก เราทำเองทั้งนั้น เรียนรู้แล้วก็ทำใจนี่แหละ เรียกว่าโยนิโสมนสิการ ทำใจในใจอย่างถ่องแท้แยบคาย ทำให้ได้ ทำให้ดี ปรับมันขึ้นไป นี่คือการปฏิบัติธรรม
มันจิตก็ปกติของคุณ ที่คุณยังมีข้อบกพร่องของคุณ อาตมาก็อธิบายผ่านไปแล้วก็ปรับปรุงทำให้ได้ให้เป็นใจสบาย รู้ความจริงตามความเป็นจริง คนนั้นคนนี้คนที่เรารัก คนที่เรายินดี คนที่เราบูชา คนที่เราเคารพ เป็นอย่างนี้อย่างนี้ก็ไม่ต้องไปมัวหมองไปตามเรารู้ความจริงตามความเป็นจริง เท่านั้นก็พอแล้ว
ชาวบวรอโศกอยู่กันอย่างเหนื่อยในการลดกิเลส
_จรรยา ประเสริฐ · อยู่วัดได้ ถือว่าสร้างบารมีมาก่อนมาก อยู่บ้านยอมรับว่า เราทำอย่างพวกเขาไม่ได้ แน่ ๆ ดูแล้วว่าเรายังทำไม่ได้ แม้พยายาม ไม่มีของเก่ามารับรอง เพียรอย่างนี้ (อยู่บ้าน) เป็นขั้น ๆ ไปก่อน เฮ้อออ เหนื่อยกับกิเลส เราเองแท้ สาธุ
พ่อครูว่า… คนอยู่วัดในแบบที่ไม่ใช่ชาวอโศกเขาไม่ได้มีชีวิตแบบบวรเหมือนพวกเรา พวกเรานี้อยู่กันอย่างบ้าน วัด โรงเรียน อยู่กันอย่างที่มันสัมพันธ์กันอย่างสนิท เกื้อกูลกัน มีพฤติกรรมของชาวบ้าน ชาววัด ชาวโรงเรียน เป็นชีวิตสามัญปกติ เราก็ทำหน้าที่ของแต่ละคน คนที่มีหน้าที่ทางโรงเรียนมากหน่อย ก็รับผิดชอบก็ทำหน้าที่ทางโรงเรียนมาก คนที่ทำหน้าที่บ้านมากก็ทำไป คนที่ทำหน้าที่วัด เช่นนักบวช เป็นต้น ก็ทำทางธรรมะมากก็ทำไป ตามกำหนด ตามธรรมวินัย ตามหลักเกณฑ์ ตามวัฒนธรรม นี่แหละเป็นความประเสริฐ บ้าน วัด โรงเรียนของชาวเรา
ไม่เหมือนของเขาที่เขามีข้อจำกัด ซึ่งเขาต้องทำอย่างนั้นดีแล้วเพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอย่างที่เราทำได้ เขาจำเป็นต้องมีหลัก มีเกณฑ์ มีขีด มีขั้น กั้นเอาไว้ไม่เช่นนั้นมันเลอะ เลอะเลย แต่ของเรามันมีจิตวิญญาณ มีภูมิธรรมที่สูง จึงอยู่กันอย่าง เหมือนบ้าน เหมือนสังคมครอบครัว ที่พูดย้อนซ้ำไปมาแล้วว่าเป็นกงสีใหญ่ เป็นองค์รวมที่อยู่กันอย่างเป็นญาติพี่น้องสัมผัสสัมพันธ์กันอยู่เหมือนบ้านเดียว กัน ทั้งหมดเลยของชุมชน อันนี้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เป็นหมู่กลุ่ม สังคมชุมชนที่ยิ่งใหญ่ ที่เจริญ อาตมาภาคภูมิใจในความเป็นจริงที่เกิดได้ มีรูปธรรม มีวัฒนธรรม มีปรากฏการณ์เป็นจริงยืนยันกับโลกเขา ไม่ใช่ทำเล่น แต่มันเกิดจริงเป็นจริงเป็นความจริงของมนุษยชาติ พูดไปแล้วยิ่งใหญ่
เหนื่อยกับกิเลสดีแล้วที่ได้ต่อสู้กับกิเลส เป็นความเจริญอย่างหนึ่งนะ คนข้างนอกเขารวยในลาภยศสรรเสริญ แม้แต่บวชเป็นพระเขาก็ไม่ได้มารู้สึกเหมือนที่คุณพูด เหน็ดเหนื่อยกับการลดกิเลส เขาก็น้อยมีบ้าง อาจจะมีบ้างบางผู้บางท่าน พากเพียรเหนื่อยกับการลดกิเลส มีชีวิตที่จะเห็นอันนี้เป็นสำคัญแล้วก็เหน็ดเหนื่อยกับมัน เอาน่าเหนื่อยอะไรทางโลกก็เหนื่อยได้ แต่ไม่ดีเท่าเหนื่อยทางลดกิเลสหรอก
_นตา รักษาสุข · วันที่ 30 มิย. 66 วันนี้ zeno ดีมาก ขอบพระคุณ
1 ก.ค. 66 ไม่ตรงกับออกอากาศ เดี๋ยวคุ้มดีเดี๋ยวคุ้มร้าย เหมือนใจคนที่แปรเปลี่ยนเวลาอยู่ใกล้ใครก็ใจอ่อนกับคนนั้น เห็นคนที่ตนเองชอบดีหมด คนอื่นที่ไม่ใช่ไม่มีอะไรดี ราวนี้อากาศธาตุที่น่าขบขัน
พ่อครูว่า… ก็ทำใจให้ปกติเห็นมันไม่เที่ยงหรอก ใจคนหรืออย่างอื่นก็ตามมันไม่เที่ยงสักอย่าง เราอย่าไปถึงขั้นตกเป็นคุ้มดีคุ้มร้าย มันไม่ดี รู้จักความจริงแล้วก็ปฏิบัติตน
_จนแท้ บุญคุ้มมาจน · ธรรมะค่ำคืนวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. สนุกมากเลยครับ.จีน อินเดีย อเมริกา..สาธุ
พ่อครูว่า… อาตมายกตัวอย่าง มีลักษณะอะไรมาเทียบเคียง ยกตัวอย่างเปรียบเทียบอธิบายธรรมะให้ฟัง อย่างจีนเป็น อย่างอินเดียเป็น อย่างอเมริกา เป็น ผู้ที่ฟังธรรมเข้าใจก็ได้ประโยชน์ มันเป็นตัวอย่างของโลกของมนุษย์ของกลุ่มชุมชนมนุษยชาติ ซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์และกามเทพไปนี้ดี อาตมาก็คิดว่าพวกเราจะเข้าใจจะรู้สิ่งที่ยกเอามาเปรียบเทียบของจริงตัวอย่างจริง มันเข้าใจลึกๆอย่างมีนัยยะสำคัญที่ทำให้เรารู้ได้
หมดสุขหมดทุกข์ในเรื่องอาหาร 4
_ชุมพล ยอดสะเทิน · เข้าค่ายสุขภาพปี 54 ที่ดอนตาลเจอหนังสือพ่อครูเล่มเล็กๆ เปิดโลกเทวดา อ่านจบ อุปาทานความเชื่อเดิมมลายหายสิ้น เราก็เข้าใจว่าเทวดามันจะต้องเป็นรูปเป็นร่าง มีที่อยู่อาศัยเป็นเมืองๆหนึ่งบนท้องฟ้าซึ่งเรามองไม่เห็น มีนางฟ้าเป็นบริวาร 500 คน มีความสุขสบาย ซึ่งเกิดจากการทำบุญถวายเงินให้พระเยอะๆ แต่ความจริงมันเป็นเรื่องของเทวะหรือสภาพ 2 ความหลงในสุขลวงที่มันไม่มีอยู่จริง สุขกับทุกข์มันเป็นตัวเดียวกัน ผมยังทำใจไม่ได้กับต้มยำเห็ดฟางที่ผมมีความสุขเสมอเมื่อได้กิน แม้จะเริ่มรู้ว่ามันคืออุปาทานที่เราไปมโนมยอัตตาปรุงความสุขขึ้นมา พ่อครูบอกว่าหมดรสสุขทุกข์ในเรื่องของอาหาร โอ้โหถ้าแบบนั้นกิเลสความชอบความชังทุกเรื่องทุกอย่างบนโลกใบนี้ เราก็ต้องล้างอุปาทานแบบเดียวกันเช่นเรื่องอาหารใช่ใหมครับ กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพครับ
พ่อครูว่า… ศาสนาพุทธเรียนรู้ตัวสุขทุกข์แล้วทำให้สุขทุกข์ปราศนาการไปจากจิต หายไปไม่เกิดในจิตเลย คนที่ไม่มีทุกข์ไม่มีทุกข์เรียกว่า อทุกขมสุข ภาษาง่ายๆ ส่วนภาษาบาลีลึกซึ้งก็คืออุเบกขา ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เพราะดับเหตุ คือกิเลสจนถึงอาสวะออกไปได้ จิตสะอาดเรียกว่า อุเบกขา ที่มีลักษณะ ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา จิตมันสะอาดจากกิเลสหมด สุขทุกข์
ไม่สุขไม่ทุกข์ ทำได้โดยกิเลสไม่ออกหมด จิตไม่สะอาดเขาทำได้ เดียรถีย์ทำได้ ทำให้จิตไม่สุขไม่ทุกข์ด้วยวิธีเดียรถีย์ วิธีนั่งสะกดจิต ลืมตาก็ทำได้ สะกดจิตแบบลืมตา ให้จิตมันไม่สุขไม่ทุกข์ มีอาการช่วงที่เขาทำได้นั้นมันไม่สุขไม่ทุกข์ แต่มันไม่ได้เป็นจิตที่ไม่สุขไม่ทุกข์เพราะล้างเหตุตัวจริงไปเลย คือ อาการโง่ อาการที่เป็นกิเลส ล้างมันออกจนมันไม่มีในจิตเลย ไม่เกิดอีกในจิตอีกเลย มันจะมีเหตุทางข้างนอกสัมผัสกระทุ้งกระแทกกระเทือนอย่างไร กิเลสก็ไม่เกิด มันมีนัยยะสำคัญที่ลึกซึ้งกว่ากันมากเลย อันนี้อธิบายสั้นๆ
นี่คือการเรียนรู้ธรรมะ เป็นการเรียนรู้ที่ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้า มาเรียนรู้ความติด ความยึด ความมีกิเลสอย่างนี้แหละ เหตุที่เป็นเห็ดฟาง เรียนรู้แล้วก็ลดกิเลสมันให้ได้ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตา ตาไม่ได้กระทบสัมผัส หูไม่ได้ยินเสียงพวกนั้น ซึ่งไม่รู้จะพูดยังไง มันนอกรีต มันเป็นเดียรถีย์ เดี๋ยวนี้ก็ยังหลงผิดเป็นเดียรถีย์แบบนี้เพราะความเสื่อมของศาสนาพุทธ มันเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ไว้ใน อาณิสูตร มันก็เลยไปยึดถือ
จนอาตมานำมาฟื้นคืนก็ได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นอุปาทานจริงๆ มันไปหลงยึดถือตามที่กิระดั่งได้ยินมามันเชื่อมาตั้งแต่ชาติไหนไม่รู้ว่าเห็ดฟางนี่อร่อย จิตนี้ก็ยังติดมีอุปาทานยึดถือติดตามนั้น แล้วที่เราไป มโนมยอัตตา เป็นอัตตาที่เราเกิดเอง ของเราเอง ทำเอง สำเร็จด้วยจิตของเราเอง ปรุงความสุขขึ้นมา นี่สื่อออกมา ให้เข้าใจสภาวธรรมตามภาษาที่อาตมาบอกไปว่า คุณมีสภาวะจริง
อาตมายืนยันอันนี้ อาตมาบอกความจริงให้รู้ว่า ที่เขาเป็นนักปฏิบัติธรรมเรียนรู้ศาสนาพุทธกันมา เขาจะรู้จักอาการเวทนา ความรู้สึก และความรู้สึกของคุณแม้กินอาหาร คุณก็ไม่มีรสสุข รสทุกข์ ไม่มีรสสุขรสทุกข์จริงๆ อ่านอาการสุข อ่านอาการทุกข์ได้ ไม่มีอย่างตื่นๆไม่ใช่วิปลาส ไม่มีอย่างรู้ๆอยู่ว่าอาการของเวทนาที่มันเป็นอุปาทาน เป็นตัณหา มันเป็นยังไง
สุขทุกข์ในเรื่องอาหารหมดไป พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คนหมดสุขหมดทุกข์ในเรื่องอาหารนี่แหละเรียกว่าคนปฏิบัติ โภชเนมัตตัญญุตา ใน กวฬิงการาหาร มีผัสสาหาร มีมโนสัญเจตนาหาร มีนามรูปและจิตเจตสิกแล้วอ่านอาการกิเลสออกจาก โภชเนมัตตัญญุตา จากอาการที่มันหลอกในกาม ในอาหาร หลอกไปผัสสะแล้วเกิดจริง มีเจตนาที่เป็นมโนมยอัตตา ที่เป็นกามหยาบ ต้องลึกไปถึงภวตัณหา หรือเป็นวิภวตัณหา นี่คือการปฏิบัติเรียนรู้ธรรมะ ได้ของจริง ที่อาตมาอธิบายถึงนี้พาดพิงถึง กวฬิงการาหาร แล้วก็ผัสสาหาร
พูดถึงอาหาร 4 แล้วเปรียบเทียบ กวฬิงการาหาร ผัวเมียมีลูกเดินทางไปด้วย เมื่ออาหารหมดก็ฆ่าลูกทำเป็นเนื้อเค็มกิน กินไปก็บ่นหาว่า ลูกไปไหน เป็นอุทาหรณ์พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบที่อาตมาเห็นว่า มันลึกซึ้งซาบซึ้งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ผัสสาหาร เหมือนวัวไม่มีหนัง แล้วมันจะแสบขนาดไหน ผัสสะนี่มันจะต้องเจ็บแสบ มันจะมีเวทนา มันจะรู้จักความเจ็บแสบรู้จักทุกข์ เหมือนวัวไม่มีหนังคือ ผัสสาหาร แล้วคนไม่มีผัสสะ เหมือนวัวไม่มีหนัง แต่คุณไม่รู้จักเจ็บจักแสบ ด้านทน ไม่รู้จักเวทนา ไปหลับตาอีกก็เลยกลายเป็นคนไม่มีผัสสะ มันซ้อนไปซ้อนมา
เพราะฉะนั้นก็เลยไม่มีทางที่จะปฏิบัติ มโนสัญเจตนาหาร ไม่รู้กามตัณหา ภวตัณหา เราเรียนรู้ลดจนหมดกาม ภวะ ถึงจะเป็นวิภวตัณหาที่ไม่มีภพ เป็นตัณหาที่อยู่เหนือ กาม เหนือภวะ คุณไม่ได้เรียนรู้เลย คุณหลับตาปฏิบัติเป็นโมฆะไปหมดเลย ทิ้งเลยรูป นาม วิญญาณไม่มีในที่นี้ สุญโญเลย ไม่ปฏิบัติครบภาวะ 2 อย่างนี้เป็นต้น
คุณชุมพลเข้าใจเรื่องอาหารแล้ว ถึงบอกว่าการปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้านี้ 3 อย่างนี้ไม่ผิด อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ผิดของศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มี 3 อย่างนี้ไปนั่งหลับตา ผิด เป็นการปฏิบัติผิด ไม่ใช่ศาสนาพุทธ การปฏิบัติธรรมศาสนาพุทธต้องมี 3 อย่างนี้เสมอ ต้องตื่นนะไม่ใช่ไปหลับตา ข้อ1นี่ก็ผิดแล้ว พอสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 แต่นี่ไม่สำรวมทั้ง 6 ไปสำรวมใจอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น โภชเนมัตตัญญุตา ไม่ต้องไปพูดถึงเลย ไม่มี นี่มันผิดเพี้ยนไปมันผิด มันเสื่อมไปจริงๆเพราะหลับตาเอ้ย ต้องให้ท่านดินไทมาเรียก พี่น้องเอ้ย… ตื่นเถิดชาวไทยอย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง ชาติจะเหลืองแล้วก็ดำลงด้วย ชาติจะเหลืองดำลง ที่จริงมันคนละคำอาตมาสะแลงไป
ตื่นเถิดชาวไทยอย่าหลับใหลลุ่มหลง ชาติจะเหลืองและดำลงก็เพราะเราทั้งหลาย เป็นเพลงสมัยเก่า
ผู้มีภูมิธรรมสูงจะไม่หลงสวรรค์ โชคดีแล้วไม่ได้เกิดมารวย
_ประสิทธิ์ ปัดสวรรค์ · อยากให้พ่อท่านเทศน์เรื่องกินของหลวงชอบเอาเปรียบคนอื่นครับผม
พ่อครูว่า… คนเราไม่รู้ทันสวรรค์และหลงสวรรค์ ชีวิตต้องมีสวรรค์นั่นคือคนไม่สูง คนที่สูงแล้วก็จะรู้ว่าสวรรค์ก็เป็นภพ นรกก็เป็นภพ สวรรค์มันยังหลอก แต่เอาเถอะ ถ้าพอรู้ว่าสวรรค์ขั้นที่มันลำลองจะต้องอาศัยมันเป็นขั้นๆอันนี้ยังพอใช้ได้ แต่ไปหลงว่าสวรรค์คือสิ่งที่จะต้องได้ต้องเป็นต้องมีแบบเสพรสของสวรรค์ แบบนี้ยากที่จะปฏิบัติธรรมไปนิพพาน สุดท้ายสวรรค์ไม่มี นรกก็ไม่มี นรกสวรรค์คือภพชาติ คือความลวง คือสุขทุกข์นั่นเอง หมดสุขหมดทุกข์เป็นพระอรหันต์ เรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้าหรือเรียนรู้ธรรมะจากอาตมาจะเป็นอย่างนี้
ส่วนเรื่องการกินของหลวง อาตมาไม่ค่อยมีประสบการณ์ ไม่รู้เรื่อง ชาตินี้อาตมามีกุศลจังเลย กุศลของอาตมาคือ
1.ไม่ได้รับราชการเลยในชาตินี้
-
ไม่ได้มียศมีตำแหน่งราชการกับเขาเลย C1 C2 C3 C4 C5 ซี้เลี้ยวอะไรก็ไม่มี ไม่มีกับเขาเลย เป็นคนเกิดมาโชคดีมาก ชาตินี้ นี่อย่างหนึ่ง
-
อีกอย่างหนึ่งคือเกิดมาชาตินี้ไม่ได้เป็นคนร่ำคนรวย ไม่ได้เป็นคนที่มีฐานะ มีเงินร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน แหม โชคมันดีอะไรอย่างนั้น ในพระไตรปิฎกก็มีนะ เขาเกิดชาตินี้ไม่ได้มาเป็นกษัตริย์ ไม่ได้เป็นเศรษฐี แล้วเขาให้อธิษฐาน สาธุเกิดชาติต่อๆไปอย่าให้เป็นเศรษฐี อย่าให้เป็นกษัตริย์ ไปเป็นใหญ่เป็นโตอะไร อธิษฐานกัน ในพระไตรปิฎกมี
_สู่แดนธรรม… คุณประสิทธิ์เขาอยากให้พ่อท่านอธิบายอธิศีล ของศีลข้อที่ 2 พ่อท่านเคยเทศน์
พ่อครูว่า… อาตมาเคยบอกแล้วไงว่าอาตมาไม่ค่อยรู้เรื่อง ไปกินของหลวง อาตมาไม่เคยไปกินของหลวง อาตมาไม่รู้เรื่อง เขากินยังไง เขาใช้วิธีการยังไง ได้ยินได้ฟังวิธีการของเขา มันไม่ลึกซึ้ง อาตมาอธิบายไม่ค่อยได้
_สู่แดนธรรม… ผมเข้าใจอย่างนี้ว่า ถ้าคนไปกินของหลวงมันจะไปผิดศีลข้อที่ 2 กุหนา ลปนา จนกระทั่งพวกเราเกิดความละอายใจลาออกจากหลวงมาเลย ผมว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ
พ่อครูว่า… อย่างนั้นก็ได้หรือปรับตัวกลับใจปรับเปลี่ยนตัวเองไม่กินของหลวง ของหลวงนี่คือของประชาชน ของส่วนรวม ของกลางมีเจ้าของเจ้าของเยอะ เพราะฉะนั้นมีเจ้าของเยอะจึงเป็นหนี้ประชากรเป็นล้านๆคน 1 บาทของหลวงคือเจ้าของมีคนเป็นเจ้าของ เป็นเงินภาษีของทุกคนเขามีส่วนร่วม เป็นเงินส่วนกลางของหลวง มันก็ไปกินภาษีของหลวง 1 บาท ไปโกงภาษีของหลวง 1 บาท คุณเป็นหนี้ประชาชนที่เขามีส่วนเป็นเจ้าของภาษีของเขาอยู่มากเพราะมันจึงบาปไม่ใช่น้อยที่ไปกินสินบาทสินบน ไปกินของหลวงที่ใช้ศัพท์ง่ายๆว่า กินของหลวง ชอบเอาเปรียบคนอื่น
แม้แต่ศัพท์คำว่า ชอบเอาเปรียบคนอื่น นี่ก็เป็นความเลว คนที่เอาเปรียบคนอื่นนี่ก็เป็นความเลวที่แท้จริง ใช่ไหม คนใดที่เข้าใจลักษณะอาการของความเอาเปรียบ แล้วไม่ทำการเอาเปรียบ ฝึกตนเลยว่าอย่าไปทำการเอาเปรียบใคร เป็นคนเสียเปรียบนั่นแหละด้วยศัพท์ชัดๆ เสียเปรียบทั้งๆที่เรารู้ว่าเรา เสียเปรียบไม่ใช่เสียรู้ เรารู้ว่าเราเสียเปรียบ ตั้งใจเสียเปรียบด้วย และมีปัญญาอีกว่า ควรเสียเปรียบให้คนนี้มากกว่าคนนี้ คนนี้ควรเสียเปรียบให้เขามากๆหน่อย เช่น ควรเสียเปรียบให้แก่พลเอกประยุทธ์ เพราะพลเอกประยุทธ์ทำงานได้ดี เพราะฉะนั้นจะมีอะไรไปเสียเปรียบให้แก่พลเอกประยุทธ์ ช่วยเหลือในส่วนนั้นส่วนนี้ อะไรที่ควรจะมีส่วนช่วยได้เสียให้ได้สละให้ อย่างนี้เป็นต้น นี่ยกตัวอย่างง่ายๆชัดๆ นี่คือสิ่งประเสริฐ พวกนี้รู้จักการเสียเปรียบและก็เป็นคนอยู่อย่างเสียเปรียบ
สรุปอย่างในหลวงท่านตรัส ผู้เสียนั่นแหละคือผู้ได้ การเสียนั่นแหละคือการได้ ในหลวงท่านไม่ได้กระจายความมาก อาตมากระจายความให้ฟัง นี่เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ สิ่งประเสริฐเป็นอย่างนี้
_เกษม แสนทอง · วันนี้ (30มิ.ย.)พ่อท่านบรรยายวรรณะ 9 ได้เยี่ยมยอด ฟังเข้าใจง่ายครับ
พ่อครูว่า… ดี วันนี้คิดว่าจะเอา อวรรณะ 6 มาอธิบาย ได้อธิบายวรรณะ 9 ไปแล้ว คุณคนนี้ฟังแล้วเยี่ยมยอด ยัง ยังจะมียอดคนนั้นอีกค่อยๆแถม อธิบาย อวรรณะ 6 ก็จะได้เปรียบเทียบกับ วรรณะ 9
_Pichai Ppt พิชัย พีพีที · เรื่องศาสนา มีหลายอย่าง ไม่เห็นด้วย แต่ชอบ แนวคิดการเมือง มากครับ
พ่อครูว่า… อ้อ คุณคนนี้เขาแยก ฟังธรรมะอาตมาแล้วแยกว่าอาตมาพูดนี่พูดการเมืองด้วย พูดธรรมะด้วย แต่เขาบอกว่าเขาฟังธรรมอาตมาแล้วไม่เห็นด้วย มีหลายอย่างไม่เห็นด้วย
นัยยะของการเมืองที่คุณชอบที่อาตมาพูด นี่แหละคือนัยยะของศาสนาในการเมือง คุณฟังให้ดีๆ นัยยะธรรมะในการเมืองที่คุณชอบนั่นแหละดีแล้ว หรือจริงๆก็คือ นัยยะของพฤติกรรมของมนุษยชาติ จะไปร่วมกับการเมืองหรือร่วมกับสังคม เศรษฐกิจ ร่วมกับอะไรทั้งนั้นแหละ มันก็ไม่ได้แยกขาดจากการเด็ดขาดหรอก ฟังดีๆได้ประโยชน์ก็ดีแล้ว
_บัวดาว พรมเลิศ · โอ้รายการวันที่ 1 ก.ค.ท่านดินไทเสียงท่านฟังได้ชัดเจนดีมากเลยเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… เสียงท่านดินไท ใครฟังได้ชัดเจนก็ดีมากแล้ว 1. ท่านจะพูดช้าๆ 2. ท่านจะพูดไม่ดังไม่แรงเหมือนโพธิรักษ์หรือท่านฟ้าไท ดูหลายๆท่าน ท่านพูดขนาดนั้นไม่ดังอะไรมาก ท่านบอกพี่น้องเอ้ย…ได้แค่นี้ ถ้าเราร้องพี่น้องเอ้ยแล้วก็เหอะ รับรองว่า Frequency ต่างกันกับของท่านดินไทมากเลย
เศรษฐกิจดีแบบชาวอโศกคือมี วรรณะ 9
_อัมพร กุลศักดิ์ศิริ · ลุงตู่ดี แต่ทำมัยเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นเลยปล่อยให้ ข้าวยากหมากแพง ถ้าปากท้องชาวบ้านยังหิว จะให้คนรักชาติคงลำบากครับ
พ่อครูว่า… คนเรา 2 คนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย คุณอัมพรมองว่าลุงตู่มาบริหารประเทศและทำให้เศรษฐกิจนี้ไม่ดี คนต่างประเทศเขามองมาด้วย เขามีนักเศรษฐกิจสถิติบอกเลยว่า ลุงตู่บริหารประเทศเศรษฐกิจไทยขึ้นอันดับดังนี้ คุณอัมพรนี่ไม่รู้เรื่องอะไรไม่รู้ไปมืดบอดอยู่ที่ไหน บอกว่าไม่ดีขึ้นเลย ข้าวยากหมากแพง ก็ใส่ความไป
แต่ก่อนนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 10 สตางค์ ชามละสลึง ชีวิตของอาตมาผ่านมา เดี๋ยวนี้ชามหนึ่ง 50 บาทแล้ว บอกว่าราคามันแพงกว่า แน่นอน มันแพง แต่ก่อนมัน 10 ตังค์ ส่วนก๋วยเตี๋ยวสลึงหนึ่ง ก๋วยเตี๋ยวต้มยำนะกินชามเบ้อเร่อเลย ถ้า 10 ตังค์ก็ครึ่งหนึ่ง ถ้าชามละสลึงก็กินอิ่มเลย ต้มยำดีด้วยเครื่องปรุงพร้อมสมัยก่อน ก็ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวกันนี่เดี๋ยวนี้ ดีไม่ดีมันขึ้นห้างขายชามละ 100 บาท 150 บาท ทั่วไปเดี๋ยวนี้ชามละ 50 แล้วกระมัง แล้วบอกว่ามีเศรษฐกิจไม่ดีเพราะราคามันแพง
ผ้าขาวม้าแต่ก่อนผืนหนึ่ง 50 สตางค์หรือ 1 บาท เดี๋ยวนี้ผืนละ 100-200 บาท ก็ผ้าขาวม้าผืนเดียวกันแล้วบอกว่าเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ดี เศรษฐกิจแพง มันไม่ใช่อะไรหรอก มันเป็นเรื่องของการสมมุติ คนที่ไปยึดติดราคาตัวเลข พวกนี้เมา พวกนี้งง พวกนี้ยังยากที่จะพ้นทุกข์
ชาวอโศกไม่ไปติดกับตัวเลข เศรษฐกิจอันเดียวกัน ยุคเดียวกัน ชาวอโศกไม่ได้มีเงินทองหรูหรา ไม่ได้ใช้เงินซื้อนู่นนี่มากมาย ลดความจำเป็น ลดกิเลส กลายเป็นคนจนที่เศรษฐกิจดี ชาวอโศกเป็นคนจน ไม่ใช่พูดเล่นนะ เป็นคนไม่มีเงินมากจริงๆ ไม่สะสมเงินเลยแต่เศรษฐกิจดีเพราะสบาย อยู่กับสังคม ทำงานสร้างสรรค์ กินใช้ลดกิเลสตาม มีวรรณะ 9
อยู่กันอย่าง เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ) โอ้โห อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ
คนจนเอาแต่เสียสละ คนจนมีแต่เสียสละ คนอะไรวะ พิสดารจริงๆ เป็นคนจนแต่มีแต่เสียสละ ไม่เอาเปรียบเอารัดใคร จะถือว่าคนคนๆนี้บ้าไม่ได้เลยนะ อัจฉริยะ เห็นไหม เป็นคนอัจฉริยะ เป็นคนจนอัจฉริยะ ฟังดีๆนะฟังธรรมที่อาตมาพูดนี่ไม่ใช่พูดเล่น
แต่พูดโดยธรรมะพระพุทธเจ้าสอนแล้ว เราปฏิบัติตามได้ เป็นคนอัจฉริยะแบบนี้จริงๆ ในเมืองไทยมีคำสอนนี้ แล้วสอนไป พวกเราเข้าใจได้ แล้วปฏิบัติตนเป็นแบบนี้ได้ มีตัวอย่างในประเทศไทยคนไทย ในโลกเทวนิยมไม่มีคำสอนนี้ โลกตะวันตกเรียน Doctor มาทางเศรษฐศาสตร ได้ด๊อกเตอร์ทางการเมือง ทางสังคมศาสตร์อื่นๆ ไม่มีตำราจะมาปฏิบัติได้อย่างนี้ของพระพุทธเจ้า ที่อาตมานำมาขยายความจริงของพระพุทธเจ้าที่มันเสื่อมไปนานแล้ว มันเป็นโลกุตระ อาตมานำเอาโลกุตระมาฟื้นและมีคนเป็นจริงได้ เท่าที่อาตมาทำงานมา 50 ปี ได้คนจริงมากระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ มีความเป็นอยู่ด้วยชีวิตแบบนี้ นี่คือลักษณะที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ศึกษาดีๆคุณอัมพร
เพราะฉะนั้น คุณก็มีความรู้ มีความเข้าใจ มีทิฏฐิหรือมีวิสัยทัศน์มีกระบวนทัศน์ของความคิด มันไม่เข้ากับของพระพุทธเจ้า ยากนะศึกษาให้ดีๆ
อาตมาเชื่อว่าคุณอัมพร สถานะหรือฐานะคุณอัมพร ทั้งด้านนอกนั้นอาตมาว่าจะรวยกว่าพวกคุณชาวอโศก อาตมาว่าฐานะเขาดีกว่า มีเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของเขาในชีวิตจะรวยกว่าของชาวอโศกนี่เยอะ เขาก็มองว่าเศรษฐกิจไม่ดี เขาจะมีการใช้จ่ายมากกว่าชาวอโศกเยอะ แต่ชาวอโศกสบาย มีเศรษฐกิจดี เราลดการถูกโลกหลอก ลดการถูกหลอก มาเป็นคนมักน้อยสันโดษ ไม่ถูกหลอกเป็นคนสบายเลย อยู่กับปัจจัยชีวิต ให้เขาเข้าหาปัจจัย 4 หัวใจโลกๆที่เขาหลอกกันชาวอโศกมีน้อย จนกระทั่งไม่ถูก ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข หลอก มีแต่สิ่งที่ซ้อน ภวตัณหา วิภวตัณหา ซ้อนอยู่ข้างใน เห็นดีๆ อาตมาอธิบายสิ่งที่ประเสริฐอยู่จะได้ประโยชน์
นายกลุงตู่และคุณพีรพันธ์ทำงานอย่างตัวตนน้อยหรือหมดตัวตน
_จรรยา ประเสริฐ · ท่านพีรพันธุ์ ช่วยนายกประยุทธ รู้ข่าวอย่างนี้ ทำให้ปลื้ม ทีแรกมองว่าท่านมาเกาะเพื่อหวังประโยชน์ด้านการเมือง ผิดถนัด ท่านเป็นเพชรแท้ของนักการเมืองทีเดียว สาธุ
พ่อครูว่า… คนมีดวงตา คนมีความรู้ความเข้าใจที่ดี มองออก มองเห็นเพชรเป็นเพชร มองเห็นแก้วก็เห็นแก้ว มองเห็นเศษขยะเป็นเศษขยะ คนที่มีดวงตาที่ดีก็มองเห็นความจริงความดีของบุคคล คุณพีระพันธุ์นี่ก็อย่างที่คุณจรรยา ประเสริฐว่า เป็นคนที่ท่านเป็นเพชรแท้ของนักการเมืองจริง เป็นนักการเมืองตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเหมือนกันคุณพีระพันธุ์ ไม่ได้ติดยึดในเรื่องของ ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่ง ขนาดเคยเป็นรัฐมนตรี เคยเป็นผู้พิพากษามา ไม่ใช่เล่นๆ
_ฝากบุญเกื้อ รมยาสัย · เหมือนมีนัยลึกๆว่าลุงตู่จะได้กลับมาเป็นนายกอีกครั้ง ท่านเลยไม่ไปรายงานตัวขออยู่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลลุงตู่อีกครั้งรึเปล่าน้อ🙏
พ่อครูว่า… ก็เป็นไป เป็นแนวคิด จริงๆไม่ได้ปิดบัง ท่านพีระพันธุ์บอกว่า ลุงตู่เป็นคนดี เป็นคนประเสริฐที่ทำงานให้ประเทศมา 8 ปีนี่ คุณพีระพันธ์เห็นเลยว่า โอ้โห…ฝีมือคนนี้ยอดเยี่ยม ก็เลยพูดออกมาต่อสาธารณชน ลุงตู่อยู่ที่ไหน ผมอยู่ที่นั่นสนับสนุนเต็มที่ นี่เป็นคำพูดของคุณพีระพันธุ์พูดต่อสาธารณะ อาตมาก็ได้ยิน อาตมาเชื่อว่า 1.พูดด้วยความจริงใจ 2. พูดด้วยความมีภูมิรู้ลึกซึ้งของคุณพีระพันธุ์
เพราะฉะนั้น คนที่มีภูมิลึกซึ้งคนนี้มีความรู้เข้าใจของทั้ง อัตตาทั้งโลก เข้าใจว่าผู้ที่ไม่ติดโลกธรรมเยอะ คนที่ไม่มีอัตตามากหรือไม่มีอัตตาเลยจะเข้าใจ จะเป็นคนแบบนี้ เป็นคนที่มีภูมิธรรมลึกซึ้ง มีธรรมะที่ลึกซึ้ง เมืองไทยจะมีคนที่มีธรรมะลึกซึ้งแบบนี้ ที่เป็นคนทำงานอยู่กับสังคม ช่วยเหลือสังคมเรียกว่า โพธิสัตว์ จะเป็นอย่างนี้ลักษณะของคนที่ช่วยรื้อขนสัตว์ ช่วยคนทั้งโลกเขาอยู่ ประโยชน์ตนนั้นมีอยู่แล้วมีสบายพอควรแล้ว มีสัปปายะพอสมควรแล้วสำหรับตน ไม่ว่าจะเป็นคุณพีระพันธุ์หรือพลเอกประยุทธ์ มีของตนเอง แล้วก็ไม่กระดี๊กระด๊า เท่าที่มีก็เหลือเฟือแล้ว ได้มีก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมีเท่าที่ได้มีจิตพอมีสันโดษ เพราะฉะนั้นได้ขนาดนี้ก็ยิ่งใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หลงความยิ่งใหญ่ของตนเอง สิ่งเหล่านี้ซับซ้อนมันเป็นความเจริญเป็นความจริงที่จะต้องเรียนรู้สัจธรรมพวกนี้
ในประเทศไทยมีคนเช่นนี้อยู่ ซึ่งต่างกับคนเทวนิยมอย่างอเมริกา เปรียบเทียบกับพวกนักการเมืองอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์หรือแม้แต่นายโจ ไบเดน ก็ต่างกันมาก เขายังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เขายังกะเหี้ยนกระหือรือด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อย่างหนัก
แต่อย่างพลเอกประยุทธ์บอกว่าให้ผมทำก็ทำ ประชาธิปไตย ประชาชนให้ผมทำก็ทำ ผมหมดหน้าที่ ผมหมดตำแหน่ง หมดที่เขาให้ทำแล้วก็ไม่ละเมิดหน้าที่ ไม่ละลาบละล้วง ได้เท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังเป็นนายกรักษาการ ยังเป็นนายกที่ไม่สมบูรณ์แบบที่เขามีวิธีการทางการเมือง ได้มีเลือกตั้งเข้ามาอีกคนที่จะเดินทางเข้ามาแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ จะไปเต็มที่ก็ไม่ได้ ก็รู้จัก กาละ เทศะ ฐานะ ฐานะขนาดนี้ก็ทำขนาดนี้ อย่างนี้เป็นต้น รู้จัก กาละเทศะ
สงฆ์อโศกไม่มีลัทธิเจ้าอาวาส
_ประจักษ์ ทุมไมล์ (คอมเม้นท์รายการวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ค. ของท่านเดินดิน ท่านบินบน ท่านจันทร์) · อยากให้หลวงพ่อ เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อโพธิรักษ์ เพราะเป็นสายกลาง พูดไม่กระทบกระเทือน สายพระป่า สมถะหัวตอ หลวงพ่อโพธิรักษ์ รู้สึกจะแรงไปหน่อย ถ้าหลวงพ่อได้เป็น ประธาน แทน คงจะนุ่มนวล น่าฟัง กว่า ขอมติลูกศิษย์ด้วยจ้ะ
พ่อครูว่า… ของเราไม่มีลัทธิเป็นเจ้าอาวาส ของเราไม่มีลัทธิเจ้าอาวาส มีแต่อยู่กันอย่างผู้ช่วยกัน เมื่อเวลาเข้าสภาประชุมอยู่ในสภาใครสมควรได้เป็นผู้นำในด้านนั้นด้านนี้ อันที่สมควรก็ทำกันไปตาม กาละ ไม่มียศศักดิ์ที่จะติดยึดกัน ไม่มีเจ้าอาวาส คุณจะเสนอก็ขอบคุณ สัจจะอันไหนมันสมควรก็เป็นไปตามธรรม พวกเราไม่ได้ไปติดยึด ผู้ที่ควรเป็นเจ้าอาวาสได้ เราก็ไม่ติดยึด แต่ก็ทำหน้าที่ได้ จะให้เป็นก็เป็น แต่ไม่ติดยึด ไม่เป็นก็ไม่มีใครจะมาเป็นแทนใน กาละที่ควร ก็ไม่เป็นปัญหา
_สู่แดนธรรม… แม้แต่ปัจจุบันพ่อท่านก็ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสส
พ่อครูว่า… ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส เขาพูดแว้งมาหาอาตมา เขาเห็นว่า 3 ท่านนั้นเหมาะเป็นเจ้าอาวาสมากกว่าอาตมา เพราะอาตมาพูดไปกระทบกระเทือนสายป่า คุณไม่ต้องพูดหรอก อาตมาก็รู้ว่าคุณประจักษ์ หางของคุณเป็นอย่างไร อาตมาเห็นหางของคุณ
ที่บอกว่า อาตมาแรงก็รู้สึกจะเบาไปหน่อยนะ ขุดไม่ขึ้นเลยพระป่า พระสายที่นั่งหลับตา อาตมาว่าแทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้า แทงด้วยหอกร้อยเล่มกลางวัน แทงด้วยหอกร้อยเล่มเย็น พระป่านี่ก็ยังไม่รู้สึกยิ่งกว่าหัวตอ ฟังดีๆเถอะอาตมาว่าน้อยไปไม่ใช่แรงไป ขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย
ฟังธรรมะให้ดีๆอาตมาไม่ได้พูดเองนะ อาตมาเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาพูดมาใช้ ว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วคือผู้ที่ฆ่าศาสนาที่พระราชาให้เอาไปฆ่าให้ตายตอนเช้าด้วยหอกร้อยเล่ม คนที่ปฏิบัติผิดๆนั่งหลับตายิ่งกว่าหัวตอ แทงเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึก ยิ่งกว่าหัวตอ แทงด้วยหอกร้อยเล่มหัก เช้าหักหมด กลางวันหักหมด เย็นหักหมด แทงเท่าไหร่ก็ยังหัวตออยู่อย่างนั้น คุณฟังธรรมะให้ดีนะ อาตมาพูดนี่ยังไม่แรงไปเลย แรงไม่ถึงขั้นที่จะมีผลเกิดความรู้สึก เกิดตื่นเกิดรู้ตัว เกิดสำนึกว่า โอ้โห เราสำนึกละอายอย่างแรงกล้าเกรงกลัวอย่างแรงกล้า ยังไม่เลยไม่กระเตื้องเลยคุณเอ๋ย อาตมาเราเหนื่อยจริงๆกับหัวตอ
ตกลงให้ท่านเดินดิน ท่านบินบน ท่านเพาะพุทธ ขึ้นแทนอาตมาไหม …ขอมติโยมว่า..ไม่ ไม่มีใครเห็นด้วยกับคุณเลย คุณยังเข้าใจอะไรยากอยู่ คุณยึดติดพระป่า ที่คุณยืนยันว่าเป็นหัวตอ อาตมายืนยันว่าไม่ได้พูดผิด คุณติดยึดหัวตอมากไปแล้วคุณประจักษ์ ศึกษาให้ดีๆ อาตมาไม่ได้ไปว่า ไม่ได้ไปข่ม ไม่ได้ไปดูถูกดูแคลน อาตมาพูดสัจธรรม เขาไม่ตื่นสักที เขายิ่งกว่าหัวตอ
อาตมาจะพูดบรรยายให้กระเทือน ให้รู้สึกตัวให้เปลี่ยนแปลง ให้มีการเข้าใจตัวเอง อธิบายธรรมะอาตมาไม่ได้พูดเท่านี้ อาตมาอธิบายเนื้อหาธรรมะพระพุทธเจ้า เอาพระไตรปิฎกมาเปิดบรรยาย แล้วพาทำด้วย ซึ่งมันต่างกับพระป่า พระหัวตอ พระหลับตา ชาวอโศกนี่มันต่างกันคนละโลกเลย อันนั้นมันเป็นโลกียะไปอยู่ในเมืองพญานาค นั่งหลับตาเมืองพญานาค
ส่วนพระบ้านของทางเถรสมาคมก็ไปเป็นพญาครุฑ อาตมาก็อธิบายขยายความไปหมดแล้ว ก็เลยไม่ได้เรื่องอะไรเลยกลายเป็นพญากันหมด
ขอมติลูกศิษย์แล้ว ตกลงอาตมาก็ยังทำหน้าที่เดิมได้
สังคมอโศกคือสังคมประชาธิปไตยที่สุดยอด
_อ.ใจแปลง.. การประเมินต่ำเกินไปในสิ่งที่เรียกว่า “อนุรักษ์นิยม หัวโบราณ” สิ่งที่นักเรียนหัวนอกอย่างพิธา เรียนเก่งจบจากฮาร์เวิร์ด ไม่รู้ และอเมริกาก็ไม่มีทางรู้ ก็คือ “ความมีพลังงานทางจิตวิญญาณ”
พ่อครูว่า…อันนี้แน่นอน ยืนยันเลยว่า อเมริกาไม่มีทางรู้ ไม่มีทางมีความรู้ทางจิตวิญญาณ แม้แต่สอนปรัชญาด็อกเตอร์มา ก็ไม่มีทางรู้ได้
_มีแกนศรัทธาความเชื่อ ที่รวมอยู่ในคำว่า “อนุรักษ์นิยม จารีตหัวโบราณ” นั้น พวกเขาหารู้ไม่ว่า มันตกผลึก แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนรุ่นใหม่จะไปเข้าใจแบบมักง่ายๆ ว่า จะต้องลบล้างความเชื่อของคนในประเทศนี้ด้วยวิธี AI ให้ตอกย้ำซ้ำๆ บ่อยๆ ด้วยทักษะค่ายกลโฆษณา ในไม่นานคงจะได้มวลชนมาเป็นพวกเยอะ แล้วก็จะเอาคะแนนเสียงเยอะนี้มาเปลี่ยนแปลงการปกครอง เขาจึงได้แต่คะแนนที่ไปหลอกล่อเอาคนถูกหลอกมาเป็นพวก จึงไม่มีคนจริง ไม่ได้ความจริง
อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ คือ ดร.ทักษ์ เฉลิมเตียรณ กล่าวไว้ว่า “ถ้าคิดจะไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะต้องใช้เวลานานมาก มากกว่าที่คิดเอาไว้แบบมักง่าย วงรอบของการเปลี่ยนแปลงในบ้านเรา แต่ละเรื่อง กินเวลายาวนานมาก” นั่นคือ ความไม่ได้เรื่องของพิธาและพวกพ้อง ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ด้วยความมักง่าย แค่คิดว่าต้องทำลายความศรัทธาของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่มีจารีตประเพณีสืบมาหลายร้อยปี ด้วยระบบ AI ดึงมวลชนมาเป็นพวกได้เยอะๆ
และยังมีมีคนฝากถามหลวงปู่อีกว่า “หากเราไม่ชอบบังคับใครนะคะ แต่ในใจยังอยากให้เขาเป็นตามแบบที่เราต้องการโดยความสมัครใจของเขาเอง แบบนี้เรามีเชื้อเผด็จการอยู่กี่เปอร์เซ็นต์คะ?”
พ่อครูว่า… สมบูรณาญาสิทธิราชที่พัฒนามาเป็นประชาธิปไตยก็ยังมีกษัตริย์อยู่ พัฒนามาเป็นประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งเป็นประชาธิปไตย 2 ขาสมบูรณ์แบบ แต่พวกคุณนั้นเป็นพวกพิการ ตั้งใจจะให้เป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีกษัตริย์เป็นขาเดียว คุณทำนี่ใครเขาก็รู้ว่าคุณทำด้วยเจตนาอันนี้ และก็ไม่อยากแรงตอนนี้ก็เลยค่อยๆเพลาลง
ตอนแรกทำแรงนะแต่ตอนนี้เห็นว่าประชาชนที่เอาทางมีกษัตริย์นั้นมีเยอะกว่าเขาก็เลยลดน้ำหนักลง แต่เขาก็ยังยืนยันให้พวกที่ถือหางเขา รู้ว่าเขาไม่ได้ถอยนะเรื่องที่จะเลิก ม.112 นี่คือนัยยะของเขา
แล้วอาตมาจะไปตอบเปอร์เซ็นต์ของคุณได้อย่างไร คุณถามมาว่าในใจยังอยากได้ อยากให้เขาเป็นตามที่เราต้องการ แล้วคุณก็พูดเสียเท่ว่า โดยความสมัครใจของเขาเอง คุณอยากให้เขาเป็นไปตามใจของเขาเองโดยความสมัครใจของเขาเอง คุณพูดเท่มาก
สรุปก็คือ อยากให้เขาเข้าใจอย่างที่คุณเข้าใจ หวังอยู่ว่าจะเป็นอย่างนั้น ก็เลยพูดซะดีๆว่าตามที่เขาสมัครใจเขาเอง ที่คุณสมัครใจคุณควรสมัครใจมาแบบที่ฉันคิดสิ มันเป็นแบบนี้
ถามมาว่าแบบนี้เรายังมีเชื้อเผด็จการอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าคุณรู้ตัวดีอยู่เหมือนกันว่าคุณยังเป็นการพูดเป็นนัยยะอย่างนั้น อาตมาไม่ได้เกรงใจหรอกเรื่องนี้ อาตมาอยากให้คุณมาเป็นเช่นนี้อาตมาไม่ไปเกรงใจ แล้วอาตมาก็มีเหตุมีผลพอที่จะให้มาเป็นเช่นนี้มาเอาอย่างนี้เถอะ ดี อย่าว่าแต่คุณมาเลย อาตมามาแล้ว พาผู้คนมาด้วย อธิบายเหตุผลว่ามันดีอย่างนี้
เช่นชาวอโศกมาเอาอย่างพระพุทธเจ้าพาเป็น เป็นประชาธิปไตยโลกุตระ ประชาธิปไตยโลกุตระนี้สูงสุดยอด มีสาธารณโภคี เป็นของส่วนกลาง สูงกว่าคอมมิวนิสต์ เพราะคอมมิวนิสต์เขาต้องการแบบนี้แต่เขาทำไม่ถึง เช่นเดียวกัน ก็สูงกว่าประชาธิปไตย โดยเฉพาะประชาธิปไตยขาเดียวทุนนิยม ไม่มีทางจะไปเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสาธารณโภคี คอมมิวนิสต์ก็อยากได้อย่างสาธารณโภคี คือเป็นส่วนกลางของส่วนรวม ด้วยกันเลยเป็นหนึ่งด้วย
ประชาธิปไตยก็อยากได้อธิบายรายละเอียดคือ เช่น เงินส่วนกลาง ของประเทศหรือของรัฐบาลที่บริหารอยู่โดยได้จากประชาชนจะเป็นทางได้หรือทางเสียภาษีอย่างนั้นอย่างนี้ก็แล้วแต่ เอาเข้ามาเป็นส่วนกลาง ก็อยากได้เงินส่วนกลางนี้ มาจากประชาชนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย อยากให้เงินของประชาชนเข้ามาเป็นส่วนกลางให้หมด
เพราะฉะนั้นของกลุ่มชาวอโศกส่วนกลาง เอามาให้ส่วนกลางหมด เพราะฉะนั้นจึงสมบูรณ์แบบทั้งแบบคอมมิวนิสต์ จึงสมบูรณ์แบบทั้งแบบประชาธิปไตยแล้ว เป็น Past perfect tense ผ่านกาลเวลาทำได้แล้ว จบแล้ว อโศกทำมาได้ มีรูปร่างวิธีการ มีความเป็นจริงยืนยันมาพิสูจน์ได้ ไม่ใช่เรื่องจำนน ไม่ใช่เรื่องทำชั่วคราว เป็นเรื่องจริงแล้วมนุษย์อย่างชาวอโศกได้อาศัยใช้สอย ยังชีพดำเนินชีวิตอยู่อย่าง อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ
อาตมาขยายความของลักษณะสังคมมนุษยชาติและจิตใจ จะเป็นอิสระก็ดี จะเป็นความสบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ เป็นความสำเร็จของมนุษยชาติที่มีคุณลักษณะทั้งอิสระ
พวกชาวอโศกไม่ได้ไปล่อหลอก ไม่ได้ไปพูดหว่านล้อม พูดสัจจะเปรี้ยงๆตรงๆแรงๆด้วยเหมือนอย่างที่คุณเขาบอกว่ามันแรง แรงกว่าท่านดินไท ท่านบินบน ท่านเพาะพุทธ ท่านเดินดิน ใช่ อาตมาไม่ได้ระงับยับยั้งพูดเต็มที่ คนเข้าใจจะเข้ามา คนไม่เข้าใจอย่างคุณจะไม่เข้ามา คนเข้าใจจะเข้ามาอย่างอิสระ พูดอย่างนี้ใช่เลย บริสุทธิ์สะอาดเต็มที่ ไม่มีอะไรยั้งไว้เลย เปิดเผยหมดเลย อาตมาเป็นดารานู้ด เปิดเผย หมดเลยเปลือย ไม่เหลือ คนที่เห็นชัดเจนก็จะรู้ว่าคนนี้จริงจังเปิดเผยทุกอย่างเลยนะ ไม่มีอะไรปิดบัง คนนั้นชอบเขามีปัญญามีดวงตารู้ว่า คนอย่างอาตมานี้ไม่มีอะไรกั๊ก ไม่มีอะไรพรางไม่มีอะไรเหลือ บอกหมดความจริงเป็นอย่างไร เอาความจริงมาเปิดเผยทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องอิสระ แล้วมาที่นี่สิมีอิสระ มีสัปปายะ 4 สมบูรณ์แบบ สบายสงบ สงบชนิดลึกซึ้งด้วย สงบแบบโลกุตระ สงบ อย่างปัสสัทธิ สงบชนิดที่กิเลสไม่มีมาเป็นตัวทำให้มันไม่สงบ มันเป็นความสงบที่เบิกบาน ร่าเริง แข็งแรง แคล่วคล่องว่องไว ปราดเปรียว มีพลัง ไม่ใช่สงบอย่างเฉื่อยนิ่ง ไม่มีพลัง หยุด ไม่ใช่เลย นั่นคนละโลกเลย สงบแบบอย่างพิเศษ
อบอุ่น แรงๆนี่ แต่อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ
ตัวจบด้วย เพิ่มพูนการเสียสละนี้ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่มันเป็นจริงด้วยคนที่เป็นแบบนั้นจริงๆ ทำยังไงเราจะเสียสละได้มากกว่านี้ แล้วเราก็พยายามพัฒนาไป เสียสละให้หมดเนื้อหมดตัว เสียสละให้มีทั้งพลังกาย พลังปัญญา พลังกายวาจาใจ แล้วเราก็ได้ทำงานทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทำงานสร้าง มีผลผลิตก็เสียสละ มีแรงงานก็เสียสละ มีภูมิปัญญาก็เสียสละ ได้เพิ่มพูนการเสียสละยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น เท่าที่เราจะมีสมรรถนะ มีความสามารถ มีกาละเวลา มีแรงงานที่จะทำได้
เพราะเรามีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สมบูรณ์แบบตรงที่ว่า เราตั้งอยู่ในหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดีแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยชีวิตอยู่กับหมู่ ดำเนินชีวิตไว้ ฝากชีวิตไว้กับหมู่ เกิดแก่เจ็บตาย พึ่งพาอาศัยเกิด อาศัยแก่ อาศัยเจ็บ อาศัยตายกันได้ มันเป็นคุณลักษณะที่เป็นคุณวิเศษของมวลมนุษยชาติ มันเป็นลักษณะอย่างนั้นจริงๆ
นัการเมืองอวรรณะ 9 เขาชอบหาเสียง
อาตมาพูดไปแล้ว ไม่ใช่พูดอย่างโม้ๆ ไม่ได้พูดอย่างลอยลม แต่พูดอย่างที่มีสภาวะรองรับ มีบุคคลชาวอโศกรองรับ คุณลักษณะทั้งหลายแหล่นั้นจริง เป็นคนพ้นจาก อวรรณะ 6 แปลง่ายๆภาษาไทยว่าเป็นคนชั้นต่ำ
-
เลี้ยงยาก (ทุพภระ)
-
บำรุงยาก (ทุปโปสะ)
-
มักมาก (มหัปปิจฉะ)
-
ไม่รู้จักพอ (อสันตุฏฐิ) ไม่สันโดษ
-
เกียจคร้าน (โกสัชชะ)
-
คลุกคลีหมู่คณะ(คลุกกองกิเลส) (สังคณิกา)
(พตปฎ. เล่มที่ 1 ข้อ 20) ตรงข้ามกับ วรรณะ 9
พ่อครูว่า… เป็นความเกียจคร้านและยังเป็นคนเกียจคร้านด้วย โกสัชชะ กุสีตะ พวกอวรรณะ 6 นี้ เป็นคนไม่เจริญ เป็นมนุษย์หรือ เป็นคนในสังคมที่เป็นโทษ
เป็นคนเลี้ยงยากคืออย่างไร เลี้ยงยากมีชีวิตมีความยึดถือมากอย่างนี้ จะกินอย่างนี้ จะอยู่อย่างนี้ จะเอาอย่างนี้ จะเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ ยึดถือตัวเอง ที่คนอื่นเขาไม่เห็นด้วยหรือเขาคนอื่นเขาตามยากจะเป็นคนอย่างนั้น และเป็นคนยึดมั่นด้วยข้อที่ 2 เป็นความไม่เจริญข้อที่ 2 พัฒนาแก้ไขยากคนนี้ ทุโปสะ ไปแก้ไขที่เขายึดนี่ยากด้วย
-
เป็นคนไม่รู้จักพอไม่สันโดษ เท่าไหร่ๆก็จะต้องการไม่มีที่สิ้นไม่มีที่สุด บำเรอกิเลส บำเรอตนเอง แล้วเป็นคนที่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ หมู่คณะที่เป็น อวรรณะ คลุกคลีด้วยหมู่คณะ พวกของตัว จะหาพวกและจะคลุกคลีอยู่กับพวกของตัว ไม่เปิดจิตรู้จักคณะอื่นที่เขาดีบ้าง