660628 ความเป็นอรหันต์นั้นมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1zkUfTWuIFoUa33eetczumc13dGmH5rnh/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/16tMW3Xwo79l6PBjrkzrVPTPhXqWD-Wke/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/SFVKPkbSOIo
และ https://fb.watch/lrXeMBywZy/
สมณะเดินดิน… วันนี้วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำเดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก อีกไม่กี่วันก็สิ้นเดือนมิถุนายน ชีวิตเราก็เคลื่อนตัวตามวันเวลา ถ้ายังอยู่ก็ถือว่าโชคดี เราควรใช้เวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
พ่อครูเคยเทศน์เร็วๆนี้ว่า ท่านโชคดีที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนคงไม่คิดเช่นนี้ เพราะหลายคนใฝ่ฝันมากเลยที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เขาน่าจะคิดออก ถ้าดูอย่างพลเอกประยุทธ์ทำงานเต็มที่ ผลงานก็มี แต่คนก็ว่าได้ เพราะคนเขาต้องการอำนาจ อีกหลายคนเขารอมาตั้ง 8 ปี ก็ต้องหาทางเอาลง ต้องแย่งชิง ต้องต่อสู้ ถ้าไม่แน่จริง จอมยุทธ์จริง เขาไม่เอาลงด้วยเล่ห์ ด้วยกลก็ด้วยมนต์คาถาหาทางทำให้เอาลงให้ได้ แม้จะแทบไม่มีบาดแผลให้คนเขาว่าได้
บางคนคุยโม้ว่าบริหารบริษัทได้อย่างดี แต่หลักฐานบอกว่าบริษัทเจ๊งตั้งหลายร้อยล้าน คือโกหกอีกหลายเรื่อง ต้องทุกข์ทรมานกันอีกหลายเรื่อง แต่ตอนนี้ไปไหนมาไหน ก็มีด้อมส้มออกมาต้อนรับมากมาย เพราะเขามีความหวัง ว่าตนเองจะได้อะไร แต่ถ้าต่อไปไม่ได้อย่างที่ตนต้องการ ก็จะผิดหวัง ทุกข์ทรมานกันมากมาย
เปรียบเทียบสมัยพรรคพลังธรรมกำลังขึ้น มีคนมาฟังการปราศรัยมากมาย เมื่อเทียบกับพ่อครูเทศน์แล้ว คนติดตามน้อยกว่าเยอะ แต่สุดท้ายเมื่อหมดยุคสมัยแล้ว สิ่งที่ทำก็เหมือนกับความว่างเปล่า เหมือนไม่มีอะไรเลย ทั้งที่พลตรีจำลองก็ไม่ได้โกงกินอะไร ทำประโยชน์มากมาย แต่เมื่อหมดความนิยมสิ่งเหล่านั้นก็เหมือนเป็นอากาศธาตุที่ไม่เหลืออะไร แต่ของพ่อครูนี้แม้จะทำแล้วดูเหมือนมีน้อยๆ แต่นานหลายสิบปีก็ยังมีแก่นสารสาระที่ยั่งยืนต่อเนื่องต่อไป
พวกเราสบายเพราะไม่ได้หิวโหยโลกธรรมอย่างเขา เราเข้าใจในโลกุตระ เราเข้าใจในชีวิตก็มีความสุขสบาย แต่คนไม่เข้าใจก็จะเดือดร้อน เขาไม่คิดว่าเดือดร้อนด้วยซ้ำไป พระพุทธเจ้าบอกว่า กรรมยังไม่เห็นผล คนทำชั่วก็คิดว่าเหมือนกับยังดื่มน้ำผึ้ง แต่แท้จริงแล้วมันเป็นยาพิษที่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานในภายหลัง เป็นอย่างนี้เพราะเขาไม่ได้ศึกษาโลกุตรธรรมไม่ได้เข้าใจชีวิต
SMS วันที่ 26-27 มิ.ย. 2566
_Ka Por กล้าพอ : ว่ากันว่า กินให้พอดี ทุเรียนช่วยลดไขมัน กระตุ้นการระบาย ดีท็อกซ์ลำไส้
พ่อครูว่า… เพิ่งเคยได้ยิน
_สู่แดนธรรม… อันนี้จริงครับ ไปศีรษะอโศกกินเข้าไป 2 เม็ด ผมถ่ายท้องทั้งวันเลยครับ
พ่อครูว่า… อาตมาไม่มีประสบการณ์นี้ มันแล้วแต่ธาตุขันธ์ของใครของมันนะ
ยืดอายุขัยได้จริงเป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้า
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง ประชาธิปไตยในเมืองไทยคะแนนเป็นหนึ่งแล้ว ยังไม่เรียบร้อย ตัวเลือกที่จะได้เป็นนายก ลืมไปว่าพรรคที่ร่วมรัฐบาลจะเอาด้วยหรือเปล่า หลายขั้นตอนกำลังโดนโจทย์หลายชั้น มาให้เห็นรุมเร้า สำหรับเราดูให้ยาว ยาวไปๆ เล่นการเมือง เล่นต่อไป กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า… เราก็ดูเรื่องจริงหรือละครของเอกภพ ของมหาจักรวาล มนุษยชาตินี่แหละเป็นตัวละครจริงๆแล้วก็เล่นไปแต่ละเรื่องแต่ละเรื่องหลายล้านเรื่อง แต่ละคนแต่ละคนก็เรื่องคล้ายบ้างไม่คล้ายบ้าง ต่างกันคนละขั้วเลยก็มีดุเดือดเผ็ดมัน รักหวานจ๋อยก็แล้วแต่ มันก็คือสัจจะที่เราจะศึกษาไป ยิ่งอาตมาเป็นโพธิสัตว์นี้ สารพัดที่จะเห็น สารพัดที่จะศึกษา จะเข้าใจ เขาเป็นอย่างนี้นะ กรรมวิบากของคนแต่ละคนที่ไม่รู้ ก็โอ้โห..น่าสงสาร
อย่างชาวเทวนิยม ชาวศาสนาที่มีความรู้ระดับพระเจ้าเป็นเทวนิยมเป็นโลกียะอยู่ เขาก็มีความคิดอยู่ในกรอบของเขานั่นแหละเขาไม่รู้สุขรู้ทุกข์ไม่รู้จักโลกธรรม เขาจะแย่งโลกธรรมกันเป็นเจ้าโลกให้ได้ เขายังไม่รู้หรอกอย่างที่เห็นๆ
ทางเอเชียเราก็ดีตะวันออกมา จะไม่เหมือนเลยจะไม่เหมือนทางตะวันตกทางอเมริกา ทางยุโรป ที่เขามีแต่ศาสนาเทวนิยมศาสนาพระเจ้า เขายังกระเหี้ยนกระหือรืออยู่ในการจะแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข กันอย่างเต็มเหนี่ยว เขายังไม่รู้จักเลยว่าสุขนี้เป็นมายา เป็นสิ่งที่ต้องลดละ จะเห็นได้ว่าศาสนาเขาไม่มากระทำอย่างนี้ซึ่งมีน้อยมากที่จะมาลด ละ มักน้อย มีบ้างแต่น้อยมาก
เพราะฉะนั้น ความต่างกันระหว่างศาสนาเทวนิยมกับศาสนาทาง อเทวนิยมหรือทางศาสนาตะวันออก ที่ศึกษาจิตเจตสิกกัน
ทางตะวันออกนี่ศึกษาจิตเจตสิกรูปนิพพาน แต่คนที่เข้าใจไม่สัมมาทิฐิทีเดียวก็จะได้นิพพานเก๊ไป โลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้านิพพานจริงๆ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้นิพพาน ที่แท้จริง อาตมานำมาเปิดเผยนำมาขยาย เพราะว่ามันเสื่อมไปอย่างที่เคยยืนยันแล้ว
ศาสนาพุทธมันยาวนานมากว่า 2,500 ปีกึ่งพุทธกัปป์ของศาสนาพระสมณโคดมจะมีอายุยืน 5,000 ปี เมื่อถึง 2,500 ปี มันก็เสื่อมมาจนอาตมาอุบัติขึ้นในยุค 2,500 คืออาตมาเกิด 2477 ไปอยู่ทางโลกเป็น ลิงลมอมข้าวพอง อยู่ 36 ปี จะต้องไปแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แบบโลกๆเขาไปตามวิบาก มันเป็นตามธรรมชาติ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็มีลิงลมอมข้าวพองของท่านและก็ถูกพระบิดามอมเมาจนต้องมีเรื่องของโลกๆ เรื่องกาม เรื่องวัตถุอยู่บ้าง
จนกระทั่งมีวิบากที่ถูกลัทธิ ถือว่า 6 ปี ไปทรมานอยู่ในป่า 6 ปี จึงค่อยๆระลึกรู้ความจริงของท่านได้ว่า ท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เกิดมาชาตินี้จะมาทำงานสถาปนาศาสนาพุทธลงไปในโลก ในยุคของท่าน ท่านก็ระลึกได้ตั้งแต่วัน 15 ค่ำเดือน 6 แล้วก็ออกมาทำงานไปอีก 45 ปีแล้วก็ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
อาตมาก็พูดเปิดเผยตัวเองไปตามความจริงว่า อาตมาเกิดมาในยุคพระพุทธเจ้าด้วยแล้วก็รับช่วง รับปากพระพุทธเจ้าเลยล่ะ ซึ่งก็ไม่ได้มีคนมารู้ร่วมด้วยแต่ก็เป็นเรื่องจริง อาตมาพูดเรื่องนี้เรื่องจริง รับสืบทอดมาจนมาถึงวันนี้ ทำงานมาตั้ง 53 ปีเข้าไปแล้ว แล้วอาตมาก็เห็นว่ายังไว้ใจไม่ได้ศาสนาพุทธโลกุตระนี้จะไปอีกได้เท่าไหร่ จึงพยายามยืดอายุ เป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าว่า จะต่ออายุขัยได้ไหม ซึ่งยืนยันว่าอาตมาทำได้ต่ออายุขัยมา 1 นักษัตรแล้ว ตอนนี้เข้านักษัตรที่ 2
จากอายุ 72 ตอนนี้อายุ 89 ย่างเข้า 90 แล้ว เข้านักษัตรที่ 2 จนถึง 96 ก็ครบ 2 นักษัตร ซึ่ง 1 นักษัตรมี 12 ปี ถ้าเลย 96 ก็เป็นนักษัตรที่ 3 ไปถึง 108 ก็จะครบ 3 นักษัตร
อาตมาก็พยายามที่จะดึงตัวเอง พยายามที่จะลากขันธ์ไปให้ถึง 108 ให้ได้ เมื่ออาตมาอายุ 108 อย่าเพิ่งรีบตายไปจากอาตมานะ ไปด้วยกันนะ จะมาดูผลงานไง มาดูโลกุตรธรรมที่จะเจริญในโลกขึ้นไปเรื่อยๆ มันจะเป็นยังไง น่าดูนะอาตมาว่า Hollywood หรือ Bollywood ก็สร้างไม่ได้หนังเรื่องนี้ ยังไม่มีใครเขียนบทได้นะ อาตมาก็ไม่กล้าเขียนบทล่วงหน้าเหมือนกัน แต่มันน่าติดตามดู เรื่องนี้นี่
พูดไปแล้วก็เหมือนเล่นละครลิเก แต่ที่จริงมันเรื่องจริง เพราะฉะนั้นก็ตามไปดูก็แล้วกัน
ทีนี้ การเมืองที่เขาเป็นอย่างที่ป้ารัตน์พูดมา คือ เขามีแทคติกอย่างที่รู้กันว่า พิธาเขาใช้กลเม็ดเด็ดพราย เหตุปัจจัยที่จะทำให้เขาได้คะแนน สรุปเข้าเป้าเลย มันมีสารพัดที่จะใช้สื่อสาร วิธีการจิตวิทยาอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างเต็มรูปเลย จนกระทั่งชนะได้
แต่นั่นแหละเขาเก่งที่ได้คะแนนเสียงจากกลวิธีเลือกตั้ง ซึ่งมันขัดแย้งกับความจริง มันไม่ใช่ของจริง มันไม่เป็นเรื่องเป็นประชาชนยกให้จริงๆ มันจึงยาก ดูละครเรื่องนี้ไปเถอะ มันไม่ใช่เรื่องจริงก็ว่ากันไป ที่จริงก็มาด้วยกันไปด้วยกันอยู่นะกับเพื่อไทย เสร็จแล้วเดี๋ยวนี้ไม่ไปด้วยกันเท่าไหร่แล้ว แล้วจะยังไง คือ มันพะอืดพะอมนะ เอา ยังไม่รู้ได้ว่าจะเป็นยังไง พลเอกประยุทธ์ก็ขึ้นบนภูดูเสือกัดกัน ก็เอาเข้าไป พวกเราพวกชาวดูไป ไม่ใช่พวกดูไบ ก็ดูเขาไป
จะข้ามพ้นกลียุคในยุคนี้ได้อย่างไร
_จับใจ ธนะโภค :กราบนมัสการพ่อครูฯ ดิฉันอยากทราบการข้ามพ้น”ยุคกลียุค”ได้อย่างไรคะ
พ่อครูว่า… ตอบว่าคุณก้าวพ้นไม่ได้หรอก อาตมาก็ไม่มีวิธีให้คุณก้าวพ้น เพียงอย่างเก่งคุณก็ตายไปก่อน ที่กลียุคมันจะเกิด แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณข้ามกลียุค มันจะค่อยๆรุนแรงไปเรื่อยๆจนถึงยุคที่เลวร้าย ทุกวันนี้ก็เป็นจริง
เพราะฉะนั้นในเมืองไทยเป็นการเมืองเศรษฐกิจก็ตาม การเมืองก็ตาม เรื่องของสังคมมนุษยชาติ เมืองไทยนี่อาตมาไม่มีความเก่งพอจะสาธยายรายละเอียดในภาษาที่จะสื่อให้คนทั้งหลายได้รู้ได้
แล้วก็ลึกคืออาตมารู้อยู่ว่า เศรษฐกิจของเมืองไทยนี้ สุดยอดแล้ว ก็พูดไปแล้วล่ะแต่คนเขาก็ฟังไม่ค่อยขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องของโลกุตระ เศรษฐกิจที่ดีคือเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทาส ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข
การเมืองที่ดีก็เช่นเดียวกัน ไม่เป็นเรื่องของทาส ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มันมีแต่ใจสดๆ ที่ทำงานช่วยเหลือมวลมนุษยชาติอย่างไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรมาทำให้มีวิธีโค้งเข้ามาหาตัวเอง ทำงานเสียสละ ทำงานช่วยกันไปด้วยความเข้าใจ ได้เท่าไหร่ก็เป็นผลเท่านั้นเท่านั้น
ทุกวันนี้ประเทศไทยถือว่า สงบมาก สงบกว่าประเทศใดๆ ดูเหมือนประเทศจีนเขาจะเป็นสุข แต่ประเทศจีนไม่สุขสงบเท่าประเทศไทย ประเทศจีน สุขเขายังแย่งชิงเขายังแย่งลาภ พยายามแสวงหา ลาภมากกว่าประเทศไทย
ผู้ไม่แสวงหาลาภมี 2 อย่าง
1.เป็นผู้หลุดพ้นก็พักการแสวงหาในการแย่ง
2.เป็นผู้พัก มันสู้ไม่ได้ก็ต้องพักซึ่งไม่ใช่คนหลุดพ้นนะ
พัก ด้วยการหยุดตัวเอง มันแย่งไม่ได้ มันจำนนก็เอาเท่านั้นเท่านี้แต่อยากได้อยู่ก็ตามมันได้เท่านี้ ลักษณะอย่างนี้ ของอินเดียนี้เขามีมาก ลักษณะที่จนแล้วก็จำนนแล้วก็อยู่อย่างนี้ คนอินเดียก็มีคนรวยน้อยคนแต่จนนี้มีมาก แต่ก็สงบ ไม่ก่อเรื่องราววุ่นวาย เหมือนประเทศเล็กๆ อินเดียมีตั้งพันกว่าล้านเขาก็อยู่กันได้ไม่วุ่นวาย นี่นัยยะละเอียดๆพวกนี้อาตมาค่อยๆอธิบาย ซึ่งมันไม่ง่าย มันซับซ้อนหลายชั้นมาก ค่อยๆขยายไปพอเข้าใจได้
ส่วนจีนนั้น เขาเสพ เขากิน เขาใช้มากกว่าอินเดีย อินเดียกินน้อยใช้น้อยเพราะจำนน ส่วนจีนพลเมืองพอๆกันเพราะตอนนี้เขารวยสถานะเขาดีโดยเฉลี่ยทั่วไป ก็เลยดูตามประสาโลกว่าเศรษฐกิจของจีนเขาดีจังเลย เศรษฐกิจอินเดียมีคนจนมาก คนอดอยากมาก อะไรมาก
ทีนี้มาดูไทย ไทยเป็นโลกุตระที่เข้าใจ เต็มใจมาจน มุ่งมาจนด้วยปัญญา เต็มใจตั้งใจมาจนด้วยปัญญา จนได้สำเร็จ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนเสียสละ
คนจนที่เสียสละ คนจนที่สร้างสรรค์ อุดมสมบูรณ์ ดูบนโต๊ะนี้มีพืชพันธุ์ธัญญาหารโชว์ทุกวัน เผือกหัวเบ้อเร่อ ทั้งเผือกทั้งมันอาตมาก็กิน เป็นของไร้สารพิษที่พวกเราปลูก สุดยอด พูดไปประเดี๋ยวจะน้ำลายไหลมากเกินไป เว้นวรรคดีกว่า
พ่อครูเป็นมะเร็งหรือ? แต่ 90 ยังแจ๋ว
_ดนุธรรม วิรุฬห์ศิริกุล : ทุกวันนี้..มองดู”พ่อท่าน” แข็งแรง และสดใส มากกว่าได้พบเห็น “พ่อท่าน” ครั้งแรกทาง FM tv (ปี 2552).. ถึงแม้”พ่อท่าน” จะเป็นมะเร็ง ที่ใครๆ ก็กลัวและไม่อยากเป็น..แต่มะเร็งมันคงกลัวพ่อท่านที่เป็น”พระโพธิสัตว์”และพ่อท่านไม่ได้สนใจมัน มันอยากอยู่ก็อยู่ไป มันอยากเป็นก็เป็นไป มันคงน้อยใจ และมันก็คงหายไปจากพ่อท่านแล้ว..เพราะ พ่อท่านอยู่เหนือ “ขันธ์ทั้ง 5″แล้ว..(กราบนมัสการ)พ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งครับ..
พ่อครูว่า… อาตมาก็ไม่ได้มีความคิดเรื่องเหล่านี้คืออาตมาไม่ได้กังวล อาตมาจะเป็นมะเร็ง จะเป็นโรคอะไรก็รับมัน มันเป็นวิบาก ที่มันหนักก็คือกระเปาะในท่อลมก็ไอ เพราะมันสร้างเสลดขึ้นมาระคายเคือง อาตมาเรียกมันว่า น้ำพิษ โอ้โห..มันเหมือนน้ำกรดออกมา มันก็ต้องไอ ไอๆๆ เพื่อขจัดเสลดที่มันเหนียว บางทีไอแรงมากขากออกมาได้เสลดนิดเดียว เสลดอาตมาใส ไม่เหมือนเสลดของคนเป็นวัณโรคหรอก ของอาตมาใส เหนียว น้อย เหนื่อย
เป็นโรคที่หมอเขาบอกว่าไม่รู้กี่ล้านคนจะมีสักคน ทำไมไปเลือกเอาวิบากอะไรมาก็ไม่รู้ ก็รับมันไป นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเขาว่าเป็นมะเร็ง เขาว่าไปก็เป็นอย่างนี้ มันก็ยังไม่มีฤทธิ์อะไร เขาว่าเป็นมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง วันนี้ท่านแสนดินก็ไม่อยู่ด้วยเพราะท่านติดโควิดตอนนี้ก็พัก ตอนนี้หายแล้ว แต่ท่านยังไม่ประมาท (ท่านตอบมาว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง) เราก็ไม่ประมาท
อาตมาไม่ได้เก่งถึงขนาด แต่ก็พยายามพิสูจน์ พยายามที่จะมีอำนาจเหนือใช้ศัพท์อย่างนี้ อำนาจเหนือพลังงาน มันสามารถที่จะช่วยขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณให้มันพัฒนาเกินสามัญ พัฒนาได้จริงๆ ที่พูดมาอย่างที่ว่าอายุ 90 ยังกับไม่ใช่อายุ 90
อาตมายังมั่นใจอยู่ว่าพิสูจน์ไปเถอะ อาตมาก็ไม่กล้ารับรองทีเดียวแต่มั่นใจอยู่ว่าอายุ 100 อาตมาคงไม่ต่างไปจากนี้เท่าไหร่ เพราะเอาพลังงานของจิตนี้มาใช้ ส่วนสรีระ ส่วนรูปขันธ์ แน่นอนเสื่อม แต่ก็พยายามจะช่วยมันอีก มันก็จะซ้อนขึ้นมา มันก็จะได้ผลบ้างเหมือนกัน แหม แต่มันเกิดมา 1 นักษัตร กำลังย่างไปสู่นักษัตรที่ 2 คือ ฝืนเกินจริงไปแล้ว อาตมาเคยบอกว่า อายุขัยของอาตมามีแค่ 72 ปีแต่มันถูไถมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว 90 ยังแจ๋ว มันก็ไม่ใช่ของเล่นแล้ว เป็นการพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าในเรื่องพลังงาน เรื่องจิตเป็นประธานสิ่งทั้งปวง พิสูจน์อันนี้
เพราะฉะนั้นอาตมานี้พลังงานจิตแท้ๆเลยเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิต แล้วก็อธิบายยากว่าอาตมาทำยังไง อย่ามาถามนะ อาตมาก็อธิบายธรรมะไป ทำอย่างที่ขยายธรรมะต่างๆ เป็นพลังงานที่มันปรุงแต่งกันขึ้นมาเป็นพลังงานรวมแล้วก็เกิดผล
_วาส ทองจันทร์ : กราบนมัสการพ่อครูครับ มันยากยิ่งกว่าเข็นเขาขึ้นครกอย่างพ่อครูว่า
มันยากมากๆ ที่จะให้คนสมัยนี้รู้และเห็นธรรมที่แท้จริงได้ เพราะเห็นกลุ่มสนทนาในเฟซบุ๊กบางกลุ่มเขาประกาศห้ามคนที่บรรลุเข้ากลุ่ม เพราะพวกเขาบอกว่า จะคุยกันตามประสาของคนไม่บรรลุ วาสั้นครับ
พ่อครูว่า… เอาน่า สังสรรค์กันหน่อย อย่าตีตนออกห่างกันไปเลย ยังไงๆก็เป็นมิตรเป็นเพื่อนกันก็แล้วกัน
นานาสังวาสนั้นต้องท้วงติงกันได้ พาดพิงบุคคลได้
_@benjapornamm เบญจมาภรณ์ แอม 9770 • พูดได้ครับแต่ทำไมต้องว่าถึงหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นหลวงปู่มหาบัวหรือครูบาอาจารย์ ทั้งๆที่ท่านก็บวชที่หลังและท่านก็เคยไปกราบไหว้ไม่ใช่เหรอครับเช่นหลวงปู่พุทธทาสไม่ใช่เหรอครับ (ใต้คลิปพ่อครูเทศน์เรื่องความเป็นทิพย์ของพ่อครูอยู่ที่ไหน 6 มิ.ย.66)
พ่อครูว่า… อันนี้ถูก อาตมาบวชทีหลังท่าน อาตมาบวชที่วัดอโศการาม จะว่าสายหลวงปู่มั่นก็ใช่ อาจารย์ลีเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นอยู่วัดอโศการาม อาตมาไม่ทัน อาจารย์ลีตายก่อนอาตมาจะบวช อาตมาบวชอุปัชฌาย์ไม่ใช่อาจารย์ลี อุปัชฌาย์เป็นพระราชวรคุณ ตอนหลังท่านก็เป็นพระเทพวรคุณ เป็นอุปัชฌาย์ทางด้านธรรมยุต แล้วอาตมาก็มา สวดญัติที่วัดหนองกระทุ่มอีกทีเป็นมหานิกาย ก็หลวงอาเป็นอุปัชฌาย์เป็นผู้สวดญัติให้
อาตมาเลยเป็นพระทั้งสองนิกาย เข้าพิธีบวชเป็นพระทั้งธรรมยุตและมหานิกายและอาตมาก็ลาออกมาเป็นนานาสังวาสในวันที่ 6 สิงหาคม 2518 วันที่ 7 สิงหาคมก็เป็นนานาสังวาสกับทั้งมหานิกายและธรรมยุต ประกาศผลเองออกมาตามพระธรรมวินัยไม่ได้ผิดพระธรรมวินัยเลย แต่ท่านไม่รู้เรื่องธรรมวินัยนานาสังวาส เพราะมันลึก ลึกซึ้งสุด
ในยุคพระพุทธเจ้าก็มีนานาสังวาสที่พระพุทธเจ้าประกาศธรรมวินัยกับพระเทวทัต ท่านไม่ได้ประกาศนิกายกับพระเทวทัตแต่ท่านประกาศนานาสังวาส ส่วนเทวทัตจะถือว่าท่านเป็นคนละนิกายก็เป็นเรื่องของเทวทัต เช่นเดียวกันกับอาตมาประกาศนานาสังวาสกับมหาเถรสมาคมที่มีทั้งธรรมยุตและมหานิกาย
แต่ทางโน้นทั้งธรรมยุตและมหานิกายถือว่า อาตมาเป็นนิกายซึ่งอาตมาไม่ได้ถือว่าพวกท่านเป็นนิกาย เรื่องนี้ลึกซึ้งมาก ธรรมะซับซ้อนเป็นสิริมหามายา มันก็ต่างคนต่างยึด ต่างคนต่างถือ ต่างคนต่างเห็น เขาก็เป็นอย่างนั้นอาตมาก็เป็นอย่างนี้ จิตก็คนละสัญญา คนละกำหนดหมาย ก็เป็นคนละอย่าง ศึกษาไปอันนี้ลึกซึ้ง นานาสังวาสนี้ลึกซึ้งสุด
มันเป็นเครื่องตัดสินสุดท้ายที่เป็นการจำนนแล้ว ระหว่างมนุษย์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เมื่อความเห็นของเธอกับความเห็นของเรามันเห็นกันคนละอย่าง ก็อยู่เป็นสุขเป็นสุขกันเถอะ ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเข้าใจว่า อันนี้เราเข้าใจอย่างนี้ถือว่าเป็นธรรม อันนี้ถือว่าอย่างนี้เป็นอธรรม คุณก็ถือธรรมอันนี้ แต่อีกคนเห็นว่า อันนี้เป็นธรรมะ แต่อันนี้มันเห็นขัดกัน อันโน้นเป็นอธรรมก็ต่างคนต่างเข้าใจต่างคนต่างยึดถือ ต่างคนต่างปฏิบัติไปก็แล้วกัน และผลมันจะออกมาตามสัจธรรม สัจธรรมไม่มีใครไปบิดพลิ้วมันหรอก มันเป็นของมันเอง มันเป็นของมันจริง
และอาตมาก็ไม่งง ไม่สงสัย ไม่ประหลาดว่า พวกเราจะเป็นหมู่น้อย ไม่สงสัย ไม่ประหลาด อย่างพวกเราชาวอโศกที่เป็นโลกุตรธรรมเป็นหมู่น้อยที่เป็นยอดพีระมิด มหานิกายธรรมยุตของมหาเถรสมาคมก็เป็นอีกหมู่หนึ่ง แน่นอนมหานิกายกับธรรมยุตก็ยังจะเป็นหมู่น้อยของเทวนิยม ซึ่งเทวนิยมเขาเป็นฐานพีระมิดส่วนใหญ่มากเลย
แม้ว่าของเถรสมาคมหรือสงฆ์หมู่ใหญ่ กระแสหลักของประเทศ จะไม่เป็นโลกุตรธรรมเหมือนอย่างชาวอโศก แต่ก็มีเชื้อของธรรมะพระพุทธเจ้า มากกว่าเทวนิยมอีก เป็นสัจจะ
เทวนิยมเขาก็มีหลายขั้น อาตมาก็ไม่อยากจะไปวิจารณ์เขามาก หลายอย่างหลายขั้นแล้วเขาก็เข้ากันไม่ได้ อยู่ด้วยกันไม่ได้ด้วย ไม่เป็นสังวาสเดียวกันไม่ร่วมกัน มันเกินกว่าจะเรียกว่านิกายแล้ว มันคนละศาสนา ไม่ใช่แค่ต่างนิกายเท่านั้นแต่คนละศาสนาเลย ดีไม่ดีฆ่ากันด้วย แข่งดีแข่งเด่นกันนั้นแน่นอน
ทีนี้กลับมาหาเรา อย่างเราชาวอโศกกับเถรสมาคม เราไม่ได้ไปแข่งดีแข่งเด่นกับเขานะ มันไปตามสัจจะ คนเข้าใจว่าอย่างนี้ดี น้อยด้วย อย่างอโศกนี้คนเข้าใจว่าดีมีน้อยด้วยก็ไม่เห็นเป็นปัญหา เราอยู่แล้วว่าสัจจะนั้นยอดพีระมิดก็จะมีน้อยแค่นั้น มันก็เป็นสัจจะ เราจะไปงงไปสงสัยอะไร ทางโน้นเขามีมากกว่าดีแล้ว ท่านก็ทำของท่านให้ดีอย่าให้มันเสื่อมยิ่งกว่านี้ แต่มันก็ยาก
เพราะลักษณะที่ไม่เสื่อมกับลักษณะที่ยังเสื่อมอยู่ แน่นอนเสื่อมอยู่ก็ต้องเสื่อม อันที่ไม่เสื่อมแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ตกต่ำ อวินิปาตธรรม ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ไม่เสื่อมแล้ว ดีไม่ดีมันนิยตะเที่ยงด้วย
ที่ไม่เสื่อมนั้นก็ยังยึกยักอยู่นะ ไม่เที่ยง ยังขยับไปขยับมา สุขบ้างทุกข์บ้างมีเยอะ แต่นิยตะนี้ จะยิ่งน้อยลงไปแล้วใช้ศัพท์คำว่าเที่ยงได้ มีแต่ไม่ยึกยักแล้วมีแต่จะ สัมโพธิปรายนะ ไปสู่ที่สูงที่สุดที่จบ นี่คือลักษณะสัจธรรมพวกนี้ พระพุทธเจ้าสอนไว้หมด พยัญชนะบาลีอาตมาเอาของพระพุทธเจ้ามาใช้ อาตมารู้สภาวะพวกนี้ ของเรามีตรงกันกับของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
4 ขั้น โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม นิยตะ สัมโพธิปรายนะ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นคุณสมบัติขั้นพระโสดาบัน
ตอนนี้อาตมากำลังอธิบายถึงพลังงานที่เข้ามาเป็นชีวะ มันเริ่มตั้งแต่ สัตตะ ปาณะ ภูตะ ชีวะ
เพราะฉะนั้นพลังงานที่จะเริ่มมาเป็นชีวะ มันเริ่มมาตั้งแต่ สัตตะ แปลว่า 7 เช่น 7 หน่วยแล้วเริ่มมาเป็น ปาณะ ซึ่งไม่ใช่ตื้นเลย มันลึกขนาด อาตมากำลังอธิบายอยู่ค่อยๆขยายไป กำลังพูดถึงขั้น ปาณะ มันจะเลยจากสัตตะคือ 7 ซึ่งยังไม่เป็นชีวะเต็มรูปด้วย
พอเริ่มเป็นชีวะเต็มรูป แต่มันลึกซึ้งละเอียดเล็กน้อยเป็นเยื่อ ชีวะ มันอันที่ 4 คือ ปาณะ อาตมากำลังขยาย เช่น ปาณาติปาตะ ก็คือปาณะ เชื้อชีวิตเยื่อชีวิต ใครทำให้ตกร่วง..บาป ละเอียดขึ้นไปอีกนะบาปไม่ใช่เรื่องเล่น
เพราะฉะนั้นถ้ายิ่งขั้น ภูตะ พลังงานนั้นโตกว่า ปาณะ ยิ่งพลังงานชีวะโตกว่าภูตะ เอาไว้แค่นี้ก่อน ฝากไว้ก่อนโอฬาร
การอธิบายนั้นต้องอธิบายอย่างมีรูปธรรม มีบุคคลจริงจึงจะเป็นที่น่าเชื่อถือ เข้าใจกันได้ง่าย อาตมาทำนี้อย่างฉลาด คุณเองยังคิดไม่ถึงอย่างอาตมาก็ตามประสา ขออภัยอาตมาไม่ได้ว่าคุณโง่แต่คุณยังฉลาดไม่ถึง คุณยังไม่รู้ร่วม ยังไม่รู้ครบ คุณรู้หนึ่งเดียวยังไม่ถึง 6 ยิ่ง 7 คุณยิ่งไม่เข้าข่ายเลย ฉฬะคือ 6 ก็อธิบายสังขยาเลขนิดหน่อย
พลังงานความเข้าใจของคุณอาจจะแค่ 1 เท่านั้น เทวนิยมนี้แค่หนึ่งเดียว คุณจะเลยเทวนิยมได้มากกว่านั้นจะ 2 จะ 3 ได้แค่ไหนก็ไม่รู้เพราะอาตมายังวัดคุณไม่ได้ เพราะไม่รู้จักกัน ก็ค่อยๆทำความเข้าใจศึกษาให้ดีๆ
ตอบ สรุปก่อนว่าทำไมอาตมาต้องไปว่า เพราะอาตมาเวทนาหรือว่าสงสาร แต่ก็สงสาร ท่านก็เสียไปหมดแล้ว สงสารหลวงปู่เสาร์สงสารหลวงปู่มั่น มหาบัวแต่สงสารท่านก็เสียไปหมดแล้วก็คือต้องสงสารลูกศิษย์ อาตมาจึงจำเป็นจำนนต้องว่าเพราะท่านผิดเพราะท่านยังไม่สัมมาทิฏฐิ ท่านยังมิจฉาทิฏฐิ อาตมาก็พูดความจริง
พวกคุณยึดถือว่าของอาจารย์มั่น อาจารย์เสาร์ อาจารย์มหาบัวสัมมาทิฏฐิ แน่นอนคุณก็ต้องค้านแย้งกับอาตมา แต่อาตมาก็ต้องพูดความจริง ว่าอันนั้นยังมิจฉาทิฏฐิ ถูกมันอันนี้ คุณก็ค่อยแง้มใจดูสิ แง้มใจมาฟังอาตมาหน่อย อย่าปิดใจมาฟังอาตมาเลย ถ้าปิดใจมาฟังอาตมา มันก็รับอะไรไม่เข้า ต้องแง้มๆหน่อย ขอแง้มๆก็พอก่อน แล้วถ้าคุณเจตนาดี แสวงหาจริงๆนะ ให้แง้มมาเถอะแล้วฟังอาตมาบ่อยๆ
_@Prasa_Yiaedin ประสา ยายดิน • ถูกต้อง และถือได้เลยว่าคำกล่าวนี้เป็นสัจจะธรรมของผู้ที่เข้าใจชีวิตที่แท้จริง ว่าแท้แล้วที่มาเวียนว่ายตายเกิดกันนี้ ก็เพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นเป็นภารกิจหลัก ดังนั้นการไม่ได้โลกุตรธรรม จึงเท่ากับเสียชาติเกิดไปเปล่าๆนั่นเอง เกิดและตายไปฟรีๆ ทรมานไปกับผลวิบากของการเกิด แก่ เจ็บ และตายไปแบบฟรีๆ (ใต้คลิป เกิดมาชาติหนึ่งไม่ได้ธรรมะโลกุตระพพจ.เสียชาติเกิด)
พ่อครูว่า… ที่เป็นเทวนิยมไม่เข้าใจโลกุตระก็จะมีแต่ตายเกิด เกิดตายเป็นหนี้กัน สมบัติผลัดกันชม แก้แค้นกันยิ่งกว่าหนังจีน มันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น ตอนนี้คุณชักเข้าใจแล้ว เริ่มเข้าใจแล้ว คุณประสา ยายดิน เริ่มเห็นทิศทางแล้วถ้าอย่างนี้ก็มีหวังศึกษาให้ดีเถอะมีหวังจะไปสู่นิพพานได้ แต่ทางโน้นนั้นปิดประตูเลยยังไม่เห็นทาง ยังไม่เห็นทิศเลย ฟังธรรมดีๆจะเข้าใจ นี่มันมากขึ้นด้วยอธิบายชักง่ายขึ้นเรื่อยๆ
_@tuipum ตุ้ย ปุ้ม804 • โลกวุ่นวายเพราะคนไม่ยอมฟังข้ออรรถ ข้อธรรม พอไม่ฟังย่อมไม่รู้และไม่มีทางรู้(เพราะอนุสาสนียปาฏิหาริย์ต้องเกิด เนื่องแต่ความเข้าใจถูกต้อง ตามความจริงเท่านั้น) แต่ถ้าฟัง พอได้รับรู้แล้วต้องวิเคราะห์ จำแนกแยกแยะด้วยการตั้งอยู่บนความถูกต้องตามความจริงด้วย ผลที่ได้รับคือ ความเข้าใจถูกต้องตามหลักสัจธรรมอย่างแท้จริง และไม่ใช่เข้าใจแบบเข้าข้างตัวเองด้วยนั้น เป็นไปในทางจิตฝ่ายดี ครั้นได้มีการสั่งสมมากยิ่งขึ้น ย่อมเป็นจิตที่มีกำลัง มีอานิสงส์มาก ทำให้มีความร่าเริง อาจหาญในธรรม ให้เป็นไปเพื่อความเข้าใจที่ไม่รู้จักพอยิ่งๆขึ้นไป จนเป็นความมั่นคงด้วยเป้าหมายสูงสุดคือ”ความเป็นอนัตตา” กราบนมัสการพ่อท่าน และเหล่าสมณะทุกรูป ตามที่ลูกได้เข้าใจจากข้อธรรมที่หลากหลายเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า… เมื่อถึงขีดถึงขั้นมันบอกตัวเองได้เลย จะเข้าใจผู้ที่ให้ความลึกซึ้งไปเรื่อยๆว่าอย่างนี้ใช่อย่างนี้ต้องติดตามเอามันยิ่งกว่าขุมทรัพย์ยิ่งกว่าเจอบ่อทองบ่อเงินอีกสุดยอด ก็จะเข้าใจ
อันนี้เข้าใจเป้าหมายความสูงสุดคือความเป็นอนัตตา หมดตัวตนแล้ว ดีเข้าใจถูกแล้วตามลำดับพากเพียรไป
ฟังธรรมได้อานิสงส์ในการฟังธรรม 5 ประการ
_@Pueng-ur2cg ผึ้ง • ขอน้อมกราบ พระอรหันต์พระโพธิสัตว์ พ่อครู โพธิรักษ์ และพระสงฆ์ผู้เจริญ เจ้าค่ะ .. สาธุ แม้ลูกจะยังไม่เคย ได้ไปสันติอโศก แต่ได้ฟังธรรมหลวงพ่อ มา 7 วัน ย้อนฟังคลิปเก่าหลายคลิป ยิ่งมั่นใจได้เจอ เนื้อนาบุญของโลก และคำสอนอันประเสริฐของพุทธศาสนา และได้เจอพระโพธิสัตว์ แท้จริง ในชาตินี้แล้วเจ้าค่ะ🙏
(ใต้คลิปพ่อครูเทศน์เมื่อ 21 มิ.ย.66)
พ่อครูว่า… พระพุทธเจ้าท่านสอนเราอย่าให้เพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆแล้วศึกษาฝึกฝนไป การได้ฟังธรรมมี อานิสงส์ในการฟังธรรม5 ประการ
-
ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง (อัสสุตัง สุณาติ)
-
ย่อมเข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว (สุตัง ปริโยทเปติ)
-
ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ (กังขัง วิหนติ)
-
ย่อมทำความเห็นให้ถูกตรง (ทิฏฐิง อุชุง กโรติ)
-
จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส (จิตตมัสสะ ปสีทติ)
(พตปฎ. เล่ม 22 ธัมมัสวนสูตร ข้อ 202)
ตอนนี้ท็อปนิวส์เอาอันนี้มาออกแล้วบอกว่าเป็นของมหาบัวแต่ถ้าจริงเป็นของพระพุทธเจ้า ในพระไตรปิฎกท่านพุทธทาสท่านบอกว่าฉีกทิ้งสัก 60 ส่วน คือท่านเข้าใจเท่านั้น นอกนั้นท่านไม่เข้าใจก็เลยบอกว่ามันมากไปฟุ้ง ขออภัยมันเป็นกิเลสมานะของท่านพุทธทาสเอง ไปตีทิ้ง
อาตมาไม่ได้เป็นนักศึกษา ไม่ได้ไปช่างอ่านช่างศึกษา ถ้าหากอาตมาศึกษาพระไตรปิฎกมากกว่านี้ อาตมาจะมีหลักฐานของพระพุทธเจ้ามาพูดกับพวกคุณอีกเยอะเลย มันเป็นความด้อยของอาตมาอย่างหนึ่ง เป็นคนด้อยการศึกษา จะแก้ตัวว่าตัวเองไม่มีเวลาก็ไม่ใช่ จะว่าก็จริง เวลาอาตมาทุกวันนี้เอาเวลาไปนอนเสียเยอะ พยายามถนอม สะสมพลังงานให้แก่ตัวเองเพื่อที่จะทรงอยู่ได้ มันก็เลยนอนมากทุกวันนี้ ขอยอมรับว่า ต้องนอนมาก
ไม่ได้หิวนอน ไม่ได้อยากนอนนะ ทางอีสานเขาเรียก หิวนอน ทางภาคกลางเรียก อยากนอน อาตมาไม่ได้อยาก ไม่ต้องการ ไม่ได้หิวหรอก แต่มันต้องนอน เพื่อประคองสังขารให้ยืนยาวไป มันเป็นความจำเป็นซึ่งอาตมาก็ประมาณการสงเคราะห์ของสัดส่วน สรีระต่างๆด้วย เป็นการใช้สรีระต่างๆที่จะใช้เท่าไหร่ พักเท่าไหร่ พระพุทธเจ้าสอนให้เรา รู้จักพัก รู้จักเพียร
เราไม่พักอยู่ (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป
เราไม่เพียรอยู่ (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท
เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว (โอฆมตรินติ)
_ซึ้งซื่อ วิเชียร : กราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับ ในองค์พระอรหันต์จะต้องมี
สภาวะจิตที่หมดสิ้นกิเลสนอกและกิเลสภายในและไม่มีความลึกลับในตัวและมีความเป็นมนุษย์ปกติธรรมดาและหมดทุกข์สุขจากผัสสะต่างๆ มีชีวิตอยู่เพื่อตนและผู้อื่นจนกว่าจะสิ้นอายุไข (พ่อครูไอตัดออกด้วย) ใช่ไหมครับ ผมขอสัมมาทิฏฐิเพิ่มเติมด้วยครับ กราบนมัสการขอบพระคุณพ่อท่านอย่างสูงยิ่งครับ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน… ประเด็นนานาสังวาสที่พ่อครูบอกว่า มีความลึกซึ้ง เคยมีดอกเตอร์ทางรัฐศาสตร์ ดูเหมือนชื่อดร.สมชัย เรียนปริญญาเอกทางรัฐศาสตร์ ทางฝรั่งบอกว่าเรื่องนานาสังวาสเป็นเรื่องสุดยอดของประชาธิปไตยที่ให้อิสระ
แต่ที่แปลกคือ สุดยอดของประชาธิปไตยก็เอามากำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญไทยด้วย มีข้อหนึ่งบอกว่าคนไทยย่อมมีสิทธิ์นับถือศาสนานิกาย ศาสนาลัทธิ ศาสนาใดๆก็ได้ที่ไม่ขัดแย้งกับความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีงามของบ้านเมือง ตรงนี้พระเถรสมาคมที่เป็นหัวหอกก็เอามาโจมตีว่า อิทธิพลของสันติอโศกทำให้เขียนรัฐธรรมนูญตรงนี้ได้
แต่ตอนเกิดเรื่องกับพวกเรา ศาลไทยไม่ค่อยดูกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ ดูแต่กฎหมายลูก แต่ตอนหลังเขาให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญอย่างมาก
ขยายความ อุทิสมังสะ กับ สัญจิจจะ โวโรเปตุง
พ่อครูว่า… สภาวะจิตที่หมดสิ้นกิเลสนอกและกิเลสภายใน
พ่อครูว่า… อันนี้ใช่ ขยายความหลายที ต้องทำกิเลสให้หมดตั้งแต่ภายนอกถึงภายในตั้งแต่หยาบจนละเอียด พวกที่เป็นอรหันต์แต่ไปนั่งหลับตา ไม่ได้เรียนรู้กิเลสภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วรับรู้โลกโลกีย์ อธิบายมาตั้งแต่อบายมุขจนถึงโลกกามาวจร มาเรื่อยจนหมดกิเลสในกามภพก่อน แล้วมันจึงเหลือกิเลสภายในเป็นรูปาวจร อรูปาวาจร ก็ปฏิบัติภายในมันถึงจะเป็นลำดับที่ถูกต้อง ต้น กลาง ปลาย หยาบ กลาง ละเอียด
แต่อันนี้ไม่ทำกับความหยาบก่อน ไปทำความละเอียดก่อน มันก็ผิดหัวผิดท้ายแล้ว มันก็ผิดแล้ว
เพราะฉะนั้นที่เขาทำไม่ถูกแม้ลำดับจับหัวกลับหางกันอย่างนี้ มันจึงไม่ได้เรื่องอะไรเลย ไม่ได้ผลด้วย
อธิบายหลายทีเหมือนคุณจะกินเนื้อทุเรียน คุณเอาปากคาบไปทั้งเปลือกเลยจะเข้าไปกินเนื้อข้างในเลย ปากคุณแหกเปล่าๆไม่ได้กินเนื้อมันด้วย คุณต้องมีวิธีที่จะผ่าทุเรียน ต้องค่อยๆเอาออก ไม่ใช่เอาปากไปชน คุณจะหายตัวเข้าไปกินเนื้อทุเรียนเลยไม่ได้ มันต้องมีขั้นตอน เบื้องต้น กลาง ปลาย
พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า มีลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ใช่ตัดต้นกลางทิ้งเอาแต่ปลาย ไม่ใช่ ต้องเรียงลำดับอย่างถูกต้อง ไม่ถูกต้องไม่มีสำเร็จ
เพราะฉะนั้นคำว่า ภายนอก ภายใน กิเลสภายนอกภายในก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว อาตมาก็อธิบายไปจนถึงคำว่าพระพุทธเจ้าใช้คำอธิบายเป็นคำรวมว่า “กาย”
กาย มีภายนอกและมีภายใน แล้วท่านก็ขยายภายนอกเป็นอีก 2 คำ ว่าเป็นคำว่า โลก กับคำว่า อัตตา นี่คำสอนพระพุทธเจ้า
โลก ถือว่าเป็นโลกภายนอก หยาบ โลกอัตตาภายในละเอียด
เพราะฉะนั้นก็ต้องมีทั้งภายนอกภายใน
ทีนี้คำว่า กาย ทิ้งภายนอกไม่ได้ ต้องมีทั้งภายนอกภายในเสมอตลอดเลย 2 ใน 1 จะต้องมีตลอดเวลา เมื่อเวลาคุณเอากิเลสออกรู้จักกิเลสภายนอกที่หยาบ เช่น กิเลสตั้งแต่โลกขั้นอบายมุข
อบายมุข เช่น พวกที่สร้างอาวุธ นี่คือพวกอบายมุข พวกสัตว์นรก แรง สร้างอาวุธมาเพื่อฆ่าคน เขายิ่งมีบาปมหาศาล ไอ้เรื่องบาปในจิตที่มันมีจิต ต้นทางของมันคือจิตสัญญา ที่มีแนวโน้มทิศทางไปเรียกด้วยพยัญชนะภาษาวิชาการว่า สัญจิจจะ หรือ อุทิสสะ
สัญจิจจะ อธิบายง่ายกว่า อุทิสสะ คือจิตที่เจาะจง มีทิศทางมุ่งไป เมื่อกี้อาตมาอธิบายเกริ่นไปถึงธาตุรู้ที่มันมีตั้งแต่ สัตตะ ปาณะ ภูตะ และชีวะ
จิต สัญจิจจะ เริ่มแต่ พอเริ่มสัตตะแล้วมีปาณะ
สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น) เจตนาที่มันมีทิศแล้วเจาะจง ใจมันมีทิศทาง ศัพท์คำว่า จงหรือจงใจ คำว่า จง นี้คือ จงอย่างนี้นะ มันมีทิศทางถูกบังคับให้เข้าไปในทิศทางนี้แล้ว
ถ้าคุณทำจิตตัวนี้ สัญจิจจะ อาการจิตโน้มไปในทางที่จะ โวโรเปตุง คือทำร้ายถึงขั้น ฆ่า ประหาร เป็นการทำร้ายถึงขั้นฆ่าเลยในความหมายของคำว่า โวโรเปตุง คือ วระกับ เปรต คือจิตเปรตที่มันเจริญ วระ เป็นโวโรเปตุง เป็นจิตเปรตที่ร้าย เป็นภาษากลับกันเป็นสิริมหามายากับมายา วระก็“ดี” เปตุงก็“เลว” ใช้ 2 คำนี้ควบกันให้รู้ว่าเป็นจิตลักษณะที่ ไม่ดีแล้วล่ะ
ผู้ที่เข้าใจพลังงานจิตตั้งแต่ ปาณะ พระพุทธเจ้าเอาบาปตั้งแต่ ปาณาติปาต ทำให้วิญญาณ มันยังไม่ชื่อว่าตาย ชื่อว่าตกร่วง ตกต่ำ ลดสถานะ บาปแล้ว
เพราะฉะนั้นคำว่า ปาณาติปาตา เป็นความหมายไม่ใช่เรื่องเล่น ทั้งปาณะทั้งปาตะ ยิ่ง สัญจิจจะ ปานัง คือ ปาณะ ชีวิตา โวโรเปตุง ก็ยิ่งละเอียดขยายความไปมากขึ้น
เพราะฉะนั้นคนที่ศึกษายังไม่มีสภาวะถึงภูมิพอที่จะชี้แจงก็อธิบายสับสนกลับไปกลับมา มันก็ผิดก็เพี้ยน โดยเฉพาะถ้ามันไม่ชัดเจนหรือมันไม่จริง มันก็ผิด มันก็เพี้ยนออกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งไปอธิบายขยายความกันว่า สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง กลายเป็นว่าจิตไปมุ่งเจาะจงบุคคล ไม่ใช่ ที่จริงแล้วคือจิตมุ่งไปทำร้าย ปาณะ เป็นบาปนะ พยัญชนะก็ยืนยันไปแล้ว
ขอทวนอีกที… เพราะฉะนั้นจิตของผู้ใดที่มีเจตสิกสัญญา การกำหนดหมาย สัญญานี้ทำงานมาก ทำงานตั้งแต่ต้นจนปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณจะตายก็ตายด้วยสัญญากำหนดรู้ ไม่ใช่ตายด้วย สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน แล้วคุณกำหนดหมายคุณก็ทำ ทำได้ คุณทำ สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ได้ ไม่ยึดนิมิต ไม่ตั้งจิตอะไรเลย คุณก็ตายสูญไปเลย ธาตุจิตคุณก็แยกเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย
อาตมาอธิบายเรื่องนี้โดยยก ชีวกสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้กับ ชีวกะ ในรายละเอียดของ สัญจิจจะ รายละเอียดของจิตที่มีทิศมุ่ง
พอเริ่มต้นตั้งต้น ละเอียด มีทิศมุ่งไป ท่านอธิบายไว้ 5 ลำดับ แล้วท่านก็แปลเป็นภาษาไทยมา
ชีวกสูตร
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตุง (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น) เช่น ไปนำปลาช่อนตัวนั้นมา สัตว์อะไรก็แล้วแต่ที่คุณระบุจะไปเอามากิน เช่น ไปเอาไก่โต้งตัวนั้นมา ไปเอาเนื้อหมูมา นี่คือจิตมี สัญจิจจะ จิตมีทิศมุ่งไปหาสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งด้วยจิต โวโรเปตุง เป็นจิตไม่เข้าท่าเป็นอกุศลจิตแล้ว ชีวิตา ชีวิตสัตว์ตัวนี้ ชีวิตของปาณะนี้ ที่คุณจะทำปาณาติบาตแต่นี่ยังนะ ยังไม่ได้เริ่มปาณาติบาต เป็นเพียงข้อเริ่มต้นของจิตนะ ก็เป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย บาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส มันเป็นบาปมากกว่านั้นอีกกว่าข้อที่ 1 …จะผูกขา ผูกปีก ผูกมัดสัตว์นั้นมา สัตว์มันก็ทุกข์ มันก็จองเวรจองกรรม มันเป็นตัวเป็นตน กล่าวชื่อแต่แค่นั้นด้วยจิตที่มุ่งร้ายแล้ว โวโรเปตุง ผู้ที่ช่วยไปจับมา หรือไปจับมาเอง ผูกมัดมันมา แล้วสัตว์มันอยากจะให้จับหรือ หรือจะจับมันมาอย่างงทะนุถนอมก็อีกเรื่อง นี่คุณมีเจตนา โวโรเปตุง เป็นเจตนาร้าย เพราะฉะนั้นข้อ 2 ก็เป็นบาปที่ทวีขึ้น
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้” ไอ้หยา.. ฟังภาษานี้ก็เข้าใจแล้วว่า แน่นอนคนนี้บาปทับหัวทับทวีขึ้นไปอีกแล้วเป็นไม่รู้เท่าไหร่
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกฆ่า ย่อมเสวยทุกข์โทมนัส มันก็จะจองเวรคุณ มันทุกข์โทมนัสเพิ่ม สัตว์มันถูกฆ่า มันจะจองเวรจองแค้นอีกเท่าไหร่ มันก็บาปจริงๆเข้าไปสูงขึ้น
-
ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อกปฺปิเยน อสฺสาเทติ อิมินา ปญฺจเมน ฐาเนน พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร ล.13 ข.60