660609 พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1fLcBjw4Wh_OC9XfM_p4k6_06CTM249Qx/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1jSbBOEPERhwQAsLDf1NEAa7vcrT27RNv/view?usp=drive_link
ยูทูป https://youtu.be/bYM7nRSQhwI
และ https://www.facebook.com/100078722032092/videos/705674088028729
ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ
พ่อครูว่า… วันนี้วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ วันนี้ก็เป็นวันเรียกว่าสุดท้าย ส่งท้าย ของงานอโศกรำลึก บูชาพระบรมสารีริกธาตุครั้งที่ 42 ทำมากันตั้งแต่วันที่ 3 ถึงวันที่ 10 วันที่ 10 เป็นวันสุดท้ายจริงๆ ก็จะมีการทำวัตรเช้า สมณะสิกขมาตุร่วมรำลึกอโศกรำลึก จะพูดอะไร สรุปอะไรก็ว่ากันไป พอเสร็จแล้วก็ เตรียมเดินทางกลับกัน ผู้ที่ไม่กลับจะอยู่เลยก็ขออนุโมทนาสาธุ อยู่เลยได้ไม่มีปัญหาอะไร ยังรออยู่ว่าเมื่อไหร่มันจะมีพลเมืองสัก 777 คน เอาเลขสวยๆเท่านั้น แต่เป็น 1,000 คนเราก็ไม่เกี่ยง ตอนนี้ 1,000 คน งานนี้มีคนมาร่วมเป็น 1,000 คน และยังมีจอต่างๆที่เขายังไม่มา เปิดดูจออีกก็ไม่น้อย
รายการสุดท้ายของอาตมาที่เขากำหนดเรื่องมาเลย แค่จะมาพูดคือ ให้ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม มันก็สมควรแก่เวลา ที่จริงก็เปรยมาแล้วยืนยันตัวเองว่าเป็นธรรมิกราช แล้วก็ดีนะ เขาเขียนเป็นภาษามาเลยว่า ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม ไม่ใช่ราชะ แต่เป็นธัมมิกราษฎร ประกาศโลกุตรธรรม
จริงอาตมาไม่ได้เป็นราชา อาตมาเป็นราษฎร ก็ต้องประกาศราษฎร เสียงก็ตาม ภาษาซ้ำกันก็ตาม มันเป็นอจินไตย ที่เยอะเหลือเกิน อาตมาเองพยายามบอกไปพูด ทำไปก็แนะนำไป มันมีคำที่เป็นสำเนียงเดียวกัน ภาษาเดียวกันสะกดต่างกัน มันมีความซับซ้อน 2 ใน 1 และ 1 ใน 2 อันนี้เป็นความลึกซึ้งที่เป็นอจินไตยสูงสุด ธรรมะโลกุตระของพระพุทธเจ้านี้ แล้วคนไม่รู้ได้ง่ายๆ
มันเป็นสัจจะที่ต้องศึกษาและปฏิบัติมาจนมีภูมิปัญญา ที่จะสามารถรู้ได้ ไม่เช่นนั้นก็รู้ไม่ได้จริงๆ วันนี้ก็เป็นวันที่จำนนจำยอมและจำต้อง ประกาศธัมมิกราษฎร์ แต่เราจะประกาศออกไปดื้อๆเฉยๆมันไม่มีอะไรที่จะเป็นพลความ เป็นสิ่งที่จะต้องอธิบายสาธยายมาว่ามันมีอะไรมาบ้าง ที่เป็นเหตุปัจจัย มีองค์ประกอบ อะไรบ้าง และมีอะไรที่เป็นมาแล้วทำมาแล้ว จะรวบรวมมาเอามาย้ำยืนยัน
อาตมาก็ต้องพยายามเขียนเรียบเรียง (พ่อครูไอตัดออกด้วย) คำต่างๆที่จะเอามาสาธยายกัน ยืนยันให้ได้ เอามาเพื่อที่จะประกอบการพูดได้ว่า มันเป็นความจริงที่ยืนยันได้จริง มีทั้งหลักฐานจากพระไตรปิฎก หลักฐานจากตำนาน หลักฐานจากคำเล่าลือกันมา หลักฐานจากตัวตนจริง และตัวตนจริงก็ได้ออกมาแสดงตัว ออกมานำพา และอาตมาว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
นำพามาตั้ง 50 กว่าปี อาตมาก็ได้ย้ำมาอย่างจริงๆจังๆว่า ยุคนี้เป็นยุคเสื่อม ตอนแรกก็ย้ำเต็มที่ไม่ได้ ขนาดนั้นเขาก็ยังพยายามจะเอาอาตมาตาย ทำงานมาตั้งแต่บวช พ.ศ. 2513 จนพ.ศ 2532 ถูกกระหน่ำ เราก็พยายามนำความจริงออกสู้ อาตมาไม่มีอะไรอื่นสู้นอกจากความจริง หมดความจริงอาตมาก็ต้องตาย อาตมาก็ต้องสู้ด้วยความจริง เพราะฉะนั้นความจริงอาตมามั่นใจว่าจะพาให้ชนะได้
มีเด็กคนหนึ่งเขาถามมา คงจะอยู่ในที่นี้ก็คงจะตอบอันนี้ก่อนค่อยเข้าสู่เรื่องที่จะประกาศธัมมิกราษฎร์กัน
อยากกอบกู้ศาสนาแบบหลวงปู่จะทำได้อย่างไร
_ผมอยากถามว่า ถ้าผมอยากจะเป็นแบบหลวงปู่ ที่จะได้ช่วยกอบกู้ศาสนาครับ จะทำอย่างไร
พ่อครูว่า… คำตอบ ก่อนอื่นก็ตอบอย่างนี้ ทำอย่างหลวงปู่ ซึ่งก็คงยากอย่างเด็กถามมา ก็ตอบว่าทำอย่างหลวงปู่นี่แหละ
ทีนี้ทำอย่างหลวงปู่ทำอย่างไร อย่าละสายตา อย่าหนีไปไหน หลวงปู่ก็ยังไม่ตาย ก็ยังมีพี่ป้าน้าอา มีพี่มีน้องอยู่ในนี้อีกเยอะ นี่แหละอยู่ร่วมในนี้แหละ คนหลายคน แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน มันจะสอดคล้องเข้าไปถึงที่สุดจบ มีหนึ่งเดียว
มีข้อเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ 2 อย่าง เปรียบเทียบกันแล้วได้อันหนึ่ง แล้วก็จะไปมีอันที่สูงขึ้นไปอีก เอาไปเทียบแล้วก็เลือกเอาอีก 1 อัน ก็ได้อันที่สูงขึ้นไปอีก เหมือนกับแชมเปี้ยนโลกเขาจะไต่เต้าตั้งแต่ เป็นนักมวยที่ยังไม่มีชื่อเสียง จนไต่ระดับเก่งขึ้นมาอีกหน่อยแล้วก็ไต่ระดับเก่งขึ้นไปอีก เป็นกระทั่งเป็นรองแชมป์เปี้ยน รองแชมป์เปี้ยนโลก แล้วก็จะชนะรองแชมป์เปี้ยนโลกเป็นแชมป์เปี้ยนโลก มันมีขั้นมีตอนมีคู่
นี่แหละคือ 2 สภาพที่จะต้องเทียบขึ้นไปเรื่อยๆ อันนี้แหละเป็นเรื่องยาก คำว่าเทวะแปลว่า 2 ยิ่งใหญ่ทุกอย่างคือเทวะ อย่างเทวนิยมนี่เขาแยกไม่ออก หนึ่งเดียวหนึ่งเดียวแล้วเขาตีไม่แตกและห้ามตีแตกด้วย พระเจ้าของเขาว่าไปแล้วอย่าแยกอย่าแตก ของพระเจ้าเที่ยงแท้ กาละจะเปลี่ยนวินาทีจะเดินไปเรื่อยๆเขาก็ต้องอย่างเดิมอยู่ที่เก่า กาละก็อยู่อย่าง เทศะก็อันเดียวฐานะก็อันเดียว ไม่ขึ้นอยู่กับอย่างอื่นเลยนี่คือความพาซื่อ เป็นสิ่งที่ไม่เจริญ เป็นสิ่งที่ปักหลักหนึ่งเดียว ทั้งๆที่โลกมันไม่ได้อยู่หนึ่งเดียวมันไม่เที่ยง
จึงเป็นคำว่าเที่ยงนิรันดร์เดียว หนึ่งเดียวนิรันดร กับคำว่าไม่เที่ยง 2 คำนี้คนละโลกกันเลย 2 คำนี้เท่านั้นแหละ
ผู้ที่จะตรัสรู้อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ 1 เป็น 2 และ 2 เป็น 1 จนกระทั่งขยายเป็น 3 จนกระทั่งสังเคราะห์ 3 นี้ให้มี 4 มี 5 มี 6 มีเป็น 0 แล้วก็ยังมีต่อไปอีกเป็น 20-30 เป็น 50 เป็น 100 ขยายไปจนเป็นประมาณมิได้ เสร็จแล้วก็จะเห็นว่าสรุปลงมาหา 0
0 คืออะไร 0 คือหาประมาณมิได้เป็นอันเดียวกัน
มาเข้าสู่คำที่ได้เรียบเรียงร่างเอาไว้ ก็ยังเอามาแก้ตั้งแต่ต้นจนถึงจบ วันนี้ปริ้นท์ออกมา 20 กว่าหน้าเท่านั้น
มันมีภาษาเก่าซ้ำอยู่ มากน่ารำคาญ ถ้าคนฟังไม่รู้ดีก็จะรำคาญจะเบื่อ เหมือนกับอ่านพระไตรปิฎก ถ้าความรู้ใหม่ที่เราจะได้ถ้าเราเจริญ มันจะเหมือนใหม่ขึ้นไปอีก จากพระไตรปิฎกอันเก่านี่แหละ นี่ก็คือความซับซ้อนของสภาวะกับความเจริญของเรา แต่อาตมาเอาอันนั้นมาขยายกันช่วยพวกเรา ขยายความด้วยภาษายุคนี้ภาษาใหม่ให้เข้าใจได้ ยิ่งเอามาจากพระไตรปิฎก พระบาลีมาอ่านให้ฟัง พวกเราไม่ได้เรียนบาลีมาก็จะมืดเลยไม่รู้เรื่อง แล้วบาลีทุกวันนี้ก็แปลกันเพี้ยนจากบาลีเดิม
ภาษาบาลีเป็นภาษาตาย หมายความว่าเป็นภาษาที่เหมือนกับเทวนิยมไม่เปลี่ยนแล้ว แต่ของพระพุทธเจ้านั้นไม่ยึดมั่นถือมั่น เปลี่ยนไปตาม กาละ เทศะ ฐานะ เริ่มต้นตั้งแต่คำว่า กาละเวลา มันอยู่กับที่ไหม นอกจากนาฬิกาตาย มันอยู่กับที่ โลกมันก็หมุนไปเป็นเวลาอยู่ตลอดไม่มีอะไรหยุดหรอก
ฉะนั้นคำว่าหยุด คำว่าจบกิจ คำว่า 0 คำว่าลงตัวแล้ว จึงคือคำตอบชนิดหนึ่ง ในคำว่าเที่ยงหรือคำว่าหยุด หยุดสะเด็ด หยุดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้ว เป็นสภาวะหนึ่งเท่านั้น อยู่ในสภาวะ 2 ตราบที่เรายังมีร่างกายมีกายกับจิต มีคนอื่นกับตัวเรา มัน 2 ทั้งนั้น แต่เราต้องรู้จบ
เมื่อเราไม่มีตัวตนจะแพ้ก็ได้ ยอมก็ได้ จะให้ชนะก็ไม่ประหลาดอะไร จะยอมให้เราชนะ เราก็ยอมได้ จะให้เราชนะก็ชนะก็คือชนะ เราก็ไม่ไปกระดี๊กระด๊าฟูใจ เราชนะเขาได้ ถ้าเขาให้เราชนะคือเขาได้นะ คือเขายอมแพ้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ยอมแพ้นั่นแหละคือ ผู้ชนะ สรุปตรงนี้ไปก่อน
ทำไมพ่อครูต้องประกาศอรหันต์ในยุคนี้ ตอน 3
-
เกิดมาชาตินี้ “อาตมา”จำเป็นมากที่สุดแห่งที่สุดที่ต้องบอก“ตัวเอง”ว่า “อาตมา” เป็น“อรหันต์” และเป็น“โพธิสัตว์”