660904 ฌานปัญญาของคนเจริญจริงคือทำจิตให้เป็นมหาภูติได้ รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #39 ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/104dHJzNC-k7lBzmjT79xAUgEwYSzb2iC/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/18pWPaRwDJCO2QeJ_2rQWR276GdCLcb-s/view?usp=sharing
และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/660904-167-e28t47a
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/qY0L8nPG6kQ
และ https://fb.watch/mRsSLSw51I/
มีซับ
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก แหม มีน้ำมูกนิดๆ ฝนก็ตกแฉะๆ อากาศก็ชื้นๆ เอาละ
เริ่มต้นเอา SMS มาว่ากันไป อธิบายธรรมะไปกับ SMS นี่แหละ หมด SMS แล้วค่อยว่ากันต่อ อาตมาอธิบายเรื่องฌาน จะขยายความเรื่องฌานเพราะว่าฌานเป็นเรื่องอจินไตย เรื่องฌานวิสัยที่เป็นอจินไตย ไม่ใช่ฌานของเดียรถีย์ ไม่ใช่ฌานของพวกเทวนิยม พวกออกนอกรีต ที่ไปนั่งหลับตา ทำฌาน เข้าฌาน ออกฌานอะไรกัน นั่นไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า ซึ่งพูดไปแล้วมันเหมือนคนมาจากไหนมาพูดกันนี่ ชาวพุทธกระแสหลัก อาจารย์ใหญ่ ปราชญ์ทางศาสนาพุทธ ทั้งหลายทั้งนั้นในประเทศไทย (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… รายการเทศนาพ่อครู ก็จะให้ปัญญาแก่ลูกๆ ที่มักจะเข้าใจ มีทิฐิในการปฏิบัติธรรมไปอีกทางหนึ่งเขาก็มักจะบอกว่าพ่อท่านมาจากไหน จริงๆแล้วพ่อท่านมาจากศรีสะเกษ
ศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อมแต่คนต่างหากที่เสื่อมไปจากศาสนาพุทธ
พ่อครูว่า… มาจากศรีสะเกษที่ไหน มาจากกรุงเทพฯ ไปอยู่กรุงเทพฯโดน จริง ตกฟากที่ศรีสะเกษแต่รกรากอาตมาอยู่ที่อุบลราชธานีนี่แหละ ต้นตระกูลก็คือท้าวคำผงนี่แหละ
อาตมาพูดขึ้นมาเหตุผลก็ง่ายๆไม่ได้ยากอะไร ที่อาตมานำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาพูดขึ้นมา มันไม่เหมือนกับที่เขามีอยู่ก็ถูกแล้ว ที่เขามีอยู่นั้นมันเป็นความเสื่อมของศาสนาพุทธไง มันผิด ศาสนาพุทธเสื่อมนั่นมันคือคน คือชาวพุทธเองเสื่อมไปจากความรู้ที่ถูกต้อง ผิดเพี้ยนไปจากความรู้ที่ถูกต้อง ของพระพุทธเจ้า นั่นคือความเสื่อม เสื่อมหรือไม่เสื่อมคืออะไร คืออย่างนี้แหละ มันผิดจริงๆ
เพราะฉะนั้นอาตมาเอามาพูดขึ้นมันจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ผิดมันก็ไม่มีอะไร อันนี้มันผิด สิ่งที่พูดขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งก็คือถูกนั่นเอง ถ้าอันนี้ผิด อันนั้นก็ต้องถูกสิ ไอ้ที่ผิดแล้วก็มีผิดไปอีกผิดไปอีกมันก็เป็นกันแล้ว ก็สรุปแล้วมันผิดไปกันหมด มันถึงเสื่อม ผิดแล้ว ผิดอีก ๆ นั่นคือความเสื่อม ผิด 1 ครั้ง 2 ครั้ง 1 ระดับ 2 ระดับผิดไปอีก ผิดจนไม่รู้กี่ระดับ พอมีความต่างพูดขึ้น มันก็ไม่เหมือนเลย ถ้าผิดนี้มันยังต่อเชื้อกันนะ มันลึกขึ้นมันมากขึ้น ผิดนี่มันต่อเชื้อ ถูกมันคนละอย่างใช่ไหม ผิดกับถูกก็ต้องคนละอย่าง มันผิดแล้ว ผิดลงไปอีก ผิดไปอย่างนั้นอีก มันก็ต่อเชื้อกัน แต่ไอ้นี่ถูกมันก็คนละเชื้อเลย คนละทางคนละอย่าง
เพราะฉะนั้นมันก็อยู่ที่ว่าพิสูจน์ความจริงกันว่า อธิบายถูก เข้าใจถูก หรืออธิบายผิด เข้าใจผิดแล้วก็อธิบายผิด ก็นำไปปฏิบัติ ปฏิบัติถ้าผิด อธิบายผิดปฏิบัติผิด ผลก็ผิด
อาตมากล้าพูดว่าผิดจนกระทั่งไปนึกว่าได้มรรคได้ผล ก็ได้ ได้มรรคได้ผล ทำดีแล้วมีผลแห่งการกระทำ ทำชั่วก็เป็นผลทำชั่ว ทำดีผลของความดีก็เกิด ทำถูก ผลของความถูกต้องก็เกิด ทำผิด ผลของความผิดก็เกิด มันก็เป็นธรรมดา เหมือนกับทักษิณเขาทำผิด ผลของการทำผิดมันก็เกิดๆๆ แต่มันวิปริต
ผิด ก็ยังดิ้นรน ไม่ยอมรับโทษจากผิดไปเรื่อยๆ อย่างทักษิณเขาทำ ก็เห็นอยู่ชัดๆง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไร เรื่องง่ายๆ ก็ยิ่งเห็นชัดเจนในความเป็นจริง
SMS วันที่ 1-2 ก.ย. 2566
_ใบฟ้า ธรรมะธารา นาวาบุญนิยม กราบนมัสการพ่อครู ด้วยเศียรเกล้าฯ กราบขอ พิจารณาตามสมควรค่ะ
คุณลักษณะ “โพธิสัตว์” ของ “ลุงตู่”
สืบเนื่องจาก พ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวอโศก ผู้เป็น “สยังอภิญญา” ผู้เป็น “พระนิยตะโพธิสัตว์”และกำลังก้าวสู่ “มหาโพธิสัตว์” ได้กรุณายกย่อง “ลุงตู่”ว่าเป็นผู้มีคุณธรรม ในระดับ “โพธิสัตว์” ดังนั้นจึงเป็นการจุดประกายความสนใจ ให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาเรียนรู้ความเป็น “โพธิสัตว์” ของ “ลุงตู่”จากปรากฏการณ์จริง ที่ข้าพเจ้าได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้รับรู้ จึงกราบขอโอกาส สรุปคุณลักษณะ ของความเป็น “โพธิสัตว์” ของ “ลุงตู่”แบบ”จริงใจตามภูมิ” ได้ 10 ประการดังนี้
1.มีจิตแห่งพรหม คือ มีความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง
2.มีความมุ่งมั่น ช่วยเหลือ มวลประชา ทุกหมู่เหล่า ให้มีความเป็นอยู่อย่างผาสุข อย่าแรงกล้า
3.เป็นผู้ที่”ตั้งตน บนความลำบาก” ซึ่งเป็นวิถีของโพธิสัตว์ อย่างชัดเจน ต.ย.บ่อยครั้ง ที่”ลุงตู่” ปรากฏ “ดวงตาหมีแพนด้า” เป็นต้น
4.มีวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น ไม่ปรากฏ พฤติกรรมการกิน สูบ ดื่ม เสพ และอลังการ
5.มีความรัก เทิดทูน สิ่งที่”ควร”อย่างยิ่ง คือสถาบันหลัก “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ยิ่งชีพ
6.ไม่มีจิต มุ่งร้าย หรือ พยาบาท ต่อศัตรู ผู้ประสงค์ร้าย ด้วยจิต ที่”ให้อภัย”อยู่เสมอ
พ่อครูว่า…อันนี้เป็นคุณลักษณะที่ดีของคน อาตมาเองรู้สึกดีที่ไม่ได้รู้สึกหรือคิดมุ่งร้ายต่อใคร ยิ่งเห็นคนที่มุ่งร้ายต่อเรา อาการร้ายมันยิ่งเห็นชัดเจนว่ามันไม่ดี ใครทำออกมามันเป็นอาการทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่เราสามารถจะรับรู้ได้ มันก็เลยเห็นว่ามันเป็นอาการที่น่าเกลี๊ยด น่าเกลียด มันเป็นอาการที่ไม่ดี ไม่งามของความเป็นมนุษย์เลย คนที่มุ่งร้าย คนที่คิด คนที่พยาบาทต่อศัตรู ประสงค์ร้ายกับใครก็ตามอาการนั้น นี่คืออาตมาเห็น อาตมาจึงรู้สึกว่าดีที่เราศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วเรามีความรู้ในแบบนี้
7.มีภูมิธรรม ในระดับ “โลกุตระ” ด้วยพฤติกรรมที่อยู่เหนือ”โลกธรรม” ไม่เป็นทาสของลาภยศสรรเสริญ ซื่อสัตย์สุจริต และพัฒนา “กายวิญญัติ” “วจีวิญญัติ” เจริญขึ้นเป็นลำดับ
พ่อครูว่า…อันนี้ยิ่งเห็นชัดเจน แรกๆเราเห็นลักษณะที่มันไม่เจริญเหมือนโลกๆ เหมือนกับมีกิเลสแสดงออกมา ก็ปรับตัวไปเรื่อยๆขึ้นมา จนกระทั่ง โอ้โห.. จนตอนออกไปนี่ อาตมาว่าจริงๆเลยนี่นายกตู่ ตั้งแต่มีนายกมา 29 คนแล้ว ไม่มีใครเหมือน บอกแล้วว่าไม่มีใครเหมือน แล้วเวลายิ่งจบจะวางมือจากหน้าที่ โอ้โห.. คนอาลัยอาวรณ์ คนแสดงออกถึงความรักเคารพเชิดชู ซึ่งมันไม่เคยมีใน 29 นายก นี่เป็นเหมือนคนที่มีพฤติกรรมสังคมที่เกิดเป็นผลสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจน เหนือกว่าใครๆ
8.เป็นผู้ที่มี “ศิลปะโลกุตระ” ต.ย. การประพันธ์เพลง ที่มีสาระ เพื่อชาติบ้านเมือง อย่างไพเราะ สร้างบรรยากาศความรื่นรมย์ ด้วยอารมณ์ขัน เป็นต้น
9.เป็นที่รัก เคารพและศรัทธา ของผู้ร่วมงาน และ ผู้ใต้บังคับบัญชา ต.ย.กรณีของ” ท่านพีระพันธ์ ” ที่อยู่เคียงข้าง ทำงานร่วมกับ “ลุงตู่”จนถึงวินาทีสุดท้าย เป็นต้น ข้อสังเกตที่น่าประทับใจ เด็กๆ เยาวชน “กรี๊ด!”คุณลุงของเขาท่านนี้
10.มีผลงาน และการยกย่อง ว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ดีที่สุดของประเทศ เป็นที่ประจักษ์ แก่ชนในชาติ และสากล เป็นเกียรติประวัติ ที่น่าภาคภูมิใจ ของพี่น้องคนไทยในชาติ และทั่วโลก
ขอถือโอกาสนี้ กราบขอบพระคุณ “ลุงตู่” อย่างสูงสุดค่ะ
กราบขอบพระคุณ พ่อครู อย่างสุดเศียรเกล้าฯค่ะ
ใบฟ้า ธรรมะธารา นาวาบุญนิยม
จ.ที่ 4 กันยายน 2566 5.52 น.
_@namchai7339 น้ำใจ •😊❤🎉 สาธารณะโภคีเป็นสังคมอุดมคติ ลูกลูกชาวอโศกก็คงได้สัมผัสความไม่ทุกข์ไม่โศกเหมือนโลกภายนอก ไม่โศกไม่เศร้า สบายจากกิเลสค่ะ สาธุ
พ่อครูว่า…นี่ก็เป็นการรายงานผลการกระทำ ว่ามีความรู้สึก มีความเข้าใจเป็นอย่างนั้น ก็เอามาเขียนออกมา ระบายออกมา พูดออกมาเป็นภาษา อาตมาก็รับซับทราบไป มากหรือน้อยก็แล้วแต่
_Narapat Pat นราภัทร พัท · กำลังคิดเจ้าค่ะ ว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป สงสารคนที่ทำดีเพื่อชาติที่ต้องโทษ แต่อภัยทานคือทานอันยิ่งใหญ่ พยายามทำใจค่ะ สาธุสาธุสาธุ
พ่อครูว่า…เขาคิดอยู่ในภพตนเอง
_Boonyakorn Pattanasattaporn บุญญากร พัฒนสัตถาพร · กรณีของทักษิณไอ้คนที่โทษกระบวนการยุติธรรมปาวๆ แล้วขออภัยโทษ นักการเมือง พรรคการเมือง ควรรับรู้เอาไว้ กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหา ตัวบุคคลต่างหากที่เป็นปัญหา ถ้าเดินตามกติกา น้อมรับกับสิ่งที่กระทำ อย่างไรก็ไปโทษรัฐธรรมนูญมิได้ เลิกคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญเถอะ นายแม้วว่าใหญ่ ยังแหกกฎกติกา ต่อให้รัฐธรรมนูญฉบับไหนมา มันก็ไม่ช่วยอะไร เพราะนักการเมืองมันไม่ได้เปลี่ยนสันดานแต่ประการใด
พ่อครูว่า…แก้ยังไงมา ให้ดีให้ตายอย่างไร มันก็หนี มันก็เลี่ยงมันก็เลอะ มันก็ขัด อย่างทักษิณไม่ใช่เลี่ยงนะ ผิดดื้อๆแต่กูว่ากูถูกอย่างเดียว ผิดดื้อๆกูก็หน้าด้านๆไปเฉยๆอย่างนี้ ไม่ใช่แค่เลี่ยงเลยนะ มันสุดแล้ว อาตมาเห็นคนมานักแล้ว ไม่มีใครโด้เกิน
พูดไปเขาจะฟังเข้าใจหรือ
_ไพศาล ศรีอำนวยไชย · เพื่อไทยไร้จุดยืนรัดบานนี้ ใช้ระบบฟาสแทร็ค(ทางด่วน) แดกด่วนๆ 10 วันได้อภัยโทษ เร็วกว่าแสง มันเป็นไปได้ เป็นไปแล้ว
พ่อครูว่า…เรื่องนี้นี่กระเทือน อาตมาว่าเป็นพฤติการณ์ที่.. พฤติการณ์ทักษิณนี่แหละ พฤติการณ์ของทักษิณที่เกิดขึ้นต่อสังคมไทย โอ้โห จิตมนุษย์นะ จิตใจคน ได้รับการกระทบ มันรู้สึก สะเทือนใจไปในเชิงที่มัน โอ้หนอ โลกนี้ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้อะไร
_สู่แดนธรรม… ผมกลับมองไปอีกแบบหนึ่งนะครับ มองว่า ในคำที่ระบุให้อภัยโทษมีคำเด็ดขาดที่บอกว่า เขาเป็นผู้สำนึกผิด ยอมรับผิด ซึ่งตรงนี้เป็นตัวไขว่าสิ่งที่เขาเคยอ้างว่าได้รับการกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น คุณมาอ้างไม่ได้แล้วนะ เพราะคุณทำผิดเองจนต้องมาขอรับอภัยโทษ เขาจะไปแก้ตัวไม่ได้อีกแล้วว่าเขาไม่ผิด
พ่อครูว่า… บันทึกลงไปในราชกิจจานุเบกษาเลยว่า เขาเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว ซึ่งเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่เคยมีใครได้รับบันทึกในราชกิจจานุเบกษาเลย บางคนได้รับการอภัยโทษ แต่ไม่มีบันทึกลงไปในความผิดของตัวเองว่าเป็นนักโทษเด็ดขาด เป็นคนแรก ก็คงจะมีคนเดียวในยุคปัจจุบันนี้ ยุคนี้ทั้งยุค คงจะหาคนที่ 2 ไม่ได้หรอก ที่ชัดเจนลงไป นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร Article นำหน้าบอกว่า นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร ได้รับยศใหม่
ตามที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้า เห็นได้ว่าโอ้โห มันสุด มันทำให้สะท้อนเห็นพระเมตตาของในหลวง โอ้โห คนที่สุด ให้อภัยต่อคนที่แย่ขนาดนั้นเป็นนักโทษเด็ดขาด
หน้าที่ของพระ คือพัฒนาปุถุชนให้เป็นพระอาริยะ
_วงกรด สัญญะเพียร · เป็นพระแล้วจะไปยุ่งทำไมกับปุถุชน เอาเวลาไปพัฒนาสิ่งอื่นดีกว่าครับ สาธุ
พ่อครูว่า…ก็ต้องยุ่งกับปุถุชนนั่นแหละ เป็นพระเป็นเจ้าก็ช่วยปุถุชน จะไปยุ่งอะไรกับท่านที่เหนือกว่าท่านที่เป็นพระอาริยะ ท่านหลุดพ้นแล้ว ก็ต้องยุ่งกับคนทั้งหลาย
คือคนไม่รู้อะไรนี่ก็พูดไป เป็นพระแล้วไปยุ่งทำไมกับปุถุชน แล้วพัฒนาอะไร เป็นพระเป็นเจ้า เป็นผู้มีธรรมะก็มาช่วยคน ช่วยพัฒนาคน จะให้ไปพัฒนาอิฐหินดินปูน พืชพันธุ์ธัญญาหาร มันไม่ใช่ เป็นพระนั่นแหละจะต้องไปช่วยคน ที่เป็นปุถุชนให้ขึ้นมาเป็นอาริยะ ตั้งสติสัมปชัญญะดีๆ ทำปัญญาให้แจ้ง คนนี่แหละมันสำคัญ พระไม่ใช่จะไปพัฒนาอิฐหินดินปูน พืชพันธุ์ธัญญาหารอะไร มันไม่เกี่ยว พัฒนาคนที่เป็นปุถุชนให้เป็นอาริยะ นี่เป็นหน้าที่โดยตรงนะ คุณฟังดีๆคิดดีๆเข้าใจให้ถูกนะ
ประชาธิปไตยแท้จริงคืออธิปไตย 3 และอายะ 3
_Somnuek Lailak สมนึก ไลลักษณ์ · กราบนมัสการ ค่ะ พ่อครู ทำไมเด็ก นักศึกษาแต่ละจังหวัดตั้งโต๊ะ จะแก้ ม.112 เป็นสิ่งที่น่ากลัว เด็กสมัยนี้มากเจ้าคะ
พ่อครูว่า…มันเกิดจากยุคสมัย เกิดจาก Social เกิดจากความเห็น ขอวิจัยตรงนี้พอสมควรหน่อย ใช้เป็นประโยชน์ในการแสดงธรรม
คือความเข้าใจของคนนี่ เข้าใจว่าความเจริญ คือความมีลาภ มียศ มีสรรเสริญ ฟุ้งเฟ้อมากมาย โลกียะ คนเจริญด้วยลาภ มียศสูงๆ มีสรรเสริญยกย่องมากๆ คนโลกียะก็มองอย่างนี้เป็นหลักเป็นธรรมดา เป็นพื้นง่ายๆ ทุกคนมีความคิดอย่างนี้ทั้งนั้น เชื่ออย่างนี้แล้วก็หลงอย่างนี้ก่อน
จนกว่าจะมาได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำสอนที่ล้มล้างเรื่องนี้ด้วย ปฏิโสตังทวนกระแส ล้มล้างอย่าไปหลงลาภยศสรรเสริญ แม้แต่สุข ความรู้สึกสุข ซึ่งพูดกับเทวนิยมเขาไม่รู้เรื่องหรอก มาเลิกสุข เขาก็จะบอกว่า บ้าหรือเปล่า อะไรมาเลิกสุข เป็นคนมีความสุขแต่ไม่เอาความสุข มาเลิกความสุข ดับความสุข
ซึ่งมันจริงๆเลย มันทวนกระแส มันปฏิโสตัง มันล้มล้างความคิดนึกของมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นเราจะพูดยังไงๆๆ มันก็ยากที่เขาจะเข้าใจ
เป็นต้นว่า พวกฝรั่งมาทำวิทยานิพนธ์ ในเมืองไทย อยู่ในพวกเรา ฝรั่งอเมริกันมาทำปริญญาเอก มาทำวิทยานิพนธ์ เขาก็เปรยว่า กาม มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ของสัตว์โลก ไปเกี่ยวข้องอะไร ไปเลิกมันทำไม เขาก็พูดซื่อๆนะ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติของมนุษย์ ของสัตว์โลก ยิ่งจะพูดความเป็นสัตตาวาส 9 กับเขา เขาก็ว่าก็นั่นแหละผู้เจริญขึ้นจะต้องไม่เป็นสัตว์ จะได้ไม่มีเรื่องเหล่านี้ มันยาก ยาก มากๆ
แต่สิ่งที่ยากก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่คิดฟุ้งเฟ้อเพ้อเจ้อเล่น ไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ก็ไม่ใช่ แต่ปฏิบัติได้ปฏิบัติแล้วยอดด้วย ถึงบอกว่าเป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะเข้าใจ เป็นเรื่องสุดวิสัย เป็นเรื่องอจินไตย เรื่องพวกนี้
เพราะฉะนั้นเด็กที่ไม่ใช่เด็กธรรมดาเท่านั้น ต่อให้เป็นผู้ใหญ่เป็นดอกเตอร์ เป็นปราชญ์ด้วยซ้ำ ก็ยังไปเทิดทูนโลกียธรรม ไปเทิดทูน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข คนไม่มีแล้วเลิกแล้ว ลดละเลิก เขาไม่เข้าใจหรอกว่ามันเป็นความเจริญ ไม่เข้าใจ
เพราะฉะนั้นในระบอบการบริหาร ระบอบอะไรก็แล้วแต่ แม้ที่สุดทุกวันนี้ ระบอบบริหารคือประชาธิปไตยเป็นเลิศเป็นยอดว่างั้นนะ เขาก็คิดว่าระบอบประชาธิปไตยแบบเทวนิยม แบบชาวตะวันตกที่เขาคิด เขาไม่ได้พ้นเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เลย
มาของพระพุทธเจ้านี่พ้น ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อาตมาเคยอธิบายไปหมดแล้วว่าเรื่องคำว่า ประชาธิปไตยคำนี้ไม่ได้เกิดในยุคพระพุทธเจ้าเพราะเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มันพูดภาษานี้ไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านอธิบายสภาวธรรมของประชาธิปไตย แล้วท่านก็พาจนบรรลุแล้ว แล้วก็พามวลชนมามีอายะ 3 และมี อธิปไตย 3 โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย
เป็นผลสูงเพราะธรรมาธิปไตยนี้บรรลุอะไร บรรลุเป็นผลต่อพหุชน เป็นภาษาเดียวกัน สภาวะเดียวกัน สภาวะธรรมเดียวกันกับประชาชน มวลประชาชนด้วย พหุชนะ แปลว่า มวลประชาชน ครบครันยิ่งกว่าคำว่า ประชาชนนะ ครบครันยิ่งกว่าคำว่าประชาเฉยๆ
พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
เอาอธิปไตย 3 กับ อายะ 3 รวมกันคือเหตุและผล อธิปไตย 3 เป็นเหตุ อายะ 3 เป็นผล สมบูรณ์แบบแล้ว
ไม่ได้ทำไปเพื่อให้พืช เพื่อให้อิฐหินดินปูนหรือดินน้ำลมไฟ แต่ทำเพื่อให้ประชาชน มวลประชาชน พลังงานอธิปไตยหรืออำนาจหรือกำลังต่างๆ อธิปไตยของคน จะเป็นอำนาจทางกาย เป็นอำนาจทางวาจา อำนาจทางมโนทางจิตวิญญาณ เป็นพลังงาน ที่มันเป็นพลังงานที่จะสร้างสรรค์ ที่จะทำให้เกิดผล เป็นเหตุให้เกิดผล คืออายะ เป็นหิตะประโยชน์ พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)
ถ้าไม่ติดยึดในพยัญชนะคำต่อคำเลยจริงๆประชาธิปไตย นี่แหละยิ่งใหญ่ครบครัน คำว่า ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ
พระพุทธเจ้าทำสำเร็จในยุคของท่าน แม้ว่าจะเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคทาส เป็นยุคที่มนุษย์ไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน ท่านทำได้ผลเลย
เพราะฉะนั้นคนที่เข้ารีต คนที่เข้ามาถือธรรมวินัย ปฏิบัติธรรมตามพระพุทธเจ้าก็ได้ปฏิบัติธรรมนี้ ท่านยิ่งใหญ่จนกระทั่งกษัตริย์ในแคว้นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ท่านเป็นรัฐอิสระ ถือว่าท่านเป็นรัฐอิสระรัฐหนึ่งเลย ที่พระเจ้าแผ่นดินแต่ละแคว้น ในตอนนั้นคมนาคมยังไม่ได้ไปไกลก็อยู่ในทวีปอินเดีย แคว้นใหญ่ที่สุดสองแคว้นเหมือนกับอินเดียกับจีนทุกวันนี้ในโลก ในยุคพระพุทธเจ้าก็มีแคว้นมคธกับแคว้นโกศล พระเจ้าพิมพิสารกับพระเจ้าปเสนทิโกศล ใหญ่ที่สุด ยอมยกให้พระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นประชาชนของแคว้นมคธ ประชาชนของแคว้นโกศลก็ดี ประชากรจะมาเข้ารีตจะมาเข้าลัทธิพระพุทธเจ้า มาถือปฏิบัติตาม พระธรรมวินัยตามข้อบังคับตามกฎหมาย เข้ารีตลัทธิเลย อยู่ในนี้ พระเจ้าแผ่นดินก็ยกให้เลย เพราะว่ามันห้ามกั้นไม่ได้สำหรับความจริงที่มันสุดยอดความจริง ความดีสุดยอด ความจริงสุดยอด
แล้วพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ดี พระเจ้าพิมพิสารก็ดี ท่านก็มีภูมิปัญญารู้ด้วยว่า สุดยอด เป็นยอดความดีงามสูงส่งแล้วโลกุตรธรรมนี่ ไม่ใช่จะธรรมดา เพราะฉะนั้นถึงยอมให้อย่างชื่นอกชื่นใจเลย ยิ่งดียิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะอะไร
เพราะผู้มาเป็นพุทธศาสนิกชนนั้นจะถูกปลดแอกหมดเลย อิสรเสรีภาพ เพราะฉะนั้นถ้าคนที่เป็นสมาชิกของศาสนาพุทธดีแล้ว มันดีมีพลังงานหรือมีอธิปไตย มีกำลัง มีอำนาจแผ่ไปถึงแคว้นโกศล ต่อประชาชนของแคว้นโกศล ต่อประชาชนของแคว้นอื่นๆ แคว้นมคธไปด้วยจริงๆ เพราะคุณธรรมของศาสนาพุทธที่เป็นอาริยะแล้ว เป็นคนเจริญจริงๆ มันเป็นความเจริญที่เป็นความเจริญที่มันไม่ได้เป็นภัยเป็นโทษกับใครเลย มันเป็นความเจริญที่มีแต่คุณ มีแต่ประโยชน์มีแต่ลักษณะ มีแต่คุณธรรมต่อคนอื่นเหมือนอย่างชาวอโศกเรานี่ เราไม่ได้มีโทษต่อใครๆ ชาวบ้านเลย ทุกวันนี้อาตมาเองเดินออกไปข้างนอก เดินออกไปนี่ออกไปไกล ชาวบ้านเขาเข้าใจหมดแล้วยกมือไหว้ตลอดทาง ชาวบ้านขับรถมอเตอร์ไซค์ไปก็ยังไหว้มือเดียวนะ ดีเขาไม่ปล่อยสองมือไหว้ อย่างนั้นจริงๆเขารู้เขาเข้าใจหมดแล้ว อย่างคุณงามความดีคือยังไง โลกโลกียะ คุณงามความดีนี่ มันเป็นโลกียะ ถ้าโลกุตระก็คือสุขทุกข์ นี่ก็แยกแยะให้ฟังหมดแล้ว
ซึ่งศาสนาเทวนิยมตะวันตกจบด็อกเตอร์ทางศาสนา ทางจิตวิทยาจะมีความรู้ทางธรรมอะไรก็ตาม ไม่มีหรอกเรื่องสุขเรื่องทุกข์ เขาไม่เคยวิจัยวิจารณ์ ไม่เคยแยกแยะ เขาไม่เคยคิดว่า มันต้องรู้ทันสุขรู้ทันทุกข์ แล้วสุขทุกข์นี้ต้องเลิกมันหมดเลย มันเป็นสิ่งเดียวกันมันเป็นมายาหลอกมนุษย์ไปติดยึดอยู่ในโลกอยู่ในวัฏสงสาร เขาเข้าไม่ถึงหรอก เขาไม่รู้เรื่องหรอก
เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่มีความรู้ที่เกินที่จะคิด แล้ว มันจบแล้ว สูงสุดแห่งที่สุดของความรู้แล้วความรู้พระพุทธเจ้า สุดแล้ว สุดยอด สุดยอดจนกระทั่งทำคนให้ดีที่สุดอย่างถาวร นิยตะ เที่ยงแท้อีก จะวนเกิดวนตาย รู้จักการวนเกิดวนตาย ชาตินี้ชาติต่อ แต่เทวนิยมไม่รู้จัก แต่ของพระพุทธเจ้ารู้จักแล้วเป็นเรื่องที่พิสูจน์ตามได้ด้วย จนกระทั่งมีภูมิที่จะรู้เลยว่าชาติแต่ก่อนเรามีพื้นฐานอันนี้มา ชาตินี้เราต้องเกิดเป็นอันนี้ ชาติก่อนเราเกิดเป็นอันนั้นมาเกิดเป็นอันนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีที่มาที่อยู่ดีๆแล้วก็ไม่มีที่มา พลั๊ว มาเกิดเป็นอันนี้มันมีที่มามาจากเหตุปัจจัยของเดิมของเรา มาต่อเป็นชาตินี้มีพื้นฐานได้มาแล้วไม่ใช่อยู่ดีๆก็มีอะไรฟลุ๊คๆขึ้นมาหรอก ทุกอย่างเป็นกรรมของตนเอง วิบากของตัวเองสั่งสมกับวิบากทั้งนั้น ไปหาซื้อไปหาแย่งของใครก็ไม่ได้ ของใครของมัน ไปแย่งยื้อจากให้ใครไม่ได้
ที่บอกว่าเด็กๆทำไมเป็นอย่างนี้ เขาไปหลงงมงายจากต่างประเทศที่บอกว่าเป็นประเทศเจริญ ทั้งๆที่ประเทศที่เจริญที่สุดคือประเทศไทย มีจิตวิญญาณซับซ้อนลึกซึ้งมีสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนปฏิโสตัง ทวนกระแส เป็นคุณธรรมที่สูงสุดและ ไม่มีเทวนิยมไหนรู้เรื่องเท่า ไม่มีเทวนิยมไหนรู้เรื่องคุณธรรมลึกซึ้งถึงขั้นทางจิตเจตสิกรูปนิพพาน เขาไม่รู้หรอก
เพราะฉะนั้น เด็กใหม่ๆไม่ประสีประสาก็นึกว่าเป็นความเจริญอย่างอเมริกา ซึ่งอาตมาว่าอเมริกานี้ภายในชีวิตของเราน่าจะเห็นความล่มสลาย คือเขาเคยเจริญอย่างโลกๆ แล้วมันก็เสื่อมมาถึงยุคของเรา เขาเจริญไล่มาเรื่อยๆจนกระทั่งระยะ 100 ปี 200 ปีของประเทศเขา แล้วก็เจริญมาได้จนอายุประเทศเขาก็ยังไม่ถึง 300 ปี มันเสื่อมแล้ว ในความเป็นโลกๆด้วย ไม่ต้องไปพูดถึงโลกุตระเลย เขามีแต่ความเป็นโลกโลกียะซึ่งก็เสื่อมเอง เสื่อมทันตา ก็ค่อยๆดูกันไป อาตมาพูดอย่างนี้ไม่ได้ไปลบหลู่ไม่ได้ไปเกลียดชังอะไรเขาแต่พูดเพราะสงสารไม่รู้จะทำไงก็พูดสัจธรรม อาตมาก็แสดงธรรมแล้วพูดความจริง อันนี้มันไม่ดีก็ว่าไม่ดี อันนี้ผิดก็ว่าผิด อันนี้สูงก็ว่าสูง อันนี้ต่ำก็ว่าต่ำ ไม่ติดสูงก็ต้องพูด เขาก็ว่าเชียร์ทำไม ดีไม่ดีพูดสูงไปก็มาเชียร์ชาวอโศกเองมันก็เลยน้อย ก็เลยต้องมีตำหนิกันเยอะ
_นุย · ผมคนลาวนะ รักลุงตู่ ท่านทำเพื่อชาติบ้านเมืองมากมาย ทำไมคนไทยไม่รักลุง คนทำไม่พูด แต่คนพูดไม่ทำ ผมอยากได้ลุงไปบ่อริหาร ปท ลาวคงเจลินเหมือนไทย รู้สึกใจหายครับ
พ่อครูว่า…เห็นไหมเขาบอกว่าคงเจริญเหมือนไทย ขนาดคนลาวก็ยังมาคอมเม้นท์อย่างนี้
การสรรเสริญที่ไม่จริงจะเป็นภัย
_Jaitham Sittinawin ใจธรรม สิทธินาวิน · คำตำหนิ เหมือนยาขม คำชม คือขนมหวาน เวลาปรุงยาให้เด็ก บริษัทยาจะใส่น้ำเชื่อม เพื่อให้เด็กยอมกินยา เหมือนคนฝึกปฏิบัติธรรมยังไม่แข็งแรง ก็ขอยาแบบน้ำเชื่อมก่อน เมื่อแข็งแรงแล้ว ก็ใช้ยาแบบขมก็ไม่มีปัญหา เพราะมีปัญญาดีแล้ว ส่วนคนที่คอยแต่จะทานแต่ขนมหวาน สักวันก็จะต้องมีปัญหาสุขภาพ ตามมา เจอโรคเบาหวานต้นทางโรคอื่นที่จะตามมาเป็นพรวน นะคะ เหมือนคนปฏิบัติธรรม หากชอบรับแต่คำชื่นชม จะทำให้ใจยินดี ฟูไปกับคำสรรเสริญค่ะ ดิฉันคิดถูกต้องไหมคะพ่อครู กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดเจน ยกพระสูตรที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้ว คำสรรเสริญเป็นของต่ำทรามไม่มีค่าที่จะทำให้ละหน่ายจางคลายจากกิเลส คำสรรเสริญนั้นอย่าไปยินดีกับมันเลย
อาตมานี้ พวกคุณสรรเสริญด้วยใจจริง ก็จบ แต่คำสรรเสริญที่ไม่รู้เหตุรู้ผล สรรเสริญอย่างไม่เข้าท่าพวกนี้เป็นภัย จะสรรเสริญก็ต้องรู้ความจริงว่าคุณสรรเสริญด้วยเหตุอันใด มีสิ่งใดดีที่ควรสรรเสริญ สิ่งนั้นจริงหรือเปล่า สอดคล้องถูกต้องตามธรรมไหม ขั้นโลกียะหรือขั้นโลกุตระ มันต้องมีความรู้จริงในสิ่งเหล่านี้จริงๆ
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูคะ นายทักษิณกลับเมืองไทย ในช่วงเวลาที่ผืนแผ่นดินไทยถูกสั่นคลอนอย่างหนัก
ลูกฟังข่าวแล้ว บางคนพูดราวกับว่า จะได้ทักษิณมากอบกู้ แต่ลูกกลับเห็นว่า เขามีแต่ทำเพื่อตนเอง ทำเพื่ออำนาจ ทำตัวน่ากลัวมาก ลูกขอกราบเรียนถามพ่อครูว่า ในสถานการณ์ที่สังคมถูกสั่นคลอนหนักอย่างนี้ เป็นไปได้ไหมว่า คนจะเห็นทุกข์อย่างมาก และหันมาปฏิบัติธรรมกันจำนวนมาก น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า…จะไปตั้งความหวังขนาดนั้นเดี๋ยวจะผิดหวัง ธรรมะนี่มันมีสภาพสลับซับซ้อนเป็นสิริมหามายา มันเหมือนกับเล่นกล มันเหมือนเอาหน้าหลอก มาหลอกว่าเป็นหน้าดี เอาหน้าแย่มาหลอก เอาทุกข์มาหลอกว่าเป็นสุข มันเป็นอย่างนั้นจริงๆสัจธรรม
เพราะฉะนั้นถ้ารู้ไม่เท่าทันแล้วจะหัวหมุนแล้วก็หลง ว่ามันเป็นสิ่งที่น่าได้ น่ามี น่าเป็น ก็ไปหลงยึดเอา เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจในสัจธรรมจริงๆเลยว่ามายาหน้าหลอกพวกนี้อย่าไปหลงกับมัน ปฏิบัติธรรมแล้วอยู่กับความเป็นจริง สิ่งที่จริงด้วยความเป็นจริง แล้วก็อยู่แล้วก็เข้าใจชีวิตให้ได้ ว่าชีวิตอาศัยอะไรกันนักกันหนา ปัจจัยอะไรสำคัญปัจจัย 4 อาศัยปัจจัยที่เพิ่มเป็นบริขารประกอบบ้าง ไม่มากมายอะไร ชีวิตก็สบายๆ ชีวิตเล็กๆน้อยๆ ชีวิตไม่ได้ใหญ่โตมโหฬาร ชีวิตไม่ได้อะไรกับที่ไปหลงเลอะเปรอะประอะไรกันมากมาย
_เบิกฟ้า หาพุทธแท้ · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพศรัทธายิ่งครับ…ลูกติดตามฟังธรรมจากพ่อครูมานานพอสมควรและร่วมกิจกรรมกับหมู่กลุ่มบ้างเมื่อมีโอกาสอำนวย….ปัจจุบันลูกยังทำงานอยู่ใช้ชีวิตกับชาวโลกๆ…ลูกอยากจะเรียนพ่อครูว่า…การทำงานในองค์กรระดับบริหาร ถ้าต้องเจอกับบุคคลและคณะที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีศีลธรรม บ่อยครั้งที่ใช้หลักการเล่นพรรคพวกฉ้อฉลเชิงนโยบาย…ลูกเป็นคนตรง จึงไม่ยอมออกเสียงยกมือให้และจะขัดขวาง….ฉะนั้นจึงไม่เป็นที่พอใจจากหลายๆคนในคณะการบริหาร….ฉะนั้นลูกจึงใช้ทั้งสมถะและวิปัสนามาพิจารณา คิดว่าจะขอลาออกจากองค์กรเพื่อหนีปัญหาฯและเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวของลูกเอง….จึงใคร่เรียนถามพ่อครูว่าลูกตัดสินใจทำถูกหรือไม่ครับ…เพราะทุกวันนี้ลูกค่อนข้างคิดมากแล้วครับ…กราบนมัสการด้วยความเคารพ
พ่อครูว่า…อย่างอาตมาแสดงธรรมเผยแพร่ธรรมะมันไม่ใช่ธรรมะเอาใจ ไม่ใช่ธรรมะประเล้าประโลมใจแต่มันขัดใจมันฝืนกิเลสกัน เพราะฉะนั้นอาตมาไม่ได้ความยอมรับ ไม่ได้ความยินดีปรีดาอะไรหรอก ฟังแล้วมันฝืนใจ คนไม่รู้ อาตมาก็ไม่มีปัญหาเพราะอาตมาไม่ได้แสดงธรรมเพื่อจะได้บริวาร เพื่อจะได้รับคำยกย่องเชิดชู โดยเฉพาะยิ่งลาภยศสรรเสริญนั้นไม่ใช่ ไม่ได้มาทำงานเพื่อสิ่งนี้เลย ทำงานเอาสัจธรรมจริงๆมาขยาย และพวกคุณก็อุตส่าห์ฟังรู้เรื่องยินดีเข้าใจแล้วมากัน อาตมาก็ยังบอกแล้วพูดแล้วหลายทีว่า โลกยังดีอยู่นะเอาธรรมะพระพุทธเจ้าโลกุตรธรรมหรืออารยธรรมมาเผยแพร่ประกาศไปแล้ว ยังมีคนมีดวงตาฟังเข้าใจเห็นดีแล้วเอาชีวิตมาจริงๆอย่างพวกเรา โลกนี้ก็ยังไม่หมดคนที่มีภูมิปัญญาที่จะรู้จักโลกุตระ ก็ดีนะ มนุษยชาติก็ยังมีตัวอย่างแม้จะมีจุดเล็กๆจุดนิดเดียวในจักรวาลกว้างหรือในฟ้ากว้าง เท่านี้เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ได้เท่านี้ก็เอา
อาตมาก็ขอสนับสนุนคุณ เอาเลย ตัดสินใจถูกแล้วดีแล้ว ยิ่งหาได้ยากยิ่งน้อยจะถอนไปไหน ไม่ต้องถอนปักมั่นเลย ลาออกมาอยู่กับชาวอโศกเลย ทำถูกแล้ว คิดมากๆคิดให้ดีๆ
ฝึกแยกความจำกับความจริงออกได้เพื่อให้จบกิจ
_วาส ทองจันทร์ · กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพยิ่งครับ ผมเคยไปอยู่ทดสอบตัวเองที่บ้านราช ก็รู้สึกว่าอยู่ได้สบายมาก แต่ผมมีความรู้สึกกลัวมากๆ คือกลัวจะทำงานไม่คุ้มกับค่าที่อยู่อาศัย ค่าข้าวอาหาร ค่านํ้าค่าไฟ มากๆเลย วันไหนที่ทำงานน้อยจะไม่กล้าไปกินอาหารในส่วนกลาง ผมจะไปซื้ออาหารที่ขายในบ้านราชกินเองเสมอ แต่ขณะนี้ผมต้องมาช่วยดูแลรับส่งหลานๆ ไปโรงเรียนที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพราะพ่อแม่เขาไปทำงานที่สมุย ครอบครัวลูกเขานับถือคริสต์ ผมก็ขับรถไปส่งเขาที่โบสถ์ประจำทุกอาทิตย์ และได้เข้าฟังกับเขาได้สนทนากับเขา ก็ได้รู้ว่ามันน่าสงสารพวกเขาจริงๆ แต่ก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ เพราะความดีอะไรที่เขาทำได้เองเขายกให้เป็นความสำเร็จของพระเจ้าไปโหม้ดครับ ลงท้ายก็คือการสวดอ้อนวอนขอความสำเร็จจากพระเจ้าครับ
พ่อครูว่า…โอ้โห..สังวรตนสำนึกตนมากเลยนะ อาตมาก็สุดสงสารนะ ผู้ที่ยังเข้าใจอะไรไม่ได้แล้วก็ไม่รู้จักกรรมเป็นของของตนตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรา กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก กรรมทุกกรรมไม่ได้มีพระเจ้าเป็นผู้สั่ง เป็นผู้บัญชา มันเป็นสิ่งที่เรากระทำเอง เรารับผลของเราเองทั้งนั้น ตัวเราเองอัตตาของเราเอง ทำอะไรเองเองทั้งนั้น ไม่ใช่ใครคนอื่นเลย ซึ่งอาตมาก็อธิบายสาธยายทั้งเขียนทั้งพูดมาจนเอาของพระพุทธเจ้ามาขยาย จนวนซ้อนเข้าไปลึกแล้วลึกอีก จนกระทั่งคิดว่าเราจะขยายไปอีกทำไมหนอ แค่นี้มันก็รอบสุดจะพอที่จะหลุดพ้นที่จะพ้นทุกข์พ้นสุข พ้นโสมนัสโทมนัสได้แล้ว แต่ก็ต้องทำไปไม่มีอะไรอย่างอื่นที่จะทำ อาตมายังไม่ตายก็ทำไป
ดี..คุณเข้าใจได้ผลแล้วก็ดีแล้ว ที่พูดมานี้อาตมาเข้าใจนะว่าสัจจะมันเป็นจริง พวกเราเข้าใจแล้วก็ได้ธรรมะได้แล้ว พวกคุณตัดรอบไม่เป็นเท่านั้น ตัดรอบเป็นคุณจะรู้เลยว่ามันจบกิจแล้ว เป็นอรหันต์ เป็นอรหัตตผลแล้ว แต่มันไม่เข้าใจ ตัดรอบไม่เป็น สรุปไม่เป็น อ่านจิตเจตสิกไม่ครบ มันก็เลยสับสนวนไปวนมาซ้ำไปซ้อนมาซ้ำไปซ้อนมา มันกลายเป็นทั้งความจำกับความจริง มันหลงความจริงเป็นความจำ หลงความจำเป็นความจริง หลงความจริงเป็นความจำ หลงความจำเป็นความจริงเลอะเทอะอยู่อย่างนั้น นี่อาตมาสรุปให้ฟัง
เห็นความจริงให้ได้ว่า เออ จริงแล้วจบ แล้วก็จำได้ อ๋อ นี่ยังวุ่นวายเราจำได้ว่า เราจะต้องปฏิบัติต้องทำอย่างนี้อยู่ ก็คุณจบแล้วคุณจะต้องมานั่งเละมันอีกทำไม อาตมาเคยบอกว่า จะมานั่งขยำขี้อยู่ทำไม มันจบไม่เป็น มันไม่รู้ที่จบ เพราะฉะนั้นคำว่าจบกิจ กตํ กรณียํ นารํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ มันยากที่จะสรุปจบให้ได้
อันนี้อาตมาเคยส่งสัญญาณถึงท่านประยุทธ์ ปยุตโต ต่อสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ ท่านรู้มาก แต่ท่านไม่รู้จักจิตเจตสิก ท่านไม่รู้จักกรอบของการรู้จบ โสดาก็จบซะที สกิทาจบสักทีสิ อนาคาจบซะทีสิ อรหันต์จบก็จบสิ ท่านสรุปไม่ได้ อย่างไงใช่โสดา จิตเจตสิกไม่ละเอียดพอแต่ท่านรู้มาก มากกว่าอาตมา อาตมายังต้องอาศัยพยัญชนะที่ท่านมีที่ท่านเขียนไว้ในพจนานุกรมของท่าน อาตมามีพจนานุกรมของท่านใช้อยู่ 2 เล่มสำคัญของท่าน อาตมายังใช้ประจำอยู่ของท่าน ท่านบันทึกไว้ถูกต้องในพยัญชนะทั้งหลาย
แต่ถ้าเป็นสภาวะจริงแล้ว แหม..อาตมาก็สงสาร เลยกลาย ปทปรมบุคคล รู้มากแต่ไม่บรรลุธรรม มันก็ ขออภัยที่อาตมาพูดเหมือนกับไปดูถูกดูแคลน ยกตนข่มท่านก็ต้องขออภัย ไม่ได้ยกตนข่มท่านอาตมาพูดสัจธรรม เป็นความเห็นด้วยบริสุทธิ์ใจ เป็นความจริงใจตามภูมิ
หมดสุขหมดทุกข์ได้ใจก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง
_นางจับใจ ธนะโภค : กราบนมัสการพ่อครูฯ ขอน้อมกราบเรียนรายงานการจัดการกิเลสโทสะ ดังนี้ค่ะ
-
โจทย์ (ลูก หลาน) ช่วงที่ทำงานร่วมกันดิฉันก็จะพูด บอก(เชิงบ่น) โจทย์(ลูก) พูดขึ้นว่าแม่ฟังธรรมก็มาก แม่ยังบ่นอยู่อีก เดี๋ยวจะทำคลิปที่แม่บ่นไปให้พ่อครูฯ ดู ดิฉันบอกโจทย์ ว่า จะทำคลิปฯ ก็ได้นะ และอาการของดิฉันก็ขึ้นนิดๆ ไม่มาก (เริ่มรู้จักจิตที่สงบ)ค่ะ
กราบขอบพระคุณพ่อครูฯ มาด้วยความเคารพอย่างสูง
พ่อครูว่า…คือการบรรยายสภาวะของตัวเองมานี่มัน อาตมาว่ามันน่าชื่นใจ ดีนะอ่านจิตเจตสิก อ่านอารมณ์ อ่านความรู้สึกของตนเองออก ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่ อาตมาพูดไปแล้วก็ยังไม่เก่ง อธิบายยังไม่พอ อธิบายยังไงก็รู้สึกว่ามันยังไม่ถึงใจ ยังไม่ครบ มันน่าที่จะต้องอธิบายให้ได้ดีกว่านี้ มันก็ยังไม่เก่งอยู่นั่นแหละ
คือพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านตรัสรู้เรื่องที่สำคัญที่สุด คือตรัสรู้ความรู้สึก ตรัสรู้เรื่องทุกข์เรื่องสุข จนกระทั่งเรามาเรียกว่าทุกขอาริยสัจ หมายความว่าสัจจะของผู้ประเสริฐ อาริยะ สัจจะของผู้เจริญ อาริยะ
ก็คือรู้ทุกข์นี่แหละ แล้วก็รู้ทุกข์ว่าที่มันเป็นเรื่องเดียวกับสุข มันเป็นอาการมายา 2 หน้า ที่อาตมาเอามาเปิดเผย เอามาขยายความอะไรๆจนหมด ถ้าคุณได้รู้จักสุขและทุกข์ที่เป็นอารมณ์อาการของมนุษย์ แล้วก็รู้เหตุว่าไปยึดมั่นถือมั่นสุข ที่จริงมันเป็นทุกข์ คุณก็จะจบด้วยการว่า ปัดโธ่เอ๋ย ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ยังมีขันธ์ขึ้นมา ถ้าคุณพ้นไปได้จริงๆแล้ว เลิก ละได้หมดแล้ว คุณจะเห็นเลยว่า มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป
-
อาตมาหมดสุขหมดทุกข์แล้ว มันไม่มีจริงๆ รสสุขรสทุกข์ทางตา ก็รู้ไปอย่างนั้น รู้ มันก็ไม่มีสุข ทางหูได้ยินเสียง ทางกลิ่น กลิ่นยิ่งไม่ยาก อย่างเก่งก็เหม็นกับหอม แล้วมันไม่มีกลิ่นไม่มีฤทธิ์อะไรมากมาย คนก็รู้จัก อย่าไปวุ่นวายอะไรกับกลิ่นที่มันไม่ดี นอกจากแก๊สที่มีพิษ มันไม่มีกลิ่นแต่มันก็มีพิษ อันนี้คนต้องชัดเจนต้องเข้าใจ ในที่ที่มันมีอากาศที่เป็นแก๊สที่เป็นพิษ เป็นภัยอะไรหลายๆอย่าง ที่มันปรุงแต่งกันเป็นกลิ่น ในที่ที่เขาบอกว่าเป็นภัยเป็นพิษ เหมือนอย่างที่ในเมืองเขาปรุงแต่งกันอยู่ในกรุงเทพฯ
ถ้าอยู่บ้านราช อากาศมันสังเคราะห์สะอาดสะอ้าน เป็นอากาศที่ควรจะอยู่ เป็นอากาศที่สดชื่น ได้พลังอะไรต่างๆ
ไม่ว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เสียดสีทางกาย ถ้าเรียนรู้ความรู้สึกที่สัมผัสต่างๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็ใจร่วมกัน เราเข้าใจหมดเลยว่า อ๋อ ความรู้สึกอันนี้ตามเวทนา ตามความรู้สึกจริงๆของมัน รู้ความรู้ที่รู้ตรงๆว่ารู้อันนี้เป็นอันนี้
รูปเป็นเช่นนี้ มีสีมีลายมีอะไร รูปเป็นเช่นนี้ เห็นแล้วก็เป็นรูปก็เข้าใจมันเป็นเช่นนี้ เขาก็พยายามทำขึ้นมาประดิษฐ์ขึ้นมา ไปสมมุติกันว่ามันสวยหรือไม่สวย คนก็สมมุติกัน เราชัดเจนว่าไม่ต้องไปหลงสมมุติมัน ที่จริงมันก็เป็นก้อนหิน เขาเอามาเขียน นี่พอทำเป็นรูปอันนี้ขึ้นมาก็เลยดูมีราคา ก็แค่นั้นเอง ถ้าเราไม่ไปหลงมันก็คือก้อนหิน
หินก้อนนี้ที่เขียนมานี้เป็นตัวอะไรนี่ ก็ทำให้มันมีความมันเป็นค่านิยมของมนุษย์
รูปก็ตาม เสียงก็ตาม กลิ่น รส สัมผัส เสียดสี เย็นร้อนอ่อนแข็งก็ตาม เราเข้าใจแล้วเราก็ไม่ได้ไปติดไปยึด เราก็รู้ความจริงว่า ตามที่มันเป็นจริง รูปกลมก็กลม รูปเหลี่ยมก็เหลี่ยม อะไรคืออะไร อันนี้ใช้ประโยชน์อะไร
อันนี้คือหิน คุณใช้ประดับก็เป็นการมอมเมา ไม่ใช้ประดับก็เอาหินไปใช้ทำอะไร มันแข็งๆก็ไปใช้อะไรก็ว่ากันไป หน้าที่ของมันตรงๆ ก็ใช้ให้มันถูกประโยชน์ มันก็จบ เราอาศัยเกิดมาก็มีชีวิตอาศัย แล้วเราก็ติดยึดอยู่
ไอ้ที่สิ่งที่เราติดยึดอยู่ในชีวิตโดยที่เราไม่รู้จักสุข ไม่รู้จักทุกข์ มันก็จะต้องวนเวียนที่จะไปเสพสุข แล้วก็ไม่รู้ว่านั่นคือตัวทุกข์ คุณวิ่งไล่เสพสุข คุณยิ่งทุกข์อยู่ตลอดกาลนาน มันไม่จบ พอรู้จักว่าสุข มันก็คือทุกข์ แล้วคุณจะเกิดมาเอาทุกข์อีกทำไม
เพราะฉะนั้นพระอรหันต์เจ้ารู้แล้ว ก็จบ เลิกแล้วไม่เอาแล้ว ท่านไม่มีจิตโพธิสัตว์ ก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ที่รู้ เป็นพระอรหันต์จริงแล้ว แล้วก็ทำจิตให้ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ พระอรหันต์
พระอรหันต์ขั้นที่ 1 พระอรหันต์ขี้กะโล้โท้ อาตมาอธิบายอรหันต์ถึง 6 ระดับระดับที่ 1 บรรลุแล้ว เข้าใจแล้ว มันมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เกิดอีกก็ทุกข์อย่างเก่า ผู้รู้ก็รู้วิธีที่ไม่เกิดอีกแล้ว ทำจิตให้แยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมได้จริง ไม่ใช่ภาษาเท่านั้นด้วย คนนี้ก็เลิก ตายแล้วปรินิพพาน กายัสเภทาปรัมมรณา ตายแล้วแยกธาตุเป็นน้ำเป็นลมไป
ผู้ที่ทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เหมือนพระพุทธเจ้าตรัส เป็นชาติสุดท้าย ตายแล้วจะไม่มีใครได้เห็นตถาคตอีก ตายแล้วเหมือนพวงมะม่วง ที่มีพวงมะม่วงอยู่ข้างบน ตัดขั้วตกลงมากระจายแตกไปเป็นชิ้นเป็นอันไป จะไม่มีการรวมเป็นพวงมะม่วงอีกแล้วฉันใด นี่ท่านยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมง่ายๆให้ฟัง นั่นแหละก็แยกกันไปดินน้ำไฟลม..เลิก
วิญญาณหรืออัตภาพของผู้นั้นก็จบ มันเป็นความจบ เมื่อจบอรหันต์ก็คือจบกิจ กิจอะไร ก็กิจที่คุณจะต้องเวียนวนอยู่กับทุกข์เลิกได้เลย
ผู้ที่จะอยู่กับการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปด้วยใจเหนือ เหนือทุกข์ ทุกข์ที่มันเลี่ยงไม่ได้มี 6 อย่างแต่ทุกข์อีก 4 อย่างเป็นอรหันต์แล้วไม่มี เป็นทุกข์ที่เลี่ยงได้อีก 4 อย่างไม่มีเลิกจบ แต่ก็มันมีทุกข์ตั้ง 6 อย่างที่เลี่ยงไม่ได้ ยังยินดีจะอยู่กันไหม อย่างอาตมาบ่น กินข้าวก็ทุกข์ ลากขันธ์ไปก็ทุกข์ แต่ก็ไม่ได้อะไร เรารู้ความจริงตามความเป็นจริง เราลากขันธ์ไป เราอยู่กับทุกข์นี้เพื่ออะไร เพื่อประโยชน์ ประโยชน์ที่จะ
-
ประโยชน์ได้สืบทอดธรรมะพระพุทธเจ้า สืบทอดศาสนา
-
ประโยชน์ก็เพื่อมวลมนุษยชาติที่ยังตั้งอกตั้งใจอยู่ อย่างพวกคุณนี่ หน่วยตาเป็นกอบ นั่งตาบ้องแบ๊ว พอได้เวลาก็มานั่งกันแล้ว