660906 พ่อครูลากรูปขันธ์ต่อมา ให้ลูกๆเกิดปัญญากำจัดมารผู้มีบาป พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1o2WGqPKniIY9zUNKqI_A9Y0M75VIe-kH/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1WNJLmrPgqL5bPIZdyj3lyfKnEYjftJl9/view?usp=sharing
และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/660906-108–_-e2900bb
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/DS08fef8-Ks
และ https://fb.watch/mU5D3spPLR/
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 6 กันยายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 9 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
ตอนนี้เราก็ได้รัฐบาลใหม่ ได้นายกคนใหม่ แต่ไม่รู้จะได้อะไรใหม่ๆหรือไม่ ก็ดูกันอีกที เขาก็ทวงถามว่าค่ารถไฟฟ้า 20 บาททำได้หรือเปล่า ค่าน้ำมันค่าไฟฟ้าจะลดลง ก็ดูไป
ส่วนพวกเราชาวอโศกก็จะมีการเตรียมงานเทศกาลกินเจ อีก 8 วัน เด็กนักเรียนก็จะปิดเทอม ผู้ใหญ่ก็มาช่วยกันเตรียมงานเทศกาลกินเจ ที่จะเริ่ม 15 ตุลาคมนี้
SMS วันที่ 4 ก.ย. 2566
การพูดแทรก การแสดงทิฏฐิความเห็นไม่ใช่กิเลสเสมอไป
_พวธ.ไพรน้ำเพชร . น้อมกราบนมัสการพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผู้เป็นสยังอภิญญา ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
วันนี้ระหว่างเข้าสนทนาธรรมกับหมู่กลุ่ม รร ของหนู ลูกได้ฟังคุรุกิ๊ฟ ให้ลองไปแกะกิเลส การชอบพูดแทรกคนอื่น จะทำให้เรื่องเล็ก กลายเป็นใหญ่ได้ / เรื่องใหญ่ ก็จะยิ่งใหญ่มาก ลูกได้เห็นกิเลสหลายตัว ดังนี้ค่ะ
-
กิเลสตัวใจร้อน / โลภ ——อภิชชาวิสมโลภะ เป็นอาการกิเลสที่ดิ้นรน เพ่งพุ่ง ในการเคลื่อน เพื่อจะออกเป็นวาจา ตามที่เจ้านาย คือ อุปาทานข้างในยึดในความเห็นตนเอง ว่าถูก และ ดีกว่า ของผู้อื่นนั้น ผิด หรือ แย่กว่า
พ่อครูว่า…มีวิเคราะห์วิจัยออก ที่จริงมันก็ไม่ผิดนะ ที่เราวิจัยอย่างนั้นเพื่อให้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร มันก็ไม่ผิด ถูกแล้วที่จริงมีธัมมวิจัย เรียกว่าธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ ก็วิเคราะห์วิจัย
แต่ว่าเมื่อจิตของเราเกิดการธัมมวิจัยแล้ว ตอนนี้เราจะพูดแทรกพูดแซงออกมา ในวาระนี้ ควรไหม? อันนี้ต่างหาก มันควรไหมตอนนี้
ถ้าเห็นควร เออ ตอนนี้แทรกตอนนี้หรือพูดออกมาตอนนี้แหละ ควร จะได้ประโยชน์สูง จะได้ประโยชน์ดีมาก อันนี้ตรงนี้ ให้สำคัญตรงนี้กัน
_ แท้ที่จริง ความเห็นเป็นเพียงความเห็น แต่เราเข้าไปข้องอยู่ จะยึดแพ้ ยึดชนะ จึงออกอาการใจร้อนออกมา เป็นอุปกิเลสซ้อน
สลายอุปาทาน ——-ทิฏฐุปาทาน / ในอุปาทาน 4
พ่อครูว่า…ก็ตรวจสอบสิ่งที่เรายึดเราติด อุปาทาน 4 มี กามุปาทาน สีลพตุปาทาน ทิฏฐุปาทาน อัตตวาทุปาทาน
พวกเราจะไปยึดติดอยู่ที่ อัตตวาทุปาทานเยอะ ได้ความรู้แล้วก็เป็นวาทะยึดอยู่ที่ตัวเราเป็น อัตตา แล้วก็เป็นวาทะ เป็นบัญญัติเป็นภาษาเป็นความรู้ แม้รู้แล้วมีภาษาประกอบด้วยก็อยากจะกล่าววาทะนั้นออกมา อันนี้แหละ อัตตวาทุปาทาก็สลายอุปาทานของตัวเองก็ดี
การสลายก็คือ การได้เห็นว่า เราเห็นอย่างนี้หรือเรามีวาทะอย่างนี้ เรื่อง กามุปาทาน ของตนไม่เป็นไร อ่านออกแล้วก็สลายไปเร็วได้ยิ่งดี หรือแม้แต่ ทิฏฐิของตนเอง มันก็เป็นของตนเองเห็นว่าเป็นทิฐิตัวเอง แต่มันควบอยู่กับ อัตตวาทุปาทานนี่ ควบความเห็นของตน แล้วก็ยึดเป็นของตน อัตตา แล้วก็จะพูดเป็นวาทะออกมา มันเป็นวาจากรรม พวกนี้ นั่นแหละก็ต้องรู้ว่า การเกี่ยวข้อง ที่อาตมาพูดขยายภาษาขยายความสู่ฟัง เราก็ดูว่าสภาวะธรรมมันคือตรงไหนบ้างแล้วเราจะจัดการกับมัน
_คลายความยึดถือในความคิด / ความเห็น / ของตนเอง เพราะ แม้ความเห็นเราเองก็ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงได้ ตามชุดข้อมูลที่ได้รับในแต่ละเวลา
พ่อครูว่า…มันไม่เที่ยงเมื่อเวลาผ่านไป มีองค์ประกอบใหม่ มันก็เปลี่ยนไปอย่างนี้ เป็นต้น
_เราเองยังเป็นเช่นนี้ ผู้อื่นก็เช่นกัน การที่เขามีความคิดเช่นนั้น เพราะ เขามีชุดข้อมูลเช่นนั้น ในคลังสัญญา จึงแสดงออกมาตามนั้น เราจึงควรรับฟังว่า ความคิดเขาเป็นเช่นไรเพื่อที่จะได้ช่วย ปรับทิฏฐิเขาได้ หากโอกาสอำนวย และหากทิฏฐิเราผิด เราก็สามารถรับฟังและเอาประโยชน์จากความเห็น คำพูดเขาได้เช่นกัน เป็นอาการจิตที่มีความชัง —-จึงบังความจริง ทำให้มองไม่เห็นความจริง
พ่อครูว่า…ไม่ใช่ว่าจะให้เขาฟังแต่เรา ความเห็นของเรา ถ้าเราฟังเขาเราก็ได้ฟังความเป็นของเขา มันก็จะมีประโยชน์
_หากเมื่อสลายมิจฉาทิฏฐิจุดนี้แล้ว เราจะรู้ว่า โกรธ / ในทุกขนาด ตั้งแต่ เล็ก / กลาง / ใหญ่ ——-เป็นความโง่ แต่อัตตา คือ ความจริง
-
อยากแสดงความเห็นตัวเอง ——เป็นอัตตา / มานะ
พ่อครูว่า…มันก็ไม่เชิงนะ อยากแสดงความเห็นตัวเอง มันก็ไม่ใช่กิเลส จะเรียกว่าเป็นกิเลสถ้ามันเองมันมากไป แต่ถ้ามันพอดี มันไม่ถือว่าเป็นกิเลสอัตตามานะ มันเป็นความมุ่งดี หมายดี..มานะ เป็นความปรารถนาดีก็เป็นของเรา เพราะฉะนั้นถ้ามันสมเหมาะสมควรในกาละโอกาสที่ควร มันก็เป็นประโยชน์ มันก็ไม่ถือว่าเป็นกิเลส แต่มองเป็นกิเลสไว้ก็ดี ระมัดระวัง
_เห็นว่าความคิดเห็นเพื่อน ไม่ถูก / ของเราถูก เค้าผิด
พ่อครูว่า…อันนี้แหละอย่าเพิ่งไป แต่ที่จริงคนเรามีความเห็นอย่างที่เราเห็นแล้วแสดงออกอย่างนี้ มันก็ต้องมีแนวโน้มว่าของเราถูกแล้วล่ะ ใช่ไหม เราจะแสดงออกไป ย่อมไม่แสดงความเห็น เก๊ๆผิดๆออกไปหรือว่ามันผิดก็แสดงออกไปอย่างผิดๆนี่แหละจะทำไม อย่างนั้นมันนิสัยเสียแล้ว..จะประชดประชัน แสดงความเลวออกมาดื้อๆ มันจะวิปลาสหรือเปล่า ก็ต้องแสดงความเห็นที่เราคิดว่าถูกทั้งนั้นแหละ
_ สลายสุข——ที่ผู้อื่นเห็นตามความคิดตนเอง ก็จะไม่ทุกข์เมื่อผู้อื่นเห็นต่างจากความคิดตนเอง
พ่อครูว่า…เป็นการศึกษาตัวเองแสดงออกไปแล้วมันยึดเป็นความสุขก็จะได้สลายความสุข มันจะได้ไม่ทุกข์เมื่อคนอื่นเห็นต่าง
-
อยากได้ความเข้าใจจากผู้อื่น
สลายสุข—— ที่คนอื่นเข้าใจเรา เราก็จะไม่ทุกข์เมื่อเขาไม่เข้าใจ
เพราะ สุขนั้น เป็นสุขหลอก สุขลวง สุขไม่เที่ยง สุขไม่มีจริง เป็นสุขที่เป็นทุกข์ เป็นสุขตอแหล หันมาเอา สุขแท้ คือ สุขจากการที่ไม่ทุกข์ ดีกว่า
พ่อครูว่า…ใช้ภาษามาดี ทำให้ได้ก็แล้วกัน อย่างที่อธิบายมาละเอียดดี
-
อยากอวดว่าตัวเองรู้ดีกว่า
เป็นอุปกิเลส หลายตัว ค่ะ เช่น —-ถัมภะ ——-หัวดื้อ ไม่ยอมรับผิด / ไม่ยอมรับฟังความคิดผู้อื่น จนต้องดิ้นรนจนต้องพูดแทรกผู้อื่น
—-มักขะ/ปลาสะ ———ยกตนข่มท่าน เห็นว่า ตัวเองสูงกว่าคนอื่น ความเห็นตนเองดีกว่าความเห็นคนอื่น จึงดูหมิ่นความเห็นผู้อื่น
—-มีมายา เป็นลักษณะ อาการกิเลส ที่ไม่ยอมเสียหน้า
— มีมานะ – อติมานะ ดูหมิ่น ดูแคลน ความคิด / คำพูด / การกระทำ ผู้อื่น
จึงบดบังความจริง
สรุป ล้วนเป็นอาการกิเลสที่น่าเกลียด ทำให้เราเป็นคนไม่ดี ไม่สามารถเอาประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้
หากเราหลง มีอาการเหล่านี้ในจิต เราก็ประมาท กับกิเลส
เมื่อเห็นแจ้ง —ตามนี้ ก็สลายความคิดกิเลส ที่จะคิดพูดแทรก หรือ แสดงความเห็นของตน
โดยการตั้งศีล ลดการพูดลง ไม่พูดแทรกผู้อื่น และฟังผู้อื่นพูดให้จบก่อน ค่ะ
หลังจากการพิจารณาประกอบเรื่องแรงเหนี่ยวนำแล้ว ก็จะยิ่งเห็นความร้ายแรงของการพูดแทรก และ ไม่ฟังผู้อื่นให้จบก่อนค่ะ
ลูกน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พ่อครูผู้เป็นสยังอภิญญา ผู้ให้สัมมาทิฏฐิ ที่ได้เมตตานำคำสอนที่แท้จริงนี้มาประกาศให้ลูกที่ยังวนเวียนอยู่ในทุกข์นี้ได้พอเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ และได้ก้าวเดินตามแสงสว่างนั้นได้ ทำให้ความทุกข์ที่ฝังแน่นในใจนั้น หายไปเป็นส่วนใหญ่ และ จางคลายลงอย่างมาก ลูกขอบพระคุณมากๆต่อท่านอาจารย์หมอเขียว ผู้ปลุกลูกให้ตื่นทางจิตวิญญาณ
และ ขอบพระคุณในความเมตตาของท่านสมณะทุกรูป ท่านสิกขมาตุทุกรูป และ ท่านคุรุทุกท่านที่คอยให้สัมมาทิฏฐิแก่ลูกมาโดยตลอด ลูกจะตั้งใจ ศึกษา และ พากเพียรฝึกฝน เต็มความสามารถตลอดชีวิตนี้ ค่ะ
พวธ.ไพรน้ำเพชร / ผาสุก – อินโดนีเซีย 5 กันยายน 2566
—————————————
พ่อครูว่า…ดี ศึกษาไป การศึกษาของคนแต่ละคนแต่ละคน อย่างที่รายงานผลของตัวเองขึ้นมานี่แหละ แม้ว่ายังทำไม่ได้ทีเดียว แต่มีความเข้าใจการแยกแยะ มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ แยกแยะธรรมะต่างๆ โดยเฉพาะแยกไปในสิ่งนี้ถูก สิ่งที่ผิด สิ่งนี้ควร สิ่งนี้ไม่ควร สิ่งนี้เป็นกิเลส สิ่งนี้ไม่เป็นกิเลสหรอก มันเป็นแค่ความเห็น มันเป็นแค่ทิฎฐิ ทิฎฐิความเห็นถูกดีด้วย มันเป็นๆแค่ทิฎฐิ บางทีมันอาจจะถูกบางทีมันอาจจะผิด ก็ค่อยๆเข้าใจใช้สภาวะ ขออภัยใช้พยัญชนะสื่อสภาวะต่างๆออกมาสู่กันฟัง
ก็ใช้อาศัยการแสดงอย่างนี้แหละ พระพุทธเจ้าท่านก็ใช้พยัญชนะ สื่อให้คนรับฟังรับรู้แล้วก็ได้ประโยชน์กันมา
พ่อครูท้อไหมในการต่ออายุขัย
_สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
พ่อครูคะ ลูกได้เห็นพ่อครูประนมมือกล่าวคำขอขมาด้วยความอ่อนน้อมต่อพระมหาปยุต
ลูกรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ลูกขอกราบเรียนถามว่าโลก ณ.วันที่เป็นอย่างนี้ พ่อครูท้อไหมคะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
พ่อครูว่า…ใครว่าอาตมาท้อไหมเอ่ย …ไม่ อาตมาไม่ท้อหรอกไม่มีท้อเลย ไม่เคยท้อสักครั้ง มีแต่มันฮึด มันแย่แล้วตอนนี้ก็เคยบอก มันไม่อยากกินอาหารแล้ว อาการของคนไม่อยากกินอาหารนี่ เป็นยังไงก็คงรู้
1.มันป่วยไม่สบายไม่อยากกินอาหาร
-
ไม่ใช่มันป่วยไม่สบายหรอก แต่มันไม่อยากกินอาหารแล้ว มันอยากจะปล่อยวาง เลิกชีวิต มันเป็นอย่างนั้น