660911 พ่อครูเล่าความหลังเมื่อตอนอยู่ในวงการบันเทิง รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #40 ราชธานีอโศก ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1Vprx8mIb-bH1hiKKLujP8mGnvjWCwBCR/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1L-dy1N0uwMmOIIZ7ZSt_HAZdkKRXE7Xv/view?usp=sharing และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/660911-e2967se ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/XnpI_sfRYIM และ https://www.facebook.com/100078722032092/videos/1510274259747415/ มีซับ พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ September ที่บวรราชธานีอโศก วัน Black September เป็นวันที่เครื่องบินบินชนตึกเวิลด์เทรด คนอเมริกันต้องนึกถึงวัน Black September ก็ประวัติศาสตร์ของใครของมัน ทีนี่ก็มาของเรา SMS 6 – 7 กันยายน ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น อกาลิโก นำหน้าโลกียะเสมอ _อ๋อย เอื้อมพร. กราบนมัสการค่ะ วันนี้ตอนฟังเทศน์ พอได้ยินพ่อครูปรารภว่าจะหยุดเทศน์เพราะกายขันธ์ น้ำตาเอ่อเลยค่ะ พ่อครูว่า…คงไม่ใช่น้ำตาเอ่อเพราะซาบซึ้งใจเนาะ _ถอดหัวใจเห็นความเมตตาของพ่อที่ต้องทน เพื่อลูกๆๆ สาธุ พระคุณของพ่อครู ลูกจะตอบแทนอย่างไรก็ไม่เท่าเทียม ขอก้มลงกราบแทบเท้าพ่อ ลูกจะพยายามปฏิบัติธรรมต่อไป และต่อไปค่ะ หากพ่อครูจะหยุดเทศน์เพื่อถนอมกายขันธ์ ลูกก็ขออนุโมทนาค่ะ เพื่อให้พ่อครูอยู่ดูความเจริญของชาวอโศก พ่อครูได้เทศน์ไว้มากมายแล้ว พวกเราฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ทุกวันนี้ลูกยังฟังธรรมที่พ่อครูเคยเทศน์ไว้เมื่อ 30 – 40 ปีก่อน ยังไม่ล้าสมัยเลย อกาลิโกจริงๆ กราบมาด้วยความเคารพอย่างที่สุดค่ะ พ่อครูว่า…พูดถึงอกาลิโกก่อน อกาลิโกแปลว่า ไม่ล้าสมัย แปลง่ายๆ อกาลิโก ทุกกาละ ธรรมะพระพุทธเจ้าทันสมัยใหม่เสมอไม่มีล้าสมัย เพราะอะไร? เพราะว่าธรรมะพระพุทธเจ้านำหน้าไม่เคยมีใครทัน นำหน้าไม่เคยมีใครทัน โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีโลกียะใดที่จะไปขับไล่เดินทางไปทันเลย ตลอดกาลนาน ไม่มี ยุคไหนสมัยไหนเมื่อไหร่ก็ไม่มีทัน โลกียะไม่มีทางเดินทางทัน ในโลกุตรธรรมมันมีโลกียะสมบูรณ์แบบครบถ้วน เช่น โลกียะก็ว่าเขาไป ทำดี ไม่ทำชั่ว โลกุตระก็มีเช่นเดียวกัน ในโลกสมมุติ เช่น ชาติๆหนึ่งเขามีสมมุติในชาติเขาว่าอย่างนี้ดีอย่างนี้ชั่ว แม้แต่กฎหมายก็คนละชาติก็ต่างกันอย่างนี้ดีอย่างนี้ชั่ว เหมือนกันหมดทั้งประเทศ เหมือนกันหมดทั้งลัทธิในชุมชนนั้นๆ เขาก็ยึดถือกันอย่างนั้น พระพุทธเจ้าเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ไอ้ดีๆชั่วๆอย่างชาติแต่ละชาติ มีในยุคหนึ่งๆ ไม่ถึงพันชาติ ไม่ถึงพันประเทศ แม้เดี๋ยวนี้ก็ไม่ถึงพันชาติพันประเทศ ขณะนี้ในโลกมีประมาณ 200 ประเทศใช่ไหม เอาละ ให้ประเทศหนึ่งมี 5 ภาษา ภาษาเขาก็สื่อสภาวะ เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าสู่สภาวะ จะภาษาอะไรก็แล้วแต่ ดีมันก็คือดี อาจจะพูดกันคนละภาษา เพราะฉะนั้นถ้าภาษานี้ ชาตินี้ เผ่านี้ เขาใช้ภาษาอย่างนี้ว่าไอ้นี่ดี มันก็แบ่งเป็น 2 นัยยะคือ ดีกับชั่ว เพราะฉะนั้นความหมายดี ไม่ชั่ว มี 2 นัยเสมอ สรุปลงมาที่ เทวะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ เทวะสมบูรณ์แบบ จบ ชัดหรือยัง พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เทวะ 2 สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้น 2 ของดีและชั่ว จบแล้ว แล้วทีนี้ก็มา 2 ของโลกียะกับโลกุตระ อันนี้แหละโลกียะไม่มีความรู้ในโลกุตระ แต่โลกุตระมีความรู้ทั้งโลกียะและโลกุตระ พูดไปแล้วเหมือนไปยกตนข่มโลกียะ แต่ที่พูดไปแล้วไม่ได้ไปยกตนข่มท่าน แต่เป็นเรื่องของสัจจะความจริง มันเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายบอกความจริงกันไป โลกยุคนี้มันใกล้กลียุค มันเสื่อมต่ำแย่แล้ว มันฆ่าแกงกัน โอ้โห แล้วมันก็ไม่รู้สึกรู้สาแล้ว อาตมาเองอาตมาพูดถึงเรื่องของชีวะ ธาตุจิต ลงไปถึงขั้น สัตตะ ปานะ ภูต ชีวะ แล้วก็แยกเป็น 7 แยกเป็น สัตตะ ปาณะ ภูตะ ภูตะก็แยกเป็น 3 ในภูตะ เป็นธาตุรู้ขั้นเริ่มคือ เจตสิก ธาตุรู้ขั้นเจตสิกในธาตุจิตในยามเริ่มมาเป็น ภูตคาม มันเป็นธาตุรู้ที่ยังไม่เป็นสัตว์ เป็นธาตุรู้แค่พืช พืชก็แบ่งเป็น 2 คือ ภูตคามกับพีชคาม ภูตคามก็ static ส่วนพีชคามก็ dynamic ภูตคามเป็นราก พืชหัว พีชคามเป็นราก เป็นกิ่ง เป็นใบ มาเป็นภูตคามพีชคามแล้วมาเป็นเจตภูติ เริ่มมาเข้ามาเหลื่อม overlab มาหาธาตุจิตนิยาม ธาตุสัตว์ จากปาณะถึงเจริญมาเป็นเจตสิก มาเป็น เจตสิก แล้วมาเป็นสัตตะ รวมแล้วก็เป็นจิตนิยาม รายละเอียดพวกนี้อาตมาอธิบายนี้อธิบายจากสภาวะ ที่อาตมามี แล้วก็พยายามอธิบายเป็นพยัญชนะ แล้วอาตมาก็เข้าใจพยัญชนะคำบาลีต่างๆเข้าใจอย่างแบบของอาตมา ซึ่งท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ท่านก็ พูดเสียดๆ กระแนะกระแหนอาตมาอยู่ว่า ท่านโพธิรักษ์ท่านว่าท่านรู้ได้ด้วยญาณ ไม่ได้อาศัยภาษา อย่างที่อื่นเขาเรียนกัน ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ ที่เขาเรียนกันเป็นตำราสากล จริง อาตมาไม่ได้เรียนอย่างนั้นจริง แต่อาตมาเข้าถึงความเป็นสภาวะแท้ แล้วก็มาอาศัยภาษา ส่วนผู้ที่อาศัยภาษาเหตุผลของภาษานั้น มันก็เจริญแต่ภาษา มันเจริญออกนอกกรอบเขาไม่รู้ เพราะฉะนั้นถึงวาระความเสื่อม ภาษาเป็นภาษาสวย เป็นภาษาวิจิตร ดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน อาณียสูตร กลองอานกะหรือตะโพนอานกะ เป็นภาษาที่สมัยใหม่เขาล้อเรียงไว้สวยแต่มันไม่ใช่ของแท้ มันไม่ใช่ของเดิม ของกลองอานกะหรือตะโพนอานกะ ดังที่พระพุทธเจ้าท่านหมาย มันจึงเกิดความเสื่อมเพราะไปยืนยันผิดกับพยัญชนะผิด ภาษามันก็ต้องผิด ยืนยันจากพยัญชนะผิด เขาอาจจะอธิบาย คำว่า กาย เป็นต้น ง่ายๆ โดยเพี้ยนผิดไปหมดเลยว่า กายคือภายนอก อย่างเดียว มิจฉาทิฏฐิแล้ว เข้ารกเข้าป่าเลย หรือเขาไปอธิบายเรื่องของฌาน โอ้โห ฌาน ไปใหญ่เลย ฌานเป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย ไม่รู้หรอกไม่มีใครเห็นของใคร แล้วต่างคนต่างก็บอกว่าตรงกันพูดกันรู้เรื่อง เข้าใจกันต่างก็สมมุติไป เอารูปเป็นอย่างไร เอากายเป็นอย่างไร กายปั้นเอง กายเก๊ๆ กายไม่มีภายนอก ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เพราะพวกหลับตาเขาไม่ใช้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นตัวกำหนดหมายด้วยเลย เขาก็ปั้นรูปอะไรก็ได้ใช่ไหม แล้วเขาก็มาพูดอธิบายให้เข้าใจมุมเหลี่ยมกัน สมมุติกันไปเหมือน Star Wars เห็นไหมล่ะตัวละครของเขา เขาปั้นรูปนั้นรูปนี้สารพัดใช่ไหม คุณว่าจริงไหมใน star wars ใครดูหนังเรื่อง Star Wars กันบ้าง อาตมาก็ไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่แต่ก็พอดูผ่านๆก็เห็นตัวละคร หู เหมือนท่านด่วนดีนี่ก็มี ชื่ออะไร เจได ปากอย่างโน้นหูอย่างนี้ เขาก็ปั้นไปแขนขาก็ทำไป มันเป็นรูปธรรมที่คล้ายกันกับนามธรรม แล้วแต่นามธรรม มันทำได้สารพัดพิลึกกว่านี้ที่ไปปั้นมา เขาก็บอกว่านี่แหละอธิบายคนที่มีพยัญชนะหรือมีโวหาร อธิบายสภาพรูปธรรมนามธรรม มันวิจิตรประหลาดพิเศษอะไรต่ออะไรไป คุณภาพของหู คุณภาพของจมูก ของตาเบี้ยวๆ มี 3 ตาบ้างอะไรบ้างอธิบายวิจิตรกันไป คนก็เพ้อไปตามฝันเฟื่อง มันก็ยิ่งออก ยิ่งอธิบาย ยิ่งมีอะไรตกแต่งปรุงแต่ง มันก็ยิ่งออกนอกนอก นอกสัจธรรมไปใหญ่ ทั้งๆที่สัจธรรมของพระพุทธเจ้านี้จะต้องสรุปเข้ามาให้ได้ ไปหา 1 ไปหา 0 นี่มันก็บานเป็นโลกจินตา เป็นโลกแห่งความคิด โลกจินตา ไป บานทะโร่ไปหาที่สุดไม่ได้ นี่ละพอ ก็จบตรงนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดหาที่สุด หาเรื่อง หาฐาน หากรอบของความจบ กรอบของความพอดีของความจบหาไม่ได้ก็ ไปไม่ออก ไม่มีทางบรรลุ อาตมาเทศน์ไว้มากแล้วฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ คนที่ฟังธรรม ฟังเทศน์ไม่เบื่อ คือธรรมะที่เป็นโลกุตระ เป็นธรรมรส เป็นวิมุตติรส พระอรหันต์ก็ฟังไม่มีเบื่อ บรรลุอรหันต์แล้วก็ไม่มีเบื่อ เพราะถ้าว่าอรหันต์แล้วนะ มันยังไม่จบง่ายๆ อรหันต์มีตั้ง 6 ขั้นที่อาตมาขยายความมา มีตั้ง 6 ขั้น ที่อาตมาพูดนี้ไม่ใช่เพ้อเจ้อนะ เพราะอาตมานี้ขั้น 7 ซึ่งขั้น 7 นี้นับโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์มีถึง 9 ขั้น 1 2 3 4 แล้วบวกอรหันต์อีก 6 ขั้น ก็เป็น 9 ขั้น ถ้า 10 ท่านก็หายไปเลยหมดความเป็นพุทธะพระพุทธเจ้าก็จบที่ขั้นที่ 9 เป็นขั้นที่ 9 ของโพธิสัตว์ ถ้าพ้นโพธิสัตว์ไปแล้วก็เป็นทางศาสนาพราหมณ์เขาเรียกกัลกิริยาวตาร คือเป็น 0 ถ้าจะหมายความ กัลกิริยาวตาร ก็หมายความการอวตารจะเป็นอวตารอะไรไปก็ได้ บางคนก็ไปเข้าใจเอาตรงโน้น อ้าว เดี๋ยวจะมากเกินไปเอาล่ะพอแล้ว เราไม่ต้องไปคำนึงอย่างพราหมณ์ ที่เขาแถมมามันก็เป็นการรู้เพิ่มเราก็ไม่ได้ใช้อะไรอย่างนี้เป็นต้นมันก็เฟ้อเปล่าๆ ความเจริญของชาวอโศก อาตมาต้องรับรอง อาตมาต้องกอบกู้ อาตมาต้องนำพา เพื่อให้ความจริงของพุทธที่เป็นโลกุตระนั้น สืบทอดต่อเนื่องไปจนครบ 5,000 ปี อันนี้เป็นสัจจะ ผู้ไม่จริงไม่มีความรู้ เพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรมาพูดอธิบายอย่างอาตมา อาตมาอธิบายธรรมะไม่ได้อธิบายอย่างภาษาฟังแล้วก็ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างต่อเนื่องกัน ที่จริงคำอธิบายธรรมะของอาตมาต่อเนื่องกันได้หมด ทุกเรื่องทุกอันเอามาเชื่อมโยงกันได้ บางอันก็ใกล้กัน บางอันก็ไกลกัน บางอันใกล้กันมาก แต่อธิบายได้หมด มันเป็นสัจจะที่ การเกิดมาเป็นคนชีวิตที่ได้ร่างกาย จิตวิญญาณ หรือจิตนิยามเป็นสัตว์ที่เรียกว่า คน ในภาษาไทย ส่วนภาษาบาลีเรียกว่า มนุสโส เป็นภาษาสันสกฤตก็คือ มนุษยะ ก็เป็นผู้ที่จะผันตัวเองให้เจริญสูงสุดได้ที่สุดจึงเรียกว่าที่สุด ถ้าไม่สามารถผันให้ตัวเองสูงสุดได้ก็ผันให้ตัวเอง..ขออยู่ในร่างมนุษย์นี้ต่อไปให้ต่ำสุดไป จนกระทั่งต่ำกว่าเดรัจฉาน ต่ำกว่าสัตว์นรก ต่ำกว่าสัตว์ชั้นต่ำ มหาอเวจีไหนๆก็ได้ เฉพาะจิตวิญญาณก็ทำให้ต่ำ ไม่มีกำหนดต่ำอย่างหาที่สุดไม่ได้เหมือนกัน เลวร้ายอย่างหาที่สุดในความต่ำ เขาก็เป็นไปได้ จิตของเขาเป็น อย่างคนในยุคนี้ปางนี้สมัยเดียวกัน คุณก็นึกเอาเองก็แล้วกัน คนที่เขาเป็นอย่างนั้นได้ พูดให้ชัดอีกเอาตัวบุคคลมาอธิบาย คุณว่าธัมมชโยจะรู้ไหมว่าตัวเองกำลังหลอกคนอื่น ทักษิณจะรู้ไหมว่าตัวเองนั้นหลอกคน มหาบัวจะรู้ไหมว่าหลอกคน กินหมากนี่ว่ามันเป็นกิเลสหรือไม่เป็นกิเลส เราก็เชื่อไม่ไหวนะว่าท่านไม่รู้ เราก็ให้เกียรติท่าน ท่านเป็นผู้ฉลาดผู้รู้ อันนี้แหละเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ที่ชัดที่สุดและก็จริง ผู้ที่โกหกทั้งๆที่รู้ ตนก็รู้ว่าคำนี้เป็นคำโกหก แล้วก็โกหกมันออกไป โกหกผู้อื่นทั้งๆที่รู้ว่าตนเองโกหก ไม่แก้กลับ ยังดันทุรังโกหกต่อไปให้คนอื่นเข้าใจผิดอย่างนั้น คนนี้เลวหาที่สุดไม่ได้ เสื่อมหาที่สุดไม่ได้ มันเป็นเช่นนั้น น่ากลัวสัจธรรมนี่ ฟังสัจธรรมดีๆ ที่อาตมาหมาย _ธรรมธารทิพย์ มาลิณี น้อมกราบนมัสการพ่อครูฯด้วยเคารพยิ่ง ได้ยินพ่อครูฯเปรย ควรลดการเทศน์ เห็นด้วยอย่างยิ่งเพื่อพักกล่องเสียงบ้าง เจ้าค่ะ _ตุ๊ก อัศวิน . ได้สดับตรับฟังที่ พ่อครู ปรารภถึงสภาวะแห่ง ‘สังขารขันธ์’ ของท่าน ที่ต้องเพิ่มอินทรีย์พละอย่างสูงยิ่ง..เพื่อให้เกิดพละกำลัง ‘เหนี่ยว..ดึง..รั้ง..ฉุด..กระชาก..ลาก..ถู’ ให้เกิดการเคลื่อนกายย้ายจุด..มาบรรยายธรรม@เฮือน 0-0 แห่งนี้ ซึ่งเห็นตระหนักยิ่งนัก..ในเมตตาธรรม และ ความกรุณา ของพ่อครู ที่มีต่อ ลูกๆ..ช่างน่าซาบซึ้งในจิตวิญญาณยิ่ง เจ้าค่ะ ขอนิมนต์พ่อครู..โปรดพิจารณาดำเนินการที่ท่านเห็นควร..ไปตามเหตุ ไปตามปัจจัย เพื่อยัง ประโยชน์ตน!! ประโยชน์ท่าน!! ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาท..เจ้าค่ะ สมัยที่เริ่มรู้จัก ชาวอโศกใหม่ๆ..ขอสารภาพว่า ประทับใจในวัตรปฏิบัติของชาวอโศกยิ่งนัก..ในเรื่อง ‘เมื่อใดที่ชาวอโศกมีข้อสงสัย ?’ ใคร่ถามแทรก จะนอบน้อม..ด้วยการพนมมือ และ เปล่งวาจาว่า ‘ขอโอกาส..เจ้าค่ะ/ครับ’ ซึ่งเป็นกิริยางดงาม..น่ารัก น่าเอ็นดู น่าประทับใจ เจ้าค่ะ ทุกวันนี้..ได้แอบขอลอกเลียนแบบน้อมมาปฏิบัติ..มั่งจิ!! กราบ_/\_ขอบพระคุณ..ที่ท่านไม่สงวน ลิขสิทธิ์ ชิมิ เจ้าคะ พ่อครูว่า…อาตมาก็คำนึงอยู่ “ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน”เป็นเพลงอาริยะหมายเลข 1 เลยที่อาตมาตั้ง เพลงอาริยะมี 10 หมายเลข หมายเลข 1 คือ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงประหยัดสุด คอมพิวเตอร์เป็นอันตรายหรือไม่อย่างไรต่อผู้ทำงาน _เพียรผ่องพุทธ กล้าจน . น้อมกราบนมัสการหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ลูกขอโอกาสเรียนถามว่า หลวงปู่รู้สึกได้รับอันตรายจากอุปกรณ์อิเล็กซ์ทรอนิกบ้างหรือเปล่าค่ะ และมีวิธีการป้องกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในห้องทำงานอย่างไรบ้างค่ะ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ (ลูกมีโน๊ตบุ๊กตัวเดียวยังรู้สึกร้อนถ้าทำงานเกิน 1ช.ม) พ่อครูว่า…ก็ไม่ได้รู้สึกนะ ก็น่าจะมีแต่มันเป็นเรื่องละเอียดลึก เล็ก ไม่ได้มีเครื่องป้องกันอะไรมาก เขามีปิรามิดเครื่องน้อยๆตั้งอยู่ เป็นหินสีน้ำเงินตั้งอยู่หน้าโต๊ะ เขาว่าปิรามิดมันช่วยได้ก็ทำช่วยกันไป ระมัดระวังกันเอาเอง มันมีความทนได้เหมือนกันสำหรับคนที่ฝึกตน ฝึกฝน ทนได้มันไม่เป็นพิษเป็นภัยเท่าไร คนที่เปราะบาง ไม่ทนแล้วก็ตั้งใจไม่ทน มันก็ทนไม่ได้ มันก็รับไม่ได้ก็เป็นจริงเหมือนกัน ก็แล้วแต่ว่าใครจะพยายามบำเพ็ญ _พลังเพ็ญ คำด้วง . ช่วงเข้าพรรษา นี้ ลูกตั้งใจอ่านหนังสือปัญญา 8 ทั้ง 2 เล่มที่พ่อครูได้เขียน อ่านจบแล้วก็อ่านทวนใหม่ ทำความเข้าใจนำมาสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันที่ดำเนินอยู่เท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเรื่อง สุข-ทุกข์ จะทำยังไงให้หมดสุขหมดทุกข์ตามลำดับ พ่อครูได้เขียนไว้ชัดเจนค่ะ สามารถเกิดผลกับจิตลูกได้ หมดสุขหมดทุกข์ได้เป็นเรื่องๆได้ตามลำดับไปลูกจะพากเพียรปฏิบัติต่อไป กราบนิมนต์พ่อครูเทศน์สดเหลืออาทิตย์ละ1วันค่ะ เพื่อถนอมกายขันธ์พ่อครูค่ะ (กราบขอบพระคุณค่ะ) พ่อครูว่า…สรุปยอดของศาสนาพุทธคือสุขทุกข์ ถ้าคุณเข้าใจสุขทุกข์เป็นอาการ เป็นความรู้สึกมี อาการ ลิงค นิมิต แตกต่างกัน ลิงคะคือแตกต่างกัน จับอาการหรือนิมิตของมันได้ นิมิตคือ static ส่วน อาการคือ dynamic คุณจับอาการทั้งสภาพอาการนิ่งและอาการเคลื่อนไหว ละเอียดเท่าไหร่ๆ ก็สามารถเข้าใจได้ รู้ได้จริงๆแล้วคุณก็จะสามารถเห็นว่ามันลงตัวแล้วเป็น 1 หรือเป็น 0 0 ก็คือไม่มีไปเลย 1 ก็คือไม่มีการปรุงแต่งแล้ว แม้คุณจะไปยืนอยู่ฐานสุข 1 มันก็เป็นสุขหนึ่งเดียวแต่มันก็ไม่หมดเชื้อ เพราะฉะนั้นจับคู่ 1 กับ 0 เข้า ก็จะเห็นความแตกต่าง หรือ ลิงคะของมัน ซึ่งมันละเอียดมากแล้ว 0 กับ 1 ละเอียดมากแล้ว มันจะจบแล้ว คู่สุดท้ายแล้ว คุณเห็นความละเอียดแล้วคุณก็ทำเป็น 0ได้ เห็นความต่าง คุณเกิดเห็นความต่างของ 1 และ 0 ได้เมื่อใด แล้ว ก็ไปอยู่ที่ 0 จบ ใช้พยัญชนะอธิบายได้เท่านี้ เอ้า ผ่าน หากจะตายพ่อครูคงตายตอนนอนหลับ _จรรยา ประเสริฐ . โสดาบัน ของลูก ถือศีล 5 ให้ได้ หยาบ กลาง ละเอียด ให้ทาน (เสียสละทั้งกำลังทรัพย์ที่มี โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ) ทำกุศล ให้ถึงพร้อม เท่าที่ตา กาย ใจ เราได้เห็น ทั้งหยาบ กลาง ละเอียดค่ะ ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากกราบนมัสการพ่อ ลูกจะลด ละ กิเลส ให้มาก ถึงมากที่สุด เพื่อให้ได้มรรค ได้ผล เป็นโสดาบันค่ะ เพื่อตอบแทนพระคุณที่พ่อได้จ่ายพลังงานออกมา กราบสาธุค่ะ พ่อครูว่า… ศีลข้อ 1 2 3 ศีลข้อที่ 4 เป็นวาจา ศีลข้อที่ 5 เป็นจิต จิต ก็เป็นตัวประธาน วาจาเป็นตัวขยายผล ก็เป็น Static กับ Dynamic จิตก็เป็น Static วาจา ก็เป็น Dynamic เห็นไหมก็เป็นคู่ ฉะนั้นฐานจริงก็เป็น 3 กับ 4 ศีลข้อที่ 1 2 3 ก็ค่อยๆฟังไป มันยังมีนัยยะละเอียดที่อาตมาจะอธิบายอีกไม่น้อย อธิบายไปถ้าอายุ 120 ก็อธิบายได้อีกยาว ทำเป็นชื่นใจจะอยู่ไปถึงอายุ 120 ซึ่งอาตมาทุกวันนี้ ไม่รอไม่หวัง แต่เราทำ 120 นี่ ไม่รอไม่หวัง เราทำไปเรื่อยๆ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น อาตมายังรู้สึกเลยว่า อาตมาคงจะตายไม่รู้ตัวหรอก มีแต่พยายามจะเป็นจะเป็นๆ จะไม่ตาย พยายามจะเป็นเป็นๆๆจะไม่ตาย จะไม่ตาย แต่พอมันตายนี่มันก็คืออยู่ในภาวะที่อาตมาต้องพักผ่อน อาตมาต้องดร็อปตัวเองหรือต้องดับตัวเองใช่ไหม..พักผ่อน มันคงจะอาศัยช่วงนั้นแหละไปเลย เท่าที่อธิบายนี้พอเข้าใจใช่ไหม มันเป็นสัจจะอย่างหนึ่ง มันสุดวิสัย มันสุดฝืนแล้วมันก็ไปเอง _สู่แดนธรรม… ไม่ได้ตั้งใจว่าจะตายนะครับ พ่อครูว่า… ตั้งใจจะต่อ แต่มันต้องตายก็ต้องตาย ก็เอา แล้วแต่ ไม่มีปัญหาอะไร อาตมาเข้าใจ พวกเราก็คงเข้าใจแล้ว ไปกลัวอะไรเกิดตาย ก็สำคัญคุณชัดตัวเองไหมล่ะทุกวันนี้ คุณพอมีกุศล มีภาคสิ่งดีมากพอได้อาศัย เกิดชาติหน้า ชาติหน้าไม่ตกต่ำกว่าชาตินี้แน่นอน โดยเฉพาะนี่อย่าให้มันไปเป็นเดรัจฉาน อย่าให้มันไปเป็นสัตว์นรกอะไรเกิดมาชาติหน้า ก็จะต้องได้เป็นมนุษย์ และมนุษย์ก็คงจะไม่ตกต่ำอะไรมากนะ เพราะเราก็เก็บสภาวะวิบาก สัมภาระวิบากที่เราสะสมเป็นสัมภาระวิบาก ก็ทำจริงไป มันมีจริงเป็นจริงก็ได้จริง มันไม่ถึงขีดถึงเกณฑ์ของสัจจะ คุณจะไปเอามาจากไหนล่ะ ไปซื้อจากห้างขายยานี้ขายไหม ห้างนั้นน่ะ Supermarket หรือห้างอะไร ศูนย์การค้าใหญ่โตมโหฬาร มันก็ไม่มีขาย มันก็จะต้องทำ กรรมใครกรรมมัน วิบากใครวิบากมัน _ถือศีล 5 (พ่อครูว่า… หากจะอธิบาย อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ก็ไปได้เรื่อยๆขยายไป)ให้ได้ หยาบ กลาง ละเอียด ให้ทาน (เสียสละทั้งกำลังทรัพย์ที่มี โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ) พ่อครูว่า… พวกเราศึกษาทานที่ไม่รับสิ่งตอบแทนวัตถุก็ไม่รับแล้ว วาจาก็ไม่พูดรับ จิตก็ไม่รับจริงๆสละออกไปศูนย์เลย ส่วนอานิสงส์มันจะย้อนกลับมาหาตัวเราเอง มันก็ย้อนกลับมานะ แล้วเราก็ต้องเข้าใจสัจจะว่าไม่ต้องอยากได้ มันได้มาก็สะพัดออกอีก มันก็จะเพิ่มไปอีกเป็นผลสูงเพิ่ม แล้วมันก็จะสะพัดย้อนกลับมาหาเราอีก โดยคุณจะต้องปฏิเสธไม่อยากได้ ยิ่งไม่อยากได้ ยิ่งได้มา ยิ่งไม่อยากได้ ยิ่งได้มา สัจจะมันจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นคุณทำออกอย่างเดียวเลย ทำออกอย่างเดียว ไม่ต้องทำเข้า เข้ามันจะมีของมันเองโดย Action reaction มี 2 สภาวะ เพราะฉะนั้นเราทำแต่ฝ่ายเดียว ฝ่ายที่เข้าใจสิ่งที่เป็นฐานที่ตั้งหรือฐานที่ดีอย่างเดียว เรื่องสุขเรื่องทุกข์ เราต้องอ่านอาการของเราเอง คุณก็ต้องรู้ว่า อันนี้เราถืออย่างหนึ่งซึ่งมันไม่ตรงกัน คุณไปติดยึด ผูกพันกับอะไรต่ออะไรมันไม่เท่ากัน ใช่ไหม บางคนติดมะเขือ บางคนติดกล้วย บางคนติดสะตอ ทุกวันนี้พูดตรงๆ อาตมากินสะตอไม่ค่อยได้แล้ว ทุกวันนี้ก็เห็นว่าแต่ก่อนเราก็กินพอสมควรทั้งเหม็นทั้งขม สะตอ เหม็นไหม ทั้งเหม็น ทั้งขม..โอย กินสะตอแล้ว เทียบกับเม็ดกระถิน มันคล้ายกัน โอ้โห แต่มันอ่อนกว่ากันเยอะเลย เม็ดสะตอกับเม็ดกระถิน ก็เป็นลักษณะของคนใต้เขาถนัดอย่างจัดจ้านหน่อย อีสานนี่ถึงจะจัดอย่างไรก็สู้ใต้ไม่ได้ ยิ่งภาคกลางแล้วก็ยิ่งไม่จัดเท่า ภาคกลางไปจัดจ้านทางฟรุ้งฟริ้ง โอ้ย ภาคกลางจัดจ้านทางฟรุ้งฟริ้ง _ทำกุศล ให้ถึงพร้อม เท่าที่ตา กาย ใจ เราได้เห็น ทั้งหยาบ กลาง ละเอียดค่ะ ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากกราบนมัสการพ่อ ลูกจะลด ละ กิเลส ให้มาก ถึงมากที่สุด เพื่อให้ได้มรรค ได้ผล เป็นโสดาบันค่ะ เพื่อตอบแทนพระคุณที่พ่อได้จ่ายพลังงานออกมา กราบสาธุค่ะ พ่อครูว่า… ฐานโสดาบันนี่มันไม่ใช่ฐานที่ใหญ่ที่โตอะไรเลย มันมีเนื้อแท้ของจิต 1. ยินดี ตามมูลสูตรข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ทำใจในใจเป็นมนสิการ 3.มีสัมมาทิฏฐิ ต้องรู้ว่าตัวเองต้องผัสสะ เป็นมูลสูตรข้อที่ 3 ต้องมีผัสสะในการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่มีผัสสะปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีฐานข้อที่ 1 2 3 นี้เป็นโสดาบันแล้ว ต่อจากนั้นคุณก็ปฏิบัติให้เพิ่มโสดาคุณ มากขึ้นด้วย มันก็จะเติมเวทนาให้เจริญขึ้นๆๆ เวทนาขึ้นได้ขีดหนึ่ง ก็เป็นสมาธิ สมาธิยิ่งแข็งแรงเป็นอินทรีย์ เป็นพละได้เท่าไหร่ สติปัญญาก็จะเจริญขึ้นเรื่อยๆ วิมุติ ก็เป็นผลตามมา เมื่อคุณถึงขั้นวิมุติ คุณก็เป็นอรหันต์ทุกคน เป็นอมตะบุคคล เป็นวิมุติจบแล้ว จบกิจ จิตหมดกิเลสวิมุตหลุดพ้นหมดกิเลส คุณก็เป็นอมตะบุคคล เพราะฉะนั้นคุณจะเกิดหรือคุณจะดับคุณก็ทำได้เอง วิธีดับสูงสุดก็ดับอย่างเป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็ถือว่าจบกิจแล้วเบื้องต้น อรหันต์เบื้องต้นต้องปรินิพพานเป็นปริโยสาน เพราะฉะนั้นคุณตาย..สุดท้ายคุณก็ตายด้วย นิพพาน 3 สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน จิตสูญไม่เกาะนิมิตใด ไม่ตั้งจิตใหม่อีกเลย..สูญ ธาตุจิตก็แยกไปหมด สลายกลายเป็นดินน้ำไฟลม นี่ก็อธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วก็รู้สภาวะ เราก็นึกถึงขณะเป็นๆไอ้ที่เราแต่ก่อนนี้เคยวนเวียนไป อย่างผู้หญิงนี้มีเยอะ อบายมุขฉัน โอ้โห เฟอะฟะต่างๆใช่ไหม อบายมุขแต่ก่อนนี้เลอะเทอะเยอะแยะผู้หญิง โอ้โห..แต่ก่อนนี้เราหลงมันว่าเลิศเลอ แต่เดี๋ยวนี้เห็นแล้วโธ่ เราไปติดไปยึดมันมาได้ แต่เดี๋ยวนี้เราก็ไม่แล้ว ถ้าเราไม่แล้ว เราปล่อยวาง เราไม่ยินดีแล้ว คุณอย่าไปยินร้ายกับคนที่เขาติดอยู่ อันนี้เป็นภาวะซ้อน มันน่าสงสารเขา เราอย่าไปยินร้ายกับเขา ถ้าบอกเขาได้ปรารถนาดีกับเขา ก็บอกเขาบ้าง ช่วยเขาด้วย ไม่ใช่ไปยินร้าย แล้วก็ชิงชังผลักไสกัน..ไม่ใช่ ต้องเข้าใจเขาเห็นใจเขา ต้องรู้ว่าเราเองเราก็เคยเป็นอย่างนั้นมา ตอนนี้นี่เราไม่เป็น ส่วนคนที่ไม่เคยเป็นอย่างนั้นมา ก็จะเข้าใจมันเกินกว่าที่เราเป็นนะ เกินกว่าที่เราเคยเป็นเคยมี เขาทนได้ยังไงนะ น่าสงสารไอ้อย่างนี้ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเราเคยเป็นมาแล้ว เราก็ไปเหยียดหยาม ฉันยังทิ้งมาได้เลยมันก็ไม่ดี ลักษณะของจิต พ่อครูว่า…โสดาบันมันไม่มากไม่มาย ศีล 5 คุณได้สมบูรณ์แบบ ศีล 5 ยังไม่ละเอียดอะไรมากมายหรอก ยังหยาบ คุณก็ไม่เป็นแล้ว หรือเมื่อกี้ก็บอกแล้ว 3 อย่าง อะไรบ้างล่ะ มีจิตยินดี แล้วก็ทำใจในใจได้ แล้วมีผัสสะ อย่างนี้มันเป็น อปัณณกปฏิปทา 3 ปฏิบัติไม่ผิด คุณปฏิบัติมีความยินดี แล้วก็ทำใจในใจ พวกนั่งหลับตา เขาก็ทำใจในใจของเขา เราลืมตาปฏิบัติเป็นสัมมาทิฏฐิให้ได้ โดยมีผัสสะเป็นปัจจัย หลับตาเขาไม่มีผัสสะเป็นปัจจัย มูลสูตรเขาแค่นี้เขาได้แค่ยินดีกับมนสิการ ผัสสะ ไม่มีแล้วพวกหลับตา เพราะฉะนั้นก็โมฆะไปเลย มูลสูตรอีก 8 ข้อ..ไม่มี ผัสสะ เวทนา เมื่อไม่มีผัสสะ เวทนาก็ไม่มี สติสัมปชัญญะ ปัญญาเขาก็อยู่ในภพในชาติหมด เพราะฉะนั้นวิมุติ อมตะ อะไรนี่ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไม่ต้องฝันถึงเลยใช่ไหม อาตมาไม่ได้ไปว่าเขานะ ไม่ได้ไปลงโทษเขานะ น่าสงสารที่เขาเองมิจฉาทิฏฐิ เห็นไหมมิจฉาทิฏฐิ น่าสงสาร สรุปตรงนี้แล้วตีหัวตะปูย้ำ นั่งหลับตานั้น เข้าใจว่ามันมีอานิสงส์ แต่มันไม่ใช่หลักปฏิบัติเพื่อบรรลุอาริยธรรม บรรลุอรหันต์ มันไม่ใช่ มันมีอานิสงส์ช่วยอุปการะ ก็เคยอธิบายแล้ว 1.พักผ่อน 2. ทบทวนธรรม 3. ทำเตวิชโช 4. เอาไปเล่นฤทธิ์เล่นเดช บ้าๆบอๆ อันที่ 4 ทิ้งไปเลย 3 อันแรกเวียนใช้อยู่พักผ่อนทบทวนทำแล้วก็เตวิชโช 3 อย่างนี้หลับตาเป็นอุปการะมาก อาตมาก็ยังใช้อยู่ทุกวันนี้ พัก ทบทวนธรรรม เตวิชโช ทุกวันนี้อาตมาก็ยังใช้ เป็นอุปการะมาก ไม่ใช้เป็นเรื่องเล่นฤทธิ์เดชอะไรต่างๆ ไม่ทำ ไม่ได้ก็ไม่เคยสงสัย เคยมีฤทธิ์เดชพวกนี้ เคยมีเคยเล่น เล่นมานิดหน่อยก็ชัดแล้ว อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แล้ว มันไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย ในเรื่องฤทธิ์เดช ฟื้นขึ้นมาได้บ้างนิดๆหน่อยๆก็รู้แล้วว่า..ไม่ใช่ อาตมาเล่นไสยศาสตร์ 8 ปี กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ มันต้องสะสมพลังงานนะฤทธิ์เดชพวกนี้ พลังงานไม่พร้อมไม่ได้ พลังงานทางจิต แล้วเสื่อมง่ายด้วย ไม่เที่ยง บางครั้งบางคราวก็พลาด เพราะฉะนั้นตายไปด้วยความอวดดีทางฤทธิ์เดชนี้เยอะ ก็ตามตำนานมีว่าฤาษีเหาะได้ เหาะผ่านสระอโนดาตของพระราชา เห็นนางสนมทั้งหลายแหล่โป๊เปลือยกันกามขึ้นก็ตกปุ๊บเลย ทีนี้เดินเหาะไม่ได้เลย ต้องเดินกลับ ใครเคยได้ยินไหมตำนานนี้ มันเป็นจริงมันเป็นเรื่องจริง _ดวงรัตน์ แท่นแก้ว. น้อมกราบพ่อครูที่ให้สัจจะธรรมจนได้เป็นญาติธรรมค่ะ น้อมกราบนักบวชทุกรูปทุกนามทุกฐานะคะ เพราะได้เจอพ่อครูนักบวชที่นี่จึงลดละกิเลสได้เยอะมากๆๆคะ ขออนุโมทนาบุญในกุศลผลบุญของสมณะทุกๆท่านคะ สาธุๆๆๆคะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) พ่อครูว่า… มาเลย มาให้ได้นะ _สู่แดนธรรม… ตั้งแต่ผมได้รู้จักชาวอโศก ครั้งแรกๆ ผม จะชอบรายการที่พ่อท่านตอบปัญหา ชอบเทปที่พ่อท่านตอบปัญหา ทำไมพ่อท่านตอบปัญหาได้เร็วไวแท้ พ่อครูว่า… ใช่ อาตมาเป็นสมณะที่มีปฏิสัมภิทาญาณ ที่แสดงออกมานี้ อาตมาพูดเหมือนคนหน้าไม่อาย..แหมคุยตัวเอง มันเป็นสัจจะมันไม่ได้อาย มันไม่มี มังกุ ไม่ได้เก้อเขิน มันง่ายๆมันเป็นความจริงโดยที่เราไม่มีอะไรต้าน ไม่มีอะไรเป็นเรื่องที่ โต้ต้านอะไรเลย มันไปเต็มที่ สะอาดใจ มันเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นเรื่องที่อาตมาได้นำมาพูดมาบอกจนกระทั่งทุกวันนี้ เขียนหนังสือเกิดมาชาตินี้ สารภาพมุมนี้ไม่รู้คนจะเข้าใจได้แค่ไหน คนอาจจะหาว่าอาตมาแก้ตัวก็ได้ ถ้าอ่านหนังสือเล่มนั้นเสร็จ แต่แท้จริงมันเป็นการเปิดเผยสุดแล้วจำเป็นที่สุดที่อาตมาต้องพูดเช่นนี้ แล้วก็บอกเช่นนี้ แล้วก็อาศัยขยายความที่ละเอียดลึกแถมไป เพราะฉะนั้นใครอ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความลึกละเอียดแถมไป แล้วก็จะบอกสัจจะความจริงว่าอาตมาจำเป็นชาตินี้ ต้องพูดถึงขนาดนี้ ซึ่งเขาถือว่า ผู้ที่สูงหรือผู้ที่ดีแล้วย่อมไม่พูด ย่อมไม่อวดตัวเช่นนี้ แต่อาตมามันต้องอวดตัวเช่นนี้ มันแย้งย้อนแย้งกับสัจจะของโลกที่เขายึดถือผิด ไม่ผิดของเขาหรอกเพราะเขาฐานเขาอย่างนั้น แต่อาตมานั้นเป็นอีกฐานหนึ่ง มันคนละมาตรฐานกัน มันไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน มันก็เลยเข้าใจยาก คุณคนนี้คงเข้าใจอนุโมทนาบุญ คงจะยังเข้าใจคำว่าบุญกับกุศล ผลบุญกับกุศลก็คงจะยังไม่ชัดทีเดียวนะเท่าที่อาตมารู้สึกว่า จากการฟังภาษาแค่นี้ไม่มีข้อมูลมากกว่านี้ ฟังอาตมาสรุปผลจากภาษาแค่นี้ที่คุณพูดพยัญชนะ ว่าอนุโมทนาบุญในกุศลผลบุญ อาตมาคิดว่ายังปนๆกันอยู่นะ กุศลกับบุญ ยังแยกไม่ชัดถ้าคุณชัดเจนจะไม่พูดปนกันอย่างนี้ ถ้าไปพูดอย่างนี้กับคนทั่วไป เขาจะเข้าใจว่าบุญกับกุศลเป็นอันเดียวกัน เมื่อคุณมาพูดกับคนที่เข้าใจแล้วจะเห็นว่าเขาจะเห็นว่าคุณแยกบุญกับกุศลไม่ได้นะนี่ มันจะเป็นอย่างนั้น _Sudavan Tantikul สุดาวรรณ ตันติกุล . ❤❤😊😂ขอน้อมกราบ😢นมัสการเจ้าค่ะพ่อครู/!พอดีtv.คุณแม่เสีย วันนี้ต้องกราบขอลาท่านพ่อครู(จากหน้าจอ!)ค่ะ อยากเอาใจแม่สักนิด!ก่อนจากลากันนานๆ.!!!วันนี้แม่เริ่มพูดคำว่าโพธิรักษ์เข้าแล้..แม่86ใกล้87แล้วค่ะ. สาๅๅธุ้ๆ.ๆ.😊😂❤ พ่อครูว่า…ดีก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่มีอะไรมาก _Udon Kholangklang อุดร ขอล่างกลาง. กราบนมัสการท่านสมณะ สิกขมาตุ เคยได้ยิน ที่แท้คือฉันทะราคะนันทิตัณหาไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในโลก แต่สัตว์ไปหลงพอใจหรือมีฉันทะกับขันธ์ 5 ที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นร่างสรีระใจสัมผัส เพราะไม่เข้าใจกามที่แท้จริง กราบสาธุ พ่อครูว่า…ดีแล้วเริ่มเข้าใจแยกฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหาออก อาตมาก็ยังไม่ได้แยกละเอียด แต่คุณขึ้นถูกแล้ว ฉันทะเป็นคำใหญ่มาก พระพุทธเจ้าจัดไว้เป็นที่ 1 ของมูลสูตรเลย ฉันทะ แม้แต่ในอิทธิบาทก็เป็นอันดับ 1 อยู่ใน สุริยเปยยาล แสงอรุณ 7 ยินดีก็อยู่ในข้อที่ 3 อย่างนี้เป็นต้น อาจจะมีที่อื่นอีกอาตมาก็ยังนึกไม่ออก ตอนนี้ไหวพริบคิดได้แค่นี้ _ศรีนิล คงช่วย . คนออกมาไล่ ตายไปเจ็บอีกเท่าไร สุดท้ายมันกลับมาเสวยสุข โอ อนิจจา พอกลับมายิ่งกว่าราชา การต้อนรับนี้หรือประเทศไทย คนถึงทำชั่วได้ง่ายเพราะแบบนี้ แถมได้รับอภัยโทษอีก คนไทยหัวใจเจ็บปวด พ่อครูว่า…จริง ไปอ่านดูที่คุณศรีนิลเขียนมาจะเห็นตัวละครอยู่ในนี้ ครบ..อาตมาก็ไม่ต้องขยายความอะไรอีกมาก มันเป็นการเกิดอยู่ขณะนี้หลัดๆ หัวใจคนไทยกำลังมีสภาพอยู่อย่างนี้เดี๋ยวนี้ คิดดูเถอะสำหรับผู้ที่ได้ช่วยเอื้ออวยเกื้อกูลผู้ที่ไม่ควรเอื้ออวยเกื้อกูล ฟังให้ออก คุณร่วมบาปไม่ใช่บุญเลยเป็นอันมาก กุศลก็ไม่ใช่ มีแต่บาป ไม่ต้องไปพูดเรื่องกุศล มันไม่ใช่แน่นอน มันเป็นบาป พยายามศึกษาธรรมะให้ดีๆ ยิ่งคุณจะต้องอยู่ในวงการที่ทำงานเหล่านี้ เช่นข้าราชการ เป็นต้น กสิณคืออะไร แล้วกสิณของพุทธคืออะไร _ช่อทิพ หนูทอง . ถ้าสมาธิพุทธต้องลืมตา พระเถระต่างๆที่สอนให้ยึด กสิณ เช่น เพ่งสีต่างๆ จะได้เกิดสมาธิ เรียนถามพ่อครูว่า กสิณที่พระเถระสอนนั้น เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ คะ? พ่อครูว่า…ไม่ใช่ กสิณของพระพุทธเจ้ามีอย่างเดียวคือ เวทนา กสิณแปลว่าอะไร แปลว่าเครื่องเกาะมันก็ไม่เชิง ไม่ได้เกาะของพระพุทธเจ้าไม่ได้เกาะ เวทนาจะเรียกว่าเป็นกสิณก็ไม่เชิง ไม่ได้เกาะแต่เป็นฐาน พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่าฐานคือฐานะในการปฏิบัติ _สู่แดนธรรม… กสิณท่านแปลว่า วัตถุหรือเครื่องหมายสำหรับเพ่งอารมณ์ พ่อครูว่า… เป็นคำอธิบายของพุทธโฆษาจารย์ในวิสุทธิมรรค ตำราที่ศาสนาพุทธทุกวันนี้ยึดถือเป็นคัมภีร์เลย..วิสุทธิมรรค แล้วก็เป็นฐาน พุทธโฆษาจารย์นี่อาตมาก็ไม่เคยอ่านเต็มรูป แต่ผ่าที่ออกมาก็รู้แล้วว่ามันมีที่ผิด ยังมีมิจฉาทิฎฐิอีกหลายประการ แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังเป็นบุญคุณมากเลยที่ธรรมนิยาม 5 มันอยู่ในตำราเล่มนี้แหละที่เขาโพสต์ออกมา แล้วอาตมาก็ได้อันนี้ สัมผัสแล้วอาตมาก็รู้ว่ามีธรรมนิยาม 5 แล้วเขาก็อยู่ในอรรถกถา อยู่ในอรรถกถาแปล เอ๊.. ไม่ใช่ของพุทธโฆษาจารย์ด้วยหรือ มันเป็นอาจาริยวาทแถมเข้าไป อาตมาก็ไม่ใช่นักศึกษาที่เก่งที่ดีที่ทำอย่างกว้างขวาง เพราะอาตมาเกิดมาชาตินี้ไม่ได้เป็นคนที่เป็นฐานะของนักศึกษา มีแต่เป็นฐานะของผู้บอกกล่าว เป็นผู้เอามาประกาศ เอามาอธิบาย ก็เลยมีแต่เวลาที่อธิบาย เอาของเดิมที่มีนี่ก็เหลือพอที่จะอธิบาย ไม่ต้องไปศึกษาจากใครก็เพียงพอ เพียงแต่อาศัยร่วมกับคำที่เขาใช้อาศัยเป็นฐานที่อธิบายได้เพิ่ม เท่านั้นเอง กสิณ สรุปแล้วว่าเป็นฐานเกาะยึดที่เขาพูดกัน มันเป็นเรื่องของพวกนั่งหลับตาเป็นพวกสายสมถะ ไม่ใช่สายวิปัสสนา แต่เขาก็ไปโมเมไปเรียกกันว่า วิปัสสนาด้วย เลอะเทอะไป สรุปอีกทีย้ำหัวตะปูว่า อย่าไปนั่งสะกดจิตเพ่งกสิณ มาศึกษาสัมมาทิฏฐิ จรณะ 15 วิชชา 8 ให้ดีๆ อันนี้เป็นของพระพุทธเจ้าแท้ๆอันโน้นเขาก็ไม่ปฏิเสธ ปฏิเสธไม่ได้ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) _สู่แดนธรรม… ผมตามค้น พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกสิณมีไหมก็ปรากฏว่างมี เรียกว่า เจริญกสิณอายตนะ พ่อครูว่า… ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อายตนะ _สู่แดนธรรม… คือ มีกสิณ อยู่ 10 ข้อในหมวดของอภิภายตนะ 8 ครับ พ่อครูว่า… ไกล ไม่บจำเป็นจะต้องไปนึกถึง แต่มันจะมีปฏิภาณรู้เองในอนาคต สรุปแล้วกสิณนี่ ที่บรรดาผู้ที่สอนกสิณ 40 และกสิณอื่นๆไปสอนให้เพ่ง..เลิกได้ มาศึกษา อปัณณกปฏิปทา 3 ให้ดีๆ ปฏิบัติศีลแล้วก็ อปัณณกปฏิปทา 3 คือ 4 ข้อนี้เป็นฐานหลักการปฏิบัติ ศีล และ อปัณณกปฏิปทา 3 โดยเฉพาะศีลเป็นหัวข้อหลัก แล้วก็ปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 ในศีลแต่ละข้อๆไป ก็จะเกิดผล สัทธรรม 7 ฌาน 4 ก็ขอผ่านตอนนี้ ยังไม่ขยายความ แล้วลืมตาปฏิบัติของพุทธไม่ต้องไปหลับตา ไม่ต้องไปหาสถานที่ ไม่ต้องไปเปลืองเวลาปลีกตัว ปฏิบัติไปทุกเวลาที่มีลมหายใจเข้าออก มีงานการมีทุกอย่าง มีทั้งสังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ ปฏิบัติธรรมตลอดเวลา คิดก็ได้พูดก็ได้ จะทำการงานกัมมันตะ จะทำอาชีพอีก นี่ก็จะขยายความให้ฟังให้ละเอียดๆเตรียมไว้อยู่จะขยายมรรคมีองค์ 8 โพชฌงค์ 7 สัมมาทิฏฐิ 10 ศุกร์ที่ 8 กย 66 จากรายการ พุทธศาสนาตามภูมิภาคทบทวน _สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ . สมณะเทศน์ระบบนิเวศน์ฯเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการเมืองฤาเปล่า?ท่ามกลางข้าอภิสิทธิ์ชน ข้าอำนาจมืด ข้าอิทธิพลเถื่อน คงอยู่ยากขึ้นใต้โลกดาวเทียม ร้อยไซเบอร์ พันโซเซียล ที่สะท้อนสัจธรรม ที่ลับสำหรับทำความชั่วไม่มีในโลก เข้าถึงผู้ทรงอิทธิพลโดยชอบมิชอบ? ผู้มีอำนาจเป็นธรรมมิเป็นธรรม? ไม่พ้นดวงตาอวกาศไทยร้อยดาวเทียมพันล้านดวงส่องทั่วทุกมุมโลก สาธุ ไมค์บังปากสมณะช่วงขณะเทศน์อีกต่างหาก อ่านไม่ได้เลย สมณะหมอแสนดินเทศน์ไว๊ไว มนุษย์หูเทียมอ่านปากไม่ทัน!😂 พ่อครูว่า… ก็คู่กัน สมณะแสนดินกับสมณะดินไทอยู่คู่กัน คนหนึ่งไวหน่อย คนหนึ่งก็ช้าหน่อยเป็นคู่กัน แล้วก็ท่านเดินดินก็เป็นคนกลางๆ ก็ถ่วงดุลกันอยู่ไป ดีนะ เป็นรสชาติ เร็วก็รสชาติหนึ่ง ช้าก็รสชาติหนึ่ง พอดีๆก็รสชาติหนึ่ง อาตมาว่า 3 รสนี้กลมกล่อมแล้ว แต่อาตมาก็ยังไม่อร่อยสักที แหม จะอร่อยขึ้นมาบ้างก็โอย วันนี้ก็กินข้าวต้มยังไม่หมดถ้วยเลย พยายามจะฝืน หมดข้าวสวยไป พยายามกินข้าวต้ม พยายามยังไงก็ไม่หมด จนต้องยอมแพ้ วางอาวุธคือช้อน ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น _ตุ๊ก อัศวิน . สิ่งใดเกิดขึ้น..สิ่งนั้นดีเสมอ..เจ้าค่ะ ขอโอกาสนี้..ขอบคุณ นทช ทักษิณ นิ..ที่เป็นเหตุ..เป็นปัจจัย..ให้เกิดการชุมนุมขับไล่@มัฆวาน!! เกิดกระบวนการ..’ตามหาญาติ’ ที่ได้มา รุ จักชาวอโศกก็เพราะ โครงการตามหาญาติ..นี้แล เจ้าค่ะ พ่อครูว่า…น่าจะใช้ นทชด. นักโทษชายเด็ดขาด สํานวนพยายามเป็นวัยรุ่น อาตมารู้จักตุ๊ก อัศวินอายุ 67 แล้ว อย่ามาทำเป็นวัยรุ่นเลย มาเยอะนะ คนที่มาจากชุมนุมมีเยอะ _สว่างแสง ขวัญดาว. น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ วันศุกร์นี้ลูกได้ทราบข่าวจากปัจฉาสมณะว่า ได้กราบนิมนต์ให้พ่อครูพัก ลูกเกิดความรู้สึกวูบเข้ามา (ภัยความเจ็บป่วยกำลังกล้ำกรายเข้ามาสู่พ่อครูอันเป็นที่พึ่งของลูกๆหนักขึ้นอีกลำดับหนึ่งแล้ว) ลูกหันมามองตัวเองและสอนตัวเองว่า ลูกยังยึดพ่อครูอยู่มาก ลูกจะต้องเร่งละกิเลสให้เป็นที่พึ่งให้หนักขึ้นอีก พ่อครูคะตั้งแต่เข้าพรรษามา ลูกยังพอสู้กับตบะงดขนมหวานได้อยู่ค่ะ ยังเก็บผักไปแจกได้ทุกวันค่ะ แม่ก็เริ่มมาช่วยแจกผักด้วยเป็นบางวันค่ะ แม่เล่าว่าพ่อครูมาเข้าฝัน(พ่อครูว่า…เอาน่าอย่าหัวเราะ ก็พอเป็นไป)ได้สนทนากับพ่อครู “แม่จื่อบ่ดั่ยว่าเว่าหยังกับพ่อครู” พ่อครูคะเป็นไปได้ไหมคะที่พ่อครูมาเข้าฝันแม่ค่ะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ พ่อครูว่า…อาตมาไปเข้าฝันได้หรือ อาตมา คือ มันก็เป็นความระลึก เป็นความสัญญา ความจำมันหวนคิด มันระลึกกันไปมา ก็เลยไปคิดว่ามาเข้าฝันก็คงพอเข้าใจ _ช่อทิพ หนูทอง . แค่..ทราบว่าพ่อครูอาพาธ อิตถีภาวะ ขึ้น เวทนา ขึ้น พยายามสะกดกลั้นแล้ว แต่..น้ำตาก็ไหล..จนได้ .. ขออาราธนาพ่อครู ต่ออายุ ให้ถึง 120 ปี ค่ะ พ่อครูว่า…สาธุอนุโมทนา อาจจะสนองได้หรือ ก็เท่าที่ได้ อาตมามีแต่ Try and Try เท่านั้นเองทุกวันนี้ _ตั้ม ทองวิไล . ขอบคุณผู้มีพระคุณทุกคนได้เข้าไปสัมผัสได้รับการต้อนรับอย่างดีขอบพระคุณมากครับ พ่อครูว่า…ดีมาก มาศึกษา ยินดีต้อนรับ _คำเดื่อง ภาษี . หลักการของอโศกคือ “เราทำให้ดีที่สุด ส่วนผลออกมา จะเป็นอย่างไร? ก็อย่างนั้น ครับ” พ่อครูว่า…โอ้..สวัสดีคุณคำเดื่อง ไม่ค่อยสัมผัสกันเลย ก็ถูกต้องที่แสดงความเข้าใจออกมา ก็ดี ดีแล้ว โอ้โห ไปเลื่องลือทางด้านสวนไม้ _จนแท้ บุญคุ้มมาจน. กราบนมัสการสมณะแห่งราชธานีอโศก ค่ำคืนนี้รับชมจากนครสวรรค์. ภาพเสียงชัดเจนครับ. พ่อครูว่า…ดี รายงานผล _บัวกลางมูล อะเดย์ wow.. ได้ยิน community radio วิทยุชุมชนบัวกลางมูล จากบ้านราช FM.101 เปิดฟังกัน🌈 หูฝาดป่ะเนี่ย!! ใครยุอุบลได้ยินมั้ง ? ว.1 _สู่แดนธรรม… วอ 1 ถามว่าอยู่ที่ไหนให้ตอบด้วย วอ 2 แปลว่า ทราบ _ฟังเพลงธารสวาทและอีกหลายบทเพลง อยากจะ(อายุ)14 อีกครั้ง/LOSO ไม่ทันและ..🥰 กราบแทบเท้าพ่อครูประพันธ์ เพลงขั้นเทพ เทวดา ไม่ใช่นักโทษเด็ดขาด !!! พ่อครูว่า เพลงธารสวาทตอนนี้กำลังบูม กำลังทำออกอากาศอะไรอยู่ ทำได้ดีมากเลย ทั้งผู้อาเร้นจ์ ผู้ร้อง ผู้ช่วยงาน ทำออกมา โอ้โห แม้ที่สุดก็ต้องขอบคุณ เจ้าของสถานที่ คุณวาวา ให้ใช้สถานที่อย่างเต็มใจไม่คิดเงินคิดทอง พวกเราก็ไปทำอย่างชื่นใจ ทำเต็มที่ออกมา ธารสวาท เป็นเพลงที่อาตมาแต่ง จำได้เขารายงานอยู่นะว่า อายุ พ.ศ. 2498 อ๋อ..อายุ 21 แล้วหรือ นึกว่าแต่งตั้งแต่อายุ 17 เพลงนี้ ทำนองของพี่ตุ๋ย ของสง่า ทองธัช อาตมาแต่งเนื้อ พี่ตุ๋ยเขาแต่งทำนองเก่ง เพลงหลายเพลงของพี่ตุ๋ยเอามาใช้อยู่ เช่น ผกาดั่งนารี เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน เป็นทำนองของพี่ตุ๋ยเขา อาตมาเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ชอบเรื่องเพลงการพวกนี้ ก็มา สมัครอยู่ในวงการ ก็มันวิถีชีวิตด้วย ไม่มีที่พักที่อยู่ จำนนแม่ก็ป่วยหนัก ฐานะก็ยอบแยบต้องออกจากหอพัก มาอยู่กรุงเทพฯนี่แม่ให้อยู่หอพักเลยนะ มีสตางค์ ปีเดียวเท่านั้นอยู่หอพัก แม่ทรุดเลยเป็นวัณโรคหนัก แล้วก็ถูกโกง สมบัติหมด มันก็เลยต้องออกจากหอพักมาอิเลเซซัง เป็นเด็กเร่ร่อน แต่อาตมาไม่ทิ้งเรียนหนังสือก็พยายามเรียนหนังสือ ก็พยายามไป ลุงหมอมาเห็นว่า ไอ้นี่มันจะไปกันใหญ่ไม่มีที่พักอะไร ก็จับเข้าไปอยู่วัด ไปฝากเจ้าคุณที่วัดบรมนิวาส อาตมาก็ไปอยู่วัดบรมนิวาส ไปอยู่วัดบรมนิวาสก็ไปเจอเจ้าคุณลำเอียง ลำเอียงกับศิษย์รักท่าน ท่านรักศิษย์รัก แล้วเราก็ต้องทำงานซอกๆทุกอย่างเหน็ดเหนื่อย ศิษย์รักก็นอนฟังวิทยุ วิทยุเขาอยู่ที่นอนเฉย เราก็ทำทุกอย่าง ตักน้ำใส่ตุ่ม เช็ดถูกุฏิต่างๆนานา ออกไปรับบาตรเอาข้าวของมา พอไปรับบาตรมาตั้งปั๊บ เขาจะไอ้นั่นก่อนเลย แทนที่อาตมาจะเป็นคนเลือก เขาเลือกแล้วก็เลือกของเป็นของเขา เขาเรียนโรงเรียนไพศาลศิลป์ อาตมาเรียนศิลป์ดำรง เดินไปไกล โรงเรียนสารสินกับวัดบรมนิวาสอยู่ใกล้กันนิดเดียวเอง ส่วนสีตบุตรนั้นอยู่โน่น ถนนบรรทัดทองก็ต้องเดินไกล บางวันก็เลยกลับมาจัดบาตรถวายอาหารพระด้วย เสร็จแล้วเขาก็เก็บอาหารไว้กินเย็น ให้เราต้องเก็บไข่ต้มมันจะมีเยอะ แล้วก็ฝังไว้ในข้าวสาร ไข่ต้มนี่ฝังไว้ในข้าวสารได้นานนะ บางทีไข่ต้มนี่มันจะเน่าหน่อยๆตุๆอร่อยนะ อาตมาเจอมาแล้ว ไข่ต้มที่มันจะใกล้เน่าเสียนี่มันบูดๆอร่อย อย่าบอกใครนะ แต่บอกไปแล้ว อ้าว เล่าให้สนุกๆ ภาพตอนนี้ที่ออกอาตมาเรียนอยู่เพาะช่าง แต่ตอนที่เล่านั้นอาตมายังอยู่ ม.7 ม.8 อยู่ จบม.6 จากเบญจมฯไปอยู่โรงเรียนเศรษฐบุตร โรงเรียนราษฎร์ ภาพอาตมาอยู่ทางซ้ายอยู่ริมสุด นอกนั้นเพื่อนรุ่นเดียวกันเพื่อนรุ่นเพาะช่าง ตายไปเกือบหมดหรือหมดแล้วก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะไม่เหลือใครเลย หมด เอ๊ สุเทพ ยังอยู่หรือเปล่ายังเหลือสงสัยยังเหลือสุเทพ นอกนั้นนี่ตายหมดแล้ว นี่ดูหน้า อาตมายังหนังเหนียวอยู่คนเดียว อาตมาก็โอ้โห ลำเอียงจนกระทั่งอาตมาทนไม่ไหว ก็เลยพอดีได้มาสมัครร้องเพลงที่พี่ล้วน พี่ล้วนเมียเขาก็หนี ทิ้งลูกน้อยไว้เจาะใจอีก 2 คนไม่มีใครเลี้ยง อาตมาก็ไปคบหากับคุณล้วนพี่ล้วน แกก็ให้เลี้ยงเด็กเลี้ยงน้องเลี้ยงลูก ไม่มีใครทำกับข้าว อาตมาก็ต้องทำ ซักผ้าให้เขา เขาก็ชวนอยู่ อาตมากำลังไม่มีที่ออกจากวัดนี้ไปเลย ไม่เอาแล้วเจ้าคุณลำเอียงขนาดหนักเพียงนี้ ก็ออกมา ไม่ชอบความลำเอียงก็หนีมาอยู่กับพี่ล้วน แล้วเราก็ชอบด้วย ก็ตั้งใจจะมาเป็นนักร้องว่างั้นเถอะ แกก็ไม่ได้ให้ร้อง แกก็ไม่สนับสนุนอะไรเลย แกก็ให้เป็นแม่บ้าน ทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้านไปนั่นมานี่ แม้แต่ขายหนังสือให้แก หนังสือแกก็ทำขาย ก็ขี่จักรยานไปเร่ขายให้ หนังสือก.ไก่ ข.ไข่ ข.ขวด ค.ควาย ค.คน เล่มละบาท แต่ก่อนขายเล่มละบาท ประวัติยาวเยอะเล่ายาว เขาว่าคนเล่าเรื่องเก่านี่คนแก่ ก็สรุปแล้วก็อยู่ในวงการอยู่กับพี่ล้วนก็รู้จักพี่ตุ๋ย รู้จักใครต่อใคร พี่ไศล ไกรเลิศ อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว นี่เพลงธารสวาทก็มีประวัติมีเกร็ดเยอะที่จะเล่า เล่าสนุก อาตมาก็เล่าได้สนุก ผ่านอายุ 90 มาแล้วนะ พวกนั้นผ่านมาตั้ง 60 กว่าปีไม่น้อย เรื่องเกร็ดพวกนี้มันก็ผ่านไป แม้แต่เรื่องเกร็ดของโทรทัศน์ เริ่มๆแรกๆ เพราะว่าอาตมาอยู่ในโทรทัศน์รุ่นแรกของประเทศไทย โทรทัศน์ช่อง 4 รุ่นแรกของประเทศไทย โทรทัศน์เมืองไทยเกิดเมื่อ พ.ศ. 2498 โทรทัศน์เมืองไทยขาวดำ โทรทัศน์ตั้งไม่กี่เดือนวันที่ 24 มิถุนายน 2498 เป็นวันเปิดสถานีโทรทัศน์ อาตมาก็เริ่มไปทำงานเดือนธันวาคม 2498 ยังเรียนหนังสืออยู่ ที่โรงเรียนเพาะช่าง อาตมาเข้าโรงเรียนเพาะช่าง 2496 ตอนนั้น 2498 กำลังเรียนอยู่ปี 3 อาจารย์สมจิตร สิทธิชัย ไปตามหาคนจะให้ไปทำรายการเด็ก ก็ไปชมรมดรุณสารน์ของอาจารย์นิลวรรณ ปิ่นทอง ก็ไปพบน้องแดงก็ชอบใจน้องแดง นิภา ธรรมปรีชา เขาจะให้เป็นโฆษกเป็น mc ของรายการ ทีนี้ นิภา เขาศรัทธาอาตมา เขาอยู่ในชมรมเขาก็ยังไม่มั่นใจในการไปจัดรายการ ก็ยังเด็กๆอยู่ เขาก็มีข้อแม้ว่าถ้าจะเอาเขามาจะต้องเอาพี่รักไปด้วย อาตมาตอนนั้นใช้นามแฝงว่า รัก พงษ์มงคล นั้นก็ยังชื่อแท้ๆกับมงคล แต่อาตมา shut in ใช้ชื่อเล่นว่า แป๊ก อย่างพี่ล้วนพี่ไหล สุเทพ วงศ์คำแหงเขาไม่รู้จักแต่อาตมาว่าชื่อแป๊ก ไม่รู้จักชื่อจริงหรอ มารู้จักเมื่ออาตมาเข้าวงการโทรทัศน์เป็นชื่อว่า รัก รักพงษ์ จะมาเปลี่ยนชื่อแล้ว จะมาใช้นามปากกาว่า รัก พงษ์มงคล มาพักใหญ่ ไปในชมรมนี้ก็ไปในนามของ รัก พงษ์มงคล ชื่อมงคลแล้วก็เลยตั้งนามปากกาว่า รัก พงษ์มงคล พออาจารย์สมจิตรเอาน้องแดง น้องแดงก็มีเงื่อนไขว่าต้องเอาอาตมามาด้วย อาจารย์สมจิตรก็ต้องยอม เสร็จแล้วก็คุยกันมาทำรายการยังไงยังไง ก็เลยว่าถามปัญหาเด็กๆที่อายุสัก 7-15 ขวบ อาตมาก็ออกความเห็น เขาก็ว่าดี ตั้งชื่อ อาตมาก็คิดให้ว่ารายการ “คนเก่งรุ่นจิ๋ว” เป็นรายการเด็กรายการแรกของเมืองไทยที่ออกโทรทัศน์รายการคนเก่งรุ่นจิ๋ว ก็จัดการทำกัน มาเริ่มทำกัน ตั้งแต่นั่นแหละตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ก็เริ่มออกอากาศ พ.ศ. 2498 ตั้งแต่นั้นมา ในภาพที่ออกมาเป็นรายการอื่นๆอีกเป็นรายการเด็กแตกหน่อต่อเนื่องออกไปอีกเยอะ ภาพนี้เป็นรายการคนเก่งรุ่นจิ๋วถามปัญหา ที่ยืนอยู่ก็คือพี่อุ๊ แก่กว่าอาตมา 2 ปีคนนี้ หม่อมราชวงศ์พิศวาส นาควานิช แม่ของ ผบ.ทบ. พลเอกอะไร 2 คน ก็ทำงานด้วยกันมา แกเป็นบก.หนังสือแม่บ้านของหนังสือโทรทัศน์ อาตมาก็ช่วยทำในกองบรรณาธิการ ทำเรื่องถ่ายรูปอยู่ในนั้น ยังไม่รู้ว่าเสียหรือยังหม่อมราชวงศ์พิศวาส นาควานิช อาตมาก็เรียกพี่ เขาแก่กว่าอาตมา 2 ปี ที่มาทำนี่มาเป็น mc แทนน้องแดง เพราะน้องแดงป่วย ไม่สบายออกไม่ได้ แล้วอาตมาก็ช่วยอยู่ในรายการนี้แหละ อาจารย์สมจิตรก็ยังไม่ให้อาตมาเป็น mc ให้พี่อุ๊มาแทน พี่อุ๊ก็มาแทนได้ครั้งหนึ่ง เพราะครั้งที่ 2 ก็ไม่เอามาแทน อาจารย์สมจิตรก็ต้องจำนนให้อาตมาทำคนเดียวเลย วันแมนโชว์เลย ไม่มีผู้ช่วย ทำเองหมด จัดการถามไถ่ แจกรางวัลเด็ก อาตมาก็ทำคนเดียว พอทำเข้าเท่านั้นคนเดียว ข้าวของ ส่งอะไรต่ออะไรมันก็มีชีวิตชีวา หนังสือพิมพ์ก็ชม คอลัมน์ที่เขียนรายการบันเทิงก็ชม เป็นหนังสือของค่ายจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ชมใหญ่ โอ้โห ทีนี้ อาตมาได้รับคำชมเขาก็ยอมจำนนอาตมา อาตมาก็เลยกลายเป็นโต้โผใหญ่เลย ทำงานขยายไปอีกไม่รู้กี่รายการ อาตมาเป็นคนที่ออกรายการโทรทัศน์มากที่สุดกว่าใครๆ เพราะรายการซอย เป็นรายการเด็ก รายการวิชาการ รายการสัมภาษณ์ รายการอะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ อาตมาทำ คือขยัน อาตมาขยัน นี่ไม่ได้พูดชมตัวเองพูดตามจริง ทำแล้วมันก็ทำได้ก็เลยมีรายการ แต่ราคาค่าตัวอาตมาต่ำกว่าเขาเพื่อน ตั้งแต่ต้นจนออกจากโทรทัศน์ 12 ปี ราคาค่าตัวอาตมาต่ำกว่าเขามาตลอด 80 บาทต่ำสุด สูงสุดของอาตมา นานๆจะได้ 120 สักที สูงไปก็ได้ร้อย ประมาณ 80-100 120 เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไป ทำเยอะ แต่อาตมารวมแล้วได้มากกว่าพวกดารา พวกดาราสู้รายได้อาตมาไม่ได้ อาตมาขี่รถติดแอร์คนแรก ไม่ใช่คนแรกของสถานีโทรทัศน์หรอก แต่เป็นรถติดแอร์คันแรกของประเทศไทย ขี่รถ corsair เป็นรถ Demonstrate เขาเอามา ยังไม่มีแอร์นะเป็นรถ Demonstrate Ford Corsair อาตมาไปเห็นเข้าก็ชอบ ให้รถ Demonstrate จะต้องเป็นรถดี อาตมาว่าเอาคันนี้ เสร็จแล้วเขาก็มีแอร์เขาก็บอกว่าเอาแอร์ใหม่ มันยังไม่ได้ติดมานะยังไม่ Practical มันอยู่ต่างหาก แต่มันมีแล้วแอร์ติดรถยนต์ ค่าสมัครก็ว่าเอา เขาก็ประกอบใส่เป็นรถติดแอร์คันแรก ไดนาโมมันก็ยังเก่า ไม่ได้ Apply มันก็ไม่ค่อยพอ มาจึงต้องไปเข็นหลังตลาดอยู่บ่อย แต่ได้ชื่อว่าเป็นคนขี่รถติดแอร์คันแรกของเมืองไทย ไม่ได้ถ่ายภาพไปเลย ตอนทำงานอาตมาก็ใช้รถฟุ่มเฟือยอยู่บางทีชื้อรถdemonstrate 2 คัน 3 คัน มาพูดถึงเรื่องเพลง อาตมานี่ดัง ก็อาศัยมันเป็นกุศลของอาตมาก็ได้ อย่างพี่ตุ๋ยเขาแต่งทำนองเพลงไว้เยอะ อาตมาก็แต่งเนื้อของเขาหลายเพลง อย่างที่ผู้กล่าวถึงเพลงธารสวาท ก่อนสิ้นแสงตะวัน ผกาดังนารี มีอีก เพลงค่ำแล้ว หลายอันอยู่ ก็เอามาใช้ แต่ที่จริงลิขสิทธิ์ของเพลงพวกนี้ของพี่ตุ๋ยนี่นะ บูรพาลูกชายเขา เขาเอามามอบให้อาตมาหมดแล้ว จริงๆไม่ใช่มอบหรอกขาย อาตมาก็สงสารให้เงินเขาไปก้อนใหญ่ ก็เหมามาหมด เพราะฉะนั้นเพลงพี่ตุ๋ยทั้งหมดซื้อลิขสิทธิ์เป็นของอาตมาหมด ทำนองนะ ทั้งหมด เขามีลูกชายคนเดียว เอามาให้อาตมา ซึ่งไม่มีใครซื้อแต่อาตมาก็เลยซื้อ อาตมาก็สงสารเขา เพราะอาตมานึกถึงบุญคุณพี่ตุ๋ย อาตมาไม่มีก็ไปขอเขาตอนเรียนหนังสืออยู่ ก็ไปขอเงินเขานั่นแหละมา ก็เลยได้ เพลงนี้ยังมีเกร็ดต่างๆนานา อย่างเพลง ก่อนสิ้นแสงตะวัน อัดแผ่นเสียงตั้งแต่อาตมาก็ยังเรียน ม.7 ถึงม.8 อยู่ ยังนุ่งกางเกงขาสั้นไปซื้อโอเลี้ยงให้เขา สวลี ผกาพันธ์เขาก็รู้ เขาก็เห็นว่าซื้อโอเลี้ยงให้เขาอยู่ ตอนที่อัดเสียงกัน เขากำลังท้องลูกชายคนแรก(นายใหญ่)ท้องโต ก็ร้องเพลงอัดเป็นเสียงกัน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพลงอาตมา เขานึกว่าเป็นเพลงพี่ตุ๋ยคนเดียว ของ สง่า ทองธัช เขาเล่นเปียโนเป็น Arranger ด้วย ไม่รู้จนกระทั่งมาพบกันที่ทีวีแล้ว อาตมาก็เรียกคุณสวลีว่าพี่เชอรี่ เพราะเขาแก่กว่าจะมา 2 ปี สวลี เป็นนาม เขา เล่นละครชื่อสวลี ผกาพันธ์ เขาชื่อเชอรี่ นามสกุลเศวตนันท์ นามสกุลสามีเขา มาเจอกันแล้ว ก็มาบอกว่า เพลงนี่ เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน พูดถึงเรื่องเพลงนี้อาตมาก็เลยบอกว่าผมแต่งเอง เขาก็งงๆไม่ค่อยเชื่อ เพราะอาตมาตอนนั้นยังไม่ได้ดังทางด้านเพลง ทำงานอยู่ทีวี เพลงยังไม่ดังยังไม่ขึ้น ยังไม่มีใครรู้จักว่าอาตมาเป็นผู้แต่ง รู้กันแต่ในวงในเล็กๆน้อยๆ อาตมาก็ยังไม่รู้ว่า เขาเชื่อหรือไม่เชื่อจนป่านนี้ เขาก็ตายไปแล้ว ว่าอาตมาเป็นผู้แต่งไม่รู้เขาเชื่อหรือไม่เชื่อไม่รู้เลย เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน นี่ก็เล่าไปเวลาก็จะหมดแล้ว ก็แถมมาให้ตามที่ยืนยันยังเหลืออีก 14 นาที _นาง จับใจ ธนะโภค กราบนมัสการท่านสมณะเดินดิน ท่านสมณะดินไท ท่านสมณะแสนดิน ด้วยความเคารพอย่างสูง วันนี้ฟังธรรมได้ประโยชน์ตรงที่เหมือนกับมา”ดับเบิ้ลเช็คกิเลส”ให้เห็นหน้ากิเลสมากยิ่งขึ้น (เตือนความประมาท) ค่ะ พ่อครูว่า…ดี ติดตามฟังก็ได้ประโยชน์ดี อย่างนี้ล่ะ วันที่เสาร์ 9 กย 66 จากรายการมองโลกมองธรรม _เพียรผ่องพุทธ กล้าจน . กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูง นมัสการสมณะด้วยความเคารพทุกท่านค่ะ วันนี้ได้ฟังเพลง ที่สันติอโศก ภาษาเพลงหวนคิดถึงอดีตตนเอง มีเหตุการณ์บางอย่างเหมือนเคยเกิดขึ้นในชีวิตจริง ขณะที่จิตกำลังคล้อยตามเนื้อเพลงและเสียงดนตรี และบรรยากาศ แว๊บหนึ่งที่เกิดผัสสะ ก็มีสติรู้เท่าทัน ว่าเราก็เคยเป็นเช่นนี้มานี้เอง ทุกข์หนอ เรื่องความรัก สุขหนอ เรื่องความรัก แต่ก็ไม่มีอะไรเที่ยง มีสุขมีทุกข์ วนไปวนมาอยู่แบบนี้ในโลกีย์ก็ไม่พ้นทุกข์อยู่ดี ปัจจุบันได้หลุดพ้นจากโลกีย์มาปฏิบัติตาม อ.หมอเขียว และตามพ่อครู ก็เห็นการเปลี่ยนแปลง ได้ฟังเพลงที่ พ่อครูแต่งก็รู้สึกเฉยๆ ในภาษาเพลง แต่ก็มีความยินดี ถึงดนตรี และท่าทางของนักร้องและการเคลื่อนไหวที่สื่ออารมณ์ความรู้สึกที่มี พลังเสียง อันไพเราะ ก็รู้ตามความเป็นจริง ถึงสภาวะของภาษาพูดที่คนใช้มีความสำคัญ ในการสื่อสาร เพื่อตนเองและให้ผู้อื่นเข้าใจ และภาษาพูดนี่เองที่สื่อให้ภายในใจ ชำระกิเลสเราบริสุทธิ์แจ่มใส ไม่หลงติดในสุขในทุกข์ที่ต้องเผชิญ และยินดีที่ได้ฟังเพลงของพ่อครู ซึ่งมีการแต่งที่เข้าใจอารมณ์ความเป็นจริงของมนุษย์ที่ต้องการสื่อถึงกันทั้งนอกใจและในใจค่ะ พ่อครูว่า…ตอนนี้ก็มีผู้เข้าใจมากขึ้นในเรื่องเพลงซึ่งเป็นเพลงโลกุตระสื่อความกระเถิบสูงขึ้นไป โดยยังอยู่ในกระบวนการของ ทั้งศิลปะดนตรีทั้งนั้น มีทั้งสุ้มเสียงสำเนียงจังหวะองค์ประกอบที่มันเข้ามาแล้วก็มีนักร้อง แล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังจะมีผู้เข้าใจเพิ่มขึ้น คือพวกเราเป็นคนจน ในวงการเพลงนี้เขาเป็นวงการระดับสูงราคาแพง เข้าใจนะ ในวงการเพลงระดับสูงจะราคาแพง แต่เราก็ไปกระทบไหล่ดาราเขา แล้วเขาก็ยอมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้ออวยพวกเราบ้าง ก็ขอบคุณพวกเขาอย่างยิ่งเลย ในวงการอย่างคุณหนึ่ง จักรวาล อย่างนี้เป็นต้น เขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าในยุคนี้ แต่ก่อนนี้ก็มีแนวหน้า แต่มันไม่เฟื่องเท่ายุคนี้ ในยุคนี้มันกว้างกว่า แล้วเขาก็ดัง เพราะพวกเรานี่ ทำนองเมโลดี้อะไรต่างๆ มันจะไม่สมัยใหม่ใช่ไหม แต่เขาก็มา Apply พยายามที่จะให้มันมีสมัยใหม่ มีสภาพสมัยใหม่เข้าไปปรุงร่วม ประกอบขึ้นมาให้มันดูดี อันนี้ก็เป็นความสามารถเป็นความเก่งของคนที่เขาทำ อย่างคุณหนึ่ง จักรวาล ตัวอย่างง่ายๆ เขาเอาไวโอลินที่มาสีให้ดูคลาสสิค ประกอบขึ้นทำ introduction ประกอบเสียงประสานอะไรอย่างนี้เป็นต้น หลายๆอย่าง ปรุงแต่ง สรุปแล้วก็คือเป็นการ compose ขึ้นมา ประกอบการขึ้นมาก็ได้สภาพต่างๆที่มันออกมา เสนอต่อสังคม วัยรุ่นวัยกลางวัยอะไรก็ได้พอสมควร พวก Hard Rock อะไรก็ช่างเขาเถอะ แต่พวกที่สามารถรับได้ก็จะมา อาตมาไม่ได้แต่งเพลงเร็วไว้เยอะ แต่งเพลงเร็วไว้น้อย ส่วนมากมีแต่เพลงช้าพวกนี้ อยู่ประมาณกลางๆ ก็เห็นว่ามันจะเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่จะจูงนำเข้าไปหาให้คนเข้ามา เป็นเครื่องจูงนำเข้ามาหาเนื้อหาสาระของธรรมะได้ เพราะอาตมาเจตนาทำ แล้วก็มีคนเข้าใจได้ แล้วอาตมาก็ต้องค่อยๆอธิบายไปด้วย บางทีภาษากวีของอาตมามันเป็นภาษากวีมากๆ จนกระทั่งต้องแปลความ ในพวกเราเองก็ยังยาก แปลความ ก็ค่อยๆทำ ค่อยๆแปลไป ก็ใช้พวกนี้แหละจูงนำ เราจะไปใช้เป็นโลกๆไปทีเดียวมันก็คงไม่คือ คงไม่เข้าท่า ก็ใช้ทางศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดม คือหมายความว่าศิลปะเป็นมงคลอันอุดม หมายความว่า ศิลปะนี้จะต้องนำพาไปสู่ อุตมะหรืออุตระ สู่โลกุตระ ไปสู่ความลดกิเลส เข้าเนื้อหา ศิลปะต้องพาให้ลดกิเลส อาตมาเคยนิยาม ศิลปะต้องกิเลสลดถึงจะเรียกศิลปะ ถ้ากิเลสไม่ลดไม่ใช่ศิลปะ เช่น คุณเขียนรูปนู้ด ปั้นก็ตามเขียนก็ตาม รูปนู้ดคนสัมผัสรูป นู้ดแล้วกิเลสลดอย่างนี้เป็นศิลปะ แต่คนสัมผัสรูปนู้ดที่คุณเขียนก็ตามคุณปั้นก็ตามกิเลสขึ้น ไอ้อย่างนี้มันเป็นอนาจาร ไม่ใช่ศิลปะ นี่เป็นเครื่องตัดสินง่ายๆ เพราะฉะนั้นสัมผัสงานนี้แล้วกิเลสลดลงไปอย่างนี้เป็นศิลปะ ถ้ายิ่งไปติดเข้าไปเลยนะ โอ้โห.. ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ติดเข้าไปเลยอันนั้นเป็นอนาจาร เพราะฉะนั้นศิลปะเขาจึงพยายาม ล้ม รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (โผฏฐัพพะ) เป็น Abstract อย่าง Picasso นี่ เขียนรูปนู้ดบางรูปของเขาดูแล้วอ้วกเลย เป็นแบบคิวบิสซึ่ม ดูแล้วอ้วกแตกเลย ดูแล้วไม่เกิดกิเลสอะไร บางรูปดูแล้วกิเลสขึ้น บางรูปดูแล้วกิเลสลดอะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็ค่อยๆศึกษาไป เรื่องศิลปะที่เป็นโลกุตระนี้ยังมีอีกเยอะทีเดียวที่จะเข้าใจ _หลวงพ่อซันเต๋อ ข้าวมีคุณ…ยังมีอีกคนที่น่ายกย่องในเรื่องทำผิด..น่านำมาเปรียบเทียบ กับกรณี คุณทักษิณที่ไม่ยอมรับผิด…. ไม่เหมือนกับคุณ เปรมชัย คดีเสือดำ ที่น่าสาธุ…แสดงความชื่นชมคุณเปรมชัยฯ. ถึงแม้มีความผิด เชื่อว่าเป็นความผิดที่คาดคิดไม่ถึง แต่เมื่อมีกฏหมายเป็นความผิด และยินยอมรับโทษตามนั้น จนพ้นโทษนั้นออกมาได้ ถือว่าคุณเปรมชัย ได้ชำระจิตโทษนั้นให้สะอาดดีแล้วนะครับ จึงไม่มีมลทินอีกต่อไป…สาธุ ชื่นชม ทำดีแล้วนั่นเองฯ…. เรื่องของคุณ เปรมชัย นี่ถ้านำมาเปรียบกับนักโทษ เทวดา โกงกินบ้านเมือง ทำความเสียหาย เผาบ้านเผาเมือง แถมยังมีน้องสาวที่โกงการจำนำข้าวอีก… พ่อครูว่า…อาตมาไม่ต้องไปกระหน่ำซ้ำเติมเขา ก็มีผู้ที่กระหน่ำซ้ำเติมให้เขารู้ตัว แต่เขาก็คงสำนึกยาก เพราะว่าเขาไกลความมีธรรมะมากที่สุดเลย เขาอยู่ในโลกของอาชญากรอาชญากรรม จมอยู่แล้วเขาก็ได้เปรียบ แล้วเขาก็นึกว่าอันนั้นเป็นคุณค่า แล้วเขาก็ยังหลงฟ่องอยู่อย่างนั้น อันนี้มันช่วยยาก อาตมาก็ไม่กล้าที่จะไปอาจเอื้อม ที่จะไปรู้สึกว่าไปช่วยเขาหน่อย ไม่บังอาจจริงๆ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีน้ำยาพอ แล้วเขาคงไม่สัททงศรัทธาอาตมาสักนิดหรอก เพราะว่าเขาคงไม่รู้ว่า อาตมาเป็นใครอาตมาจะมีความรู้ทางธรรมขนาดไหน อาตมาเชื่อว่าเขาไม่เข้าใจเขาไม่รู้เรื่อง เหมือนกับคนที่ไม่เข้าใจอาตมา แต่ทักษิณน่าจะไม่เข้าใจเยอะกว่าคนอื่นๆ เพราะมันคนละ คนละภูมิ คนละขั้น คนละชั้น คนละถิ่น คนละรสนิยม อันนี้เป็นภาพเก่า เหมือนเป็นลาง ที่อาตมามอบเรือให้เขา แล้วเขาก็เลยต้องล่องเรือไปไกล 17 ปี กับอีกอันหนึ่งที่อาตมามอบให้เขาอันนั้นเขาไม่ได้ถ่ายภาพไว้ อันนี้ที่บ้านราช อีกอันหนึ่งก็คือมอบกลด แบบ Moving House มีภาพมอบที่นอนที่เป็น Moving House เหมือนกับเป็นลางว่าเขาจะต้องถูกเรือถูกพายุซัดเซออกไปไกล เสร็จแล้วเขาก็จะต้องได้ที่พักเคลื่อนที่ แล้วมันก็พักไม่ได้เพราะล่องเรือไปไกลในทะเล แต่กลดมันต้องอยู่ในแผ่นดิน มันก็เลยว่าคุณได้ 2 อันไปนี่คุณก็ไม่ได้เรื่องอะไร คุณไม่ได้อาศัยมันเลย มันซ้อนๆลึกซึ้งอยู่ยังไงก็ไม่รู้ ที่อาตมาได้ให้เขาไป อันนี้เป็นนิมิตเป็นรูปธรรมชนิดหนึ่ง ที่เกิดระหว่างคุณทักษิณกับอาตมา มีตำนานร่วมกัน ซึ่งเห็นแล้วก็เออนะ เราก็ยังไปเกี่ยวไปข้องกับคุณทักษิณ เอา ก็ดูกันไป ว่ากันไป เรื่องของคุณ เปรมชัย นี่ถ้านำมาเปรียบกับนักโทษ เทวดา โกงกินบ้านเมือง ทำความเสียหาย เผาบ้านเผาเมือง แถมยังมีน้องสาวที่โกงการจำนำข้าวอีก… พ่อครูว่า… อาตมาเชื่อว่าเขากำลังหาทางอยู่ ให้น้องสาวเขากลับมาเมืองไทย น้องสาวก็ยังเร่ร่อนอยู่ แต่เขามีเงินทองมาก ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เขามีเงินทองมากพอที่จะใช้เงินเป็นอำนาจในการเป็นอยู่อะไรได้ทั้งนั้นแหละ แต่ถึงแม้มีเงินยังไงคนเรานะ มันโดดเดี่ยวว้าเหว่มันไม่อบอุ่น มันไม่เหมือนหรอก ยังไงๆมันก็ไม่เหมือนคนเราน่ะ ก็เอาแล้วแต่วิถีกรรมวิบากของใครของมันเป็นไป นี่คือเป็นตัวอย่าง เป็นตัวอย่าง ของบุพเพสันนิวาส เป็นตัวอย่างของละครของโลก เป็นเรื่องราวที่เอามาทำละคร ทำหนังกันอยู่เยอะแยะ ละครบุพเพสันนิวาสนี่ต่างๆนานา เราก็ดูไป ทักษิณนี่เขามีสิ่งที่เป็นกิเลสชัดอยู่อย่างหนึ่ง แล้วมองดูว่าเหมือนเป็นความดี เป็นกิเลสชัดอยู่อย่างหนึ่ง คือเขารักเผ่าพันธุ์เขา มันมองดูว่าเป็นความดี แต่มันเป็นความเห็นแก่เผ่าพันธุ์ ความเห็นแก่ตัว ในกรอบๆหนึ่ง ซึ่งในความรัก 10 มิติอาตมาแยกไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ความรักคนคู่ ในโลกนี้มี 2 คนเท่านั้น กว้างออกมีก็มีลูกเต้า นี่เขาอยู่ในกรอบนี้ ลูกเต้า อาตมาไม่คิดว่าทักษิณจะรักคนที่นอกกรอบของความเป็นลูกเต้า และหลานแท้ๆของเขา เป็นวงศาคณาญาติต่อไปเป็นมิติที่ 3 ที่ 4 อาตมาไม่เชื่อว่าเขาจะออกไปได้ถึงมิติที่ 4 ในความรักของเขา อาตมามองดูสภาวะที่เขามีความรักที่อยู่ในกรอบของความรักมิติเป็นความเห็นแก่ตัวกรอบที่ 3 ของอันที่ 1 อันที่ 2 อันที่ 3 เป็นหลานเป็นเครือญาติ นอกจากสายเลือดเครือญาติพวกนี้ออกมาข้างนอก ที่เกินกว่าหลานมาแล้ว อาตมาไม่เชื่อว่าเขาจะมีความรักให้ เขาอายุ 70 เท่าไหร่แล้ว 74 ปี ถ้าหลานต่อไปอายุ 20 เขาก็ต้อง 94 อย่างน้อยอายุ 94 จะมีเหลนอีก นี่คือเขารักครอบครัวเขารักสายเลือด อันนี้จะมองเป็นความดีก็ได้เป็นความรักมิติหนึ่งของความดี แต่ที่จริงมองให้เห็นสภาพ 2 มันรักตีกรอบเฉพาะอันนี้ อันอื่นไม่กว้างเกื้อ ต้องไปศึกษาความรัก 10 มิติให้ดีๆ จบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin11 กันยายน 2023 Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:660906 พ่อครูลากรูปขันธ์ต่อมา ให้ลูกๆเกิดปัญญากำจัดมารผู้มีบาป พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศกNextNext post:660913 ฌานวิสัย คืออจินไตย 4 ที่พ่อครูมีในตน พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศกRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024