660915 ทิฏฐธรรมนิพพานที่สัมมาจึงจะพาบรรลุ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1rE-pXex8-aui8L06678frb_WHkZFqBBy/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1N7j3QmulMMNrhbXYUgxvBnzsRxzfTPcS/view?usp=sharing
และ
ดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/100078722032092/videos/623726763277835
และ
มีซับ
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้พูดถึงชาวอุบลราชธานีก็จะกังวลกันเรื่องน้ำท่วม ก็ไม่ต้องกังวลหรอกท่วมแน่ๆ แต่ชาวไทยเราก็เป็นห่วงเรื่องเงินดิจิตอลของรัฐบาลที่จะแจก ออกมาแล้วเศรษฐกิจจะตกต่ำ เป็นการใช้เงินดิจิตอลของพรรคเพื่อไทยโดยตรง เป็นปัญหาซับซ้อนมากมาย ใช้เงินเป็น 5 แสนล้าน เขาเป็นห่วงว่าจะล่มจมเหมือนจำนำข้าว
และยังจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ทำให้เห็นว่านักการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยที่ถูกตรงจริงไหม
คุณทักษิณน่าสงสารที่ยังโง่ไม่ยอมแพ้
พ่อครูว่า… มันแก้ปัญหาไม่ได้หรอกถ้าเผื่อว่าความจริง มันไม่เป็นสัจจะ ความจริงมันไม่ซื่อสัตย์ มันแก้ไม่ได้
ที่ไปโทษทหารมาบริหารเป็นเผด็จการ ประชาชนเต็มขั้นมา บริหาร จึงจะเป็นประชาธิปไตย จึงจะบริสุทธิ์สะอาดซื่อสัตย์ คุณรับรองได้ไงว่าทหารที่มาบริหาร กับประชาชนมาบริหารนั้นไม่ซื่อสัตย์เท่ากัน ทหารก็ซื่อสัตย์ได้ ประชาชนเต็มขั้นก็ซื่อสัตย์ได้ มันอยู่ที่คน ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นทหาร ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นประชาชนเท่านั้น
ทหารก็ประชาชน ประชาชนก็ประชาชน เพราะฉะนั้นความหมายที่ตรงนั้นไม่ได้อยู่ที่การเป็นทหาร ไปนิยามไปกำหนดว่าถ้าเป็นทหารบริหารนั้นไม่ดี ถ้าประชาชนไปบริหารนั้นจึงจะดี มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ประชาชนบริหารถึงจะดี ก็ไปติดยึดอยู่แค่คำว่า ประชาธิปไตยคือประชาชน แต่ที่จริงทหารก็คือประชาชน มันไม่ได้อยู่ที่ว่าประชาชน คำว่าประชาชน คุณก็ไปกำหนดคำว่าประชาชนมาหลอกคน ทหารก็คือประชาชน ประชาชนก็คือประชาชน ไม่ใช่ไปบอกว่าประชาชนถึงจะเป็นประชาชน ทหารไม่ใช่ประชาชน ก็โง่ต่อไปละกัน
มันอยู่ที่ว่าผู้ที่บริหารนั้นได้ตำแหน่งหน้าที่ทำงานจะเป็นคนซื่อสัตย์บริสุทธิ์ เป็นคนมีสมรรถนะ เป็นคนมีความสามารถ ไม่มีตัวตน ไม่ได้มีกิเลส และทำเพื่อประชาชนจริงๆ มันอยู่ที่ตรงนี้ พิสูจน์ยืนยันกัน
พูดมาตรงนี้แล้วจะเห็นชัดเจนว่า ทักษิณกับพลเอกประยุทธ์นี่ ต้องพูดให้เต็มขั้น นักโทษชายเด็ดขาดทักษิณ กับพลเอกประยุทธ์ มันชัดๆเจนๆอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังเห็นพฤติกรรมของเขาอยู่เลย ยังไม่ยอมเลย ทุกวันนี้ก็ยังลับๆล่อๆลึกๆลับๆ ทำเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ทำเป็นเล่นไปนะ ขณะนี้ที่เขาทำนี่ มันมีนัยยะสำคัญ มีเชิงของการขัดพระบรมราชโองการหรือเปล่า ขณะนี้เขาประพฤติอยู่นี่
คือจริงๆตรงๆเขาต้องติดคุก 1 ปีตามพระบรมราชโองการ เขาทำอยู่หรือเปล่า เขาทำหรือยัง หรือเขาก็ทำพฤติกรรมไปแค่นั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องไปกล้อนผม ต้องเข้าคุก แล้วคนที่อนุโลมยอมยืดหยุ่นหย่อนยานไปตามความต้องการของทักษิณนั่นแหละ ระวังไว้เถอะ มาตรา 157 ก็ดี นายตั้มก็ยังไม่ยอมอยู่ตอนนี้ทนายตั้ม และก็เดี๋ยวก็จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าอาตมาไบแอสทักษิณ อาตมาไม่ได้ไบแอสกับทักษิณหรอก อาตมาก็ยังเห็นว่าทักษิณยังเป็นผู้ที่น่าสงสารคนหนึ่ง แต่พฤติกรรมนั้นต้องทักท้วง อาตมามีหน้าที่จะต้องทักท้วงให้เขาทำดี
ถ้าทักษิณ ได้ยินแล้ว อาจจะบอกว่าพูดทักท้วงเป็นโพธิรักษ์เชียวนะ หรือว่าเป็นแค่นั้น เป็นแค่ไม่มีอะไรก็แล้วแต่เขา
SMS คราวก่อนก็ยังค้างอยู่
เพราะลิงลมอมข้าวพองพระโพธิสัตว์จึงยังฉันเนื้อสัตว์
_อี๊ด (จากไลน์)… ขอกราบถามพ่อครูโพธิสัตว์สูงกว่าอรหันต์แต่โพธิสัตว์ที่พ่อครูรับรองบางท่านยังทานเนื้อสัตว์ เมื่ออรหันต์ต้องเว้นขาดจากเนื้อสัตว์มิเช่นนั้นคนทานเนื้อสัตว์ยังได้แค่โสดาบันแล้วจะข้ามขั้นไปโพธิสัตว์อย่างไรคะ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงคะ
พ่อครูว่า… การที่จะเข้าใจถึงเรื่องสภาพความซับซ้อน การหมุนรอบเชิงซ้อน คัมภีราวภาโส อาตมาก็เคยอธิบายมาแล้วในเรื่องความซับซ้อนที่มันสูงซ้อนขึ้นไป แล้วมันก็มีสิ่งที่เป็นลิงลมอมข้าวพอง มีสิ่งที่กลับลงมาเกิดเป็นมนุษย์นี่ มันจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของโลก มันครอบงำ 1. และ 2. วิบากของผู้นั้นๆ วิบากของอาตมาก็ดี วิบากของพระพุทธเจ้าเองก็ดี วิบากของใครก็แล้วแต่ ในหลวงก็ตาม แต่ละคนก็ต้องมีอยู่ในตัวเอง
ขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังมี ลิงลมอมข้าวพอง คุณทำไมไม่ไปท้วงพระพุทธเจ้า อ้าวพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ทำไมแต่งงานมีลูกอยู่ล่ะ มันก็งงอีกล่ะใช่ไหม พระพุทธเจ้าแท้ๆเกิดมาเป็นพระอรหันต์หลายชาติแล้ว ชาตินั้นก็เป็นชาติสุดท้ายที่เป็นพระพุทธเจ้าแท้ๆทำไมยังเกิดไป แต่งงานมีลูกอะไรต่ออะไรอีก ได้ยังไง เอาเถอะในชาติพระพุทธเจ้าสมณโคดมหรือว่าเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านจะไม่เคยเสวยเนื้อสัตว์ เพราะท่านเป็นฮินดูชั้นสูง แต่คนเขาก็โมเมหาว่าท่านฉันเนื้อสัตว์ ที่จริงท่านไม่ได้เคยฉันเนื้อสัตว์ ตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็ไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์เพราะท่านเป็นฮินดูชั้นสูง ของอินเดียฮินดูชั้นสูงไม่ได้ทานเนื้อสัตว์กันหรอก
ซึ่งมันมีหลักฐานยืนยันแม้แต่พระเทวทัตก็ยังไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์เลย ถึงได้บอกให้พระพุทธเจ้าออกกฎเลย บังคับให้สงฆ์ทุกรูปไม่ฉันเนื้อสัตว์ ฉันมังสวิรัติให้หมด พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเราไม่ออกกฎหรอก เพราะว่าไม่ต้องไปบังคับ ให้เขาเกิดภูมิปัญญา เพราะหมู่ใหญ่ก็ไม่ฉันเนื้อสัตว์อยู่แล้ว มีบางส่วนเท่านั้นบกพร่อง เป็นส่วน Error ที่ยังอยากฉันเนื้อสัตว์ในยุคพระพุทธเจ้าก็ยังมีสงฆ์ที่ยังอยากฉันเนื้อสัตว์ พระเทวทัตก็ทำเป็นอวดเคร่ง ที่จริงแล้วความเคร่งก็คือคนที่ไม่ต้องใช้กฎทำได้โดยอิสรเสรีภาพนั่นคือสิ่งที่เป็นอิสระสมบูรณ์กว่า พระพุทธเจ้าท่านมีภูมิปัญญามากกว่าพระเทวทัต
หรือแม้แต่มีอยู่ใน สีหสูตร พวกอเจลกะ นอกพุทธ เขาก็ยังไปตะโกน เมื่อสีหเสนาบดี นิมนต์พระพุทธเจ้าไปฉันที่วังของเขา เป็นเสนาบดีมีอำนาจใหญ่ อาราธนาพระพุทธเจ้าไปฉันอาหารที่คฤหาสน์ของเขา พระพุทธเจ้าก็เสด็จไป เสร็จแล้วพวก อเจลกะ ก็อยากจะดิสเครดิตพระพุทธเจ้าก็มาประกาศ ป่าวประกาศ
เจ้าข้าเอ๋ย ร้องตะโกน ประกาศไป เจ้าข้าเอ๋ยสมณะโคดมฉันเนื้อสัตว์แล้วนะเจ้าข้าเอ๋ย ทั้งๆที่รู้ เพราะว่าก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปฉัน สีหเสนาบดี ได้สั่งลูกน้องให้ไปซื้อเนื้อสัตว์ ที่ตลาดมาทำอาหารเอาไว้เพื่อรองรับถวายพระพุทธเจ้าในวันรุ่งขึ้น เขาก็เป็นอเจลกะ สีหเสนาบดี เขายังนอกรีตไม่ใช่พุทธแท้ แต่เขาก็ยังศรัทธาพระพุทธเจ้าก็เลยทำไป เขาก็ทำอาหารเนื้อสัตว์เตรียมอาหารเนื้อสัตว์ไว้ นั่นแหละเป็นประเด็นที่พวก อเจลกะ ตะโกนโหวกเหวก
เจ้าข้าเอ๋ย สมณะโคดมฉันเนื้อสัตว์ เจ้าข้าเอ๊ย..ทั้งๆที่รู้ สีหเสนาบดีทำอาหารถวายให้พระพุทธเจ้าก็ยังฉัน เขาก็ตะโกนโหวกเหวกอยู่นอก
ประเด็นนี้อาตมาเคยจับไปตั้งประเด็นให้สังเกตดีๆ ถ้าพระพุทธเจ้าท่านฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ ฟังให้ดีนะ ถ้าท่านฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ รับนิมนต์ไปฉันที่ สีหเสนาบดีนิมนต์ไป ถ้าพระพุทธเจ้าไปในนั้นฉันเนื้อสัตว์ ก็มันจะไปประหลาดอะไรเพราะท่านฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ จะบ้าหรือไปประกาศให้ชาวบ้านเขารู้ทำไม เพื่อจะเป็นการ ดิสเครดิต ก็หมายความว่า พระพุทธเจ้าท่านต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์สิใช่ไหม จึงเป็นประเด็นไปร้องตะโกนดิสเครดิตพระพุทธเจ้าได้ว่า เจ้าข้าเอ๋ย พระสมณโคดมฉันเนื้อสัตว์แล้ว
จริงมีเหตุการณ์องค์ประกอบว่าเอาเนื้อสัตว์ไปถวายพระพุทธเจ้าจริง แต่ อเจลกะ ไม่ได้เห็นว่าพระพุทธเจ้าฉันหรือไม่ฉัน และไม่ได้มีคำบอกว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์ในที่นั้น ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เขาก็ตีความตรงนี้ว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์
ก็ประเด็นนี้อาตมาก็จับประเด็นลึกให้เห็นว่า จะว่าเป็นประเด็นตื้นก็ตื้นไม่ใช่ลึกหรอก ก็ถ้าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ อเจลกะ ไปตะโกนโหวกเหวกจะได้คะแนนยังไง ก็เพราะท่านฉันเนื้อสัตว์เป็นปกติ จะร้องทำไม ใครเขาก็รู้อยู่แล้ว ก็แสดงว่าท่านไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์สิเขารู้กันอยู่ทั่วไปว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ อเจลกะ ได้ฟ้องประชาชนว่าพระพุทธเจ้าฉันเนื้อสัตว์
ก็ทำไม มีข้าว ฉันแต่ข้าวก็ได้ เขาจะมาถวายอะไรก็ฉันเป็นมังสวิรัติก็ได้ ข้าวเปล่าข้าวกับผักกับพืชข้าวกับอาหารอื่นก็เป็นมังสวิรัติแล้ว ข้าวกับถั่วกับงาก็ได้แล้ว ยิ่งของแขก มีแต่ถั่วกับงา แม้แต่ทำแกงถั่วเขาก็ใส่เกลือ ไม่ได้ใส่น้ำปลาน้ำปู อะไรอย่างนี้เป็นต้นเยอะแยะ อ้าวผ่าน นี่ใกล้ๆจะถึงงานมังสวิรัติแล้วก็ตีปลาหน้าไซหน่อย
สรุปของคุณอี๊ดที่บอกว่า โพธิสัตว์สูงกว่าอรหันต์ทำไมยังฉันเนื้อ อาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็ยังไปทานเนื้อสัตว์มาก่อน เอาเถอะยกไว้พระพุทธเจ้าท่านเป็นฮินดู ชั้นสูง ท่านไม่ทานเนื้อสัตว์มาตั้งแต่ประสูติจนกระทั่งอะไรก็เรื่องของท่าน แต่อาตมาไม่ได้อยู่ในสังคมอย่างนั้นก็ทานเนื้อสัตว์มาก่อน ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็ไม่ได้เป็นอรหันต์ไม่ได้เป็นโพธิสัตว์สิ แล้วคุณจะเอาอันนั้นเป็นเรื่องตัดสินทั้งนั้นแหละ เอาภูมิธรรมอาตมาแสดงธรรมมา 50 กว่าปีแล้ว เนื้อหาธรรมะต่างๆสิ คุณพอจะมีภูมิรู้ได้ไหมว่าธรรมะที่อาตมาแสดงมา 50 กว่าปีนี้เป็นโลกุตรธรรมอย่างไร ซึ่งมันเป็นการยืนยันด้วยว่า
ถ้าไม่มีอาตมาอุบัติขึ้นมา เกิดขึ้นมา สังคมกระแสหลัก ศาสนากระแสหลัก พุทธกระแสหลักแม้ทุกวันนี้ก็ตาม เขาก็ยังจะเป็นโลกียะเขาจะไม่มีโลกุตระเกิดขึ้นมาได้ ก็มีชาวอโศกนี่ มีภูมิปัญญามีดวงตาเข้าใจธรรมะแล้วก็มา ปฏิบัติ โลกุตรธรรมฝึกฝนจนเป็นรูปเป็นร่างจนกลายเป็นชาวอโศก มีสังคมถึงขั้น สาธารณโภคี เอาหลักธรรมข้อไหนข้อไหนตั้งแต่ วิชชา จรณสัมปันโนเข้าไปไล่ ศีลสมาธิปัญญาหลักธรรมต่างๆตรวจสอบดูสิ ตรวจสอบชาวอโศก ตรงตามพระอนุสาสนีไหม อาตมาไม่ได้ท้าทายข่มเบ่งหรอกพูดให้ฟังให้เข้าใจสัจจะดีๆ เพราะฉะนั้นอย่าไปงมงายอะไรเกินกัน พยายามลืมตาขึ้นดู ขออภัยอาตมาวิจารณ์ไม่ได้ว่าคุณหลับตานะ พูดให้ถึงคนที่ยึดติดหนักๆ
หากพ่อครูตายแล้วจะกลัยมาเกิดที่ใด
_ทวีสิน จงรักวงศ์….กราบนมัสการพ่อท่านอย่างสูงยิ่ง กราบท่านสมณะ กราบสิกขมาตุ และญาติธรรมชาวอโศกทุกท่าน ผมเคยอ่านพบว่าท่าน “ดาไลลามะ” ที่มรณะแล้วจะไปเกิดที่ใด จึงนึกถึงพ่อท่านว่าเมื่อถึงกาลละสังขารแล้วจะไปจุติแห่งหนใด ควรมิควรแล้วแต่พ่อท่านจะโปรดครับ
พ่อครูว่า… อาตมายังไม่รู้ว่าอาตมาจะไปเกิดที่ไหน อาจจะไปเกิดอเมริกาก็ได้ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเกิดที่ไหน ก็อธิบายให้ฟังบ้างพอสมควร
ผู้ที่ทำเหตุ สร้างเหตุไว้ แม้แต่เหตุที่เราระลึกถึงกัน เหตุที่สัมพันธ์กัน เหตุที่ผูกพันกัน มันก็เป็นเหตุที่จะไปเป็นเช่น ถ้ามันมีเพียงพอ มันก็เป็นไป ระลึกถึงกันผูกพันกันมากกับคนชั่วก็ไปกับคนชั่ว ดีเป็นบัณฑิตก็ไปอยู่กับบัณฑิต คนพาลผูกพันกันก็ไปกับคนพาล เนื้อแท้มันไปหากัน น้ำไหลไปหาน้ำ น้ำมันไหลไปหาน้ำมันโดยสัจจะ ถ้ามีเนื้อแท้ของสัจจะนั้นเพียงพอ วิบากของคุณไม่มากจนดึงพรากไปได้ ถ้าเผื่อว่าคนเขาพยายามสร้างสัจจะให้มันมากคุณคิดว่าเกิน 50% แต่วิบากของคุณมีมากก็ดึงไปได้ แต่ถ้าวิบากไม่มากนักก็50-60เปอร์เซ็นต์น่าจะเข้าไปกับกลุ่มได้ เข้าที่ควรจะไป ตามที่เราเจตนาที่ประสงค์ก็ไป มันก็ได้ตามนั้น ถ้าเหตุเพียงพอกับวิบากของคุณไม่หนักพอกรรมวิบากจะมาค้านแย้งเอาไว้
สรุปแล้วก็ต้องทำเหตุให้ถ้วน ทำเหตุให้มากให้ถูกต้องให้ดีที่สุดให้มากพอ แล้วมันไม่มีอะไรต่างกันได้ ทำเหตุให้สมบูรณ์พอ
เพราะฉะนั้นการไปนึกถึงผลไม่จำเป็นต้องไปนึกถึงผล แค่รู้ผลว่าเป้าหมายจะเป็นอย่างไรแต่ไม่ต้องไปเสียพลังงานแคลอรี่ไปต้องการจะบรรลุผลไหมทำเหตุให้เต็มทำเหตุให้แข็งแรงครบถ้วนบริบูรณ์ให้ดี แล้วมันจะเป็นไปตามลำดับแท้จริงของสัจจะ ขอต่อไปเท่านี้ก็แล้วกัน
สรุปอีกทีหนึ่ง อาตมาก็ไม่รู้ว่าอาตมาจะไปเกิดที่ใด แต่แน่ใจว่าอาตมาเกิดในกลุ่มหมู่พวกเรานี่แหละ หรือพวกเราก็มาเกิดร่วมกับอาตมา
สมณะฟ้าไท… เราเทียบอย่างนี้ได้ไหมครับว่าภาวะที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้ขณะเป็นๆเราก็ไม่ได้อยากจะไปเลย ตอนนี้ เราก็ไม่อยากจะไปเราทำกรรมร่วมกับที่นี่ ยังไม่หนีไปไหนเลย
พ่อครูว่า… เราไปได้อิสระเสรีด้วยเราก็ยังไม่ไปเลย นี่ทั้งๆที่เรารู้อยู่ คุณพวกคุณนี่จะไปไหนก็ไปสิไปๆ พวกคุณก็ไม่ไปเองอิสระเสรีภาพแล้วคุณก็มีคุณภาพพอที่จะอยู่ได้ด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร
_สู่แดนธรรม… ญาติธรรม พวกเราบางคนวางแผนไว้เลยว่า จะมาขอตายอยู่ที่ บ้านราช เพื่อเขาจะได้เกิดไวๆ ตายตรงนี้ก็เกิดตรงนี้แหละไม่ต้องเดินทางไปเกิดที่ไหน
พ่อครูว่า… ก็ดี ก็ถูกแล้ว คนเขาชัดเจนก็เป็นแบบนี้คิดแบบนี้เชื่อแบบนี้
_Danille Sabatier… เพลงเก่ามีครูบาอาจารย์ ฟังแล้วมีความหมาย สื่อความรู้สึกบอกไม่ถูกค่ะ สรุปดีมาก ๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
พ่อครูว่า… คนนี้ชื่อก็ไม่ใช่ไทยเลยแต่มาชอบเพลงไทย ตอนนี้อาตมาก็มีคนช่วยทำให้เพลงนี้เป็นสื่อนำพา เพราะมันเป็นสากล เรื่องเพลงการมันเป็นสากล เป็นศิลปะสากล มันไม่เข้าข้างชาตินั้นชาตินี้ มันเอาทำนอง แม้คำร้องจะเป็นภาษาที่ยังเข้าใจกันไม่ได้ แต่ทำนองมันจะจูงนำ มันเป็นสากล ก็ค่อยๆเป็นไป แล้วก็มีผู้ทำสมัยใหม่มีฝีมือ มีน้ำใจ ที่จะเห็น เห็นประโยชน์ด้วย อาตมาว่าเขาคงมีภูมิปัญญารู้ว่าเพลงพ่อท่านเป็นเพลงที่ไม่เหมือนเพลงใครๆอยู่เยอะนะ ไม่เหมือนหลายๆอย่างทั้งเชิงภาษากวี ทั้งเนื้อหา
เนื้อหานี่แหละอาตมาว่า เขาจะเข้าใจชัดเจน ส่วนเรื่องทำนองนั้นก็อาตมาก็ว่ามันก็พิเศษอยู่เหมือนกัน มันอาจจะยากนิดนึงทำนองเพลงของอาตมา แต่มันจะเป็นเขาเรียกว่าอะไรนะ เป็นอมตะ เป็นเพลงอมตะอะไรพวกนี้ เป็น อม ตะ จะอยู่นาน
SMS วันที่ 13-14 ก.ย. 2566
ทิฏฐธรรมนิพพานที่สัมมาจึงจะพาบรรลุ
_เพียรผ่องพุทธ กล้าจน · กราบนมัสการพ่อครู,สมณะ, สิกขมาตุ ด้วยความเคารพค่ะ ที่ชุมชนบ้านราชธานีอโศก ได้มาอยู่แล้ว น่าอยู่มากค่ะ อยู่ในหมู่ทำให้เราได้เห็นอัตตาตัวตนของเรา ได้ลดกิเลสในปัจจุบัน
พ่อครูว่า… เอออันนี้ต้องขยายความนิดนึง
อยู่ในหมู่ชาวอโศกทำไมเห็นอัตตาตัวตนขึ้นมาได้อยู่ข้างนอกทำไมไม่เห็น เดี๋ยวขยายความให้ฟังนิดนึง
อยู่ที่นี่มันมีการชี้ มันมีการท้วง มันมีการบอกว่านี่กิเลสนะ นี่เป็นอัตตานะ นี่เป็นมานะ อันนี้กิเลสกามนะ อันนี้กิเลสโกรธนะอะไรอย่างนี้ มันก็ได้รู้ เพราะว่าพวกเรานี่มีการบอกอธิบายกัน พยายามที่จะให้ความรู้กัน เตือนกัน ก็ได้ลดกิเลส ในปัจจุบันที่มันเกิดปั๊บ เพื่อนพวกเราที่รู้ว่าเป็นอย่างนี้นะก็ได้บอก ก็ได้รับกิเลสในปัจจุบัน
และปัจจุบันนี้แหละคือกิเลสที่จะต้องลด ไปหลับตาปฏิบัติไม่มีปัจจุบันนั้นมันไม่ได้ทำให้กิเลสลด มันมีแต่การเพ้อคิดอยู่ในสัญญา สัญญาเป็นอดีต 18 เป็นอนาคต 44 ฟังพระพุทธเจ้าตรัสให้ดีๆทำความเข้าใจให้ดีๆ หลับตานี้ไม่มีปัจจุบันชาติ
ในพรหมชาลสูตร อธิบายไว้ในปัจจุบันชาติว่า นิพพานจะต้องมี 5 ต้องมีกาม ต้องมีฌาน 4 รวมเป็น 5
ฌานพระพุทธเจ้าต้องลืมตามีผัสสะเป็น กาม ก็ต้องมีผัสสะเป็นปัจจัย กามต้องมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ฌาน 4 ก็ต้องมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นปัจจุบันที่มีการกระทบสัมผัสแล้วเกิดกิเลสกามในตรงนี้ ลดกิเลสได้ก็เป็นฌานที่ 1 เดี๋ยวนี้ ลดกิเลสได้เป็นฌานที่ 2 เดี๋ยวนี้ก็หลัดๆมีผัสสะเป็นปัจจัย ไม่ได้หลับตาอยู่ตรงไหน ไม่ได้อยู่ในภวังค์ตรงไหนเลยเป็นทิฏฐธรรมเป็นปัจจุบันชาติ เป็นปัจจุบันอย่างนี้หลัดๆ
ตาก็ลืม สัมผัสก็รู้ เวทนาก็เกิด แยกกิเลสได้ อ๋อเห็นกิเลสอยู่ ปัจจุบัน หลัดๆ ไม่ใช่ไปนึกเอาสัญญาว่า ไอ้นี่เราเคยมีกิเลส อนาคตเราน่าจะมีกิเลส มันไม่ใช่แบบนั้นมันเป็นการฝันเพ้อเป็นนิรมานกายที่ปั้นเอามันไม่มีกายจริง มันไม่มีภายนอกสัมผัสจริง มันไม่ใช่กาย กายนั้นมันขาดไปแล้วกายมันไม่มีภายนอก
กายต้องมีภายนอกภายใน อธิบายจนกระทั่งคอจะแตกก็ไม่รู้จักสักที
ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ 5 ทิฏฐธรรม คือปัจจุบันชาติ ทิฐิคือความเห็นความเข้าใจ เพราะฉะนั้นในทิฏฐิ 62 ความเห็นของคุณมันเป็นทิฏฐธรรมนิพพานที่ถูกต้องทั้ง 5 ไหมล่ะ
คือมีความเห็นว่าสภาพบางอย่างเป็นนิพพาน (ภาวะกิเลสสิ้นเกลี้ยง) นิพพาน คือภาวะกิเลสสิ้นเกลี้ยงในปัจจุบัน โดยยังไม่ได้สัมผัสนิพพานที่ถูกต้องแท้จริงซึ่งมีพร้อมทั้งสัมผัสภายนอกสัมผัสกายภายนอกและสัมผัสกายใน เป็นธรรมะอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยมูลเหตุ 5 อย่าง
ก็เห็นว่าอัตตานี้อิ่มเอิบ พรั่งพร้อม เพลิดเพลินด้วยกามคุณ 5 แล้วคุณก็ไปหลงว่ากามคุณ 5 คืออย่างนี้ พอได้เสพสุขที่สุขที่สุดเสพกามสุขที่สุดก็เลยคิดว่าไอ้นี้เป็นนิพพาน พระนิพพานคือความสุขที่สุขปรมังสุขังอะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็น่าพอใจเป็นนิพพาน คนก็เข้าใจอย่างนั้นได้
เอาละถึงแม้ว่าไม่เป็นอย่างนั้นก็ไปเข้าใจ ฌาน
ฌาน 1 เป็นนิพพาน ฌาน 2 ฌาน 3 ฌาน 4 เป็นนิพพาน ซึ่งถ้ามิจฉาทิฏฐิมันก็คือฌานอย่างมิจฉา กามก็มิจฉา
ถ้าของพระพุทธเจ้านั้นกามไม่มีหรอกนิพพาน ฌาน 1 2 3 4 ที่ผิดๆก็ไม่มีนิพพาน ต้องเป็นฌาน 1 2 3 4 ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ อันนี้อาจจะเข้าใจยากอยู่บ้าง กาม ก็คงจะเข้าใจง่าย ก็ ขออธิบายแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้นจะอธิบายอันนี้ต่อไปอีก 3 วัน 3 คืนก็ได้ เอ้า
ผ่าน
คนมีสภาวะวรรณะ 9 เข้าสู่ชุมชนสาราณียธรรม
_ได้ฟังธรรมะพ่อครู เข้าใจชัด และรายการย่อยธรรมะแต่ละวัน ทั้งบรรยากาศสด และฟังย้อนหลังตามเวลาที่จัดสรรได้ วันละเล็กวันละน้อยก็รู้สึกยินดีที่ปฏิบัติได้ เอาธรรมะเป็นที่ตั้ง หมู่ช่วยขัดเกลา ญาติธรรมมีเมตตานอบน้อมลดอัตตา ไหว้ผู้ที่อายุน้อยกว่าได้ ไม่ถือสาผู้มาใหม่ เป็นแบบอย่างให้ลูกหลานซาบซึ้งความเมตตาจากผู้ใหญ่ การปฏิบัติธรรมมีค่ายิ่งกว่าคำสอน(โศลกธรรมพ่อครู) ญาติมีน้ำใจดูแลลูกหลานผู้มาใหม่ด้วยความเอ็นดู อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสัมผัสได้ด้วยจิตวิญญาณของตนเองด้วยความอบอุ่นค่ะ ..กราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านค่ะ.
พ่อครูว่า …จริง มันเป็นสังคมที่เป็น สาราณียธรรม 6 เป็นสังคมที่มี สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม จริงๆสัมผัสได้ อาตมาว่าคนหยาบก็ยังสัมผัสได้ เข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มพวกเรามีความเมตตาต่อกัน
ความเมตตาของชุมชนชาวโศกตั้งแต่เกิดมา 50 ปี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทที่แรงๆร้ายๆอะไรเลย เป็นชุมชนมา อโศกเป็นชุมชนมา 50 ปี อาตมาว่าจนกระทั่งตั้งแต่เริ่มต้นมีชุมชน ชุมชนแรก
ชุมชนแรกก็คือ ศาลี ศีรษะ สันติฯ แล้วจึงมาซื้อที่ปฐมอโศกถือว่าเป็นชุมชนแรกที่พร้อมสรรพ มีทั้งสถานที่ที่ครอบครอง 60-70 ไร่ ที่สันติอโศกก็มีแค่นั้น แม้แต่ที่ ศาลี ศีรษะ ตอนนั้นก็ไปอาศัยป่าช้าเขาเสร็จแล้วเขาก็มาไล่ออกจากป่าช้า ไม่ว่าที่ศาลีหรือศีรษะ เค้าก็มายึดป่าช้าคืน เราก็ต้องซื้อที่ต่อไปก็เป็นของเรา อย่างนี้เป็นต้น
ตั้งแต่ต้นมาจนถึงวันนี้เรามีสาธารณโภคีโดยอาตมาไม่ได้มีเจตนาจะให้มันเป็น แต่มันเป็นโดยสัจธรรมของมันเอง เมื่อเรามาปฏิบัติถูกต้องแล้วมันก็เป็นสัจจะของมัน เป็นโลกุตรธรรม มันมีเหตุปัจจัยที่จิตมันเป็น วรรณะ 9 จิตมันเป็นพุทธพจน์ 7 มีคุณธรรมพุทธพจน์ 7 มีคุณธรรมของจิตวรรณะ 9 จริงๆ พอมันมารวมกันมันก็เป็นสัจจะ มันก็มารวมตัวกันมีคุณธรรมที่ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า สัจจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนั้นตรงกัน ทั้งหมด ถ้าปฏิบัติถูกเหตุปัจจัย มันก็ต้องเป็นอย่างที่มันเป็นสัจจะ เหตุปัจจัยที่เป็นสัจจะ
ถ้าเหตุมันตรงกับสัจจะ ปัจจัยที่ตรงกับสัจจะ ผลออกมามันก็ต้องเป็นสัจจะใช่ไหม มันจะไปเป็นอื่นไปได้ยังไง มันเป็นสัจจะอย่างนั้นอย่างแท้จริง
คุณธรรมวรรณะ 9 พูดเป็นภาษาไทยง่ายๆว่าเป็นคนเลี้ยงง่าย คุณก็ต้องมาพิสูจน์ยืนยันทำความรู้ว่า คนเลี้ยงง่ายกับคนเลี้ยงยากมันเป็นยังไง คนเลี้ยงยาก กินก็ยาก นอนก็ยาก ไปก็ยาก มาก็ยาก นั่งยากนอนยาก อะไรก็ยากๆไปหมด แหม มันไม่เหมือนกันอย่างชัดเจนก็จะรู้ สุภระ
บำรุงง่ายก็หมายความว่าไม่ใช่การประเมินนะ บำรุงคือทำให้เจริญ ไม่ใช่บำเรอนะ สุโปสะ ทำให้พัฒนา ทำให้เจริญอย่างไม่ได้ดื้อด้านดึงดันอะไรมากมาย แล้วก็เป็นคนเคี่ยวเข็ญลำบากอะไรเลย ก็เจริญได้ไม่ช้า เป็นไปได้พอสมควร เร็ว บำรุงง่ายทำให้เจริญได้ง่าย
มักน้อยหรือ คำว่า มักน้อยคือ มีน้อยๆ ชอบมีน้อยๆ มักนี่คือชอบ มักเจ้าเด้ขาเป๋ลืมเบิ่ง มักเจ้าแล้วขาแป้วจึงเห็น
มัก แปลว่า ชอบหรือรักก็ได้ เราชอบด้วยความจน มักน้อยชอบในความมีน้อยไม่เอามากๆ น้อยจนกระทั่งถึงศูนย์สูงสุดแล้ว น้อยอะไรก็ไม่มีเท่าศูนย์หรอก ติดลบเป็นหนี้นั้นไม่ถือว่าดีนะถือว่าเป็นหนี้ มันติดลบไม่ดี มันต้องเป็นศูนย์นี่มันสูงสุดแล้ว เป็นคนกล้าจน
เขาแปลตามเดิมว่าแปลว่า มักน้อย จากบาลีว่า อัปปิจฉะ แต่อาตมามาแปลว่า กล้าจน เป็นคนมากล้าจน มันชัดเจนนะอาตมาว่า มันรู้ๆทั้งรู้ว่านี่มันจนดียังไง จนนี่สบายยังไง สูงส่งประเสริฐยังไง มันเข้าใจเลย มันมีปัญญาพอ
สำทับไปอีกว่า สันโดษหรือ สันตุฏฐิ มีใจพอ ตอนนี้ก็ลึกซึ้งมันพอ น้อยเท่าไหร่ก็พอ จนที่สุดเป็นศูนย์ก็พอ แล้วคนอยู่ได้เรอะเป็นศูนย์ก็พออยู่ได้ไหม อยู่ได้เป็นศูนย์ก็พอ ก็มันมีเมตตากายกรรมเมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มีใจเกื้อกูลเพิ่มพูนการเสียสละอีกอย่างเต็มที่อยู่แล้ว มันเป็นคุณธรรมที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่ได้ขัดแย้งมันจะจริง
เพราะฉะนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเอาคำนี้มาใช้เป็นศัพท์ที่ไม่แรงไม่จัดจ้านเหมือนอาตมาใช้ เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า มักน้อยหรือกล้าจน ท่านก็ใช้คำว่า พอเพียง พอ ทั้งอัปปิจฉะ สันตุฏฐิ กล้าจนและใจพอ ท่านเอาไปใช้เป็นคำว่า พอเพียงเป็นไปตามลำดับ เป็นพระปรีชาของในหลวง ความเฉลียวฉลาดของพระองค์ ก็ใช้พยัญชนะอย่างนี้
เสร็จแล้วเป็นคนมีความขัดเกลา คือยังมีสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์สิ่งที่เรายังบกพร่องยังเหลืออยู่ ต้องขัดออกๆ กายกรรมที่ยังไม่ดียังไม่สมบูรณ์วจีกรรมที่ยังไม่ดีไม่สมบูรณ์ จิตของเรากิเลสของเรามันยังมีเหลือ ยังไม่สมบูรณ์มันยังไม่จบ ก็ขัดเกลาออก คนยังมีสิ่งที่ต้องขัดเกลา เมื่อขัดเกลาสมบูรณ์แบบแล้วไม่ต้องมีอะไรต้องขัดเกลาอีก มันก็ต้องจบ มันยังไม่จบก็ขัดเกลาที่เหลือเศษ ก็ตรวจแล้ว ขัดเกลาแล้วขัดเกลาอีก
กำจัดกิเลสข้อที่ 6 ธูตะ มาเป็นภาษาไทยคือคำว่า ธุดงค์ เขาเข้าใจคำว่า ธุดงค์คือการบุกป่าบุกดง นี่ก็คือความเสื่อมหนัก ศาสนาพุทธไม่ออกป่าไม่ออกดงอะไร แต่อยู่กับสังคมสมบูรณ์แบบมีผัสสะเต็มรูป อยู่กับสังคมไปตามลำดับ เราขีดไหนขั้นไหนของเราไปสัมผัสๆได้ละกิเลสได้เป็นระดับๆไป เป็นขั้นๆตอนๆไป ไม่ใช่หนี แต่เผชิญ ศาสนาพุทธนี่เผชิญเพราะฉะนั้นจะสูงขึ้น ธรรมะที่ได้แล้วจะเป็นธรรมะที่เคร่ง แต่ผู้ที่บรรลุในธรรมะที่เคร่งนั้นเป็นผู้ที่สบายไม่เคร่ง แต่คนอื่นเห็นแล้วจะรู้สึกว่าตายๆๆเคร่งอย่างนี้ไม่ไหว เช่น มาเป็นคนกินมื้อเดียวเคร่งตาย แต่พวกคุณกินมื้อเดียวได้สบายแล้วไม่เห็นจะเคร่งอะไรเลย มันก็เป็นปกติสามัญกินมื้อเดียวสบาย
ไม่ใช้เงิน เคร่งไหม ของเขาเคร่งนะ เป็นคนที่ทนไม่ได้แต่คนที่ทำได้แล้วนั้นไม่เคร่งอะไรเลย ไม่เห็นจะตึงเครียดอะไรมันก็เป็นธรรมดาไม่ต้องใช้เงิน กินมื้อเดียวก็ตาม เป็นต้น
นี่คือความสิริมหามายา คำเดียวกันแต่เข้าใจมุมเหลี่ยมของสัจธรรม อันไหนถูกต้อง อันไหนมันเป็นหน้า อันไหนที่เป็นหน้าที่ถูกต้อง เป็นสิริมหามายา ก็ต้องเข้าใจให้ถูก
เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้แล้วก็มีอาการทางกายวาจาใจน่าเลื่อมใส ผู้รู้เห็น ผู้รู้สัมผัสแล้ว โอ้โห น่าเลื่อมใสเป็นอาการทางกายก็ดี อาการทางวาจาก็ดีอาการทางใจก็ดีน่าเลื่อมใส ปาสาทิกะ เป็นผู้มีปัญญารู้เห็นว่าอย่างนี้น่าเคารพ นับถือ เลื่อมใส
ข้อที่ 8 เป็นเครื่องชี้เลยว่าไม่สะสม อปจยะ เป็นคนไม่สะสม เป็นถึงฐานศูนย์เลย ก็ไม่สะสม แล้วยิ่งมีวัฒนธรรม มีประเพณีจารีตสาธารณโภคี มีกองกลางเบิกกินเบิกใช้ ไปสะสมทำไมให้หนัก ถ้าจะว่าไปแล้วมีบาทนึงก็หนัก 5 บาทก็ยิ่ง 10 บาทนี้ยิ่งหนักกว่าตายๆๆ 100 บาทก็หนักไปอีก ไปเที่ยวเก็บไว้ เขาก็ไปใส่เซฟฝากแบงค์ไว้ตามระบบของมนุษยชาติง่ายๆ
เพราะฉะนั้นจึงบอกว่าทุกอย่างมันลงตัวยืนยันพิสูจน์สิ่งที่เป็นจริงเกิดจริงเป็นจริงแล้วอย่างชาวอโศกมาเกิดในยุคนี้ เป็นการปฏิบัติโลกุตรธรรมที่อาตมาภาคภูมิใจมาก ที่เอาธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้ามาให้พวกเราพิสูจน์ปฏิบัติได้เป็นจริง
เป็นจริงแล้วมันก็เกิดคุณธรรมที่อาตมาคิดได้ว่ามันเป็นจริงๆนะ 8 คำนี้ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนความเสียสละ
จบด้วยปลายเปิดที่เป็นผู้ที่เพิ่มพูนความเสียสละให้ได้มากๆในชีวิตเพราะเราอยู่ก็สบายแล้ว สงบอบอุ่นแล้ว ไม่ต้องขยายความแล้วว่ามีอยู่มีกินอุดมสมบูรณ์ถึงได้เสียสละแจกจ่ายเจือจาน จิตใจก็เกื้อกูลอยู่ตลอดเวลา แม้ผู้ที่เขามาทำโทษทำภัยกับเรา เราก็ไม่ได้ติดใจถือสาถือโทษถือโกรธอะไรเลย ก็ยังมีใจเกื้อกูลปรารถนาหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ มีจิตหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้เขาจะร้ายกับเรา เราก็คิดว่าน่าสงสารจริงๆเขาไม่รู้ ไปโกรธคนไม่รู้นี่มันโง่กว่าคนไม่รู้นะ เราไปโกรธคนที่ไม่รู้นี่มันโง่กว่าคนไม่รู้ ก็เขาไม่รู้นะไปโกรธเขาได้ยังไง มันโง่ ไปโกรธทำไม คุณโกรธคนโง่นี่คุณโง่กว่าคนโง่ คุณโกรธกว่าคนบ้า คุณบ้ากว่าคนบ้า คุณไปโกรธคนเมา คุณเมากว่าคนเมาอีก ใช่มั้ย
ไปโกรธคนโง่ ไปโกรธคนบ้า ไปโกรธคนเมา คุณเมากว่าเขาเมา คุณก็ไปโกรธคนเมา ก็เขาเมาเขาไม่รู้จักเรื่องอะไร ก็เขาบ้าไปโกรธเขาได้ยังไง คนบ้ากว่าเขาหรือไปมากกว่าเขาได้ไง ก็อาการอย่างนี้คุณจะเอาหรือ แล้วคุณไปทำให้ยิ่งกว่าเขา อ้าวแล้วกัน มันจะเป็นยังไง อ้าวต่อ
ปฏิบัติธรรมเร่ิมต้นให้เน้นปฏิบัติที่ศีลจนเป็นบุญ
_ช่อทิพ หนูทอง · กราบเรียนถามพ่อครูว่า งานเพื่อฟ้าดินสิ้นปี 66 นี้ จะมีการสอบ วบบบ. อีกไหมคะ? และใช้หนังสือเล่มไหน ในการสอบคะ?
ชาตินี้ปฏิบัติธรรมได้ไม่สูงนัก เรียนถามพ่อครูว่า จะคิดหรือปฏิบัติธรรมเน้นจุดไหน เพื่อจะได้เกิดมาปฏิบัติธรรมกับพ่อครูอีกในภพต่อๆไปคะ?
พ่อครูว่า …เลิกสอบมานานแล้ว เอาน่า เรื่องสอบมันก็ดีอยู่ แต่ตอนนี้มีภาระมากกว่านั้นแล้ว คนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ว่า ไม่ต้องให้มา สอบมาแข่งขันไม่ต้องมาแจก เข็มทอง เข็มทองคำอะไรต่ออะไรไปเหมือนอย่างที่นั่นแหละ เดี๋ยวนี้ก็คืนมาเกือบหมดแล้วเข็มทองคำ อาตมาก็ยังไม่ได้ไปหลอมอะไรเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์ก่อน ก็ไม่ได้ทำแล้ว ก็ไม่ต้องตอบว่าใช้หนังสือเล่มไหน
มาปฏิบัติจริงเลย ระวังอย่าถล่มตนเองเกินความจริง เราได้แล้วก็ไม่รู้ว่าเราได้ เราได้แล้วก็ไปถล่มตัวเองเกินไป มันผิดสัจจะ เราได้เท่านี้ก็พยายามรู้ให้ชัดว่าเราได้เท่านี้ มันเกินไปเรายังไม่ได้ แต่อันนี้น้อยไปเราก็ไปหลงตนว่าน้อยไปมันก็ผิด มันเป็นมานะ เป็นอติมานะ ตรวจสอบดีๆ
ปฏิบัติธรรมให้เน้นศีลแล้วก็เข้าใจศีลให้สัมมาทิฏฐิ ว่าศีล นั่นมันไม่ใช่แค่การกับวาจาอย่างที่มันเสื่อมไปแล้ว ท่านทั้งหลายอธิบายกันว่าศีลปฏิบัติได้ผลช่วยได้แค่กายกับวาจา ส่วนจิตนั้น ไปนั่งสมาธิเอา นี่ท่านก็มิจฉาทิฏฐิกันไปอย่างนั้น
ไม่ใช่ คำสอนพระพุทธเจ้าศีลนั่นแหละจะทำให้เกิดเป็น 1 จิตเป็นอวิปฏิสาร.. ในกิมัตถิยสูตร สูตรที่อธิบายว่าศีลปฏิบัติแล้วจะบรรลุอรหันต์ไปตามลำดับ ปฏิบัติศีลนี้ไม่ใช่แค่ได้แค่กายวาจ การบรรลุอรหันต์มันต้องที่จิตนะไม่ใช่แค่กายกับวาจา กายกับวาจาแค่นั้นมันไม่ได้พาบรรลุธรรมมันต้องจิต
เพราะฉะนั้นถ้าทำให้ข้อที่ 1 เลย จิตจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจ อวิปฏิสาร แล้วจะมีจิตยินดีเบิกบานยินดี ปามุชชะ แล้วจิตถึงจะเต็มอิ่มใจ เพราะจิตมีความสงบระงับมีปัสสัทธิ กิเลสมันสงบ มันสงบจากกิเลส กิเลสมันสงบไปจากจิตมันไม่มีแล้ว
สุข ก็เป็นวูปสโมสุข คือเป็นสุขอีกชนิดหนึ่ง มันมีความสุข 2 อย่างคือสุขโลกียะกับสุขโลกุตระ ความสุขโลกุตระคือสุขสงบเพราะกิเลสมันดับไปทีละลำดับทีละลำดับ แล้วก็จิตสงบจิตที่สะอาดจากกิเลสนั่นแหละมันตกผลึกลงมาเป็นสมาธิ
คำของพระพุทธเจ้าใน เจโตปริยญาณ 16 สมาธิ ท่านใช้คำว่า สมาหิโต ท่านไม่ใช้คำว่า เจโตสมาธิ ท่านใช้คำว่า สมาหิโต นี่ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจทั้งพยัญชนะและสภาวะให้สำคัญ
จิตมันทำให้สะอาดจาก ปุญญาภิสังขารคือ สังขารอย่างยิ่งอภิสังขารคือปรุงแต่งจัดการกับจิตเรา มนสิการทำใจในใจของเรา จนจิตมันเกิดพลังงานบุญ บุญคือการชำระกิเลส
พลังงานที่เรียกด้วยพยัญชนะว่า บุญนี่แหละ มันชำระกิเลสออกได้เป็น ปุญญาภิสังขาร จนกระทั่งหมดกิเลสเกลี้ยง ไม่ต้องใช้บุญอีกแล้ว ปุญญะ เป็น อปุญญาภิสังขาร
เพราะฉะนั้นไม่ต้องใช้บุญอีกแล้วก็หมายความว่าสะอาดหมดจดแข็งแรงเริ่มตั้งมั่น เริ่มแข็งแรงเป็นสมาหิโต
แล้วจิตที่เป็นสมาหิโต มันสะสมตกผลึกตั้งมั่นเป็น อเนญชา ๆ ๆยิ่งตกผลึกตั้งมั่นเป็นความไม่หวั่นไหว เป็น อเนญชาภิสังขาร
เพราะฉะนั้นคำว่า อปุญญาภิสังขาร อปุญญะ คำว่า ไม่เป็นบุญคำนี้จึงไม่วนไปเป็นบาป เพราะฉะนั้นคนที่ไปอธิบายว่า อปุญญะ ก็หมายความว่าไม่ใช่บุญก็คือบาป คนนี้ยังวนเวียนยังไม่เข้าใจเรื่อง เอกังสะ
คำว่าบุญเป็นเอกังสะ หมายความว่าโดยส่วนเดียว one way Traffic ตรงไปท่าเดียวไม่มีโค้งไม่มีงอ ไม่มีการกลับมาเป็น 2 เป็นหนึ่งอย่างเดียวบุญนี้
ฉะนั้นเป็นคนที่เข้าใจสภาวธรรมไม่ได้ อปุญญะ แปลว่าเป็นบาปอยู่เหมือนอย่างกับท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์หรือท่านมหาประยุทธ์นี่ ท่านก็ยังแปลอยู่ในหนังสือพจนานุกรมประมวลศัพท์ของท่าน ท่านก็ยังแปล อปุญญาว่า บาป
สังขารทั้ง 3 อภิสังขาร 1 2 3 ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร เป็นโลกุตระ เป็นสังขารที่เป็นโลกุตระไม่มีโลกิยะไม่วนเวียนอีกแล้ว
โลกุตระไม่วนเวียน ไม่วนกลับไปกลับมา เป็นหนึ่งแล้วก็เป็นศูนย์ โลกุตระ
เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่รู้สภาวธรรม อาตมาจึงรู้ว่า อ๋อ ท่านมหาประยุทธ์นี่ท่านยังไม่รู้แม้กระทั่งคำว่า บุญ ยังมิจฉาทิฐิแม้แต่คำว่าบุญ และศาสนาพุทธมันเสื่อมไปจากคำว่า บุญ เสื่อมไปตั้งแต่คำว่ากาย ที่อาตมาได้แก้ไข ได้นำมาอธิบาย นำมาพาปฏิบัติจนกระทั่งพวกเราสัมมาทิฐิกันแล้วก็ได้มรรคได้ผลมา มันเสื่อมมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
อาตมาก็ย้ำยืนยัน จะมาเขียนหนังสือเกิดมาชาตินี้ก็เพราะว่ามันจำนน จำเป็น จำยอม จำใจ จำต้องจริงๆที่ต้องประกาศที่ต้องพูดความจริงเพื่อยืนยันย้ำแล้วย้ำอีก เขาก็อาจจะบอกว่ามันอวดตัวอวดตนทำไม ก็ไม่ใช่อวดตัวอวดตนก็พูดอีก เป็นการบอกย้ำความจริง มันไม่มีคำอื่น มันไม่มีสภาพอื่นที่จะพูด ให้ผิดเพี้ยนไปจากหนึ่งเดียวที่อาตมาเป็น มันไม่ได้มีความเพี้ยนความเป็น 2 สัจจะมันมีหนึ่งเดียวจริงๆ ก็ทำตามจริงอย่างนี้แหละ ผู้ที่จะเข้าใจได้ก็เข้าใจได้ คนที่เข้าใจไม่ได้ อาตมาก็ไม่รู้จะไปว่ายังไง
สมณะฟ้าไท… ถ้าพ่อครูไม่บอกก็ไม่มีใครรู้
พ่อครูว่า… ไม่รู้ง่ายๆมันเป็นสัจจะที่ลึกซึ้งอาตมามาพูด สัจจะลึกซึ้ง
พวกเราจะเจริญคือ เราควรจะรับธรรมของศาสนามันยังไม่สูญสิ้น อาตมามากอบกู้ขึ้น มันจะเจริญไปอีก แม้อาตมาตายไปแล้ว แล้วอาตมาก็ยังไม่มีวิบากที่จะได้มาเกิดต่อ เพราะได้สร้างได้ทำที่อาตมารับผิดชอบว่าจะต้องมาต่อสืบทอดสืบเชื้อ ธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม อันนี้ก็พูดมาย้ำไม่รู้กี่ทีแล้ว ก็ต้องทำจริงแล้วก็ทำมาแล้วมีหลักฐานแล้วอาตมาพูดคือมีหลักฐาน
เพราะฉะนั้นคนที่ติดตามก็ไม่มีปัญหา ยืนยันอ้างอิงได้ทั้งตัวตนบุคคลความประพฤติทางกายวาจาใจที่พวกเราได้ผล ได้มรรคได้ผลแล้วอาตมาจะต้องทำงานนี้
แผนที่การเดินทางในครึ่งหลังพุทธกาลนี้
เปิด แผ่นนี้มาก็ดี ตามแผนที่แผนผังการเดินทาง
อาตมาเกิดมาชาตินี้อายุ 36 ปี แล้วก็ทำงานอีก 36 ปีเป็น 72 ปี ก็บูรณาการบูรณะภาพธรรมะโลกุตตรธรรมขึ้นไปได้พอสมควร เส้นของแพทเทิร์นนี้มันก็สูงขึ้นไป ทำไปตอนนี้ยังไม่ถึง 108 ปี ตอนนี้อายุ 90 ปียังไม่ถึง 108 ก็ได้ขึ้นมาอีกประมาณหนึ่ง อาตมาจะต้องทำให้เกินให้เป็นที่เผื่อพอว่า มันจะต้องมีพลังงานของโลกุตระ
แม้อาตมาไม่เกิด โลกุตรธรรมก็จะมีพลังงานที่ตกอยู่ในมวลชาวพุทธ ชาวพุทธก็คือชาวอโศกเรานี่แหละ จะต้องมีพลังงานที่จะช่วยกัน สืบสานพัฒนาขึ้นไปได้อีกจนถึง 150 ปี อยู่ที่ยอดสูงสุด 150 หรือ 151
151 เป็นตัวเลข อจินไตย ที่มันเกิดตอนนี้ยังไม่พูดถึง
ถึง 144 ปีก็ครบนักษัตรทั้งหมด แถมอีก 7 ปีไปถึง 151 ปี อีก 7 ปีเป็นของแถมนี่แหละเป็นพลังงาน ที่มันเป็นโมเมนตั้มที่จะสูงขึ้นไปได้อีก แม้ไม่ทำอะไรมันก็ขึ้นไปได้ เพราะพลังงานสุดท้ายเป็นแรงเฉื่อยของมัน มันจะสูงขึ้นไปถึงสุดยอดตามรูปของสามเหลี่ยม
แล้วจากนั้นแล้วมันถึงจะเสื่อม เสื่อมยาวไปจนกระทั่งถึง 2,000 กว่าปี ตอนนี้มัน 500 กว่าปีแล้ว 566 แล้วก็ไม่ถึง 2,500ดี อีก 2,400 กว่าปี ก็เอาตัวเล็กกลมๆที่ 2,500 อีก 2,500 ปี ศาสนานี้ก็จะหมดเชื้อของโลกุตระสิ้นเกลี้ยงเลย
นี่ก็ทำไว้นานแล้ว สามเหลี่ยม Pattern นี้ก็ทำไว้นานแล้วผู้ที่เข้าใจเรื่องพวกนี้บ้าง พูดแล้วก็คงพอช่วยความเข้าใจได้ดีได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นอาตมาก็ยังจะต้องเผื่อพอไว้ อาจจะเกิดมาอีกในชาตินี้ในกัปป์ของศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าองค์นี้ หรือไม่เกิดมาก็ยังไม่แน่ก็ดูก่อน ก็พยายามที่จะลากสังขาร ทำงานเพื่อสืบสาน เพื่อปลูกฝังกันต่อไป ให้มันเกิดน้ำหนักขึ้นไปให้ได้มากๆที่สุดเท่าที่จะมากได้
อาตมาทำงานตั้งแต่ 2513 นักษัตร 1 ก็ 36 ปี เป็น พ.ศ. 2549 ปี ถ้าต่อไปอีกเป็นนักษัตรที่ 2 ก็จะเป็น 2585 ก็คืออีก 19 ปี อาตมาทุกวันนี้มันไม่ไหว มันกินอาหารก็พยายามจริงๆกว่าจะกินมันเมื่อยมันทุกข์ ก็พยายามฝืนกินให้มันได้ปริมาณที่จะกิน
-
อาหารมันก็กินไม่ค่อยลงไปแล้ว เพราะรสอร่อยอาตมาน้ำมันหมดไป มันเป็นธรรมชาติที่ว่าคนหมดรสอร่อยมันเป็นอย่างนี้แหละ แต่หมดรสอร่อยแล้วนี่นะ ถ้าเผื่อว่ามันไม่ลากสังขารมันก็ไม่ฝืนขนาดนี้ แต่อาตมาลากสังขารก็พอเข้าใจไหมลากสังขาร มันต้องฝืนกินให้มันได้
มันจะไปรู้เรื่องอะไรล่ะ สรีระอวัยวะที่มันจะต้องสังเคราะห์ทำเนื้อทำหนัง นี่อาตมาน้ำหนัก 53 กว่าจะ 54 แล้วนะ อาตมายังไม่ค่อยอ้วนมากตั้งแต่หนุ่มมาผ่านมานี่ น้ำหนัก 54 นี้นานช้า นอกนั้นมีแต่ 49-50 ก็เก่ง ตอนนี้มันก็เพิ่มขึ้นมาเพราะความพยายามของอาตมาเติมอาหารให้เข้าไป มันก็เลยขึ้นมามีเนื้อมีหนังพอสมควร ก็พยายามดู
มันเป็นอิทธิบาทของพระพุทธเจ้าที่ได้สอนเรามา ลำบากไม่ใช่ไม่ลำบากเหนื่อย เข็นพลังงานสู้ กินก็สู้ นอนก็สู้ โอ๊ ทำงานก็ยังทำอยู่ล่ะทุกวันนี้ก็ทำน้อยลงไปพอสมควรเยอะแล้ว แต่ก็ดีมีผู้รับผิดชอบช่วยก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยสืบสานกันคนละไม้คนละมือ อันนู้นอันนี้อันนั้น
อาตมาก็ดีทางแมคคานิคก็ดี อาตมาไม่เก่ง แต่ก็ได้อาศัยพวกเราช่วยกันคนละไม้คนละมือช่วยกันจำ ช่วยกันโน้ต มันก็พอเป็นไป
_สู่แดนธรรม… ผมมองว่า พ่อท่านใช้ธรรมะอิทธิบาทเป็นปาฏิหาริย์ เป็นการยืนยันว่า พ่อท่านใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่อื่นเขาไม่ทำกัน
พ่อครูว่า… ใช่ที่อื่นเขาใช้แบบอื่น หรือว่าธรรมะพระพุทธเจ้าหรือที่เขาบอกว่าเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ยกอันนั้นมาโชว์ แต่มันไม่ใช่อนุสาสนีปาฏิหาริย์ อาตมาเป็นโลกุตระ เขาก็ไม่ใช่โลกุตระเขาจะมาทำได้ไง
มันไม่ใช่ทำง่ายๆ ถ้าจะว่าก็แล้วมันก็ยิ่งกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าอาเทสนาปาฏิหาริย์ มันเป็นอิทธิบาทมันเหนือชั้นกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ อเทสนาปาฏิหาริย์ แต่มันเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์จริงๆ
_คอยใคร · กราบเคารพพ่อครูครับ ผมได้ข่าวว่าพ่อครูเทศน์วันก่อนมีอาการไอ 3 ครั้ง ถ้าเกิดคนโลกๆที่ได้ยินแบบนี้คงจะเอาเลขไปตีหวย แต่ก็ไม่รู้ว่าไอมากหรือไอน้อยเพราะแหล่งข่าวไม่ได้บอกครับ ถ้าไอน้อยถึงไม่มากเขาก็จะตี 30-32 ถ้าไอกลางๆก็ 33-36 ถ้าไอมากถึงมากๆก็เลข 37-39 แล้วไอเช้า กลางวัน เย็น เขาคงจะตีเลข 333
ที่กล่าวมานี้คือผมอยากจะบอกว่าเฟสเก่าผมเข้าไม่ได้ มาแจ้งว่าผมยังติดตามฟังพ่อครูและสมณะ สิกมาตุ ตลอดครับ สุดท้ายนี้ขอให้พ่อครูสุขภาพแข็งแรงอยู่กับลูกๆไปอีกนานๆครับ กราบขอบพระคุณครับ จาก คอยใครคนเดิม
พ่อครูว่า …ขอบคุณ
_มานี ลี · รับชมที่ไต้หวันภาพชัดเสียงชัดเจนค่ะ
พ่อครูว่า …อ้าวดีมาก ตอบรับทางเทคนิค
_เพชรรัตน์ แรงค์ : กราบนมัสการพ่อครูค่ะ ต้องขอบคุณเทคโนโลยียุคนี้ที่ทำให้สามารถฟังพ่อครูได้ทุกที่และสามารถสนทนากับพ่อฯผ่าน sms ได้ ลูกได้ฟังพ่อฯเทศน์เรื่องพีชะนิยาม.. ซึ่งไม่เคยได้ยินที่ไหน เมื่อก่อนเวลามีคนถามเรื่องผม… มักจะรำคาญ.. ไม่ว่าเราจะตัดผม.. ผมสั้น.. ผมยาว.. โกนผม.. คนก็มักจะยุ่งกับหัวเรา_โกนผมทำไม.. ไม่ใช่นักบวช ลูกก็ได้แต่คิดในใจว่า.. เอ๊า.. แล้วทีคนเป็นมะเร็ง.. ผมร่วงหมดหัวยังได้เลย..ไม่เห็นต้องเป็นนักบวช (ขำๆค่ะคิดเองก็ขำเองด้วยค่ะ)😇🥰😃
ไม่น่าเชื่อค่ะว่าแค่เรื่องผม ทำให้ได้อ่านเวทนา108 แต่พอมีโอกาสได้ฟังเรื่องของพีชะนิยามที่พ่อสอนบ่อยๆ.. เรื่องของผมจึง..จบ..ลงได้..เป็นการทบทวนธรรมได้อีก..ถึงความไม่เที่ยงของผมแบบหยาบๆ.. ผมหงอก.. ผมร่วง…. แต่พ่อฯสอนขั้นเทพ.. ไม่ใช่สิคะ.. ขั้นโพธิสัตว์ระดับสูง.. สอนให้เห็นเวทนาแท้กับเทียมและเห็นความไม่เที่ยงของใจที่รู้สึกกับความไม่เที่ยงข้างนอก(ผมและรวมถึงอื่นๆด้วยค่ะ)ที่เป็นเพียงพีชะตัดออกก็ไม่เจ็บ.. แต่เรามักจะเจ็บกับสิ่งที่มันไม่ต้องรู้สึกเจ็บเสมอๆ..เพราะไม่ใช่มีแค่สัญญา. แต่มีเวทนาเทียมร่วมด้วย จึงเจ็บไม่รู้จบ..
แต่กว่าจะเข้าใจได้ ก็ต้องใช้เวลาไปกับความไม่รู้.. ลูกรู้สึกขอบคุณผู้คนที่มาขุดความไม่รู้ให้ได้เรียนรู้ถึงเวทนา ให้รู้จัก.. รู้แจ้ง.. รู้จริง.และไม่สุขไม่ทุกข์กับผมจริงๆ.. เพียงรู้ความจริงตามความเป็นจริงตามฐานะที่พอรู้ได้ สิ่งที่พ่อสอนเชื่อมโยงกันน่าอัศจรรย์.. ร้อยกันได้ทุกลีลา แม้คำว่าลีลาที่พ่อฯพูด.. ก็ยังลึกซึ้งอีก พ่อครูคือสุดยอดปาฏิหาริย์ในโลก.. ลูกไม่มีสิ่งใดตอบแทนพ่อครู.. นอกจาก. มาจน.. แบบไม่สิ้นไร้ไม้ตอก.. (จริงๆก็จนอยู่แล้วค่ะพ่อฯ..ขายของขาดทุนตลอด55)และเอาชีวิตมาอยู่ที่บ้านราชและปฏิบัติบูชาพ่อไม่ว่าจะอยู่ที่ใดค่ะ น้อมกราบขอบพระคุณสูงสุดค่ะ… ขอให้พ่อฉันข้าวได้และอร่อยด้วยค่ะ😇🥰😃😍😄13..กันยายน2566
พ่อครูว่า …เอาเลย มาจน อาตมาก็พอใจแล้ว… แหม อยากอร่อยจริงๆ มันจะอร่อยขึ้นมาก็พยายามสร้างความรู้สึกสมมุติขึ้นมามันจะสำเร็จไหม แต่ก็ไม่มีปัญหาหรอก เราก็พากเพียรไป ทดสอบความจริงไปเรื่อยๆ อาตมาก็เป็นโพธิสัตว์ อย่างนี้ก็เป็นการทดสอบสัจธรรมจริงๆด้วย ก็ว่าไป
_ภัทรมน ทองม · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพค่ะ พี่สาวฝากมาเรียนว่าชอบที่พ่อท่านเล่าเรื่องเก่าๆชอบฟังประวัติพ่อท่าน เขาเคยรู้แต่ว่าพ่อท่านเป็นนักแต่งเพลง เขาเพิ่งได้ดูบุญนิยม เมื่อ2/3เดือนก่อน ก่อนนี้บุญนิยมทีวีไม่ติด อยู่ๆ ก็ติดขึ้นมาเอง แล้วเขาเลยติดใจ พอจะดูช่องอื่นก็ไม่ได้ หลานโทรมาฟ้องว่าหนูเห็นว่าป้าหลับเลยจะเปลี่ยนช่องป้าก็ตื่นทันทีบอกว่าป้าจะดูพ่อท่านค่ะ🤣🤣🤣 (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท… เราก็ได้ศึกษาไปกับพ่อครู
_จนแท้ บุญคุ้มมาจน · กราบคารวะพ่อครู.พระกระแสหลักเรียกพวกเราชาวอโศกว่าพวกเคร่งจารีตครับ.
พ่อครูว่า …เขาจะหมายอย่างไรก็คงคำนวณยาก เคร่งจารีตมันก็ดีนะ หรือจะหมายเอาว่าไม่ดีในความว่าเคร่งทำแอคทำเคร่ง เคร่งจารีต ก็จารีตของเราเป็นพุทธจารีตก็แล้วกัน ไม่ใช่พุทธแปลงหรือพุทธแก้ พุทธเก๊ แต่เป็นพุทธแท้จารีตของพระพุทธเจ้าจริง ก็ไม่ขยายความต่อละกัน
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม · กราบนมัสการ พ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่ว่าธรรม หรือเล่าประวัติของพ่อท่าน และเพลงของพ่อท่านที่แต่งมานาน. แต่ตอนนี้จะมาจัดคอนเสิร์ต
ทำไมมีเหตุการณ์ มันดูดีไปหมดทั้งนักร้องวัยรุ่น ที่สดใส ทั้งรุ่นก่อนให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยบุญบารมี ที่สั่งสมมาจึ่งครบพร้อมในการเตรียมการครั้งนี้ลงตัว กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า …คนคนนี้ก็แอบมองอยู่ว่าทำไมมันเกิดอย่างนี้ มันก็เกิดไปตามเหตุตามปัจจัย ก็ดูไป
_สินพุทธ สุขพูล · ผมมีความเห็นส่วนตัว ว่าพ่อครูฯ เทศน์ 1 ชั่วโมงครึ่ง จะดีครับ แต่ 1 ชั่วโมง ผมว่า จะน้อยไป ถ้า 2 ชั่วโมง ก็จะมากไปครับ กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า… นี่ก็กำลังจะครึ่งอีก 15 นาทีก็เต็มครึ่ง รู้จักเอากลางๆเนาะคนนี้ ก็ดีออกความเห็นมา ก็แล้วแต่ว่ามันจะอยู่ในวาระที่ว่าทำงานไปแล้วเราเทศน์ไปแล้วมันจะไปยังไงล่ะ มันจะได้แค่ไหนมันพอถูไถไปหรือว่าไม่พอถูไถไป มันพอถูไถไปได้ก็ทำไปได้ ถ้าไม่พอถูไถไปก็หยุดได้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
เพราะคุณทักษิณมีเฉโกจึงโง่ทำการหมิ่นที่สูง
เวลาที่เหลืออีก 14 นาทีนี้ก็ พูดโปรยปรายถึงเหตุการณ์บ้านเมืองเหตุการณ์สังคมหน่อยดีกว่าอย่าเพิ่งไปเข้าถึงเนื้อธรรมะเลย มันจะยาวยืดไปอีก พูดถึงเขาหน่อย
ขณะนี้เหตุการณ์ที่คุณทักษิณประพฤตินี้ อาตมาว่ามันเป็น สัจธรรมเป็น สิ่งที่เกิดในประเทศไทย แล้วก็คนไทยนี่แหละจะทำขึ้นมาเป็นตำนาน มันยิ่งกว่าประวัติศาสตร์ มันเป็นตำนาน เป็นตำนานตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าคนเรานี่ จริตนิสัยอย่างคุณทักษิณ เขาก็ทำของเขาอย่างนั้น ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ไม่มีที่ต่ำที่สูง เขาสูงอยู่คนเดียวแล้วเขาก็จะสูงเริ่ด ไปตลอดจนตายนั่นแหละ
แล้วเขาก็พยายามดิ้นรนเพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาไม่เคยตกต่ำเขาไม่เคยแพ้แล้ว แม้ว่าเขาจะทำท่าทีว่าเหมือนยอมรับว่าเขาผิด จนกระทั่งแม้ที่สุดเขาก็ไม่สะดุ้งในราชกิจจานุเบกษาบันทึกลงไปว่า นักโทษชายเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร เป็น article นำหน้าชื่อ แทนที่จะเป็นพันโทหรือเป็นด็อกเตอร์ แต่เขาได้ article นำหน้าว่านักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร เพิ่งเคยมีคนแรกในโลกมั้ง เขาก็ยังไม่รู้สึกรู้สาว่าโอ้โห สิ่งนี้มันสุดยอดแห่งความตกต่ำที่สุดแล้วนะนี่เขาก็ไม่รู้สึก ไม่รู้สึกรู้สา เขาก็ยังดันทุรังทำต่ออีก
ในพฤติกรรมที่เขาทำต่อทั้งเป็นการค้านแย้งกับเบื้องสูง ค้านแย้งกับความรู้สึกของประชาชน ค้านแย้งกับกฎหมาย อาตมามองไม่เห็นคุณค่าของพฤติกรรมที่คุณทักษิณกำลังประพฤตินี้เลย ไม่เห็นคุณค่า เห็นแต่ความด้อยค่า เห็นแต่ค่ามันเป็นค่าความไม่ฉลาด ที่จริงก็ควรจะใช้คำตรงๆว่าเป็นค่าของความโง่ ทางโลกโลกีย์เขาไม่โง่หรอกเขาจบด็อกเตอร์อาชญวิทยาเขาโกงเก่งสะบัดเขาใช้เล่ห์อะไรต่ออะไร เอาคนมาเป็นบริวารได้เขาไม่ได้เป็นคนโง่ เขาเป็นคนฉลาด เฉโก ไม่ใช่ฉลาดแบบปัญญา ฉลาดมากเลย แต่เป็นฉลาดแบบ เฉโก ฉลาดโกงฉลาดเก่ง มีความสามารถในความฉลาด เฉโก ได้เยอะ
มันยิ่งเป็นสัจธรรมที่ทำให้เห็นว่าคนไม่รู้เขาก็ทำอย่างไม่รู้ น่าสงสารขนาดไหน เราก็ได้แต่สงสารไม่รู้จะไปช่วยเขาได้ยังไง แล้วคนที่ยังเป็นบริวารเขาอยู่แล้วก็ยังเป็นไม้เป็นมือ เป็นคนที่ทำอะไรร่วม ผสมโรงกับเขาไปอยู่ มันเป็นกรรมร่วม ที่มหาหนัก ชัดๆก็เป็นมหาอเวจี ซึ่งอาตมาเห็นสัจธรรมพวกนี้อยู่นี่ก็พูดไปนะ ถ้าไปถึงหูเขาบ้างเขาจะได้คิดบ้างหรือเปล่าสะดุ้งสะเทือนบ้างไหม
อาตมาไม่ได้พูดเป็นการถล่มทลายเขานะ อาตมาพูดอธิบายสัจธรรมให้ฟังเรื่อยๆ อาตมาก็พูดไปเรื่อยๆไม่ได้ไปมีอารมณ์หรือว่ามีอะไรโกรธแค้นโกรธเคืองหวังร้ายอะไรกับเขาเลย มันน่าจะเอาความมีปฏิภาณไหวพริบ เขาเป็นคนมีความปฏิภาณไหวพริบเป็นความเฉลียวฉลาดนะ แต่เป็นความเฉลียวฉลาดที่ เฉโก มันไม่ใช่ความเฉลียวฉลาดที่มาทางปัญญา จะเห็นความแตกต่างระหว่าง เฉโก กับปัญญาได้ เฉโก มันก็สูงส่งได้
เหมือนมหาบัว เฉโก สูงส่งจนคนรู้ไม่ทันทุกวันนี้ เพราะเขาอยู่ในร่างของนักบวช อยู่ในร่างของเหตุปัจจัยที่แวดล้อม ทั้งทำทีว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติเป็นประโยชน์กับสิ่งที่ร่วมทางสถาบันสูงอะไรต่ออะไรต่างๆนานา ซึ่งมันก็ผิด ไปเรี่ยไรมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของภิกษุแล้ว เอาจริงๆมันก็ผิดแล้วอะไรอย่างนี้ ต่างๆนานา แต่มันซับซ้อนอาตมาอธิบายยังไม่เก่งว่ามหาบัวนั้นซับซ้อนหลายชั้น
หลักการของโสดาบัน 4 ระดับ
เพราะฉะนั้นธรรมะพระพุทธเจ้านี่อาตมาต้องพยายามที่จะอธิบายให้ได้เผื่อพอไว้ ให้ละเอียดลออก่อนจะตายไปชาตินี้ก็ยังพยายามลากสังขารไปอยู่นี่ ไม่รู้จะได้ไปกี่ปี
แต่ก่อนนี้อาตมาว่าอาตมาจะได้นะ 120 นี่ คิดว่าไอ้ที่ตั้งตัวเลข 150 151 นั้น มันก็เป็นนิมิตแปลกๆ พวกเราก็รู้ประวัติแล้วอาตมาไม่ท้าวความต่อแล้ว 151 นั้นมันมาจากไหน ก็พูดไว้หลายทีแล้ว
อาตมาก็ยังนึกอยู่ว่า 120 นี่มันจะเป็นมาตรฐานตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้า พระอานนท์ก็ 120 พระกัสสปะก็ 120 แต่ยุคนี้มันไม่ไหวแล้วคนมันอายุสั้น กว่า 120 ซึ่ง 120 มัน ม่ใช่มาตรฐาน ถ้าใครอายุ 120 ก็ขึ้นกินเนสบุ๊คเลยนะ Best Record ไว้เลย ถ้าเผื่อว่าใคร 120 นี่ เห็นมี 117 ปีนะ ที่เป็น Best Records 117 ปีในยุคนี้ อันนี้ในกินเนสบุ๊ค นะ ที่บันทึกไว้ 117 ปีเป็นหลักฐานที่ชัดเจนมีบุคคลที่โม้ว่าอายุ 130-140 แต่เขาดูหลักฐานแล้วก็ไม่เอา เอาที่บันทึกไว้แล้ว 117 ปีสูงสุดนี่พูดประกอบไป
มันอยู่ที่ความพยายามอาตมาก็พยายาม ไม่ได้พยายามเพื่อที่จะได้รับ ลาภ ยศ สรรเสริญเยินยอ อาตมาไม่มีเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ติดยึดคนจะเชื่อไม่เชื่อไม่มีปัญหาอะไรอาตมาก็มีสิทธิ์พูดความจริง
ก็ต้องพยายามลากถูลู่ถูกังกันไปดู มันพอได้โดยรูปธรรมก็พอได้ ก็ได้ส่วนหนึ่งนะรูปธรรมก็ดูเนื้อหนังมังสาดูท่าทีหน้าตาอะไรก็พอเป็นไปได้นะ พออาศัย แต่ซ้อนๆอยู่มันก็อื้อต้องเข็นมันหนักไม่ใช่เล่นเลยนะ ส่วนจิตไม่ต้องพูดเลย จิตนี่เต็มร้อยเต็มพันเต็มหมื่นเต็มแสนเต็มล้าน จิตนี่ เต็มที่เลยที่จะทำงานนั้นอันยิ่งอันนี้
อาตมา 1.อุ่นใจ 2. ดีใจ 3. ภาคภูมิใจ ที่มีคนอยู่ในยุคนี้อย่างพวกเรา พวกคุณทั้งหลาย เข้ามาเห็นจริง อาตมาใช้คำว่าพวกคุณมาเห็นจริงเห็นเอง ของพวกคุณเอง อาตมาเชื่อว่าแต่ละคนไม่มีใครมาบังคับให้พวกคุณมาเห็น บังคับมันก็เกิดไม่ได้เพราะใจมันต้องเห็นเอง
และการเข้ามาโดยบังคับมันเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะโลกุตระนี้เป็นไปไม่ได้เลย เพราะคนจะต้องมีภูมิปัญญา มีปฏิภาณรู้ว่านี่คือโลกุตระ แต่ถ้าโลกียะมันมีความโง่ผสมอยู่ เพราะมันหลอกแล้วก็มีอะไรซับซ้อนได้เพราะกิเลสมันบำรุงกิเลสโตขึ้นโตขึ้น มันก็โง่ไปได้ แต่อันนี้ไม่ได้ โลกุตระเนี่ยไม่ได้ บำรุงกิเลสให้โตขึ้นไม่ได้มีแต่กิเลสจะต้องลดลงๆ เพราะฉะนั้นมันจึงสามารถที่จะทำให้กิเลสโตขึ้นมันทำไม่ได้โลกุตระ ถ้าจิตเข้ากระแส โดยเฉพาะเข้ากระแสไปถึงขีด นิยตะ ตามคำสอนพระพุทธเจ้าเที่ยง
-
เข้ากระแส โสตาปันนะ
-
อวินิปาตธรรม ไม่ตกต่ำ เป็นธรรมดา ไม่ตกต่ำคือต้องไม่ออกนอกกระแสนะ ถ้าไม่ตกต่ำ แต่ตกต่ำออกจากกระแสมันก็หลุดออกจากการทรงอยู่ที่คุณเคยเป็น ก็ตกต่ำไม่ใช่ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา มันก็ตกต่ำเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นจะไปยึกยักยึกยัก คุณต้องพยายามให้มันแข็งแรงจนกระทั่งเลยขีด 50% ขึ้นไปเรื่อยๆเป็น 60% ไปหา 75% ถ้าถึงขีด 75 ก็เรียกเต็มคำเลยว่ามัน นิยตะ
-
นิยตะ มันเที่ยงไม่ตกต่ำเป็นธรรมดามีแต่