661004 จบกิจทำกาละพ่อครูประกาศ Animal Right Watch พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/13sda4Syv-FN44BbLTd1qFGkWj3-XqWHW/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1fyw8v75QJNN9y43EWp-CsHQWLXEy33M1/view?usp=sharing
และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/661004-108–Animal-Right-Watch-e2a57uo
ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/nt05cJljKO/
และ https://youtu.be/f8ckM6np4uE
มีซับ
สมณะเดินดิน…วันนี้วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2566 วันแรม 5 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ข่าวในเมืองที่น่าจะเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเเหมือนกัน พราะว่าเกิดเหตุการณ์สลด ที่มีเด็กแค่อายุ 14 เอาปืนไปกราดยิงในห้างใหญ่ของประเทศไทย ทำให้คนต่างชาติต้องเสียชีวิต มีคนจีน คนพม่า คนไทยก็บาดเจ็บ 4-5 คน
ที่สรุปกันก็คือเด็กอายุ 14 มีปืนมีอาวุธ และไปใช้กราดยิง เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญ นายกบอกว่าต้องไปพบกับสถานทูตจีนเลยเพราะว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศเหมือนกัน ทำให้คนที่เขามาท่องเที่ยวต้องบาดเจ็บเสียชีวิต และไปเจอทูตพม่า ว่าประเทศไทยเราเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้
เขาพยายามหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่อันหนึ่งที่สื่อต่างประเทศกล่าวว่าประเทศไทยมีอาวุธมากที่สุดในอาเซียน ปืนนะ ในคน 100 คน จะมีคนพกปืนทั้งถูกกฎหมายและปืนเถื่อนประมาณ 10 กระบอกใน 100 คน เทียบกับประชากรในมาเลเซีย 100 คนมีปืนไม่ถึง 1 กระบอกเลย แต่ไทยมี 10 กระบอก ทั้งปืนถูกกฎหมายและปืนเถื่อน นี่เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่อาวุธปืนในเมืองไทยมีมากที่สุดในเอเชีย
แต่ไทยเทียบกับอเมริกาไม่ได้เลย อเมริกาปีหนึ่ง มี 365 วัน มีเหตุการณ์กราดยิงมากกว่า 365 วันอีก ถ้าเอาเหตุการณ์ที่เกิดครั้งแล้วครั้งเล่ามารวมกัน ก่อนหน้านี้ 4-5 วันก็มีพวกวัยรุ่นไม่พอใจคำพิพากษาของศาล 100 กว่าคน พากันใส่หน้ากาก บุกไปปล้นร้านไอโฟน เอาไปหมดเกลี้ยงเลย และเป็นปล้นห้างอีก คุณลมเปลี่ยนทิศบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าจนห้างต้องปิดตัวไป เพราะทั้งตัวห้างและตัวลูกค้าไม่เกิดความปลอดภัย ไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ คุณลมเปลี่ยนทิศก็ให้ข้อสรุปว่า ไม่น่าเชื่อว่าอเมริกาทุกวันนี้ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ห้างร้านไม่สามารถที่จะขายสินค้าได้ตามปกติ จากการปล้นสะดมจากผู้คนที่ยากจน Homeless คนไม่มีบ้านพักอาศัย ความเดือดร้อนก็มากขึ้นๆ ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่มีปืนมากที่สุด เหตุการณ์กราดยิงจะเป็นเรื่องปกติของสังคมอเมริกา แต่ของเราเจอครั้งใหญ่ๆแค่ทหารคลั่ง แล้วตำรวจแค้นอีกที คนตายไป 20 กว่าคน ปีนี้แค่เด็ก เกิดเหตุอย่างนี้สังคมเราก็สะเทือนมากพอสมควร ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ เป็นผลมาจากปาณาติบาตที่คนไม่ได้สำนึก ที่พ่อครูพยายามจะเน้นให้เห็นว่า การสร้างอาวุธเป็นความโหดร้ายอำมหิต แสดงความป่าเถื่อนของมนุษยชาติ แต่เขาก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญ นี่ก็เป็นเรื่องที่มีคนถามเหมือนกันว่าประเทศไทยจะลดการมีพื้นการครอบครองปืนได้อย่างไร ได้จุดประกายขึ้นมาในเรื่องนี้
คิดว่าในสังคมเราบอกได้เลยหมู่บ้านเราไม่มีใครพกปืน เป็นหมู่บ้านที่ปลอดจากอาวุธในสังคมเจริญ ไม่ต้องมีอาวุธเอาไว้ทำร้ายใครเลย วันนี้เราคงจะได้มาฟังสัจจะโลกุตระจากพ่อครูกันต่อ
_สู่แดนธรรม… ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อมูล ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนที่หาซื้อได้ง่าย เรียกว่า Blank Gun เอาไปดัดแปลง และเป็นเด็กที่เป็นโรคจิตด้วย
สมณะเดินดิน… เป็นปืนเทียมแต่มีขายในโซเชียล สั่งซื้อมาและเอามาดัดแปลงได้ ยิงแล้วก็ตาย ใช้แทนปืนจริงได้ ยิงก็ตายจริงๆ บาดเจ็บสาหัสกันจริงๆ ปืนปลอมแต่ยิงตายจริง จะเรียกว่าอะไรล่ะ มีขายทั่วไปใครสั่งซื้อก็ได้ นิมนต์พ่อครูครับ
พ่อครูว่า… ก็ค่อยๆเป็นไป คือชีวิตของเรานี่โดยเฉพาะอาตมาพยายามที่จะเอาความรู้ ที่เป็นความรู้สุดยอดคลาสสิคที่สุดละ เป็นความรู้ของมนุษยชาติที่ดีที่สุด ได้มาจากพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน… วันนี้พวกเราคงต้องตั้งใจฟังพ่อครู เมื่อเช้า ก็เรียนถามพ่อครูว่าพร้อมหรือเปล่า พ่อครูตั้งใจว่าเมื่อคืนมีเทวดามาอาราธนา วันนี้น่าจะลงมาเทศน์ จะมีลมพายุพ่อครูก็ตั้งใจจะมาเทศนาในวันนี้
พ่อครูว่า… ตั้งใจจริงๆ แต่แหมสังขารมันจะเอื้ออำนวยแค่ไหน
เอ้านี่ เตรียมมาเป็นปึ๊งเลย เดี๋ยวจะพูดพาดพิงถึงเรื่องจิตวิญญาณมันโหดเหี้ยม มันมีเหตุมีที่มาอะไรต่ออะไร เอ้า เอา SMS ก่อน SMS ก็ไม่ใช่น้อยวันที่ 2 วันที่ 3
SMS วันที่ 2-3 ตุลาคม 2566
_เชวง กิจจะบรรณ์ . อาจารย์ไม้ร่มคิดว่าเป็นอายุจิตเนาะ
พ่อครูว่า…ว่าไป
_ประไพ ยาสาร . ปริญญาทางโลกีย์ไม่ได้ช่วยคนให้พ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้ จึงเกิดโรค “ไซโคพาธ” แผ่ขยายไปทั่วโลก สู้ปริญญา(ปัญญา)ทางโลกุตระ ที่พ่อท่านนำมาสอนลูกหลานชาวอโศก ที่เป็นอาวุธทางปัญญาฝัง “ชิป” ให้แก่พวกเรา เป็นสุดยอดปริญญาของมนุษย์ค่ะ
พ่อครูว่า…จริง อันนี้ก็ต้องพูดว่ามันเป็นความจริง อาตมามั่นใจว่านี่เป็นความจริงที่จริงที่สุด เดี๋ยวจะได้พูดกันอีกต่อเนื่องยาวเรื่องอาวุธๆนี้ อะไรนะ “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” พวกเราจำได้พูดกันไป ฝากฟ้าฝากลมไปทั่วโลก ใครจะแปลเป็นภาษาอะไรของเขาให้เข้าใจไหม เราพูดเป็นภาษาไทยของเราแค่นี้แหละ แล้วมันจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นหรอก มันจะสะสมสิ่งที่เลวร้ายลงไปทุกวินาที มันก็ตกผลึกเป็นความเลวร้ายลามกอำมหิตอะไรไปจริง มันจะออกผลไปเรื่อยๆคอยดูเถอะ
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม . กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง ได้ฟังพ่อท่านเทศน์ วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา พ่อท่านเปรยเรื่อง “ขันธ์” แล้วใจหาย กราบนิมนต์พ่อท่านอยู่ไปนานๆ เพื่อฟื้นฟูศาสนา ที่มันเริ่มจะย่อยยับไปเรื่อยๆ ทั้งการเมือง การศาสนา ในปัจจุบันช่างทำให้พ่อท่านต้องกระตุกอย่างแรง ให้พ่อได้ยกตัวอย่างได้เห็น ซึ่งไม่มีใครเตือนพิธาและทักษิณได้เหมือนพ่อเลย ที่ผ่านมาของจริงทั้งนั้น ถ้าเขาได้ฟังที่พ่อเตือน อาจจะกระเทือนใจเขาบ้างไม่มากก็น้อย กราบสาธุคะ
พ่อครูว่า…อาตมาว่า อาตมาไม่หวังนะว่าเขาจะฟัง ฟังที่อาตมาพูด จะมีใครเอาให้เขาฟังไหม แล้วเขาจะแยแส เขาจะฟังไป จะสะดุดจะกระเทือนอะไรไหม อาตมาไม่คิดว่าเขาไม่โกรธแค้น เขาไม่โกรธเคือง เขาฟังก็คงจะมีคนเอาให้ฟัง จะให้ขวนขวายฟังก็คงจะไม่ แต่คงจะมีคนเสนอให้บ้าง แค่เขาไม่แยแสหรือว่าไม่รุนแรง ไม่พยายามมุ่งกระบอกปืนมาสู่หัวใจอาตมานี่ก็..ก็ดีนักหนาแล้ว ก็ไม่รู้นะ อาจจะ..เอาละไม่พูดต่อ ก็ดีก็ต้องทำๆไป อาตมาก็ทำด้วยใจบริสุทธิ์พยายามทำในสิ่งที่ดีให้แก่มนุษยชาติ
_บุญสูง สาดา . ในจอผมมองเห็นควันเป็น “เอฟเฟกต์”ครับ หรือ ที่บ้านราชมีควันไหมครับ?
พ่อครูว่า…เครื่องคุณเสียแน่ เครื่องคุณเสีย (โยมว่า ควันจากแอร์) .. อ้าว
_Palatt Rattanawachirin (พลัฏฐ์ รัตนวชิรินทร์) . ไม่ได้ยินพ่อครู มีแต่เสียงเพลง คอยมีเพลงแทรกเป็นระยะตลอดเลยครับ
พ่อครูว่า… เครื่องคุณพิการหรือเปล่า เราก็ไม่ได้ใส่อะไรมากมายหรือมีของวิทยุแทรกออกมา ดูให้ดี เช็คหน่อยทางเทคนิค
อภิปโมทยังจิตตัง คือจิตที่ปฏิบัติไว้ดีแล้ว
_ตุ๊ก อัศวิน . Wow..wwww..!!อภิปโมทยังจิตตัง..ยิ่งนักเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…จิต อภิปโมทยังจิตตัง เป็นจิตที่ได้ปฏิบัติหรือว่าทำไว้ดีแล้ว อย่างอาตมานี่มีจิต อภิปโมทยังจิตตัง อยู่ในตัวเองตลอดเวลา เบิกบานร่าเริง ไม่เคยมีเศร้า มีหมอง อโศกะ ไม่มีเศร้าหมองมีแต่เบิกบาน ร่าเริง สบายชื่นใจ เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง คนด่าคนว่า คนอะไรเราก็ไม่ได้ไปในทางลบ ไปในทางถือสา ติดใจ โกรธเคือง หงุดหงิด..ไม่มี มีแต่ อภิปโมทยังจิตตัง นี่เป็นลักษณะจริง ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้ทับถม ไม่ได้ไปลบหลู่ใคร แต่เป็นเรื่องที่เกิดจากจิตที่ปฏิบัติไว้ดีแล้วมันเป็นอย่างนั้น มันจะไม่ได้เป็นทุกข์ให้แก่ตัวเอง
_ ได้เห็นพ่อครู on stage ณ กาละนี้ เจ้าค่ะ!! ท่านเคยปรารภว่า ถึงเวลาจะ “สะต๊อป_ปุ” การปรารภธรรม!! เนื่องด้วยสุขภาพไม่ให้ความร่วมมือ..เจ้าค่ะ ขอขอบพระคุณ_/\_ที่พ่อครูเมตตา..ให้ลูกๆ ได้ “ทัสสนานุตริยะ” และ “สวนานุตตริยะ” นับเป็น “ลาภานุตตริยะ” ของพวกเราแล้วหนอ!!…กราบสาาาธุๆๆ…เจ้าค่ะ…
พ่อครูว่า…ดี
เจโตปริยญาณ 16 ทำไมไม่จบที่ อนุตฺตรํจิตตํ
_สว่างแสง ขวัญดาว . น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ พ่อครูคะ ในเจโตปริยญาณ 16 เมื่อจิตพัฒนามาถึง “อนุตตรังจิตตัง” ลูกเข้าใจว่าจิตล้างกิเลสหมดแล้ว จิตก็น่าจะมีแต่ “สมาหิตังจิตตัง กับ วิมุตตังจิตตัง” แล้วทำไมจึงมี “อสมาหิตังจิตตัง กับ อวิมุตตังจิตตัง” ขึ้นมาอีกคะ สภาวะเป็นอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…อาตมาก็เคยอธิบายหลายทีแล้วนะเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดแห่งการตรวจสอบ อนุตฺตรํจิตตํ มีคู่ สอุตฺรํจิตตํ จิตที่ดี เจริญ พัฒนามาดีๆๆ แต่เราจะรู้ว่าจิตของเรายังมีดีกว่านี้อยู่ ดีกว่านี้ยังมีอีก โบราณอาจารย์ท่านก็แปล สอุตฺรํจิตตํ ท่านก็แปลว่าดีแล้ว อาตมายังเคยชม จิตที่ดีกว่านี้ยังมีอีก จนกระทั่งไปถึงดีที่สุด อนุตฺตรํจิตตํ อย่างที่คุณสว่างแสง ถามมา ถึง อนุตฺตรํจิตตํ
ทำไมต้องมีอีก 2 คู่ ที่มีอีกนี่ก็เพราะว่า แม้เราจะรู้สึก แม้เรารู้สึกแม้ว่าเราจะเห็นจริงเชื่อมั่นแล้ว ว่าเรานี่หมดแล้ว เรายังมีชีวิต เรายังตรวจสอบได้ เรายังมีสัมผัสเป็นปัจจัย เรายังได้รับกระทบกระทุ้งกระแทกกระเทือน พระพุทธเจ้าเตือนไว้ถึงขนาดว่า ลาภสักการะ สรรเสริญ เป็นอันตรายอันแสบเผ็ด แม้พระขีณาสพ แม้แต่พระอรหันต์
คนก็สงสัยอีกว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว ทำไมลาภยศสรรเสริญอะไรต่างๆจึงเป็นอันตรายอันแสบเผ็ดต่อพระอรหันต์ ก็นัยยะคล้ายกัน คือ อย่าประมาท
มันมีเหตุปัจจัยที่สามารถทำให้เกิด มันไม่เที่ยง จิตมันไม่ นิยตะ เที่ยง มันหวั่นไหวได้ เพราะฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้ามีตลอด
อภิสังขาร 3 ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร อภิสังขารมี 3 อย่างนี้ รวมสภาวะไว้หมด
ปุญญาภิสังขาร คือ การสร้างพลังงานให้มันเกิดบุญนี้แหละฆ่ากิเลส ให้ฆ่ากิเลสให้จบให้หมด อาตมาขยายความไปละเอียดแล้วว่าบุญนี่เป็นพลังงานกำจัดกิเลสอย่างเดียว มันไม่มีหน้าที่อื่นเลย แล้วมันก็ไม่สะสมอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งมันเป็น อจินไตย มันเป็นเรื่องไม่ใช่ดูเล่นๆได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีสภาวะจริงแล้วได้ผ่านการพิสูจน์
อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ผ่านการศึกษาเรียนรู้พิสูจน์สภาวะเหล่านี้มาจริง จึงมาถึงยุคนี้แล้ว โอ้โห ศาสนาพุทธมันเสื่อมจริงๆโลกุตรธรรม เข้าใจบุญไม่ได้ ไปเข้าใจบุญว่าเป็นกุศลก็เลยซวย ศาสนาพุทธเลยไม่มีมรรคผลจริง ไม่มีพระอาริยะอรหันต์จริง ก็พูดไปหมดแล้วพูดด้วยความจริงใจ ไม่ได้ไปพูดดูถูกดูแคลน ไม่ได้ไปยกตนข่มท่าน พูดสภาวะจึงยืนยันอ้างอิง แม้แต่ที่สุดมีบุคคลมาพิสูจน์ตาม ยังมีของจริงยืนยันก็ยืนยันทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าก็ให้ตรวจเป็นวิมุตติญาณทัสสนะ นี่ก็เป็นอีกหมวดหนึ่ง หมวดสุดท้ายเป็นวิมุติแล้ว ทำไมต้องมีวิมุตติญาณทัสสนะ ต่างกันหรือ ต่าง คุณได้จบหมดแล้วก็น่าจะจบแล้ว ก็ยังวิมุตติญาณทัสสนะอีก นั่นคือให้ตรวจสอบเสมอ ทุกอย่างไม่เที่ยง อนิจจัง แม้เราจะมีนิยตะ ซึ่งอาตมาก็ขยายความ เดี๋ยวอธิบายจะมีขยายความนิจจังกับนิยตะจะมีความต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็ค่อยๆฟัง
แม้จะมีนิยตะแล้ว ก็ไม่ให้ประมาท พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า พระอรหันต์จริง ไม่เสื่อมไปจากคุณธรรม แต่เสื่อมต่อสุขวิหารธรรม ซึ่งแยกฐานจิตที่เป็นอรหันต์ไม่เสื่อมไม่เปลี่ยนแปลง นิยตะแน่ แต่ในปัจจุบันชาติปัจจุบันธรรม เหตุปัจจัยลาภสักการะสรรเสริญนี่แหละ คุณจะได้รับได้อะไร มันจะยุ่ง กับความเป็น สุขวิหาร ความเป็นอยู่ที่สงบ สุขะ คือ ว่าง สงบ มันจะไม่สงบ ลาภสักการะสรรเสริญ จะทำให้เราไม่สงบ แปลสุขะนี้ให้ดีเป็น ปรมังสุขัง มันจะไม่ปรมังสุขัง มันจะรบกวนวิหารธรรม ปัจจุบันวิหารได้อยู่สบาย มันจะไม่สบาย มันจะหนักหนาสาหัส ถ้าเผื่อว่าไปหลงมัวเมากับมัน ไปหลงว่า แหมเราจะได้หอบหามอะไรอีก คนเรามันก็จะเข้ามา พรั่งพรูเข้ามา ทับถมเข้ามา ก็จะลำบากแก่ตนโดยธรรม
จะว่าเป็นเรื่องของการไม่มีกะใจก็ไม่ใช่ มีกะใจ แต่ก็ควรจะมีจำกัดมีขีดจำกัด ซึ่งเป็นความระมัดระวังของพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง
อาตมายังหลงใน สักการะสรรเสริญหรือเปล่า สังขารมันยอบแยบแย่กว่านี้ ที่จริงอาตมานอนพัก 3 ชั่วโมงตอนบ่ายก่อนมาลุกมานี่อาตมา ไม่ได้ทำอะไรหรอก นอนมา แล้วก็ลุกมาบรรยาย
อาตมาไม่ได้ประมาทนะ พยายามอยู่ ไม่ได้มาทำงานอย่างสมบุกสมบัน ทำเป็นอวดดีไม่ ที่จริงไม่ได้ขี้เกียจ ขยันเกิน อาตมาก็ ไม่ได้ขยันเกิน ขี้เกียจก็ไม่มี ก็คิดว่าพอเหมาะพอดี พอเหมาะพอดีพอสม
เพราะเราไม่ได้ขึ้นต่อลาภยศสรรเสริญโลกียสุขอะไร ทำงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของโลกียะ ไม่ไปกังวลได้หรือไม่ได้ จะเสื่อม ไม่ได้กังวลเสื่อมหรือไม่เสื่อม ไม่กังวลไม่มี ไม่ได้ขึ้นกับโลกียธรรมเลย อาตมา ทำงานตามเหตุปัจจัยที่คิดว่าเหมาะสม
แต่อย่างว่า อาตมายอมรับเลยว่า พูดไปแล้วพวกคุณก็ฟังแล้วไม่ค่อยสนุก คืออาตมาฝืนขันธ์ ฝืนอายุขัย ก็พูดไปไม่รู้กี่ที นั่นมันเรื่องจริง มันเรื่องจริง
อาตมาก็ต้องดูจริงๆว่า เอ๊.. มันจะไปขัดแย้งกันในตัวหรือเปล่า เช่น รูปขันธ์ของอาตมา อาตมาอายุ 90 รูปขันธ์มันไม่ได้ไปเหมือนคนอายุ 90 นะ อาตมาว่านะ นี่อาตมาหลงตนหรือเปล่า อาตมาว่าไม่ได้หลงตน อาตมาว่าอาตมาอายุ 90 ย่างมาแล้ว เนื้อหนังมังสาส่วนต่างๆนานา มันก็ไม่ใช่นะ กระดูกกระเดี้ยวเอ็น เอ็น Elasticity ต่างๆนานา เอ๊..มันก็ จะเต้นจะดีดให้มันเกินวัยก็ทำได้อยู่ แต่มันจะน่าเกลียดเท่านั้นเอง มันไม่ได้เต้นอะไร ดี
อันนี้อาตมาเห็นผลของธรรมะพระพุทธเจ้าที่เป็นการใช้ อิทธิบาท พยายามบูรณะ 8 อ. ทุกอย่าง 8 อ.พยายามจริงๆเลย ไอ้ตัวขี้เกียจที่สุดก็คงจะเป็นออกกำลังกาย อาตมาว่าใน 8 อ.ตัวที่ขี้เกียจที่สุดก็คงจะเป็นตัวออกกำลังกาย นอกนั้นก็ไม่กระไรใน 8 อ. ก็ไม่ได้บกพร่อง อาตมาว่าอาตมาออกกำลังกายอยู่ก็ไม่ได้บกพร่องอะไร ก็พอเป็นไป
เอาละนี้ก็พูดที่ตัวเองมากละ วรรค ไปอันอื่นต่อ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
ปฏิบัติศีลจะนำไปสู่อรหันต์โดยลำดับ
_กระถิน . กราบนมัสการพ่อครูเจ้าค่ะ ดิฉันยังรอฟังพ่อครูอธิบายเรื่องปฏิบัติศีลไปตามลำดับอย่างไร เพื่อไปถึงอรหันต์เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…แหม เรื่องนี้อาตมาก็จริงๆด้วย ก็เคยเปรยแล้วก็อยากอธิบายรายละเอียดให้ดีๆ ละเอียด ศีลไปถึงอรหันต์เลย ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ใน กิมัตถิยสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 24 ข้อ 1 กับข้อ 208 ศีล ปฏิบัติศีลจะนำไปสู่อรหันต์โดยลำดับ จะพาไป กุสลานิ สีลานิ อนุปุพเพนะ อรหัตตายะ ปูเรนตีติ
ศีล จะทำให้เกิดเอารหัสแต่ผล อรหัตตายะ ปูเรนตีติ เต็ม ศีลที่เป็นกุศล ย่อมยังอรหัตผลให้บริบูรณ์ไปตามลำดับ อันนี้จริงเลยแล้วท่านก็ขยายความถึงสภาพจิต 10 หลัก 10 ตัว
-
อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ)
-
ปามุชชะ – ปราโมทย์ (มีความยินดี)
-
ปีติ (ความอิ่มเอมใจ)
-
ปัสสัทธิ (สงบระงับจากกิเลส)
-
สุข (แบบไม่บำเรอตน คือ วูปสมสุข)
-
สมาธิ (จิตมั่นคง)
-
ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้ยิ่งในความจริง)
-
นิพพิทา (เบื่อหน่าย)
-
วิราคะ (คลายกิเลส)
10.วิมุติญาณทัสสนะ (ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในนิพพาน)
(กิมัตถิยสูตร พตฎ. เล่ม 24 ข้อ 1 , 208)
อ้าว ขอฝากไว้ก่อนโอฬาร จะอธิบายให้ดีๆ มันต้องใช้เวลาละเอียดลออ วันนี้อาตมาไม่ได้เตรียมจะพูดเรื่องนี้ นี่ SMS ก็ยังไม่หมดเลย ขอฝากไว้ก่อนกระถินนะ
เปิดเสียงสวดมนต์ธรรมะให้คนใกล้ตายฟังจะมีผลดีไหม
_ช่อทิพ หนูทอง . ได้ยินพระโดยทั่วไปสอน และมีการเผยแพร่มาก โดยเฉพาะตามโรงพยาบาลว่า “คนป่วยหนักที่กำลังจะตาย ให้เปิดเสียงสวดมนต์ให้ฟัง เพื่อให้จิตยึดพระรัตนตรัย ตายไปวิญญาณจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี” เรียนถามพ่อครูว่า “ถ้าคนป่วยนั้นทำชั่วมาตลอด ก่อนตายนึกถึงพระ ก็ไปสู่ภพที่ดีได้ แล้วบาปที่ทำมาทั้งชีวิต ไม่ส่งผลต่อวิญญาณเขาเลยหรือคะ?
พ่อครูว่า…คำถามง่ายๆแต่ชัดเจนมาก จะเป็นการประเล้าประโลมใจของผู้ที่จะตายแล้วก็เลยพยายามจะให้กำลังใจ ให้จิตมันไม่เดือดเนื้อร้อนใจ พยายามจะประเล้าประโลมใจให้สงบ มันก็ได้ผล
อันนี้นี่อาตมาไปถามด็อกเตอร์มโน เป็นผู้ที่ทำงานที่จะ ทำงานกับคนที่ก่อนตาย ด็อกเตอร์มโน เลาหวณิช เป็นคนทำงานนี้ทีเดียวน่าจะง่ายกว่า เขาเรียนทางธรรมะมาเยอะด้วยด็อกเตอร์มโน มันน่าจะได้ความรู้เยอะนะ
จริงๆแล้วมันแก้กรรมไม่ได้หรอก กรรมวิบากมันมีเท่าไหร่มัน จะหลอกหลอนอย่างไรก็ อาจจะมีจิตไปยึด ต้องใช้คำว่ายึด ยึด ก็ยึดได้ในภาวะที่อะไรไม่ดีกว่านี้แล้วก็ยึดอันนี้ แต่ยึดแล้ว พอมันเปลี่ยนภพ ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป มันไม่คงเดิมคงที่อะไรหรอก แต่เขาก็ใช้ให้มันผ่านไปในชั่วปัจจุบันธรรมนั้น
กรรม สุจริต กรรมส่งผลจริง ชั่วก็ชั่ว ดีก็ดี เพราะงั้นหลอกล่อได้เหมือนอย่างกับคนที่หลอกล่อ คนทุกวันนี้กลบเกลื่อนแม้กระทั่ง ตัวเอง มันทุกข์จะตายชัก ก็นึกว่าตัวเองไม่ทุกข์ ไม่รู้จักสภาวะที่เดือดร้อนจริงๆ ซึ่งมันเป็นความซับซ้อนของความเดือดร้อน มันมีจริง มันจะใช้อำนาจของเงิน อำนาจทรัพย์สฤงคาร อำนาจของอำนาจ อำนาจของมวลบริวารแวดล้อม หรืออำนาจของอิทธิพลใดๆก็แล้วแต่ที่สร้างขึ้นมา เพื่อที่จะ ชะลอให้ตัวเอง ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นตามกรรมวิบาก ไม่รับไม่ยอมรับกรรมวิบากของตัวเอง
คุณชะลอไปได้ ก็ยิ่งชะลอ มันยิ่งออกดอกเบี้ย มันยิ่งชะลอนั่นแหละยิ่งชะลอหนัก ดอกเบี้ยก็ยิ่งทบต้นขึ้นไป นี่เป็นกรรมวิบาก ไม่ใช่อาตมาขู่แต่เป็นเรื่องที่จริง เหมือนกับหลักการของมนุษยชาติ ดอกเบี้ยทบต้น มันจริงนะ ก็ขออธิบายขยายความเท่านี้พอ
_ภิญญา สว่างแสง . น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ กราบนมัสการท่านสมณะสิริเตโช ท่านสมณะลานศีล และสิกขมาตุด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ เรื่องกินทำยากมากค่ะ ยิ่งฟังท่านสมณะและสิกขมาตุเทศน์ ยิ่งเห็นกิเลสตัวเองชัดมากค่ะ ท่านสมณะบอกว่า อาหารรสจืด รสเผ็ด รสหวานนั้นไม่ใช่กิเลสตัวที่เป็นกิเลสของเรา คือจิตที่ไปชอบรสจืด รสเผ็ด รสหวานต่างหาก กราบขอบพระคุณท่านสมณะที่ให้สัมมาทิฏฐิค่ะ ลูกพยายามล้างกิเลสตัวชอบรส(หวาน)ให้ได้ค่ะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
พ่อครูว่า…รายละเอียดสิ่งเหล่านี้ มันเป็นอุปาทาน อาตมาจะขยายความลักษณะที่ละเอียดให้ฟังในที่เตรียมไว้แล้วนี่ ขอผลัดไว้ก่อน มันมีพยัญชนะอยู่ 3 ตัว ละเอียดมาก ตัวหนึ่งคือ อุปาทิ ตัวหนึ่งคืออุปาทาน ตัวหนึ่งคือ อุปาทยติ
อุปาทิ นี่มันเป็น ปุริสภาวะ อุปาทานนี่เป็น นปุงสกลิงค์ อุปาทยติเป็นกิริยา
เพราะฉะนั้นสภาพต่างๆ กิริยา กับสภาพที่เป็น ปุริสภาวะ กับสภาพที่ไม่มีสภาวะ นปุงสกลิงค์ มันจะมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญละเอียด เดี๋ยวถึงวาระ อาตมาเตรียมไว้อยู่ จะอธิบายให้ฟังละเอียดๆฟังดีๆ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งจริงๆ ที่ไม่ใช่ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีทางที่จะมาแยกแยะละเอียดลออได้ขนาดนี้ และอาตมาถ้าไม่ใช่โพธิสัตว์ระดับ 7 สายปัญญาโดยตรง อาตมานี้เป็นสายปัญญาโดยตรง สายปฏิสัมภิทาญาณ จึงสามารถที่จะรู้สภาวะและพยัญชนะเหล่านี้ว่ามันหมายถึง อย่างนี้อย่างนี้ เอามาแจกแจงได้อย่างถูกสภาวะ เอาล่ะฝากไว้ก่อนโอฬารเหมือนกัน
_อาภรณ์ จองเจริญกุลชัย . กราบนมัสการค่ะ จิตที่มีความยึดมั่นถือมั่น คือเป็นอัตตาตัวตน ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ใช่ไหมคะ กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า… จิตที่ยึดมั่นถือมั่นนี่แหละคืออุปาทาน เป็นลักษณะหนึ่งของอุปาทาน ใช่ ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ เมื่อกี้ก็บอกแล้วค่อยๆเข้าใจ
_ใจแก้ว อโศกตระกูล . กราบนมัสการท่านสมณะและสิกขมาตุค่ะ ดิฉันเข่ง ใจแก้ว ฟังอยู่ที่ปาดังเบชาร์
พ่อครูว่า…รายงานมาว่าตัวเองยังอยู่โน่น ก็รู้ ไม่ได้อยู่ที่บ้านราช ก็ไม่ได้หนีไปไหน บอกนะว่าไม่ได้หนีไปเที่ยวนะ อยู่ปาดัง เบซาร์ แล้วเขาก็รายงานอะไรต่ออะไรมา ในจดหมายก็มีเอามาอ่านให้ฟังแล้ว
_กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพบูชายิ่งครับ
กระผม แรงผัก เบ้าทอง ขอรายงานตัวเพิ่งเข้ามาอยู่บ้านราชฯเต็มตัว เมื่อประมาณวันที่ 10 สิงหาคม 2566 นี้เองครับ เคยอยู่ม.อุบลกับญาติธรรม ถือว่าเป็นครั้งที่ 1 พุทธัง ธัมมัง สังฆัง
ครั้งที่ 2 มาอยู่สวนใสมวน กับคุณพ่อไม้ผล ทุติยัมปิพุทธัง ทุติยัมปิธัมมัง ทุติยัมปิสังฆัง ครั้งที่ 3 ก็มาอยู่ที่วัดบ้านราชฯ เป็นตติยัมปิพุทธัง ตติยัมปิธัมมัง ตติยัมปิสังฆัง มาได้ธรรมะ รู้ธรรมะที่มาอยู่ บ้านราชฯนี้เองครับ ก็คงจะเป็นเพราะว่าได้รับฟังธรรมบ่อยๆ โดยเฉพาะรายการย่อยธรรมะ จากท่านสมณะท่านสิกขมาตุทุกรูปทุกองค์ครับ มีความศรัทธายิ่งครับ
และอีกเรื่องครับ กระผมได้รับข้อมูลจากญาติธรรมที่อยู่บ้าน ราชฯว่า ในเรื่องทำงานไปและก็อยู่ไป ตอนเราไม่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่เห็นเป็นไร แต่เมื่อเรามีการเจ็บป่วยขึ้น ตัวใครตัวมัน สุดท้ายแล้ว ก็กลับไปตายกับญาติพี่น้องทางสายเลือด ข้อมูลนี้ไม่เป็นจริงครับ กระผมสำรวจตรวจสอบได้ว่า คงเป็นเพราะว่า ตอนที่เราสุขภาพดี อินทรีย์พละภาวะแข็งแรง ปฏิบัติตนเป็นคนไม่เอาภาระ ไม่ค่อยช่วยงานหมู่กลุ่ม ไม่สร้างบารมีคุณความดีให้กับตัวเอง
กระผมกลับมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 มาทำความดี มาทำกสิกรรม มาฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นหลัก มาอยู่กับวัด เชื่อฟังหมู่กลุ่ม ตราบใดยังมีอินทรีย์พละแข็งแรงสุขภาพดี จะพยายามขยันขวนขวาย สร้างบารมีคุณงามความดีให้กับตัวเองด้วยครับ
กระผมขอพูดกับญาติธรรมทุกๆคนด้วยว่า ผู้ที่ยังไม่มาก็ขอให้มาเถอะครับ มาพิสูจน์สัจจะ ถึงเวลาวาระสุดท้ายแล้วครับ พ่อท่านฯ ท่านเป็นปู่เรา ส่วนท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุ นาค ปะ เป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เรา สำหรับกระผมแรงผัก มีความมั่นใจในศรัทธา เป็นสัมมาทิฏฐิแน่นอนครับ มีอะไรขาดตกบกพร่อง กราบนมัสการพ่อท่านฯเพิ่มเติมสติปัญญา ช่วยบอกพวกลูกๆด้วยครับ
กราบนมัสการด้วยความศรัทธาบูชายิ่งครับ
2 ตุลาคม 2566
พ่อครูว่า…ละเอียดลออดี เห็นนัยยะอย่างที่แรงผักเขาเห็น มัน ก็ดี มันก็ชัดดี อาตมาก็เคยเทศน์เรื่องนี้ อยู่กันอย่างหมาหัวเน่า อยู่กันอย่างไม่เป็นคนที่ใครต่อใครเขาก็ไม่ได้ชื่นชม เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าใครมานั่งนอนเอาเปรียบเพื่อน มาเกาะเหมือนปลิง เคยเทศน์ไว้หมดแล้ว มากน้อยก็ตามจริง อยู่ที่กรรมของเราเองทำทั้งนั้น ก็ไม่ได้บังคับให้ฝืนนะ มันเจ็บมันป่วยมันแก่แล้ว ก็ควรจะพักอะไรต่ออะไรต่างๆตามสมควร พวกเราก็รู้ทั้งนั้น ก็เห็นว่าควรไม่ควรขนาดไหนอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เป็นคนหนุ่มสาว เป็นคนแก่มันก็มีเหตุปัจจัย คนหนุ่มสาวมีเหตุปัจจัยที่จะต้องพัก ก็ต้องให้เขาพัก เขาก็ไม่ว่าอะไร แม้แต่เด็กเขาจะต้องพักก็ให้พัก ควรขยันก็ควร อายุมากแล้วควรจะพักมากกว่าที่จะทำ มันก็มีขนาดมีประมาณของมัน คนเราก็พอจะเข้าใจโดยปริยาย โดยสามัญสำนึก มันไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร
_น้อมกราบนมัสการพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ
ดิฉันมารู้จักบุญนิยมทีวีเมื่อปี 60 นี้เองโดยที่ไม่มีใครแนะนำเลยค่ะ ค้นคว้าด้วยตัวเอง ดูไปคิดไปไม่เหมือนพระข้างนอกเทศน์สอนเลยค่ะ โดยเฉพาะวัดพระธรรมกายที่ดิฉันคิดว่า มันใช่แล้ว เข้าวัดพระธรรมกายตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาจนถึงปี 60 ไม่ฆ่าสัตว์อีกเลย กินแต่ของที่เขาทำขายที่สำเร็จแล้ว พอมารู้พ่อท่านเทศน์ เลยไม่กินเนื้อสัตว์อีกเลยจนถึงทุกวันนี้ กินเจ ทำอาหารเจแจกชาวบ้านด้วย ในช่วงโควิดปี 62 ชาวบ้านติดโควิด เลยได้แจกอาหารเจพร้อมกับน้ำยาต้ม 7 นางฟ้าสูตรของอาจารย์ยักษ์ จนชาวบ้านว่าดิฉันเป็นคนบ้าแจกของ ทั้งที่เป็นคนจนติดดิน พอญาติมาบอกให้ฟังก็ยังไม่ท้อ มีความคิดที่จะบริจาคที่ดิน 8 ไร่ให้กับชาวอโศกอีกด้วย พอได้เบอร์ท่านดินไทก็ได้คุยกับท่าน ท่านเลยให้เบอร์ญาติธรรมดอยรายปลายฟ้า ไม่ลงตัวสักที เลยขออนุญาตเอาคำพูดท่านจันทร์ “ในเมื่อมันไม่ลงตัวเลยเอาตัวมาลง ” ดิฉันได้เข้ามาบ้านราชฯแล้วมีความปิติกับญาติธรรมที่มีน้ำใจ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักแม้แต่คนเดียว ซาบซึ้งมากๆเจ้าค่ะ
ขอให้พ่อท่านแข็งแรงอยู่กับลูกๆไปนานแสนนานด้วยเทอญ น้อมกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน… ถ้าไม่เขียนมาก็คงไม่รู้ว่ามีคนใหม่ๆมาอยู่กับพวกเราพอสมควรเลย เป็นประโยชน์เป็นกำลังใจให้แก่พวกเรา ขออนุโมทนาด้วย อย่างพ่อแรงผัก พอตัดสินใจปุ๊บ ลูกมาเยี่ยมก็บอกให้ลูกขายที่ ที่ตัวเองดูแลขายที่แล้วให้มาอยู่วัดเลย ลูกชายลูกสะใภ้ ก็เห็นด้วยก็เลยยิ่งมีปีติมากขึ้นกว่าเก่าอีก
พ่อครูว่า… ก็เอา ไม่มีปัญหาอะไรจะบริจาคจะให้จะขายอะไร ก็ว่าไป มีเหมือนกัน พวกมาเป็นชาวอโศกนี่ เสร็จแล้วอยู่ไปอยู่มา มีที่ดินยกให้ชาวอโศก วันดีคืนดีขอคืน คืนไปแล้วไม่พอ แล้วมันก็ มาอยู่ในที่ที่ แหม! มาอยู่ในกลางไข่แดงของชาวอโศกอีก ก็เลยต้องขอซื้อคืน ขอซื้อคืนโขกราคามากกว่าที่ควรจะเป็นอีกตั้งหลายเท่าเลย ที่แค่ 40 ตารางวา ต้องซื้อกันถึงขั้นตั้งหลายสิบล้าน คนเรานี่จิตใจนะ เราก็จำต้องซื้อ ก็ให้เขาไปเถอะ เศษกระดาษ เราก็ถือว่าจำเป็น เหตุจำเป็นไม่งั้นก็ไม่แล้ว มันไม่ดีก็เลยซื้อ นี่ก็เล่าด้วยเห็นว่าจิตใจมีต่างๆนานาสารพัด
ศิลปะอันเป็นมงคลอันอุดมคือเช่นไร
เหลืออีก 43 นาที อาตมาจะพูดถึงเรื่องโลกียะ โลกุตระ พูดถึงเรื่องศิลปะ เคยพูดมาหลายทีแล้ว ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ศิลปะในภาษาบาลีว่าคือ สิปปัง ภาษาสันสกฤตก็คือ ศิลปะภาษาบาลีก็คือ สิปปัง เป็นมงคลอันอุดม คนก็แปลกันยาก เอตัมมังคลมุตตมัง
อาตมาท้าวความ เอาเพลงที่อาตมาแต่งเป็นตัวอ้างอิง อ้างอิงมันมีทั้งนั้น มีทั้งคำร้อง มีทั้งเมโลดี้ มีทั้งทำนอง มีทั้งนัยยะสำคัญ ที่ใส่เข้าไปใน ลักษณะต้องกลมกลืนกัน ไปด้วยกันได้ ทั้งทำนองและเนื้อร้องความหมายของคำ ไอ้ความหมายของคำนี้แหละสำคัญมาก สำคัญมากความหมายของคำ จะเป็นศิลปะที่มันจะฟังแล้วทำให้เกิดจิตเข้าใจ แล้วก็เปลี่ยนแปลง จนชัดเจน เชื่อมั่น มีอิทธิพล มีพลัง ทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้ จากที่ไม่ควรจะเป็น มาเป็นอย่างที่ควรเจริญขึ้น เจริญขึ้น
เพลงอาตมานี่มันเป็นโลกุตระซะมาก เพลงไม่เป็นโลกุตระ เป็นโลกียะ อาตมาก็พยายามเก็บ พยายามลืม พยายามทิ้ง ไม่ไปฟื้นตัวมันขึ้นมา ไม่ไปส่งเสริม ใครจะมานำฟื้นขึ้นมาอาตมาก็ไม่ส่งเสริม มันก็เลยค่อยๆหายไป อาตมาก็แต่งไม่มากเท่าไหร่หรอก เพลง โลกียะ ไม่ว่าจะเป็นโลกียะไปกับเขา แต่ก็ไม่เคยแต่งไปถึงขั้นลามก ก็เป็นแต่เพลงราคะ
อาตมาแบ่งเพลงเป็น 1.ลามก 2.ราคะ 3.สาระ 4.ธรรมะ
5.โลกุตระ เป็นขีดขั้นของคุณภาพคุณธรรมของมัน แบ่งเป็น 5 แบบ เพราะฉะนั้นเมื่อมาบวชแล้วก็ยังนึกว่า เราจะมาแต่งเพลงหรือไม่ แต่เอาไปเอามามันนึกได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ ศาสนาต่างๆตั้งแต่เทวนิยม แม้แต่พุทธเองก็ยังอาศัยสวดทำนองอะไรอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวนี้ทำเป็นเล่นไปนะ วงการเถรสมาคมเล่นร็อคเล่นแร็พอะไรต่ออะไรโอ้โห เก่งกว่าฆราวาสเขาอีก โอ้โห อาตมาเห็นแล้วก็แหม อาตมาก็เคยอธิบายผ่านไปแล้ว ไม่ขออธิบายวันนี้
คนโลกียะทั่วไปจึงไม่รู้สึกซาบซึ้ง ไม่ชื่นชอบกัน
ในความเป็น“ศิลปะ”ที่ให้ประโยชน์ต่อมวลมนุษย์นั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ “โลกียะ”กับ“โลกุตระ”
“ศิลปะ”ที่เป็น“โลกียะ”นั้น มันเป็นงานที่มีแต่บำเรออารมณ์ ไม่ได้ทำให้“กิเลส”ลด ละ หน่ายคลายเลยแต่อย่างใด จะเป็นศิลปะแขนงไหนก็แล้วแต่ ศิลปะแต่เดิมมี 5 สาขา เดี๋ยวนี้แตกแขนงไปไม่รู้กี่เท่าไหร่ เท่าไหร่เลย แม้แต่ศิลปะการชงเหล้าเขาก็ถือว่าเป็นศิลปะ ศิลปะการค้าขายได้เปรียบมากๆ อะไรก็เรียกเป็นศิลปะเป็นแทคติกเป็นวิธีการที่ได้เปรียบ ก็เป็นกิเลสทั้งนั้นไปเรียกศิลปะไม่ได้ ที่จริงศิลปะต้องเป็นการลดละกิเลส นี่มันเป็นการปลอมแปลงความหมายของพระพุทธเจ้า
ท่านก็กำกับนะว่าศิลปะอันเป็นโลกุตระเป็นมงคลอันอุดม อุดมหรืออุตระ ถ้าศิลปะโลกๆมีแต่เมาๆกันเละเทะเลอะเทอะ
ยกตัวอย่าง ภาพดอกทานตะวันของแวนก๊อกกับเก้าอี้ ขายกันหลายพันล้านก็อธิบายว่ามันทำให้เกิดธรรมะอะไรก็อธิบายพอสมควร แต่มันก็ไม่ลึกซึ้งเท่าโลกุตระ บางทีเขาก็เรียกว่าแวนโก๊ะแวนก๊อก เป็นภาษาชาวฝรั่งเศส ตัดหูตัวเอง แกสติไม่เต็มเท่าไหร่แต่เป็นคนที่นำแบบแปลกๆมาจึงทำให้เกิดเป็นผู้นำแบบแปลกเป็นทีแปลกๆ แล้ว เขาก็ออกข่าวกันให้อย่างนี้มันจะไปแปลกอะไรจริงๆ มันไม่ได้แปลกอะไรแต่เขาพยายามครอบงำทางความคิดให้เชื่ออย่างนี้ราคาตั้งไม่รู้กี่ล้านนะของแวนก๊อก
“ศิลปะ”ที่เป็น“โลกียะ”นั้น มันเป็นงานที่มีแต่บำเรออารมณ์ ไม่ได้ทำให้“กิเลส”ลด ละ หน่ายคลายเลยแต่อย่างใด ซ้ำมิหนำมีแต่เพิ่มพูนให้“กิเลส”มากขึ้นหนาขึ้น จัดจ้านยิ่งขึ้นทั้งราคะ โทสะ โมหะ
ประโยชน์ที่ได้จาก“ศิลปะ”โลกียะ จึงเป็นสิ่งพาให้จมงมงายในโลกียะ วนเวียน“เป็นสุข-เป็นทุกข์”ไปนิรันดร
“ศิลปะ”ที่เป็น“โลกุตระ”นั้น สุดยอดแห่งประโยชน์ ซึ่งชาวโลกียะเทฺวนิยมทั้งหลายยังไม่สามารถหยั่งเข้าไปรู้ถึงความลึกล้ำใน“มิติ”แห่ง“นัยสำคัญ”ของมันได้ง่ายๆ
จบกิจทำกาละพ่อครูประกาศ Animal Right Watch
อาตมาแบ่ง“งาน”ทั้งหลายออกเป็น 5 ประเภท
(1) งานลามก (2) งานราคะ (3) งานสาระ (4) งานธรรมะ (5) งานโลกุตระ
อาตมาเคยสาธยายอธิบายถึง“งาน 5 ขั้น”นี้มามากมายหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้จะขอพูดเฉพาะงานลามก
“งานลามก”จกกะเปรตเลวแรงร้ายสุดของมนุษย์ ที่เป็น“มิจฉาวณิชชา” พระพุทธเจ้าก็ตรัสแบ่งไว้ 5 อย่าง
“งานลามก”จกกะเปรตเลวทรามต่ำช้าที่สุดนี้ ถ้าใครยิ่งทำเป็น “อาชีพ” เรียกด้วยศัพท์ว่า “มิจฉาวณิชชา” หมายความว่า “งานค้าขายที่เป็นบาป ลามก ตลอดชีพ”
(1) งานลามก ที่เป็นงาน“มิจฉาวณิชชา”เลวแรงร้ายสุดของมนุษย์สร้างบาปอกุศลหยาบต่ำยิ่ง เพราะเป็น“งานทำให้คนกิเลสหนาหนักจัดจ้าน“สาหัส หรือเป็นงานทำร้ายทำลาย”มนุษย์“ งานทำร้ายทำลาย“โลก”ก่อ “กรรมวิบาก”แก้แค้นกันและกันตลอดไป ไม่มีจบสิ้นลงได้ นี่คืองานลามกที่จะเอามาแฉเอามาฉีกหน้าวันนี้
เช่น งานสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคนให้เอาไปฆ่าสัตว์กันในโลก เหตุการณ์ในวันนี้ที่เด็ก 14 ยิงกราด ก็เกิดจากการสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคนนี่แหละ
แล้วเอาไปซื้อขายกัน มันคือการซื้อขายเครื่องมือฆ่าคนฆ่าสัตว์แท้ๆ ฟังความนี้ให้เข้าไปถึงจิตให้ดีๆ อาวุธอะไร อาวุธเอาไปใช้ ฆ่าคนฆ่าสัตว์ ฟังเท่านี้มันควรจะจุก แต่เขาไม่รู้สึกรู้สา ขายกันหน้าตาเฉย อวดอ้างราคาฤทธิเดชกัน ฆ่าตายได้เป็นเบื่อ ระเบิดปรมาณูหนักขนาดทิ้งลูกเดียวนี่ตายกันทั้งเมืองทั้งประเทศเลย ให้มันฤทธิ์แรงถึงขนาดนั้น แล้วก็ต้องราคากัน สร้างอำนาจแบ่งอำนาจกันเต็มที่
ความคิดที่เป็นแนวโน้มแบบนี้มันยังเป็นคน มิลักขชน เป็นคนป่าเถื่อนเป็นคนหยาบช้า เป็นคนไม่รู้อะไรเลยแม้แต่ความเป็นชีวิตของสัตว์โลก หรือความเป็นชีวิตของมนุษย์หรือคน ชีวะที่กว่าจะพัฒนาตั้งแต่เซลล์เดียวจนกว่าจะเป็นมนุษย์แล้วเป็นมนุษย์ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด แล้วดันเอาไปสร้างอาวุธฆ่าคนซ้ำอีก ฆ่าให้มีฤทธิ์แรงร้ายด้วยแล้วยังไม่พอ ขายกันราคาแพงๆอีก คุณคิดให้ดีเถอะว่า มันเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ จัดจ้านขนาดไหน แนวคิดอย่างนี้ คิดให้เข้าใจ คนชนิดนี้มีไหมในโลก มี แล้วจะถือว่าเจริญหรือเสื่อม ..เสื่อม
ถือว่าเจริญหรือเสื่อม (เสื่อม) โลกเขาถือว่าเจริญ แบ่งให้ชัด แต่ทางโลกุตรธรรมถือว่าเสื่อม เห็นไหมนี่มันแยกกันชัดเจนอย่างนี้ เห็นไม๊ เป็นแบบสิริมหามายา หรือเป็นมายาสำหรับคนที่ยึดมั่นถือมั่นไปในทางเสื่อม
คนสัตว์หรือ“ชีวิต”ต้องตายลงเพราะอาวุธฆ่าที่ คนผู้คิดสร้างขึ้นมานี้เอง คนคิดและสร้างขึ้นจึงมีบาปหนักหนาสาหัสร้ายสุดติดตัวไปอย่างยิ่งสำหรับผู้สร้างอาวุธฆ่าคนฆ่าสัตว์ มันเป็น“มิจฉาวณิชชา” ที่ร้ายแรงเลวสุด ข้อที่ 1 ใน 5 ประเภท งานสร้างอาวุธขึ้นมาใช้ทำให้คนตาย ให้เป็นคนอำมหิตโหดเหี้ยม ยึดติดอาวุธมาฆ่ากัน มีกรรมวิบากอาฆาตกันไม่จบสิ้น
ใครสร้างอยู่เมื่อใด ก็บาป “ไม่มีจบอยู่” เมื่อนั้น
นี้คือ “งานลามก”จกกะเปรต ที่คนคนใดทำอยู่ ก็คือ “มิจฉาวณิชชา” หรือ “อาชีพที่เป็นบาปตลอดชีวิต” ข้อแรก ที่เป็นบาปอกุศลต่ำสุดใน 5 ข้อ เท่าเทียมกัน 5 อย่าง แต่สร้างอาวุธ สัตถวณิชชา เป็นข้อที่ 1 นำขบวน ก็มีนัยยะสำคัญว่าถึงแม้จะเท่าเทียมกันแต่มันก็นำขบวนนะ หัวหน้าเลวร้ายที่สุดนำขบวน
“งานลามก”จกกะเปรตที่เลวทรามต่ำช้าที่สุด ที่คนใดทำอยู่คือ “อาชีพที่เป็นบาปตลอดชีวิต” มิจฉาวณิชชาประกอบด้วย 5 อย่างคือ
-
การค้าขายอาวุธ (สัตถวณิชชา)
-
การค้าขายสัตว์มีชีวิต (สัตตวณิชชา)
-
การค้าขายเนื้อสัตว์ (มังสวณิชชา)
-
การค้าขายสิ่งมอมเมา (มัชชวณิชชา)
-
การค้าขายสิ่งที่เป็นพิษ (วีสวณิชชา)