661220 สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1raKQRY8OPv3zgjM1a5wa7oxP99KXUkHD/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1ryExGj4S_q287EQlqs_9GIr76i0rP6Uk/view?usp=sharing และ ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/p2w-bfAEwc/ และ https://youtu.be/L2WVSyKwz6A มีซับ สมณะเดินดิน… วันนี้วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก เหลืออีกไม่กี่วันจะเข้าสู่งาน ว.บบบ.ปีใหม่ตลาดอาริยะ 2567 ปีนี้เราลงทะเบียนวันที่ 25 ธันวาคม เริ่มงานวันที่ 26 ธันวาคม ตอนเช้าจะมีปฐมนิเทศ จะมีบำเพ็ญคุณ 4 วัน 26-29 ธันวาคม มีการเข้ากลุ่ม ไปช่วยงานตามจุดต่างๆ เพื่อเตรียมงานตลาดอาริยะปีใหม่ มีทำวัตรเช้าและรายการภาคค่ำ ปีนี้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีคนใหม่จะมาเปิดงานให้พวกเรา ท่านเป็นผู้ว่าไทบ้าน ผู้ว่าที่พร้อม เข้าสู่ประชาชน วันที่ 30-31ธันวาคม และ 1 มกราคมเป็นงานตลาดอาริยะ มีรายการภาคค่ำสัมภาษณ์ปฏิบัติกร 90 ปีพ่อครูและ 30 ปีบ้านราช ส่วนรายการภาคค่ำ ถ้าหากพ่อครูมาก็ถือว่าเป็นวันพิเศษสำหรับพวกเรา ปีนี้เป็นปีสำคัญของพ่อครูเตรียมฉลอง 90 ปี ชาวอโศกมาด้วยความยินดี ตอนนี้พ่อครูตั้งใจจะอยู่ให้ได้ถึง 100 ปี เราจะฉลองเพื่อให้มีสารตั้งต้นเพื่อให้พ่อครูอยู่ไปถึง 100 ปี มีคลื่นลูกใหม่ ศิษย์เก่าที่จากไปนาน เมื่อจัดงานมาพบเจอหน้าตากัน จัดงานครั้งแรกก็มีผลดีตามมา ตอนนี้แม้แต่การเทปูนศิษย์เก่าก็ขนเครื่องไม้เครื่องมือและแรงงานมาช่วยกันทำ ลานเทียนอันหมาน หมาน คำนี้ภาษาอีสานแปลว่ามาก แปลว่าสมานสามัคคีก็ได้ในภาษาบาลี หมานแปลว่าโชคดี พ่อครูว่า… หมาน หมายความว่ารวย เฮงๆๆ สมณะเดินดิน… ถามผู้เชี่ยวชาญ วิศวกรที่คุมงานการสร้างทางมาเยอะ ถามเขาว่าฝีมือพวกเราเทปูนกันเองเป็นยังไง เขาก็บอกว่าดีกว่าอบต.ทั่วๆไปครับ คือ อบต. ในความหมายทั่วๆไปความหมายคืออมทุกบาททุกสตางค์นั่นแหละ อันนี้ดีกว่าอบต.แล้ว จะไปเทียบกับกรมทางหลวงไม่ได้ เพราะมาตรฐานเขาสูง แต่ อบต.เราพอสู้เขาได้ การเทปูนใช้ระบบแบบโลว์เทค ปูนออกหรือไม่ออกก็เคาะเอา แต่วิศวกรก็ชมว่าดีกว่า อบต.ก็แล้วกัน พอไปได้ ช่วงนี้ใครมาก่อนก็ถือว่ามาเฉลิมฉลองทำให้งานสำเร็จ เพราะมีงานเยอะมาก ช่วงนี้สินค้าต่างๆก็ทะลักทะเลเข้ามา ต้องแบ่งหลายทีมเพื่อช่วยกัน ใครมาช่วงนี้ถือว่ามาช่วยสร้างเมืองหลวง มาร่วมฉลองปีใหม่ให้สมบูรณ์เต็มที่ อย่างไรก็ดีสิ่งที่เราต้องทำควบคู่ไปคือ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิวิมุติ และขวนขวายกิจใหญ่น้อยให้สมบูรณ์ด้วย จะสำเร็จได้เพราะเราได้ฟังสัจธรรมจากสัตบุรุษ วันนี้ก็ขออาราธนาพ่อครูครับ SMS เคล็ดวิชา เจริญในธรรมโดยไม่เร่งผล _สว่างแสง ขวัญดาว . น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ ลูกขอรายงานเรื่องแม่ค่ะ ปัจจุบันแม่อายุ 88 ปี ณ วันนี้แม่มีทั้งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงก็คือ ร่างสรีระของแม่ร่วงโรยไปเรื่อยๆ แม่บอกว่าตาทั้งสองข้างเริ่มมองไม่ค่อยเห็นหนักขึ้นๆ แม่ถาม “ตาแม่สิบ่บอดบ๊อ” ลูกตอบแม่ว่า “บ่บอดดอกแม่ เดี๋ยวลูกสิเอายามาล้างตา หยอดตาให้แม่เด้อ เดี๋ยวมันกะหาย” ลูกทราบดีว่า เป็นเพียงแค่ลูกแสดงอาการขวนขวาย เพื่อให้กำลังใจแม่เท่านั้น และสิ่งที่แม่เปลี่ยนไปอีกประการหนึ่งก็คือ แม่เปลี่ยนจากคนที่ดุมาก มาเป็นคนที่ยอมรับการแนะนำจากลูก แต่ก่อนลูกจะกลัวแม่มาก ทุกวันนี้ทุกครั้งที่ลูกแนะนำแม่หรือพูดธรรมะให้แม่ฟัง ลูกจะกราบแม่ทุกครั้ง เพื่อแสดงความเคารพแม่ ซึ่งแม่ก็ไม่กลับไปเป็นคนดุอีกเลย พ่อครูว่า… นี่จำไปนะ เคล็ดวิชาพวกนี้ _และสิ่งที่แม่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ แม่ถือศีล 5 ละอบายมุข ทานมังสวิรัติเพียงสัปดาห์ละ 2 วัน แม่มักบ่นว่าทุกข์ใจเรื่องสรีระที่ร่วงโรยไปอยู่เสมอๆ และกลัวตาย ลูกชวนแม่ไปอยู่บ้านราชฯ ด้วยกัน สิกขมาตุกล้าข้ามฝันก็ชวน อาปะพรตะวันก็ชวนค่ะ แม่ก็ไม่ยอมไป พ่อครูคะ ลูกจะช่วยแม่อย่างไรดีคะ ช่วยเทศน์โปรดแม่ให้ด้วยค่ะ แม่ชอบฟังเทศน์เก่าๆ ของพ่อครูค่ะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูสุดเศียรสุดเกล้าค่ะ พ่อครูว่า… แสดงว่าที่กำลังอ่านนี้ไม่ฟัง ชอบฟังเก่าๆ ก็แนะนำให้หน่อย เราอย่าใจร้อนอย่าใจเร่ง อยากให้มันสำเร็จ อยากให้มันได้ผล อยากให้มันได้มากอะไรเกินไป เท่าที่ฟังดูก็มีอัตราการก้าวหน้า มีโปรเกรสชั่น ratio ของพัฒนาการของแม่อยู่ มีการเจริญขึ้นเจริญขึ้นอยู่ ขนาดนี้ก็ดีแล้วล่ะอายุขัย 88 สังขารก็ร่วงโรย เจ็บป่วยขนาดนี้ เร่งมากเดี๋ยวยิ่งแย่ แย่ทั้งทางนามธรรมทางจิต แย่ทั้งทางสรีระด้วย ขอแนะนำอย่างนี้ก็แล้วกัน ไปเรื่อยๆก็ดีแล้วอย่างที่คุณค่อยๆทำ จะฉลาดเอง แล้วคุณก็จะได้รู้ด้วย จะมีเคล็ดวิชาสามารถที่จะปฏิบัติกับแม่ได้ดีขึ้นดีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นดีทางนามธรรมหรือธรรมะ หรือดีขึ้นทางสรีระหรือดีทั้ง 2 อย่าง ก็ว่าไป _ช่อทิพ หนูทอง . กราบเรียนถามท่านสมณะว่า ญาติธรรมที่ต้องการหนังสือ …ศัพท์อภิธานอโศก…จะหาซื้อในงานเพื่อฟ้าดิน ที่บ้านราช ปี 67 ได้หรือไม่คะ? สู่แดนธรรมว่า…ไม่ต้องซื้อ ไปหาป้ามิ่งหมายที่ร้านภูมิรักษ์ได้เลย ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และ เห็ด อหิจฺฉตฺตก _กระถิน สุขดี . กราบนมัสการเจ้าค่ะ เรียนสอบถามว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ได้ยินประโยคนี้ทีไร รู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่น่าอยู่เอาเสียเลย ลูกควรมีสัมมาทิฏฐิเรื่องนี้อย่างไรคะ พ่อครูว่า… อาการที่ฟังแล้วว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป คุณฟังแล้วก็แหมคิดว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่ แสดงอาการในจิตได้ 2 นัย นัยยะหนึ่งก็คือว่า มันคงมีโลกที่น่าอยู่มากกว่านี้ นัยยะหนึ่ง แหม โลกนี้ไม่น่าอยู่ก็จะหาโลกอื่นอยู่ ซึ่งมันไม่มีหรอก โลกไหนก็คือ วัตถุอยู่ในจิตวิญญาณของมนุษย์ คุณไปเกิดที่ไหนคุณก็เอาจิตวิญญาณไปเกิดอยู่ในโลกนั้นทั้งนั้น เพราะฉะนั้นคุณก็หนีไม่ได้ หนีไม่ได้ อีกนัยยะหนึ่ง อันนี้มันจะไม่รู้สึกว่าน่าอยู่ ซะเลย อย่างที่คุณบอกว่า แหม ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป รู้สึกเต็มรูปอย่างนั้นมันก็ยิ่งเอาทุกข์ทับถมตน แต่ถ้าอีกนัยยะหนึ่งไม่ต้องไปนึกถึงขนาดนั้น ศึกษาธรรมะปฏิบัติให้ดีๆ ความ ละหน่ายจางคลายจากกิเลส ไม่ยึด ต้องให้เห็นได้ว่า เออ ถ้าเราไม่น่าอยู่มันมีทางออกที่จะอยู่หรือไม่อยู่ อย่างไร อันนี้เป็น ปรมัตถ์เป็นอภิธรรม คุณก็ต้องมาทำใจในใจ ทำจิตของคุณให้เข้าใจลึกซึ้งเข้าไปชัดเจนว่า อ๋อ เราอย่าอึดอัดทรมานทุกข์ ไม่น่าอยู่ มีเชิงอกุศลบ้างเราก็จะได้เห็นอย่างปัญญาอย่างชัดเจนว่าอ๋อ ถ้าเผื่อว่า เราเองไม่ยึดมั่นถือมั่นไม่มีอุปาทาน เข้าใจง่ายๆในพยัญชนะง่ายๆ 2 คำ ก่อนอื่นก็คือ มันมีโลก อัตตา สองอย่าง อยู่ในโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกก็คือ อัตตา ฉะนั้นโลกนี้ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเขาโลกเป็นโลกของจิตวิญญาณที่เชื่อมสัมพันธ์กับอัตตาเราจึงต้องมาแก้ไขที่ อัตตา แต่โลก มันเป็นวัตถุเป็นสิ่งที่หมุนวน โลกที่หมุนวน ก็คืออาการอย่างหนึ่งของความเป็นโลก โลก เป็นลูกโลกวัตถุก็อย่างหนึ่ง เราไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับลูกโลกอย่างนั้น การหมุนวน จะเข้ามาสู่ปรมัตถ์บ้าง คือ วนเกิดวนตาย อยู่ในโลก เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้จักการเป็นอยู่ของ อัตตาหรือจิตวิญญาณ มันมีธาตุรู้ที่จะร่วมอยู่ในนี้ เมื่อเกิดมาเป็นชีวะ เริ่มตั้งแต่เซลล์เซลล์เดียว มันเริ่มเกิดมาตั้งแต่เซลล์เซลล์เดียว เริ่มจุติมา ยังไม่เป็นเซลล์ที่เต็มสภาพ อาตมาคำอธิบายรายละเอียดของชีวะจนถึงขั้นนี้ จะมาอธิบาย ยกตัวอย่างตอนนี้นิดหน่อยว่า ลักษณะของสิ่งที่มีอยู่ในโลก ตั้งแต่พลังงานที่มันไม่ใช่ชีวะ จนกระทั่งมาเป็นชีวะ จนกระทั่งมาเป็นจิตนิยาม 3 อย่างง่ายๆ ตั้งแต่มหาภูตรูปไม่มีชีวะ จนกระทั่งเริ่มมาเป็นชีวะ เริ่มเชื่อมต่อกัน จากมหาภูตรูปจะเชื่อมต่อมาเป็นชีวะ มันมีตัวเริ่มต่อตัวหนึ่ง อาตมาก็เพิ่งจะชัดเจนขึ้นมาตอนนี้ ไอ้ตัวที่เริ่มต่อตัวนั้นน่ะคือ อหิจฺฉตฺตก ต่อจากมหาภูตรูป อหิจฺฉตฺตก คืออะไร คือเห็ด เห็ดที่เรากินกันอยู่มากมายนี่แหละ เริ่มแล้ว เริ่มเป็นสปอร์ เริ่มเป็นธาตุเล็กๆมาก ก็เริ่มจะต่อมาเป็นชีวะ จาก อหิจฺฉตฺตก เริ่มจะรับมาเป็น ภูตคาม แล้วเป็นพีชคาม มาเป็นเจตภูต มาเป็นปาณะ มาเป็นเจตสิก เป็นสัตตะ แล้วเป็น จิตวิญญาณ ไล่ความเชื่อมต่อตรงนี้ให้ฟังนิดหน่อย มหาภูต 4 ประสานพลังงานธาตุอุตุนิยาม 100% มหาภูต 4 ดินน้ำไฟลม พอมาเป็น อหิจฺฉตฺตก สังเกตดีๆว่าเห็ดนี่ไม่มีสีเขียว มีแต่สีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล สีขาว เห็ดไม่มีสีเขียว อันนี้จะลึกซึ้งพอมาถึงพืช พีชะ มีสีเขียว ภูตะ เริ่มจะมีผสมมาบ้าง มีน้ำตาล มีเขียว พอมาเป็นภูตคาม มาเป็นพีชคาม มาเป็นเจตภูต เจตภูต คือธาตุพลังงานที่หลุดออกมาจากที่ พวกนั้นจะอยู่กับดิน อยู่กับมหาภูต ยังไม่หลุดออกมา อหิจฺฉตฺตกก็ดีเห็ดก็ดี พีชคามก็ดี แต่เจตภูติ กลับมาจากดินแล้วอิสระลอยตัวแล้วก็มาเป็น ปาณะ ก็เจริญมาเป็น เจตสิก จากเจตสิกมาเป็นสัตตะ 7 นี่ แล้วจึงจะเป็นจิตนิยาม มันจะเชื่อมต่อพัฒนาการเนื่องต่อกันขึ้นมา อันนี้ก็แถมเอาไว้แค่นี้ก่อน อาตมาเตรียมไว้ที่จะขยายอันนี้อยู่ถ้าจะถึงเวลาถ้ามันไม่หมด พูดอะไรต่ออะไรไป เมื่อกี้นี้ตอบคำถามของกระถินว่า ให้มาศึกษาเรื่องของปรมัตถ์ ศึกษาว่ามันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป จนกระทั่งคุณจบกิจเป็นอรหันต์ได้สรุปง่ายๆก่อน เมื่อเป็นอรหันต์แล้วคุณก็จะไม่มีความอึดอัด ไม่มีความเหนื่อยหน่าย ไม่มีความใดๆ คุณอยากจะอยู่ต่อก็มีให้อยู่ คุณจะรู้เองว่าคุณจะอยู่ไปสูงสุดได้เท่าไหร่ สูงสุดก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นมาในมหาจักรวาล ถ้าคุณไม่อยู่คุณจะปรินิพพานไปเมื่อไหร่คุณก็ไม่มีเหนื่อยหน่าย เป็นกิเลสที่เป็นเรื่องทุกข์ มันจะมีแต่เรื่องดีๆสมบูรณ์แบบของอารมณ์ ก็ขยายความประมาณนี้ก็แล้วกันสำหรับคุณกระถินในเรื่องนี้ การทำทานแบบมิจฉาทิฐิ 4 อย่าง _ส.คิดถูก . การให้ทาน บางคนไปช่วยเพื่อนบ้านเท่าไหร่ จดใส่สมุดบันทึกไว้ด้วย เผื่อเวลาเรามีงานบุญ จะได้ตรวจสอบว่าเขาช่วยเราเท่ากับเราช่วยเขาหรือเปล่า ให้ทานแบบนี้จะได้บุญกี่เปอร์เซ็นต์น้อ พ่อครูว่า… ให้ 0% ให้ทานแบบนี้ไม่มีอานิสงส์ในการลดละกิเลสเพราะถ้าทำอย่างนี้ก็คือยังไม่เข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ในทานสูตร ต้องพยายามนะ ผ่านอาการของจิตแล้วก็ทำจิตทำใจในใจทำจิตในจิต เมื่อทำทาน จะต้องพยายามที่ไม่ให้มีอะไรเชื่อมต่อไม่ให้อยากได้อะไรตอบแทนเลยเรียกว่าไม่ให้เกิด สาเปกโข พยายามทำ กิเลสของคนที่ยังทำไม่ได้ยังไม่มีมันก็จะเหลือ นี่เข้าใจนะถ้าคนเข้าใจแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างนี้ ส่วนคนไม่เข้าใจมิจฉาทิฐินั้นจะเข้าใจว่าทำทานแล้วเราก็จะได้บุญ ว่างั้นด้วยนะทำทานได้บุญ เอาบุญไปใช้ในคำของเขาผิดอีก บนแทนที่จะสละกิเลสแต่เอาไปใช้เท่ๆว่ามันได้ โอ้โหมันซับซ้อนเห็นไหม มันไม่ใช่เลยมันไม่ได้บุญซักกะนิดเลย คุณมีแต่กิเลส มีแต่เรื่องหนักหนาสาหัส คุณทำทานนี่โดยสัจธรรมธรรมชาติธรรมดาเป็นโลกียะ คุณทำทานในโลกคุณเอาวัตถุให้ทำทานแรงงาน หรือทำทานให้ความรู้เป็นทาน มันได้กุศลทั้งนั้นแหละเป็นโลกียะนี่มันได้ แม้คุณทำทานด้วยใจอึดอัดไม่ค่อยพอใจไม่ค่อยเต็มใจก็ยังได้เลย คุณทำโดยโลกโดยกุศลมันได้แล้ว แต่มันก็น้อยด้วยสัจจะมันจะน้อยมันจะหักลบกลบหนี้ นี้พระพุทธเจ้าท่านก็อธิบายเป็นขั้นๆไว้ ถ้าคุณพยายามจะไม่ให้จิตอย่างนั้น คนไม่ปฏิบัติธรรมมันจะไม่ง่าย ทำแล้วตัดจิตเลยไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลยมันไม่ง่าย แต่พวกเราจะทำง่ายขึ้นแล้วเพราะได้ฝึกกันมา เพราะฉะนั้นมันทำไม่ได้เต็ม มันก็จะเป็นขั้นที่ ถ้ายังเก่งอยู่นะถ้าไม่เก่งขั้นที่ 2 ก็จะไม่ได้พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ 4 ขั้น ขั้นที่ 2 ก็คือ ปฏิพัทจิตโต มันจะผูกพันในจิตเป็นเราเป็นของเรา มันจะผูกพันว่าได้ให้นะ เราได้ให้ผูกพันไว้ เลวกว่านั้น ขั้นที่ 3 ขั้นที่ 3 มันจะสั่งสมเลยเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นสันนิธิเปกโข ทานัง เทติ คือได้แสดงออกได้ทำทานไปแล้วแล้วจิตคุณได้อย่างไร สั่งสมนึกว่าสั่งสมกุศลแต่เป็นมิจฉาทิฐิเลย ทานแล้วได้กุศล แต่ไปเข้าใจว่าคุณจะได้บุญ นี่คือมิจฉาทิฏฐิ 100% เพราะว่าคุณไม่ได้ละกิเลสเลย คุณสะสมกิเลสต่างหาก ทานแล้วคุณจะได้ เป็นนามธรรม คุณจะมีไว้เป็นของตัวของตน สันนิธิเปกโข ขั้นที่ 4 นี้ ยิ่งเป็น ปริภุญชิตสามีติ อันนี้ทำทานแล้วคิดว่าเป็นของฉันแน่ ตายแล้วกี่ภพกี่ชาติฉันก็จะมีกินมีใช้ เพื่อให้จิตวิญญาณนี้อาศัย ไม่มีสูญเลย มิจฉาทิฐิเต็มบ้องมิจฉาทิฏฐิ 100% นี่เป็นการทาน สอนกันทุกวันนี้ในศาสนาพุทธทั่วไป กระแสหลักหน่วยใหญ่ที่สอนกันอยู่ทั่วไปทำทาน หลอก ภพเป็นภพเป็นชาติ ยิ่งธัมมชโยแล้วเจ้าประคุณเอ๋ย หลอกไม่รู้กี่ซับกี่ซ้อนเพื่อที่จะให้เกิดสวรรค์วิมาน ฤาษีลิงดำก็ตาม ใครต่อใครก็ตามพวกนี้ ทำทานแล้วไม่ได้เป็นผลในการชำระกิเลสไม่ได้เป็น มีแต่สั่งสมกิเลสทั้งนั้น นี่คือมิจฉาทิฏฐิที่เป็นความเสื่อมของศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นไม่มีอธิบายเป็นเรื่องราวอย่างนี้หรอก ไม่มี วิทยาศาสตร์ทางจิตจะเป็นชีววิทยาที่ยิ่งใหญ่ของพุทธ ที่อธิบายนี่เป็นชีววิทยาอันยิ่งใหญ่ของพุทธ ศาสนาอื่นไม่มีชีววิทยาที่ยิ่งใหญ่อันนี้ไม่มี เพราะฉะนั้นถ้าทำไม่ถูกเข้าใจสัมมาทิฏฐิไม่ได้ เลิกเลยไม่ได้เรื่อง อธิบายแล้วสมณะคิดถูกมาถามมาก็อธิบายขยายความไปมากพอสมควร หิริโอตตัปปะถ้ามีได้ในคนผู้เป็นปราชญ์คือฟ้าเปิด _พวงบุปผา หนูรัก . กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ ลูกมีข้อสงสัยเรื่อง หิริ โอตตัปปะ ว่าสอนกันได้ไหมคะ พ่อครูว่า… ตอบขั้นต้นก่อนว่าสอนด้วยสิ สอนให้ถูกเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่ไม่ค่อยสอนกัน แปลเหมือนกัน สอนปลายๆ พูดจริงๆละอายต่อบาป มันหยาบ หิริ ละอายต่อบาป กลัวต่อบาป แต่ไม่รู้เรื่องเลยว่าแล้วปฏิบัติอย่างไรทำใจในใจยังไง รายละเอียดที่เป็นตัวปรมัตถ์ไม่เข้าใจไม่เกิด เอ้า ตอบไปก่อน _สำหรับลูกเองจำได้ว่ามีมาตั้งแต่เด็ก เพราะไม่กล้าทำผิดต่อใคร แต่ก็ยังมีให้เห็นในหมู่นักปฏิบัติธรรม บางคนที่ยังกล้าทำผิดต่อคนอื่นโดยไม่มีความละอาย จึงมีความสงสัยในข้อธรรมนี้ว่า สอนกันได้ไหมเจ้าคะ กราบขอบพระคุณค่ะ พ่อครูว่า…ได้โลกียะ ถ้าเผื่อว่าโลกุตระกันจริงๆแล้วทิฏฐิจะเข้าใจองค์ประกอบของการที่จะไม่กล้าทำเพราะอะไร มีอะไรบ้าง เพราะกรรม เพราะการกระทำ เพราะความประพฤติ ประพฤติทางกายประพฤติทางวาจา มันก็มีจิตที่สัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิเป็นตัวสั่งการออกมากระทำออกมาประพฤติทางกายวาจา คุณได้ประพฤติทางกาย ทางวาจา ระลึกได้ ทบทวนแล้ว เราเคยทำเช่นนี้ เช่น เคยไปฆ่าสัตว์ก็ละอาย เคยไปทำรุนแรงอย่างนั้นอย่างนี้กับเพื่อนมนุษย์ เคยไปว่า เคยไปกล่าว ถ้าไปทำถึงขั้นกายกรรม เคยไปตบไปตีไปทำร้าย จนถึงเลือดออกจนถึงตาย ถ้าไปทำพระพุทธเจ้าให้แค่ห้อเลือดพระบาท เป็นอนันตริยกรรมหนักหนา แล้วรู้สึกว่าตัวเองได้เคยทำบาปก็ละอาย หรือแค่วาจาละลาบบละล้วงตำหนิพระอริยะ หรือซัดเลยโดยไม่รู้ตัวเองไม่รู้ว่าเป็นพระอริยะ ตัวเองไม่รู้ว่า ยิ่งผู้ที่เคยจากช่วงอาตมา อาตมาไม่ใช่อริยะธรรมดา โพธิสัตว์ระดับ ขออภัยที่พูดนี้ไม่ได้ยกตัวยกตน แต่พูดสัจจะอธิบายธรรมะเขาก็ไม่รู้ตัวจริงๆ เพราะเขารู้จะรู้สึกว่า ตายๆๆ นี่มันเป็นกรรมกิริยาที่สำเร็จไปแล้วทำไปแล้วนะเขาจะละอาย ผู้ที่ละอายผู้นั้นแหละจะได้คล้ายๆปลงอาบัติ ความผิดก็จะลดลงเกิดภูมิปัญญาเกิดสำนึก ตัวสำนึกตัวนี้สูงส่งมาก โอ้ ตายๆๆ ละอาย ถึงขั้นแรงก็กลัวเลยโอตตัปปะ ต้องหาทางแก้กลับต้องหาทางไปปลงอาบัติ ต้องหาทางไปสารภาพต้องหาทางไปขออโหสิอะไรพวกนี้ใช่ไหม ถ้าเขาเข้าใจ ภาษาไทยก็คงจะเข้าใจ มันเป็นสัจจะที่จริง เพราะฉะนั้นผู้ที่สำนึกผู้ที่มีหิริโอตตัปปะนี่แหละ อยู่ในจรณะ 15 เลย สัทธรรม 7 ฉะนั้นถ้าเผื่อว่าศาสนาพุทธคนไหนไม่มีภูมิธรรมถึงขั้นรู้หิริของตัวเองเกิด ไม่รู้โอตตัปปะตัวเองเกิด ยกตัวอย่าง โป๊ๆหน่อย เช่น คนที่เป็นดารา เคยไปเปลือยกายแก้ผ้าให้คนรู้ ว่าตัวเองเซ็กซี่ตัวเองได้รับความนิยมชมชอบเยอะได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ขึ้นมาต่างประเทศอีก เขาจะไม่เข้าใจเขาจะทำอย่างเต็มที่เลย เขาไม่เคยกลัวเลย แต่มันมีจารีตประเพณีบังไว้มันไม่ใช่สัจจะนะ เขาไม่รู้เรื่องหรอกจารีตประเพณีกั้นมันเป็นเรื่องของโลกีย์อย่างหยาบ ที่เขาไม่ทำ ถ้าเขาไม่มีโลกีย์จารีตบังคับเขาก็โทงๆเขาก็บอกว่าธรรมชาติ เห็นไหมพวกต่างประเทศพวกเทวนิยม ทีนี้กลับมาตรงสัจจะ เราพูดนี่เพราะระลึกสัจจะ สำนึกละอายตายๆเราไปทำอย่างนี้น่าเกลียดน่าอาย จะละอายไหม เคยไปแสดงโป๊แล้วนึกว่ามันเท่ เซ็กซี่ ได้ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เลย ละอายตายๆ ไม่น่าไปทำอย่างนี้เลยสำนึกอย่างนี้ คนนี้แหละเจริญขึ้น ถ้าจิตมีอย่างนี้เจริญขึ้น แล้วจะไม่ไปทำอย่างนี้อีก อย่างนี้เป็นต้น ยิ่งไปเรื่องเกี่ยวกับพูดไปแล้วเมื่อกี้ว่ายิ่งไปละเมิดพระอาริยะตำหนิพระอริยะตำหนิผู้ที่เป็นอาริยะขั้นสูงด้วยโอ้โห ขออภัยไม่ได้พูดว่านะ มันเป็นบาปไหม การไปตำหนิไปว่าพระอาริยะชั้นสูงมันเป็นบาปด้วยอย่างเช่น อาตมาเป็นต้นบาปไหม บาป อาตมาไม่ได้พูดเอาดีเข้าตัวเองนะ มันเป็นสัจจะของกรรมใช่ไหม กรรมเป็นอันทำ มันบาปแรง เพราะฉะนั้นถ้าคนที่มีปฏิภาณจะรู้สึกละอาย ตายๆๆไปละเมิดไปแสดงขี้เท่อคือไปแสดงความน่าอาย แสดงความขี้เท่อ แสดงความไม่รู้ของตัวเอง น่าละอาย ตายๆๆๆ ผู้รู้เขารู้นะ ผู้ไม่รู้ก็แล้วไปเถอะ ผู้รู้จะเห็นว่าแสดงความขี้เท่อให้เห็นถึงความไม่รู้ ก็จะละอายตัวเองอย่างยิ่งอย่างนี้เป็นต้น ฉะนั้นถ้าเขารู้สำนึกแก้กลับเขาจะเจริญ ยิ่งทำอาการแก้กลับถึงขั้นขอขมาขออโหสิ ภาษาเหนือเรียกว่าสุมาเต๊อะเจ๊า มันก็ยิ่งจะดี เพราะว่าผู้ที่เป็นอาริยะมีจิตชั้นสูงแล้วไม่ได้ติดใจที่จะถือสาหาความยึดติดหรอก อย่างที่อาตมาเคยอธิบายแล้วมันเหมือนกับเห็นเด็กๆมันทำไม่ดี มาตีเราทุบเรา เราก็อย่าไปถือสาเด็กมาทุบมาตีเรา เพราะมันเด็ก มันไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนี้เป็นต้น อาตมาก็มีความคิดอย่างนั้นไม่เคยไปถือสาคนที่ตำหนิมาว่าอาตมา _สู่แดนธรรม… ถ้าผู้มีดีกรีถึงขั้นยอมขออโหสิ ผมว่าฟ้าจะเปลี่ยนไปเลยนะครับ พ่อครูว่า… โอ้โห ฟ้าเปิดเลยพลิกโลกเลยถ้าทำ เพราะว่ามันเป็นฐานความจริง ความเสื่อมของศาสนาพุทธมันเยอะคนเสื่อมจากศาสนาพุทธไปเยอะไปเคารพนับถือผู้ผิดเยอะ แล้วการเคารพนับถือผู้ผิดเป็นผู้สูงส่งเป็นปราชญ์เป็นผู้ที่ได้รับความนับถือ ถ้าขั้นหัวที่ผู้ที่เขานับถือนี้เปลี่ยนมา คนทั้งหลายจะเปลี่ยนมาตามไหมเห็นไหมมันจะดี เหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านไปเปิดศาสนาของท่าน ท่านก็ไปสอนชฎิล 3 พี่น้อง ได้หัวหน้าก็มาเป็นหมู่เลย ฉันใดก็ฉันนั้น มันเป็นสัจจะ แต่เราจะไปบังคับความรู้สึกบังคับให้คนเข้าใจรู้สึกฉลาดขึ้นมามันจะไปบังคับได้ยังไงนะ มันตัวใครตัวใคร ก็ได้แต่หวังไว้ว่าท่านจะเข้าใจหนอ ด้วยความปรารถนาดี อยากให้ท่านเข้าใจ แต่อยากให้ตายจะไปบังคับท่านไม่ได้ ตัวท่านจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็แล้วแต่ท่าน ตาบอดตาใสคือใจคุณปั้นเออเอง _สว่างแสง ขวัญดาว . น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาปฏิบัติธรรมลูกฟังเทศน์พ่อครูไม่รู้เรื่องเลยค่ะ มาถึงวันนี้ลูกจึงได้ฝึก ได้เรียน อาการที่เกิดมีภาษาธรรมะเรียกว่าอะไรคะ ลูกจึงพอเข้าใจได้ค่ะ ลูกมีคำถามพ่อครูค่ะ เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค. พ่อครูพูดคำว่า ตาบอดตาใส ลูกอยากกราบเรียนถามพ่อครูว่า คำว่า ตาบอดตาใส ก็คือมีแต่รูป ไม่มี นาม ใช่ไหมคะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูสุดเศียรสุดเกล้าค่ะ พ่อครูว่า…มีแต่รูปไม่มีนาม ถูกไหม ตาบอดตาใส ซึ่งมันมากกว่านั้น ตาบอดตาใสโดยความหมายของธรรมะอาตมาเคยอธิบายมาแล้วพวกตาบอดสู่รู้ โอ้โห ฟ้าสวย ตาบอดตาใสด้วยความหมายของธรรมะ อาตมาเคยอธิบายมาแล้วพวกตาบอดสู่รู้ โอ้โห ฟ้าสวยจัง ยิ่งตาบอดมาแต่กำเนิดด้วยนะ 10 คน 100 คน โอ้โห ฟ้าสวยจังเลย ตาบอด มันไม่เคยเห็นฟ้าไม่เคยรู้เรื่องฟ้าเลยมันบอกฟ้าสวยจังเลยได้ยังไง แล้วมันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเห็นฟ้าสวยสำหรับพวกตาบอดนะ มันไม่มีความรู้เลยแต่อวดตัวเองว่ารู้ ว่าฉันรู้ฉันเห็น ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เพราะตาบอดแต่กำเนิด ก็เท่ากับคนไม่รู้ แต่มาโกหก ตาบอดจริงๆแล้วบอกว่าฟ้าสดสวยจังเลยโกหกจริงๆไหม โกหกจริงๆ เขาเห็นไม่ได้หรอก เขามีแต่จะจินตนาการ เราห้ามไม่ได้หรอกคนจะมีจินตนาการ คนตาบอดก็มีสัญญา มีการปรุงแต่งในสัญญาคิดนึก ซึ่งเขาก็ประมวลเอาความรู้ที่เขามีเอาไปปรุงแต่ง แต่เขาจะไม่รู้เรื่องภาพ เขารู้เรื่องเสียงแต่เขาไม่รู้เรื่องภาพเรื่องรูปแสงสี ไม่รู้แสงสีภาพรูปไม่เห็นเขาไม่รู้หรอก พูดถึงตรงนี้แล้วอาตมาเคยเขียนนะว่านิยายเป็นเรื่องสั้น จำชื่อไม่ได้แล้วแต่เนื้อเรื่องมีว่า พระเอกกับนางเอกคนนึงตาบอดอีกคนหนึ่งก็พยายามอธิบาย อธิบายสภาพต่างๆของสิ่งที่ตาเห็น มีรูป มีสี มีภาพอะไรต่างๆก็ค่อยๆอธิบายต่างๆนานาตามประสาคนมีอารมณ์รัก แล้วก็สงสารที่เขาตาบอด อาตมาเคยเขียน จำไม่ได้แล้วรายละเอียดทั้งหมด พล็อตของมันตอนจบจบอย่างไร แต่รู้รายละเอียดพวกนี้ เรื่องสั้นอาตมาเขียนไว้เป็นร้อยๆเรื่องทิ้งหมด หายไปหมดเหลืออยู่ 4-5 เรื่อง ที่เขาเก็บมา หลับตาปฏิบัติคล้ายๆกับตาบอดตาใส มันไม่เห็นด้วยตาจริงๆ หูจมูก ลิ้น กายภายนอกทาง 5 ทวารคุณไม่ได้เปิดรับรู้ คุณได้แต่จินตนาการอยู่ในความคิด อยู่ในภวังค์เป็นสัมภเวสี เป็นวิญญาณผีลอยอยู่ในภพในภวังค์ตัวเอง มันไม่มีอะไรอื่นเกี่ยวข้องกับโลกภายนอกเขาเลย เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณจะปรุงแต่งเป็นรูปเป็นร่างเป็นตัวเป็นตนอะไรก็แล้วแต่คุณจะปั้นอะไรก็ได้นี่ใช่ไหม ปั้นเป็นเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกันตามคนนั้นคนนี้ หรือจะคิดเองไปคนเดียวเลยคนอื่นก็ไม่รู้เรื่องกับคุณ อทิสมาณกาย ไม่มีใครรู้ใครเห็นคุณก็ทำได้ แต่จะมานับเป็นความจริงได้ยังไงกับมนุษย์คนอื่นๆ มันก็คือความเพ้อเจ้อเพ้อฝันลมๆแล้งๆไปสารพัดจะทำได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้นเลย เสียเวลากับสิ่งเหล่านั้นก็สูญเปล่า มันนับเอาเป็นความจริงไม่ได้ มันมีแต่จะเปลืองเปล่าทั้งเสียเวลา เสียพลังงาน เสียแรงงาน มันไม่เจริญขึ้นมาอะไรเลย พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับอนาคตมากอย่าไปคิดอะไรไปอนาคตมาก มีอนาคตังสญาณมีการรู้ล่วงหน้าบ้างนิดๆหน่อยๆเพื่อการปฏิบัติประพฤติก็พอแล้ว มันมีคนเราจะมีการรู้ว่าต่อไปเป็นอย่างไร ถ้าเรามีความรู้ว่าถ้าเอา 1 + 1 มันจะได้ 2 ทั้งๆที่เราทำ 1 เพิ่มขึ้น เรามี 1 แล้วเราจะทำ 1 เพิ่มยังไม่ได้ทำหรอก เรารู้ว่าถ้าเรามี 1 แล้ว ถ้าเราทำอีกหนึ่งเราจะได้ 2 ความรู้มีได้นี่เรียกว่าอนาคตังสญาณ คุณทำแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ใช่ไปรู้มากรู้มายรู้กว้าง จนกระทั่งกลายเป็น โอฬาริกอัตตา ที่อาตมากำลังขยายความให้ฟังว่า learned man รู้บัญญัติภาษามากแต่ไม่ได้บรรลุธรรมในชาตินั้น ไม่ได้เลย เป็น ปทปรมบุคคล นี่น่าสงสารคนไม่รู้มิจฉาทิฏฐิ หลงอย่างนี้อยู่หมดเลย วิปัสสนูปกิเลส 10 เต็มบ้องเลย ยอดพญาครุฑเลย อธิบายมาก่อนแล้ว เรื่อง โอฬาริกอัตตา อาตมาจะอธิบาย อัตตา 3 อีก โอฬาริกอัตตา มโนมยอัตตา อรูปอัตตา ไว้จะต่อเนื่องอธิบายให้ฟังในภายหลัง พุทธกระแสหลักต้องมีปรโตโฆษะจึงจะเข้าหาแก่นโลกุตระได้ _สินพุทธ สุขพูล . กราบนมัสการท่านสมณะและ สิกขมาตุครับ เรื่อง บ้าน วัด โรงเรียน ผมก็เห็นด้วย ที่จะต้องอยู่รวมกัน ในสมัยก่อนนั้น พระสอนวิชาพุทธศาสนาให้เด็กในโรงเรียน เพราะโรงเรียนก็อยู่ในวัด ถ้าปัจจุบันนี้ให้พระมาสอนวิชาพุทธศาสนา ผมว่าจะไม่ตรงพุทธศาสนานะครับ เพราะว่าทุกวันนี้ พระส่วนมาก หลักปฏิบัติของท่านเปลี่ยนไปมาก ผมมีความเห็นว่าไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ เด็กจะปฏิบัติพุทธศาสนาได้ถูกต้องหรือครับ ในอดีตนั้นพระสอนจะได้ผล เเต่ถ้าปัจจุบัน ถ้าให้พระสอนวิชาพุทธศาสนาจะไม่เลอะเทอะไปใหญ่เลยหรือครับ จะตรงพุทธแท้หรือครับ คงไม่ไหวมั้งครับท่าน… ที่จะให้พระในวัดที่ท่านบวชวัดพุทธกระแสหลัก มาสอนเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในวัด ผมว่าวิชาพุทธศาสนาคงเพี้ยนไปใหญ่เลยครับ พ่อครูว่า…ขออภัยต้องพูดความจริง กระแสหลักของศาสนาพุทธส่วนใหญ่ทุกวันนี้มันไม่เป็นพุทธคือมันไม่เข้าหาแก่นโลกุตระ แถมมันเป็นโลกียะที่เน่าเฟะ ฟังดีๆ พูดอีกครั้ง พุทธศาสนากับแสหลักหรือส่วนใหญ่ทุกวันนี้นำพากันปฏิบัติประพฤติอยู่มันเสื่อมมาก มันไม่ได้เข้าไปสู่กระแสโลกุตระหรือเข้าไปสู่แก่นโลกุตระเลย มันกลับเป็นโลกียะที่เน่าเฟะด้วย หมายความว่า โลกียะก็เต็มไปด้วยไสยศาสตร์ เดรัจฉานวิชา เลอะเทอะเละเท ไอ้ที่ไม่เคยมีเดี๋ยวนี้ซับซ้อนสร้างกลวิธีของไสยศาสตร์เยอะ ที่เป็นแม้แต่พิธีกรรมพิธีการก็เยอะ ไอ้ที่ถูกของพระพุทธเจ้าเอามาทำผิดอาศัยใช้อยู่ ศาสนาพุทธทุกวันนี้ถ้าไม่มีสวดมนต์ อย่างเดียว แล้วก็ใช้สวดมนต์นี้ไปประกอบเป็นพิธีกรรม พระทำอะไร สวดมนต์ แล้วก็อวยพรกับให้สวดมนต์นี่แหละให้งมงายกันไปหมด อวยพรงมงายแล้วก็สวดมนต์ แถมอีกคือมีรดน้ำมนต์ นอกจากสวดแล้วมีการรดน้ำมนต์ ถ้าไม่มี 2 อย่างนี้ศาสนาพุทธทุกวันนี้ไม่มีอะไรมีค่า เขาถือว่าค่าของศาสนาพุทธคือได้รับมนต์ ได้รับพรจากการสวดมนต์กับการรดน้ำมนต์ ขออภัยจริงๆเลยในวงการศาสนาพุทธที่อาตมาจำเป็นที่จะต้อง จำเป็นจำนนจำใจจำต้องพูดความจริง ไม่ได้ไปใส่ความ ไม่ได้ไปหาเรื่อง ไม่ได้ไปข่มไปเบ่งอะไร ขออภัยจริงๆ ท่านก็ไม่รู้จริงๆอาตมาก็รู้อยู่ แต่มันขยายความขยายสัจธรรมเท่านั้นเองที่อาตมากำลังพูดขยายสัจธรรม มันน่าสงสารศาสนา เพราะฉะนั้นถ้าศาสนาพุทธทุกวันนี้สัมมาทิฏฐิขึ้นมามี ปรโตโฆษะ ฟังอาตมาบ้างเปิดจิตดีๆจะเกิดสัมมาทิฏฐิ ถ้า ปรโตโฆษะ เท่านั้นแหละรับฟังอาตมาดีๆ สุสูสังลภเตปัญญัง ฟังด้วยดีๆ อย่าตั้งอคติ อย่าเข้าใจอาตมาผิด อาตมาเป็นคนถูก อาตมาคือเนื้อแท้แก่นแท้ของโลกุตระ ขออภัยที่พูดความจริงพวกนี้เหมือนอวดตัวเอง แต่เป็นการยืนยันสัจจะ พยายามเถอะ อาตมาสงสารตรงที่ว่าพวกท่านก็อยากได้ ใช่ไหม อยากได้ธรรมะพระพุทธเจ้า อยากได้พุทธธรรม แต่ท่านก็โอ้โห อยู่นอกเขตเทศบาลของศาสนาพุทธ อาตมาก็สงสาร และก็พูดอยู่นอกเทศบาลศาสนาพุทธว่า ฉันเป็นพุทธ ๆๆ โถ ตัวเองก็ยังไม่ได้อยู่ในเขตเทศบาลของศาสนาพุทธโดยแล้วก็ไปร้องว่าฉันเป็นพุทธ ฉันเป็นพุทธแท้ๆเป็นพุทธถูกต้องเป็นพุทธจริงๆ พุทธศาสนา ใช่โดยคุณเป็นพุทธกระแสหลักโดยปริมาณ แต่เนื้อแท้มันไม่ใช่ ขออภัยที่อาตมาพูดชัดเจนขึ้นไปมาก โอ้โห วันนี้พูดความจริงสัจจะจริงๆชัดเจนก็ต้องขออภัยนะ _สู่แดนธรรม… ผมเห็นพ่อท่านพูดโดยไม่ค่อยเกรงใจ พ่อครูว่า… เกรงงใจนะที่พูดนี้ขออภัยอยู่ คุณว่าอาตมาเป็นคนไม่ขี้เกรงใจใคร เป็นเนื้อเกรงใจเลยล่ะ ไม่ใช่แค่ขี้เกรงใจเป็นเนื้อความเกรงใจเลย แทงปฏิเวธ คุณคนนี้ก็เห็นถูกต้องเห็นดี จะเอาพระส่วนใหญ่มาสอนแล้วมันก็จะพากันเละไปอีก เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆปล่อยให้เด็กๆมาค่อยๆได้ยินชาวอโศกพูดอะไรต่ออะไรไปเถอะ ไม่อย่างนั้นจะไปครอบงำไปยัดเยียดกันอีก มันยิ่งจะไปกันใหญ่สิ อย่างที่คุณสินพุทธพูด เขาสอนกันก็ไม่ตรงพุสธุทธแท้แน่ คุณคนนี้ก็ห่วงว่ามันจะไปกันใหญ่ ดีแล้วล่ะแสดงความเห็นออกมา ความเห็นอันนี้ลึกซึ้งซับซ้อน มองตื้นๆก็อาจจะคิดว่ามันพาให้เด็กดี ก็สอนอย่างโลกียะ อย่างเทวนิยม อย่างโลกๆ โลกก็สอนความดีความชั่ว ไม่ได้สอนปรมัตถ์ ไม่ได้สอนโลกุตระ สอนความดีความชั่ว แล้วดีตามสมมุติ นี่แหละตรงนี้แหละดีตามสมมติที่คุณสินพุทธพูดดีก็ตามแค่ความดีตามสมมุติ มันก็ไม่ได้ดีตามกระแสพุทธ แต่มันก็ดีตามกระแสโลก ตามกระแสสมมุติ เช่น ไปอวย ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ง่ายไปเสริมหนุนพวกโน้นมันไม่ได้มาเข้ากระแสโลกุตระเลย เมื่อเป็นหนักในทาง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ก็เหมือนกันกับเทวนิยมไม่ใช่พุทธ ไม่ใช่พุทธเลย และแถมที่พูดไปแล้วเมื่อกี้นี้นอกจากไม่ใช่พุทธแล้ว ยังปรุงแต่งให้เป็นโลกียะที่เละเทะ เอาไสยศาสตร์เอาเดรัจฉานวิชา เอาพิธีการเอาพิธีกรรม เอาไอ้เรื่องเลอะเทอะของจินตนาการ โดยเฉพาะนามธรรม ผีสางเทวดาอะไรต่างๆนานามีฤทธิ์มีเดชอย่างนู้นอย่างนี้ โอ้โหมัน _สู่แดนธรรม… ทุกวันนี้เขาเรียกว่าสายมูครับ พ่อครูว่า… นี่หรือ เรียกว่าสายมู อาตมาก็ยังคิดว่ามันหมายถึงอะไร มู มาจากอะไร จาก มูเตลู แปลว่าศาสตร์ลึกลับ มันก็ยิ่งลึกลับกันไปใหญ่ ใช่ ก็วิจัยวิจารณ์กันไปก่อน บ้านวัดโรงเรียนที่ได้มาตรฐานเป็นอย่างไร _ดาวแดนบุญ รุ่งไร่โคก . ถามค่ะ บวรได้มาตรฐานแล้ว ตัวบุคคลต้องมีปัญญารู้จิตให้เข้าใจชัดเจนในแนวทางโลกุตรธรรมด้วยใช่ไหมคะ พ่อครูว่า… ถูกต้อง บวรที่ได้มาตรฐาน บ้าน วัด โรงเรียนที่ได้มาตรฐานก็จะต้องมีทั้ง สัปปายะ 4 มีทั้งบ้าน มีทั้งวัด มีทั้งโรงเรียน บ้าน วัด โรงเรียน ไม่ใช่มีแต่วัตถุ บ้าน คือ สังคม วัด คือ ธรรมะ โรงเรียน คือ การศึกษา “สังคม” คือ การอยู่ร่วมกันของหมู่คน มีชีวิตทั้งพึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกัน และมีชีวิตทั้งทำลายกันถึงขั้นเข่นฆ่ากัน “ธรรมะ” คือ คุณ หรือ โทษ ของกรรม ของพฤติการณ์ ของคนในสังคม “โรงเรียน” คือ การเรียนการสอนของคน การเรียนการสอนก็มีเรียนสอนกันแต่ความรู้ทางวิชาการ กับ การเรียนการสอนกัน ให้ทำงานเป็น เพราะฉะนั้นผู้ที่เรียนแต่ความรู้วิชาการ มันจะมีแต่ความรู้แต่ทำงานไม่เป็น อันนี้มีเยอะเลย มหาวิทยาลัยก็ตาม ถ้าอาชีวะเขายังมีการทำงานฝึกงานบ้าง แต่ถ้ายิ่งเรียนมหาวิทยาลัยนั้นน้อยที่จะมีการทำงาน มีแต่เอาความรู้ ยกย่องกันแล้วนิยมชมชอบ อาชีวะนั้นไม่เท่าไหร่หรอก มันสู้ปริญญาไม่ได้สู้มหาวิทยาลัยไม่ได้ใช่ไหม ค่านิยมทั่วโลก ถ้าจะเรียนสอนกันที่อาตมานำพามาแล้วต้อง ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา แล้วก็เจริญขึ้นอีกเป็น ศีลเคร่ง เก่งงาน ชำนาญวิชชา ยังไม่พอสูงสุดก็ถึงขั้น ศีลเต็ม เข้มงาน สืบสานวิชชา สิ่งที่ไม่เกิดผลสูงสุดถึง ศีลเต็ม เข้มงาน สืบสานวิชชา หรือไม่ได้ถึงขั้น ศีลเคร่ง เก่งงาน ชำนาญวิชา แม้แต่ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา ก็ไม่ได้นั้นเพราะอะไร เพราะเขาหลงความรู้ ผู้ที่หลงความรู้นี้อาตมาเคยอธิบายไปบ้างแล้วถึงอุปาทาน 4 ทะลวงอุปาทาน 4 ต้องอย่าหยุดแค่ที่อัตตวาทุปาทาน เอาอุปาทาน 4 ข้อที่ 4 มาก่อน อัตตวาทุปาทาน คือเขาได้แต่วาทะ ความเป็นอัตตาเขายังไม่เข้าใจ เขายังไม่เข้าถึง เขายังไม่ได้เลย คำว่า ไม่ได้อัตตา นี่มันซับซ้อน คือตัวเขาตัวคน ยังไม่เข้าไปถึงเนื้อแก่นของปรมัตถ์ เอาได้แต่วาทะเป็นความรู้ เป็นพยัญชนะ เป็นบัญญัติ เป็นผิวเผินความรู้ รู้มากธรรมะ สอนกันจากมหาวิทยาลัยสอนกันแต่ความรู้พยัญชนะหรือตรรกะ เหตุผลๆๆๆๆ ได้สูงส่งแค่เหตุและผล ผลและเหตุ แม้แต่การเมืองและสังคมทุกวันนี้ก็เต็มไปด้วยเหตุและผล เรื่องจริงเหลวไหลหมดเลย แล้วไม่อยากจะพูดถึงเรื่องการเมืองทุกวันนี้ เรื่องจริงเหลวไหลหมดเลย มีแต่เถียงกันด้วยวาทะทั้งนั้นเลย ตัดเรื่องการเมืองไป อัตตวาทุปาทาน ปราชญ์เอกของศาสนาพุทธก็ตาม ไม่ต้องไปพูดถึงทั่วโลกเทวนิยมทางตะวันตกที่ไม่ใช่พุทธ เขาได้แต่บัญญัติ เขาได้แต่วาทะ ได้แต่ตักกะวาทะกรรมเก่ง ไม่ต้องไปพูดถึง อัตตา เพราะเขาไม่รู้จัก อัตตา เขาจึงหลง อัตตา ดังที่อาตมาอธิบายมาแล้วว่าทุกวันนี้เขาเต็มไปด้วย โอฬาริกอัตตา เขาไม่ได้อัตตาที่เป็น อนัตตา เขาไม่ได้เข้าไปถึงแก่นของความเป็นอัตตาแล้วจัดการปฏิบัติตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าเพื่อล้างอัตตาไปตามลำดับ จนหมดอัตตา ยังไม่เลย แต่ภาษามี มีภาษาแล้วก็หลงภาษาสุดท้ายเขานึกว่าเขาได้เป็น โอฬาริกะ โอ้โห อลังการ มโหฬารใหญ่โต เขาได้อัตตาเป็น โอฬาริกะต่างหาก มันซับซ้อนหมุนกลับไปกลับมา เหมือนกับพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย _สู่แดนธรรม… อ้วนพีขึ้น พ่อครูว่า… อ้วนพีใหญ่โต เป็นทั้งพญาครุฑ ส่วนอีกพวกหนึ่งเป็นพญานาคซึ่งอธิบายผ่านมาแล้ว หลงความรู้กันมหาศาล ยังไม่หยุดนะ ยังไม่พอความรู้นะทุกวันนี้ก็ยังตะกละความรู้อยู่ น่าสงสารจริงๆ ไม่เข้ามาหา ศีล สมาธิปัญญา แต่ความเป็นสัตว์โลกรู้จักความเป็นสัตว์ รู้จักความเป็นมนุษย์ จากความเป็นมนุษย์อาริยะรู้จักมนุษย์ที่เราไปละลาบละล้วงมนุษย์ อาริยะขึ้นไป นี้ยังไม่ได้เริ่มเลย อาตมาว่านะ ยังไม่สำนึกกัน ท่านยังไม่สำนึกกัน ผู้ใดสำนึกแล้วอนุโมทนาสาธุ ผู้ใดยังไม่สำนึกก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่สงสาร สำนึก หมายความว่าอะไรไม่ทวนแล้ว รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำไปแล้วมันผิด แล้วก็สำนึกแล้วก็ต้องแก้กลับ ยิ่งแก้กลับยังเต็มที่ยอมทางกายวาจาใจออกมา มีพฤติกรรมที่แท้จริง มันก็จะเจริญ แต่ทำไปแล้วมันก็ไปไม่ออก ไปไม่รอดแก้กลับไม่ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอุปาทานข้อที่ 4 นี้ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จักแม้แต่ สีลพตุปาทาน ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้แม้แต่ ทิฏฐุปาทาน ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จัก กามุปาทาน ซับซ้อนเลยเหมือนกับ กามุปาทาน เป็นเรื่องหยาบขั้นต้นไม่ใช่เขายังไม่รู้เรื่องเลย ทวาร 5 ความเป็นกายเขายังอีกไกล อธิบายมาแล้วนะ เรื่องกรรมเรื่องกาย แม้แต่ศีลพรตหลักการประพฤติปฏิบัติเขาก็ยังยึดผิดอุปาทาน เขายังไม่ได้มีศีลพรตที่เป็นสัมมาทิฏฐิสมบูรณ์แบบ ที่อาตมาเอามาย้ำแล้ว คือจรณะ 15 วิชชา 8 ยังเลย ยังไกลจากจรณะ หรือศีลสมาธิปัญญาหรือ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ เขาพูดบัญญัติพวกนี้ได้หมด บัญญัติที่อาตมาพูดไปเขาพูดได้หมดรู้เหตุผลของบัญญัติพวกนี้หมด เขาไม่ได้เข้าถึงเลยเพราะศีลพรตของเขายังไม่สัมมาทิฏฐิ แม้ อัตตวาทุปาทาน เขาก็ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ ฉะนั้นไม่ต้องไปพูดถึงเลย อัตตวาทุปาทาน ขั้นที่ 4 นี้แย่กว่าเพื่อนนะ ศีลพรตนี้ ขั้นที่ 3 เขาจะไม่สูงไปขึ้นขั้นศีลพรตได้ไง ยิ่งขั้นที่2 ทิฏฐุปาทาน ความเห็นถูกพ้นมิจฉาทิฏฐิเป็น ทิฏฐุปาทาน เขาก็ยิ่งไกลเลยเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพูดถึงตัวเนื้อแท้เนื้อจริงของกามที่จะต้องมีทวารทั้ง 5 ปฏิบัติตั้งแต่ ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส โผฏฐัพพะกระทบภายนอก แล้วก็จะรู้จักกายถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่รู้จักกายยังไม่พ้น สักกายทิฏฐิ ข้อที่ 1 ของสังโยชน์ไม่ได้ กำลังอธิบายตรงนะ ไม่ได้ไปหาเรื่อง ไม่ได้ไปใส่ความใคร แต่เขารู้เรื่องอธิบายพยัญชนะเหล่านี้ได้หมด เขายังไม่เข้าใจถึงกายเขา ยังไม่ได้เข้าใจถึงกาม เรื่องกามก็ดี เรื่องกิเลสก็ดี เรื่องตัณหาก็ดี พยัญชนะทั้งนั้น กาม กิเสส ตัณหา ขณะนี้อาตมากำลังเขียนเรื่องคนตอนนี้กำลังขยายความเรื่องนี้อยู่ โอ้โห มันลึกซึ้งซับซ้อนมาก ขยายไว้เรื่องกิเลสกับตัณหามันต่างกันอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น กิเลสนี่ หมายถึงเนื้อจิต จิตที่มันไปโง่ ไปทำจิตตัวเองให้เป็น ตัวเองโง่นั้นถึงทำ แล้วก็กลายเป็นจิตที่เศร้าหมอง กิเลสนี่ เขาก็แปลมาเองอาตมาไม่ได้แปลเอง ผู้รู้เขาแปลมา ว่ากิเลสคือเครื่องเศร้าหมอง เขาก็แปลกันถูกก็คือกิเลส มันต่างจากตัณหาอย่างไร ตัณหาคือความทะยานอยาก ความใคร่อยาก ฟังแค่นี้พอเข้าใจใช่ไหม นั่นมันเป็นสภาพจิตที่สำเร็จผลแล้ว เป็นกิเลสคือเครื่องเศร้าหมอง อันนี้คือความทะยานอยาก กิเลสเป็น static ตัณหาเป็น dynamic กิเลสเป็นสิ่งที่จับตัวเป็นอะไรแล้วแต่ตัณหานี่มันร่านทุรนอยู่ดิ้นอยาก _สู่แดนธรรม… กิเลสเป็นจอมแห ตัณหาเป็นเนื้อแหใช่ไหมครับ พ่อครูว่า… ตัณหาจึงแบ่งเป็น กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ยิ่งลึกซึ้งไปใหญ่เลย เพราะฉะนั้นแค่กามเขาก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นยังไม่พ้นกามตัณหา เขาสอนได้พูดอธิบายได้นะกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เขาอธิบายมีเหตุมีผลมีตรรกะเต็มไปหมดลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง แต่เขายังไม่ได้สัมผัสหรือเขายังไม่ได้เกิดความรู้ที่รู้ปรมัตถ์ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เข้าไปถึงจริงๆของจิตเจตสิกต่างๆ เจตสิกแยกมาเป็นเวทนา เขาได้ปฏิบัติเข้าถึงเวทนานั้นอยู่หรือไม่ เขาไม่เลย เขาแปลได้ไหม ก็แปลได้เวทนาแปลว่า ความรู้สึกแปลว่าอารมณ์ ดูเผินๆเขาก็รู้จัก รู้จักอารมณ์รู้จักความรู้สึกด้วย เขารู้ความรู้สึกตัวเองอารมณ์ตัวเองด้วย แต่เขาไม่ได้รู้ลึกจนกระทั่งถึงอาการของเวทนา อาการของความรู้สึก อาการของอารมณ์ ตั้งแต่มันเกี่ยวเนื่องกับกาย มันเกี่ยวเนื่องกับจิต กาย จิต กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต กาย ก็ยังไม่รู้จิตเขาก็ยังไม่รู้เพราะฉะนั้นเขาจะมารู้เวทนาในเวทนานี้ ไม่ได้เลย กาย เวทนา จิต ธรรม กายในกาย คือต้องเกี่ยวกับภายนอก และจิตในจิตคือข้างใน รายละเอียดของกายกับจิตเข้ามา ละเอียดซอยมาเป็นเวทนา ส่วนธรรมะนั่นคือสภาพทรงไว้เป็นผลของการปฏิบัติ ถ้าผิดก็ไม่ใช่ธรรมะเป็นอธรรม ถ้าถูกก็เป็นธรรมะสะสมไว้ เพราะฉะนั้นธรรมะคือผลของ 3 ตัวนี้ กาย เวทนา จิต เขาจะเข้าไม่ถึงแม้แต่กาย เขาก็ไม่มีสภาพที่ถูกต้อง ฉะนั้นจิต เจโตปริยญาณ 16 จิตในจิต ที่มันมีลักษณะของราคะโทสะโมหะแล้วก็จะต้องมีกระบวนการล้างราคะโทสะโมหะ เป็นกระบวนการของ เจโตปริยญาณ 16 อย่างที่เคยอธิบายรายละเอียดไปหมด เขายังไม่เข้าถึง เขายังไม่เข้าใจเลย เพราะฉะนั้นเขาจะรู้แท้ๆเลยว่า กามราคะเป็นเช่นนี้ และได้ปฏิบัติ ในกามาวจร ในความเป็นชีวิต ที่ยุ่งเกี่ยวกับข้างนอก กามที่หยาบที่สุดคือ ความใคร่อยาก แล้วเขาก็ไปหลงใน โอฬาริกอัตตา เขาก็มุ่น อยู่กับเรื่องนี้ เป็นรสนะ เป็นโลกียรส ที่ลึกซึ้งโอ้โห สุดยอดอร่อย เขามี โอฬาริกอัตตา ที่วิเศษจากกามราคะตัวนี้ยังเอาไม่ออก เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพูดถึง รูปราคะ อรูปราคะ เลย เพราะกามราคะ ที่เขายังเป็น โอฬาริกอัตตา เขายังไม่รู้ พูดแล้วก็น่าสงสารจริงๆ ขออภัยอาตมาไม่ได้เจตนาจะมาเทศน์เรื่องนี้เลย มันไปยังไงมายังไง _สู่แดนธรรม… สรุปว่าโรงเรียนที่อื่นเขาไม่ได้สอนความรู้ให้ถึงโลกุตรธรรมเลยครับ พ่อครูว่า… ใช่ ไม่ได้สอนถึงคุณธรรม พูดไปก็เท่านั้น เอง อาตมาจะยังมีชีวิตต่อไปอีก แล้วก็จะเปิดเผยอะไรอีกเยอะขออภัยจริงๆที่ต้องพูด เพราะอาตมาเกิดมาเพื่อกอบกู้ศาสนาพุทธ ก็พูดเฉยๆอย่างนี้แหละ พูดธรรมดามันเป็นเรื่องจริง ไม่ได้อวดโอ๋ ไม่ได้หลงเลอะเทอะอะไรหรอก แล้วก็มาทำอย่างมีเหตุมีผลมีหลักฐาน มีสิ่งที่เกิดจริงเป็นจริง มีปรากฏบุคคลสังคม มีวัฒนธรรมอ้างอิงหลักฐานธรรมะพระพุทธเจ้า จนอาตมามีผลสำเร็จถึงขั้น สาราณียธรรม 6 ถึงขั้น สาธารณโภคี ได้ พวกนี้เป็นต้น ก็มาพิสูจน์เอาสิ ถ้าคุณมีความรู้พอที่จะมาตรวจสอบดูได้ ขออภัยนะมันไม่ง่ายที่จะพิสูจน์ได้ แต่ก็พอได้อยู่ คนอื่นเขาก็ศึกษา พยัญชนะต่างๆเหล่านี้มีอยู่ในคำสอนพระพุทธเจ้า อาตมาไม่ได้มาบัญญัติเองเมื่อไหร่ _สู่แดนธรรม… เพื่อนผมเขาไม่ค่อยไว้ใจพ่อท่านในการตีความธรรมะ เขาบอกว่าเรื่องการตีความธรรมะนี้ เขาจะไม่เถียงกันแต่เขาจะยอมแพ้เพราะท่านตรงที่ว่า ทำไมพ่อท่านสร้างสังคม สาธารณโภคี ได้ พ่อครูว่า… นั่นแหละเขาควรจะต้องฉลาดรู้ว่าแล้วธรรมะพระพุทธเจ้าหรือเปล่า สาธารณโภคี ของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าทำไมสร้างได้ ทำไมคนอื่นสร้างไม่ได้ ทำไมปราชญ์ที่เกิดก่อนทำงานศาสนาอาตมามาก่อนเยอะแยะ ทำไมสืบเนื่องต่อกันมาด้วย อาตมามาเป็นคนตั้งต้น _สู่แดนธรรม… ทั้งๆที่ สาธารณโภคี มีอยู่แค่ในสองพระสูตรเองแล้วดูเหมือนไม่สำคัญเท่าไหร่ด้วยเล็กๆน้อยๆแต่ทำไมพ่อท่านเอามาทำให้สำคัญ พ่อครูว่า… ใช่ อาตมาเริ่มต้นเป็นคนต้นเลยในยุคนี้ ในยุคนี้อาตมาเป็นคนนำสิ่งนี้มายืนยันอธิบายจนพวกเราปฏิบัติสำเร็จผลยืนยันความเป็นจริงได้อย่างนี้ ทำไม ทำมาก่อนต่อทอดสืบสาวราวเรื่องอาจารย์มาเขายังไม่ได้ทำ ทำไม่ได้เลย _สู่แดนธรรม… ตอนผมเข้าสันติอโศกมาใหม่ผมสงสัยว่าทำไมพ่อท่านเอาเศรษฐศาสตร์เชิงพุทธมาสอนพุทธมีเศรษฐศาสตร์ด้วยหรือ พ่อครูว่า… แหละเขาจะรู้เกี่ยวข้องอะไรกับเศรษฐศาสตร์อะไรต่างๆพวกนี้ เอาละ มันก็พูดไปพูดมาตัวเลขของเขาเตือน ถ้ามาก็ไม่อยากละเมิดแล้วลาภละล้วง สงวนการปรุงแต่งของตนเองการออกกำลังกายอะไรพวกนี้ มันโอเวอร์โหลดแล้วประเดี๋ยวมันจะเสีย ก็เลยเอาละวันนี้ไปพอสมควร เหลือเวลาหมด ว่าจะเหลือ 1 วินาทีก็ไม่พอ ถ้าไม่มีเวลานี่ท่านเดินดินสรุปละกัน สมณะเดินดิน… สรุปจบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin20 ธันวาคม 2023 Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:661218 ชำแหละลากไส้อัตตาของพญาครุฑและพญานาค รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #49 ราชธานีอโศกNextNext post:661222 จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศกRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024