670112 ตอบปัญหาพุทธศาสนาตามภูมิพ่อครู พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1KrQCJ7GCaTtcR8Z6KquhGsViEU-YMOnn/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Cy6RZ4bb-oPzQKHvB7u7es_AB5WqvMFz/view?usp=sharing
และ
ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/pwRoMo0nq4/
และ https://youtu.be/ymezanU7yfU
มีซับ
_สู่แดนธรรม… … วันนี้วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567 ขึ้น 2 ค่ำเดือนยี่ปีเถาะ ที่ชั้น 4 เฮือนศูนย์สูญ บวรราชธานีอโศก
รายการนี้ชื่อรายการพุทธศาสนธรรมภูมิหมายความว่าท่านผู้รู้จะเอาธรรมะมาแสดงตามภูมิ ผมฟังครั้งแรกรู้สึกว่าพ่อท่านเป็นผู้แสดงธรรมนี้เป็นภูมิที่หาใครทำได้ยากยิ่ง พ่อท่านบอกว่าอาตมารู้ด้วยความรู้สึกว่าอาตมาเองไม่ได้มีครูบาอาจารย์ไม่ได้บรรลุตามคำสอนของอาจารย์อื่น ถ้าใครไม่เชื่อก็ลองสืบดูประวัติอาตมาได้ว่าอาตมาเป็นลูกศิษย์ใคร ถ้าหากอาตมาเป็นลูกศิษย์ใครอาตมาก็ต้องบรรลุตามคำสอนอาจารย์เหล่านั้น
วันนี้ก็เช่นกัน วันศุกร์ปกติจะเป็นหน้าที่ของท่านสมณะเดินดิน แต่วันนี้ก็มีความพิเศษ ดินฟ้าอากาศแต่ละคนก็มีไข้บ้าง เสียงไม่ปกติบ้าง วันนี้ก็เลยต้องเซฟพ่อ ท่าน ให้ออกอากาศที่ห้องทำงานพ่อท่าน
แสดงธรรมด้วยภูมิพ่อครูจนเกิดหมู่กลุ่มสาธารณโภคี
พ่อครูว่า… อาตมาก็จะเป็นคน 3 วันดี 4 วันไข้ตลอด นอน อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันก็เป็นจริงตามที่อาตมาเคยพูดเคยกล่าวไว้ เพราะสังขารอาตมามันฝืนสังขารมาได้จนสุดปลายแล้ว พยายามต่ออายุค่า ต่อแล้วก็ฝืนสังขารมา ได้เกินนักษัตรหนึ่งแล้ว 72 มาถึง 84 แล้วก็ต่อมาอีกสัก 84 มาถึง 90 มันยังไม่ได้ 90 มันได้ครึ่งปีแล้ว 89 ปี 6 เดือนกว่าๆ ถ้า 5 ธันวาคมก็ 6 เดือนพอดี นี่เกิน 5 ธันวาคมมาถึงมกราคมแล้ว ก็เป็น 7 เดือนกับอีก 7 วัน เอ๊ ตัวเลขสวยๆนะ
_สู่แดนธรรม… ตรงนี้ที่ผมสังเกตว่า ทำไมบรรดาพระคุณเจ้าทั้งหลาย ทำไมไม่เคยเอาวิชาเหล่านี้มาแสดงให้รู้ว่า การเจริญอิทธิบาทสามารถเจริญอายุต่อไปได้ ผมก็เพิ่งจะรู้จากพ่อท่านว่ามีแต่พ่อท่านที่เอามาแสดงความอัศจรรย์นี้
พ่อครูว่า… อ๋อมันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะผู้ที่จะต่ออายุขัยนั้นไม่ใช่ธรรมดา ผู้จะต่ออายุขัยได้ไม่ใช่ธรรมดา เอาน่ะพูดไปแล้วมันก็เป็นการพูดเว่อร์ๆไปเท่านั้น พูดเป็นเรื่องอจินไตยเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจก็ผ่านๆไปเถอะ อาตมาก็พูดไปก็เปรยไปเท่านั้น คนบางทีก็ไม่เชื่อถืออะไรหรอก มันเป็นเรื่องพิเศษ มันเป็นเรื่องที่เกินสามัญธรรมดา
_สู่แดนธรรม… ตามจริงในหลักฐานก็มีกล่าวไว้นะครับที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์
พ่อครูว่า… ก็เคยนำมาอ้างอิงอยู่
_สู่แดนธรรม… แสดงว่าธรรมดามีคนทำได้
พ่อครูว่า… มีคนทำได้ อาตมาก็ยังดีใจที่ว่าอาตมาเกิดมาชาตินี้นำธรรมะพระพุทธเจ้ามา มาสืบทอดต่อนี่ แล้วอาตมาก็ยังมั่นใจว่าอาตมาทำได้ ตรงตามพระไตรปิฎกเล่มฉบับสยามรัฐนี่แหละ มีตรงก็ยืนยันอ้างอิงตามสูตรนั้นสูตรนี้ ตามพระพุทธพจน์นั้นพระพุทธพจน์นี้ อ้างอิงไปมาตลอด อันนี้แหละเป็นหลักฐานยืนยันว่า อาตมาผิดหรือถูกอันนี้ ผิดหรือถูก ซึ่งอาตมาก็ยืนยันแล้วออกมาอธิบายอ้างอิงแล้วว่า
การที่อาตมานำธรรมะพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย มาอธิบายมาประกาศสืบทอด ต่อของพระพุทธเจ้าในยุคนี้แล้วที่มันเสื่อมเต็มที่แล้วนี่ ก็ยืนยันมันเสื่อมก็พูดยืนยันว่ามันเสื่อมไม่ได้พูดเอาเองพระพุทธเจ้าก็ตรัสยืนยันไว้ อ้างอิงไว้ในอานิสูตรก็เอามายืนยันว่ามันจะเสื่อม ก็มันเสื่อมจริงๆ แล้วอาตมาก็นำมาประกาศในยุคเสื่อมนี้ คนก็เข้าใจได้ ขณะที่คนเสื่อม ยาก ถูกครอบงำทางความคิดไปในทางผิด ในความรู้ที่ผิดๆ
อาตมาก็มาฟื้นขึ้นจนกระทั่งมีคนเข้าใจรับได้ และ เอาไปปฏิบัติจนกระทั่งมีเป็นหมู่เป็นกลุ่มเป็นคณะเลย เป็นคณะของชาวอโศก ที่เขาจัดว่าเป็นนิกาย เขามาว่าเราทำนิกาย ดูเหมือนจะมีคนพูดถึงเรื่องนิกาย เดี๋ยวจะได้อธิบายเรื่องนิกายกับนานาสังวาส แล้วเราก็สามารถทำได้อาตมาทำได้ถึงขนาดยืนยันว่า ทำให้พวกเรามารวมตัวกันอยู่เป็น สาราณียธรรม 6 มาอยู่กันด้วย เป็นหมู่กลุ่มเป็นชุมชนสังคมที่อยู่กันอย่าง สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม แล้วก็ทำมาหากินเลี้ยงชีพกัน ลาภที่ได้โดยธรรม ก็เอามาเข้ากองกลางหมด ลาภธัมมิกา ที่อาตมาขยายความด้วยภาษาสมัยใหม่ เสียภาษีให้แก่กองกลาง 100% ซึ่งเป็นเรื่องสุดพิเศษไม่มีใครทำได้ ไม่ว่าจะการบริหารในระบบคอมมิวนิสต์ ในระบบประชาธิปไตยต้องการคนผู้มีรายได้มากๆ นี่เสียภาษีเข้ารัฐทั้งหมด ไม่ใช่ทั้งหมดแต่มากที่สุด มากที่สุดเขาก็พยายาม
อย่างคอมมิวนิสต์ก็ออกกฎหมายแรงน้อย เอาจากคนที่ได้มาขอกองกลางเยอะๆ ส่วนประชาธิปไตยอิสระเสรีกฎหมายก็ไม่ค่อยตรง ซูเอี๋ยกับคนรวยอะไรต่ออะไร ก็ได้เท่าที่มันได้
แต่ชาวอโศกเราทำได้ถึงขั้นเสียภาษี 100% คนที่จะทำส่วนตัวเขาก็ไปๆมาๆ ไม่ใช่สมาชิกที่อยู่ในสังคม ผู้ที่เป็นสมาชิกอยู่ในชุมชนในสังคมชาวอโศกเลย ก็ทำงานไม่ได้มีรายได้อะไรกัน ทุกชุมชนทุกแห่ง ชุมชนชาวอโศก ซึ่งเป็นเรื่องที่มันเกินที่มนุษย์มนาทั่วไปในโลกที่เขาจะทำได้ อาตมายืนยันถึงขั้น ว่าในยุคพระพุทธเจ้าก็ยังทำไม่ได้ในสังคมประชาชน เพราะมีข้อจำกัด
-
ไม่ใช่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์
-
ไม่ใช่ยุคทาส ที่มีนายทาสลูกทาสอะไร
-
ไม่ใช่ยุคที่คนไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน
ยุคนี้ข้อจำกัดเท่านี้หมดไปไม่ใช่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่ใช่ยุคทาสเพราะเลิกทาสหมดแล้ว ทุกคนมีอิสรเสรีภาพเต็มที่ ที่ จะยอมรับอะไรต่ออะไรได้คือเป็นอิสระ
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในชาวอโศกเสียภาษี 100% ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ไปล่อหลอกมา ไม่ได้ไปหว่านล้อมมา ถ้าล่อหลอกมาหว่านล้อมมามันไม่ทนหรอก มาก็โดยสมัครใจเขา เขาเห็นว่าเขาอยู่ไม่ไหวเขาก็ออกไปเองเป็นอิสระ เขาอยู่ไว้เขาก็อยู่เขาอยู่อย่างจะฝืนจะทนได้ก็ฝืนทนอยู่ มันเป็นเรื่องของส่วนตัวเขาจริงๆ อิสระ
_สู่แดนธรรม… ไล่กลับบ้านไม่ไปด้วย ไม่อยากกลับก็มี
พ่อครูว่า… ไม่อยากกลับก็มี นอกจากมีความจำเป็นเขากลับไปบ้านก็มีไม่มีความจำเป็นก็ไม่อยากกลับ
_สู่แดนธรรม… นี่คือภูมิของพ่อท่านที่สมกับชื่อรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ในพระไตรปิฎกก็มีกล่าวไว้ไม่กี่คำเรื่อง สาธารณโภคี
พ่อครูว่า… อยู่ใน สาราณียธรรม 6
_สู่แดนธรรม… มีอยู่ใน 2พระสูตรนะครับ ใจความมีแค่ใน 2 พระสูตรซึ่งดูโดยรวมแล้วแทบไม่มีความสลักสำคัญอะไรกับความเป็นศาสนาเลย
พ่อครูว่า… เป็นเรื่องสุดยอดของศาสนาเลยไม่มีศาสนาใดเทียมเท่า ไม่ใช่ไม่มีศาสนา ระบบการปกครองของสังคมประเทศไม่มีใครทำได้ นอกจากของศาสนาพุทธ แล้วที่อาตมานำมาทำได้สำเร็จในยุคนี้นี่มันเป็นเรื่องสุดวิเศษสุดยอด สุดวิเศษสุดยอดเพราะเป็นยุคที่ข้อจำกัดทั้ง 3 มันหมดไปมันจึงทำได้ ยุคพระพุทธเจ้าก็ทำได้ในองค์ สงฆ์ ในหมู่ สงฆ์ เท่านั้น ที่จะทำ สาธารณโภคี เป็นหมู่สงฆ์แต่เขาไม่รู้จักสาธารณโภคี ในหมู่สงฆ์หมู่ใหญ่เขาไม่รู้จัก นึกไม่ออกด้วยถ้าอาตมาไม่นำมาไม่มีหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกเขาก็หาว่าอาตมานอกรีตนอกทาง แต่นี่เขาเถียงไม่ได้เพราะพระไตรปิฎกยังอยู่ยืนยัน
_สู่แดนธรรม… มีคนข้องใจนะครับว่าพ่อท่านนึกอย่างไร อยู่ดีๆถึงส่องเห็นและทำเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา พ่อท่านสำรวจอะไรหรือเปล่า
พ่อครูว่า… ไม่ได้สำรวจเป็นไปตามเหตุปัจจัย อาตมาทำงานศาสนา เข้ามาบวชปั๊บ ไม่ได้เจตนาหรอก พอมันเกิดหมู่ชุมชนหมู่บ้าน หมู่ชุมชนของเราขึ้นมา ตั้งแต่หมู่แรกมาเรื่อยๆ มันก็เป็น สาธารณโภคี โดยปริยาย โดยอัตโนมัติมาแล้ว
_สู่แดนธรรม… ตอนแรกพ่อท่านยังไม่รู้ใช่ไหม
พ่อครูว่า… ไม่ ตอนแรกอาตมาก็ยังไม่รู้ว่านี่คือสภาพสาธารณโภคี แต่มันเป็นสัจจะแล้ว ตอนหลังมาก็เห็นว่าพวกเรานี่มาเห็นในพระไตรปิฎก อ้าว มี สาราณียธรรม 6 มี สาธารณโภคี (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… พ่อครูเคยบอกว่าทำตามเหตุปัจจัยไป แต่ความเป็นจริงของสังคมมันเป็นหลักฐาน เป็นสักขี ไปตามธรรม คนเราสามารถบริโภคร่วมกันได้ ต้นเหตุมาจากพระภิกษุบางรูปออกบิณฑบาตแล้วเขาไม่ใส่บาตร ถ้าปล่อยให้ท่านหากินตามลำแข้งตัวเอง ท่านคงอดตายแน่ พระพุทธเจ้าก็เลยออกกฎให้ภิกษุเฉลี่ยลาภแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ก็ทำได้แค่ภิกษุกับภิกษุเท่านั้น แต่เหตุปัจจัยก็คือพ่อท่านเห็นว่าสอดคล้องกับธรรมะที่ปรากฏขึ้นแล้ว จึงพากันสร้างระบบสาธารณโภคี
พ่อครูว่า… มารวมกันเป็นกองกลาง มันเป็นไปโดยอัตโนมัติเราถึงเห็นว่ามันเป็นไปปานฉะนี้เชียวหรือ คือทุกคนทำมาหากินร่วมกันแล้วทุกคนก็ไม่เอาเงินเอาทองอะไร ไม่เอารายได้เป็นของส่วนตัว เพราะว่าเรามารวมอยู่แล้ว เราก็มามีอาชีพ อยู่ในส่วนสังคมเรา มันก็เป็นอาชีพส่วนกลาง อาชีพเรามีกสิกรรม ถ้าเป็นด้านทางอุตสาหกรรมเราก็ไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ ถึงแม้ว่ากสิกรรมก็ไม่ได้ขายอะไรมากมาย เลี้ยงกันเอามากินใช้ มาอาศัยกินใช้ แล้วก็มีค้าขายบ้าง
อย่างค้าขาย แต่ไหนแต่ไรเราก็ไม่ได้ค้าขายกะจะเอากำรี้กำไรอะไรตั้งแต่ต้น จนกระทั่งมีหลักเกณฑ์ในการค้าขาย อย่างแย่ที่สุดก็ต่ำกว่าราคาตลาด 2. เท่าทุนอันดับ 3. ต่ำกว่าทุน 4. แจกฟรีอะไรอย่างนี้ ก็เป็นหลักเกณฑ์สิ่งที่เราปฏิบัติประพฤติ ไม่ได้ตั้งมาโก้ๆ หลักเกณฑ์ต่างๆนี้เราประพฤติและทำได้จริงๆ เราก็เจริญด้วยการมีหลักเกณฑ์เหล่านี้ไปตามความเจริญ
เอามาที่ sms
SMS วันที่ 8 – 11 มกราคม 2567
_ช่อทิพ หนูทอง . กราบเรียนถามว่า วันที่จัดงานเพลงของพ่อครู
1.จัดที่ไหน (หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย)
2.วันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร (2 มิถุนายน 2567)
3.บัตรที่เข้างานราคาเท่าไหร่คะ (ฟรีคอนเสิร์ต)
พ่อครูว่า… ตอบว่าเราไม่มีบัตรขาย เรามีแต่บัตรฟรี บัตรจองที่นั่งบัตรฟรี เราไม่มีบัตรขาย เรียกว่าฟรีคอนเสิร์ต
เอาเงินฝากธนาคารกินดอก ไม่พ้นมิจฉาอาชีวะลาภแลกลาภ
_สินพุทธ สุขพูล . น้อมกราบนมัสการพ่อครูฯ ที่เคารพอย่างยิ่ง และสมณะสิกขมาตุทุกรูปครับ ผมดูคลิปในที่พ่อครูฯ อธิบายเรื่อง มิจฉาอาชีวะ 5 ผมมีความสงสัย ข้อที่ 5 คือ ลาเภน ลาภังนิชิคิงสนตา ถ้าเราเอาเงินของเรา เอาไปฝากธนาคารแล้ว ก็ซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยได้ดอกเบี้ย แค่นิดหน่อย แต่ความมั่นคงของเราจะดีกว่าฝากธนาคารเฉยๆ เข้าข่ายผิดหลักในข้อ 5 การเอาลาภต่อลาภไหมครับ กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า… แป้งว่าไง
_สู่แดนธรรม… ถ้าเป็นชั้นสูง มีผิดแน่นอนครับ
พ่อครูว่า… คุณยังเอาลาภแลกลาภ ยังเอาสิ่งตอบแทนอยู่ มันก็ผิด คนสมัยโบราณเขาซื่อ ไม่เหมือนสมัยนี้หรอก สมัยนี้ซับซ้อน พวกนี้ก็ได้ใหม่ทั้งนั้นไอ้ดอกเบี้ยธนาคารอะไร สมัยโบราณสมัยพระพุทธเจ้าไม่มีดอก
_สู่แดนธรรม… ฐานะของคนที่จะผิดศีลเท่านั้นไม่ใช่คนสามัญที่จะทำงานทั่วไปในสังคมครับ
พ่อครูว่า… มันสูงเกินเกณฑ์ที่มนุษย์สามัญ ต้องพูดอย่างนั้น มันสูงเกินเกณฑ์ที่มนุษย์สามัญทั่วไปโลกีย์ที่เขาจะทำได้ มันเป็นนามธรรมชั้นสูงจริงๆมันเกินสามัญ มันเป็นคนพิเศษ
_สู่แดนธรรม… มีคนถามผมว่าถ้าเป็นพ่อค้าทำมาหากินคงทำศีลตอนนี้ไม่บริ ผมเลยบอกว่าไม่ต้องกังวลหรอกไม่ใช่ฐานะของคุณ ฐานะที่จะมาทำลายศาสนาแค่ เสร็จแล้วออกค่ากันเทศน์มันก็ผิด เพราะเขาเลี้ยงดูด้วยอาหารไม่ขาด ทำไมคุณต้องไปรับ ลาภแลกลาภด้วย อันนี้มันก็ผิดใช่มั้ยครับ
พ่อครูว่า… ฐานะของนักบวช แต่ อาตมาเอาของพระพุทธเจ้ามาประกาศไม่ใช่อาตมาทำได้นะ แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ฆราวาส พวกเราปฏิบัติแล้วยังทำสาธารณโภคีได้ ไม่ใช่อาตมาเก่ง แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้ากับฆราวาสพวกเรานี่เก่งต่างหาก ถึงทำคุณธรรมขนาดนี้ได้ พูดไปแล้วมันก็เกินวิสัยมนุษย์โลกีย์เขาจริงๆ สามัญทั่วโลก ไม่มีศาสนาไหนทำได้หรอก
_Thanakrit Sinhasiri ธนกฤต สิงหศิริ. กราบขอโอกาสพ่อครูครับ ในสมัยก่อนผ่านมามากกว่า 30 ปี มีภาพยนตร์โฆษณาชุดหนึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อขายกระเบื้องลอนคู่ยี่ห้อ (ชื่อตราสินค้า) “โอฬาร” โดยที่เนื้อหาคือหลังคาบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่งยังคงเป็นสังกะสี พอมีกระเบื้องนี้ขึ้นมา เจ้าของบ้านหลังนี้มีความคิดว่าจะเปลี่ยนหลังคาบ้านของตัวเอง ให้เป็นกระเบื้องยี่ห้อนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ฝากไว้ก่อนโอฬาร” จนกลายเป็นวลีนี้ครับ กราบนมัสการขอรับ
พ่อครูว่า…ผ่าน
ปฏิบัติเรื่องกินนี่ถึงอรหันต์ได้อย่างเป็นลำดับ
_นพพล จรัสวิกรัยกุล . บางคนอาจมีกรรมฐานที่ไม่สามารถปฏิบัติการกินแล้วโยงไปจัดการกิเลสเรื่องอื่นได้ สามารถพ้นเรื่องการกิน แต่ยังติดในกามราคะ ติดในทรัพย์ติดในลาภ ยศ สรรเสริญ หลายคนยังออกไปมีชีวิตคู่ข้างนอก เพราะกิเลสเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาติดหนักแรงแน่น และอาจมีมิจฉาทิฏฐิความยึดความติด ที่ทำให้ติดยึดแน่นกับกิเลสเหล่านี้มากกว่าการกิน ด้วยความเคารพพ่อท่านอย่างยิ่ง ผมว่าคนเหล่านี้ควรปฏิบัติตามถนัดช่องทางลักษณะกรรมฐานอย่างสัมมาของตัวเองไปได้ใช่ไหมครับ กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงครับพ่อท่าน
พ่อครูว่า…เรื่องนี้นี่มันสำคัญนะ เรื่องการกินนี่ อาตมาก็เคยอธิบายขยายความ เป็นเรื่องสำคัญถึงขั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในข้อปฏิบัติ จรณะ 15 วิชชา 8 เลย เรื่องการกินท่านตรัสไว้ใน อปัณณกปฏิปทา 3 สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ
โภชเนมัตตัญญุตา ก็เพื่อให้จัดการเรื่องการกิน เป็นการปฏิบัติธรรมเลย เป็นหลักสำคัญเลย เพราะอะไร เพราะคนทุกคนต้องกิน กินอาหาร สัตว์ทุกตัวต้องกินอาหาร คนนี้แหละติดอาหาร ติดรสอร่อย ติดศักดิ์ศรี ติดกินเล่นกินหัว ติดอะไรก็แล้วแต่ ติดในเรื่องการกินนี่หนัก เพราะฉะนั้นกิเลสจึงมากในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าถึงหยิบมาเป็นประเด็นแรกเลย
สำรวมอินทรีย์ กับ ชาคริยานุโยคะ ใน อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ นี่ มันก็เกี่ยวเนื่องกับ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ก็ในตัว
ชาคริยานุโยคะ หมายความว่า ให้มีสติเต็ม ให้ตื่นรู้ในชีวิตตน แล้วดู ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อเวลาเกี่ยวกข้องกับอะไรๆๆๆ แล้วคุณก็กระทบกับสิ่งเหล่านั้นๆๆ แล้วคุณก็จะเกิดสังขารปรุงแต่ง เมื่อเกิดสังขารปรุงแต่งแล้วก็จะเกิดกิเลสร่วมไปกับสังขาร
เพราะฉะนั้น ไอ้การกินนี่แหละ สังขาร กิเลสสำคัญมากเลย ทุกคนแล้วก็ไม่ละเว้นด้วยว่า คุณจะบรรลุอรหันต์แล้วคุณจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วคุณก็ต้องกิน เป็น โสดาบันก็ต้องกิน สกิทาก็ต้อง กินอนาคาก็ต้องกิน อรหันต์ก็ต้องกิน ไม่ละเว้นใคร
เพราะฉะนั้น ที่คุณพูดไว้ว่า ก็เรื่องของแต่ละบุคคลเขา เขาอาจจะไปเข้าใจเรื่อง กามราคะเป็นอย่างหนึ่ง นี่ก็กามราคะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย กระทบสัมผัสแล้วเอามา การติดรสชาติ มันติดครบ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เลย
เพราะฉะนั้น ใครจะปฏิบัติธรรม ไม่ต้องไปเอาอันอื่นเลย เอาเรื่องการกินนี่ มันจะต้องอยู่ในชีวิตของคุณตลอด คุณต้องกินทุกวัน วันหนึ่งบางทีกินนับมื้อไม่ถ้วน คุณจะต้องเรียนรู้การกินนี่แหละ จะต้องรู้จักกิเลสในการกิน แล้วมันก็จะลดกิเลสไปได้ในตัว กิเลสการกินก็ตาม กามราคะอยู่ในการกิน กามราคะอยู่ในเรื่องอื่น คุณบอกว่าเขาจะมีกามราคะไปติดในกาม ในทรัพย์ ในลาภในยศ มันก็ห่างไม่ได้เหมือนการกินไง แต่มันก็เป็นเหมือนกามราคะเหมือนกัน
กามราคะ อาตมาเคยอธิบายแล้วที่ติดตามราคะโดยไม่รู้จัก โอฬาริกอัตตา
โอฬาริกอัตตา คือ อลังการในความเป็นอัตตา เรื่องอะไร เรื่องความรู้ อธิบายมาแล้ว โอ้โห.. ติดยึดในเรื่องความรู้นี่เป็นอลังการ เป็นอัตตาอย่างหนึ่ง คือ กามราคะ คือ ความชอบ ใคร่อยากได้เสพ เสพติดความรู้ แล้วก็หลงเป็นอลังการ เคยพูดถึงขั้นเป็นพญาครุฑ ส่วนพวกติดในเรื่องนั่งหลับตา ก็เป็นพญานาค จมดิ่งลงไปเลยยังนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นกิเลสพวกนี้มันมีด้วยการกินทั้งนั้นเลย มันแยกย่อยไปด้วยซ้ำไอ้พวกนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าปฏิบัติเรียนรู้ในการกินได้ทุกอย่างก็ไปด้วย ลด ละไปด้วยอย่างนี้ต่างหาก เรียนรู้ดีๆดีแล้วล่ะถามมา
_สู่แดนธรรม..ปัญหานี้ผมอ่านใจของคนถามได้ว่า คนที่มุ่งจะไปละ ลดเรื่องการกินแต่ไม่ได้ละเลิกเรื่องอื่นด้วยเขาคิดว่ามันเป็นการผิดกรรมฐานของเขา ในท้ายคำถามนะครับเขาบอกว่า คนเหล่านี้ควรปฏิบัติให้ถูกกรรมฐานของตัวเองให้ถูกดีกว่าใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า… ก็กรรมฐานคุณไม่หมดกิเลสในเรื่องการกิน ก็เป็นกรรมฐานของคุณเอง ก็บอกอธิบายไปแล้ว ไม่ต้องไปหายากเลย เรื่องนี้มันประจำด้วย ดีไม่ดีคุณกินทั้งวันแต่คุณไม่รู้ตัวเลย
สิ่งที่เสพไม่อิ่มไม่เต็ม 3 ประการ กามเป็นเรื่องละยาก
_หนึ่งในหลาย . กราบนมัสการพ่อครูเจ้าค่ะ ขอเรียนถาม 2 ปัญหาดังนี้ค่ะ ปัญหาที่ 1 การเสพ 3 อย่างนี้ อันไหนเลิกได้ง่าย/ยากกว่ากันคะ และยากกว่าเพราะอะไร 1.การเสพความหลับ (การนอน) 2.การเสพรสเมถุน 3.การเสพรสอาหาร แต่ดิฉันก็เดาว่า การเสพรสเมถุนน่าจะเลิกได้ง่ายที่สุด เพราะมันเห็นได้ชัด เช่น ตัวคนทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ “ขี้” ขี้หู ขี้ตา ขี้ปาก ขี้ฟัน มันชวนให้ละหน่ายคลายได้ง่าย แถมด้วยขี้โมโห ขี้โกง
ปัญหาที่ 2 การฆ่ากิเลส ต้องไปฆ่าตัวที่ใหญ่ ที่เห็นชัดๆ ให้ตายเสียก่อน แล้วค่อยไปตามประหารกิเลสตัวเล็กๆ ตัวละเอียด คำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นกิเลสตัวหยาบๆ ใหญ่ๆ ของเรา ที่ต้องไปดับก่อน กราบขอบพระคุณพ่อครูที่เมตตาตอบคำถามเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…อันนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อยู่นะ แต่คุณนี่ไปรวมเอาคนละอย่าง ท่านบอกว่า สิ่งที่เสพไม่รู้จักอิ่มจักเต็ม มี
-
การเสพความหลับ ความหลับความนอน นิทรารามตา
-
การเสพเมถุน
-
การเสพความเมา
พ่อครูว่า…แต่นี่คุณ เอาข้อ 3 เป็นเรื่องอาหาร คุณเดาว่าเมถุนเป็นเรื่องง่าย แต่ที่จริงเมถุนนี่แหละเป็นเรื่องยากที่สุด คุณไปเรียนรู้เมถุน เรียนรู้เรื่องกาม เรียนรู้เรื่องกาม 7 ในเมถุนสังโยค 7 โอ้โห ละเอียดสุดยอด ถึงขั้นข้อที่ 7 นี้เป็นเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งเลย ความหมายมันลึกซึ้ง คือหมายความว่ามันยังไม่จบ มันมีคู่ มันไม่หนึ่งเดียวได้ อธิบายไปในตัวแล้ว แต่ทีนี้คุณรู้สึกตามฐานะที่คุณคิดง่ายๆ แต่ถ้าคุณบำเพ็ญไปละเอียดลึกๆอาตมาบำเพ็ญมาไม่รู้เท่าไหร่ อรหันต์ไม่รู้กี่ชั้นมานี่ มันจะมีอนุสัยอาสวะอีกเยอะ
_สู่แดนธรรม… ซึ่งก็จริงอย่างที่เขาเห็นได้ด้วยตาว่า มันน่าเบื่อเสื่อมสลายเห็นต่อหน้าเลยมันพอทำให้ใจหน่ายคลายได้ แต่ในทางรสอาหาร เป็นใครก็เหนียวแน่นกว่านะครับ ถ้าเทียบอย่างที่ว่ามาครับ
พ่อครูว่า… อันไหนง่ายกว่าก็พูดไปแล้ว
ปัญหาที่ 2 ทำไงจะรู้ว่ากิเลสตัวใหญ่หรือไม่ใหญ่ อันนี้ไม่น่าถาม กิเลสนี่มันเกิดในจิตเรา เราก็รู้ว่ามันมีมาก มันก็ตัวใหญ่สิ มันมีมากมันมีจัด มันมีเยอะกว่ากัน มันมีน้ำหนัก มันมีดีกรีของมัน อาการมันโกรธ บางคนโกรธแรง เรานี่โกรธมากทั้งโลภน้อย คนนี้โลภมากไอ้โกรธไม่ค่อยมีอะไรอย่างนี้ มากหรือน้อยขนาดไหนมันก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่า เออ!นี่มันมากนะไอ้นี่มันน้อยกว่า ถ้าแค่มากกับน้อยนี่คุณไม่รู้ โอ้โห ยากมากเลยในการปฏิบัติธรรม
_สู่แดนธรรม… ก็น่าเห็นใจเขานะครับเพราะว่า บางคนได้ฟังธรรมะที่รู้สึกว่าพอใจในธรรมะขั้นกลางหรือขั้นสูง แล้วก็มีความต้องการไปละกิเลสขั้นที่ละเอียดก่อนเลยครับ แต่ตัวหยาบๆยังละไม่ได้เลย
พ่อครูว่า… นั่นแหละผิดลำดับ พูดประเด็นนี้มาดี ต้องเอาตัวใหญ่ตัวจัดจ้านก่อน แล้วค่อยเอาตัวกลางตัวปลาย คุณไปทำตัวอ่อนมันอยู่เบาอยู่ลึกแล้วมันก็ไม่จริงด้วยเพราะคุณข้างนอกคุณยังไม่ได้เลิกล้างเลย เหมือนอย่างกับมหาบัวไปนั่งหลับตาละกิเลส นึกว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ปั๊ดโธ่เอ๋ย กิเลสข้างนอกหยาบๆกามคุณ 5 เสพหมากพลู บุหรี่ ติดนุงนังอยู่ อะไรต่างๆยังเสพไม่รู้เรื่องเลย
อาตมาเคยอธิบายหลายทีแล้ว จะกินเนื้อทุเรียน เอาปากคาบทะลุเข้าไปกินเนื้อทุเรียนเลย โดยไม่เอาเปลือกออกเลยดี เดี๋ยวเอาปากคาบเข้าไปกินเลย ไปเอาเนื้อทุเรียนเลยยังไม่ผ่านหนาม เปลือกทุเรียนกับที่ทุเรียนเข้าไปกินเนื้อใน
_สู่แดนธรรม… ผมขอขอบคุณคุณหนึ่งในหลาย ที่ถามปัญหาข้อที่ 2 มาครับเพราะผมมองปัญหาในอนาคตว่า ปัญหาข้อนี้ สามารถเอาไปในการย่อยได้เลยว่า เราจะรู้ได้ว่าอย่างไรอันนี้หยาบ หรือ ละเอียดปานกลาง ละเอียด
ผมจำได้ว่า กิเลสหยาบ ให้ตรวจหา สักกายทิฏฐิ ผู้ใดที่ยังติดติดนี่คือหลักเกณฑ์ ยึดมากๆ มันก็ใหญ่ ถ้าอันไหนที่ละเอียดเกินไป คุณทำเท่าไหร่ก็ไม่ชนะหรอก
อรหันต์ก็คือตนเป็นพระเจ้าของตนเอง
_เอไอเอส 999 • ….ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอเทวนิยม ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเป็นเจ้าหรือพระผู้สร้าง และเชื่อในศักยภาพของมนุษย์ ว่าทุกคนสามารถพัฒนาจิตใจ ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ ด้วยความเพียรของตน กล่าวคือ ศาสนาพุทธ สอนให้มนุษย์บันดาลชีวิตของตนเอง ด้วยผลแห่งการกระทำของตน ตาม กฎแห่งกรรม มิได้มาจากการอ้อนวอนขอจากพระเป็นเจ้าและสิ่งศักดิสิทธิ์นอกตัว…
พ่อครูว่า…อันนี้จริง ศาสนาพุทธไม่ได้ไปต้องให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมามีอำนาจที่จะบันดลบันดาลให้แก่เรา ทั้งนั้นเลยไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ แม้แต่พระเจ้า แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถือว่าสูงสุดของแต่ละศาสนาเทวนิยมเขามีกัน พระเจ้าแล้วเขาต่างคนต่างแย่งพระเจ้ากัน ว่าพระเจ้าของฉันนี้จริงที่สุดองค์เดียว ของคนอื่นไม่ใช่หรอก ของคนอื่นไม่ใช่พระเจ้า ก็แย่งกันไป ซึ่งก็สมมุติกัน ยึดถือกันไป
ของพระพุทธเจ้า เอาพระเจ้ามาเป็นพระจิตวิญญาณของตนเอง แล้วก็ทำจิตวิญญาณของตัวเองอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ สุดท้ายทำจิตวิญญาณตัวเองสลาย ด้วยตัวเอง สลายจิตวิญญาณตัวเองเป็นดินน้ำไฟลมไป เรียกว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปได้เลย อธิบายมาหมดแล้วและหลักฐานของพระพุทธเจ้าอ้างอิงในพระสูตร ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
_สู่แดนธรรม… ผมขอถามนะครับ ตอนผมเข้ามาอโศกใหม่ๆ ผมรู้สึกข้องใจพ่อท่านเรื่องหนึ่ง ในสมัยนั้น ทำไมพ่อท่านพูดถึง อรหันต์ว่าอรหันต์ก็คือพระเจ้า ผมก็เลยนึกว่าพ่อท่านพูดผิด
พ่อครูว่า… ผู้เป็นอรหันต์ได้จะรู้ว่า จิตวิญญาณเราเป็นพระเจ้าได้จริงๆ เราเองทำลายเองได้ ทำลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย อรหันต์สามารถสลายจิตวิญญาณตัวเอง ไม่ต้องไปตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้าเป็นอิสระสมบูรณ์แบบ
อรหันต์ไม่มีจิตสะดุ้งกลัว
_สุวรรณชัย 7815 •…ศรัทธาทั้งสององค์ค่ะ อ่านคู่มือมนุษย์จึงทำให้ศรัทธาเดินตามท่านพุทธทาส ยิ่งศึกษาธรรมมะ(แบบภาษาไทย) ทำให้ทราบโดยส่วนตนว่าทางแห่งนิพพาน ผู้ยังไม่เคยไปย่อมไม่ทราบทางที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม จิตว่างปราศจากกิเลส การเห็นตามจริง ปล่อยวาง แต่เวทนายังมีสะดุ้ง ปล่อยวางความสะดุ้งว่าเป็นไตรลักษณ์ แต่ถ้าเราสามารถไปสู่นิพพานจริง ถึงอรหันตมรรคจนนิพพาน น่าจะต้องละอีกมากจนไม่สะดุ้ง
_สู่แดนธรรม…ผมว่าเขายังเข้าใจผิดอยู่ใช่มั้ยครับ ว่าอรหันต์จะไม่มีสะดุ้ง
พ่อครูว่า…ถ้าปฏิบัติธรรมถูกต้องตามพระพุทธเจ้าแล้วมันจะไม่สะดุ้งอะไร มันจะยิ่งชัดเจนยิ่งเห็นไปยิ่งสว่าง ยิ่งกระจ่างยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ปัญญามันจะเปิดโล่ง เปิดอัตตา เปิดความจริงที่เราโง่ที่เราไม่รู้ให้รู้ไปเรื่อยๆไม่มีสะดุ้ง มีแต่ถ้าจะว่าไปแล้ว สะดุ้งมันสะดุดนะ สะดุ้งนี่มันสะดุด แต่ของพระพุทธเจ้าปัญญาญาณมันรู้ไปไม่มีสะดุดเลย มันยิ่งสว่างยิ่งกระจ่างชัดเจน ไม่สะดุดอะไร มันจะราบเรียบเหมือนฝั่งทะเล อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ มันตรงกันข้ามกัน เพราะฉะนั้นเรียนดีๆเรียนรู้ดี อย่าไปหลงผิดหลงทางสัมมาทิฏฐิ มันยังเป็นเทวนิยมอยู่ก็สะดุดแน่ ถ้าไม่เป็นเทวนิยมแล้วก็ไม่สะดุด
_สู่แดนธรรม… พ่อท่าน ผมจำได้หลายปีแล้ว อรหันต์ จิตของท่านถ้าไม่ต่อเนื่องกันถ้ามีอะไรมันขาดไปเป็นเหตุให้จิตของท่านไม่ต่อเรื่องต่อราว พ่อท่านตอบว่าอรหันต์ก็สะดุ้งได้
พ่อครูว่า… ไม่ใช่ อันนี้สติปัจจุบัน ถ้าพระอรหันต์ท่าน Concentrate กับเรื่องอะไรแล้วคนมาแตะบางที อยู่ที่มันมีอะไรที่สะดุดได้ ท่านก็ขาดไปชั่วคราว
ไม่มีสภาวะแล้วตีทิ้งเหตุผลอีก ก็จบเห่ในการบรรลุธรรม
_ซัน ดับเบิลยู เอ็กซ์ • หัวโจกของอวิชชานั้นคือยังไม่เห็นความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน จะต้องเห็นและรู้ด้วยสติที่ปราศจากเจตนารู้เจตนาเห็น เพราะเจตนาคืออาการของอวิชชา ผลคือรู้ตามที่คิดพิจารณา ตกอยู่ภายใต้โมหะเหมือนเดิม เจตนาคือตัวกรรม จะต้องเห็นทันตัวอยากที่มันสร้างเจตนา ปฏิจจสมุปบาทก็บอกชัดเจนว่าเพราะอวิชชามีสังขารจึงมี หมายว่า เพราะหลงมีอัตตาจึงคิดปรุงแต่งหาเหตุหาผลเพื่อรู้และได้สนองอัตตา
พ่อครูว่า…พอพูดขึ้นมา อาตมาก็เห็นว่าคนนี้เอาแต่พยัญชนะแล้ว ถ้าคนที่มีสภาวะแล้วจะไม่พูดอย่างนี้
จริงๆผู้ที่เห็นความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนแล้ว จะไม่พูดว่าไม่เห็น จะไม่พูดเลย จะไม่พูดเลยว่า ไม่เห็นความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ต้น เพราะความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนั้นไม่ใช่ไปเห็นเอา แต่มันจะเป็น เป็นความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เห็น เห็นนั่นมันคือความเข้าใจแค่นั้น แต่ความที่เป็นเลย เป็นผู้ที่ถึงขั้นอนัตตาไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ผู้นี้เป็นความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนนี้ ไม่ใช่มาสะดุด อยู่ที่ความไม่เห็น ความไม่เห็นนั้นแค่ความเข้าใจ คือตรรกะ
(ต่อ)_จะต้องเห็นและรู้ด้วยสติที่ปราศจากเจตนารู้เจตนาเห็น เพราะเจตนาคืออาการของอวิชชา ผลคือรู้ตามที่คิดพิจารณา ตกอยู่ภายใต้โมหะเหมือนเดิม เจตนาคือตัวกรรม พ่อครูว่า… ที่ปราศจากเจตนารู้ เจตนาเห็นนั้น พูดอย่างนี้มีแต่ตรรกะ เดี๋ยวอาตมาจะอธิบาย
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… วันนี้ก่อนเข้ารายการผมเช็ค SMS เจอปัญหาคุณซัน ผมว่าน่าให้พ่อครูตอบครับ
(ต่อ)_จะต้องเห็นทันตัวอยากที่มันสร้างเจตนา ปฏิจจสมุปบาทก็บอกชัดเจนว่าเพราะอวิชชามีสังขารจึงมี หมายว่า เพราะหลงมีอัตตาจึงคิดปรุงแต่งหาเหตุหาผลเพื่อรู้และได้สนองอัตตา
พ่อครูว่า… อาตมาจะอธิบายตั้งแต่ตัวท้ายของคุณ ที่บอกว่า จึงคิดปรุงแต่งและหาเหตุผลเพื่อรู้และได้สนองอัตตา ถ้าเผื่อว่าคุณไม่ได้เรียนรู้เหตุที่เป็นปัจจัย ถ้าเราจะเรียกว่า เหตุ เพราะเหตุนี้จึงเกิดปัจจัยนี้ และก็เพราะเหตุปัจจัยตัวต่อไปนี้แหละ เพราะตัวนี้อีกจึงทำให้เกิดอีกตัวหนึ่ง เกิดเป็นอิทัปปัจจยตาหรือปัจจยาการต่อมาในปฏิจจสมุปบาท
ถ้าคุณบอกว่า คนที่ไปคิดปรุงแต่งหาเหตุผลเพื่อรู้นี่เป็นการสนองอัตตา คุณก็จบเห่แล้ว เพราะคุณไปตีทิ้งการหาเหตุหาผล ธัมมวิจัยสมโพชฌงค์ คือการมีธัมมวิจัย วิจัยเหตุและผล คือวิจัยสภาวะคู่ มันจะมีภาวะคู่เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันและกัน หรือเป็นเหตุเป็นผลแก่กันและกันหมดเลย
เพราะฉะนั้น อริยสัจ 4 ของพระพุทธเจ้าให้คุณตามเหตุ และมีข้อปฏิบัติเพื่อที่จะดับเหตุ ทุกข์มันเกิดจากเหตุ ก็คือทุกข์ตัวหนึ่งเหตุตัวหนึ่ง ทุกข์มันเกิดจากเหตุที่มันอวิชชา มันจึงมีทุกข์ แล้วคุณไม่หาเหตุหาผลเพื่อที่จะไล่อย่างนี้เลย คุณจบเห่เลย เอาล่ะ ก็สรุปว่าคุณเอาแต่ตรรกะ เอาแต่เหตุเอาแต่ผลแต่ภาษาเท่านั้น
เรียนรู้เข้าหาจิตเจตสิกตัวเอง อ่านง่ายๆตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 คุณสัมผัสสัตว์ สัมผัสคน แล้วคุณก็พยายามพิจารณา สำรวมอินทรีย์ พยายามเรียนรู้ปฏิบัติเพื่อจะรู้ว่าเราสัมผัสเขาแล้ว มันจะเกิดทุจริตอย่างไร มันจะเกิดรัก เกิดชังอย่างไร แล้วมันก็ขยายละเอียดเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) ที่กิเลสเกิดจากรูป กิเลสเกิดจาก รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) อ่านสภาวธรรมเหล่านั้นแล้ววิจัยให้ออก วิจัยเวทนาในเวทนา นี่คือกรรมฐานของศาสนาพระพุทธเจ้า
ถ้าคุณอ่านเวทนาไม่เป็น ไม่รู้จักเวทนา 108 แยก เคหสิตะเวทนา 18 แล้วทำให้ออกเป็น เนกขัมสิตะเวทนา 18 ไม่ได้ คุณไม่ได้มีการบรรลุธรรมเลย คุณจะไปคิดเป็นตรรกะ ไปนั่งหลับตา ไปทำอะไรต่ออะไรอย่างไร ไม่มีทางรอด ต้องมาเรียนรู้เวทนาในเวทนา หรือรวมสำรวม พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม นี่คือ 4 ตัวที่คุณจะต้องเรียนรู้พิจารณา นี่คือเหตุและผล ถ้าคุณตีเหตุและผลทิ้งว่า เป็นตรรกะ คุณจบเห่เลย
_สู่แดนธรรม… ผมก็คิดว่าเขาก็ต้องคิดว่าพ่อท่านก็คิดแบบเป็นตรรกะเหมือนกัน
พ่อครูว่า… อาตมาพูดภาษาเป็นตรรกะจริง แต่อาตมายืนอยู่ในฐานของสภาวธรรม มันไม่เหมือนกับคนที่มีแต่ตรรกะ ตรรกะเยอะแต่ไม่ยืนอยู่ในฐานของ จิต เจตสิก รูป นิพพานแท้ เหมือน ปราชญ์เมืองไทยทุกวันนี้ อาตมาเกือบออกชื่อแล้ว
_สู่แดนธรรม… งั้นผมถามอีกครับ เขาอ้างว่า เพราะเจตนาคืออาการของอวิชชา
พ่อครูว่า… มันมีกุศลเจตนากับอกุศลเจตนา ไม่มีเจตนาไม่ได้ไม่มีทิศทาง เจตนาคือทิศทาง เจตนานี่คือทิศทาง หรือทิศมุ่งของทิศที่จะไป เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีทิศเลย คุณมืดหน้าเลย คุณไม่มีทิศอะไรเลย
_สู่แดนธรรม… ไม่ใช่ตถาคตคือไปดีแล้ว
พ่อครูว่า… ต้องมีทิศทางที่สัมมาทิฏฐิที่ถูกต้อง อย่าเอาแต่ตรรกะเข้ามาหาสภาวธรรมให้ดีๆ การศึกษาธรรมะมันแยกตรงที่ไม่เข้าหาสภาวะ มันไปมีแต่ตรรกะอยู่ในภาษาสมมุติ เป็นสมมุติสัจจะ ทุกวันนี้ภาษามันเยอะเหลือเกิน มันเยอะมาก
_สู่แดนธรรม… จนกระทั่งตรรกะ มันไม่หาที่จบได้เลย คนที่จบแล้วบางทีเขาก็เอาตรรกะมาถาม
พ่อครูว่า… วน อยู่ในนั้นแหละ
การหลงพระป่า ไม่พาบรรลุธรรม
_ซาเวีย • 😮 ตอนหลวงตาท่านยังอยู่ท่านไปอยู่ไหน..อยากให้ไปคุยกับหลวงตาจังเลย..ใครของจริงของปลอม
พ่อครูว่า…ที่จริงนะ ตอนยังอยู่อาตมาก็ยังทัน หลวงตายังไม่ตาย และก็ดูจะรู้จักอาตมาอยู่บ้าง อาตมาก็ยังพูดอยู่พาดพิงไปถึงท่าน ท่านน่าจะมาหาอาตมา เพราะว่าท่าน ขออภัยพูดความจริง ท่านเป็นของไม่จริง อาตมาต่างหากของจริง ตอบคุณเท่านี้ก็แล้วกันคุณจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ หลวงตาบัวของปลอม อาตมาก็พูดมานานแล้ว ตอนนี้ก็เป็นจิ้งจกตุ๊กแก เฝ้าดอลล่าร์กับเฝ้าทองคำอยู่
_หิรัญวี • พระวัดป่าท่านจิตบริสุทธิ์เราจะคิดอะไรท่านก็รู้ เพราะน้ำใสย่อมมองเห็นได้ อยู่ไกลคนละประเทศคิดอะไรหลวงตาท่านรู้ ธรรมะย่อมไม่ขัดแย้งทั้งในจิตใจเราและไม่ขัดแย้งในจิตใจเราด้วย จึงไม่กล่าวว่าใครๆ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมะเมื่อเรายึดว่าเรามีเราเป็นเราย่อมตกอยู่ในความหลงตกอยู่ในความหลง
พ่อครูว่า…ก็พูดถูกทั้งนั้น เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาพูด แต่มันไม่ได้เข้าถึงสภาวะเลย ก็เชื่อ แค่ไปเชื่อกันว่า พระวัดป่าจิตบริสุทธิ์นี่มันก็จบเห่แล้ว ขอยืนยันว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาพระป่า เป็นศาสนาพระบ้านอยู่ในสังคมเมือง
พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมเสร็จแล้ว ท่านก็บอก บอกลูกศิษย์ว่า เรากำลังจะเข้าไปสู่นิคม เข้าสู่เมือง ตอนที่ท่านบรรลุท่านก็อยู่ในป่าก่อน อยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ท่านก็เข้านิคม ตอนนั้นมัน ลิงลมอมข้าวพองท่านก็มาออกป่า แล้วระลึกชาติได้ว่า ท่านไม่ใช่ แล้วท่านก็กลับเข้าเมือง
เพราะฉะนั้น การหลงพระป่า หลงทิศหลงทางหมด มิจฉาทิฏฐิ ทั้งนั้น อาตมาพูดตรงนะ พูดสั้นๆลัดๆ ไม่ได้อ้อมค้อมมาก ศึกษาดีๆ อย่าไปหลงหลับตาพระป่า พระป่าไม่ใช่พระที่บรรลุธรรมเท่านั้น (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… ผมศึกษา พระวัดป่า ดูกิริยาภายนอกท่านน่าเลื่อมใส ผ่องใส พูดเนิบๆ น่าศรัทธา
พ่อครูว่า… ดูแล้ว เข้าใจเผินๆง่ายๆ ดูแล้วเข้าใจเผินๆง่ายๆ ความจริงแล้วพระอรหันต์หรือพระที่บรรลุธรรมแล้ว ไม่ได้มาทื่อๆบื้อๆแต่แคล่วคล่องว่องไว มี กายปาคุญญตา จิตปาคุญญตา
จิตเป็นอิสระ แล้วไม่มีตัวตนด้วย เพราะฉะนั้นท่านไม่ถือเต๊ะท่า ไอ้ที่ยังถือเต๊ะท่า ทำสงบเสงี่ยมนั่นคือเต๊ะท่า เพราะฉะนั้นคนที่มีจริตอย่างไร อย่างอาตมามีจริตลอกแลก มีจริตเล่นหัว เหมือนพระสารีบุตรท่านก็ลอกแลก ท่านไม่ได้มาวางมาดว่าท่านจะต้องพยายาม ท่านก็ลอกแลกของท่านไป อย่างนี้เป็นต้น ท่านเป็นที่สองรองพระพุทธเจ้าด้วยนะ พระสารีบุตร ลอกแลกอย่างนั้นน่ะ
เพราะฉะนั้นมาสร้าง โดยเฉพาะมาอ่านพระไตรปิฎกฉบับของพระมหากัสสปะ เป็นพระป่า จนกระทั่งเอานิ่ง เอาหยุด เอาสงบ มันทวนกระแสกันเท่านั้นเอง มันเลยต้องออกมาแบบนั้น
_โยจุนลี • ไม่ควรออกชื่อว่า ชื่ออะไร นั่นคือวิสัยของผู้บำเพ็ญ ต่อให้เขาสอนผิด ก็ไม่ควรเอ่ยชื่อเขาออกมา ชี้ว่าผิดตรงใหนก็พอ เพราะในอดีตไม่มีอริยะเจ้าองค์ใหนเขาทำกัน
พ่อครูว่า… นิคฺคเณฺห นิคฺคหารหํ ปคฺคเณฺห ปคฺคหารหํ ควรข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง เราจะตำหนิแล้วตำหนิอีก ว่าแล้วว่าอีก เหมือนช่างปั้นหม้อ นวดดินที่ยังอ่อนๆอยู่ให้เข้ารูปให้ได้ คุณพูดย้อนคำสอนหรือว่าพฤติกรรมของศาสนาพระพุทธเจ้า ทั้งนั้นเลย เพราะเข้าใจผิด ศาสนามันเสื่อมมากตอนนี้ ไปเข้าใจผิด เอาผิดเป็นถูก เข้าใจอย่างพระป่า อย่างฤาษี ไปหมด มองธรรมะอาตมาใหม่
_สู่แดนธรรม…ในหลักฐานก็มีระบุอยู่ว่า แม้แต่ พระพุทธเจ้า. เวลาจะกล่าวความผิดของสำนักอื่นท่านก็ระบุชื่อไปเหมือนกัน
พ่อครูว่า… ต้องระบุ ไม่ระบุก็ลอยๆ คำสอน พระพุทธเจ้า.ต้องมีหลักฐานมีที่อิง นี่เป็นหลักการของพระพุทธเจ้า ศึกษาดีๆแล้วจะเข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าดี
เพราะฉะนั้น ก็ขอยืนยันกับคุณว่า อาตมานำ ธรรมะโลกุตระ มาหยั่งลงยุคนี้ยากแสนยาก ยังมีคนเข้าใจได้ มาถึงวันนี้มีหมู่มีกลุ่มมรรคมีผล มีสมณะ 4 เหล่า
ในหมู่นี้มี สมณะ 4 เหล่า แต่ ที่นี่บอกเลย ศึกษาดีๆ
_ยูสเซอร์ ไอวีพีสี่ • 5555+สอนธรรมะแต่ไม่มีธรรมมะ สภาวะจิตท่านยังต้องฝึกอีกเยอะครับ ถ้าจะแสดงธรรมแบบนี้😂😂😂😂
พ่อครูว่า…ก็ความเห็นของคุณ คุณก็เห็นว่าอาตมาผิด ก็ต้องถูกอย่างที่คุณเข้าใจ ให้ฟังธรรมะอาตมา อาตมาก็ไม่ไปว่าอะไรคุณมากหรอก ธรรมดาคนเคยไปติดจะยึดอะไรมา ฟังธรรมะอาตมาบ้างอย่าปิด ฟังดีๆจะได้ปัญญา สุสูสังลภเตปัญญัง เท่านี้ก็แล้วกันสำหรับคุณ
_ยูสเซอร์ เอสเอ็มสี่ • เด็กซน จะอยู่ถึง120ปี รอดูกันต่อไป
พ่อครูว่า…เรียกอาตมาว่าเด็กซน ก็ขอบคุณ คือเรียกอย่างเอ็นดู เรียกอาตมาว่าเด็กซน เรียกอาตมาว่าเด็ก ดูซิจะอยู่ถึง 120 ปีหรือ ว่ากันไป ถึงไม่ถึงก็ไม่เป็นไร อาตมาก็พากเพียรเท่านั้นเอง ไม่ถึงก็ไม่เป็นไร ไม่ถึงก็ตายก่อนจะเป็นไรไปล่ะ
_สู่แดนธรรม… ผมสังเกตปัญหาที่ส่งมาวันนี้ ผมถามใจตัวเองว่า ทำไมเขาช่างนึกกล้ามาว่าพ่อท่านแบบไม่เกรงใจเลยครับ
พ่อครูว่า… เขาเองก็คงคันหัวใจเขา ว่าโอ้โห ว่าอาจารย์เขา ว่าคนที่เขานับถืออยู่ มันดีนะ มันดีที่เขากล้าว่าอาตมาแล้วอาตมาก็กล่าวว่าไป มันทำให้กระจ่างขึ้น มันทำให้รู้ อวดดีมาว่าแล้วมีเหตุมีผลไหม ถ้าเขาเปิดจิตหน่อยเขาจะได้ ถ้าเขาไม่เปิดจิตก็ยาก ก็เป็นธรรมชาติธรรมดา
_สู่แดนธรรม… ถ้าหากเทศน์แบบพระวัดป่าก็คงไม่ถูกว่าแล้ว
พ่อครูว่า… หากอาตมา เทศน์แบบพระวัดป่าเขา ก็ไม่ใช่อาตมาแล้ว
อโศกเป็นนานาสังวาสไม่ใช่นิกาย
_ยูสเซอร์ แซดยูสี่ • พระพุทธเจ้าสอนให้สงฆ์สามัคคีกันแต่โพธิ์รักษ์ก็แตกแยกออกมาในวินัยถ้าสงฆ์ยุยงให้แตกแยกก็ปราราชิกไม่ใช่หรอคับนี่เล่นแยกนิกายมาตั้งใหม่เลย
พ่อครูว่า… เอาละคุณก็เข้าใจธรรมะ หรือเข้าใจศาสนาพุทธแค่นั้น อาตมาก็พูดจนไม่รู้จะพูดเท่าไหร่แล้วว่า อาตมาไม่กล้าที่จะไปตั้งนิกาย เพราะมันเป็นอนันตริยกรรม นี่พูดอ้างอิงพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าเลยนะ อาตมาไม่บังอาจไม่กล้าไปตั้งนิกาย อาตมาไม่เคยนึกว่าตัวเองเป็นนิกาย อาตมาไม่เคยคิดว่าตัวเอง
-
อาตมาไม่ได้เป็น อสังวาส ไม่ได้ปาราชิก ที่ต้องออกนอกศาสนา
-
อาตมาเป็นสมานสังวาส ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สังวาสด้วยกัน ได้แต่มันนานาๆเห็นต่างๆกัน เพราะฉะนั้นอาตมา ศาสนาหมู่ใหญ่จึงเป็นนานาสังวาสกัน อาตมาก็พูดอธิบายอ้างอิงยืนยันหลักธรรมพระพุทธเจ้าเท่าไร ก็ยาก มันไม่ใช่เรื่องตื้นๆ แม้แต่ผู้รู้ ปราชญ์ท่านยังไม่รู้เลยเรื่องนานาสังวาส เขาก็ทำทีเป็นนิกายแต่เขานั่นแหละเป็นคนทำนิกาย เขาได้ทำไปแล้วเป็นอนันตริยกรรม อาตมาก็ยืนยันว่าอาตมาประกาศนานาสังวาส ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2518 จำวันประกาศได้ ว่าขอแยกจากหมู่ใหญ่มาตั้งร้านขายปาท่องโก๋ทอดขายข้างทาง ส่วนท่านบริษัทใหญ่ ปาท่องโก๋ของท่านอาตมาเห็นว่าสูตรของพระพุทธเจ้าผิดๆมาทำ
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… คุณคนนี้ เขาเห็นว่าพ่อท่านแตกแยกออกจากสงฆ์หมู่ใหญ่มา แต่พ่อท่านเป็นนานาสังวาส พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ทำได้ เพราะพ่อท่านเคยบอกผมว่า ถ้าความเห็นมันสุดที่จะสมานไปด้วยกัน มันเกินความสามารถที่จะให้สมานกันแล้ว
พ่อครูว่า… อาตมาได้ทำตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเล่นงานอาตมาอาตมาประกาศตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ต่อมา พ.ศ.2532 พวกหมู่ใหญ่ถึงมาเล่นงานอาตมา ตอนอาตมาประกาศก็อยู่ด้วยกันสบายๆไป ตั้งกี่ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ถึง 2532 อย่างนี้เป็นต้น นี่คือหลักฐานยืนยันอิงหลักอิงธรรม นี่คืออิงธรรม มันเป็นสิ่งจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว ติดตามดีๆ
_ยูสเซอร์ เอสซีหก • สิ่งที่ลูกได้จากการตั้งศีลลดกิเลสทำทีละเรื่อง.จากเรื่องหยาบๆ.ตอนนี้ลูกสามารถเอาชนะความโกรธ ริษยา แม้แต่ความกลัว.หวั่นไหว.ที่เคยมีได้. .กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า…อย่างนี้สิ ปฏิบัติธรรมแล้วปฏิบัติธรรมก็เลยได้เรียนรู้ว่าเราเจริญในธรรม ได้ลดกิเลสอย่างนั้นอย่างนี้ รู้จักหยาบๆก็รู้แล้วก็ลดลงไป สามารถเอาชนะความโกรธ ริษยา หรือแม้แต่ความกลัว ความหวั่นไหวที่เคยมีได้ อย่างนี้อ่านสภาวธรรม ปฏิบัติธรรมก็เจริญ อย่าเอาแต่ตรรกะมาตีอาตมาเลย ไม่เข้าท่าเลย
_ยูสเซอร์ ดับเบิลยูอาร์แปด • ดิฉันอยากมาร่วมงานปีใหม่ แต่ขณะนี้เป็นมะเร็งไม่สะดวกไป เสียดายมากค่ะ
พ่อครูว่า…ก็ อ้าวก็เห็นใจ ก็ไม่สบาย อยากมาแต่มาไม่ได้ เป็นก็ไม่ใช่น้อยๆเป็นมะเร็ง ก็ได้แต่เอาใจช่วย ให้กำลังใจในการรักษาตัวก็แล้วกัน
นิพพานธาตุคืออะไร
_ยูสเซอร์ วีดับเบิลยูสอง • กราบนมัสการเรียนถาม นิพพานธาตุ มีคุณสมบัติอย่างไร. ครับ
พ่อครูว่า… นิพพานธาตุ มีคุณสมบัติอย่างไร เอ้าฟังดีๆ แหม ถามลึกซึ้งเลย
นิพพานธาตุ ฟังง่ายๆ เอา เริ่มต้นง่ายๆก่อน นิพพานธาตุคือ จิตของผู้ปฏิบัติบรรลุอรหันต์ ฟังง่ายๆ เพราะฉะนั้นจิตผู้ที่บรรลุอรหันต์คือได้นิพพานธาตุขึ้นมาในจิต ทีนี้ นิพพานธาตุคืออะไร นิพพานธาตุคือ หมดสุขหมดทุกข์ ดับสุขดับทุกข์ได้ นี่คือการจบกิจของพระอรหันต์ พระอรหันต์คือ ผู้จบกิจ พระอรหันต์คือจบกิจอะไร ดับสุขดับทุกข์ได้
เพราะฉะนั้น อาตมาอธิบายมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว ยิ่งตอนหลังๆอธิบายง่ายกระจ่างขึ้นชัด ว่าการจบกิจมีระดับถึงขั้น
-
จบกิจทำดีละชั่ว ซึ่งก็เป็นแค่โลกีย์หรือสมมุติสัจจะ ไม่ทำชั่วทำแต่ดี ของพระพุทธศาสนานั้น ทำได้ เป็นการจบกิจ คือเป็นนิยตะ ทำดีไม่ทำชั่ว เที่ยงแท้เป็นนิยตต่อไปเลย เกิดชาติหน้าก็ทำดีไม่ทำชั่วต่อได้ นี่คืออันที่ 1