วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2561
…บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ..
ช่วงสายวันนี้พ่อครูแสดงธรรมในรายการวิถีอาริยธรรม..หลังแสดงธรรมจบ พ่อครูฉันภัตตาหารพร้อมท่านสมณะท่านสิกขมาตุรวมถึงญาติธรรมที่อยู่กันเต็มศาลา..
หลังฉันเป็นปกติที่เพราะครูจะเดินย่อยอาหารและดูงานภายในชุมชน..พ่อครูเดินมาที่รถอีโบที่เป็นรถโอบี ถ่ายทอดสดของบุญนิยมทีวี ปุ๊ก ทองไทและรุณ ฟางรวงทองกำลังจัดระเบียบเทคนิคต่างๆของรถ และพอดีมีลูกนกตกลงมาจากโป๊ะไฟภายในเฮือนศูนย์สูญ ดูแล้วท่าทีจะรอดยาก แต่ถ้าปล่อยไว้ก็คงจะเป็นอาหารมดและแมวในศาลา . รุณจึงรับจะช่วยดูแลนกตัวนั้น.
เดินมาถึงเฮือนบวรสังเกตเห็นบริเวณด้านหน้าคชสิงห์หน้าเรือเจิ้นเทิ้น มีน้ำนองเต็มพื้นที่เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนและทั้งวัน…ท่านสมณะด่วนดีมากราบนมัสการ..พ่อครูสังเกตเห็นน้ำไหลมานองถึงพื้นเรือเจิ้นเทิ้นพวกเราบอกว่าดูสวยงามมากเหมือนเรืออยู่บนน้ำส่วนงานศิลปะดูมี Reflection ที่สวยงาม
..พ่อครูเดินมาที่ตลาดนัดบุญนิยมทักทายแม่ค้าที่เริ่มมาขายกันบ้างแล้ว..เฮือนหมอยาพื้นบ้านก็มีคนมียามาจำหน่ายแล้ว…พ่อครูสังเกตเห็นลูกค้า เป็นคุณแม่พาเด็กมาด้วยกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยว เด็กน้อยจับตะเกียบกินได้คล่องแคล่วเป็นที่น่าเอ็นดู…
ผ่านมาถึงร้านสานตะกร้าจากเส้นพลาสติกของแม่สมพิศ ผลิตภัณฑ์ที่เมื่อวานยังวางจำหน่ายอยู่ได้ขายออกไปแล้ว มีผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นตะกร้ากระบุงใหญ่กว่าเดิมสอบถามว่าได้เส้นพลาสติกเหล่านี้มาได้อย่างไร แม่สมพิศบอกว่ามีคนเอามาให้ไม่ได้ซื้อเพราะรายได้จากการจำหน่ายตะกร้าสานเส้นพลาสติกแม่สมพิศนำส่งให้ส่วนกลางในระบบสาธารณโภคีของชุมชน..
พ่อครูถามถึงโรงปุ๋ยว่ามีงานหรือไม่ท่านปัจฉาบอกว่ามีประกาศให้ไปช่วยโรงปุ๋ย พ่อครูจึงเลือกที่จะเดินผ่านแปลงกสิกรรมที่เคยปลูกทานตะวันซึ่งหลายคนมองแล้วเป็นเส้นทางที่ไม่น่าจะเดินไปเลยเพราะชุ่มแฉะไปด้วยน้ำ..
แม้จะถามคนที่ทำการกสิกรรมอยู่ก็บอกว่าเดินลำบาก แต่พ่อครูก็เลือกเดินเส้นทางนี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่พ่อครูสอนว่าเส้นทางของนักปฏิบัติธรรมมักมีอุปสรรคและขวากหนามทางด้านการฝึกฝนจิตใจ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป..ปราชญ์ชาวบ้านแม่ยงค์ แม่บ้านอาจารย์ข้าดิน เห็นพ่อครูรีบเข้ามากราบนมัสการและคอยระวังสะพานน้อยที่พ่อครูกำลังจะเดินข้ามไปที่โรงปุ๋ยโดยมีท่านปัจฉาหนักแน่นคอยดูแลอย่างใกล้ชิด…พ่อครูบอกให้พวกเราได้ยินเสมอว่า ท่านไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ ทำให้การเดินครั้งนี้นึกถึงคำสอนพ่อครูที่ทำให้เราต้องฝึกฝนต้องมีความพากเพียรแม้ว่าหนทางจะมีอุปสรรคเพียงใดถ้ามีมโนสัญเจตนาสัญเจตนาหารที่เป็นกุศล หมดตัวหมดตนก็จะทำให้เราไปถึงที่หมายได้….ด้วยรองเท้าที่พ่อครูสวมใส่เป็นแบบเดินทางเรียบทำให้รองเท้ามีดินหนาเตอะจนพ่อครูต้องไปล้างดินที่ห้องน้ำก่อนเพราะเกรงว่าดินจะเข้าไปเปื้อนที่โรงปุ๋ย..
พอมาถึงโรงปุ๋ยพ่อครูเริ่มถอดจีวรออกด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงจนพวกเราแทบตามไม่ทันเหมือนนักกีฬาเตรียมวิ่ง พอไปถึงรีบจับจองรถเข็นเพื่อที่จะช่วยเข็นปุ๋ย แม้ว่าคุณแหม่มผู้รับใช้ของโรงปุ๋ยบอกว่ามีคนเพียงพอแต่พ่อครูก็ยังมีประสงค์ที่จะช่วย.ฝนตกมาพอดีและตกหนักด้วยแต่ภายในโรงปุ๋ยกลับอบอุ่นด้วยความเมตตาของพ่อครูที่มีต่อลูกๆที่กำลังช่วยงานในโรงปุ๋ย
…เสร็จภารกิจส่งปุ๋ยขึ้นรถตามจำนวนครบ 1 คันแล้ว พ่อครูเดินกลับมาตามถนนตรงมูนมีมอเตอร์ไซค์หลายคันกำลังเดินทางเข้าภายในหมู่บ้าน นายรักษ์เขต(ตำแหน่งผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของชุมชน)หรือ พี่รัฐเขตผู้รับใช้ดูแลความปลอดภัยในชุมชนคอยจัดระเบียบที่จอดมอเตอร์ไซค์ วันนี้เป็นวันแรกที่ให้มอเตอร์ไซค์จอดที่อาคารบวร ตำแหน่งนายรักษ์เขต เป็นตำแหน่งของชาวชุมชนที่เป็นจิตอาสาคอยดูแลรักษาความสงบทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องไล่ควาย จับงู ไล่นก ขับรถ ริดกิ่งไม้ดูแลต้นไม้และทุกเรื่องที่ชาวชุมชนให้ช่วยเหลือ สามารถบอกเจ้าหน้าที่นายรักษ์เขตได้ทุกคน โดยมีประธานกองทัพธรรมมูลนิธิเป็นผู้รับรอง คือ พลตรีจำลอง ศรีเมือง..
แม้ฝนตกลงมาทั้งวันแต่ก็ยังมีประชาชนสนใจมาเยี่ยมเยือนถ่ายรูปเล่นน้ำตกกันอย่างต่อเนื่อง…
พ่อครูกลับขึ้นมาทางน้ำตกผาแหงน…ผ่านสวนเอาพิษออกสังเกตว่าแตงโมอาการน่าเป็นห่วงแล้ว พื้นก็แช่น้ำเถาต่างๆเริ่มเหลืองเพราะแตงโมไม่ชอบน้ำ
แต่ช่วงนี้ฝนตกหนักและหนักมากทั้งวันทั้งคืน เราก็ยังติดตามแตงโมนี้กันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
…ความชุ่มฉ่ำของฝนทั้งวันทั้งคืนเปรียบได้กับความเมตตากรุณา ที่พ่อครูทุ่มเทให้พวกเรา ล้วนเป็นผลเพื่อมวลมนุษยชาติได้อยู่ร่วมกันอย่าง สงบร่มเย็นและ มีสันติธรรมจริง..สาธุ