610701_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ อัมพัฏฐสูตร ตอน 1
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1iCU6-9wq5Ha0mdMZXExBztBTLFJhMh9hq3HKfTdM-6c
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1CC2RV0qmOx65ABaDm62QVc4xhacLAhQ9
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ทุกน้ำใจทุกสายธารก็ไหลไปสู่การช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 คน ที่วนอุทยานขุนน้ำนางนอนจังหวัดเชียงราย ได้เห็นถึงการทุ่มเทแรงกายแรงใจของทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้าหากเราทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างนี้ในการลดละกิเลสบ้างก็น่าจะดี ทำให้เห็นถึงความยากลำบากของพ่อครูในการอธิบายธรรมะ ที่จะทำให้คนลดละกิเลสได้ เป็นสิ่งประเสริฐสำหรับคนไทยที่ได้มาจากสิ่งนี้ ได้มาเจอในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้มาเจอพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เราเกิดมาท่ามกลางโพธิสัตว์ทั้งสององค์ จะมีอะไรโชคดีเท่า
พ่อครูก็มาพาทำ ศาสนาพุทธให้ชัดเจนเป็นจริง เป็นระบบสาธารณโภคี เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน พิสูจน์ได้สัมผัสได้ ยืนยันได้ ทำมายาวนาน 40 กว่าปีแล้วเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งคนก็ยังไม่เห็นเป็นความอัศจรรย์ เราก็ต้องทำไปเรื่อยๆ
ทุกวันนี้เกษตรกรพัฒนาการ จากเดิมเป็นอาชีพที่คนดูถูกแต่ตอนนี้คนที่ทำเกษตรอินทรีย์ได้รับการยกย่องมีคนมาดูงานเป็นวิทยากรสอนคนอื่นอีก เป็นเรื่องที่กลับกัน กับในอดีต ทำให้เห็นการขยายผลของการทำงานพระโพธิสัตว์ แต่ก่อนเคยชื่นชมคนจบปริญญาตอนนี้มาชื่นชมคนที่ทำประโยชน์ต่อโลก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่จะมหัศจรรย์กว่านั้นคือคนลดละกิเลสได้
พ่อครูว่า…อาตมาก็ไม่เห็นว่าอะไรจะดีกว่าการทำงานนี้การทำงานที่มาบอกสัจธรรมบอกมนุษย์ว่าควรจะรู้อันนี้ควรจะทำอันนี้ให้ได้ ภาษาบาลีบอกว่า วิชชาจรณะ การรู้ก็คือวิชชา ทำให้ได้ก็คือจรณะ ศาสนาพุทธสอนวิชชาและจรณะเท่านี้แหละ มีแต่รู้แต่ทำไม่ได้
อาตมาก็ได้รับประโยชน์จากที่พระพุทธเจ้าสอน และอาตมาก็ทำตามอันนี้ทำได้แล้ว แล้วก็มีชีวิตอยู่ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่า รู้อย่างนี้และทำได้อย่างนี้รู้สำเร็จจบชีวิตจบ
ศาสนาพระพุทธเจ้าเกิดมาวนเวียนในวัฏสงสารในเอกภพนี้ เมื่อนานไปก็มีการผิดเพี้ยนไป พระพุทธเจ้าองค์ใหม่เกิดมาก็มารื้อฟื้นใหม่ เสร็จแล้วก็ผิดเพี้ยนไปเรื่อยอีก ไปยึดถือความผิดเป็นความถูก อย่างทุกวันนี้ พระพุทธเจ้าท่านเกิดมาแก้ใหม่อีก เปลี่ยนเป็นอย่างนั้นอยู่วนเวียนแล้วๆเล่าๆ พระพุทธเจ้าเกิดมานับไม่ถ้วนองค์แล้ว มีศาสนาในวัฏสงสาร
อาตมาเป็นคนเกิดมาในโลกนี้ได้อัตภาพเป็นคนก็ได้ศึกษา มาในชาตินี้ จึงเห็นชัดเจนว่า มนุษย์ไม่มีอะไร มันหลงโลก บ้าๆบอๆน่าสงสาร พอมารู้แล้วก็ ไปหลงงมงายอยู่มาไม่รู้กี่ชาติก็รีบมาทางนี้ มากอบกู้มนุษยชาติ ให้รู้สิ่งที่คุณจะเป็นคนจะมีชีวิตอยู่ ไม่ควรไปหลงเสียเวลาซ้ำเติม นำพาคนอื่นหลงผิดไปตามอีก วนเวียน
อาตมาตั้งใจว่าจะเอาวิชชาและจรณะที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอัมพัฏฐสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 9 พระสูตรที่ 3
พระไตรปิฎกเล่ม 9 พระสูตรที่ 1 พรหมชาลสูตร 2 สามัญผลสูตร 3 อัมพัฏฐสูตร
พรหมชาลสูตร ก็บอกเรื่องทิฏฐิที่ผิด 62 อย่าง
สามัญผลสูตรก็บอก การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ มีศีลนั้นเป็นอาริยะ สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ขั้นเป็นอาริยะ มีสติสัมปชัญญะอันเป็นอาริยะ มีสันโดษนั้นเป็นอาริยะ เป็นต้น
คนมีศีลเป็นตัวตั้ง ตั้งแต่เริ่มต้นข้อแรก เรื่องของสัตว์ชีวิตนั้นเกี่ยวกับสัตว์ แล้วเราก็ไม่ควรมีจิตโหดร้ายคิดร้าย ให้รู้ว่าสัตว์ก็คือสิ่งที่มีชีวิต มันก็เกิดมาตามวิบาก แล้วก็เป็นไปตามวิบาก จมไปในวิบากหนักหนาสาหัส กว่าจะได้มารู้สัจธรรม มาอยู่เหนือความเป็นสัตว์ พระพุทธเจ้าแจกความเป็นสัตว์ไว้ 9 ชนิดในสัตตาวาส 9 ก็มีที่ร่างเป็นคน แต่จิตเป็นสัตว์ แล้วก็ไม่รู้กัน จนกลายเป็นสัตว์ที่โหดเหี้ยมกว่าเดรัจฉาน หลอกซ้ำซ้อนว่าตัวเองแสนดีอีก หลอกสัตว์อื่นคนอื่นว่าแสนดี เสร็จแล้วโหดเหี้ยม
เช่น หลอกเอาสัตว์มาเลี้ยงแล้วฆ่ากิน คิดดูสิ เลี้ยงมันดูแลมันให้มันผูกพันแล้วก็ฆ่ามัน สัตว์ก็หลง ได้รับการเลี้ยงดู ประคบประหงม ทำที่ให้อยู่ สำหรับสัตว์บก สัตว์น้ำก็ทำน้ำให้สะอาด เสร็จแล้วพอได้ที่ก็ฆ่ากิน
ใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ เป็นความอำมหิตโหดเหี้ยมซับซ้อนลึกซึ้งหลอกลวง ตลบตะแลงของคน สุดๆจริงๆเลย
สรุปแล้วมาเป็นคนนี้มันไม่มีอะไรเลย นอกจากที่จะมีชีวิตอยู่ให้ได้ ง่ายๆ อย่ายาก
เดรัจฉานทุกตัวมันก็มีชีวิต เลี้ยงตัวมันรอดได้ แต่เป็นคน แล้วเลี้ยงตัวเองไม่รอด มันน่าจะเป็นคนอยู่ไหม ไปเบียดเบียนเขาอีก ชีวิตตัวเองไม่รอดก็ไปเบียดเบียนคนอื่นฆ่าแกงสัตว์อื่นมากินอีก สัตว์ที่กินพืชก็ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ฆ่าแกงใคร ในชีวิตของมันมันก็อยู่รอด แต่เราเป็นคนแท้ๆ ไปเอาอย่างสัตว์ที่มันโหด จริงๆ มันก็มีวิบากที่สัตว์มันต้องกินสัตว์เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก เป็นเรื่องวิบากกรรม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องของเซลล์จิตนิยาม เซลล์ที่เกิดมา แล้วก็ได้รับมาสภาพที่เรียกว่าจิตนิยาม มีพลังงานที่มีเวทนามีวิญญาณ ส่วนพืชก็มีชีวะแต่มันไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณ นี่คือความตรัสรู้ของพุทธเจ้า พลังงานที่มีธาตุรู้วิจิตรพิสดาร
อุตุ ไม่มีธาตุรู้เลยมีแต่พลังงานที่เป็นไปตามลำดับ ความร้อนแสงเสียงแม่เหล็กไฟฟ้าจับตัวกันไปตามเหตุปัจจัย เมื่อมาเป็นพืชก็มีตัวมันเองเป็น ISH สามเส้า มีตัวตนของตนและก็มีพลังงานอีกสองอย่าง พลังงานบวกพลังงานลบทางฟิสิกส์เรียกว่าเพศหญิงเพศชายสังเคราะห์กันอยู่ในพลังงานสามเส้า
พลังงานที่มีชีวิตถึงขั้นจิตนิยาม ที่มีทั้งรักทั้งชัง 16 ปีแห่งความหลังทั้งรักทั้งชังทั้งหวานและขมขื่น มันยอดเยี่ยมเลย พระพุทธเจ้ามาศึกษาค้นคว้าจิตนิยาม จนสามารถรู้ เลิกที่จะต้องเป็นตัวที่เป็นภัยเป็นโทษเป็นพิษร้ายมาเป็นตัวดี มาเป็นจิตนิยามที่ดี จนกระทั่ง ได้อัตภาพกัน คนรู้แล้วว่าดีกว่าสัตว์อย่างไรมันได้อัตภาพแล้ว สุดแห่งที่สุด พระพุทธเจ้าท่านก็สลายอัตภาพของตัวเอง กลายเป็นอุตุนิยาม หมดเลยได้ จบ
ถ้าอยู่ ก็อยู่อย่างเป็นประโยชน์ไม่เป็นโทษเลย ทำชีวิตทำจิตนิยามของตน ให้เป็นจิตนิยามที่ประเสริฐที่ดีมีชีวิตอยู่ก็เป็นประโยชน์ ไม่ไปทำร้ายทำเลวทำเสียหายให้แก่ทุกอย่าง ถ้าไม่มีก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย จบอัตภาพสลายตัวเองไปเหมือนกับแยกธาตุไฮโดรเจนกับออกซิเจนออกจากกันธาตุน้ำก็หายไป มีแต่กลายเป็นแก๊สหายไปเลย พระพุทธเจ้าก็สามารถแยกอัตภาพของจิตนิยามได้เช่นนี้ ที่จะอยู่ต่อไปก็จะเป็นประโยชน์คุณค่าจะนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ นี่เป็นสุดยอดของความรู้ของการเกิดมา เป็นมนุษย์ที่มีอัตภาพ
พืชมันไม่รู้ สัตว์มันไม่รู้ แม้อเวไนยสัตว์ก็ไม่รู้ แม้เป็นศาสดาของศาสนา แต่ไม่สามารถรู้สูงสุดที่จะเป็นคนดีอย่างถาวร ของศาสนาพุทธนี้เป็นคนดีและดีอย่างถาวรด้วยไม่มีเปลี่ยนแปลงไปเลยชั่วนิรันดร์ เมื่อบรรลุอรหันต์แล้ว แต่เทวนิยมนั้นจะเปลี่ยนชั่วเป็นดี ดีเป็นชั่ว ไม่สามารถที่จะทำให้ดีตลอดกาลได้ เพราะไม่รู้จักต้นรากของจิตวิญญาณและไปแก้ไขที่ต้นรากเปลี่ยน DNA ของจิตนิยาม ให้เป็นโลกุตระ มีธาตุรู้ที่เป็นวิชชาและจรณะ
อเทวนิยมของพุทธ พูดไปเหมือนข่มศาสนาเทวนิยม ที่ไม่รู้เรื่องจิตนิยาม เขาก็หาว่าศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาเพราะไม่เน้นเรื่องจิตวิญญาณ ไปโน่นเลย น่าสงสารซ้อนไปอีก เขาไม่รู้เรื่องจิตวิญญาณแท้ๆ และไม่รู้ว่า ศาสนาพุทธสามารถทำให้จิตวิญญาณดีได้ถาวรหรือจะสลายไปได้ก็ได้ เขาก็ยิ่งไม่รู้ และหาว่าเป็นศาสนาไม่มีจิตวิญญาณ เป็นปรัชญา เอาศาสนาพุทธเป็นแค่ตรรกะปรัชญาไปโน่นเลย
มาเข้าสู่คำสอนของพระพุทธเจ้าที่โบราณอาจารย์รวบรวมไว้ในพระไตรปิฎก
-
อัมพัฏฐสูตร