…บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ…เรือรีสอร์ทโลกุตระ
วันพุธที่ 4 กรกฎาคม 2561
ช่วงนพ่อครูฉันภัตตาหารเสร็เวลาประมาณ 13.11 นาที พ่อหินเข้มขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครูหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่ามีการย้ายเรือมาวางบนแท่นฐานที่ด้านหน้าหมู่บ้าน รถผ่านมาบริเวณหลังพระพุทธโต พ่อครูกำลังมองหาตำแหน่งวางรูปหล่อพ่อครูลักษณะยืนปางอภัยทาน ประดิษฐานอยู่วิหารพันปี บวรสันติอโศก ที่พ่อครูมีดำริจะมาไว้ที่บ้านราชและกำลังหาตำแหน่งที่ตั้งอันเหมาะสมอาจจะเป็นบริเวณข้างๆพระพุทธโตหรือเป็นบริเวณอื่นซึ่งพ่อครูกำลังมองหาความเหมาะสมอยู่…
..รถสัญญาตะวันพาพ่อครูมาถึงบริเวณที่ตั้งเรือใหญ่หลายลำ มีเรือเอี๊ยมจุ๊นใหญ่กำลังขึ้นโครงหลังคาเพื่อใช้ประโยชน์เป็นเรือนเรือ เป็นที่พักอาศัย หรือใช้ประโยชน์ที่เหมาะสมต่อไป…วันนี้ทีมงานวางแผนไว้ว่าจะนำเรือเอี้ยมจุ๊นใหญ่อีก 2 ลำ ที่ซ่อมแซมโครงสร้างเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขึ้นมาวางบนฐานเพื่อจะนำมาเป็นเรือนเรือ…สังเกตฐานของเรือลำแรกที่กำลังขึ้นโครงก่อสร้าง ฐานใต้ท้องเรือมีความสูงไม่มากนักทำให้ใช้ประโยชน์ใช้สอยใต้ท้องเรือได้น้อย แต่โครงสร้างฐานที่จะวางเรือใหม่จะมีความสูงประมาณ 3 เมตรครึ่งเพื่อที่จะได้สะดวกต่อการทำเป็นที่พักอาศัยด้านล่างหรือใช้ประโยชน์อื่นๆที่ต้องสามารถทำงานหรืออยู่อาศัยได้อย่างสะดวก พ่อครูจะเรียกสิ่งก่อสร้างใต้เรือว่า”ซิโตนเฮา” หรือ stone house พ่อครูมีดำริจะให้ทำลักษณะนี้ในเรือทุกๆลำที่ซ่อมแล้วไม่สามารถลอยน้ำได้ก็จะให้มาวางบนฐานและฐานก็จะเป็น”ซิโตนเฮา” ซึ่งก็มีเหลือหลายลำที่ซ่อมเสร็จแล้ว และได้ใช้ประโยชน์เป็นที่พักอาศัยและสำนักงานอยู่บริเวณข้างๆกันใกล้กับเฮือนตลาดหน้าหมู่บ้านราชธานีอโศก พ่อครูบอกว่าถ้าเรือซ่อมปรับปรุงเสร็จทั้งหมดบริเวณนี้จะเหมือนเป็นรี”สอร์ทเรือโลกุตระ”เพราะทุกคนที่จะมาพักที่เรืออันงดงามวิจิตรเหล่านี้ จะต้องเป็นผู้ที่ถือศีลปฏิบัติธรรม ละอบายมุข รับประทานอาหารมังสวิรัติ จะเป็นเรือรีสอร์ทโลกุตระ สถานที่สัปปายะของนักปฏิบัติธรรม…
พ่อครูนั่งสังเกตการณ์ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ท่านสมณะด่วนดีมารายงานว่าเรือยังไม่สามารถที่จะยกขึ้นแท่นฐานวางได้เพราะขาดรถเครนอีกคัน ซึ่งมีกำลังที่มากกว่า ต้องรอพรุ่งนี้วันนี้ทำได้เพียงยกเรือจากสุสานเรือมาวางไว้บริเวณนี้ก่อนพรุ่งนี้จึงจะสามารถยกขึ้นแท่นวางได้เพราะต้องเพิ่มรถเครน 25 ตันอีก 1 คันผ่านมาที่เรือรามรักษ์ยังเด่นตระหง่านวิจิตรงดงามและยังคงต้องปรับปรุงและตกแต่งอีกหลายจุดยังไม่แล้วเสร็จดี…
พ่อครูนั่งสัญญาณตะวันมาลงที่บริเวณหน้า สขจ. พ่อครูชี้ให้ดูต้นไม้เป็นยาที่ยังอุดมสมบูรณ์ หลายท่านคงยังไม่ค่อยเดินผ่านมาบริเวณเวทีธรรมชาติเดิม ตอนนี้เป็นสถานที่ร่มเย็น เหมาะแก่การพักผ่อนคลายร้อนและใกล้น้ำโตนอีกด้วย พวกเราสังเกตเห็นรังผึ้ง พ่อครูจึงมองตามไปดู แต่ไม่เห็นตัวผึ้งแล้วคงเป็นรังเก่าเพราะดูจากสีและน้ำหวานก็ไม่มีแล้ว..
จากนั้นพ่อครูกลับขึ้นมาชั้น 3 เห็นห้องสมุดที่กำลังเก็บหนังสือเพื่อเตรียมย้ายไปที่อาคารบวร พ่อครูดำริขึ้นมาว่าจะตั้งชื่อห้องหนังสือใหม่เป็นห้องบุญนิยมทีวีพวกเราถามว่าจะให้ชื่อบุญนิยมทีวีเลยหรือ.. พ่อครูเลยตั้งใหม่ให้สอดคล้องกับหลายๆห้องทั้งของบุญนิยมทีวีสันติอโศกและราชธานีอโศก สันติอโศกมีห้องกันเกราและห้องมันปลา ราชธานีอโศกมีห้องมาปันซึ่งเป็นสตูดิโอด้านในแล้ว ถ้าเป็นห้องใหญ่(ห้องสมุดเก่าทั้งหมด) ก็จะชื่อว่าห้อง”เกลากัน”ซึ่งหมายถึงขัดเกลาไม่ใช่เกาหลัง สอดคล้องกันกับสันติอโศกมี ห้องกันเกรา ราชธานีอโศก ห้องเกลากัน สันติอโศก ห้องมันปลา ราชธานีอโศก ห้องมาปัน…..
..กลับขึ้นมาชั้น 4 ถึงโต๊ะทำงาน พ่อครูหยิบดัมเบลขึ้นมาออกกำลังเอาแรงที่ท้องแขนทั้งซ้ายและขวาอีกหลายที จากนั้นพ่อครูจะนั่งเขียนหนังสือต่อและติดตามข่าวสารจากทีวีทั้ง 3 ช่องเป็นปกติ ซึ่งงานเขียนหนังสือของพ่อครูเป็นหน้าที่หลักที่พ่อครูถือว่าเป็นโพธิกิจสำคัญที่สุด ทุกคำสอนของพ่อครูที่กลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือจากภูมิพระโพธิสัตว์ สามารถอ้างอิงได้ไม่ผิดเพี้ยนเลยจากพระไตรปิฎก พ่อครูเมื่อเขียนหนังสือสิ่งที่ทำให้สังคมยอมรับได้ก็คือการอ้างอิงจากพระไตรปิฎก ทำให้เวลาที่พ่อครูเขียนหนังสือธรรมะ เลยต้องนำ พระไตรปิฎก มาอ้างอิงเพื่อที่สังคมอาจจะพอยอมรับคำสอนของพ่อครูได้บ้าง ซึ่งทุกคำสอนของพ่อครูไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ถ้าเปิดใจ ลดอคติ ฟังซักนิด จะพบพุทธแท้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ได้อย่างแท้จริง…