ธรรมปัจจเวกขณ์ (22)
20 มีนาคม 2519 ณ พุทธสถานแดนอโศก
ต้องพยายามโน้มน้อม ให้มีสติรำลึกเป็นตัวสำคัญในชีวิต ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมบรรลุสุดยอดนั้น จะต้องมีความรำลึก รู้เท่าทันตา หู จมูก ลิ้น กาย อากัปกิริยาอาการ รู้เท่าทันกายกรรม รู้เท่าทันวจีกรรม และรู้เท่าทันไปจนกระทั่ง ถึงมโนกรรมของเรา ว่าจริงๆ เรากำลังคิดอะไร เรากําลังมีจิตอย่างไร มีอะไรร่วมจิตคิดอยู่มุ่งหมาย มุ่งหมายมาเพื่อตนหรือไม่ เพื่อเสพย์สังเวย จนเกินขอบเขตหรือไม่ จะเป็นผู้รู้โดยกรรมต่างๆ ไม่เป็นไปด้วยกามวิตก กามฉันทะ ไม่เป็นไปเพื่อพยาบาทวิตก ผูกพัน เพื่อที่จะทารุณโหดร้ายต่อผู้อื่น ผูกพันอาลัยอาวรณ์ ไม่รู้จักปล่อยไม่รู้จักวาง ไม่เป็นพยาบาทอย่างนั้น และก็ไม่ทำให้ทารุณโหดร้าย ไม่เป็นวิหิงสาวิตก ไม่ทำให้ทารุณโหดร้ายต่อผู้อื่น หรือทำร้ายตน ตนอาจจะอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า จะต้องอดทนบ้าง ฝืนทนบ้าง เป็นธรรมมะ เป็นขันติ ก็ได้อยู่แล้ว
รู้ผลในการที่จะต้องอดทน จะต้องฝืนนั้น ว่าเป็นกุศลธรรม กุศลต่อผู้อื่นชัดๆ โดยที่ตนเองขาดทุนร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็รู้อยู่ว่าอย่างนั้นก็ยังเป็นกุศล ถ้าเราสามารถขาดทุนร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นได้ โดยที่เราเองเห็นแล้วว่า คนอื่นเขาได้ คนอื่นได้ประโยชน์อย่างชัดเจนที่สุด ก็ไม่ใช่ของเสียหายอะไร ถ้าเราทนได้ ถ้าเราอดได้ มีธรรมะได้ มีขันติได้ เราก็ทำได้ ถ้าเราสามารถ แต่ถ้าเราไม่สามารถ อดไม่ได้ ทนไม่ได้ รู้อยู่ว่าเราเป็นประโยชน์ต่อเขา ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราเสียสละกล้าให้อยู่ แต่มันทนไม่ได้ เราจะตายน่ะ เราจะเดือดร้อนที่สุดน่ะ เราเสื่อมโทรมทั้งสุขภาพ เกินขอบเขตแล้ว จิตเราก็ทนไม่ไหวจริงๆแล้ว ก็ต้องหยุด ต้องพัก
แต่ถ้าเราทนได้โดยไม่ยาก ทนได้โดยไม่ลำบาก ยังเป็นการทำให้เราขัดเกลา ทำให้เรารู้จักปล่อยจักวางด้วย เป็นกุศลเป็นประโยชน์ตน เป็นสิ่งที่เราจะได้เพิ่ม มีอิทธิวิธีต่างๆด้วย แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อเขาด้วย ก็เรียกว่าเราทำประโยชน์ท่าน อยู่ตลอดเวลา และประโยชน์ตน ก็คือได้ล้างสิ่งที่ยึดเป็นตัวเป็นตน หรือตนนั้นแหละยึดถือมากเกินไป มันยังจะเป็นเราเสพย์ เราได้ เรามี เราเป็นอะไร อยู่มากมายเกินขอบเขต
ถ้าเพื่อที่จะยังกายยังขันธ์ ยังชีวิตไปธรรมดานั้น ไม่มีอะไรมาก เราเป็นพอไปพอสมควร พอดีด้วยอาหาร ด้วยปัจจัย 4 หรือจะทำงานก็มีบริขารประกอบบ้างเล็กน้อย พอให้เป็นไป พอให้ดำเนินไป พอให้ได้ผลที่สูง นั่นก็เราเองก็กระทำ โดยปัจจุบันนั้นๆ อย่าไปสะสมอย่าไปโลภมาก จนกระทั่ง เรากลายเป็นภาระเกินควรนัก ถ้าเราจะตัดปล่อยละวาง จนเลิกไกลไปก็ไม่ได้ ต้องเป็นห่วง หวงหาอาลัยอยู่ ก็เป็นภาระเกินควร
เราต้องรู้ ถ้ามีสภาพที่เรียกว่า มีคนอื่นเขารับไม้รับมือ พอรับช่วงไปได้ เราปล่อยปละละเลยก็ยังพอไหว และก็ดำเนินผล มีการกอปรก่อ เป็นผลที่ดีที่งามที่เจริญกว้างขวาง เผยแพร่ธรรมะ เผยแพร่ผลจะให้ผู้อื่น ได้รับประโยชน์มากมายได้ โดยเราเสียสละบ้าง แล้วคนอื่นก็ช่วยดูแลบ้าง สืบสานกันไปดีอยู่ เราก็เอา ถ้าจะเลิกก็เลิก.
*****