ธรรมปัจจเวกขณ์ (34)
30 พฤษภาคม 2519 ณ พุทธสถานแดนอโศก
เมื่อเราเกิดมาเราก็มีญาติ ญาติทางโลก เรามีพ่อเรามีแม่ เรามีพี่เรามีน้อง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องของธรรมชาติ ผู้ที่เป็นไปก็เสริมสร้างกัน อุดหนุนกันเป็นไปตามธรรมดา ส่งเสริมกันไปตามขั้นตามตอน ให้เป็นผู้เจริญ เจริญด้วยลาภ เจริญด้วยยศ เจริญด้วยสรรเสริญ เจริญด้วยสุข นานาประการที่เขาจะชี้บอกแก่กันและกัน ซึ่งเป็นโลกียสุข พวกเราเอง เมื่อเดินทางมาทางธรรมแล้ว เข้ามามีญาติธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่จะเข้าใจในเรื่องของจิต ในเรื่องของความสุขอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่สุขอย่างโลกียสุข และเราก็จะเกื้อกูลกันด้วยน้ำใจจริง มีจิตบริสุทธิ์ เผื่อแผ่เอื้อเฟื้อบอกกล่าวกัน เกื้อกูลกัน รับช่วงกัน เหมือนกับ อย่างที่บ้านมีพี่น้องช่วยเหลือเฟือฟาย คนละไม้คนละมือ สนับสนุนกัน มีผู้ใหญ่เลี้ยง โดยวิธีการอย่างโลก
มาอยู่ทางธรรม ก็มีวิธีการอย่างธรรม เลี้ยงกันเป็นขั้นเป็นตอน ให้ชักจูงกัน ให้เห็นสุขอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นนิรามิสสุข ที่เราจะต้องพิจารณาให้มาก ให้เห็นจริง ให้ได้รับรสกับมันจริง และสุดท้ายเราได้รับรสกับมันแล้ว รู้จริงแล้ว เราก็จบ เมื่อจบเราก็จะต้องช่วยเหลือ พี่ๆน้องๆของเราเอง ซึ่งเป็นส่วนใกล้ ตอนนี้ พี่ๆน้องๆของเราคือญาติธรรม เป็นญาติทางธรรม ไม่ใช่ญาติที่เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ ช่วยกันไปพอควร หรือผู้ที่อยากจะไปช่วยญาติทางโลก โดยเอาธรรมะไปช่วยเขา ซึ่งแน่นอน เราเป็นคนทางธรรมแล้ว เราจะเอาสมบัติทางโลก ไปช่วยเขาน่ะไม่ได้หรอก เราจะไปช่วยเขา ก็จะมีสมบัติทางธรรม ไปช่วยญาติพี่น้องที่อยู่ทางโลก
เมื่อจะไปช่วยญาติพี่น้อง ที่อยู่ทางโลกนั้นนะยากมาก เพราะว่าเขาอยู่ทางโลก เขาติดโลกียสุข เขาติดโลกียรส เราจะไปล้างโลกียรส ไปล้างโลกียสุข โดยเอาสุขทางธรรมไปให้เขา เป็นนิรามิสสุข สุขที่ไม่แอบแฝง สมบัติทางวัตถุทางโลกอะไรนี่ยากมาก เขาจะทิ้งขาดออกมาได้ยากมาก และโดยเฉพาะความเป็นญาติสนิท มันยากที่จะไปสอนกัน เพราะว่ามันไม่เชื่อ คนเรานี่ไม่เชื่อว่าพี่น้องกัน จะเป็นใหญ่เป็นโตได้ง่ายๆ เราไม่เชื่อ พี่น้องกันจะเป็นคนสูงส่ง คนเหนือชั้นขึ้นไปถึงขนาดนี่ มันไม่เชื่อ ก็มันเห็นจะเป็นชั้นยังไง มันต่อๆ ใกล้ๆ เคียงๆ อยู่กับเราอย่างนี้ จึงเรียกว่ายาก และมีรายละเอียดอื่นอีก ที่คนบรรลุทางธรรมแล้ว จะไปสอนทางพ่อแม่หรือว่าญาติพี่น้อง พี่น้องลูกป้าน้าอาอะไรทั้งหลายแหล่ ที่จะไปสอนได้ง่ายๆ นั้นยาก
เราก็ค่อยๆทำตัวเอง ช่วยญาติธรรม ซึ่งญาติธรรมนี่ไปเป็นขั้นตอน ส่งเสริมไป ช่วยไม้ช่วยมือกันไป จนกระทั่งเราก็จะมีโอกาส ไปแผ่ขยายความเก่ง หรือความเหนือชั้นของเรากับประชาชน จนประชาชนรับรองกันมากๆ มากๆๆ นั่นแหล่ะ ญาติพี่น้องเรา จึงจะยอมเชื่อตามว่า เอ๊ะ! เรานี่เหมือนเหนือชั้น หรือว่าเรามีความเก่งมีความสูงจริง เมื่อนั้นเราจะมีโอกาสสอนพี่น้องได้ง่ายขึ้น นี่เป็นลำดับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเคยแสดง มีรูปรอยมาก่อนเป็นอย่างนี้ กระทำตามขั้นตอนอย่างนี้
พวกเราให้พยายามทำความเข้าใจ ในขั้นตอนพวกนี้ด้วย แล้วส่งเสริมกันไล่เรียงกัน เป็นขั้นเป็นตอนระดับๆๆมา นี่เป็นสูตรใหญ่ๆ อย่างนี้ พยายามพากเพียรทำความรู้ แล้วก็ทำความจริงอันนี้ให้เกิด จะได้ไม่ขัดเขิน หรือจะได้ไม่ดูพลิกแหลง ไม่นอกบัญญัติ ไม่นอกแบบอย่าง นอกจากไม่นอกแบบอย่างแล้ว มันก็เป็นขั้นตอน ที่เรียงระดับถูกต้องโดยสัจจะธรรมแล้ว ผมเองผมเห็นอย่างนั้นจริงๆ ว่ามันถูกต้องตามขั้นตอน จึงเอามายกขึ้น กล่าวอ้าง ให้แก่พวกเรา ได้ลองเอาไปพิจารณาไปคิดตาม ไปเห็นตาม แล้วก็ได้ทำให้ลงร่องลงช่อง มันถึงจะเสริมสานกันเป็นไปด้วยดี ได้สืบต่อไปยาวนาน.
*****