ธรรมปัจจเวกขณ์ (53)
14 กันยายน 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
เมื่อผู้ใดไม่มีอะไรที่จะสงสัย หรือว่าแน่ใจในทางธรรม เห็นว่าโลกแห่งทางธรรม เป็นโลกที่เราแน่ใจ ยิ่งกว่าที่จะอยู่ทางโลกแล้วละก็ ก็จงวางใจ และพ้นวิจิกิจฉา ในเรื่องนั้นเสียเลยได้ แล้วเราก็เป็นอยู่ เป็นอยู่ ถ้าเผื่อว่าเรายังไม่แน่ใจในคณะ เราจะต้องไปหาอาจารย์ หรือว่าเราจะต้องไปอะไรต่ออะไรที่อื่น เพื่อที่จะแสวงหา ส่วนที่มันถูกต้องอีก โดยมีผู้รู้แล้วช่วยเหลือ คือเป็นอาจารย์ที่บอกที่สอน เรายังสงสัยอันนั้นว่ามันไม่รอบ มันไม่ไปด้วยดี มันไม่ไปเป็นที่สุด เพราะว่าอาจารย์คงจะบอกไข หรือว่าช่วยเรา ไม่ใช่ก็ไปดูทดลอง ไปทดสอบ ไปหาดูที่ไหนอีกต่ออยู่บ้าง เพิ่มเติมก็ได้ หรือว่าแน่ใจแล้ว ไปอีกก็เมื่อยเปล่า ก็ที่นี่แล้วแต่ เป็นแต่ว่าเราเอง เรารู้จุดอยู่ด้วยซ้ำไป แต่เราเองเราซิ ทำมันไม่ได้ มันยังเดินทางไป จะเพราะอภิชัปปาก็ดี จะต้องรู้จุดอภิชัปปาให้ได้ ถ้าเป็นอภิชัปปา เราแก้ที่เรา แก้ไขที่อื่นไม่ได้หรอก
ทุกอย่างต้องเดินไปตามวาระ เดินไปตามเหตุปัจจัย อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสแล้วว่า ต้องมีวันให้มันมีการประกอบการ หรือว่ามีวันประกอบการ ถ้าไม่มีวันประกอบการเลยจริงๆ แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ มันมีเหตุปัจจัย มันมีฐาน มันมีต้นทุน มันมีองค์ประกอบ มันจะต้องให้มันเป็นไป เมื่อเราไม่มีอภิชัปปาแล้ว เราก็เดินทางไป วันหนึ่งคืนหนึ่ง สองวัน ห้าวัน ร้อยวัน พระราหุล ซึ่งเป็นราชบุตรของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองแท้ๆ ยังใช้เวลาตั้งหลายสิบปี กว่าจะบรรลุหลุดพ้น พระพุทธเจ้าเอง ท่านจะทำยังไง ถ้าลูกของท่านจริง เป็นไปได้ ท่านก็รีบเร่งเสียเลย ให้บรรลุเร็วๆด่วนๆซิ ลูกท่านเอง ถ้าว่าท่านไม่ลำเอียงก็เถอะ มันก็น่าจะเป็นไป แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ แม้บวชเป็นพระแล้ว แม้อะไรแล้ว ก็ยังศึกษาอยู่ และพระราหุลนี่ ได้รับเอตทัคคะ ในทางการศึกษา ขยันหมั่นเพียรเอาใจใส่ เป็นผู้ยอดในการศึกษา พระราหุลนี่ ไม่ใช่เป็นคนละเลย ไม่ใช่เป็นคนขี้เกียจ ไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่ใช่ เป็นคนขยันหมั่นเพียร จนได้เอตทัคคะ ในด้านหมั่นเพียรศึกษา เอาใจใส่ในการศึกษา เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า ยอดนักศึกษา แต่ก็ยังต้องใช้เวลา เพราะงั้น อภิชัปปานี่ เป็นอุปกิเลสตัวร้าย พอสมควรเหมือนกัน เราทุกข์ เราอึดอัด แล้วเราก็ทำให้พาลเสียอะไร หลายๆอย่าง ถึงจะทำประโยชน์ท่าน ก็ไม่ได้ บางทีประโยชน์ตน ก็พาลเสียไปด้วย ผสมผเสไปด้วย มันก็ไม่ได้เรื่องอะไร ต้องพยายามตรวจตราให้ดี เมื่อรู้แน่แล้วว่า เราก็ย่อมเป็นไป ผลได้ก็มีอยู่ มีอยู่ ไม่ได้ลดหย่อน แล้วเราก็ยังมีเพียร อันเป็นไปโดยดีอยู่ มันก็ได้ผลไปเดินทางไป เราก็ต้องให้ได้ทิฏฐธรรมสุขวิหาร ให้มีญาณทั้งสี่อยู่ แล้วมันก็จะไหลเลื่อน การเผา การฌานะ ให้มีการเผาๆๆๆไปอยู่ แล้วก็ดำเนินไป ดำเนินไป ไหลเอียงเทเข้าไป ในส่วนที่หวังได้ถึงที่สุด ก็จงอย่าให้เกิดอิดหนาระอาใจอะไร
แน่ใจแล้วก็เดินทางไปเถอะ แล้วก็อยู่ไป ช่วยเหลือกันไป ผู้ที่เป็นพี่ก็นำทำ หรือว่าเราจะมีความคิดบ้าง เราก็ลองคิด แล้วก็ช่วยกันทำผสมผสาน ช่วยไม้ช่วยมือไป ดำเนินไป ทุกอย่างก็มีแต่ความเจริญ ที่เป็นเกาะเป็นกลุ่ม เป็นหมู่เป็นหมวด แล้วก็ตัวเองก็จะได้ผลไปเรื่อยๆๆๆๆด้วย จงรู้ความจริงว่า ตัวได้หรือไม่ได้นั่น ให้ชัดเจน ถ้าได้แล้วก็ไม่มีปัญหา ควรจะหมดปัญหาได้ วิจิกิจฉาไม่ควรจะให้มันมากยืดเยื้อ สำหรับวิจิกิจฉาอยาก นอกจากวิจิกิจฉาตัวสุดท้าย ที่มันจะตัดเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันที่สบายที่สุด จนเกลี้ยงเกลาหมด เป็นพระอรหันต์สุดท้ายปลายโต่ง เท่านั้นแหละ ตัวนั้นขอให้มันเป็นไป จะได้เรียกตัววิจิกิจฉานั้นว่า เป็นอวิชชาก็ได้ เราไม่ควรจะเรียกมันว่า วิจิกิจฉา ควรจะหมด ตั้งแต่เป็นพระโสดาบัน วิจิกิจฉา
พยายามเข้าใจมรรค แล้วก็พยายามติดตามผล ของมันไปเรื่อยๆ อันวางใจได้ มันจะวางใจได้สบายไปเรื่อยๆๆๆ สูงขึ้นเป็นอนัตตัง แล้วเราก็สบายๆ มีแต่ตัวสบาย สบายหมดก็ได้กำไร ตั้งแต่บัดนี้ไปทีเดียว เราก็จะได้มี ทิฏธรรมสุขวิหารใช้ และสันตวิหารของเรา ก็จะเป็นสันตวิหารที่เป็นสุญญตา สถานที่นี้ว่างจากช้าง สถานที่นี้ว่างจากคน สถานที่นี้ว่างจากขวากหนาม สถานที่นี้ว่างจากอากาศ อะไรอย่างนี้ เป็นระดับๆๆไป ก็สบายขึ้นเบาขึ้นเรื่อย อย่างแท้จริง.
*****