ธรรมปัจจเวกขณ์ (54)
15 กันยายน 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
รำลึกถึงความเสพย์ติด หรือว่าเรื่องของสิ่งที่เสพย์ติด เท่าที่เรารู้ได้ แม้ทางด้านโลก แม้ทางด้านธรรมะ ก็เป็นผู้เรียนรู้ ซึ่งจุดเสพย์ติดอย่างชัดเจน การเสพย์ติดเท่านั้นแหละ ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาระเดือดร้อน เป็นภาระที่ทำให้มีทุกข์ ถ้าไม่เสพย์ติด ถ้าเราละความเสพย์และความติด ได้อย่างเด็ดขาดแน่นอน แล้วเรารู้ความจำเป็น ความสำคัญของสิ่งที่มีความสำคัญในโลก โดยเฉพาะย่นย่อมาถึงปัจจัย หรือความสำคัญของชีวิต ได้อย่างถูกต้องลงตัวแล้วละก็ ชีวิตเป็นชีวิตที่ง่าย เบา แม้เราจะใช้ชีวิตนี้ ให้มันเป็นประโยชน์ต่อโลก มันก็เป็นชีวิตที่เป็นแรงงานผลิต เป็นแรงงาน ที่จะกระทำผลประโยชน์ให้แก่โลกเท่านั้น ความสบายมันหมดอยู่ที่ตรง เสพย์ติดนั้นหมดไป จิตเราจะต้องรู้ รู้จิตจริงๆ แล้วรู้ความหมายรู้ลักษณะ การที่เรียกว่าติด อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรารู้แต่เพียงภาษา แล้วก็รู้เพียงผิวเผิน ลักษณะที่เรารู้ อย่างผิวเผินนั้น เราจะแทงลึกลงไปถึงจุดเสพย์ จุดติดของคนหรือของตัวเอง ที่เรากำลังมาเรียนรู้ แล้วก็มาทำการละ ปล่อย วางให้หมดสิ้น ถึงความเสพย์ติดนี้แหละ มันไม่ใช่ของที่จะมีอยู่ชั้นเดียว หรือว่าชั้นตื้นๆ หรือว่าชั้นง่ายๆ อยู่เท่านั้นไม่ มันมีความลึกซ้อน แล้วมันก็เป็นจุดเดียวจริงๆ
ถ้าเข้าใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เป็นจุดที่เราจะต้องเข้าใจให้ชัดเจน แล้วก็เรียนรู้ลักษณะมัน เมื่อละหน่ายปล่อยคลาย ไม่เสพย์และไม่ติด และทุกอย่างเราก็รู้กรรรมวิธี แห่งการสังเคราะห์ชีวิต รู้จักการเป็นอยู่ ที่เราจะสังเคราะห์อะไรขึ้นมาก็ตาม เพื่อประโยชน์ในโลก แม้แต่ที่สุดดำรงชีวิตไป ไม่สังเคราะห์แม้แต่อารมณ์ของจิต รู้ว่าการสังเคราะห์รูปธรรม ก็อย่างนั้น การสังเคราะห์อารมณ์ของจิต ก็อย่างนั้น และเราเอง เราเข้าใจการสังเคราะห์ ของอารมณ์ของจิตได้ จนกระทั่งว่า เราจะสังเคราะห์สภาพนี้ออกไปแล้ว จะมีผลสะท้อนให้ไปเกิดการสังเคราะห์ อยู่ที่จิตมนุษย์อื่นๆ ที่จะรับผลกระทบนี้ไป และจะเป็นสังเคราะห์ไปสู่จุดดี ไปอยู่จุดสำรอก หรือสู่จุดที่จะละการเสพย์การติดด้วย อันนั้นก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งตนเองก็ได้ แล้วตนเองก็จะมีความละเอียดลออ มีภูมิรู้ช่วยสังเคราะห์โลก เป็นไปในทางละหน่ายคลาย คำที่ว่าเสพย์หรือติดนี้ ให้ได้ด้วยถ้วนทั่วกัน.
*****