ธรรมปัจจเวกขณ์ (55)
16 กันยายน 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
ทบทวน ทุกๆอย่าง ที่เราเองเราได้หัวข้อ เราได้รู้หัวข้อ เราได้รู้หมวดหมู่ ของธรรมะต่างๆ ถ้าผู้ใดเกิดญาณเกิดปัญญา แล้วจะเห็นว่า ธรรมะหมวดต่างๆหนะ เอามาอธิบายเกี่ยวพันกัน เอามาขยายซึ่งกันและกัน แล้วมันจะต่อกันได้ทุกๆธรรมะ ทุกๆหมวด ทุกๆหมู่ เพราะว่าสาระของธรรมะ มันย่อย่นเข้าแล้ว เป็นเอโกธัมโม มันเป็นธรรมะที่เป็นขั้นตอน เป็นสภาพธรรมที่เป็นระดับ จนได้ว่า ธรรมะบางหมวดบางหมู่นั้น ไม่ต้องมาเรียงลำดับเลย ถ้าเผื่อว่าหมวดสี่ด้วยกัน ก็เป็นอันเดียวกันด้วยซ้ำไป หมวดสามด้วยกัน ก็เป็นอันเดียวด้วยกันไป หรือหมวดห้าหมวดเจ็ดหมวดสิบ ก็ตรงกัน ซึ่งสามารถที่จะเทียบเคียง หรือว่าอธิบายสภาวธรรมอันเดียวๆๆ ไล่เรียงกันอยู่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าเผื่อว่าเห็นได้ทะลุปรุโปร่งแล้วจริง มันจะเทียบกันได้หมด แม้แต่สภาพบางสภาพ เป็นวัตถุธรรมที่เห็นชัดๆ บางสภาพเป็นนามธรรมที่เห็นชัดๆ แม้วัตถุกับนามธรรมนั้น ก็จะลงตัวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ประหนึ่งความหมายอันเดียวกันหมดเลย แต่ว่าเป็นอยู่ในรูปร่าง คนละรูปร่างเท่านั้นเอง ตามสมมุติ อย่างนี้เป็นต้น
เราพยายาม เรียนอะไรก็เรียนมามาก ฟังก็ฟังมามาก รู้ก็รู้มาก ก็พยายาม ที่จะให้เกิดสภาพจริงที่จิตของเรา หรือลงตัวที่เรา แล้วก็ขยับขยาย เอามาเทียบเคียงดู ในลักษณะนั้นลักษณะนี้
หลักต่างพวกนี้ จะเป็นเครื่องยืนยัน เพื่อที่จะให้เราเข้าใจสภาพธรรม ได้อย่างแม่น ได้อย่างเชื่อถือได้สนิทใจ เพราะเป็นเครื่องยืนยัน ที่มันไม่ขัดไม่แย้ง มันลงตัว มันไปด้วยกันได้ มันดูดีมันเรียงระดับ มันมีสภาวะที่ร่องลงช่อง ไม่ขัดเขิน ดูไปแล้วก็เข้ากันลงกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มันก็จะทำให้เราเองนี้คลายใจ มีพยานมาก คล้ายๆกับมีพยานมาก มีหลักฐานมาก มีสิ่งอ้างอิง มีธรรมมีวินัย มีหลักฐานต่างๆ อ้างแล้วก็ลงตัวลงตน มันก็จะเข้าใจได้ เรียกว่า มันก็ตรงๆกับคนอื่นเขาเข้าใจมาก่อน แม้เดี๋ยวนี้ เราเข้าใจก็ตรงกับเมื่อก่อนนี้ ใครๆที่เขาเข้าใจเป็นความอธิบาย เพราะฉะนั้น สื่อความหมายต่างๆ เราจะเรียนรู้ไป เป็นหัวข้อธรรมก็ตาม หรือว่าเป็นคำที่อธิบาย ที่ขยายความก็ตาม เราก็พยายามไตร่ตรอง แล้วก็เทียบเคียงถึง สภาวะจิตของเราจริงๆ เทียบเคียงลง เมื่อย่นย่อเข้าไปแล้ว จิตมันก็จะรู้ได้ง่าย มันก็มีไตรลักษณ์ยังงั้น เกิดและก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับ เกิด-ตั้งอยู่-แล้วก็ดับ ในช่วงที่มันตั้งอยู่ หรือมันเกิดมาแล้วก็ตั้งอยู่ มันยังไม่ดับนี่แหละ รายละเอียดต่างๆพวกนี้ มันจะมีความเหมือน ความไม่เหมือน แทรกซ้อนอยู่ในสิ่งเหล่านั้น มากมายเหลือเกิน เราจะเห็นชัดเจน แล้วความเชื่อถือก็จะเกิดขึ้นได้ว่า เราไม่ยึดมั่นถือมั่นต่ออะไร เพราะอะไรในโลกนี้ มันย่อมเป็นเท่านั้นเอง เหมือนกันเลยทีเดียวก็ได้ ไม่เหมือนกัน คล้ายกันบ้างก็ได้ ดูเหมือนไม่คล้ายกันเลย แต่มันก็คล้ายกัน หรือมันก็มีส่วนที่เป็นอันเดียวกัน อยู่นั่นเองแหละ เราแยกแยะออกให้ได้ และเห็นให้ได้ เราก็จะไม่เห็นอะไรแปลก ไม่เห็นอะไรใหม่ ไม่เห็นอะไรแตกออกไป หรือว่าขยายออกไปด้วยนามธรรมเลย นามธรรมมีจุดๆเดียว เท่านั้นเอง คือ สูญ ว่าง วาง เปล่า เป็นประโยชน์อยู่เรื่อยๆ ตามฐานะของคนเกิดมาในโลก ก็เป็นประโยชน์แก่โลกเขา
เราจึงจะอยู่กับโลกเขาได้อย่างสบาย เมื่อเราเอง เราไม่ยึดตัวตนอะไรเลย เราจะอยู่กับใครยังไงๆ เราก็อยู่ได้อย่างสบาย เพราะเราเข้าใจชีวิตทั้งหมด สิ้นรอบทุกอย่างแล้ว.
*****