ธรรมปัจจเวกขณ์ (63)
5 พฤศจิกายน 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
ผู้สมองว่าง หรือว่าจิตใจปลอดโปร่ง ย่อมจะมองอะไรใสสะอาด และก็เห็นอะไรได้ดี เห็นได้กว้าง เห็นได้ชัด ฉลาดลึก เพราะมันเข้าใจ มันแทงลึก มันไม่มีอะไรวุ่นวาย มันมีอำนาจแห่งธาตุรู้ อำนาจแห่งปัญญา หรืออำนาจของจิตนั้นแรงกว้าง บางทีมีแต่อำนาจแรงเฉยๆ แต่ว่าไม่มีอำนาจรู้ชั้นเชิง ก็จะรู้เป็นหมู่เป็นกลุ่มเป็นก้อน ไม่รู้ละเอียด ไม่รู้ความลึกลับซับซ้อน ไม่รู้ชั้นรู้เชิง ก็เป็นการมองได้เห็นชัดเห็นแจ่ม เห็นเป็นตัวเป็นตน เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ว่าไม่รู้รายละเอียด ไม่รู้ความซอกแซกซอกซ้อนอะไรอยู่ เพราะฉะนั้น เราจะต้องมาหัดดูความซอกแซกซอกซ้อน ในสิ่งที่เป็นก้อนเป็นกำ เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นตัวใหญ่ๆนั้นหนะ มันมีตัวน้อยๆ ผสมอยู่ทั้งสิ้น
การบรรยายหรือว่าการใช้ภาษา ที่จะอธิบายถึงจิต จึงจะต้องเข้าใจ ทั้งตัวจิตที่มันเห็นชัด และตัวจิตที่มันเห็นละเอียด เห็นได้เล็กได้ซับซ้อนได้ลึกซึ้ง นั่นเป็นจิตที่เราจะต้องกระทำ ผู้คนที่สามารถกระทำจิตนี่รู้ได้แรง และก็รู้ได้ละเอียด รู้ได้ลึกซึ้งลึกซ้อน จึงเป็นผู้ที่มีความสามารถรู้ได้เก่งยอด และรู้แล้ว เราก็ต้องรู้จุดเป้าหมายของมนุษย์ด้วยว่า มนุษย์นี่จะสร้างอะไร ถ้ามนุษย์สร้างแต่ความใหญ่ สร้างแต่ความดัง นั่นก็เป็นอำนาจทางโลก โลกมีอำนาจโดยแรงกาย มีอำนาจโดยการแสดงออกทางกำลัง และกำลังทางกาย และก็ทางการใช้อาวุธ ใช้เขี้ยวเล็บใช้กำลัง ทับถมกันเฉยๆ นั่นก็เป็นความสามารถของสัตวโลก ที่ได้สร้างพัฒนาการกันมา พิสูจน์กันมานานแล้ว
ส่วนมนุษย์ที่สูงสุดนั้น ก็รู้แล้วว่าการชนะกัน ข่มขี่กัน การแพ้หรือการที่ไม่เอาเปรียบนั้น ต้องหันกลับ มนุษย์ต้องหันกลับไปสู่ความแพ้ สู่ความไม่เอาเปรียบ สู่ความเกื้อกูล สู่ความไม่โหดร้ายทารุณ เพราะว่าสัตวโลก เรียนรู้ในการที่จะข่มขี่ เอาชนะ แสดงอำนาจใหญ่โตเหนือเขา สัตวโลกเรียนมาแล้ว จนกระทั่ง รู้จุดสุดยอดแล้ว ทีนี้ตีกลับ ยอดยิ่งกว่านั้น คือ ทุกคนอยู่ด้วยกันให้ได้ ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมโลก ทุกคนเป็นสัตว์ที่จะเกื้อกูลเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือกันไปตามระดับๆ แล้วก็ร่วมกันสร้าง ร่วมกันก่อ ร่วมกันเป็นอยู่ นี่เป็นความรู้ชั้น.. ของมนุษย์ที่สูงยิ่งกว่านั้น และได้แน่ใจแล้วว่า การเหนือเขา การใหญ่กว่าเขา การสูงกว่าเขา การมีเรี่ยวแรง มีเขี้ยวเล็บ มีอำนาจเหนือกว่าใครๆนั้น มันก็เป็นแต่เพียงลักษณะ อยากใหญ่อยากโต อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ของมนุษยชาติ หรือของสัตวโลก แต่สัตวโลกมันใหญ่กว่ามนุษย์ลำบาก
มนุษย์นี่แหละ เป็นสัตวโลกที่ใหญ่ที่สุด มีอำนาจที่สุด แม้แต่ช้างที่ว่าสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ ก็ยังแพ้มนุษย์ทุกประการ เพราะฉะนั้น เรื่องของจิต ที่รู้แจ้งเห็นจริง เข้าใจถึงจุดที่คนปรารถนามุ่งหมาย อันนี้แล้ว แล้วเราเอง เราไม่จำเป็นที่จะไปหลงใหลในเรื่องนี้ เราก็จะเป็นผู้ที่สอนทันที ในจุดที่สูงกว่านั้น คือจุดที่ให้มนุษย์เกื้อกูลกัน สัตวโลกเกื้อกูลเอื้อเฟื้อกัน รู้ความจริงที่มันจำเป็น เป็นปัจจัยของ การเกิดขึ้นและการทรงอยู่ และการดำเนินชีวิตไปด้วยดี ไม่มีการแก่งแย่งเบียดเบียน ทารุณโหดร้ายฆ่าแกง มีแต่การช่วยเหลือเฟือฟาย และรู้ความสำคัญ รู้ความจำเป็นของ การดำเนินชีวทัศน์-โลกทัศน์ ทั้งหลายแหล่ อันนี้เป็นความรู้ชั้นสุดยอด
ใครรู้แล้วก็เริ่มต้นมาทำงานนี้ ใครยังไม่รู้ เขาก็จะทำสิ่งที่คิดว่าเหนือแล้ว เขาอยากจะรู้ยิ่งที่เขาอยากได้สัมผัส อยากจะรู้อีกทีหนึ่ง โดยไม่พอใจไม่สมใจ จะต้องพยายามรู้ ให้สัมผัสได้มากกว่านั้น เขาก็ดิ้นรน ไปในทิศทางที่เขาต้องการ อย่างนั้นเอง พวกเรามาเรียนรู้จุดสงบ จุดระงับ จุดสบาย และมาเรียนรู้สัจธรรม ในความเป็นมนุษย์ ที่เกื้อกูลเอื้อเฟื้อช่วยเหลือเฟือฟาย ไม่ใช่ไปเอาชนะคะคาน ด้วยกำลังอำนาจ หรือว่าเขี้ยวเล็บอาวุธต่างๆ เพราะเรื่องเหล่านั้นหนะ ก็ได้แต่การแข่งขันกัน
ผู้ใดมีอาวุธเหนือ ผู้ใดมีเขี้ยวแหลม ผู้ใดมีกำลังแรงกำลังมาก มันก็ใช้ได้ ถ้าเราอยากจะเป็น เราก็ไปฝึกปรือเอา มันก็ได้ แต่ในเรื่องการใช้ปัญญา การลดราวาศอก ที่ไม่ต้องอยากใหญ่ แต่ให้มันใหญ่ โดยทุกอย่างใหญ่พร้อมๆกัน เกื้อกูลอุ้มชูกันไป เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าคนทั้งโลก ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยสุจริตใจทั้งโลก โลกนี้จะเจริญ และไม่แตกสลายง่ายเลย เป็นนิรันดร แต่โลกนี้มันก็จะแตกสลาย เพราะความไม่รู้ของคนอย่างนี้แหละ เพราะฉะนั้น เราก็จะต้องพยายามปราบปรามคนที่ไม่รู้ หรือว่าพยายามแก้ไขปัญหาของคนที่ไม่รู้ ให้เขาเข้าใจปัญญาที่ดียิ่งกว่า สูงยิ่งกว่าอันนี้ให้ได้ เรามีหน้าที่และเราก็มีความสบาย เราไม่ต้องไปแก่งแย่ง ใช้อำนาจใช้อาวุธ ใช้วัตถุอะไรต่ออะไร ที่จะมาแสดงว่าเราเก่ง เพราะสิ่งเหล่านั้นหรอก เราแสดงว่าเราเก่ง เพราะปัญญาอันรู้ปัจจัยที่สำคัญ และก็อยู่อย่างง่าย อย่างเบา อย่างประหยัด และอย่างมีประโยชน์สูงสุด ให้ได้ก็พอแล้ว.
*****