ธรรมปัจจเวกขณ์ (72)
15 พฤศจิกายน 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
ความรู้สึกที่เราได้เข้าใจ ที่เราได้เกิดปัญญา เรารู้ว่าอะไรดี เรารู้ว่าอะไรชั่ว โดยสามัญสำนึกธรรมดา เราลองเทียบเคียงดูว่า ชีวิตของเราที่เป็นไปทุกวันนี้ๆๆ เราได้มีการฝึก ได้มีการกระทำตน ละ-หน่าย-คลาย โดยเรารู้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า เราละ-หน่าย-คลาย มานี่ ดีกว่าที่เราจะไปหนัก ไปติดไปยึดไปหลงเสพย์หลงวุ่นวาย แสวงหา ให้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้ทำอย่างนี้อยู่แล้ว เราก็ยังมีผลของมันอยู่ แม้มีประมาณน้อย เราก็มีจริงรู้จริง ถ้าเราได้พากเพียร ได้พยายามอยู่ ก็จะมีมากขึ้นเห็นชัด เราได้ทำเพิ่มขึ้นๆ เป็นความก้าวหน้า ถ้าเผื่อว่าเราจะได้เห็นให้ชัดเจน ให้เด่นขึ้นไป แล้วพูดอย่างที่เรียกว่า เทวตานุสติ คือคำนวณถึงสภาพจิตที่ดี มองเพ่งไปในทิศข้างหน้าเป็นอนาคต ถ้าเราได้ทำอยู่อย่างนี้ไปอีกห้าปี ไปอีกสิบปี เรานึกย้อนไปถึงอดีต เป็นสิ่งที่ได้ผ่านมาแล้ว เป็นสิ่งที่เราได้ทำมาแล้ว แม้เราทำมา ยังไม่ถึงห้าปี ยังไม่ถึงสิบปี เราก็มีผลเห็นปานนี้ เราก็มีความดีเห็นปานนี้ เราต้องพยายามเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ชัด มันจะเกื้อกูล มันจะช่วยอุดหนุนเป็นอุปการะ ทำให้เราเองนี่คิดเห็นดี คิดหวังดี คิดมีน้ำใจที่จะกระตุ้นเตือน ให้เรานี่พยายามเพิ่มขึ้น ช่วยเหลือกระตุ้น ให้เรามีแรงมากขึ้น ที่จะกระทำดีอันนั้น แล้วก็ควรที่จะกระทำดีจริงๆ ไม่ใช่คิดแล้วก็เอาแต่ คิดเห็นว่าจะดี แล้วก็น้อยลงไปหย่อนลงไป ก็ไม่เอา มันน่าปลื้มใจหรือน่าภูมิใจว่า เราน่าจะ… ถ้าอีกห้าปีข้างหน้า สิบปีข้างหน้า เราได้กระทำอยู่อย่างนี้ ตั้งหน้าตั้งตาพากเพียร มีปริยัติ เรียนปริยัติกัน ตั้งใจทำ ได้ร่วมพร้อมสามัคคีกระทำไป ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ด้านปฏิบัติได้ทำงาน มีประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน กอบกู้ศาสนา ทำงานเพื่อที่จะฝึกสอน เพื่อที่จะทำตัวอย่างแก่คน ตัวเราเองก็ดีขึ้น ใสขึ้นขาวขึ้น ละ-วาง-หน่าย-คลาย-เบา-บาง เป็นอยู่สบายมากขึ้นๆ มีอะไรดีกว่านี้อีก มันจะมีอะไรดีกว่านี้อีก มันไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น เราได้ตั้งหน้าตั้งตากระทำอย่างนี้ ก็กระทำกันเถิด ตรงแล้ว ถูกแล้ว ดีแล้ว และมีผล มีสิ่งที่เป็นจริง มีสิ่งที่เกิดจริง และเราก็ได้ทำไปเรื่อยๆ
ถึงบอก อย่าเบื่อหน่ายเลย ต้องเห็นให้ชัดว่า มันควรที่จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ควรจะกระปรี้กระเปร่า พิถีพิถันมากขึ้น ให้มันก้าวหน้า ให้มันดำเนินไปดี นี่เป็นการเสริมเพียร หรือเป็นการเสริมวิริยะ เป็นการให้มากขึ้น ให้เห็นด้วยศรัทธา เพราะปัญญาเกิด เราเห็นชัดๆ เข้าใจดีๆๆ เห็นดีเลยว่าเราไปสู่ดี เราก้าวหน้าไปหาดี เราเป็นไปอย่างแท้ เพราะฉะนั้น วันคืนที่ผ่านไป มันน่าจะได้มีดียิ่งขึ้น ชั่วโมงที่ผ่านไป นาทีที่ผ่านไป มันน่าจะเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้นๆ เพราะเราเห็นดีที่ทะลุตรง เป็นจริงชัดจริง แล้วก็เป็นผลสมคล้อยชัดเจนเลยว่า มันเบา สบายง่าย เจริญ แม้จะทำก็ทำด้วย ไม่กินแหนง ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่หนักหนาอะไร แม้มันจะหนักมันก็มีความไม่หนัก มันมีความไม่หนัก มันเป็นไปโดยความขยันดี คนอื่นเขาเห็นชัดเลยว่า เรามีเพียร เรามีความขยัน ที่ผมเคยพูดว่า มันไม่มีขยัน มันไม่มีขยันอะไรหรอก ผมพูดด้วยใจที่มันเป็น รู้สึกอย่างนั้นจริง แต่ทีนี้คนอื่นเขามอง เขาจะเห็นว่าขยัน เขาจะเห็นว่าตั้งใจ เขาจะเห็นว่า ทำได้มากกว่าคนอื่น ก็จริงอยู่ เพราะฉะนั้น ตัวเราเองเมื่อปลดปล่อยแล้ว เราจะรู้สึกว่ามันเป็นไปจริง มันง่ายมันสะดวกมันมาก มันก็ทำได้มาก เท่าที่เวลามี เท่าที่เหตุปัจจัยร่างกายอินทรีย์ หรือความชำนาญแคล่วคล่องมันมี มันจะมากเอง แล้วมันจะไปได้จำนวนมาก นั่นเรียกว่า เราก่อผลผลิต แล้วเราก็กระทำมาก ขยันมาก ด้วยเวลา และด้วยการกระทำ ด้วยบทบาทของเรา มันจะเกิดผลเอง
พยายามระลึกนึกย้อนที่พูดนี้ แล้วเอาไปคิดดู เอาไปมองให้ทะลุ เราไปมองให้เห็นเป็นประโยชน์ เป็นการอุปการะ หรือเป็นการสนับสนุนแก่การกระทำของเรา หรือพฤติกรรมของเรา ที่เราได้ศึกษาใฝ่เพียรนี้ มันก็จะส่งเสริมการศึกษา การทำตนให้ประเสริฐแก่เราเอง ได้สูงขึ้นๆ.
*****