ธรรมปัจจเวกขณ์ (76)
1 ธันวาคม 2519 ณ พุทธสถานสันติอโศก
ยุคคราวถึงสมัย สมัยใดก็ดี ที่จริงน่ะสมัยที่ไม่มีธรรม มันก็ไม่มีธรรม สมัยที่มีธรรมแล้ว มันก็มีธรรมะขึ้น ในกาละนี้ อย่างพวกเราเองเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เรารู้ว่าเราเองได้อันพึงได้ เราเองมีอันพึงมี เราได้จริงมีจริง เรารู้ว่าเราได้ธรรมแล้ว เราก็ต้องกตัญญูกตเวทีต่อธรรมะให้มาก พยายามช่วยเหลือเฟือฟาย เป็นยุคกาลสมัยที่เราจะเปิดเผยธรรมะ ช่วยสร้างธรรมะ ช่วยสร้างสรรธรรมะ จรรโลงธรรม เมื่อเราได้รับประโยชน์ตน ประโยชน์จากธรรม ตนก็ควรจะให้ผู้อื่นได้อย่างเราบ้าง แม้จะต้องขวนขวาย แม้จะต้องพากเพียร แม้จะต้องช่วยเหลือเฟือฟายหนักขึ้นบ้าง ก็อย่าได้อิดหนาระอาใจอะไร ต้องพยายามช่วยเหลือกันไป เราก็เดินทางไปสู่หลุมฝังศพ ซึ่งมันก็ไม่มีอื่น แม้เราอยู่เฉยๆ ก็ถึงหลุมฝังศพ แม้เราจะทำงาน ก็ถึงหลุมฝังศพ เราทำงานมากไป ก็อาจจะถึงหลุมฝังศพเร็วขึ้น ทำงานพอดี เราจะถึงหลุมฝังศพอีกนานหรือพอดี ถ้าเราทำงานน้อยไป ก็ถึงหลุมฝังศพเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเราทำงานน้อยไปแล้ว เราจะถึงหลุมฝังศพนานไป หรือว่ายาวขึ้น หรือว่าจะดีขึ้น ไม่ใช่ ! อะไรน้อยไปหรือมากไป ไม่มีมัชฌิมา ไม่พอดีไม่ลงตัว สิ่งนั้นเรียกว่าเสียหาย หรือว่าบกพร่องได้ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องพยายาม เท่าที่มันเป็นไปได้ ให้ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถ เท่าที่เราได้เข้าใจว่า ตัวเราเองไม่ทารุณตนเกินไป และก็ไม่ดูดาย ไม่เอาเปรียบเอารัดโลกเขา ถ้าพวกเราผู้ที่รู้อย่างนี้ ได้อย่างนี้เป็นอย่างนี้ ไม่ทำ มันก็ขาดเมตตา ขาดความเกื้อกูล ไม่เป็นธรรมอันสูงสุด ไม่มีเมตตาธรรมค้ำจุนโลก โลกอาศัยเมตตาอันนี้ เราจะต้องพยายามช่วยเหลือเฟือฟายกัน ช่วยไม้ช่วยมือกัน เราได้อยู่ในธรรมะชั้นต้น ชั้นกลาง ชั้นปลาย เป็นระดับๆอะไรมา ก็เป็นกุศลของเราแล้ว ที่เราจะได้แสวงหา เราได้พากเพียร เราได้กระทำมาจนแจ้งผล ได้ปรากฏผล ได้มีความจริงแล้วในสัจธรรม
เพราะฉะนั้น สิ่งนี้จงอย่าได้กลายเป็นผู้อกตัญญู หรือไม่กตเวทีเลย เมื่อได้แล้ว ก็ต้องรู้ในส่วนที่ได้แล้ว หรือก็พยายามให้สิ่งที่ได้แล้วที่ดีนี้ มันยั่งยืน หรือมันยังถาวร มันมั่นคง มันติดต่อสืบเนื่องเกิดอยู่ อย่าให้มันสูญหาย ส่วนสิ่งที่ไม่ดีนั้นก็ดับสูญไป นั่นก็ถูกแล้วหละโดยธรรม เราก็ต้องพยายามดับส่วนไม่ดี และก็พยายามสืบส่วนที่ดีต่อไปเทอญ.
*****