610715_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ความจนคือจุดหมายอันประเสริฐที่สุดของมนุษย์
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://drive.google.com/open?id=1DXse52HpSO7MncaVzrletQCtVQ7bo5cGby0UYzzHsPk
ดาวโหลดเสียงที่..https://drive.google.com/open?id=1YZztXb7BBnYoyyrgZ5of3p2q3t4tNPOG
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้ก็มีข่าวมรณานุสติ ของชาวอโศก ที่ต้องเสียชีวิตไปอีก 1 ท่านก็คือ เขาจะเรียกว่าหลวงตาพรหมจริโย อายุ 82 ปี เกิดเมื่อ วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2479 บวช 15 มิถุนายน 2523 บวชมาได้ 38 ปี และเป็นโรคหลายโรค อายุมากแล้ว เพิ่งคุยโทรศัพท์ ภันเตติกขะเมื่อวันพุธ ถามว่าเป็นอย่างไรก็บอกว่าอยู่วันต่อวัน คือวันนี้รอดก็รอดวันนี้ไม่รอดก็ตาย ภาวะร่างกายมันทรุดโทรมไปมากแล้วด้วยโรคต่างๆ หลวงตาพรหมก็เป็นสมณะที่ใจดีมีความเมตตา เรียกว่า งานที่หลวงตาพรหมไปมากที่สุดคืองานศพ ไปตลอด เป็นคนที่อดทนต่อทุกขเวทนา เจ็บปวดอย่างไรก็ไม่บ่น ทนเอา ผลงานที่ราชธานีอโศกก็คือเรือ ที่ท่านช่วยขนมา จนเป็นบ้านราชเมืองเรือ เป็นคนหนึ่งที่ประพฤติพรหมจรรย์มาตลอดชีวิต มรณภาพไปแล้ว ก็คงจะเผาที่ปฐมอโศกหรืออย่างไร ได้ข่าวว่าตอนนี้โรงพยาบาลรับร่างกายไปแล้ว เพราะหลวงตาพรหมได้บริจาคร่างให้โรงพยาบาล ก็ไม่ต้องมีงานเผา
ในสังคมประเทศไทยเราจะเห็นได้ว่ามีการแสดงออก แสดงให้เห็นว่าคนไทยมี DNA ของพุทธเป็นโลกุตระอยู่ในอนุสัย เมื่อมีผัสสะก็แสดงออกให้เห็น ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคตก็มีคนแสดงออกมา ตอบแทนสิ่งที่ท่านทำอย่างไม่หวังผลตอบแทนให้แก่ปวงชนชาวไทย มีการรับสมัครจิตอาสา ตอนนี้ก็ไปช่วยทำความสะอาด 5 ส. ที่ถ้ำหลวง
พ่อครูมาพาทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อผู้อื่น เป็นพระโพธิสัตว์ ที่บำเพ็ญบารมีมา กว่าจะมาเป็นพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผ่านการบำเพ็ญมาอย่างนับไม่ได้ ยาวนานมาก เราก็มาฟังพ่อครูให้เกิดผลกับตัวเรา ท่านมาแสดงธรรมให้มนุษยชาติได้พ้นภัยไม่มากก็น้อย
พ่อครูว่า…ก็ต่อจากที่ท่านฟ้าไทได้เกริ่นพูดไปแล้ว อาตมาพูดความจริง ทุกอย่าง มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมไม่ได้มีอะไรแฝงซ่อน ที่กล่าวที่พูดไปทุกอย่าง เป็นเรื่องสัจจะเป็นความจริง ที่กล่าวออกไปบอกแก่สังคม บอกแก่ใครๆก็ตาม แล้วมันเป็นเรื่องที่บอกความจริงอันนั้นไปแล้วมันแสลงหูแสลงใจ ของคนที่เขายึดถือว่า อย่างนี้ไม่ควรบอก หรือเรื่องนี้บอกไม่ได้ เรื่องอย่างนี้ผิดกฏผิดหลักเกณฑ์ ผิดธรรมวินัย อะไรต่างๆ ซึ่งอาตมาก็มั่นใจว่าอาตมาไม่ได้ผิด โดยเฉพาะไม่ได้ผิดสัจธรรม ส่วนเขาจะบอกว่าผิดกฎผิดหลักเกณฑ์ ถ้ากฎหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าอาตมาก็มั่นใจว่าอาตมาไม่ผิด แต่ถ้าเป็นกฎหลักเกณฑ์ของคนที่บัญญัติขึ้นมาใหม่ อาจจะผิด จากคนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ก็ไม่ตรงกับสัจจะ ซึ่งเป็นสัจธรรมแท้ๆของพระพุทธเจ้า
อาตมาก็ไม่ได้ว่า จะไปฝืนหรือว่าไปแย้งกับที่เขานิยมนับถือกัน ก็รู้อยู่ว่าคนที่เขานับถือเชื่อถือกันอย่างนี้ อาตมาก็ไม่ใช่ไม่รู้ รู้ แต่อาตมาเจตนาจงใจที่จะกล่าว เพื่อให้เห็นว่าที่เขายึดถือกันนั้น แค่ยึดถือว่า อรหันต์ประกาศตัวไม่ได้ แล้วอาตมาก็ประกาศว่าเป็นโพธิสัตว์นี้เหนือกว่าอรหันต์ต้องเป็นอรหันต์ก่อนจึงเป็นโพธิสัตว์ แต่เขาเข้าใจว่าพระโพธิสัตว์นั้นไม่ใช่พระอาริยะเป็นพระอาริยะไม่ได้ โพธิสัตว์ถือว่าเป็นผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่เกี่ยวกับโสดาบันสกิทาคามี จะบำเพ็ญแต่ความดีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ไม่รู้จักโสดาฯสกิทาฯ อนาคาฯ แล้วจะไปทางไหน ไม่ไปทางอาริยะไม่ไปทางนิพพาน ไม่หาโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์เลย จะเป็นทางสูงสุดพระพุทธเจ้าเลย นี่คือความคิดที่ผิดพลาด
สมณะฟ้าไทว่า..ไม่รู้ทางเดินแต่จะไปให้ถึงอย่างไร
พ่อครูว่า…ไม่มีทางเดินแต่จะไปให้ถึงอย่างไรจะเหาะไปถึงดาวอังคารหรืออย่างไร ตลก
ซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่เข้าใจไม่ได้ เข้าใจผิดเพี้ยนไปไกล ไกลกว่าสัจธรรมความคิด หมด หมดเลย
อาตมาอธิบายเรื่องศีลเขาก็ไม่รู้จักเรื่องศีล เขาบอกว่าศีลมี 227 เมื่อกล่าวถึงจุลศีลมัชฌิมศีล มหาศีลก็ไม่รับกันเลย ดีนะยังมีในพระไตรปิฎก เขาก็เถียงไม่ได้ แต่เขาก็มีร่องรอยศีลข้อ 1 อย่าฆ่าสัตว์ ศีลข้อ 2 อย่าลักทรัพย์ ศีลข้อที่ 3 อย่าไปออกนอกรีตนอกราวเรื่องกาม ศีลข้อ 4 อย่าพูดปด ศีลข้อที่ 5 ยาเสพสิ่งเสพติดก็พอรู้ แต่เขาก็ไม่รู้แล้วว่ามาจากจุลศีล 26 ข้อ อย่างนี้เป็นต้น
แล้วศีล ปฏิบัติอย่างไร ปฏิบัติแล้วจะได้เกิด อธิจิตหรือสมาธิอย่างไร ไม่รู้อีก ศีลก็ไปปฏิบัติที่กายวาจา แต่ใจไม่เกี่ยวกับศีล ใจจะเป็นสมาธิก็ต้องไปนั่งหลับตา แยกกันกับศีลแล้ว เป็นความซวยที่เข้าใจผิด ก็เลยไม่ได้มรรคได้ผลอะไรเลย อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ ถ้าเขาไม่เชื่อถืออีก พูดไปเถอะเขาก็ไม่เชื่อ ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ ยิ่งพูดหมื่นยิ่งพูดแสนก็ไม่เชื่อ อาตมาก็ว่า ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ ไม่เป็นไร คนเชื่อก็ยังมี
มีอยู่จำนวนหนึ่งที่รับได้ นอกนั้นภูมิปัญญาของเขารับไม่ได้ อันนี้ก็เป็นสุดวิสัยของอาตมา อาตมาจะไปแสดงธรรมที่ไม่ใช่โลกุตระ ไม่ใช่สาระสัจจะของพระพุทธเจ้า อาตมาไม่อยากไปเสียเวลา ไม่มีเวลา เพราะมันไม่ใช่เรื่องไม่ใช่สาระที่พระพุทธเจ้าจะพาคนมาเป็นมามี ไม่เอา แล้วสัจจะที่อาตมา สรุปไปเน้นไปคือ
การปฏิบัติธรรมของพุทธเจ้านั้นจะต้องเป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อการลดละเลิก ไม่ไปสะสม อปจยะ ไม่สะสมลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อะไรเลย ไม่ไปสะสม มันเป็นของโลก จะไปสนใจก็ไม่ไปติดใจ มันมีก็มีของมันเองเป็นธรรมดาธรรมชาติ มันมีก็อาศัยใช้สอยไปตามเหมาะควรแต่ไม่สะสม ไม่ติดยึด
มันจะมา หรือคนจะมายัดเยียด ให้มันเป็นของเรา เราก็อนุเคราะห์ ทาน ก็ฉลองศรัทธา เมื่อมีคนอยากให้ แต่เราก็ไม่ได้ยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา เรารับแต่ว่าไม่ใช่ของเรา เขาก็ไม่เชื่อ แล้วรับทำไมเขาบอกอย่างนั้น แล้วบอกว่าไม่ใช่ของเรา เขาก็ดูตามรูปธรรมเท่านั้นเอง เรารับมาแต่เราไม่ได้ยึดว่าเป็นของเรา รับเข้ามาเพิ่มมาบริหารให้เกิดประโยชน์คุณค่าเป็นประโยชน์ให้ยิ่งขึ้น ให้ยิ่งงอกเงย ให้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่นให้มากขึ้น
คุณมาโยนเมล็ดข้าวเปลือกมาที่นี่ 1 เม็ด ที่นี่จะงอกข้าวเปลือกไปให้คุณล้านเมล็ด มันเป็นอย่างนั้น แต่คนก็ไม่เชื่อถือว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วงอกเป็นล้านเมล็ดนี้ เราไม่คิดว่าเป็นของเราด้วย มีแต่จะสะพัดให้คนอื่น เราก็อาศัยกินใช้ในล้านเมล็ดนี้บ้าง จะกินเท่าไหร่กันเชียวนอกนั้นก็สามารถออกไป จากนี้คือความเจริญ คือตัวเองนั้นมีส่วนผลิตมีส่วนสร้างสรรได้มากได้เกินแก่ผู้อื่น มันจึงเป็นคนที่ไม่ได้เป็นภาระสังคม ฉุดสังคม ไม่ได้เป็นความหนักหนาเหน็ดเหนื่อยของสังคมส่วนอื่นๆของเขา ส่วนอื่นๆก็ไม่ได้ลำบากลำบนกับเราเลย เราก็ไม่ไปเบียดเบียนเขาด้วย เป็นคนที่เจริญสูงสุดแล้วของพระพุทธเจ้า
สรุปผลว่า คนแบบนี้จะเป็นคนอย่างไร เอาวรรณะ 9 มาจับ ก็คือมาเป็นคนจน สุภระ เลี้ยงง่ายอยู่ง่ายไปง่ายมาง่ายกินง่าย สุโปสะ จะทำให้เป็นคนเจริญพัฒนาไปได้ง่ายๆ สะดวก ว่านอนสอนง่าย ศึกษาได้เก่งได้เร็ว เป็นคนที่มักน้อย หรือกล้าจน หรือไม่ต้องการมาก มีน้อยๆก็พอ เป็นคนพอ สันตุฏฐิ หรือสันโดษ น้อยก็พอ มีเท่าไหร่ก็พอ ไม่ต้องกินอะไรมากมาย แต่ไม่ได้ขี้เกียจ โดยเฉพาะทั้ง 9 ข้อนี้ ข้อสุดท้ายเป็นข้อที่ยอดขยัน เป็นคนใจพอเป็นคน สัลเลขะ ขัดเกลาสิ่งบกพร่องของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ส่วนใดที่ไม่ดีส่วนใดที่บกพร่องส่วนใดที่ยังไม่เจริญ ขัดเกลา ส่วนที่ไม่เจริญไม่ดีเหล่านั้นออกไป เป็นคนมีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติ ธูตะ หลักเกณฑ์คือ ศีล คือข้อปฏิบัติไปตามลำดับๆๆ จึงมีอาการที่น่าเลื่อมใส ปาสาทิโก เป็นอาการที่ถูกขัดเกลาแล้วพัฒนาแล้ว อาการที่ดีที่น่าชื่นชมน่าเคารพยกย่องนับถือหน้าเลื่อมใส
สรุปผลยอดที่เป็นคนไม่สะสม อปจยะ กับวิริยารัมภะ คือสุดยอดของมนุษย์เป็นคนไม่สะสม มีการสร้างสรรไปขยันเสมอ ปรารภความเพียร สร้างสรรสิ่งที่มีปัญญาสร้างสรรเลือกสร้างด้วย สร้างสรร ของอาตมา ถึงไม่มี ค์ ตัวสรรค์แปลว่าสร้างทำ ส่วน สรร ไม่มี ค์ แปลว่าเลือกเฟ้น มีปัญญาเลือกแล้วก็ทำ ไม่ใช่สร้างตะพึด ผิดถูกก็สร้างไปประพฤติ ไม่มีปัญญาวิจารณญาณในการเลือกเลย ก็ต้องเลือกก่อนที่จะสร้าง สร้างโดยไม่คัดเฟ้นเลย สร้างสิ่งที่ไม่ควรสร้างไม่เอา
สร้างสรร ของอาตมา ถึงไม่เขียน ค์ ก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่า ได้ผ่านการสร้างสรร ที่ไม่มี ค์ จึงจะเขียน สร้างสรรค์ ที่ใช้ ค์ ได้ อาตมาถึงจะเขียนอย่างนั้น
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ทำให้คนให้มาจน ไม่ใช่ทำให้คนไปรวย อาตมาพาคนให้มาจนได้สำเร็จจึงเป็นชาวอโศก เป็นสังคมคนจนที่สำเร็จแล้ว ก็อยู่ในประเทศ อยู่ในดินแดนไหนก็แล้วแต่ ก็ไม่เดือดร้อนไม่เบียดเบียนใคร มีแต่สร้างสรรค์ช่วยเหลือเฟือฟายมนุษย์อยู่ เกื้อกูลผู้อื่น ถ้าตัวเองพอแล้ว สร้างสรรกินใช้อย่างอุดมสมบูรณ์พอเพียง นี่ดูสิ! ตกแต่งฉากด้วย สิ่งที่น่าอวดอ้าง มีแต่ของน่ากินน่าใช้ น่าบริโภค มันสวยงาม อุดมสมบูรณ์ บริบูรณ์ ทั้งนั้น
อาตมาสังเกตเห็นใบทองหลางที่มารองผลไม้ ว่าจะหยิบมาโชว์ ใบใหญ่มาก ใหญ่กว่าหน้าอาตมาอีก ไม่ใช่ใบสักนะ แต่มันอุดมสมบูรณ์ตัวใหญ่ได้มาก เกินกว่าสามัญ ที่เขาทำได้ หัวเผือกนี่ ยังไม่ได้เป็นหัวใหญ่นะกำลังตั้งต้น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ชาวอโศกปลูกมันเหมือนกับจะแกล้งโต ทั้งปริมาณและคุณภาพพร้อมสรรพ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดอย่างฟลุ๊คๆ แต่เกิดจากเหตุปัจจัยที่คนมีใจดีมีน้ำใจมีความรักต่อสิ่งเหล่านี้ มันก็ดีทุกอย่าง มันก็เป็นไปด้วยความใส่ใจ โดยไม่ต้องเอาอะไรมาเสริมเติมไม่ต้องเอาสารเคมีเอาปุ๋ยเร่งมาใส่ ไม่ต้อง ใช้ธรรมชาติปุ๋ยธรรมชาติ หรือแม้ใช้ปุ๋ยธรรมชาติมันก็โตมันอุดมสมบูรณ์
ที่อาตมาพูดพาดพิงสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้เห็นว่าชีวิตคนต้องการอะไร ชีวิตของคนต้องการสิ่งที่เอามาอาศัย แต่ทุกวันนี้คนมันโง่ ไปอาศัยเศษกระดาษที่เขาปั๊มเป็นสีขึ้นมา ไปพึ่งพาอาศัยอันนั้น แล้วก็อยากได้อะไรก็เอาอันนี้ไปเป็นแก้วสารพัดนึกไปซื้อไปแลกเอามา คนก็ยอม โดยไม่มองว่าคุณอยากได้อะไรคุณก็สร้างอันนั้น แต่ไปเอาธนบัตร ถ้าหากคุณขาดธนบัตรคุณก็ตาย จึงเกิดสงครามแย่งธนบัตร การที่จะมาสร้าง แย่ง สร้างสิ่งจำเป็นขึ้นมา พวกชาวอโศกไม่ไปแย่ง เอาเวลาแรงงานทุนรอนมาสร้างสิ่งเหล่านี้ ธนบัตรก็เลยไม่มีความหมายเท่าไหร่ เพราะว่าเราได้สิ่งที่เป็นตัวแท้ของสิ่งที่คนต้องอาศัยธาตุ ธนบัตรไม่ใช่สิ่งอาศัยแท้ๆ อาศัยอันนี้แท้จริงกว่า พวกเราก็เลยถึงจุดซาโตริ อ๋อ หลงโง่มาตั้งนานไปแย่งธนบัตรที่เขาหลอกว่าจะได้ทุกอย่าง ได้ทุกอย่างคุณจะได้ขี้หมาขี้หมูอะไรไม่รู้แล้วเถอะ เสร็จแล้วก็ใช้ธนบัตรไปแลกสิ่งที่เขาหลอกปลอม เป็นสวรรค์เก๊ เป็นเพชรนิลจินดาเก๊ เป็นของเก๊ ขี้หมาทาสีปรุงแต่งเอาเงินไปแลกมา ไม่มีประโยชน์เป็นภาระเป็นพิษภัยด้วยแต่เขาไม่รู้ นี่คือคนฉลาดน้อยหรือว่ามันโง่ ฉลาดน้อยลงๆ โง่ขึ้น
โง่ขึ้นๆๆๆ ฉลาดน้อยลงๆๆๆๆ จนกระทั่งหมดความฉลาด แต่โง่ไม่ยอมหยุด หมดความฉลาดไม่เหลือ แต่ความโง่นี้บานเป็นปากกรวย โง่ต่อไปและต่อไป ….บรรยายเห็นภาพพจน์ไหม ชัดเจน
สิ่งที่เราต้องการนั้น
มันไม่ใหญ่โต
อัครฐาน อะไรดอก !
ชีวิตง่ายๆ ถูกๆ ขยันๆ
รู้จักพอดี
มีความซื่อสัตย์ มีเมตตา
เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเสมอๆ
ชีวิตเหมือนดอกหญ้า
แต่มันใหญ่ยิ่ง
เป็นมหาพลังเย็นโอบอุ้มโลก
และคือการเข้าถึง
โลกใหม่ (ปรโลก) ได้แล้ว
~สมณะโพธิรักษ์~
ชีวิตเรานี่แหละ ชีวิตที่ไม่ต้องใหญ่โตอัครฐานอะไร ชีวิตง่ายๆถูกๆ ขยันๆมีความซื่อสัตย์ มีเมตตาสร้างประโยชน์เพื่อมวลมนุษยชาติ
คนที่ถึงจุดสำเร็จ จะเป็นคนจน ถ้าคนที่จะมุ่งหวังแต่รวยไม่จบ ไม่มีวันสำเร็จจะเอาแต่รวยไม่มีวันสำเร็จ แต่คนที่มาจน จะสำเร็จ เพราะ คนจนได้ถึงที่สุดคือ สูญ ไม่มีตัวตนแล้ว คนที่ถึงที่สุด จนได้ประสบความสำเร็จมีที่จบ แต่คนรวยไม่มีที่จบ
ในหลวงของเรารัชกาลที่ 9 ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ที่อาตมากล่าว มีหลักฐานยืนยัน ถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์ท่านจะไม่ตรัสอย่างนี้เลย ท่านตรัสว่าประเทศเราจะต้องเป็นประเทศที่จนท่านไม่ได้ตรัสว่าให้มาจนทีเดียว แต่ท่านตรัสว่าไม่รวย และไม่อยากจะเป็นประเทศแบบนั้นด้วย พอเป็นประเทศแบบนั้นมันไม่ก้าวหน้ามันถอยหลัง และถอยหลังอย่างน่ากลัวด้วย เราไม่เอาอย่างนั้น ท่านมีพระปรีชาญาณอย่างนี้ ในโลกหลายร้อยประเทศมีประเทศไหนมีผู้นำที่กล่าวอย่างนี้ไหม หาได้องค์เดียวอยู่ในโลกที่กล่าวอย่างนี้ เป็นผู้นำและกล่าวอย่างนี้มีพระองค์องค์เดียว ข่าวอย่างชัดๆ ไม่ได้เบาๆด้วย เต็มๆไม่ยึกยัก กล่าวเต็มๆ ทำเต็มที่
ได้อย่างขยายผลอีกว่าประเทศต้องมาประเทศแบบคนจน ต้องปกครองแบบคนจนมาเป็นคนขาดทุน อย่าไปเป็นคนเอากำไร มาเป็นคนขาดทุนซึ่งมันซ้อน คนจะขาดทุนได้ด้วยการเป็นสุขไม่ได้มีความทุกข์ คือ ตัวเองต้องมีพอที่จะเป็นขาดทุนโดยตัวเองไม่เดือดร้อน แล้วจะเอาอะไรมาขาดทุนให้กับสังคม ก็ต้องเอาของตนเอง ไปเอาของคนอื่นมาก็เป็นหนี้ตาย คนอื่นเขาเอาเราตาย ก็ต้องเอาของเรา เพราะฉะนั้นก็เป็นภาคบังคับเลยว่าคุณจะต้องมีพอที่จะได้ไปขาดทุนนะ
ขาดทุนคือคุณให้คนอื่นไป คิดอย่างเศรษฐศาสตร์โลก คนขาดทุนได้เพราะมีทุนแลกคืน ถ้าเท่าทุนก็เท่าทุน ถ้าคุณไม่ได้คืนมาก็เรียกขาดทุน หากคุณให้เขาไปแล้วได้เกินมากว่าก็เรียกว่ากำไร แล้วภาษาคำว่ากำไร เป็นสิ่งที่น่าเกลียดเป็นความชั่วโดยสภาวะ แต่คุณไปชอบใจ คนไปชอบใจกำไรว่าเป็นสภาวะที่ ถือว่าเจริญ นี่คือความสับสนของความรู้ของคน ตรงนี้แหละที่เรียกว่าโง่ ที่เรียกว่าอวิชชาไม่รู้ความจริงตามความเป็นจริง
คุณไปเอาเปรียบเขา แทนที่คุณมีมาก คุณกินใช้ก็เหลือก็พอ คุณจะให้เขาก็ยังได้เลย แต่คุณก็ไม่ให้ ให้ก็ให้อย่างต้องได้สิ่งแลกเปลี่ยนกลับมามากกว่าเดิมอีก เกินกว่าทุนอีก นี่คือวิธีคิดของคนที่โหดร้ายคนชั่วหนัก ใครยังคิดแบบนี้อยู่ชั่วทั้งนั้นโหดร้ายทั้งนั้น นี่พูดความจริงนะอาตมาไม่ได้ด่าใคร ที่อาตมาพูดนี้คือสัจธรรม คือสิ่งที่ถูกต้องดีงามให้ศึกษาแล้วปฏิบัติ
อาตมาทำงานมาถึงทุกวันนี้แล้ว อาตมาดีใจอยู่ว่าได้ทำงานสำเร็จพวกเราปฏิบัติได้ พวกเราปฏิบัติถูกต้องตามสัจธรรมเช่นนี้ อาตมาก็จบกิจ อาตมาทำงานทุกวันนี้อาตมาทำงานไปอีกเกือบ 50 ปีแล้ว อาตมาประเมินผลตัวเองแล้ว ว่าประสบผลสำเร็จแล้ว ที่อาตมาบอกว่าประสบผลสำเร็จ คือพวกคุณมีโครงสร้างมีทฤษฎีมีหลักเกณฑ์ แต่ละคนเข้าใจและแต่ละคนก็ประพฤติตามนี้ได้ เป็นค่าย เป็นคณะ เป็นกลุ่มที่ปฏิบัติตรงตามทฤษฎีนี้แล้ว อย่างเที่ยงแท้ถาวร เสถียรแล้ว อาตมาก็ถือว่าอย่างนี้คือสำเร็จแล้ว 1.ยังไงๆ ปัญญาก็เห็นว่าทางนี้ดี 2. พลังจิตเจโตมันก็ทำอย่างนี้ได้ ก็อุภโตภาควิมุติแล้วสำเร็จ
ยังไม่ถึง 50 ปีอาตมาก็ทำงานสำเร็จ ต่อจากนี้ก็ทำให้ยิ่งขึ้นไปอาตมาจึงสร้างหลักเกณฑ์ทฤษฎีนี้ ให้ปฏิภาคทวีขึ้นเรียกว่าสัมประสิทธิ์ หรือ coefficient
ในรูปธรรมสำเร็จแล้วซ้อนให้มันมีปฏิภาคทวีทับทวีขึ้นไปอีก ที่เป็นนามธรรมที่อาตมาเทียบ ไอน์สไตน์ค้นพบ E=mc2 อาตมาก็ทำ + A สำเร็จ อาตมาก็ทำ + ให้กลายเป็นยกกำลัง C จะบวกไปร้อยตัวพันตัวหมื่นตัวก็ตามใจ มันก็มาเป็นคูณเป็นยกกำลังไปคือ C นี่คือสูตรหรือทฤษฎีที่อาตมาทำมาต่อ แล้วก็ได้เป็นผลแล้ว มีแต่ว่ามันจะมีอะไรที่จะทำให้มันกระทัดรัด ให้มันเข้ารูปเข้ารอยได้ดี มีตัวนี้อีก ให้มัน Practical ก็ทำอยู่ให้มันดีขึ้น
ที่อาตมาหยิบคำตรัสของในหลวงมายืนยันทุกวันนี้ เพราะในหลวงตรัสแล้ว มันเป็นคำที่ยิ่งใหญ่เป็นผู้นำประเทศ เป็นผู้ที่คนอื่นยอมรับนับถือและยกให้ อย่างอาตมาเป็นเศษดินเศษหินพูดไปคนก็ไม่ยอมรับ ต้องเอาคนที่พูดแล้วตรัสแล้วมีค่า คนยอมรับนับถือเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็นับถือก่อนแล้ว
อาตมานี่ จริงอย่างไรก็ไม่รับง่ายๆก็ไม่มีประโยชน์ อาตมาถึงพูดถึง ว่าที่ท่านตรัสกับที่อาตมาพูดอันเดียวกัน อาตมาจึงบอกความหมายที่ในหลวงตรัส ก็เหมือนกับที่อาตมาพูด แต่คนจะรับได้มากกว่าที่อาตมาพูด อาตมามี เป็น อาตมาก็เอาของในหลวงมาพูด มาอธิบายคนจะได้รับได้มากกว่า
คนเข้าใจไม่ได้ก็หาว่าอาตมา โหนในหลวง เอ้า เขาก็ขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแก อาตมาไม่ได้โหน อาตมาหาองค์ประกอบที่จะเป็นประโยชน์ใช้ได้
สรุปง่ายๆ ในหลวงที่ตรัสว่า เราไม่ทำให้เป็นประเทศที่รวย ฟังได้ยาก คนในโลกในสังคม คนที่พัฒนาบริหารเศรษฐกิจในประเทศไทย ก็ไม่เข้าใจหรอก ว่าจะให้เป็นประเทศแบบคนจน แบบคนจนด้วย ท่านตรัสคำนี้ มาเป็นคนขาดทุน มันคือกำไร
ทำอย่างไรเราจึงเป็นคนขาดทุนให้กับสังคมได้โดยที่เราอยู่รอด สบายด้วยอยู่เป็นสุขด้วย อาตมายกตัวอย่างพวกเรา นี่ ยกตัวอย่างสิ่งถูก ก็เป็นคนจนแต่สร้างสรรให้แก่สังคมอย่างนี้ต่างหากมันจบ สังคมเราจบเป็น อยู่ได้โดยที่ว่าไม่เดือดร้อนไม่เบียดเบียนใคร เป็นประโยชน์กับเขาด้วย อยู่เย็นเป็นสุข จะอยู่ไปอีกกี่ล้านปีก็เชิญ ถ้าเผื่อว่าสภาพนี้ลงตัวแล้ว มันไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว Axiom สูงสุดบริบูรณ์เต็มที่แล้ว มันไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว อย่างนี้ดีที่สุดแล้ว อาตมาเลยบอกว่า อาตมานี่มาทำงานทุกวันนี้ ประสบผลสำเร็จแล้วเอาหลักฐานของพุทธเจ้ามาตรวจสอบ ตรงกัน ตรงกันหมดแล้ว
แม้แต่ที่สุด แต่มีหลักฐานในหลวงซึ่งท่านก็มีบารมีของท่าน อุบัติขึ้นมาในโลก แล้วท่านก็มาอยู่ในตำแหน่งนั้นก็ทำไปก็ดีแล้ว ท่านสอนคนก็ขานรับ พระจริยวัตรของพระองค์จริงๆก็เป็นสิ่งยืนยันไม่ใช่แต่คนไทยเท่านั้นที่ขานรับ คนเมืองนอกก็ขานรับ อาตมาก็มีศักดิ์ฐานอ้างอิงอะไรตรงกัน ท่านตรัส และทรงงาน อาตมาก็ทำงานของอาตมาตรงกันแต่เขาไม่เข้าใจ มันก็มีนัยยะที่ต่างกันอยู่บ้าง
ในหลวงทรงงานทรงพระจริยวัตรของท่านมีผลต่อประชาชนอย่างนั้น แต่ของอาตมา ทำกับประชาชนมีผลอย่างนี้ ต่างกันกับในหลวงตรงที่ว่า อาตมาเน้นจิตวิญญาณ แต่ในหลวงท่านเน้นทางวัตถุ ทางพฤติกรรมภายนอกเท่านั้นเอง ที่ต่างกันถ้าเข้าใจ อาตมาเน้นทางจิตวิญญาณทางความรู้ ลึก ไปหาสัจธรรมพระพุทธเจ้า แต่ในหลวงท่านจะไม่ทรงอธิบายธรรมะพระพุทธเจ้า แต่ท่านมีความรู้ของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ก็พากันปฏิบัติ โดยท่านทรงงาน ทรงพระจริยวัตรนำไป จนท่านสิ้นพระชนม์ ก็มีอย่างนี้หน้าที่ของท่าน
อาตมานี้ทำจิตวิญญาณเป็นนามธรรมยากกว่าที่ในหลวงทำ แต่มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ ถ้าใครเชื่อตามอย่างที่ท่านฟ้าไทกล่าวแล้ว ว่ามีโพธิสัตว์ 2 องค์ถ้าใครเชื่อ ในหลวงองค์หนึ่ง อาตมาองค์หนึ่งก็จริง มาถึงวันนี้แล้ว ใครไม่เชื่อจะหมั่นไส้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เป็นอย่างนั้น
เขาหมั่นไส้เพ่งโทษอาตมาก็บอกว่าเอาอีกแล้ว ตีกินอีกแล้ว ว่าตนเองเป็นธรรมิกราช 2 องค์ จริงๆแล้วเขาพยากรณ์ไว้ก็ไม่ใช่เรื่องลอยลม มันเป็นเรื่องจริง แต่คนไม่รู้ว่าอันนั้นคืออะไร นี่แหละคือสัมมาทิฏฐิข้อที่ 10 อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ
ถ้าใครเห็นว่ามี คนนั้นคือใครคือในหลวงกับโพธิรักษ์ ก็จะเป็นคน อัตถิโลเกฯ ก็จะได้ไป ในหลวงทางรูปธรรม อาตมาทางนามธรรม อาตมาทำไม่ได้มากเท่าในหลวงหรอกแต่อาตมาทำอย่างนามธรรม ไม่มีเศษเสี้ยวแห่งความอยากจะอวดตัวอวดตนในอาตมาเลย
ในโลกนี้ มีคนที่สุดยอดเท่านั้นที่จะสอนคนให้มาจน ตั้งแต่พระพุทธเจ้าท่านอุบัติขึ้นมาก็มาสอนให้คนเป็นคนจนและพาคนมาจน ไม่ใช่สอนให้คนไปรวย เขียนตำราให้คนไปรวยนั้นมี ไม่มีใครเขียนตำราให้คนมาจนนอกจากโพธิรักษ์ แล้วเขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นตำราด้วย อาตมาก็ไม่คิดว่าจะเป็นตำราเขียนให้คนอ่านออกรู้ได้เท่านั้นให้มาเป็นอย่างนี้ มาเป็นคนจน มาเป็นประเทศที่จน ผู้บริหารก็บริหารแบบคนจน คนที่ประสบความสำเร็จก็คือคนจน เพราะความจนคือจุดหมายอันประเสริฐที่สุดของมนุษย์และสังคมแม้แต่ประเทศ
มาเป็นคนจน สังคมคนจน ประเทศที่จน เป็นคนจนที่ประเสริฐอุดมสมบูรณ์ขยันหมั่นเพียรเป็นคนจนที่มีความรู้ รู้อะไร รู้ว่าอะไรควรสร้างอะไรไม่ควรสร้าง เช่น ไปสร้างอาวุธนี้ไม่ควรสร้างมันบาป คำว่าอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นปืนหรือระเบิดก็แล้วแต่ มันสร้างมาเพื่อฆ่าคน ไม่ได้สร้างเพื่อฆ่าช้างม้าอะไร อาวุธนั้นมันเจตนาฆ่าคน ใจมันอำมหิตขนาดไหน สร้างมาเพื่อให้ฆ่าคน อาตมาพูดแต่ความถูกต้องนะ อาตมาไม่ได้พูดความผิดเลย อาตมาว่าอาตมาฉลาดไม่พูดความผิด ใช่ไหม
ไม่ได้เจตนาสร้างมาเพื่อฆ่าช้างม้าวัวควายอะไร มันสร้างมาฆ่าคน ให้พิสดารอย่างหนักด้วย คนที่เจตนาสร้างอาวุธขึ้นมา เจตนาสร้างมาเพื่อให้คนมาฆ่าคนอย่างชิบหายตายห่า อำมหิตอย่างนั้นเลยใจคอของคน ต้องใช้ภาษาสื่อให้ชัดเจน คนทำไมใจดำใจอำมหิตโหดร้ายขนาดนั้น แล้วก็ยังไม่หยุดนะที่จะคิดจะทำอย่างนั้น อย่างเจ้าคิมเป็นต้น หรือแม้แต่ทางอเมริกา แม้แต่รัสเซียก็ตามจีนก็ตามตะวันออกกลางก็ตาม เป็นความสุดโหด
อาตมาคิดว่า มาทบทวนหรือมาพูดถึง เรื่องของสิ่งที่จะเกิดเป็นปฏิกิริยา ปัจจุบันนี้ สังคมปัจจุบันนี้ทุกวันนี้แนวโน้ม trend ของโลก มันเข้าใจนามธรรมหรือจิต ที่มีความเอื้อเฟื้อเจือจานช่วยเหลือเกื้อกูลเสียสละ มันสูงขึ้นมากแล้ว จิตชนิดนี้มันสูง มันเข้าใจได้มากขึ้น
แล้วจิตชนิดนี้มันค้านแย้งกับจิตคนที่คิดจะสร้างอาวุธ contrast กันเลย opposite คนละขั้ว ใช่ไหม คนละขั้วกันเลยกับที่มันเป็นจริงที่มันเกิดอยู่
เพราะฉะนั้นอาตมาจึงเห็นว่า เห็นจะต้องไปส่งเสริม ควรจะต้องมาเน้นย้ำ มาช่วยกันเชิดชู ให้คนมาทำเช่นนี้เถอะ ชาวอโศกทำกันอยู่แล้ว ทำมาตั้งแต่ต้นและจะยืนยันทำต่อไปทำอย่างนี้แหละ แล้วก็เต็มใจทำแบบนี้ อาวุธของชาวอโศกคืออะไร
สิ่งที่คนรู้ได้ก่อนคือ ความสงบ ชาวอโศกมาแสดงตนต่อสังคมประพฤติความสงบ เพื่อให้สยบความรุนแรง นั่นคือพฤติกรรมของชาวอโศก ได้ทำมาแล้ว และเป็นผลสำเร็จแล้วด้วย แต่เราก็ไม่ได้กบฏต่อความเป็นจริงนี้เลย เราก็แสดงความสงบนี่แหละ นิ่ง ใครเขาจะเอาระเบิดมาโยน ใครเขาจะเอาปืนมายิง เรานิ่ง นั่ง นอน สุดท้าย นิ่งนั่งนอนชนะ ระเบิดปืน คนกระเหี้ยนกระหือรือจะทำร้าย แพ้พ่าย พ่ายจะแจ หนีไปเลย หนีไม่ธรรมดาด้วย ทิ้งโล่ห์ทิ้งปืนไป เป็นความสงบสยบความรุนแรงได้เป็นปรากฏการณ์จริงของมนุษยชาติ เป็นสิ่งที่ยากที่สุดแล้ว ที่เราทำได้
เพราะฉะนั้นชาวอโศกเราจึงสร้างความสงบ อบอุ่น อยู่กันอย่างสามัคคี เป็นทิศทางเป็นสิ่งที่เราทำอยู่ทั้งวัตถุหรือพฤติกรรมความเป็นมนุษย์ไปในแนวโน้มอันนี้เลย เราก็ไปให้เขาขึ้นตัวหนังสือมา เราไปชุมนุมประท้วงเพื่อจะให้เกิดผลสำเร็จ โดยใช้บุญญาวุธ
สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น
เขียนขึ้นป้ายเลย ว่าเราใช้ บุญญาวุธ เป็นเครื่องประหารทั้งนั้นเลย
สันติก็เป็นเครื่องประหาร อหิงสา แปลว่า ยกโทษ อโหสิ
เป็นผู้สงบ ไม่รุนแรง(อหิงสา) Non violence ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น
เราใช้บุญญาวุธนี้ทำงานประสบผลสำเร็จ ทำงานปราบความรุนแรงความเลวร้ายที่จะเกิด เมื่อคณะรัฐบาลบริหารประเทศ มันเกิดแล้วเราก็ไม่เอา ไม่ให้ให้บริหาร ประท้วงด้วยความสงบด้วยอาวุธอย่างที่พูดนี้ ทั้ง 6 ประการนี้ ใช้ไล่มาเรื่อยเลย รัฐบาลนี้จะใช้แบบนี้เราเอาอาวุธ 6 ประการนี้ปราบสำเร็จด้วย
จาก รัฐบาล ทักษิณ สมัคร สมชาย อภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ จนจบหมด นี่คือ ประชาชนปฏิวัติ ด้วย 6 ประการนี้ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น
คมลึก กับแม่นประเด็น เป็นความหมายยิ่งใหญ่ เราไม่ตื้นและเราคมทุกอย่าง ไม่มีอะไรเป็นเสี้ยนเศษเลย ลงไปหาจุดหมาย จุดสำคัญ Interest Point แม่นประเด็น ทำอย่างนั้นจริง มีอุปกรณ์อาวุธศาสตราที่มีความหมายชัดเจน
เราใช้สันติความสงบ อหิงสาไม่รุนแรง เราใช้ความซื่อสัตย์ เราใช้ความบริสุทธิ์ เราใช้คมลึกแม่นประเด็น สมบูรณ์แบบ ผลจึงได้สวยงามมาก ไม่เกิดความสูญเสียอะไร แต่มันก็มี error มีสิ่งของพวกที่บ้าบอเขาทำ เขาทำก็เป็นบาปของเขาเป็นวิบากของเขาเป็นความซวยของเขา ก็เป็นคดีของเขา พวกเราก็โดนหางเลขคดีไปด้วย แล้วเราทำสำเร็จด้วย ยังเอาเราไปเป็นคดีอีก ยังไปเป็นกบฏอีก มันเป็นกบฏตรงไหนก็ไปช่วยประเทศไทยแท้ๆ ไปไล่กบฏต่างหาก ไปไล่พวกที่คอรัปชั่น พวกที่เป็นมาเฟียของประเทศต่างหาก จะบริหารปกครองแบบมาเฟียแบบโจร แบบคนไม่สุจริต เราก็ทำได้สำเร็จแล้ว
ทำสำเร็จแล้วก็มีผู้บริหารต่อ ต้องมีผู้นำ ผู้ที่ขึ้นมานำก็ชื่อ ประยุทธ์ แปลว่าการรบ มีชื่อบอกเลยว่าข้าเป็นนักรบ แต่ไม่ต้องไปรบเลย แสดงท่าที อาจจะให้รู้ว่าข้ามีอาวุธข้ามีกองกำลังเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายเขาก็หาว่า เอากำลังอาวุธกำลังนักรบเข้ามาเป็นอำนาจบริหาร จนกระทั่งสุดท้าย พลเอกประยุทธ์ก็เข้าใจอันนี้ ก็เลยประกาศว่า ผมไม่ใช่ทหารแล้ว ผมเคยเป็นทหารมาเก่า แต่ตอนนี้ผมเป็นนักการเมือง ผมเป็นนักบริหาร เป็นนักการเมือง ผมเคยเป็นทหารมาก่อน เขาพูดความจริงแต่คนก็ติดใจ พูดให้ชัด คนไม่มีปัญญาก็ไม่รู้ความหมายว่าเขาพูดไปทำไม พูดเพื่อยืนยันว่าเขามีความจริงอย่างนี้ ไม่ได้เอาอำนาจทหารมาเกี่ยวเลย ตอนนี้ผมมาเป็นนายกฯ แล้วนายกฯนี้ก็กลายเป็นว่า เป็นนายกฯที่ดีที่สุด เพราะเป็นนายกฯที่ประชาชนปฏิวัติแล้ว แล้วก็ให้คนนี้มาเป็นผู้บริหาร
พลเอกประยุทธ์ขึ้นมาบริหารไม่มีประชาชนต่อต้าน นอกจากพวกที่ต้องการอยากได้อำนาจพวกปากหอยปากปูจะอย่างไรกูก็เอาของกู กูไม่ให้ จะเป็นใครดีวิเศษอย่างไรถูกต้องอย่างไรก็ไม่ให้ เป็นพวกหน้ามืดตาบอดเท่านั้น จะไปหัวซามันทำไม หัวซา ภาษาอีสานแปลว่าไม่แคร์
เรามีทฤษฎีที่ไม่ได้อยู่เดียวเดี่ยว แต่เราอยู่กับคนอยู่กับสังคม ไม่ได้ไปอยู่กับช้างม้าอยู่ในป่ากับสัตว์ อย่างนั้นมันโง่งมงายไป อยู่กับเขาป่า สัตว์มีโรคภัยไวรัส เป็นคนเจริญพัฒนาแล้วแต่ก็ยังไปงมงายหลงอยู่อย่างนั้น แทนที่จะอยู่ร่วมกับโลกศึกษาโลกไปกลับไปหลับหูหลับตาอยู่แต่กูของกูนี่แหละ ก็ตายไปเยอะแล้ว ไร้สาระเกิดมามีชีวิตทำไมไม่รู้ อยู่บนแผ่นดินก็หนักแผ่นดินเขา ชีวิตที่อยู่ต่อไปก็ยังอาศัยกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร ดีไม่ดีกินเนื้อสัตว์ด้วยอยู่อย่างนั้นแหละ หนักแผ่นดินเครื่องวัตถุโลกหายใจเข้าก็เปลืองลม มันไร้สาระไร้ประโยชน์อย่างนี้ เสร็จแล้วก็ถือว่าตัวเองประเสริฐ อย่ามาหลอกคนฉลาดเลย คุณจะโง่ก็โง่ไปคนเดียว ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว อาตมาไม่รู้จะให้คิดอย่างไร ปลุกก็ไม่ตื่น ยังงมงายไปนั่งหลับตาหนีเข้าป่าเขาถ้ำ มันไม่ใช่พุทธศาสนา อย่างนั้นเป็นพุทธศาสนาใครสอนคุณอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น พระพุทธเจ้าเกิดมาในยุคนั้น มันเป็นเมืองที่ยังไม่เจริญเป็นป่าอีกเยอะ อาตมาเกิดมาในพ.ศ.นี้ ยังมีป่าอีกเยอะ ผ่านมาสองพันกว่าปีแล้ว มาก่อนจะมีป่ามากขนาดไหนไม่มีตึกรามบ้านช่องอะไรมากหรอก เดี๋ยวนี้มีตึกทะลุฟ้าไปไม่รู้กี่เมตรแล้ว
ดูว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แม้ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม ถ้ามีเครื่องนุ่งห่มก็ดีขึ้น กันร้อนหนาวแมลงสัตว์กัดต่อย มีอาหาร มีเครื่องนุ่งห่ม มีที่พักอาศัย หลบแดดหลบฝน หลบแมลงสัตว์กัดต่อย กันช้างม้า แล้วก็มียารักษาโรค
สรุปไว้ครบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเรามี 4 ปัจจัยนี้ชีวิตอยู่รอดชีวิตอยู่ได้ดีแล้ว เราก็พัฒนา4 อันนี้ ไม่ต้องไปพัฒนาอะไรมากกว่านี้ให้มันบ้าบอ ดีไม่ดีก็ไปพัฒนาลูกระเบิดอาวุธ เป็นเครื่องกลที่จะไปบรรทุกอาวุธถล่มทลาย ได้เร็วได้หนักได้มาก แหม เปลืองผลาญเหลือเกิน แล้วไปสร้างมาทำไมก็สร้างมาฆ่าคน
คำว่า สร้างมาฆ่าคน ลองพิจารณาดูซิว่าคุณคือใคร ไปฆ่าเขาทำไมคน ไม่มีจิตหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ไม่มีจิตกรุณา ไม่มีจิตเอ็นดู สร้าง ทัณฑะ สร้างอาวุธ สร้างศาสตราเพื่อฆ่า
ตรงกันข้ามกับคำสอนพระพุทธเจ้าในศีลข้อที่ 1 เลย ตรงกันข้ามหมดทุกความหมายเลย เพราะฉะนั้นหลักเกณฑ์ศีลข้อที่ 1 ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นหลักเกณฑ์ที่ให้รู้จักชีวิต ให้รู้จักชีวิตแล้วหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้จะเป็นสัตว์เซลล์เดียว อาตมาก็พูดซ้ำซากไม่รู้กี่ทีแล้ว
แม้สัตว์เซลล์เดียวที่เริ่มต้นเกิดมา สัตว์เซลล์เดียวนี้อาจจะกลายเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระมหาศาสดาของโลกเลยนะ ในอนาคต ต้องหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อย่าไปทำร้าย ปล่อยให้เขาพัฒนาตัวเอง เขาจะมีวิบากอย่างไรก็เรื่องของเขา คนเราเกิดมาต้องมีวิบากของตัวเอง อย่าไปทำร้ายสัตว์ใด
ภิกษุละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาสตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่
ศีลข้อที่ 1 ข้อเดียวนั่นเกี่ยวกับชีวะชีวิต โดยเฉพาะสัตว์มนุษย์ ถึงขั้นเป็นสัตว์มนุษย์เป็นจิตนิยามที่พัฒนามาจากสัตว์ชั้นต่ำจนกระทั่งถึงสัตว์มนุษย์ สัตว์มนุษย์เป็นสัตว์สูงสุดแล้วในโลก ไม่ว่าในโลกยุคไหนปางไหนกัปป์ไหน เพราะฉะนั้นจะไปทำลายฆ่ามนุษย์กันอีกทำไม บอกกันสอนกันแนะนำกันให้มีความเข้าใจ ไม่เลือกที่จะไปเป็นสัตว์อำมหิต ให้เป็นสัตว์ประเสริฐ คนอย่างป่าเถื่อนเลยไปสร้างอาวุธมาฆ่ากันมาฆ่าสัตว์ โดยเฉพาะจะมาฆ่าคนนี่
คนที่มีจิตสร้างอาวุธสร้างอุปกรณ์เพื่อฆ่าคนนี้ มันจะโง่ขนาดไหน อำมหิตสุดอำมหิตแล้ว โง่ก็โง่ที่สุด อำมหิตก็อำมหิตที่สุด คุณไม่ได้ชื่อว่าคน ในภาษาไทย ไม่ได้เป็นมนุสโสเลย จิตคุณอำมหิตต่ำมาก หากยังสร้างอาวุธยังไม่โงหัว ก็ยังเป็นคนชั้นต่ำที่สุด ของความเป็นคน
อาตมาพูดนี้อาตมารู้นะว่าอาตมากำลังด่า คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ในสังคมโลก
อาตมาจึงถล่ม คือ ทำไมไม่รู้สึกรู้สา ทำไมไม่เข้าใจ ทำไมไม่รับความรู้เพื่อจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาอาจจะฟังไม่ออกเพราะอาตมาพูดภาษาไทย คนที่ทำอย่างนี้เขาพูดภาษาเกาหลีภาษาอเมริกัน ก็เลยไม่รู้เรื่อง ดีไม่ดีก็จะไปฟังภาษารัสเซียภาษาอาหรับ ก็เลยไม่รู้เรื่อง แต่สมัยนี้กดเอาดูได้ แต่เขาไม่เอาหรอก เขาว่าไร้สาระจะไปแปลให้เสียเวลาทำ พูดอะไรก็ไม่รู้ เขาก็เลยนึกว่า เป็นนกแก้วนกขุนทองร้องรำคาญหู
อาตมาก็รู้แต่ว่าตัวเองเกิดมาในชาตินี้จะต้องมาพูดสาระสัจจะ ที่คนกำลังเตลิดเปิดเปิง ทั้งอำมหิตที่สุดทั้งโง่ที่สุด นี่อาตมาสรุปแล้วนะ แล้วก็มาพูดสัจจะตัวนี้เพื่อที่จะให้เขาได้คิด คนที่มีปฏิภาณปัญญา คนที่ไม่โง่สุดไม่อำมหิตสุด ดำดิ่งอยู่กับอันนั้นก็จะฟังพอเข้าใจ ฟังออกก็จะค่อยๆปรับตัวก็ได้
ส่วนคนที่หนักสุดโง่สุดและอำมหิตสุดยังไม่โงหัวเลย ก็สุดวิสัยแล้วช่วยเขาไม่ได้ ก็ช่วยเท่าที่ได้ คนที่ฟังรู้เรื่องเป็นสาระดี ประเสริฐ ก็มีจำนวนน้อย แต่น้อยก็เอา เพราะมันมีค่ามันประเสริฐที่สุดดีที่สุด มันถ่วงดุลโลกเอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครมาดึงเอาไว้เลย มันก็จะไปกับทางโน้น หรือไม่มีใครต้านเลย อาตมาก็ต้องต้านคนเดียว จะสู้กับทางโลกก็ช่างมัน อย่างน้อยก็มีพวกคุณ มาช่วยกัน อาตมาดึงหางเชือกไว้ก็ยังพอค่อยยังชั่ว
พลโลก 7000 ล้าน พวกเรามีถึงเจ็ดร้อยไหม ดึงสู้ไหวไหม ชักเย่อกัน
สู้ๆๆๆ หมูป่าสู้ๆ
อาตมาเอง ขออภัยที่จะพูดความจริงอันนี้ คุณอยู่ให้ถึงก็แล้วกัน โลกเขาจะเห็นว่าคำพูด คำของอาตมาอธิบายขยายความนี้ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในอีก มันจะกว่าร้อยปีขึ้นไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่นั่นแหละ อนาคตถึงรู้ ประวัติศาสตร์มีคนกล่าวถึงอย่างนี้
สมณะฟ้าไทว่า…ถ้าอีก 100 ปีคนโลกเขากลับมาได้ก็คุ้ม ไปได้ดีเลย
พ่อครูว่า…แล้วพวกเราทำนี่ ขยายความ ไม่ใช่พูดลอยลม แต่เราทำ ปฏิบัติจนเกิดสังคมมีวัฒนธรรมสังคม ชาวอโศกก็มีวัฒนธรรมสาธารณโภคี วัฒนธรรมขาดทุนของเราคือกำไรของเรา วัฒนธรรมเป็นคนใช้ความสงบสยบความรุนแรง ที่พูดนี้ไม่ใช่เรื่องลอยลม เราใช้ความสงบสยบความรุนแรง มันเป็นประสิทธิภาพของพฤติกรรมมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ อาตมาพาพวกเราไปทำ ใช้ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น ซึ่งมันก็เกิดผลมีประสิทธิภาพ ได้ผลดีไม่สูญเปล่า ประสบผลสำเร็จได้ ให้แก่สังคมประเทศชาติ
เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องลึกซึ้งที่คนไม่เห็นหรอก เป็นลักษณะเสียสละ เหมือนกับจ่าแซม แต่จ่าแซม มีรูปธรรมเห็นง่ายมีคนเดียว แต่อาตมาทำเป็นหมู่ แล้วมีแนวลึก คนก็เห็นได้ยาก ที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่าทวงบุญคุณหรือเอาดีใส่ตัว แต่พูดสัจธรรมให้ฟัง
อาตมาชัดเจน เกิดมาทำ สิ่งประเสริฐสุดของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนให้คนทำงานนี้อาตมาก็มาทำงานนี้ มาถึงวันนี้อาตมาพูดอย่างนี้ก็หมายความว่า อาตมาเห็นผลแล้วนะ เกิดผล ที่มันเป็นจริง พวกเราได้ช่วยมนุษยชาติ พวกเราได้ทำประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติ จนทุกวันนี้พวกเราก็เลยเพลา ไม่ต้องไปดิ้นอย่างเก่า ตอนนี้ก็เลยลงตัว ทำงานไป ปักหลัก มีแต่สร้าง แล้วก็พยายามทำทฤษฎี
ทฤษฎี กสิกรรมอินทรีย์ เป็นต้น ทฤษฎีของ ปัจจัยสำคัญชีวิต ถ้าเราสามารถสร้างและทำอุตสาหกรรมขนาดนั้นได้เราก็ทำ แต่เราทำสิ่งที่มัน มนุษย์มาอาศัยใช้ได้ก่อนที่จะเอาไปเป็นของที่เฟ้อเกิน เราไม่สร้างทำของเฟ้อเกินหรือจะเป็นสิ่งที่เป็นอาวุธประหารกัน เราไม่ทำ เราทำแต่สิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ พวกเราไม่ค่อยผลิตเครื่องนุ่งห่ม เพราะไม่ได้เดือดร้อนเครื่องนุ่งห่มอะไร เดี๋ยวนี้มันมากเกินไปในสังคม เราไม่หลงแฟชั่นหลงสวยงาม เครื่องนุ่งห่มคือวัตถุเอามากันร้อนหนาวแมลงสัตว์กัดต่อย กันอุจาด จบแล้ว เราไม่หลงแฟชั่นในรูปสวยสีสวยอะไรต่างๆนานา ดีไม่ดีไปตีราคาค่าของ นี่เป็นเสื้อแบรนด์เนม กางเกงแบรนด์เนม อย่างนั้นไม่ใช่ ไม่ต้องไปหลอกใคร เราพอ เพราะฉะนั้นเรื่องปัจจัย 4 ของเรา
-
ยารักษาโรค เราทำมา ในแนวคิดของเรา
-
ที่อยู่อาศัยเรากระทำบ้างเล็กๆในน้อยไม่ต้องใหญ่โตหรูหราฟู่ฟ่า แข่ง จนไม่รู้แล้วว่าออกแบบอย่างไร สถาปนิก มันแก่งแย่งแข่งดีพิลึกพิลือกัน สถาปนิก แต่เราเห็นว่าแค่นี้ก็สมควรพอแล้วที่อยู่อาศัย เราก็จบ ยารักษาโรคก็พึ่งพาได้ ที่อาศัยก็พึ่งพาได้
-
เสื้อผ้า มันก็มีมากพอแล้ว
สามอย่างนี้สบายแล้ว เราก็เลยมีพลังงานมาสร้างอาหารเป็นเรื่องหลัก คนฉลาด เห็นไหม จึงมีอาชีพอันสุดยอดเลย เราจะไปหลงสร้างความโง่ที่สุดโหดที่สุดทำไม
อาหารคือหนึ่งในโลก อาหารของเราไร้สารพิษและมีสารอาหารที่ดี น่ากิน เรายังจะสร้างให้เจริญขึ้นไปอีกให้เห็นได้ว่าทุกอย่างที่เราสร้าง วัตถุที่เราสร้าง ดู บนโต๊ะนี้
ตาอู๊ดว่า…เอาอาวุธพวกนี้ไปสู้กับระเบิดนิวเคลียร์
พ่อครูว่า…ในสนามรบ คนที่ปลอดภัยที่สุดในสนามรบที่ฆ่ากันคือใคร กาชาด กับพลาธิการ คือ การรักษาพยาบาลกับอาหารนี่คือปลอดภัยที่สุด ศัตรูทั้ง 2 ข้างจะยกเว้นกาชาดกับพลาธิการ นี่คือสิ่งที่บอกสัจจะของโลก ทุกวันนี้เรามาทำอาชีพ สร้างอาหาร กับทำยา ส่วน เสื้อผ้าหน้าแพร ให้ versace Louis Vuitton สร้างแข่งกันเอา หลอกคนทั้งโลก แม้แต่บ้านช่องเรือนชานก็ให้สถาปนิกแข่งกัน ของเราสบายแล้ว บ้านช่องเรือนชานของเรามีเหลือเฟือ
เราสร้างทำให้ปลอดภัย ถ้ำผาแหงน ไม่ไปเดินถ้ำนางนอน เรามีน้ำตกน้ำไหลให้ชม ไม่เอา ดันไปเข้าถ้ำน้ำไหล คนเรา ทำไมตามืดบอด เราทำให้ อยากจะมาเที่ยวถ้ำก็มา อยากจะเที่ยวน้ำตกก็มา มีน้ำตกทำให้แล้ว ปลอดภัยดีด้วย ทำไปให้แล้ว อาตมาทำทำไม เพื่อที่จะให้มาพักผ่อนหย่อนใจ เข้ามาใช้ประโยชน์ ไม่ได้ทำเพื่อค้าขายหาเงิน ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียง ไม่ได้ทำเพื่ออยากโด่งดัง ทำเพื่อให้มาได้ใช้สอย ยังไม่ค่อยมีมาเท่าไหร่เลย หากเก็บเงินคงจะมีเสน่ห์กว่านี้ เพราะไม่เก็บเงินเลยไม่มีเสน่ห์ พวกนี้มันโง่ มาสิ มาใช้ฟรีๆ อย่าไปทำสกปรกนะพวกเราเก็บกันจนเมื่อย จะมากินมาอยู่ก็มาใช้พักผ่อน ที่พักตามรอบไม้ก็มี เจตนาอย่างนั้นจริงๆ ก็บอกกล่าวไปทั่ว สร้างขึ้นมาเพื่อให้พวกคุณมาพักผ่อน รัฐบาลพยายามสร้างสวนสาธารณะ สร้างสถานที่พักผ่อนแก่ประชาชนฉันใด โพธิรักษ์ก็พยายามสร้างสถานที่ให้ประชาชนได้มาพักเป็นที่สาธารณะฉันนั้น ไม่ได้คิดเก็บเงินเก็บทองจริง
อาตมาว่า เราก็ได้อาศัยอยู่แล้ว เพราะเราอยู่ที่นี่ก่อนเขา คนอื่นก็ได้มาอาศัยด้วย มันก็เป็นกำไร เป็นความดีงาม เชิญมาพักผ่อนหย่อนใจมาอาศัย ไม่ได้ทำเป็นรีสอร์ทเก็บเงิน เราทำบรรยากาศนิเวศวิทยาให้น่าพักอาศัย ไม่ได้ขูดรีดเก็บเงิน ที่นี่เป็นรีสอร์ทเรือ มาพักได้ หลายเรือว่างอยู่ บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมต่างๆมีพอเป็นไป จะขี่จักรยาน จะพายเรือก็ได้ ยังไม่มีเครื่องบินให้เท่านั้น
แม้แต่โรงเรือน อาคารบวร ทำเป็นที่ไว้ให้คนมาค้าขาย เป็นของแห้งของสด จะมาขายก็ได้ แต่ไม่ได้มาให้ขายเนื้อสัตว์เขาหรือของมอมเมาเป็นพิษ ไม่ให้มิจฉาวณิชชา 5 มาขาย ให้ขายอย่างพ้นมิจฉาวณิชชา 5 ไม่ได้เก็บเงินทอง ให้เป็นที่อาศัยทำอาชีพ จะซื้อของเขามาขายก็ได้ เป็นตลาดเป็นที่ขาย
ชั้นล่างเป็นที่ขายของชั้นบนเป็นที่ใช้ประโยชน์ ก็บอกไปให้กับคนย่านนี้หรือที่ไกลออกไปว่ามีที่จะใช้อาศัยได้ มาเลย ยินดีบริการให้ มาบอกกล่าวให้รู้เรื่อง ทำให้อยู่ในกฎเกณฑ์อยู่ในกรอบ เกิดประโยชน์เพื่อตัวเองบ้าง เพื่อคนอื่นสังคมมนุษยชาติ ก็ยินดีต้อนรับ ยินดีทุกอย่าง ไม่ได้ทำมาเพื่อหาเงินทองชื่อเสียง นี่คือใจของอาตมาที่คิดและทำ ถ้าเป็นรัฐบาลทำคนก็คงจะเชื่อ เพราะว่าเป็นรัฐบาล แต่พวกเราทำคนไม่ค่อยเชื่อก็ไม่เป็นไร
พวกเรานี่แหละที่จะเอาของไปขาย ของที่จะเก็บไปขายมีไม่น้อย แต่ไม่ขยันทำ อาจจะคิดว่า เก็บขึ้นไปก็ไม่ค่อยมีคนมาซื้อ ก็ไม่เป็นไร เก็บขึ้นไป คนเขาขยันปลูกเราก็ต้องขยันเก็บ แล้วเอาไปทำไม ก็เอาไปขาย ขายไม่ออกก็เอาไปเข้าโรงครัว แต่คนก็ไม่ค่อยมาทำ อาจจะยังไม่ถึงเวลา ไม่มีปัญหาหรอก อันนี้เราไม่ได้สร้างอย่างทุนนิยม ไม่สร้างขึ้นมาแล้วต้องมีดอกเบี้ยมาไล่ขูด ไม่มี เราสร้างอย่างบุญนิยม ไม่มีดอกเบี้ย สร้างเสร็จแล้วก็เสร็จ ดูแลปัดกวาดเช็ดถูให้ดีเท่านั้น
การไม่มีดอกเบี้ยนี่แหละสุดยอดแล้วชีวิต
มนุษยชาติถ้าผู้ใด
-
ไม่มีหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยนั้นไม่มี
-
ทำงานสร้างขึ้นมาให้ตัวเองกินใช้อาศัยได้เพียงพอแล้ว
-
สร้างผลผลิตให้เหลือ เกินกินเกินใช้
-
เราก็เอาสิ่งที่เหลือที่เกินนี่แหละไปแบ่งแจกสะพัด จะขายก็ขายให้ถูกๆ เพราะมันเป็นของที่เหลือแล้ว เราก็ขายให้มันถูกๆ ดีไม่ดีขายไม่ออกก็แจก ไม่อย่างนั้นก็เน่าทิ้งไป เราก็ทำอยู่ใน 4 หลักนี้
แต่ทั้งโลกเขาจะต้องสะสม สะสมไว้แล้วก็ต้องจ้างคนมาระมัดระวังมาดูแลอีก โง่ตายชัก เพราะฉะนั้นเราเองรู้ที่จบของชีวิต เรารู้ที่จบของพฤติกรรมมนุษย์ พฤติกรรมสังคม พฤติกรรมของคน พฤติกรรมของกลุ่มหมู่ พฤติกรรมของสังคมองค์รวมเท่าไหร่
ชาวอโศกมีสังคมองค์รวม อยู่ในระบบสาธารณโภคีทุกชุมชน แล้วก็มีกระจายอยู่ในประเทศ เป็นชุมชนชาวอโศกอยู่ในระบบสาธารณโภคี ทุกชุมชนชาวอโศกมีเท่าไหร่ก็เท่านั้นเป็นระบบสาธารณโภคี ใครขาดเหลือก็ยืมกันได้ นี่คือเศรษฐศาสตร์ที่จบแล้ว เศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบแล้ว สาธารณโภคี ก็ไม่รู้ว่านักเศรษฐศาสตร์ที่เรียนมาจนหัวพัง จบด็อกเตอร์กันไม่รู้เท่าไหร่ เขาจะเข้าใจเศรษฐศาสตร์ของพุทธเจ้าที่เป็นสาธารณโภคีได้ไหม
เขาเข้าใจ Utopia ที่ไหน Thomas Moreเขียนจินตนาการมาหาว่าเป็นสังคมแบบนี้แต่ยังไม่มีใครทำสำเร็จ แต่ชาวอโศก เราทำเกินกว่ายูโทเปีย เป็นถึงขั้นสาธารณโภคีที่เกิดจริงแล้ว ยูโทเปียยังไม่เกิดจริง Thomas More ก่อสร้างจินตนาการฝันค้างไว้เท่านั้นเอง แต่เราทำเกินกว่ายูโทเปีย ถ้ามันถึงขั้นสาธารณโภคี ทุกคนตรงกัน ทำได้อันเดียวกัน โทมัส มอร์สร้างยูโทเปียเป็นเพียงที่ใดที่หนึ่งเท่านั้นเมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น เขายังไม่มีเครือแหแบบเรา ที่มีอุดมคติไม่รวมการทำแบบเดียวกันพึ่งพาอาศัย
ราชธานีอโศกนี้เจตนาให้ใหญ่และเป็นตัวอย่าง และเป็นน้องหลังสุด ปฐมอโศกเป็นชุมชนชาวอโศกพี่คนโต ทุกวันนี้ปฐมอโศกเลี้ยงน้องคนโต คือ ราชธานีอโศก กลายเป็นเด็กอ้วนเกินขีดหรือเปล่าต้องช่วยดูแล
มนุษย์นั้นศึกษาความเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุด และความเป็นสังคมการอยู่ร่วมที่ดีที่สุด และมีทฤษฎีที่ถูกต้อง ทฤษฎีของพระพุทธเจ้าทฤษฎีใหญ่ที่สุดคือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ หรือไตรสิกขา การศึกษา 3 เป็นทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ขยายความเป็น จรณะ 15 วิชชา 8 กับ ศีล สมาธิ ปัญญา ขยายออกมาเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 แล้วมันจะเกิดสายของปฏิจจสมุปบาท 11 12
จะเกิดญาณปัญญารู้ถึงความทุกข์ ความสุข ความเป็นมนุษย์ เป็นตัวหัวใจสำคัญที่สุดของมนุษยชาติคือ ทุกข์กับสุข
มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดคือมนุษย์ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข
เพราะฉะนั้นมนุษย์ที่มีปัญญา มีความเฉลียวฉลาดที่รู้จักอาการจิต อาการจิตที่เรียกว่าทุกข์ อาการจิตที่เรียกว่าสุข เป็นเหรียญสองด้านเท่านั้นเอง สุขกับทุกข์แยกกันไม่ได้ เป็นอาการ เก๊ ทั้ง สุขและทุกข์เป็นอาการที่ไม่มีจริง แต่คนหลงว่ามีจริง แล้วก็ต้องอาศัย จึงหลงยึดสุขยึดทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้
อ่านอาการของจิต คือ สิ่ง 2 สิ่งเป็นธรรมะ 2 บวกกับลบ อยู่กันอย่างนิวเคลียส แล้วก็ทำงานสังเคราะห์สังขารกันอยู่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นผู้ใดจัดสรรจัดการพลังงานบวกลบนี้ ให้อยู่ในวงCyclic order เอง สังขารสังเคราะห์อยู่อย่างไม่ร้อนเกิน อย่าเย็นเกิน อยู่กันอย่างพอเหมาะพอดี ที่จะเกิดปฏิกิริยา เป็น Cyclic Order ก็เป็นตัวธาตุรู้ที่เรียกว่าเป็น ฌาน หรือ ความรู้ของพระอรหันต์ ก็อบอุ่น สบาย
แล้วพุทธนี้เก่งกว่า nucleus ที่มันอยู่เป็นธาตุวัตถุ เพราะมันเป็นธาตุจิตวิญญาณ เป็นประธานควบคุมนิวเคลียส ต้องการ จะให้ขยายตัวก็ได้ ต้องการจะให้หดตัวหรือเท่านี้ก็ได้ ต้องการจะให้สูญแตกสลายธาตุบวกลบไปเลยนิรันดร ไม่เหลือ ธาตุนิวเคลียส แม้แต่อุตุ ก็ไม่เหลือ นี่คือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าที่ทำสำเร็จ ที่อาตมา เป็นโพธิสัตว์
เป็นอรหันต์ โพธิสัตว์ระดับ 4 ก็รู้แล้ว มาเป็นอนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ก็ยิ่งรู้ ไม่ได้เอาแต่เอาภาษาวิทยาศาสตร์ อาศัยภาษาชีววิทยามาอธิบายบ้าง จนกระทั่งอาศัย กรรมนิยามมาอธิบาย
กรรมนิยามอธิบายความเป็นจริง จิตเป็นพฤติของกรรม
จิต ผู้ที่เป็นอรหันต์แล้ว จะใช้จิตที่เป็นแรงอำนาจอธิปไตย เท่าใด ก็มีปัญญาที่รู้จักพลังงาน ควบคุมพลังงาน ให้แรงให้เบา ให้ขนาดพอเหมาะสมเท่าไหร่ได้ รู้จัก ลหุตา มุทุตา รู้จัก กัมมัญญตา แล้วก็ให้เกิดเป็นกายวิญญัติ วจีวิญญัติ รู้จักวิการรูป 5 อย่างชัดเจน จึงเป็นผู้จัดการ วิการรูป 5 อยู่อย่างสบาย
เราจะทำให้เบาที่สุดอย่างสมควร เช่น อาตมาจะพูดดังที่สุดเท่านี้เท่าที่เบา เพราะคนมันหูหนวกตาบอดก็ต้องพูดอย่างนี้ จริงๆมันหูบอดตาหนวกด้วยซ้ำไป อาตมาจึงจำเป็นต้องสีควายให้ซอฟัง เพราะมันหกคะเมนตีลังกา เอาผิดเป็นถูกเอาหัวเป็นหางเอาขี้เป็นข้าว
อาตมาก็เลยเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม กินขี้แทนข้าว มันเอาหัวเดินต่างตีน อาตมาอยู่กับเมืองนี้ก็เลยต้องเอาหัวเดิน กับมันด้วย มันซวยจริงๆเลยชีวิตนี้ อาตมาก็จำนนไม่รู้ทำไง เราเอาหัวอยู่ที่ตีน เอาตีนอยู่หัว เราจะไปพูดกับตีนรู้เรื่องได้อย่างไร เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม สงสารอาตมาบ้างไหมนี่
ทำงานทุกวันนี้เท่ากับเอาคนหูบอดตาหนวกจูงกันไปดูหนังใบ้อีก อาการหนักอย่างนี้โลกทุกวันนี้ อาตมาก็จำนนต้องทำไป
สรุป อาตมาก็สอนเรื่องเศรษฐกิจเรื่องรัฐศาสตร์การเมือง เรื่องของสังคม อาตมาก็ต้องสอนอธิบายทั้งนั้นแหละ เหมือนอย่างคนอวดดี ต้องสอนต้องแนะนำพวกเรา เพื่อจะรู้จักเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจแบบนี้ ของการเป็นอยู่ร่วมกัน จะเป็นการเมืองรัฐศาสตร์แบบนี้หรือดี ดูแลเกื้อกูลช่วยเหลือกันไป พึ่งพาอาศัยกันไป จะซื้อจะขายแก่กันและกันอยู่ขนาดนี้แหละ แบ่งแจกกันขนาดนี้ จนกระทั่งสาธารณโภคีนี้เป็นสังคมสุดยอดแล้ว ได้อย่างนี้จริง
อาตมาเกิดมาในชาตินี้มาทำต่อจากชาติก่อน แล้วก็จะทำต่อไปด้วย ที่ทำเพราะเป็นประโยชน์ เป็นงานที่ได้ช่วยมนุษยชาติจริงๆ อาตมาถึงบอกว่ามันเป็นงานของมนุษย์ มนุษย์นี้ทำงานเพื่อช่วยมนุษยชาตินี้ดีที่สุดแล้ว อาตมาก็พยายามพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ สูงที่สุดเป็นพุทธเจ้ามันเป็นอย่างไรแค่ไหน เพื่อตัวเองก็คือจะไปเป็นพระพุทธเจ้า แล้วเพื่อมนุษยชาติ นี่แหละเป็นหลัก ตัวเอง อาตมานี้มีความรู้ที่จะปรินิพพานเป็นปริโยสานเมื่อใดก็ได้แล้ว แต่อาตมายังไม่ทำตามจุดมุ่งหมาย 2 ประการ ประการหนึ่งก็คือเพื่อผู้อื่น ประโยชน์ตนก็เป็นพระพุทธเจ้าได้สูงสุด เพื่อมนุษยชาติ ก็เห็นอยู่ว่าพวกคุณได้รับประโยชน์ ก็จริงๆ อาตมาจึงยังไม่จบ เป็นพลังงานที่จะเป็นมนุษย์ ต้องเกิดอีก เป็นพลังงานที่จะเป็นมนุษย์ที่จะทำงานได้อีก เกิดมาทำแล้วก็ต่อไปอย่างนี้อีก
สมณะฟ้าไทว่า…พ่อครูพูดบอกว่า สมัยนี้เขาเอาหัวเดินต่างตีน พ่อครูก็เลยต้องเดินแบบเขา จะได้สอนเขาได้ สอนที่เท้าเขาก็ไม่ฟัง พ่อครูต้องอนุโลมให้เขา