บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ ….ปฏิบัติ สังวรในศีลเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม 2561
เมื่อกลางดึกเวลาประมาณตี 3 ท่านปัจฉาสมณะแสนดิน ได้บันทึกเรื่องราวพ่อครูตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อบันทึกหัวข้อธรรมะ ลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ มีใจความว่า…เพราะกว่า”เรื่อง”กับ”เกิด”มันจะอุบัติหรืออุปัทวะขึ้นมา”เกิดเรื่อง”นั้นมันต้องมี”เหตุ”กับ”การณ์”ร่วมมือกันก่อนเสมอ แต่ผู้เพลิดเพลินอยู่กับลาภยศสรรเสริญสุขที่เป็นปกติของโลกธรรมนั้นมันลืม”ไว้หน้า”ผู้ไม่มี”สติ”ไม่”สังวรสำรวม”ได้ทุกเมื่อ…พ่อครูเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “เทวดามาคุยด้วย”
วันนี้พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารเวลาประมาณ11.17 ชม. พร้อมกับท่านปัจฉาสมณะดินไทและท่านปัจฉาสมณะหนักแน่น หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จพ่อครูเดินมาถนนด้านหลังพระพุทธโต ผ่านสโตนเฮ้าส์ ข้างพระพุทธโต ออกมาที่ถนนตรงมูนหน้าอาคารบวร วันนี้ถึงกำหนดในการขนย้ายเรือและรูปหล่อทองเหลืองพ่อครู ซึ่งจะเดินทางมาพร้อมกัน เพราะรูปหล่อของพ่อครูจะวางไว้ภายในเรือและขนย้ายมาพร้อมกัน…พ่อครูบอกจุดที่ตั้งรูปหล่ออีกครั้ง พร้อมทั้งดำริถ้ามีหินขนาดใหญ่ก็สามารถมาวางต่อกันได้อีกในช่องที่ยังว่างอยู่..
ความคืบหน้าวันที่ 4 ของการสร้างถนนเทพื้นคอนกรีตที่มีค่ากำลังอัดประลัย(Strength) 240 KSC ถึง280 KSC (cube) มีส่วนผสมสำคัญคือ ปูนซีเมนต์ มวลรวมหยาบ(หิน) มวลรวมละเอียด(ทราย) น้ำยาหน่วงคอนกรีต และน้ำ สัดส่วนคอนกรตหนา 15 cm.เทคอนกรีตได้ครึ่งหนึ่งแล้วคือ กว้าง 3.5 เมตรยาวตั้งแต่หน้าป้ายหินราชธานีอโศกจนถึงทางขึ้นอาคารบวรหลังอาชีวะ…ส่วนหน้าอาคารบวรได้เพิ่มเติมการเทแบบและลงทรายไว้ก่อน…พี่โน๊ต เพชรพันศิลป์ นั่งมอเตอร์ไซค์มากับคนงานที่ช่วยกันสร้างบ้าน กราบนมัสการและทักทายพ่อครูก่อนที่พ่อครูจะได้ลองเดินบนปูนที่เทเสร็จเรียบร้อยแล้ว…
พ่อครูเดินเข้ามาถึงโรงปุ๋ยพลังชีวิตมีดำริว่าป้ายใหญ่ของโรงปุ๋ยพลังชีวิตน่าจะทำเป็นตัวหนังสือสแตนเลส…ต้นทองอุไรด้านหน้าโรงปุ๋ยออกดอกเหลืองอร่ามงามสะพรั่ง สงสัยแค่ฝุ่นปุ๋ยโชยมาพอฝนตกมาละลายปุ๋ยก็ทำให้ดอกอุดมสมบูรณ์ พ่อครูเดินเข้ามาภายในโรงปุ๋ยพลังชีวิตวันนี้ไม่มีใครอยู่เลยเพราะเป็นช่วงพักและนักเรียนเข้าชั้นเรียนตามปกติ ทำให้ไม่มีใครเข้ามาทำงานในโรงปุ๋ยแต่ก็เห็นการสต๊อกปุ๋ยเพื่อเตรียมขายในช่วงวันแม่ที่ใกล้จะถึงนี้
พ่อครูเดินขึ้นไปบริเวณออฟฟิศทำงานของโรงปุ๋ยพลังชีวิตที่ได้มีการปรับปรุงใหม่ป้าแมว สู่แสงบุญพร้อมกับนักศึกษาอาชีวะที่กำลังเข้าชั้นเรียนวิชาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางการเกษตร ได้มากราบนมัสการพ่อครู อาคารนี้ก็จะเป็นสถานที่ผลิตและจัดจำหน่ายปุ๋ยน้ำชนิดต่างๆ ที่เป็นจุลินทรีย์ชีวภาพ เป็นอาหารเสริมสูตรน้ำ บำรุงดอกผลเร่งการเจริญเติบโตเพิ่มความแข็งแรงทนทานต้านโรคพืชต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพด้วยพลังธรรมชาติแท้ๆ รวมไปถึงกากน้ำตาล หัวเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำเกษตรอินทรีย์ให้มีผลผลิตที่สมบูรณ์แข็งแรงได้มากที่สุด พ่อครูเยี่ยมชมห้องหมักผลิตจุลินทรีย์ต่างๆ ก่อนที่จะเดินออกมาด้านหน้าโรงปุ๋ยพลังชีวิต ที่ยังมีหลุมบ่อเนื่องจากฝนตกน้ำขังเป็นบริเวณกว้าง
พ่อครูเดินมาผ่านกองปุ๋ยด้านหน้าโรงปุ๋ย ท่านปัจฉาบอกว่าปุ๋ยเราเป็นปุ๋ยอินทรีย์ของแท้แน่นอนเพราะเวลานี้ฝูงนกพิราบต่างๆได้มาหาอาหารบนกองปุ๋ยของเราเป็นจำนวนมาก …พ่อครูเดินมาถนนทางลัดโรงปุ๋ยกับอาคารบวรมีหินคลุกมาเทเพื่อกลบหลุมบ่อทำให้ถนนสะดวกแก่การสัญจรไปมามากขึ้น..หลวงพ่อปรีดีกับพระอาคันตุกะอีกท่านหนึ่งเข้ามากราบนมัสการพ่อครู แล้วก็พากันเดินเข้ามาภายในอาคารบวรเจอรถของบริษัทผสมปูนกำลังลำเลียงปูนขึ้นชั้น 2 เพื่อเทพื้น พ่อครูเดินผ่านนิทรรศการพระโพธิสัตว์มาถึงตลาดประชารัฐ Green Marketเห็นผลผลิตผักพืชผักไร้สารพิษวางจำหน่ายอยู่แต่ไม่ค่อยเห็นผู้คนมาซื้อ แม่ค้าพ่อค้าบุญนิยมบอกอย่างอารมณ์ดีว่าเป็นเพราะทำถนนคนเลยไม่สามารถขึ้นมาบริเวณนี้ได้..ที่เฮือนแพทย์ไทยหมอยาพื้นบ้าน วันนี้หมอแตงไทย ได้คิด ดวงวงษาได้มาประจำการที่ร้านยาสมุนไพรรายงานพ่อครูว่าได้แจกฟรี ยาซุมแก้มะเร็งให้กับผู้ที่ต้องการรักษามะเร็งแบบใช้ยาสมุนไพรหลายคนแล้ว หมอแตงไทยยังได้ปรุงยาสมุนไพรหลายชนิดให้ชาวชุมชนได้ดื่มเพื่อบำรุงร่างกายและอวัยวะภายในที่สำคัญๆเป็นประจำ ชาวบ้านราชนับว่าเป็นชุมชนที่โชคดีมีทั้งหมอแผนปัจจุบันและแผนไทยคอยดูแลรักษาสุขภาพทั้งป้องกันและรักษาได้อย่างสมบูรณ์ดีมาก แม่บัวนวลมากราบนมัสการพ่อครู คุณอุไรที่อยู่ร้านค้าของบวรศีรษะอโศก สัปดาห์นี้นำมะละกอ กล้วยจากศีรษะอโศกมาจำหน่าย ได้แบ่งมะละกอเข้าโรงครัวกลาง พวกเราเย้ากับผู้เก็บผักว่ามาเก็บผักสวนนี้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ก็ขนขึ้นรถได้เลย ถ้าไม่ใช่แม่ค้าบุญนิยมก็จะไม่มีจิตที่จะแบ่งส่วนที่จะค้าขายเข้าส่วนกลางได้มากขนาดนี้..
พ่อครูเดินผ่านหน้าอาคารบวรสามกระบือผู้น่ารักทั้ง 3 ตัวยังยืนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ยิ้มยาก เป็นยิ้มแฟมิลี่ ต้อนรับผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ พ่อครูเดินลงด้านหน้าอาคารบวร พบต้นมะละกอรูปร่างชะลูดแต่แปลกตรงที่ว่ามะละกอมีทั้งผลและออกดอกด้วยแสดงว่าเป็นตัวผู้แต่ก็ยังมีผลมะละกอออกมาอีก ที่แปลกคือมะละกอออกเป็นพวงไม่ได้ออกเป็นลูกเป็นผลเดียว
พ่อครูเดินกลับมาที่หน้าน้ำตกผาแหงนพวกเราสังเกตเห็นฟองอากาศเล็กๆเหมือนเป็นสิ่งที่มีชีวิตเกิดขึ้นรอบก้อนหินบริเวณลานสะโพ พ่อครูสังเกตว่าอาจจะเป็นพืชน้ำที่กำลังคายออกซิเจนแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณนี้ที่มีการสังเคราะห์แสงเพิ่มคลอโรฟิลล์ให้กับสิ่งแวดล้อม..
พ่อครูเดินกลับมาทางขึ้นน้ำตกผาแหงน ต้นพยุงที่ปลูกพร้อมกัน 2 ต้นดูแล้วน่าจะรอดเพียง 1 ต้นที่ออกดอกแตกใบ ส่วนอีกต้นนึงไม่มีใบและเตรียมแห้งโรยราไป
พ่อครูเดินกลับขึ้นชั้น 4 ที่บันไดในเฮือนผาแหงนที่ดาดฟ้าชั้น 4 ซุ้มไม้เลื้อยสวนเอาพิษออก คนงานยังคงสานลวดเพื่อทำซุ้มไม้เลื้อยและทาสีเขียวสว่างสดใสที่เสา
ส่องผ่านเลนส์สังเกตุเห็นสิ่งมีชีวิตที่เกื้อกูลกันระหว่างพีชะนิยามอย่างเช่นต้นทองอโศกที่ออกดอกมีเกสรผลิตน้ำหวานก็เกื้อกูลหมู่ภมรทั้งแมลงภู่และผึ้งให้เข้ามาอาศัยดูดความหวานจากเกสรดอกไม้ จากดอกต้นนี้ ไปดอกต้นนี้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้นทองอโศก ขยายเผ่าพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ ผ่านหนวดและขาของแมลงภู่และผึ้งซึ่งเป็นชีวะนิยามเป็นสิ่งที่เกื้อกูลกันระหว่างพืช สัตว์และคนในการอยู่ร่วมกันเกื้อกูลกัน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เห็นทุกสิ่งเป็นเพื่อนร่วมแก่เพื่อนร่วมเจ็บเพื่อนร่วมตาย เราจะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เป็นการเพิ่มอธิศีลของศีลข้อที่ 1 ที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ได้สอนให้ลูกหลานชาวอโศกได้รักษาศีลข้อ 1 นอกจากจะไม่ฆ่าสัตว์แล้วยังต้องมีความเมตตากรุณาเผื่อแผ่ แก่สัตว์น้อยใหญ่อีกด้วย