610715 สติเอากิเลสอยู่หมัด ปัญญาเหนือกิเลสได้
พ่อครูสนทนายามเช้ากับปัจฉาฯ 15 ก.ค. 2561
พ่อครูว่า…อัมพัฏฐสูตร นี่ก็จะไปถึงจุดความเสื่อม 4 ประการ ยังไม่ถึงสักที พอถึงจุดเสื่อม 4 ประการคงจะได้ถล่มกันน่าดู อัมพัฎฐสูตรอธิบายไล่ๆ มันเรื่องของตำนาน มีอะไรที่จะขยายความ เบ่งกันข่มกันเรื่องของธรรมะ ทั้งนั้น
วนมาหาเรื่องของศีลเรื่องสมาธิด้วย ว่าต้องขยายศีล ให้รู้จักศีลแต่ละข้อ เป็นตัวกำหนดสมาธิ เป็นตัวกำหนดปัญญา เป็นตัวกำหนดวิมุติ อย่างศีลข้อ ๑ นี่คุณจะเกิดอธิจิต ส่วนปัญญาเป็นยาดำ ปัญญาจะอยู่กับความรู้ตลอด อยู่กับศีลต้องรู้อธิศีล อยู่กับจิตต้องรู้อธิจิต ตัวปัญญาเองก็พัฒนาขึ้นมา ได้วิมุตก็ต้องรู้วิมุตติญาณทัสสนะ มันก็ต้องรู้ตามทั้งหมด ยาดำจะเป็นตัวรู้ตามรู้ สัญญาเป็นตัวกำหนด ปัญญาเป็นตัวรวบรวมความรู้ รู้ๆๆๆ ไปเรื่อยๆในทุกอย่างที่ปฏิบัติในทุกอย่างที่มีกรรมกับกาละ มันถึงจะเกิดเกิดเกิดเกิดเกิด เกิดสภาวะต่างๆที่มันเกิด อภิสังขารขึ้นมา
ปราชญ์ต้องรักษาศีล ศีลต้องสะอาด พอได้จิต จิตได้วิมุต ได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ปัญญาก็รู้ ขึ้นมาเรื่อยๆเรื่อยๆ น้ำมันถึงจะเพิ่มทานขึ้นมาเรื่อยๆ มันถึงจะเพิ่มสภาพ พัฒนาศีลข้อ ๑ มันจะรู้รอบว่าได้อะไรบ้าง เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ วิมุติพร้อมรอบ มุมนั้นเหลี่ยมนี้ อะไรสมบูรณ์แบบแล้วเราก็ขยาย ผลไปหาศีลข้อ 2 เพราะในตัวศีลข้อ 1 สัตว์มันเคลื่อนไหว สัมผัส แล้วตัวสัตว์เองมันก็มีตัวธาตุรู้ก็มันเอง มีอัตตาของมันเอง จึงต้องเรียนรู้รอบ
ส่วนมาเรียนรู้วัตถุข้าวของ หรือแม้แต่พีชะ มันไม่มีอะไรโต้ตอบไม่มีอะไร Action ไม่มี reaction เราแอ็คชั่นมันท่าเดียว เพราะมันมีความรู้ทางด้านสัตว์แล้ว มาเอาของ วุ่นวายของมันง่ายขึ้น ง่ายขึ้นคุณก็จะเพิ่มฐาน มาทำแล้วเจโต ที่คุณจะสร้างกับสิ่งที่นิ่ง คุณก็จะรู้ ออทำกับสิ่งที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบทำกับสิ่งที่นิ่งต่างกันนะ แล้วเราก็จะรู้จักวิธีรับ วิธีตอบ กันยังไงชัดเจนดี ที่เราเองที่จะรู้กับการโต้ตอบ มันต้องมีอาวุธ มันต้องมีความรู้ มันต้องมีสิ่งที่จัดการได้
พอมีสิ่งจะนิ่ง มันง่ายขึ้น ง่ายขึ้นมันก็จะเกิดอัตตา มานะเพิ่ม ก็เข้ามาหาตาหูจมูกลิ้นกายใจ เอาทางตาก่อน ทางหูก่อน จมูกก่อนก็ได้ สิ่งหนึ่งก่อนก็ได้ เพราะจากสิ่งหนึ่งก่อนไปหาสิ่งนี้ก่อนก็ได้ แล้วเราก็อ่าน วัตถุปฏิกิริยาตอบกลับ หรือมีกิเลสเพิ่มขึ้น จนกว่าจะรู้ตัวกิเลสดีจนกระทั่งทำให้กิเลสเชื่องได้กิเลสอยู่ในอำนาจ หรือไม่มีกิเลสเข้ามา ปฏิกิริยากับเรา พูดถึงมุมไหนก็ได้ พูดในมุมของมันไม่มี พูดทุกวัน มันมีแต่เราก็แข็งแรง ก็ได้เหมือนกัน
พูดถึงมันไม่มีบทบาทกับเรา อันนั้นง่าย มีบทบาทกับเรา แต่เราแข็งแรง ทำอะไรเราไม่ได้ อันนี้เหนือกว่า อันนี้ถือเป็นเหนือ อันนั้นแค่หนี้ ให้มันหนีมันไม่มีมาหาเรา หรือเราหนี้มัน มันหนี แต่นี่มันเหนือ เพราะมันเหนือถือว่าสมบูรณ์แล้วนี่ เมื่อเราเองปฏิเสธสิ่งที่จะมาหาเรา มันก็มา เพราะมันมีหน้าที่มามันไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเรามีหน้าที่ที่จะอยู่เหนือมัน เหนือมันขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างที่อธิบายจุดเหนือจบ มันก็มีหน้าที่เหนือขึ้นไปเรื่อยๆ จะเราอยู่กับมันอย่างสบาย เพิ่มเหนือก็คือเพิ่มปัญญา เพิ่มไม่ต้องหนีแต่แข็งแรง ก็เพิ่มสติ สามเส้า สติคือ สามเส้า ติคือ 3 สะคือประกอบด้วย 3 สติเป็นแรงเป็นอธิปไตย ปัญญาเป็นอุตตระ มันก็เกิดปัญญา เกิดอธิปไตย เกิดปัญญาเกิดสติ เกิดปัญญาเกิดสติ เกิดสติกับปัญญา เกิดสติกับปัญญา เจริญขึ้น เก่งขึ้นเรื่อยๆ สติกับปัญญา สติกับปัญญา สติกับปัญญา สติกับปัญญา เกิดเก่งอธิปไตย กับความอยู่เหนือ อธิปไตย กับความอยู่เหนือ อธิปไตยกับอุตระ อธิปไตยกับอุตระ อธิปไตยกับอุตระ ก็เจริญธรรมะ 2 ไปเรื่อยๆเรื่อยๆเรื่อยๆ ความต้องการที่จะมีอธิปไตย ที่โลกใช้เป็นแกนของทุกอย่างก็ต้องมีตัวปัญญาหรือตัวเหนือ ต้องมีตัวอุตระ เหนือไม่ใช่ไปเบ่งข่ม เหนือมีฤทธิ์แรงลอยตัว อุททังโสโต มีแรงเหนือที่จะครอบง่ำคุณจริงๆ เหมือนกับจับหัวเด็กที่เราแข็งแรงพอ เด็กมันดิ้นสุดที่ยังไง มันจะทำยังไง จะออกทางกว้าง แขนมันก็ไม่ถึง จะเอาทางดิ้นมันก็ดิ้นไม่หลุด แรงไม่พอ จึงเรียกว่าอยู่หมัด สํานวนไทยเรียกว่าอยู่หมัด อยู่ในหมัด นี่ก็ขยายมาจาก อยู่ในมัด มัดได้แน่ มัดมันได้แน่น มัดมันได้แน่น แรงขึ้นเรียกว่าอยู่หมัด มัดได้เต็มหมัด หมัดเป็นแคแนติค ก็ชกเขา แต่ที่มัดเต็มเหนี่ยวทั้งมัดทั้งหมดอยู่ในตัวคือไม่ต้องชก จับมัด เอามัดคลุมไว้เลย ธรรมะ 2 เป็นธรรมะ 1 ทเวธัมมา ทวเนญ สโมสลนา
ถอดความโดย…อุทัย กิตติธรรมคุณ
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=3U4Rmf1JzfI[/embedyt]