610727_อาเปิ้ม–ขวัญดินส่งข่าว หลังจากการนำของไปบริจาคให้พี่น้องลาวไป 1 รอบ
27 ก.ค. 2561
_กลับมาถึงศีรษะอโศกห้าทุ่มกว่าด่านเขาปิดสองทุ่มก็เลยกลับมาทัน
_ณ วันนี้อาหารการกินไม่ขาดแคลน คนเข้าไปเยอะมากโดยเฉพาะคนไทย ข้าวนึ่งข้าวเหนียวคนลาวนิยมกว่า ช้าวจ้าวคนลาวกินไม่ค่อยเป็น
_อากาศหนาว มีกรมทางหลวงขนผ้าห่มไปให้เยอะ การช่วยเหลือเพียงพอ พวกเราหากจะไปให้รออีกจังหวะหนึ่ง
_บ้านเขาพัง เครื่องครัวขาด ข้าวสาร อาหารแห้ง ซีอิ๊ว ส่วนอาหารแห้งพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีมากพอ
_การเดินทางสะดวก เข้าถึงพื้นที่ได้เลย การบริหารจัดการเขายังไม่เก่ง การจัดการจะมีประสิทธิภาพต้องอาศัยคนในพื้นที่ประเทศลาว พาพวกเราไปถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่น เพราะทางการลาวอาจยังปรับไม่ทัน (อาเปิ้มมีผู้ประสานงานในประเทศลาวที่มีประสิทธิภาพ ก่อนไปติดต่ออาเป้ิม_ขวัญดิน 085-3407605 )
_คนไทยเข้าไปช่วยเหลือเยอะที่สุด คนไทยมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์มากมาย ส่งข้าวของไปมากมายล้นหลาม เฉพาะยานี้ 5 คันรถ กาชาดอุบลฯนำไป เราเข้าไปกับเขา ไปถ่ายของลงให้กับรถทางลาว เขาว่าเราสามารถเอารถเข้าไปเลย แต่ต้องทำ passport ทั้งคนและรถให้ถูกต้องก่อน
_ของทุกอย่างที่นำไป ต้องลงรายการ มีรายการหมดให้ทางการลาวตรวจดู จะได้รวดเร็วไม่ต้องตรวจสอบมาก
_ในหลวงร. 10 นำสิ่งของไปช่วยถึงที่อัตตะปือ
_ของที่นำไปไปไว้ที่ปากช่องชาวลาวจะนำไปส่งต่อให้
_อาเปิ้มไปถึงแค่ ปากช่อง ไม่ถึงอัตตะปือ ที่ปากช่องมีผู้ประสพภัยแค่ 1000 คน แต่ผู้ประสพภัยมีทั้งหมด 6000 กว่าคน 12 หมู่บ้าน
_ตอนนี้หน่วยซีลไทยเรือไทยเข้าไปช่วยแล้วในการตามหาผู้เคราะห์ร้ายและเข้าถึงพื้นที่ภัยภิบัติ
_ควรรออีกสัก 2-3 วัน หากน้ำลด เขาจะส่งคนกลับพื้นที่ เราจะรู้ว่าเขาขาดแคลนอะไรมากขึ้น
พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้กล่าวถึงเรื่องของ การทำความดีของเมืองไทยจะมีลักษณะพิเศษที่คนไทย มี DNA โลกุตระอยู่ จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่มหัศจรรย์ ที่ชาวโลกต้องทึ่ง อย่างเช่นกรณีช่วย 13 หมูป่าติดถ้ำ กรณีตูน body slam กรณีการสวรรคตของในหลวงร.๙
ทั้งหมดคือหัวเชื้อคุณค่าความดีของมนุษย์
สมณะเดินดินว่า..ในช่วงนี้ พ่อครูก็คงจะมาเก็บบทสรุป ที่สนามหลวง ที่มีปฏิกิริยา Chain reaction ของ A bomb of love. ที่ไอน์สไตน์พูดไว้เกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่คนเอาทฤษฏีไอน์สไตน์ไปฆ่ากัน แทนที่จะมาช่วยเหลือกัน ในหลวงเราก็ทำระเบิดแห่งความรักนี้มา70 ปี จนเกิดผล ให้เห็นที่สนามหลวง เดิมที่สันติอโศกจะทำข้าวต้มมัด สองพันกว่ามัดก็เป็นหลายพันมัดได้ วันนี้จะทำเป็นมันต้มแทน ที่สนามหลวงมีการทำอาหารแจกอาหาร มีผลข้างเคียงอาจทำให้ต้นมะขามที่สนามหลวงตาย เราเองถ้าจะหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะโฟม หันมาใช้กระทงใบตองได้ ง่ายและไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ฝากคนต่างจังหวัดถ้าใครจะมาก็ฝากเอาใบตองมาฝากคนกรุงเทพด้วย
ที่สนามหลวงคนกำลังมีปิติแจกอาหารแจกข้าวของกัน เรากำลังจะดึงมาสู่ชีวิตที่สมดุล ในหลวงเราบอกว่าประเทศไทยจะอยู่ได้ต้องมีความพอเพียงความสมดุลเป็นหลัก วันนี้พ่อครูจะมาได้อธิบายรูปธรรมนามธรรมที่ปรากฎให้พวกเราได้
พ่อครูว่า…ที่สันติอโศก วันนี้วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2559 แรม 9 ค่ำเดือน 11 ปีวอก วันแต่ละวันผ่านไปๆเหตุปัจจัยต่างๆก็เกิดขึ้นสังคมที่มีพฤติกรรมหรือพฤติกรรมสังคม ก็เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เสมอๆ ในเมืองไทยขณะนี้มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น ที่อาตมาเรียกว่า amazing ฟีโนมีนอน เป็นปรากฏการณ์ที่น่าตะลึง น่าทึ่ง น่ามหัศจรรย์
น่าทึ่ง น่ามหัศจรรย์คือ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากจิตวิญญาณเป็นประธานจริงๆ ซึ่งมันตกผลึก ใครจะเจตนาสั่งสมหรือไม่สั่งสมก็ตามแต่จิตวิญญาณได้รับการตกผลึก จะรับการสั่งสมเอาสิ่งที่ดีๆ เป็นสิ่งที่น่ายินดี น่าปลื้มใจ ถ้าไปเก็บเอาสิ่งที่ดีๆ ซึ่งพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า อันเป็นกุศลธรรม อันยิ่งใหญ่ กุศลธรรมในระดับโลกุตระ คือในระดับที่เป็นการแสดงออกที่ไม่เห็นแก่ตัว มันเป็นสาราณียธรรม คือเป็นธรรมะอันระลึกถึงกัน (สาราณียะ)
ตอนนี้มันก็เกิดความจริง ใต้ก้นบึ้งของจิตวิญญาณคนที่ได้ซึมซับเอาสิ่งที่เป็นกุศลกรรมนั้นไว้ คนเรานี่มันรักดีกันทุกคน มันอยากได้ดี ประทับใจก็จะประทับไว้ ด้วยตัวเองจะรู้สึก รู้ทันหรือไม่ทันก็ตามใจ แต่ในสัญชาตญาณของมนุษย์ คำว่ามนุสโสคือผู้ที่มีจิตสูง มันดูว่าอะไรดีหรือชั่ว จะหลงผิดอย่างไรก็จะรู้ ก็จะเก็บเอาสิ่งที่เป็นกุศลจิตที่ประเสริฐ และจิตที่ไม่เห็นแก่ตัว ที่ไม่มีตัวตนคือโลกุตรจิต
จิตที่เป็นการแสดงออกการเสียสละการให้ ตอนนี้เราจึงเห็นพฤติกรรมของการให้ ที่มันประทุออกมา อาตมาพูดตรงตรงเลยว่า แทบน้ำตาซึมเลย พฤติกรรมเล็กๆน้อยๆที่เจอ
อาตมาก็ไปเจอที่สนามหลวงไปเดินดู ไปสัมผัสดูเหตุการณ์ ของจริงต่างๆนาๆของเขา ก็เดินดูไป เด็กของเราตามไปมีด.ญ.ดูแลกับน้องศีล เขาก็เดินตามไปเขาฝึกเป็นผู้สื่อข่าวมีกล้องตามไป เสร็จแล้วไปเจอผู้ชายคนหนึ่งมีน้ำขวดมาสองขวด มาถึงก็ยื่นให้ดูแล ดูแลก็ไม่เอา เขายื่นมาถูกตัวเลย ศีลก็เลี่ยงไม่เอา เขาก็พยายามยัดเยียดให้อยู่นั่นแหละ อาตมาเห็นเขาให้ด้วยน้ำใสใจจริง เขาไม่ใช่คนแต่งตัวดีอะไรหรอก ค่อนข้างดูโทรมด้วยซ้ำ ซึ่งดูแลเห็นแล้วก็คงรู้สึก แต่คนแต่งตัวดีๆ เด็กเรา Innocent ก็อาจจะรับ อาตมาก็ดูกิริยา เขาไม่ได้ให้สัญญาณอะไร ดูแลก็คงพอมีปฏิภาณ เขาพยายามยื่นให้ ดูแลก็จำนนรับให้ ศีลก็รับให้ พอรับให้เขาเท่านั้นผู้ชายคนนี้ก็ร้องไห้เลย คุณนึกดูเลยว่าคืออะไร? พอดูแลเขารับ เขาก็ร้องไห้
เป็นปรากฏการณ์ที่อธิบายได้ยากมากเลย จิตใจลักษณะเช่นนี้ มันเป็นลักษณะหลั่งการเสียสละหลั่งการให้ พฤติกรรมของสังคมไทยมันเป็นโรคระบาดแห่งการให้ จะเห่อหรือ fever การให้ อาตมาว่าไม่ใช่โรค หรือfever แต่เป็นความจริงใจที่ประทุออกมา ต่างคนต่างจะไปให้ สังคมจึงเต็มไปด้วยการให้ ก็จะมีการให้ไปให้มาให้กลับคืน ให้กันไปให้กันมา ก็ดีใจ ปลื้มใจประทับใจที่เราได้ให้ มันเป็นปรากฏการณ์ที่ ยิ่งใหญ่มาก วิเศษมาก คำตอบคำเดียวว่าการให้เป็นความดีงาม
ดีงามคือ สาหุ เป็นเรื่องดี ด้วยประการใดๆทั้งนั้น กิริยาการให้ เป็นรูปแบบการให้เลย จะจริงใจหรือไม่จริงใจแต่รูปแบบการให้มันดีแล้ว ถ้ายิ่งจิตใจได้ให้ด้วยจริงใจก็สมบูรณ์แล้ว
สรุปแล้วธรรมะต่างๆคนเรามาปฏิบัติธรรมเพื่อการให้อย่างเดียว ในบารมี 10 ทัศ จะปฏิบัติ ทาน ศิล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน ลงท้ายด้วยเมตตากับอุเบกขา ตัวประพฤติแท้ ก็คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา สี่ตัวแรก จะบอกว่า คำว่า ทาน คือตัวแท้ ให้ ประพฤติศีล วิธีการปฏิบัติ การปฏิบัติศีลพรต จะมีหลักปฏิบัติใดๆก็เพื่อจิตมันให้ ถ้าจิตมันให้ได้ก็คือเนกขัมมะ ฝึกอ่านเอาความโลภออก เอาความเป็นตัวกูของกูออก เอาไปให้ เนกขัมมะต้องมีปัญญารู้ว่า ชีวิตนี้เป็นคนให้เถอะ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ใจไม่ต้องมีความขี้เหนียวหวงแหน หรือต้องการสิ่งตอบแทน ไม่ต้องเลย
สรุปแล้วธรรมนี้ ถ้าศึกษาฝึกฝนก็เพื่อจะเป็นคนให้ พระอรหันต์ทุกพระองค์ คือพระผู้ให้ คือผู้ให้ ผู้ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น พระอรหันต์มาเป็นผู้ที่ไม่ต้องมีอะไร หมดเนื้อหมดตัว หมดตัวหมดตน ทรัพย์สมบัติวัสดุก็พอมีอาศัยใช้สอย แม้แต่อาหารก็ไม่สะสม ตื่นเช้าขึ้นมาเราจะยังชีพได้ด้วยอาหารก็พอนิดหน่อย เดินไปบิณฑบาต ถือบาตรที่ใส่อาหาร เดินไปไม่ได้ขอนะ เป็นวัฒนธรรมที่สมบูรณ์แบบแล้ว คนเห็นก็ให้ท่านได้อาหารเลี้ยงชีวิตไว้ ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา ชีวิตนี้เนื่องด้วยผู้อื่น โดยที่เราเองก็เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่สะสม ชีวิตมีวรรณะ 9 เป็นคนมักน้อยสันโดษ เป็นผู้ที่ขัดเกลา มีศีลเคร่ง มีอาการน่าเลื่อมใส ไม่สะสม อปจยะ และขยันเสมอ วิริยารัมภะ
งานหลักของพระอรหันต์หรือผู้บรรลุธรรมสูงสุด คือบอกความจริงเปิดเผยความจริงอธิบายความจริงแจกจ่าย เผยแพร่ความจริงให้คนได้รู้ความจริง ให้คนได้ประพฤติปฏิบัติความจริง มาเป็นผู้ให้เหมือนพระอรหันต์
ถ้าบุคคลใดสังคมใดมีแต่การให้มากกว่าการเอา มีแต่คนอยากให้ มีแต่คนไม่ทำเพื่อตัวเอง ทำแล้วก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ทำแล้วก็เอามารวมกันกินแจกจ่ายเกื้อกูลกันไป สังคมแบบนี้เป็นสังคมประเสริฐสังคมสูงสังคมคนเจริญ เคยเห็นสังคมแบบนี้ไหมเอ่ย เห็นไหม?
มีแรงงานทำผลผลิต ใช้เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคใช้สอยร่วมกันไป ไม่หวง ไม่แหน แบ่งแจกเกื้อกูลกัน เป็นสาธารณโภคี พฤติกรรมของสังคมแบบนี้เคยเห็นบ้างไหมสังคมแบบนี้ ที่ไหนที่ไหน …ที่อโศก ….ชาวอโศกอยู่ไหน?
ชุมชนชาวอโศกเราเป็นสังคมที่ปฏิบัติธรรม อาตมาได้ละทิ้ง การมีชีวิตอย่างคนทางโลก คือการทำมาหากิน ละทิ้งลาภยศสรรเสริญโลกียสุข กาม อัตตา แค่นั้น จนอาตมาปฏิบัติได้บรรลุธรรมก็จึงเลิกจากการมีชีวิตแบบอย่างนั้น ออกมาตั้งแต่พ. ศ. 2513 จนถึงวันนี้ ก็ 46 ปีเข้าไปแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจเต็มใจ ว่าการมีชีวิตอย่างนี้ดีแล้วถูกแล้ว ดีกว่าการมีชีวิตแบบโลกๆ ถ้าอาตมาอยู่ทางโลกก็แย่งลาภ ยศ สรรเสริญ กับเขาได้อยู่นะไม่ได้พ่ายแพ้ เป็นตัวแย่งเอาทรัพย์สินในสังคมเดือนหนึ่งไม่ใช่น้อย
ตอนนั้นก็กำลังจะตั้งบริษัทหัวใจสีชมพู ที่จะเป็นบริษัทเป็นบันเทิงธุรกิจสื่อสารมวลชน มีทั้งแสดง แต่งเรื่อง เพลง วาดภาพ ถ่าย จะรวบรวมไว้ยิ่งกว่าแกรมมี่ อาร์เอส รวมกันเลย รวมสื่อสารมวลชนบันเทิงธุรกิจเอาหมด แต่เสร็จแล้ว เมื่อมาปฏิบัติธรรมก็รู้ว่าบาปกินหัวเปล่าๆจึงเลิก โดยไม่ได้สงสัยลังเล ออกมายังเด็ดเดี่ยว ก่อนออกมานี่ทรัพย์สินเงินทองก็แบ่งให้น้องๆ คนอื่นก็มาเอา แม้แต่เด็กมุสลิมก็แบ่งให้ แล้วก็ออกมา โดยไม่เหลืออะไรไว้ ยังเซ็นกระดาษเปล่าให้น้องๆว่า ว่าถ้ามีอะไรตกหล่นก็เอาไปได้เลย บอกเขาไว้
สรุปแล้ว อาตมาว่า ชีวิตชาตินี้ ที่มาเป็นโพธิรักษ์ ทำงานอยู่ทุกวันนี้ อาตมาว่าอาตมาเป็นคนสมบูรณ์แบบ ไม่ได้ยกย่องตนเองอะไรนะ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้และออกมาประกาศเพื่อให้คนมาเป็นแบบนี้ ที่เรียกกันว่าเป็นอริยบุคคล จะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อรหันต์ ก็ตามแต่ ตามแต่ละขั้นตามแต่ละฐานะ อาตมาก็มาเป็นคนอย่างนี้ได้ แล้วก็มาเผยแพร่ประกาศอธิบายเพื่อให้คนอื่นๆทั้งหลายที่เป็นมนุษย์มาเป็นคนอย่างนี้กันเถอะ
ตอนนี้ เหตุการณ์บ้านเมืองที่มาจากจิตวิญญาณที่แสดงออกกันเต็มบ้านเต็มเมืองไทยขณะนี้ อยากจะไปดูเป็นพฤติกรรมเข้มข้นจริงๆก็ไปดูสิ เปรอะเต็มสนามหลวงเลยพฤติกรรมนี้ มีแต่คนแสดงออกที่น่าซาบซึ้งใจ คำว่า “ให้”คำเดียวมันไม่พอ
ขนาดวันเซ็นลงนามถวายอาลัยคนยังมากขนาดนี้ แล้วถ้าเปิดเคารพพระศพอีกก็คนจะมากกว่านี้อีกเยอะ
พฤติกรรมนี้เรียกว่า หัวเชื้อคุณค่าของความเป็นคนของความเป็นมนุษย์ ที่มีต้นแบบมาจากพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงพระจริยวัตร คนรับรู้ได้ทั่วไป ชัดเจน
พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงงานทรงพระจริยวัตรอย่างที่คนอ่านรู้ได้ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงงานมากว่า 70 ปีเป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงงานหนัก ท่านก็ไม่ได้ประกาศให้ใครรู้แล้วท่านก็ทรงประพฤติปฏิบัติอย่างนั้นของท่านเอง ท่านก็ทรงประพฤติปฏิบัติของท่านเองไปเฉยๆ ไม่ได้ประกาศบอกกล่าว ไม่ได้โฆษณาหาเสียง มันก็รู้ก็เห็นกัน มนุษย์ไม่ใช่คนตาบอด ตอนนี้กล่าวได้ว่าคนตาบอด หนูพัทธนันท์ ตาบอด ก็บอกว่ามองเห็นพระเจ้าอยู่หัวทั้งที่ตนเองตาบอด
เป็นนิมิตหมายที่คนตาบอดมาประกาศให้โลกรู้ว่าฉันมองเห็น ฉันมองเห็นพระเจ้าอยู่หัวของไทย มองเห็นแล้วก็ซาบซึ้งบรรยายไปตามเนื้อเพลง ในหลวงของแผ่นดิน
มองเห็นพระเจ้าอยู่หัว ท่ามกลางความมืดมัว แล้วตัวคนมองเห็นนอกจากมืดมัว แล้วตนเองยังตาบอดอีกต่างหาก มันซับซ้อนกี่ชั้น มาร้องเพลงว่าเห็นในหลวงแล้ว อีกเพลงหนึ่ง“เพลงยิ้มสู้” ทรงพระราชนิพนธ์ให้แก่คนตาบอด ให้คนตาบอดให้หัดร้อง คนตาบอดก็ร้องยิ้มสู้ๆ จนตอนนี้คนตาบอดเห็นแล้ว ก็มาบอกประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า หนูเห็นแล้วๆ เห็นอะไร เห็นในหลวง เห็นทิพยธรรม เห็นธรรมทิพย์ของในหลวง อาตมาหยิบมาพูดตามประสาอาตมา เป็นอจินไตย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นของจริง ตถตา เป็นความจริงเช่นนั้นเอง ใครมองความจริงออก
มันจึงทำให้อาตมายิ่งมั่นใจว่า ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีสิ่งที่ประเสริฐอันนี้แหละ ในหลวงของเราได้เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ได้ทำกิจนั้นไว้เสร็จแล้ว เป็นเวลายาวนาน 70 ปี มีสิ่งประเสริฐทิ้งไว้ให้แก่มวลชนทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ถ้าใครรู้ไม่มีสงวนลิขสิทธิ์ด้วย นำไปประพฤติปฏิบัติตามคำสอนตามที่พระองค์ท่านนำทำมาก่อนด้วย แต่ละหน้าที่แต่ละฐานะ ทำไปตามหน้าที่ของตัว ท่านเองก็ทรงหน้าที่ของท่าน เราแต่ละคนก็มีหน้าที่ตามสุจริตกรรมของเรา ตามโอวาทปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า สัพพปาปส อกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส) ก็สมบูรณ์แบบ จบ
(พ่อครูไอ) สมณะเดินดินว่า…พ่อครูเกริ่นกล่าวทานสูตร อาตมาคิดว่าทานสูตรไม่ใช่ไปว่าเฉพาะธรรมกาย แต่พวกเราเองด้วย ทานอย่างไรจะหมดตัวหมดตน พฤติกรรมของในหลวง 70 กว่าปีก็คือการให้อย่างสมบูรณ์ณรงค์โดยไม่ต้องหาเสียง เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ต่อมาถึงประชาชน ถ้าชาวอโศกได้ทำทานอย่างในหลวงบ้าง ทำโดยไม่ต้องคิดว่าจะมีใครมายอมรับเราไหม จะมีใครจะมาชื่นชมเราไหม ทำไปอย่างเดียว ก็จะมีอานิสงส์ อย่างที่พ่อครูยกตัวอย่างคุณชัช อุบลจินดาให้ฝรั่งเหยียบหลังไม่ถึงห้านาที แต่ว่าเขาทำอย่างไม่ได้หวังอะไร ก็น่าซาบซึ้งมากแล้ว
พ่อครูว่า…คุณชัช ให้ฝรั่งเหยียบหลังขึ้นจากโคลนแล้วก็ไม่ได้รอรับแม้คำขอบคุณ ขับเรือไปเลย
สมณะเดินดินว่า…ชาวอโศกเราก็ควรจะทำทานยังไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไรกลับคืนเลย เหมือนอย่างที่ในหลวงทรงงานมาตลอดเจ็ดสิบกว่าปี ในหลวงไม่ได้มีสำนักประชาสัมพันธ์ของในหลวงเลย ทรงทำมาตลอด 70 ปี เป็น big bang ที่ประชาชนไทยรับรู้ได้
591025_พุทธศาสนาตามภูมิ สันติฯ หัวเชื้อคุณค่าความดีของมนุษย์