“ขอเล่าเข้าพรรษา” ตอนที่ 5 วันบวร
รู้สึกตัวขึ้นมาก็ได้ต่อสู้แล้วชีวิต สู้กับความขี้เกียจตื่นค่ะ นาฬิกาปลุกตีสามแต่ลุกออกจากที่นอนตีสามครึ่งตอนเสียงระฆังค่ะ สัญญาทำวัตรเช้า ที่บ้านราชมีการสวดมนต์ทำวัตรเช้า 3 วัน วันจันทร์ฟังฆราวาส วันอังคารฟังสิกขมาตุ วันพุธฟังท่านสมณะ ธรรมะหลากหลายสไตล์ค่ะ ปะชอบทำวัตรเช้าเวลาสวดมนต์จะเปล่งเสียงดังและหายใจให้เต็มปอด ค่อยๆ พ่นลมออกตามการเปล่งเสียง ตามนาฬิกาชีวิตช่วงนี้ลมปราณจะอยู่ที่ปอด ปะก็เลยเอาประโยชน์สองส่วนคือทั้งกายและใจด้วยค่ะ ประโยชน์ของการฟังเพื่อนนักปฏิบัติธรรมได้ประโยชน์มาก ทำให้เข้าใจและเห็นใจกัน ฟังแล้วใจก็อนุโมทนากับทุกคนที่ต่างก็ตั้งใจมาฝึกฝนปฏิบัติธรรม มาเสียสละทำงานฟรี ทำงานฟรีเป็นกลวิธีของการล่ออัตตามานะความยึดดีให้แสดงตัวออกมาค่ะ เพราะมันจะหลงการทำดีของตนเอง หลงความคิดของตัวเอง พ่อครูจึงสอนให้อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนรับใช้
ฟังก็เข้าใจแต่เวลาลงสนามสภาวะมันก็ไม่เป็นเหมือนรู้นะคะ ตอนผัสสะไม่ค่อยรู้ตัวหรอกค่ะ ต้องมีการทบทวนแล้วหาวิธีแก้ไขพฤติกรรมใหม่ กว่าจะได้สภาวะอ่อนน้อมได้ก็ต้องผ่านสนามหลายครั้งจนลดกิเลสได้ลดอะไรที่ตัวเรายึดไว้ นานมากกว่าจะรู้ตัวแต่ละอย่าง ปฏิบัติธรรมมันจึงต้องอาศัย ตาหูจมูกลิ้นกายใจไปกระทบสัมผัสสัมพันธ์กับทั้งคนทั้งของ ที่ท่านสมณะสอนว่ามีผัสสะเป็นปัจจัย ซึ่งปะเข้าใจว่าเป็นปัจจัยให้เกิดกิเลส และจัดการกิเลสจนลดกิเลสได้ค่ะ ปะจึงไม่นิยมไปฝึกแบบสมถะอยู่ในที่เงียบๆ นั่งสมาธินิ่งๆ มันไม่เป็นของจริง มันต้องเจออะไรในเหตุการณ์ชีวิตจริงๆ แล้วใจของเราเกิดอารมณ์อย่างไร เรารู้ตัวไหมว่าเราเกิดราคะ โทสะ หรือโมหะ
สมัยก่อนไม่รู้ตัวหรอกค่ะ โมโหเสียงดังยังบอกว่าไม่โมโห อย่างนี้เป็นต้น กว่าจะรู้ตัวก็นาน แถมรู้ตัวแล้วระงับอารมณ์ไม่ได้อีก ปล่อยพลังอำมหิตออกไป แต่เมื่อฟังคำสอนว่า “ความโกรธเป็นอารมณ์ของคนมีปัญญาทราม” จึงต้องตั้งสติฝึกฝน นี่ก็เป็นด้านโทสะ ส่วนด้านกาม ยากหน่อยค่ะ เพราะจิตมุ่งแต่จะเสพสุข ดูดดึงกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กับคนกับของ แต่เมื่อเกิดการสำรวมสังวร ฟังคำสอนที่ว่า “กามทั้งหลายเกิดจากการดำริ” อะไรที่ชอบก็เลยต้องหัดพราก หัดลดละการเสพ เห็นไหมคะ ถ้ากิเลสจะลดมันคิดเอาไม่ได้ ไปนั่งหลับตาทำสมาธิมันไม่ออกแน่ค่ะ มันต้องมีผัสสะและทำการลดละ ฝึกหัดพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยาง การปฏิบัติธรรมถึงต้องมีกรอบของการปฏิบัติศีล ทำการเว้น ไม่ใช่ไปรับศีลจากพระแล้วตนเองจะเป็นคนมีศีล มันต้องมีการสังวรสำรวมตาหูจมูกลิ้นกายใจของเรา รู้จักประมาณการกินการใช้ และตื่นรู้เท่าทันโลกหรือที่เรียกว่าความสุขที่จะมามอมเมาเรา ปะว่าเรามาฝึกอ่านเวทนาอ่านอารมณ์ของเราในชีวิตประจำวันให้ได้ ดีกว่าไปนั่งสมาธิหลับตาแล้วก็ใช้ตรรกะคิดว่ากิเลสลด มาฝึกเท่าทัน ทบทวน อ่านใจได้ ทำใจเป็น ในการดำเนินชีวิตกันดีไหม
วันจันทร์ที่บ้านราชเป็นวันบวรก็คือ วันที่ นักบวช นิสิต นักเรียนและชาวชุมชนจะได้ไปบำเพ็ญประโยชน์ทำงานของหมู่บ้านตามจุดต่างๆ นิสิต วนบ. และนักเรียนจะได้ทำงานร่วมกัน แบ่งเป็น 7 กลุ่มค่ะ สัปดาห์นี้ไปทำงานตามจุดต่างๆ ดังนี้
กลุ่ม1. ไปกรอกปุ๋ยที่ได้จากทำเห็ดที่โรงเห็ด (โรงสีบุญคุณข้าว) งานนี้มีท่านสิกขมาตุเป็นหญิงเป็นแม่งานค่ะ
กลุ่ม2. หลวงพ่อหินจริง พาสมาชิกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ขนหนังสือที่คัดจากห้องสมุดชั้น 3 ไปที่สถาบันขยะวิทยาด้วยหัวใจ และทำงานแยกขยะค่ะ
กลุ่ม3. ไปเพาะเห็ดที่โรงสีกับอาหินพัน
กลุ่ม4. ได้ขึ้นรถไปสวนใสหม่วนเตรียมดินที่จะปลูกพืชผักในโรงเรือนโดยมีอาแอ๊ดปลุกดินเป็นผู้พาทำ
กลุ่ม5.เตรียมพื้นที่ปลูกโหระพา,กระเพราข้างอาคารบวรฝั่งห้องน้ำโดยแม่เปลี่ยนเป็นผู้นำ
ส่วนกลุ่ม6. และ กลุ่ม7. ไปสีข้าวที่อาคารบวร.โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาพูนไทเป็นหัวเรือใหญ่ ปะเลือกไปสีข้าวค่ะ แต่ปรากฏว่ารถสีข้าวมาไม่ได้ กิจกรรมก็เลยกลายเป็นเรียนรู้การนวดข้าวแบบโบราณ การทำงานวันนี้สนุกค่ะ เพราะเป้าหมายอยู่ที่การเรียนรู้ไม่เน้นงาน เพราะรถจะมาสีข้าววันหลัง ปะสนุกมากได้ฟาดข้าวแบบปลดปล่อยพลังทำงานได้เหงื่อจากการฟาดมัดข้าวใส่พื้น
แปดโมงครึ่งก็มีการสรุปงานแล้วค่ะ นี่เป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ร่วมกันของเด็กกับผู้ใหญ่ ฟังเด็กพูดผู้ใหญ่พูดและตบท้ายด้วยข้อคิดของสมณะค่ะ ลงมือปฏิบัติงานและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน หลังเสร็จงานปะตักข้าวไปกินบนรถที่จะไปเอาของบริจาคช่วยเหลือพี่น้อง สปป.ลาว ที่อำเภอเลิงนกทา ที่ร้านใจฟ้าซึ่งเป็นบ้านของญาติธรรม อาจารย์ดั่งชัย ช่วงชิง เป็นการรวมใจกันของพี่น้องประชาชนที่เลิงนกทานำมาบริจาค พวกเราไปจำนวน 15 คนจะไปช่วยขนของ เอารถหกล้อไป นำทีมโดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ้งบุญ บูรณะกิติ ประทับใจอาจารย์ดั่งชัย ท่านต้อนรับดีมาก ที่ร้านใจฟ้าเป็นร้านขายของในระบบบุญนิยมระดับที่ 1 ค่ะ คือขายราคาต่ำกว่าท้องตลาดค่ะ เป็นร้านธงฟ้าประชารัฐด้วย การค้าบุญนิยมมี 4 ระดับค่ะ คือ 1. ต่ำกว่าท้องตลาด 2.เท่าทุน 3.ต่ำกว่าทุน 4. แจกฟรี ซึ่งชาวอโศกสามารถทำได้ทุกระดับเลยค่ะ การทำงานครั้งนี้เห็นความสุขของการให้ มีลูกค้ามาซื้อของที่ร้าน พอเห็นว่าพวกเราขนของไปช่วยที่ประเทศลาวก็มาช่วยคนกันยกของด้วยจนเสร็จ อาจารย์ดั่งชัยอยากให้เอาข้าวไร้สารพิษที่ท่านปลูกมาที่บ้านราชด้วย แต่รถเต็มท่านบอกว่าจะเอามาทีหลัง ทำงานเสร็จก็ให้พวกเราไปกินอาหารก่อน เตรียมอาหารหลากหลายเมนูไว้ต้อนรับ เพื่อนๆกินข้าว ปะก็นั่งคุย ความเป็นญาติธรรมมีความอบอุ่นเสมอค่ะ
กลับถึงบ้านราชบ่ายห้าโมงกว่าๆ รีบอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้าสู่งานพิมพ์แก้คำผิด รายการพุทธศาสนาตามภูมิวันนี้เด็กๆ เข้าฟังพ่อครูค่ะ ประทับใจคำถามเด็กๆ ปะได้ประโยชน์มาก อดคิดถึงคนที่สนใจไม่ได้เลยคัดลอกไว้ที่เฟสบุ๊คคงได้อ่านกันแล้วนะคะ เฟสบุ๊คของปะมีแต่ธรรมะค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เราเกิดสัมมาทิฏฐิค่ะ แต่อย่างไรก็ตามหากฟังธรรมไม่เอาไปทำก็ไม่เกิดมรรคผล ไม่พ้นทุกข์ ก่อนจากกันวันนี้ขอฝากโศลกธรรมของพ่อครูที่ปะเอาไว้เตือนตนเองว่า “อย่าหลงเพลินกับความรู้ จงเร่งเอาจริงกับความจริง” ก่อนนอนปะก็เจโตสมถะเล็กน้อย ทำใจให้นิ่งๆ และสูดลมหายใจลึกๆ พ่นลมเบาๆ ผ่อนคลายกับหมอนนอน จึงเข้าสู่ห้วงนิทรา.
ปะตรงเตือน นาวาบุญนิยม
พุทธสถานราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี
30 ก.ค. 2561