610802_พ่อครูพบนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าฯ
บ้านราชฯ 2 ส.ค. 2561
พ่อครูว่า….อาตมาเกิดมาทำเรื่องนี้เป็นล้านชาติมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น เวลา 100 ปีนี้สั้นนัก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ใครที่เคยผ่านคำสอนที่พระเจ้าตรัสไว้ มีบางช่วงคนอายุถึง 8 หมื่นปี ผ่านมาอีกกี่ล้านปีที่คนอายุลดลงไป มันเกินความคิดแล้วเป็นเรื่องอจินไตย คือเรื่องที่คิดเอาด้วยตรรกะไม่ได้ อาตมาประกาศตัวเองหมดสิ้นแล้ว
อาตมาทำงานศาสนามา 48 ปี ย่างเข้า ตั้งแต่ลาออกจากโลกมาอายุ 36 ปี เลิกทางโลกมาทางนี้อย่างไม่ได้ใยดีทางโลก ชัดเจนที่สุด ไม่ได้มาด้วยการถูกหลอก มาด้วยความเป็นจริงทุกอย่าง ทำงานมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ จนเกินอายุขัย ที่จริงอาตมาอายุขัยแค่ 72 ปี แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว อาตมากำลังพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า พลังงานทางจิต เราสามารถสร้างพลังงานทางจิตของเรา ให้มีสมรรถภาพ ในการที่จะยืดอายุตัวเองได้ยิ่งกว่า ยาอายุวัฒนะ
อาตมาได้ทำมาพิสูจน์ เรียกพลังงานนี้ว่าสัมประสิทธิ์ Coefficient เป็นพลังงานทางจิต ซึ่งอาตมาที่จริงพูดนี้หลายคนเชื่อยาก อาตมารู้ว่าจะต้องตายตอนอายุ 72 แต่ก็ทดลองตั้งใจต่ออายุไป ก็เลยพิสูจน์ได้ว่า อาตมาเลยมา 12 ปีได้ 1 นักษัตร อาตมาก็ตั้งตอบที่สุดต่อไปอีกว่าถ้าอายุ 144 จะไปอีก 12 12 12 ช่วยต่ออายุไปถึง 36 ปี พลังงานสัมประสิทธิ์จะคงที่ สามารถใช้เป็นหลักเกณฑ์ได้ แต่นี่มันยังไม่ถึง ตั้งใจว่าจะอายุ 151 ปีจึงจะตาย
ประเด็นจะให้พูดคือเรื่องการส่งเสริมความสมานฉันท์ในท้องถิ่น อาตมาขอยืนยันว่าเรามีความรู้และความจริง ความรู้ที่ไม่มีความจริงนั้นมีเยอะในโลก แต่มันเป็นความจริงไม่ได้ ความจริงคนที่มีความจริง แต่มีความรู้ที่จะสาธยายอธิบายก็มี มีมากด้วย มากกว่าคนที่รู้ความรู้ แต่ความรู้ที่ไม่จริงนั้นมากกว่า ความรู้ที่ไม่จริงนั้นมากกว่า ความรู้ที่รู้ความจริงนั้นน้อยกว่า ความจริงที่ไม่มีความรู้ ที่ยังเลือกไม่ได้ก็ยังมากกว่าความรู้ที่รู้แล้วทําไม่ได้ คนที่รู้จริงอย่างสัมมาทิฏฐิ จะทำจริงได้ ก็กลายเป็นคนที่มีทั้งความรู้และความจริง สมบูรณ์ครบพร้อม
ยกตัวอย่างชาวอโศกมีทั้ง 2 อย่างความรู้และความจริงจึงทำได้ และเป็นสังคม คนจน
เข้าเรื่องนี้
ที่เราจะมาเอาความสมานฉัน คือ สามารถรวมกันติด การสมานฉัน คือการรวมกันติดนั้น ขยายความให้เห็นว่า มันเป็นได้ประมาณ 5 แบบ
แบบที่ 1 แบบบังคับ ด้วยอำนาจบาตรใหญ่ ของคนผู้มีอำนาจ ก็ทำได้ สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมัยมีหัวหน้าเผ่า
แบบที่ 2 แบบบังคับอยู่ภายใต้กฎหมาย อยู่ในวินัยในวัฒนธรรม
แบบที่ 3 อยู่ด้วยใจนิยมชมชอบ มีอิสระเหมือนกัน แต่ยังเป็นรสนิยมของโลกียะ taste ที่เป็นโลกียะรวมตัวกันอยู่ แต่ก็รวมกันได้แม้ทะเลาะกัน ฝ่ายไหนใหญ่ก็อยู่ได้ บางทีฝ่ายเลวแต่ใหญ่ก็อยู่ได้
แบบที่ 4 แบบอิสระที่ตัวเองก็ทำใจ มีอิสรเสรีภาพ เป็นประชาธิปไตย อิสระเสรีภาพเป็นตัวหลัก ที่คนทั้งโลกทั่วไปรู้ ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ มีสามเส้าคือ 1 อิสระเสรีภาพ 2 ไม่มีอัตตาตัวตน 3 ต้องมีความรู้ทางจิตวิญญาณ
ประชาธิปไตยที่ไม่มีจิตวิญญาณนั้นอาตมาเรียกว่าประชาธิปไตยขาเดียว เช่นทางอเมริกา ไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณเป็นหลัก แต่ประชาธิปไตยต้องมีความรู้ทางจิตวิญญาณเป็นหลัก และมีความรู้ที่จะมีอิสระเสรีภาพที่ Absolute จะเข้าใจความไม่มีอัตตาตัวตน คือการไม่เห็นแก่ตัวไม่เหลือตัวตนเลย นี่คือความรู้ทางจิตวิญญาณ มีศาสนาพุทธเท่านั้นที่เป็นได้
ศาสนาพุทธเขาบอกว่าเป็นความรู้ทางปรัชญาตรรกะ ไม่ใช่ความรู้ศาสนา ที่แท้เขานั่นแหละเป็นตัวงมงายไม่รู้จิตวิญญาณ เพราะเขามีจิตวิญญาณพระเจ้าเป็นใหญ่ที่สุด ศาสนาที่มีพระเจ้าเป็นใหญ่ที่สุดนั้นไม่มีอิสระเพราะถูกพระเจ้าควบคุมได้ ศาสนาเทวนิยมศาสนาพระเจ้ายังไม่มีอิสระเสรีภาพบริบูรณ์ เป็นศาสนาที่ยังไม่รู้จักอัตภาพ พระเจ้าเป็นอัตตาใหญ่เรียกว่าปรมาตมันทุกคนเป็นอัตตาย่อย ไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณที่จะล้างอัตตาได้ ศาสนาพุทธเท่านั้นที่รู้จักอัตตาและกำจัดอัตตาจนหมดอัตตาได้
ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ มีสามเส้าคือ 1 อิสระเสรีภาพ 2 ไม่มีอัตตาตัวตน 3 ต้องมีความรู้ทางจิตวิญญาณ
ขออภัยที่ยกตัวอย่างชาวอโศกที่เป็นหลัก มีตัวจริง ฟีโนมีนอล ยืนยันได้ มาสัมผัสได้
อาตมาพาชาวอโศกทำตามทฤษฎีพระพุทธเจ้าเป็นหลัก มั่นใจว่าทำอย่างสัมมาทิฏฐิ ทำจนเป็นสังคมหมู่ สังคมกลุ่ม และอยู่กันอย่างจริงๆ อย่างไม่ได้หลอกใคร เป็นคนจนที่ไม่สะสมเงินทอง จนขนาดที่ไม่มีสมบัติของตัวเองได้ด้วย มีแต่บริการเครื่องใช้ มีชีวิตร่วมอยู่กับสังคมนี้ ทำงานอย่างเต็มที่ไม่เหลาะแหละไม่อู้ ไม่หลบเลี่ยง
ถ้าใครศึกษาตามพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา ท่านเป็นองค์หนึ่งที่มาช่วยโลก ในฐานะ ปางอาตมานี้ ปางอาภัพบุคคล แต่ในหลวงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน มีคนถามว่าทำไมท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินท่านก็บอกว่าท่านบอร์นทูบี ท่านบอกว่าข้าพเจ้าก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เกิดมาเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ส่วนอาตมาก็ไม่มีปัญหาหรอกใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็พิสูจน์ตัวเองไป เพื่อสร้างความจริงนี้ไปในโลก คนจะค่อยๆมาศึกษา ก็จะเกิดผล
ตอนนี้อาตมาเร่ิมได้ 1 รอบของที่อาตมาตั้งใจ ยังเหลืออีก 2 รอบนักษัตร อย่างน้อยอีก 62 ปี จากวันนี้ที่จะทดสอบไป ซึ่งสังขารก็แย่แล้ว อาตมาก็ต้องใช้สัมประสิทธิ์ ให้มีอัตราก้าวหน้าที่เป็นตัวแปรของพลังงานจิตที่ มีสมรรถภาพในระดับคูณและยกกำลังไปได้ ถ้าแค่บวกไม่ใช่สัมประสิทธิ์
ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ มีสามเส้าคือ 1 อิสระเสรีภาพ 2 ไม่มีอัตตาตัวตน 3 ต้องมีความรู้ทางจิตวิญญาณ สามเส้านี้ ประชาธิปไตยที่ไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณไปไม่รอด ไปได้ชั่วคราว อาจด้วยอำนาจเงินอำนาจยศศักดิ์อำนาจเล่ห์เหลี่ยม หลักเกณฑ์เท่านั้น เป็นประชาธิปไตยสมบัติผลัดกันชม ต่างคนต่างได้ดีเอาชนะได้ด้วยเล่ห์เหลี่ยม ด้วยอำนาจด้วยยศศักดิ์ ดีไม่ดีใช้อำนาจลูกปืน ใช้อำนาจระเบิด ข่มด้วยอาวุธ ขนาดนั้นก็ค่อยๆรู้กันว่าไม่ดี ก็ต้องใช้คุณงามความดี กระแสของสังคม trend มาใช้คุณงามความดีแทนอำนาจต่างๆ สํานักสัจธรรมคุณค่าความดีงามไม่ได้
ประชาธิปไตยในขั้นที่ 4 ใช้กฎหมายเป็นอํานาจ ยังมีเงินมีกลยุทธ์ มีอำนาจ ก็ว่ากันไปยังมีให้เห็นยังไม่หมดไปได้ง่ายๆ จนกว่าจะมีคุณธรรมมากยิ่งขึ้น มีพลังงานของคุณธรรมในโลก พลังงานคุณธรรมมากพอ มี % ของคุณธรรมสูง เข้าสู่ขั้นที่ 6 จะมีปัญญา
ปัญญานี้ มีแต่ในศาสนาพุทธ ศาสนาไหนไหนก็ไม่ใช่ปัญญา ปัญญาคือความฉลาด เฉโกหรือเฉกตาหรือเฉกะก็คือ ความฉลาดแต่แบบนั้นเป็นความฉลาดของโลกีย์ ไม่ได้วนออกนอกดาวดวงนี้เลย คือดาวโลกียะ ผู้ที่มีปัญญาจึงจะออกมาสู่โลกุตระ ซึ่งเดินสวนทาง opposit เรียกว่า 180องศาเลยกับโลกียะ
ผู้ที่เข้าสู่กระแสแนวโน้มทางโลกุตระ มีธาตุรู้ตัวแรกเรียกว่า อัญญะ อย่างพระพุทธเจ้าตรัสว่าอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ที่รู้คนแรก มีอัญญะ คือธาตุจิตตัวอื่นจากความรู้ธาตุรู้เก่าที่เป็นโลกียธาตุ วนออกไม่ได้ เหมือนกับคนวนในโลกนี้ออกจากต่างดาวไม่ได้
จนกว่าคุณจะสามารถทลายกรอบของโลกียะเจาะ protoplasm ออกจากช่องออกไป มี cytoplasm ออกจากช่องเก่า เป็นความรู้ทางBiology มีความรู้เป็นสภาวะไม่ใช่แค่ความรู้ธรรมดา ความรู้นี้จริงๆมีมานานเก่าแล้ว แต่คนไม่รู้แล้วพอเอามาพูดในปัจจุบันคนก็ไม่เข้าใจเพราะไกลกันมาก
ในปัจจุบันนี้ สังคมกำลังหมดยุค กำลังจะมีน้ำท่วมโลกหรือไฟบรรลัยกัลป์ทำลายโลก สายเทวนิยมก็จะเป็นน้ำท่วมโลก สายอเทวนิยมก็จะเป็นไฟบรรลัยกัลป์ทำลายโลก ก็จะล้างชีวะไป จนต้องเปลี่ยนตระกูลไป จะเปลี่ยนไปเร่ิมต้นที่เซลลสัตว์หรือระดับจิตนิยามที่มาเป็นมนุษย์รู้จักกรรมวิบากได้ ก็เป็นได้
พระพุทธเจ้าตรัสถึง นิยามชีวิต 5 อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม นิยามชีวิต 5 นี้เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าแต่ไม่มีเขียนในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ มีแต่ในอรรถกถาจารย์ อาตมาสัมผัสแล้วก็เห็นว่าเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถนิยามได้
พลังงานที่จะเป็นอื่นเป็นโลกุตระได้ต้องเจริญถึงขั้นออกจากโลกเก่าได้ คือ เรียกว่า อัญญะ หรืออัญญา อัญญาจึงมาเป็นสัญญา ปัญญา ฆัญญา กัญญา…ต่อไปอีก
เป็นความอิสระเสรีภาพ หมดอัตตา จึงเป็นผู้มีสภาพทางจิตวิญญาณสมบูรณ์แบบ ทำให้อัตตาหมดสูญไปได้
ถ้าเราได้อิสระเสรีภาพและไม่มีอัตตาตัวตน ก็ต้องมีความรู้ทางจิตวิญญาณ หากไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณ ล้างกิเลสอัตตาตัวตนได้หมดสูญ และมีอิสรเสรีภาพเมื่อได้สามเส้านี้แล้ว จึงจะเป็นประชาธิปไตยที่ Absolute ถึงขั้น สูงสุดที่ สามารถสร้างเศรษฐกิจระดับสาธารณโภคี จะสร้างการเมืองในระดับสาธารณโภคี จะสร้างสังคมขั้นสาธารณโภคีได้
เพราะจิตใจจิตวิญญาณมีอิสระจริง และหมดอัตตาไม่มีอัตตาในตัวเองจริง มีความฉลาดขั้นปัญญาที่แท้จริง พ้นความฉลาดที่เป็น เฉโกหรือเฉกะ
ในพจนานุกรม เฉกา หรือเฉโก ก็เป็นความฉลาดแต่คนไม่เรียกกันเพราะว่าเป็นความฉลาดแบบโลกียะก็เอาปัญญามาด้วยความฉลาดทางโลกียะ แล้วเรียกตัวเองว่ามีปัญญา แท้จริงมีความ เฉโก เก่งกาจฉลาดเป็นอัจฉริยะชนะคนอื่นเขาได้อย่างสุจริตด้วยนะ แต่อำนาจนั้นอยู่ในกรอบของลาภยศสรรเสริญโลกียสุข แต่โลกุตระนั้นไม่เกี่ยว ทิ้ง ลาภยศสรรเสริญโลกียสุข แต่โลกียะนั้นติดยึดในลาภยศสรรเสริญโลกียสุข ใครติดลาภมาก็อยู่เป็นทาส ใครติดอำนาจยศก็เป็นทาสยศ ใครติดสรรเสริญก็เป็นทาสสรรเสริญ ใครติดสุขก็เป็นทาสสุข แต่โลกุตระนั้นไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีซ้ายไม่มีขวาไม่มีบนไม่มีล่างกลางสุดเรียกว่าสุญญตา
บัดนี้อาตมาได้ทำสำเร็จแล้ว ไปลงไปในวันนี้ก็ได้ประสบผลสำเร็จแล้ว อาตมาครับจากปากของพระสมณโคดมว่าจะต้องมาสืบต่อศาสนา อันนี้เป็นเรื่องอจินไตย
กลับเข้าสู่การส่งเสริมความจน ว่าการต้องการอยู่อย่างสมานฉัน เป็นภาษาโลกสวน แต่อยู่กันมาตั้งแต่สมบูรณาญาสิทธิราชย์จนมาอยู่ภายใต้ระเบียบกฎหมายหลักเกณฑ์ จนอยู่ใน อำนาจของลาภยศสรรเสริญโลกียสุข มีคณะใหญ่คณะย่อยร่วมมือกันบริหาร ซึ่งของพุทธนั้นมีลักษณะน้อยไว้หมด ที่คล้ายและยากจะเข้าใจคือ พุทธ เป็นเผด็จการด้วย ฟังให้ดีนะ
เผด็จการคืออำนาจผู้นี้มีสูงสุด แต่อำนาจเผด็จการของพุทธเป็นอำนาจสูงสุดนี้ ท่านมีอำนาจสูงสุดที่จะเผด็จการได้ แต่ท่านไม่เผด็จการเลย เข้าใจนะ
ท่านมีอำนาจสูงสุดที่จะเผด็จการได้ ท่านว่าอย่างไรก็ได้ คนทำตาม แต่ท่านไม่ทำ นี่คือคุณธรรมซ้อนคนยกให้ท่านหมดเลย เคารพบูชาท่าน ให้คนนี้เป็นเจ้าชีวิตจะได้สั่งให้เราตายก็ได้แต่ท่านไม่สั่งให้เราตายเลย แต่เขาจะยิ่งกลับเคารพบูชา มากขึ้นอีกซ้อนอีก
อำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์สูงสุด มันจึงมีจริง เพราะประชาชนยกให้ เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยหรืออำนาจเผด็จการสูงสุด จึงยิ่งสูงที่สุดมีจริง แต่ท่านใดใช้เลยคนอื่นจึง ยิ่งยกให้ด้วย มันกลับไปกลับมาแต่อันเดียวกันนะ
อาตมาอยู่ในขาวอโศกนี้เผด็จการได้สมบูรณ์แต่ต่อมาไม่ใช้ อาตมาปกครองโดยไม่ปกครองให้คนอื่นช่วยกันปกครอง อาตมาทำตามฐานะ มันก็จะมีระดับ Adaptation นี่คือพลังงานจิตที่เรียกว่าจิตวิญญาณ เราเป็นประธานของจิตวิญญาณ เราเอามาสร้างให้จิตวิญญาณเป็นวิญญาณที่เจริญได้ ตามที่คนค้นพบคือพระพุทธเจ้าค้นพบสูงสุด
พระพุทธเจ้าเป็นคนไม่ได้เป็นพระเจ้าไม่ได้เป็นเทวะ ไม่ใช่สิ่งลึกลับ เป็นคน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นอย่างพระพุทธเจ้าได้ อย่างอาตมานี้ บำเพ็ญโพธิสัตว์มาถึงระดับ 7 จะต้องไปเป็นถึงชั้น 9 จึงจะเป็นพระพุทธเจ้า ยังไม่ถอยยังไม่ท้อ ท้อได้ แต่ถึงขั้นนี้มันยากจะท้อได้แล้ว เพราะวันสอบเข้าได้คะแนนก็ดีด้วยแล้วจะไปท้อทำไม คนจะมารีไทร์เราก็ไม่ได้ เราจะรีไทร์ตัวเองทำไม เราก็ต้องไปต่อ
สมานฉันท์คือการอยู่ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ความสมัครคือคนอยู่ร่วมกันอย่างพอใจ ถ้ายังไม่มาสมัครก็ไม่เข้ามา ต้องพอใจเองแล้วมาสมัคร มาสมัครแล้วจึงอยู่ร่วมกันเป็นสมาน
อิสระเสรีภาพคือสมัคร และต้องอยู่ร่วมกันอย่างศึกษากันเรียกว่าสมัคร ต้องทำการอนุมานรวยกัน อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตรัส
ในหลวงมาเป็นคนจนคนจะดูได้ยากกว่าอาตมามาเป็นคนจน อาตมาจนได้ยิ่งกว่า ข้าราชบริพารของในหลวงจะจนอย่างไรก็ต้องรวยกว่าพวกอาตมาแน่ เพราะว่าคนละชั้น พวกนี้รถยนต์ส่วนตัวยังหาได้ยาก แต่ยังนอนรถยนต์ส่วนตัว อย่างน้อยต้องระดับหลายล้านขึ้นไป มันคนละชั้น แต่นี่ใช้รถส่วนกลางเสียส่วนใหญ่ เขาก็ไม่เดือดร้อนไม่ต้องมีรถส่วนตัวหรอก ถ้ามีรถส่วนตัวคุณก็จะต้องทำงานหาเงิน ถ้าไม่มีรถส่วนตัวก็ต้องทำงาน อย่างไม่หนีงาน เป็นงานที่ต้องทำ ถ้ามีรถก็ต้องใช้เป็นอุปกรณ์ทำงานไป แม้จะมีรถแล้วก็ยังใช้น้ำมันส่วนกลาง ก็ต้องรับใช้ส่วนกลาง
การสมานฉันที่แยกย่อยคร่าวๆ ยังมีมากกว่านี้อีกที่จะแยกย่อย เราก็ค่อยๆเพิ่มความรู้พวกนี้ไปแล้วเอาไปใช้ ยิ่งพวกคุณ ว.ปอ. ต้องทำงานกับประชาชน อาตมาก็ว่าเป็นความเจริญ ที่มาเอาความรู้ ก็ต้องขอบคุณอย่างยิ่งที่ให้เกียรติมา เห็นว่า บ้านเล็กเมืองน้อยที่นี่ เป็นหมู่บ้านเล็กๆในชนบทห่างไกล อยู่สุดตะวันออก
ก็ขอบคุณที่ให้เกียรติมาดูงาน อาตมาว่า คุณสัมผัสเองจะได้รู้จริงยิ่งกว่าที่ได้ฟัง เพราะทุกอย่างในนี้ไม่ใช่รูปภาพ แต่มันเป็นภาพเคลื่อนที่มีชีวิต นอกจากมีชีวิตแล้วยังมีจิตวิญญาณ ซ้อนในชีวิต จิตวิญญาณคนที่นี่คือคนโลกุตระ คือ คนที่มีความฉลาดแบบโลกุตระ แล้วก็อยู่ความจริงและความรู้ ไม่ได้หลอกล่อ ไม่ได้อยากให้มีอะไรสงสัยค้างคา อยากให้รู้รอบรู้ครบเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทึ่ง ปาฏิหาริย์ได้ พวกเราเป็นคนจน บอกเป็นคนจน ใครเขาจะเชื่อ มีตึกใหญ่ขนาดนี้ หมู่บ้านข้างเคียงเหมือนกันไม่เห็นเขามีอย่างนี้เลย ไม่มีงานไม่มีบทบาทอย่างนี้เลย ที่นี่ มีคนหมู่บ้านข้างเคียง หมู่บ้านคำกลางหมู่บ้านกุดระงุมหมู่บ้านท่ากกเสียวมาทำงานหากินที่นี่ทุกวัน มาใช้ที่นี่เป็นที่ทำงานรับจ้างเลี้ยงตนเอง ตั้งแต่มีมาจนถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ตลอดเวลาไม่ต่ำกว่า 100 คน ที่รับเงินเดือนประจำ หรือรายงานก็แล้วแต่เดือนหนึ่งตั้งหลายล้าน ตลอด
ซึ่งเราก็เป็นพวกที่ทำแบบ ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา เป็นหลักการที่ต้องทำให้ขาดทุน พิสูจน์ทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วอยู่ได้ หลักการในการคิดทุนก็ต้องเข้าใจเศรษฐศาสตร์ ว่าทุนคืออะไรบ้าง
คำว่าทุน ตัวหลักใหญ่ก็คือค่าแรงงาน เป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุด นายทุนนั้นตั้งค่าแรงงานของตัวเองไว้สูงว่าฉันเป็นเจ้าของเป็นประธานก็เรียกค่าตัวสูง แต่ผู้ที่เป็นสัจธรรมมีโลกุตระตัวเองไม่เอาเลยค่าแรง อาตมาพูดให้สุดเลยนะ หรือจะเอาก็ต้องเอาให้น้อยกว่า ลูกน้องต้องมีค่าแรงสูงกว่าหัวหน้า นี่คือโลกุตระ ถ้าหากหัวหน้าเอาค่าแรงงานสูงกว่าลูกน้อง อย่างนั้นเป็นโลกียะ
ถ้าหัวหน้าเอาค่าแรงงานตัวเองต่ำกว่าลูกน้องเป็นโลกุตระ ยิ่งหัวหน้าไม่เอาเลยแล้วแต่คุณจะให้ แล้วแต่คุณจะเลี้ยงไว้ ภาษาวิชาการของพระพุทธเจ้าเรียกว่า ปรปฏิพัทธาเมชีวิกา ถ้าเขาเห็นคุณค่าของคุณมากคุณจะตายแล้วเขายังจะเลี้ยงไว้ให้ไม่ให้ตายอีก เขาไม่อยากให้ตายต้องใส่สาย ใส่หัวใจปลอม ปอดปลอมอีก มันซ้อนวิชาการทางแพทย์เขาเก่ง ไม่ยอมให้ตาย คนนี้มีประโยชน์เหลือเกินเขาก็ไม่ยอมให้ตาย คนเขารู้
สัจจะที่ซับซ้อนพวกนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก การที่เราเป็นคนจนอยู่ด้วยกันจะเห็นใจคนจนด้วยกัน คนที่มีคุณธรรมด้วยกันจะเข้าใจด้วยกัน เพราะฉะนั้นจึงยกย่องคุณธรรมกัน ความสมานฉันมีอยู่ที่การยกย่องคุณธรรมของกันและกัน ต้องเป็นความจริงด้วยนะไม่ใช่พวกหลอกกัน ดูสร้างภาพให้ตัวเองมีคุณธรรม
อาตมาพูดอย่างไม่ไว้หน้าไม่บันยะบันยัง เป็นข้อด้อยของอาตมา แต่จำนนต้องทำให้เหมาะสม ยุคนี้ต้องใช้แบบนี้
เราอยู่กันอย่างสมานฉันท์สมานสามัคคี อยู่กันได้ เพราะมีความจริงที่เป็นปัญญาความฉลาดรู้
จบ..