[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=l8JIYG2ci7Y[/embedyt]
บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ…..ร่างกายของเราคือคูหาสยังอันศักดิ์สิทธิ์ในการปฏิบัติธรรม
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม 2561
เช้านี้พ่อครูตื่นเร็วกว่าทุกวัน เพราะนัดหมายกับท่านปัจฉาว่าจะไปเยี่ยมคุณปะดาวบุญที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ซึ่งจะมีเวลาเยี่ยมคนไข้ที่อยู่ห้องฉุกเฉิน
6.00-7.00
เช้านี้พ่อครูจึงตื่นนอนประมาณ 5.30 น. ยังไม่ทันได้ออกจากเต็นท์นอน ท่านก็สนทนาธรรมกับท่านปัจฉาหนักแน่นในเรื่องการเกิดของพยัญชนะ จนใกล้เวลาที่จะต้องเดินทาง เวลา 06.56 พ่อครูจึงลงมาชั้นล่างเฮือนศูนย์สูญ ซึ่งมีญาติโยมพร้อมท่านสมณะกำลัง ออกกำลังกายเดินลมปราณหลังทำวัตรเช้า ก็ยังคงเดินลมปราณกันอย่างแข็งขัน พ่อครูและคณะปัจฉาขึ้นรถจนใจไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
พ่อครูพร้อมทั้งปัจฉาสมณะทั้ง 4 รูปคือท่านสมณะเดินดิน ท่านสมณะดินไท ท่านสมณะหนักแน่น และท่านสมณะแสนดิน ได้ขึ้นไปที่ชั้น 5ห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก พ่อครูหยุดยืนดูป้ายชื่อคุณปะดาวบุญ ชาวหินฟ้าซึ่งอยู่ลำดับ extraเข้าใจว่าเป็นเตียงพิเศษ คุณซิ้มผู้ดูแลคุณปะดาวบุญตั้งแต่ช่วงเข้าโรงพยาบาลก่อนรับการผ่าตัดและยังคงคอยดูแลจนถึงทุกวันนี้ พอทราบว่าพ่อครูมาก็ออกมากราบนมัสการรายงานถึงอาการของคุณปะดาวบุญ จากนั้นทีมพยาบาลของบ้านราชได้เข้าไปสอบถามถึงการเข้าเยี่ยมผู้ป่วย จึงเห็นว่าควรเข้าไปไม่เกิน 3 ท่านเพื่อไม่ไปรบกวนผู้ป่วยท่านอื่น พ่อครูพร้อมทั้งท่านปัจฉาเดินดินและท่านดินไท เข้าไปเยี่ยมคุณปะดาวบุญเป็นชุดแรก ซึ่งเป็นช่วงที่คุณปะยังไม่รู้สึกตัวเหมือนคนนอนหลับ หลังจากพ่อครูกลับออกมาท่านปัจฉาชุดที่ 2คือท่านปัจฉาหนักแน่นและท่านแสนดินก็เข้าไปเยี่ยมและดูอาการตอบสนองต่างๆหลังจากนั้นได้ออกมารายงานให้พ่อครูทราบ ไม่นานนักคุณปะตรงเตือนเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยหนัก และกราบนิมนต์พ่อครูเข้าไปเยี่ยมอีกครั้ง เพราะคุณปะตรงเตือนได้เข้าไปเรียกที่หูและใช้นิ้วเขี่ยที่เปลือกตาเพื่อกระตุ้นให้คุณปะดาวบุญรู้สึกตัวและคุณปะก็ตื่นรู้สึกตัว ลืมตา พ่อครูพร้อมทั้งท่านปัจฉาหนักแน่นและท่านแสนดิน จึงเข้าไปเยี่ยมอีกครั้ง คุณปะดาวบุญเมื่อเห็นพ่อครูก็มีอาการตอบสนองทันทีถึงการรับรู้ว่าพ่อครูและท่านปัจฉามาเยี่ยม เกิดอาการหน้ามีเลือดฝาดออกเป็นสีชมพู น้ำตาไหล หายใจแรงครืดคราดมีอาการเกร็งที่มือ เท้ากระตุกบ้างจนพ่อครูบอกว่า ให้ลดอาการปิติลงบ้าง อย่าให้เป็นอุพเพงคาปิติให้เป็นสภาวะผรณาปิติก็พอ เพราะว่า อุพเพงคาปิติจะใช้พลังงานเยอะ ซึ่งก็เห็นมีอาการเกร็งเป็นระยะๆ หลังจากพ่อครูออกมาจากห้องผู้ป่วยหนัก ก็ได้ออกมาเล่าให้คุณปะตรงเตือนและญาติๆมี่นั่งรออยู่ด้านนอกฟังถึงอาการและสภาวะที่เป็นธรรมะของผู้ป่วยอาการหนัก ท่านสมณะแสนดินซึ่งท่านเป็นอดีตนายแพทย์ก็ได้ให้ข้อคิดในการดูแลผู้ป่วยหนักระยะนี้ และได้ปรึกษากับพ่อครูและคณะปัจฉา แล้วเห็นสมควรว่าน่าจะให้คุณปะดาวบุญได้พักผ่อนอย่าไปกระตุ้นให้ตื่นบ่อยเลย จะสูญเสียพลังงานมากเกินไป ระหว่างท่านปัจฉากำลังปรึกษาหารือกัน พอดีกับคณะของท่านสมณะสิกขมาตุกลับมาจากบิณฑบาต พ่อครูจึงเรียนท่านสมณะว่าอย่าเพิ่งเข้าไปเลยเพราะคุณปะจะใช้พลังงานมากเมื่อเจอผู้ที่นับถือจะเกิดอาการปิติและเกร็งที่ร่างกาย ทำให้อาการทรุดลงได้ ท่านสมณะจึงกลับไปเยี่ยมคุณหน่อยซึ่งเป็นน้องสาวท่านสิกขมาตุแสงฝนที่ยังรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อยู่เหมือนกัน พ่อครูและคณะปัจฉา เดินกลับมาด้านหน้าโรงพยาบาลรอรถจนใจ ประมาณ 6.50 น.อาแดนดินก็ขับรถมารับกลับไปบวรราชธานีอโศก
ระหว่างนั่งรถเดินทางผ่านที่นาคำยอด พ่อครูสังเกตเห็นนาข้าวต่างๆที่เราปลูกไว้กำลังงอกงามดีเลย รถจนใจมาถึงราชธานีอโศกเวลาประมาณ 7.15 น. พ่อครูรีบไปเข้าส้วมด้านหลังที่จัดเตรียมผลไม้ ป้าเข่งและป้าแอ๊ว กำลังปอกผลไม้ขึ้นศาลา กราบนมัสการทักทายพ่อครู หลังจากนั้นพ่อครูกลับขึ้นชั้น 4
เวลา 7.30 นาทีพ่อครู ลุกจากโต๊ะทำงาน เตรียมไปออกกำลังกาย เดินผ่านชั้นวางหนังสือหน้าห้อง สะดุดตากับสารานุกรมพระพุทธศาสนา ท่านยังบอกกับตัวท่านเองว่าผ่านมาตั้งนานทำไมไม่ได้หยิบเล่มนี้มาเพื่ออ้างอิงบ้างเลย แล้วพ่อครูก็หยิบหนังสือสารานุกรมพระพุทธศาสนา ประพันธ์โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรถ นำมาจัดวางเรียงด้วยตนเองที่ชั้นหนังสือข้างโต๊ะทำงานพ่อครู หลังจากนั้นเวลาประมาณ 7.10 นาที พ่อครูได้ออกกำลังกายโดยใช้เครื่อง elliptical ออกกําลังกายในลักษณะปั่นและโยก พร้อมท่านปัจฉาหนักแน่น โดยใช้เวลาในการออกำลังกาย 25 นาที
เวลา 11.36 นาที พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารพร้อมทั้งท่านปัจฉาดินไท เด็กนักเรียนสัมมาสิกขาชั้นม 1 น้องเตยและเพื่อน เข้ามากราบนมัสการและขอเปลี่ยนชื่อกับพ่อครูซึ่ง ชื่อน้องเตยไปซ้ำกับพี่เนยม.3 ที่ท่านเด่นตะวันได้ตั้งชื่อให้ พ่อครูจึงกรุณาเปลี่ยนชื่อให้น้องเตย จากเดิมชื่อ หยาดน้ำฟ้า เปลี่ยนเป็น หนึ่งใจฟ้าหลังจากนั้นพ่อครูฉันภัตตาหารพร้อมทั้งท่านปัจฉาดินไทและท่านปัจฉาหนักแน่นหลังฉันภัตตาหารเสร็จพ่อครูยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ช่างคณิต ไทเทิดธรรมได้นำแท่นไม้วางเก้าอี้เพื่อปรับให้เก้าอี้สูงขึ้น และกำลังจัดตำแหน่งเก้าอี้กับแท่นวางให้เหมาะสมเพื่อให้พ่อครูได้นั่งแสดงธรรมได้อย่างสะดวก พ่อครูได้กรุณาลุกจากโต๊ะฉัน ขึ้นมานั่งทดสอบให้ช่างคณิตหาตำแหน่งที่เหมาะสม หลังจากนั้นพ่อครูก็ยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
พ่อครูเดินไปดูงานเทปูนบริเวณไหล่ทางเข้ามาหน้าน้ำตกผาแหงน ซึ่งช่างกำลังเกลี่ยปูน ส่องผ่านเลนส์เจอเรื่องประทับใจอีก ที่พ่อครูเจอขยะเศษกระป๋องเครื่องดื่มชูกำลัง ก็กำลังจะเก็บ แต่พอดีพวกเราไวกว่า เข้าไปเก็บแทนพ่อครู พ่อครูเดินมาตามถนนคอนกรีตที่เพิ่งเสร็จใหม่ เดินลัดมาด้านหลังวิทยาลัยอาชีวะศิษย์เก่าวิษรุจน์มากราบนมัสการพ่อครู พ่อครูพร้อมทั้งท่านปัจฉาเดินมาที่เดิ่นเข่ามวน พบป้าดาวนาและศิษย์เก่าพงษ์กำลังนำต้นโพธิ์มาปลูก พ่อครูได้บอกป้าดาวนาให้ไปหาต้นสะตือ หรือต้นแฮ ต้นประดู่ขาวหรือที่พ่อครูเรียกว่า “ต้นดวงใจรัก”เพราะเมล็ดด้านใน จะมีรูปทรงเป็นรูปคล้ายหัวใจนำมาปลูกไว้กลางวงของม้านั่งปีกหิน หลังจากนั้นพ่อครูเดินกลับมาที่แก่งสะพือ พ่อครูชมต้นพริกที่ปลูกในกระสอบปุ๋ยเตรียมเคลื่อนย้ายได้ทุกที่ กำลังเจริญเติบโตงดงามดี ท่านมองไปที่ศาลาน้อย ท่านด่วนดีเรียนพ่อครูว่าเป็นเรือนน้อย ที่มีผู้บริจาคมา ซึ่งถ้ามีผู้บริจาคศาลาน้อยลักษณะนี้ ก็จะนำมาตั้งไว้บริเวณนี้อีก ตามดำริของพ่อครู
พ่อครูเดินกลับมาที่น้ำตกผาแหงน ต้นพวงประดิษฐ์ยังไม่มีไม้สำหรับมาค้ำให้เลื้อยพ่อครูกลับขึ้นชั้น 4 ทางบันไดของน้ำตกผาแหงนถึงชั้น 3 และดูคนงานกำลังทำสายน้ำม่าน มาถึงชั้น 4 กลับเข้าห้องทำงาน พ่อครูนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รายปักษ์ต่อและเตรียมการแสดงธรรมในรายการสำมะปี๋ซีวิต ซึ่งจะเริ่มวันจันทร์ที่จะมีนักเรียนมาฟังธรรมด้วยเป็นครั้งแรก..
เวลาประมาณ 18.05 น.พ่อครูลงมาแสดงธรรมในรายการ สำมะปี๋ซีวิต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ปรับเปลี่ยนมาจัดรายการเป็นวันจันทร์ ที่เป็นวันบวร ซึ่งจะมีนักเรียนสัมมาสิกขา นักศึกษาอาชีวะมาร่วมฟังธรรมด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ที่มีเด็กๆนั่งรายล้อมหลวงปู่ ผู้ใหญ่นั่งล้อมโอบอุ้มเด็กๆอยู่ด้านนอก และมีผู้อายุยาวนั่งเป็นกำแพงปกป้องลูกหลานอยู่วงนอกสุด โดยมีพ่อครูนั่งแสดงธรรมเป็นแก่นกลางอยู่ตรงกลางเป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาน ปล่อยพลังเมตตาสู่ลูกหลานให้มีความเพียรในการศึกษาธรรมะโลกุตระที่ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยากถ้าเราตั้งใจและพากเพียรเรียนรู้ในการปฏิบัติธรรม ลด ละ เลิกกิเลส.. หลังจบรายการในเวลาประมาณ 20.10น. พ่อครูก็ยังคงนั่งพัก สนทนากับลูกหลานที่มารอกราบก่อนกลับไปพักผ่อน นั่งสนทนาซักพักพ่อครูและท่านปัจฉาสมณะจึงกลับขึ้นชั้น 4 พวกเราเรียนพ่อครูว่าเด็กๆบอกว่าหลวงปู่ครองผ้าแบบนี้เป็นสัญญลักษณ์ของการจัดรายการสำมะปี๋ซีวิต ท่านปัจฉาดินไท พยายามจะห่มผ้าแบบที่พ่อครูห่ม ก็ยังไม่ถนัดนัก พ่อครูเห็นดังนั้นจึงได้กรุณาสอนให้ท่านปัจฉาห่มจนสำเร็จและพ่อครูได้ตั้งชื่อการห่มจีวรลักษณะนี้ว่า”ห่มแร้ง”ที่มีลักษณะดูแล้วคล่องตัว ชายจีวรไม่ลากยาวมากไป ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง